xs
xsm
sm
md
lg

ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 1

ค่ำคืนนั้น เสียงล้อรถกระบะซึ่งถูกปรับแต่งโหลดเตี้ยต่ำจนแทบติดพื้น และยังแต่งระบบไฟระบบเสียงครบครัน บดกับพื้นถนนดังสนั่น ขณะแล่นทะยานเข้ามาบนท้องถนนเส้นนั้นอย่างเร็วและแรง ตามมาด้วยรถกระบะแต่งโหลดอีกหลายคันที่แล่นตามกันมาเป็นขบวน

ไม่นานนัก รถสปอร์ตแต่ง ซึ่งมี ชยางกูร เป็นเจ้าของและคนขับ กำลังขับพุ่งแหวกกลาง...นำหน้าขบวน ทุกคนในรถกระบะต่างส่งเสียงโห่ร้อง ด้วยความคึกคะนอง แสดงถึงความกร่างเป็นจ้าวถนนแห่งนี้ และทุกที่พวกเขาขับไป
ชยางกูร เด็กหนุ่มนักเรียนนอกอายุประมาณ 20 ปี ผู้นี้เกิดมาด้วยความภาคภูมิใจของผู้เป็นมารดา ชลนิภา เศรษฐีนีเจ้าของธุรกิจอัญมณีชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ชยางกูรเป็นคนช่างประจบประแจง เอาอกเอาใจเก่ง ขี้อิจฉา ขี้โกหกเป็นที่สุด และชอบความเร็วเป็นชีวิต การแข่งรถกับก๊วนเพื่อนคือความสุขสุดๆ ในชีวิตของเขา

ขณะเดียวกันที่หน้าผับแห่งหนึ่ง กลุ่มวัยรุ่นกรูกันเข้าไปด้านในผับ วัยรุ่นเบียดเสียดเข้าไป...ด้านหลังของกลุ่มเป็น สุตาภัญ ซึ่งถือช่อดอกกุหลาบช่อใหญ่ กำลังจะแหวกเข้าไปด้วย
“โทษนะคะ ขอทางด้วยค่ะ”
สุตาภัญพยายามจะเข้าไป แต่ถูกวัยรุ่นเบียด ทำให้สุตาภัญเซไปด้านหลัง จะล้ม...แต่แล้ว ชายคนหนึ่งเข้ามาประคองไว้... สุตาภัญเงยหน้ามอง
ที่แท้เป็นชนกชนม์นั่นเองประคองสุตาภัญไว้ โดยมีช่อดอกกุหลาบคั่นไว้กลางใจทั้งคู่
หนุ่มสาวทั้งสองตกอยู่ในภวังค์....ชนกชนม์ยิ้มให้สุตาภัญ ด้วยรู้สึกถูกชะตาเป็นอย่างมาก
เสียงเรียกของใครคนหนึ่งดังแทรกเข้ามา “ชนกชนม์”
ชนกชนม์หันกลับไปมองที่มุมหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเข้าไปด้านหลังเวทีของผับ เห็นธีรดนย์ยืนตะโกนเรียกอยู่
“ถึงคิววงเราเล่นแล้ว” ธีรดนย์ตะโกนมาอีก
ชนกชนม์ยิ้มให้สุตาภัญ แล้วเดินถอยหลัง ไปตามทางไปที่จะเข้าไปด้านหลังเวที สุตาภัญมองผ่านหลังชนกชนม์ ยิ้มให้ธีรดนย์
ธีรดนย์ยกมือโบกทักทายตอบมา สุตาภัญโบกมือตอบแล้วตะโกนบอก
“ฉันเป็นกำลังใจให้นะ”
ชนกชนม์กลับคิดว่าสุตาภัญพูดกับเขาจึงหันกลับไปบอก “ขอบคุณครับ”
สุตาภัญอึ้งที่ชนกชนม์เข้าใจผิด
ธีรดนย์ลากตัวชนกชนม์วิ่งเข้าไปด้านหลังเวที...ขณะที่ชนิกานต์เดินเข้ามายืนข้างสุตาภัญ
ชนิกานต์สนใจชนกชนม์ “สุตาภัญ...คนเมื่อกี้ใครอ่ะ หล่อจัง”
“ไม่รู้จัก...รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ”
สุตาภัญรีบเข้าไปด้านในผับ ชนิกานต์อยากเห็นหน้าธีรดนย์จึงตามสุตาภัญเข้าไป

เวลาเดียวกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวริมถนน สุรเดชกำลังคีบลูกชิ้นส่งให้กฤติยา
“อ้ำๆ ครับ คนสวยของพี่เดช”
กฤติยาใช้ตะเกียบของตนปัดตะเกียบสุรเดชออก
“ฉันไม่ใช่แฟนแก...อย่าเล่นมุกนี้ ฉันไม่ชอบ!”
กฤติยาก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวของตัวเอง...สุรเดชยิ้มให้กฤติยาไม่ถือสา
“วันนี้ไม่ใช่แฟน...แต่วันหน้าเป็นเมีย” ว่าพลางสุรเดชก็หัวเราะชอบอกชอบใจ แต่แล้วหยุดกึก “ชิบหาย!”
กฤติยามองตามสายตาสุรเดช เห็นรถสปอร์ตและขบวนรถกระบะแล่นเข้ามาจอด

ทางด้านสุตาภัญถือช่อดอกกุหลาบเดินตรงเข้ามายืนอยู่มุมหนึ่งในผับ
“วงของธีรดนย์เริ่มออดิชั่นแล้ว” สุตาภัญว่า
ชนิกานต์เดินเข้ามายืนข้างสุตาภัญ มองไปยังเวที แล้วเอ่ยขึ้นตาเป็นประกาย
“แฟนฉันร้องนำด้วย”
สุตาภัญแปลกใจ มองไปยังเวที ในจังหวะที่ไฟท็อปส่องลงกลางเวที....ชนกชนม์ดีดกีต้าร์ร้องเพลง ในฐานะนักร้องนำ
ชนกชนม์ร้องเพลงรักความหมายซึ้ง พร้อมกับส่งยิ้มมาให้สุตาภัญ…สุตาภัญมองตอบ มีความสุขที่ได้ฟังเพลงนั้น

ส่วนเหตุการณ์ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางเวลานั้น ชยางกูรเดินนำเข้ามา มีเพทายเดินตามหลัง พร้อมด้วยพวกของชยางกูรอีก 4-5 คน สุรเดชยืนยิ้มให้ แล้วกวักมือเรียกอย่างเป็นกันเอง
“ชยางกูร น้องรัก... มากินเตี๋ยว มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”
ชยางกูรตรงเข้ามาหาสุรเดช สีหน้าเอาเรื่อง!
“ฉันไม่ใช่น้องแก จ่ายเงินมา”
“คนอย่างพี่เดชไม่เคยเบี้ยวใคร จ่ายสดงดเชื่อเบื่อทวง”
ว่พลางสุรเดชควักเงินในกระเป๋า แล้วแกล้งทำเงินตกพื้น สุรเดชทำทีก้มเก็บเงิน แต่คว้าเก้าอี้ไม้ ฟาดเข้ากลางตัวชยางกูรเต็มแรง
พวกเพทายตกใจ จะเข้ามาเล่นงานสุรเดช แต่สุรเดชคว่ำโต๊ะก๋วยเตี๋ยวใส่พวกเพทาย แล้วคว้ามือกฤติยาวิ่งหนีไป
“ไอ้เชี๊ย!” ชยางกูรหันไปสั่งพรรคพวก “ตามไป!”

จากนั้นชยางกูรและพวกก็วิ่งตามสุรเดชไปในตรอกตึกแถวละแวกนั้น

ด้านชนกชนม์ร้องเพลงรักหวานซึ้ง ส่งสายตาให้สุตาภัญตลอด สุตาภัญเริ่มรู้ตัวก็ยิ้มเขินๆ ชนิกานต์ดึงช่อดอกไม้ในมือสุตาภัญ

“ชนิกานต์ เธอจะเอาไปไหน?”
“เดี๋ยวก็รู้...”
ชนกชนม์เห็นชนิกานต์คุยกับสุตาภัญ...ก่อนที่ชนิกานต์ถือช่อดอกไม้เดินตรงไป...สุตาภัญมองตามลุ้นๆ อยากรู้ว่าชนิกานต์จะมอบให้ใคร

ฟากสุรเดชลากกฤติยาวิ่งหนี..ผ่านกำแพงในซอกตึก....ที่มีการพ่นสีกราฟฟิตี้! ชยางกูรและพวกวิ่งตามไล่ล่า
สุรเดชผลักไล่ให้กฤติยาวิ่งหนีไปอีกทาง แล้วเขาวิ่งล่อไปอีกทางหนึ่ง กฤติยามองด้วยความเป็นห่วง

ขณะที่ชนกชนม์ร้องเพลงอยู่....ชนิกานต์เดินถือช่อดอกไม้มาหน้าเวที ธีรดนย์เล่นคีย์บอร์ด สงสัยว่าชนิกานต์จะมอบให้ใคร?
ชนิกานต์เดินตรงมาหยุดหน้าเวที แล้วส่งช่อดอกกุหลาบให้ชนกชนม์
ชนกชนม์รับช่อดอกไม้ แล้วหันไปยิ้มให้สุตาภัญ...พร้อมโค้งขอบใจ คิดว่าสุตาภัญฝากมาให้ สุตาภัญอึ้ง จำต้องยิ้มรับ ส่วนชนิกานต์ผิดหวังเล็กน้อยที่ชนกชนม์เข้าใจผิด...ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจให้เขา
ธีรดนย์หันมายิ้มเย้ยชนิกานต์อย่างรู้ทัน ชนิกานต์เห็นสายตาธีรดนย์ ไม่พอใจ เดินกลับไปหาสุตาภัญ
ชนกชนม์ร้องจบแล้ว....แขกในร้านต่างปรบมือให้เกรียวกราว

สุรเดชวิ่งหนีมา เจอชยางกูรขวางหน้า พอสุรเดชจะวิ่งกลับไป ก็เจอเพทายและพวกชยางกูร วิ่งเข้ามา สุรเดชอึ้ง ชยางกูรวิ่งตรงเข้ามา พวกเพทายเข้ามารุมสกัมสุรเดช
กฤติยามองดูด้วยความเป็นห่วง คิดอะไรบางอย่าง วิ่งออกไป.. สุรเดชถูกรุมสกัม หมดหนทางสู้และหมดสภาพ

ชนกชนม์ประกาศบอกแขกในร้าน
“ต่อไป...ฟังเพลงสุดท้ายของวงเราได้เลยครับ”
ชนกชนม์ทำท่าจะร้องเพลงต่อ แต่เห็นกฤติยาวิ่งเข้ามาในร้านหน้าตาตื่น
“พี่ชนกชนม์! พี่เดชแย่แล้ว!”
ดูจากอาการชนกชนม์รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องไม่ดี....ชนกชนม์หันไปบอกธีรดนย์
“ฝากด้วยว่ะธี”
ธีรดนย์งงๆ “ไอ้ชนม์! แกจะไปไหน?”
ชนกชนม์ไม่ทันตอบ รีบวิ่งลงจากเวทีไป...สุตาภัญมองด้วยความแปลกใจ

ขณะที่ที่ชยางกูรรุมเตะสุรเดชอย่างสะใจนั้น
เสียงชนกชนม์ดังขึ้น “พอได้แล้ว”
ชนกชนม์และกฤติยาเข้ามา...ชนกชนม์จะเข้าไปดูแลสุรเดช แต่ชยางกูรผลักชนกชนม์
แล้วใช้เท้าเหยียบตัวสุรเดชไว้
ชนกชนม์ไม่พอใจ “ทำไมต้องทำกันขนาดนี้!”
สุรเดชเลือดอาบหน้าหมดสภาพ แต่ยังฝืนยิ้ม ตอบกวนๆ “ไม่มีอะไรเพื่อนรัก...เข้าใจผิดกันนิ๊ดนึง”
ชยางกูรเตะเสยเข้าที่หน้าสุรเดชเต็มแรง “เข้าใจผิดเหรอ” หันมาบอกชนกชนม์ “เมื่อวานมันแข่งรถแพ้ฉันแล้วเบี้ยวเดิมพัน ถ้ามันไม่จ่ายก็ต้องแลกด้วยชีวิต”
ชยางกูรชักมีดแล้วดีดใบมีดออก...
“เท่าไหร่ ฉันจ่ายให้”
ชนกชนม์ควักเงินให้ ชยางกูรรับมาแล้วซัดกลับใส่หน้าชนกชนม์
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว! ฉันอยากได้สร้อยเส้นนั้นมากกว่า”
ชยางกูรชี้ไปที่สร้อยคอของชนกชนม์...ชนกชนม์เอาจับสร้อยคอขึ้นมา...เผยให้เห็นจี้รูปวีรภัทรผู้เป็นพ่อ และชลนิภาผู้เป็นแม่ กำลังกอดชนกชนม์ตอนอายุ 4 ขวบ เป็นภาพเดียวที่ชนกชนม์หวงแหนมาก

ส่วนเหตุการณ์ในผับ สุตาภัญยิ้มเป็นกำลังใจให้ธีรดนย์ที่เล่นคีย์บอดร์ด ร้องเพลงรักความหมายซึ้ง ชนิกานต์ไม่อยากฟังธีรดนย์ร้องเพลง ลากมือสุตาภัญให้ออกไปจากร้าน
“ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว..กลับเหอะ”
สุตาภัญรั้งมือไว้ “กานต์ เรามาให้กำลังใจธีรดนย์ออดิชั่นวงดนตรีเล่นที่นี่นะ”
“เสียงหมาเห่ายังเพราะกว่ามันร้องอีก.....ฉันไปรอที่รถนะ”
ชนิกานต์บอกพลางมองเชิดใส่ธีรดนย์....แล้วเดินออกไปนอกร้าน... สุตาภัญมองไปยังเวที ยกหัวแม่โป้งเป็นกำลังใจให้ธีรดนย์

ชยางกูรชี้ไปที่สร้อยคอของชนกชนม์
“เอาสร้อยมาให้ฉัน!”
ชนกชนม์บอกเสียงแข็ง “ฉันให้ไม่ได้”
ชยางกูรพูดท้าทาย “งั้นแข่งรถกับฉัน ถ้าแกชนะ ฉันปล่อยไอ้ขี้เรื้อนไป...แต่ถ้าแพ้...สร้อยเส้นนั้นเป็นของฉัน”
พอพูดจบชยางกูรเดินไปเหยียบหน้าสุรเดช...ชนกชนม์สงสารเพื่อน.
“ได้ แต่ถ้าแกแพ้! แกต้องเลิกแข่งรถ!”
ชนกชนม์ยื่นมือมาจับเป็นสัญญา...ชยางกูรมองหน้า ยื่นมือเหมือนจะจับ แต่ปัดมือชนกชนม์ทิ้งกวนๆ
“ตกลง”
ชนกชนม์จ้องมองชยางกูร พร้อมจะแข่งรถเพื่อช่วยสุรเดช...และเอาชนะชยางกูร

ด้านธีรดนย์เดินคอตกหน้าเศร้าออกมาจากผับ สุตาภัญวิ่งตามเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง

“เขาไม่รับวงเธอเล่นที่ร้านเหรอ?...” แตะไหล่ปลอบใจ “ไม่เป็นไรน่า ต้องมีสักร้านที่เขาชอบ”
ธีรดนย์ยิ้มตอบ “ฝีมือระดับเทพ ไม่รับก็บ้าแล้ว”
สุตาภัญดีใจมาก “จริงเหรอ ตาดีใจด้วยนะ”
สุตาภัญเข้าไปกอดธีรดนย์ เพราะรู้สึกดีใจกับเพื่อน ธีรดนย์รู้สึกดีมากมาย...สุตาภัญรู้สึกตัวว่าใกล้ชิดเกินไป รีบถอยออกห่าง
“ขอบใจมากนะตา”
“ตาตั้งใจเอาดอกไม้มาเป็นกำลังใจให้ธี แต่ขอโทษด้วยนะ ที่กานต์เขา...”
ธีรดนย์พูดสวนคำขึ้นมา “ไม่เป็นไร ผมชินแล้ว...กานต์เค้าชอบแย่งของคนอื่นเสมอ”
ชนิกานต์ปราดเข้ามาผลักธีรดนย์
“ฉันไม่เคยคิดแย่งของใคร โดยเฉพาะของๆ นาย แล้วนายก็ไม่มีอะไรที่มีค่าพอที่ฉันอยากได้...นายมันก็แค่…” ชนิกานต์จะด่าเรื่องลูกคนใช้อีก
สุตาภัญปราม “ไม่เอาน่า คู่นี้เจอหน้าทีไรทะเลาะกันทุกที” แล้วนึกสงสัย “เออ...คนที่ร้องเพลงแรก เป็นใคร? ตาไม่เคยเห็นเลย”
สุตาภัญหมายถึงชนกชนม์

ชนกชนม์ที่สุตาภัญถามถึงอยู่ที่บริเวณสุสานรถไฟ กำลังใส่ถุงมือ พร้อมจะแข่งรถ.....มองไปยังชยางกูรที่ใส่เสื้อหนังอย่างดี สุรเดชเข้ามาหาชนกชนม์ด้วยความเป็นห่วง
“ไอ้ชนม์ แกไม่ไหวก็ถอนตัวซะ ฉันลงแข่งเอง”
กฤติยาเข้ามาผลักสุรเดช “เอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะ” แล้วบอกชนกชนม์ “พี่ชนกชนม์ไม่ต้องแข่งหรอก” นึกโมโหเลยด่าสุรเดช “หาเรื่องให้พี่ตลอด ปล่อยให้มันโดนกระทืบตายไปซะ”
“น้องยาไม่รักพี่เดชแล้วเหรอ...ยาใจของพี่...”
สุรเดชหันไปอ้อนกฤติยา เจอกฤติยาศอกกลับ สุรเดชร้องโอดโอย ชนกชนม์มองจี้รูปครอบครัวที่เขารักและหวงมาก...ชนกชนม์พร้อมสู้เอาชนะให้ได้

ด้านธีรดนย์เล่าเรื่องราวของชนกชนม์ให้สองสาวฟัง
“เขาชื่อชนกชนม์ รู้จักกันตอนเรียนกวดวิชาเตรียมเอ็นท์ เห็นว่าร้องเพลงได้เลยชวนเข้าวง แต่ทิ้งงานไปดื้อๆ ไม่เอาเข้าวงแล้วล่ะ..ไม่มีความรับผิดชอบ”
สุตาภัญท้วง “เขาอาจมีธุระสำคัญก็ได้นะ”
“จะมีอะไรอีกล่ะ นอกจากไปแว้นซ์ อย่าไปสนใจเลย กลับเถอะ…”
ธีรดนย์ตัดบท แต่ชนิกานต์กลับโยนกุญแจรถให้ธีรดนย์
“พาฉันไปลานแข่งรถ”
สุตาภัญตกใจ “กานต์”
ธีรดนย์ไม่ทำตาม “อยากไปก็ไปเองสิ”
“อย่าขัดคำสั่งฉันไอ้ลูกขี้ข้า…” พูดจาข่มขู่ “แกไม่พาฉันไป…ฉันจะไล่แม่แกออก!”
ชนิกานต์ยกเรื่องแม่มาข่มขู่ ธีรดนย์จำต้องทำตาม

ด้านชนกชนม์และชยางกูรเข้ามาประจำที่จุดเริ่มแข่งรถ แก๊งมอเตอร์ไซค์แว้นซ์วิ่งเข้ามาประมาณสิบกว่าคัน ชนกชนม์แปลกใจ...สุรเดชเข้ามาบอกชนกชนม์
“พวกฉันเอง มันจะได้ไม่กล้าเล่นนอกเกม”
สุรเดชมองข่มชยางกูร ตะโกนโบกมือให้พวกแว้นซ์ พวกเด็กแว้นซ์ส่งเสียงตอบรับ แล้วขี่รถ...เรียงเป็นขอบเส้นทาง สำหรับการแข่งรถ...ชนกชนม์หันไปมองชยางกูร พร้อมที่จะแข่ง

ชนิกานต์วิ่งเข้ามา ยืนมองที่มุมหนึ่งในสุสานรถไฟท่าทางตื่นเต้นดีใจสุดขีด “เขากำลังจะเริ่มแข่งแล้ว!”
สุตาภัญเข้ามายืนข้างชนิกานต์มองตรงไป ธีรดนย์เข้ามายืนข้างสุตาภัญ
“กลับเถอะ ที่นี่อันตราย! มีแต่พวกอันธพาล”
“ปอดแหกก็กลับไปซะ ฉันจะเชียร์แฟนฉัน”
สุตาภัญอึ้งที่ชนิกานต์ออกตัวแรง เป็นแฟนกับชนกชนม์
ชนิกานต์ตะโกนบอกชนกชนม์ “ชนกชนม์! สู้สู้นะ”

ชนกชนม์หันไปมอง เห็นสุตาภัญยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง ชนกชนม์ยิ้มดีใจที่สุตาภัญมาให้กำลังใจ
ชยางกูรหันไปมองสองคน เห็นสุตาภัญก็รู้สึกชอบใจ พอหันมามองชนกชนม์ รู้ทันทีว่าชนกชนม์ปลื้ม
สุตาภัญ คิดจะแย่งสุตาภัญ
สุรเดชขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดด้านหน้าชนกชนม์และชยางกูร ห่างพอสมควร กฤติยาซ้อนท้ายรถสุรเดช กฤติยาขึ้นไปยืนบนแบะรถ แล้วโบกผ้าสองผืน
ชนกชนม์และชยางกูร บิดเครื่อง รอเวลาออกตัว สุตาภัญยืนมองลุ้นเป็นกำลังใจให้ชนกชนม์
ครู่ต่อมากฤติยาโบกผ้า แล้วทิ้งผ้าลงพื้น ชนกชนม์และชยางกูร บิดเครื่องออกไปอย่างเร็ว

สุรเดชมองลุ้น ตะโกนบอกเพื่อนๆ
“ประจำที่เว้ย”
ทุกคนต่างวิ่งขึ้นไปบนโบกี้รถไฟ หรือหลังคาโกดัง เพื่อดูการแข่งรถระหว่างชนกชนม์กับชยางกูร

ชนิกานต์ตะโกนเชียร์ชนกชนม์ตรงมุมหนึ่งที่สุสานรถไฟ
“ชนกชนม์ ชนะให้ได้นะ”
ธีรดนย์ชวน “กลับกันเถอะ”
สุตาภัญเร่ง “กานต์ ขืนกลับช้าพ่อแม่ฉันเอาเรื่องแน่!”
ชนิกานต์อ้อน “แป๊บเดียว... กำลังสนุกเลย!”
ชนิกานต์วิ่งไปที่มุมหนึ่ง เพื่อจะขึ้นไปดูบนมุมสูง เชียร์ชนกชนม์
สุตาภัญตกใจ “กานต์” แต่ห้ามไว้ไม่ทันแล้ว...จำต้องวิ่งตามชนิกานต์ไป

ธีรดนย์จึงต้องตามสุตาภัญไปด้วย เพื่อคอยช่วยเหลือสองสาว

ขณะเดียวกันนั้นชนกชนม์บิดเครื่องนำมาที่อีกมุมหนึ่งในลานแข่ง...ชยางกูรเร่งเครื่องเข้ามาตีคู่ ทั้งสองจ้องเหลียวไปมองหน้ากัน โดย ไม่มีใครยอมแพ้

ชนิกานต์ขึ้นมายืนอยู่บนโบกี้รถไฟ ตะโกนเชียร์ชนกชนม์ดังลั่น
“ชนกชนม์สู้ๆ นะ! ฉันเป็นกำลังใจให้นาย!”
สุตาภัญและธีรดนย์เดินเข้ามายืนอยู่ข้างชนิกานต์
สุรเดชหันไปมอง...ตะโกนบอกธีรดนย์เหย็งๆ
“เฮ้ยไอ้ธี เห็นติ๋มๆหงิมๆ...วันนี้ควบสองเลยเหรอวะ”
ธีรดนย์ยกมือทักพอเป็นมารยาท เพราะไม่อยากคุยกับสุรเดช
กฤติยาหันไปมองธีรดนย์รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก สุรเดชแสดงความเป็นเจ้าของเข้ามากอดคอกฤติยา..ส่งเสียงเชียร์ชนกชนม์
กฤติยาละสายตาจากธีรดนย์ มองดูการแข่งขัน ส่วนสุตาภัญยืนมองการแข่งขัน เป็นกำลังใจให้ชนกชนม์

ที่ลานแข่งรถในสุสานรถไฟ ชนกชนม์ขี่รถนำอยู่ ชยางกูรเร่งเครื่องตามมาติดๆ ชนกชนม์บิดแรงขึ้น ชยางกูรก็บิด....เร่งนำชนกชนม์ได้
ชนกชนม์พยายามบังคับรถ ให้แซงขึ้นมาอีก ชยางกูรเห็นว่าชนกชนม์จะแซง จึงถีบถังน้ำมันที่วางอยู่ข้างทาง...ถังน้ำมันกลิ้งมาทางชนกชนม์ ชนกชนม์รีบหักหลบ หยุดรถ....เสียการทรงตัวเล็กน้อย
ชยางกูรหันกลับมามองด้วยความสะใจ เร่งเครื่องไป...ชนกชนม์จึงออกตัว เร่งตามชยางกูรไป

ขณะเดียวกันสุตาภัญ มองลุ้น เชียร์ชนกชนม์อยู่ในใจ
“ชนกชนม์ ฉันเชียร์เธอนะ”
ชนิกานต์ส่งเสียงเชียร์เต็มที่ ธีรดนย์มองไม่ชอบใจนัก สุรเดช กฤติยา และพวกสุรเดชส่งเสียงเชียร์ชนกชนม์
“เข้าวินให้ได้ อย่าให้เสียชื่อแก๊งลูกเทวดา!! ฮู้วววว!” สุรเดช ร้อง
กฤติยาตะโกนเชียร์ “พี่ชนกชนม์ต้องชนะ”
เพทายและพวกชยางกูรส่งเสียงเชียร์ชยางกูร...แข่งกับพวกสุรเดช
“กูรสู้เว้ย เอาให้คว่ำไปเลย”
สุตาภัญมอง เป็นกำลังใจให้ชนกชนม์ตลอดเวลา

ในลานแข่งรถ ชยางกูรขี่รถนำ มั่นใจว่าจะชนะชนกชนม์แน่ แต่แล้ว ชนกชนม์ขี่รถข้ามถังน้ำมันมาด้วยความเร็ว...ชยางกูรตกใจ รีบเร่งเครื่องต่อไป...ชนกชนม์บิดเครื่องเร่งแซงชยางกูรทั้งสองตีคู่กัน
ชยางกูรกลัวแพ้ ตัดสินใจถีบรถชนกชนม์ จนชนกชนม์เสียหลัก...พยายามประคองรถไว้
ชยางกูรหันกลับไปมองด้วยความสะใจ แต่พอหันมามองด้านหน้า ตกใจที่รถกำลังพุ่งเข้าชนโบกี้รถไฟที่ขวางหน้า...ชยางกูรหักหลบ...รถคว่ำทันที

สุรเดชและกฤติยาและกองเชียร์เห็นเหตุการณ์จากภาพมุมสูง...ตะโกนประสานเสียงเฮลั่น!
“เฮ้!!!”
สุรเดชได้ทีเย้ยพวกเพทาย “ใครกันแน่ที่คว่ำ” พร้อมกับยกมือทำท่าปาดคอเย้ยพวกเพทาย
พวกเพทายเสียหน้า และโกรธที่ชยางกูรเสียท่า
ชนิกานต์กรี๊ดกร๊าดร้องลั่น “นายชนกชนม์ชนะแล้ว.... ขี่เข้าเส้นชัยเลย!”
สุตาภัญมองลุ้นชนกชนม์ ธีรดนย์มองไป กฤติยาหันมามองธีรดนย์ ทั้งสองมองหน้ากัน ธีรดนย์ยิ้มให้...กฤติยายิ้มตอบ
สุรเดชมองเห็นกฤติยายิ้มให้ธีรดนย์ก็ไม่พอใจ เข้ามาดึงกฤติยา
“ประจำที่ได้แล้ว”
สุรเดชดึงมือกฤติยาลงจากโบกี้ เพื่อไปประจำที่เส้นชัย
พวกกองเชียร์สุรเดชและพวกเพทาย กระโดดลงไป...เพื่อไปรอที่เส้นชัย เหลือเพียงกลุ่มของสุตาภัญที่อยู่ที่บนโบกี้รถไฟมองลงไปในลานแข่ง

ในลานแข่งชยางกูรยันตัวลุกขึ้น...ชนกชนม์ขี่รถเข้ามา มองไปยังชยางกูร แล้วมองไปยังเส้นทางไปสู่เส้นชัย...แต่เปลี่ยนใจลงจากรถ..เข้าไปช่วยชยางกูร
“แกเป็นไงบ้าง?”
ชนกชนม์เข้าไปประคองชยางกูร ชยางกูรกลับต่อยชนกชนม์ล้มลง แล้ววิ่งขึ้นรถ..ขี่รถของตัวเองออกไป

พวกสุตาภัญเห็นเหตุการณ์โกงของชยางกูร...สุตาภัญตกใจ เป็นห่วงชนกชนม์
ชนิกานต์ร้องโวยวาย “โกงกันนี่!”
ธีรดนย์ไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้น อยากให้การแข่งขันจบลงจะได้กลับบ้านซะที เพราะดึกมากแล้ว

เห็นชนกชนม์รีบลุกขึ้น วิ่งขึ้นขี่รถ ไล่ตามชยางกูรไปติดๆ

ขณะที่สุรเดชขี่รถมาที่จุดเส้นชัย กฤติยายืนอยู่บนเบาะรถสุรเดช....โบกผ้าสองผืน รอให้ผู้เข้าเส้นชัยมาคว้าผ้าไป พวกกองเชียร์สุรเดชและเพทายกรูมายืนรอบริเวณเส้นชัย....รอดูว่าใครจะโผล่จากโบกี้รถไฟเข้าเส้ยชัย
เสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งมาสุรเดชมั่นใจมาก “ไอ้ชนม์มาแล้วเว้ย”
แต่พอเห็นเป็นชยางกูรขี่รถเข้ามา....พวกสุรเดชผิดหวัง พวกเพทายเฮดีใจ
“เฮ้ๆๆๆๆ!”

สุตาภัญเองก็ผิดหวังที่ผู้ชนะเป็นชยางกูร

ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 1 (ต่อ)

ชยางกูรขี่รถเข้ามา ดึงผ้าจากกฤติยาในฐานะผู้ชนะ กฤติยามองด้วยความผิดหวัง ทิ้งผ้าอีกผืนลงพื้น ชนกชนม์ขี่รถวิ่งเข้ามา..ล้อเหยียบผ้าที่ตกพื้น พวกเพทายวิ่งกรูเข้าไปโห่ไชโยกับชยางกูร

ชยางกูรหันมายิ้มเย้ย ชนกชนม์มองชยางกูรด้วยความผิดหวัง ที่ชยางกูรโกง

ส่วนที่บริเวณโบกี้ ธีรดนย์บอกทุกคน
“แข่งเสร็จแล้ว กลับเถอะ เดี๋ยวตำรวจก็แห่มาหรอก”
ชนิกานต์แหวขึ้น “ฉันไม่กลับ ไอ้นั่นโกงแฟนฉัน”
พูดจบชนิกานต์ลงจากโบกี้ วิ่งไปทางกลุ่มของชนกชนม์
“กานต์...เธอจะไปไหน? กลับกันได้แล้ว!”
สุตาภัญตกใจรีบลงจากโบกี้ ธีรดนย์ลงตามมา..แล้วห้ามสุตาภัญไว้
“ตารออยู่ตรงนี้ดีกว่า ผมไปตามเอง”
สุตาภัญพยักหน้ารับ ปล่อยให้ธีรดนย์ไปตามชนิกานต์ สุตาภัญมองด้วยความเป็นห่วง

ชนกชนม์ยืนอยู่ที่จุดเส้นชัย...ชยางกูรเดินตรงเข้ามาหาชนกชนม์
“แพ้แล้ว! เอาสร้อยมา”
ชนกชนม์ไม่ยอม “ทำร้ายคู่แข่งถือว่าผิดกติกา”
“เกมนี้ไม่มีกติกา ใครเข้าเส้นชัยเป็นผู้ชนะ”
ชนิกานต์ปราดเข้ามาโวยใส่ชยางกูรไม่ไว้หน้า
“ไอ้ขี้โกง”
ชยางกูรงง “เธอเกี่ยวอะไรด้วย”
“ฉันเป็นแฟนชนกชนม์!”
ชนกชนม์อึ้งที่ชนิกานต์ประกาศอย่างนั้น
“แฟนฉันอุตส่าห์มีน้ำใจลงไปช่วยแก แต่แกทำร้ายเขา อย่างนี้เขาเรียกหน้าตัวเมีย”
ธีรดนย์วิ่งเข้ามา ดึงชนิกานต์ออกไป
“หยุดหาเรื่องใส่ตัวได้แล้ว เดี๋ยวก็เดือดร้อนหรอก”
ชนิกานต์ผลักธีรดนย์ “เลิกทำตัวขี้ขลาดตาขาวสักที กลัวตายก็กลับไปซะ! รึไม่ก็ไปขอกระโปรงจากนายนี่มาใส่” ชี้ไปที่ชยางกูร มองสู้สายตา
“ปากดีนักใช่มั้ย”
ชยางกูรจะตบชนิกานต์ แต่ชนกชนม์เข้าไปกันชนิกานต์ไว้
“อย่ารังแกผู้หญิง”
ชยางกูรได้จังหวะ กระชากสร้อยคอของชนกชนม์มาถือไว้....
“สร้อยเส้นนี้ต้องเป็นของฉัน”
ชนกชนม์เสียดายที่ต้องเสียสร้อยที่เขารักไป ชยางกูรมองจี้ภาพครอบครัวสมัยเด็กของชนกชนม์ แล้วยิ้มเย้ย “ครอบครัวแห่งความสุข”
ขาดคำชยางกูรขว้างสร้อยของชนกชนม์ทิ้งไปไกลลิบตา

สร้อยตกลงพื้น...ตรงมุมหนึ่งที่สุสานรถไฟ ก่อนจะเห็นเท้าของสุตาภัญก้าวเข้ามา...สุตาภัญหยิบสร้อยขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจ

ชยางกูรพูดเยาะเย้ยชนกชนม์ต่อ
“ความสุขของแกมันหลุดลอยไปลงกองขยะแล้ว ชีวิตแกต่อจากนี้ต้องเจอเรื่องเน่าๆ ไอ้ลูกหมา”
ชยางกูรหัวเราะเยาะ จะเดินกลับไป ชนกชนม์โกรธจัด เข้าไปกระชากไหล่ชยางกูรหันกลับมาแล้วต่อยเต็มหมัด
พวกเพทายและชยางกูรเข้ามาจะทำร้าย สุรเดชและพวกก็เข้ารุม เกิดการต่อสู้วุ่นวายธีรดนย์ดึงมือชนิกานต์ออกมา
“รีบหนีเร็ว”

ขณะเดียวกันสุตาภัญหยิบสร้อยขึ้นมามอง แปลกใจว่าของใคร ไม่ทันได้มองรายละเอียด จังหวะนั้นสุตาภัญได้ยินเสียงการต่อสู้ตะลุมบอน...ก็ตกใจ!

ชนกชนม์ต่อยกับชยางกูร...สุรเดชต่อยกับเพทาย และพวกของชยางกูรต่อยกับพวกของสุรเดช เกิดการต่อสู้วุ่นวาย กฤติยาหันไปอีกทาง แล้วตะโกนบอกทุกคน
“ตำรวจมา”
ทุกคนหันไปมอง...เสียงรถหวอตำรวจดังขึ้น....ชยางกูรผลักชนกชนม์ออก แล้ววิ่งไปที่รถ พวกชยางกูรรีบวิ่งหนีไป พวกของสุรเดชวิ่งกรูไปที่มอเตอร์ไซค์ เกิดความวุ่นวายโกลาหล
ชนิกานต์และธีรดนย์ตกใจ อยู่ท่ามกลางรถและคนที่กำลังวิ่งหนี
ธีรดนย์นึกเป็นห่วงสุตาภัญ “ตา!”
ธีรดนย์จะวิ่งไปหาสุตาภัญ แต่ชนิกานต์เข้ามาคว้ามือไว้
“แกรีบพาฉันออกไปเร็ว”
ธีรดนย์จะวิ่งไปช่วยสุตาภัญ ชนิกานต์ตะโกนบอก
“อยากโดนจับเข้าคุกรึไง”
ชนิกานต์วิ่งไปที่รถ ธีรดนย์มองไปเห็นสุตาภัญอยู่ที่มุมหนึ่งซึ่งไกลออกไป..และเห็นตำรวจเข้ามาใกล้ ธีรดนย์เลือกวิ่งไปที่รถ ขับรถพาชนิกานต์ออกไป

ด้านสุตาภัญ ร้องเรียกหาธีรดนย์และชนิกานต์
“ธี....กานต์”
สุตาภัญพยายามเรียกหาเพื่อน แต่กลุ่มมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนเข้ามา ตัดหน้าตัดหลัง..หนีการไล่ล่าของตำรวจ...มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอด จะรับสุตาภัญ
“น้องขึ้นรถ” สุตาภัญรู้สึกกลัว ชายคนนั้นเข้ามาคว้ามือให้ขึ้นรถ
“ไปสนุกต่อด้วยกัน”
จังหวะนั้นชนกชนม์เข้ามาผลักชายคนนั้นออก แล้วพาสุตาภัญวิ่งออกไป
“ตามฉันมา”

ชนกชนม์จับมือสุตาภัญแล้วพากันวิ่งหนีไปที่รถ ท่ามกลางความวุ่นวายของแก๊งเด็กแว้นซ์ ที่วิ่งหนีตำรวจอย่างอลหม่าน

ไม่นานหลังจากนั้น ชนกชนม์ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าบ้านสุตาภัญ ส่วนสุตาภัญกอดชนกชนม์ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ชนกชนม์ถอดหมวกแล้วหันไปถาม

“ยังไม่หายกลัวอีกเหรอ”
สุตาภัญตั้งสติได้ รู้ตัวว่ากอดชนกชนม์แน่นก็อาย รีบเอามือออก ลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วส่งหมวกนิรภัยให้ชนกชนม์
“อย่าไปที่แบบนั้นอีก มันอันตรายและไม่เหมาะกับเธอ”
สุตาภัญยิ้มรับ “ครั้งเดียวก็ตื่นเต้นเกินพอ ขอบใจชนกชนม์มากนะที่ช่วยฉัน”
ชนกชนม์แปลกใจ “รู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ”
“ธีบอก” สุตาภัญว่า
“อ๋อ...เป็นแฟนนายธีรดนย์”
สุตาภัญรีบปฎิเสธ “ไม่ใช่ เราเป็นเพื่อนกัน ตาเรียนคณะเดียวกับธี” ได้โอกาส แนะนำตัวเอง “ฉันชื่อสุตาภัญ เรียกตาก็ได้”
ชนกชนม์ยิ้มรับ..นึกบางอย่างได้ รีบวิ่งไปที่รถ สุตาภัญมองตามอย่างแปลกใจ
ชนกชนม์ถือช่อดอกกุหลาบมาอวดสุตาภัญ
“ขอบใจมากนะ นี่เป็นดอกไม้ช่อแรกที่ได้รับในชีวิต”
สุตาภัญตัดสินใจบอกความจริง “เอ่อ..อย่าว่ากันนะ..ฉันไม่ได้ตั้งใจให้นาย ฉันจะให้ธี”
ชนกชนม์อึ้ง “เอ้าเหรอ? ฉันนึกว่าเธอฝากเพื่อนมาให้ฉัน”
“ไม่เป็นไร มันเป็นของนายโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว”
ชนกชนม์มองช่อดอกกุหลาบแล้วยิ้ม “ในเมื่อเป็นของฉัน ฉันให้เธอ” พลางชนกชนม์ส่งช่อดอกกุหลาบให้ สุตาภัญอึ้ง
“โอกาสอะไรอะ?”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ชนกชนม์ส่งช่อดอกกุหลาบให้ สุตาภัญรับไว้ แต่ชนกชนม์แกล้งไม่ปล่อย สุตาภัญออกแรงดึง ชนกชนม์ก็ดึงกลับ ทำให้สุตาภัญเซถลาเข้ามาแนบชิดชนกชนม์ โดยมีช่อดอกกุหลาบอยู่กลางใจ
ทั้งสองคนมองหน้ากัน...อยู่ในภวังค์เคลิ้ม...แล้วก็หัวเราะชอบใจ เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นที่หน้าผับ
เสียงฟ้าร้องดังขึ้น....เป็นสัญญาณว่าฝนกำลังจะตกในอีกไม่กี่อึดใจนี้
“ตาเข้าบ้านก่อนนะ.. ขอบใจนายมาก...ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันอีก”
สุตาภัญวิ่งเข้าบ้านไป.....ชนกชนม์มองตามแล้วพูดกับตัวเอง
“ต้องได้เจอกันสิ”

ขณะที่สุตาภัญเข้ามาในบ้าน เห็นว่าปิดไฟแล้ว สุตาภัญพยายามย่องจะขึ้นไปห้องนอน แต่แล้วไฟเปิดขึ้น...สุตาภัญเจอสุทินยืนมองไม่พอใจ เสาวนิตย์ยืนอยู่ด้านหลังสุทิน
สุตาภัญตกใจ “คุณพ่อคุณแม่”
“สุตาภัญ...เธอไปไหนมา? ทำไมกลับมาป่านนี้” สุทินถาม
“คือว่าตา...ติดประชุมที่คณะค่ะ เรากำลังเตรียมละครเด็กไปแสดงที่สลัมค่ะ”
สุทินตบหน้าสุตาภัญฉาดใหญ่
สุตาภัญตกใจ “คุณพ่อ”
เสาวนิตย์สงสารสุตาภัญที่สุทินใช้ความรุนแรง
“คุณคะ”
สุทินหันหน้ามา เสาวนิตย์มีท่าทีเกรงกลัว ยืนหงออยู่ด้านหลัง
“เธอโกหกฉัน ฉันไปรับเธอที่มหาวิทยาลัย ไม่มีการประชุมเธอไปไหน”
สุตาภัญบอกความจริง “ตากับกานต์ไปเป็นกำลังใจให้ธีรดนย์ ออดิชั่นวงดนตรีที่ร้านอาหารค่ะ”
สุทินสวนคำขึ้นมา “ฉันสั่งหลายครั้งแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปคบกับมัน แล้วก็ห้ามเข้าแหล่งมั่วสุมอโคจรอุบาทว์พรรณนั้น”
“ตาขอโทษค่ะ..ตาจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ” สุตาภัญบอก
เสานิตย์พยายามช่วยสุตาภัญ “ลูกสำนึกผิดแล้ว ให้ลูกไปอาบน้ำเข้านอนนะคะ” รีบบอกสุตาภัญ “ขึ้นห้องไปได้แล้ว”
สุตาภัญจะขึ้นไปบนห้อง แต่สุทินตามต่อ
“ใครมาส่ง? ลูกใคร? ฐานะเป็นยังไง”
สุทินจะซักถึงครอบครัวชนกชนม์ สุตาภัญจึงอธิบายและไม่พอใจนักที่สุทินประเมินคนที่ฐานะ
“ชนกชนม์เป็นเพื่อนตา ตาไม่ทราบค่ะว่าฐานะเขาเป็นยังไง เพราะตาคบคนที่จิตใจค่ะ”
สุทินไม่พอใจ เสานิตย์ตำหนิสุตาภัญที่เถียงสุทิน
“ยัยตา”
“จิตใจดีแต่กินไม่ได้! เธอลืมไปแล้วรึไงว่าฉันเก็บหอมรอมริบมาซื้อบ้านในหมู่บ้านหรู เพื่อยกระดับฐานะทางสังคมให้ดีขึ้น มันจะเป็นใบเบิกทางที่ดี” สุทินว่า
สุตาภัญเหน็บแนม เพราะทนไม่ไหว “เหมือนที่คุณพ่อตีสนิทนายทหารใหญ่เพื่อเลื่อนขั้นเหรอคะ”
“ใช่...คนเราจะได้ดี...ต้องมีพรรคพวกที่มีระดับ!” สุทินกระชากดอกไม้ในมือสุตาภัญ..แล้วโยนทิ้งที่พื้น...กระทืบซ้ำ “อย่ารึรักในวัยเรียน ไม่งั้นเธอจะท้องไม่มีพ่อ”
“คุณพ่อคะ ตาจดจำสิ่งที่คุณพ่อพร่ำสอนได้เสมอค่ะ ต้องเชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่...ต้องมุมานะขยันเรียน ตาไม่มีวันใฝ่ต่ำอย่างนั้นหรอกค่ะ”
สุทินตบหน้าสุตาภัญทันที
“อย่าริเถียงฉัน”
สุตาภัญร้องไห้เสียใจ “คุณพ่อไม่มีเหตุผล เอะอะก็ใช้แต่อำนาจ ตาไม่ใช่ลูกน้องในค่ายทหารของคุณพ่อนะคะ”
สุตาภัญวิ่งหนีขึ้นห้องไปทันที
สุทินตะโกนตาม “สุตาภัญ กลับมาคุยกับฉันให้รู้เรื่อง”
เสาวนิตย์ปรามไว้ “พอเถอะค่ะ แค่นี้ยัยตาก็เข้าใจแล้ว”
สุทินหันมาด่าคาดโทษภรรยา “ลูกเป็นอย่างนี้เพราะคุณคอยให้ท่า อย่าให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก ฉันเอาเรื่องคุณแน่!”
“ค่ะ...เป็นความผิดฉันเองค่ะ”

เสาวนิตย์ยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว สุทินเดินขึ้นห้อง...เสาวนิตย์ยืนน้ำตาตกในคาที่

เสียงฟ้าร้องครืนๆ....ดังกึกก้อง ฟ้าแลบแปลบปลาบ ในขณะที่ชนกชนม์เดินเข้าบ้าน เขาเจอชลนิภาผู้เป็นมารดาขวางอยู่

ชลนิภาตบหน้าชนกชนม์ฉาดใหญ่ ก่อนจะถามเสียงดังลั่น
“ทำไมแกต้องทำร้ายน้อง!”
ระหว่างนั้นชยางกูรเดินออกมายืนที่มุมหนึ่ง ด้านหลังชลนิภา เพื่อดูเหตุการณ์
“แกโกรธที่น้องห้ามไม่ให้แกแข่งรถกับเพื่อนเลวๆ ของแก แกก็เลยทำร้ายน้อง”
ชนกชนม์จะบอกความจริง “คุณแม่ครับ...ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นนะครับ”
ชลนิภาตัดบท “ไม่ต้องเถียงฉัน! ฉันบอกแล้วใช่ไหมอย่าไปยุ่งกับพวกอันธพาลแก๊งกวนเมือง!”
“ผมแข่งรถเพราะผมไปช่วยเพื่อน และที่สำคัญ..ผมไม่อยากให้ชยางกูรไปมั่วสุมกับพวกอันธพาล!”
ชลนิภาเข้ามาตบหน้าชนกชนม์อีกฉาด
“แกมันเลวสิ้นดี! ทำผิดแล้วโบ้ยความผิดให้น้อง ดีนะที่ลูกกูรเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฉันฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
ชนกชนม์พูดออกไปด้วยความน้อยใจ “แม่เชื่อชยางกูร แต่ไม่เชื่อผม”
“เพราะฉันรู้ว่าแกเป็นคนยังไง? ไม่ได้เรื่อง! ไม่เอาถ่าน! คิดจะไปเป็นนักร้องตามผับตามบาร์ คบเพื่อนชั้นต่ำ ไอ้ลูกไม่รักดี!”
ชนกชนม์เสียใจจึงประชดกลับ “มันก็จริงอย่างที่คุณแม่พูดนะครับ...ผมเป็นลูกที่เลว ลูกที่คุณแม่เกลียดชัง !”
ชลนิภาจ้องหน้า “ใช่..ฉันเกลียดแกพอๆ กับที่เกลียดพ่อแก!”
ชนกชนม์สวนกลับ “แล้วทำไมไม่ปล่อยให้ผมไปอยู่กับคุณพ่อล่ะครับ”
พร้อมกับที่ภาพจำแสนเจ็บปวดในอดีต ผุดขึ้นมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง

เหตุการณ์ในครั้งนั้น เกิดขึ้นตอนชนกชนม์ อยู่ในวัยเพียง 4 ขวบ วีรภัทรถือกระเป๋าจะออกไปจากบ้าน...ชลนิภาตะโกนไล่หลัง
“ไปเลย ไปอยู่กับนังเลขาของคุณ แล้วไม่ต้องกลับมา”
วีรภัทรถือกระเป๋าจะเดินออกไป เด็กชายชนกชนม์ วิ่งเข้ามากอดรั้งพ่อไว้ ร้องไห้อ้อนวอน
“คุณพ่อครับ คุณพ่ออย่าทิ้งผมไป! ผมจะไปอยู่กับคุณพ่อ”
ชลนิภาตามเข้ามากระชากตัวชนกชนม์ไว้
“คุณเอาลูกไปไม่ได้ ลูกต้องอยู่กับฉัน”
วีรภัทรสงสารชนกชนม์นัก “ชนกชนม์...แล้วพ่อจะแวะมาเยี่ยมลูก”
ชลนิภาประกาศกร้าว “ไม่ได้...ไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก!”
วีรภัทรหิ้วกระเป๋าออกไปจากบ้าน เด็กชายชนกชนม์วิ่งตามไปแล้วหยุดระหว่างทาง...กำลังจะหันหน้าไปหาชลนิภา

ชนกชนม์หยุดยืนนิ่งอยู่ในห้องโถง ก่อนจะหันกลับมาเดินเข้าไปหาชลนิภา
“คุณแม่รั้งตัวผมไว้..ไม่ใช่เพราะความรัก แต่คุณแม่ไม่อยากเสียหน้า คุณแม่ต้องการเอาชนะคุณพ่อเท่านั้นเอง”
ชลนิภาโกรธจัดตบหน้าชนกชนม์ไม่ยั้ง ชยางกูรยืนมองผุดยิ้มออกมาทางสีหน้าด้วยความสะใจ
ธนกรวิ่งเข้ามาห้าม
“พอได้แล้วคุณ”

ขณะเดียวกันสุตาภัญร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่งในห้อง ครู่ต่อมามีผ้าเช็ดหน้ายื่นมาให้ สุตาภัญเงยหน้าขึ้น จึงเห็นว่าเป็นสุรัมภาในชุดนักเรียนมัธยมปลาย เดินเข้ามา
“ภายังไม่นอนอีกเหรอ”
“ภาเพิ่งกลับจากกวดวิชา แล้วก็นั่งอ่านหนังสือที่ห้อง ได้ยินเสียงพี่ตาทะเลาะกับคุณพ่อ”
สุตาภัญฝืนยิ้มให้น้องสาว “ยังไม่ชินอีกเหรอ”
“เมื่อไหร่พี่ตาจะหยุดเถียงคุณพ่อสักทีล่ะ” สุรัมภาเอ่ยถาม
“พี่ทนฟังคำเทศนาที่ไร้เหตุผลไม่ได้หรอก พี่เป็นลูกก็จริง แต่พี่ก็มีหัวใจมีความคิด ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะเชิดยังไงก็ได้”
สุรัมภาเปรยความในใจออกมา “ภาอยากทำได้อย่างพี่ตาจัง”
สุตาภัญฟังแล้วตกใจ “ภาว่าอะไรนะ”
สุรัมภาเดินไปที่มุมระเบียงห้อง ซึ่งมีซี่ลูกกรงปิดอยู่ “ทำตัวอย่างพี่ตาอาจไม่ดี แต่ก็น่าจะมีความสุขกว่าการที่ภาต้องเก็บกด ถูกกังขังเหมือนนกในกรงทอง ถูกกดดันมากๆ สักวันภาก็คงระเบิด!”
สุตาภัญให้กำลังใจ “อย่าคิดอย่างนั้นเลย ภาเป็นอย่างนี้ดีแล้ว เป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่ให้ท่านได้ชื่นใจ...ไป...ไปนอนได้แล้ว”

สุรัมภาเดินออกไปแล้ว สุตาภัญนึกบางอย่างได้ เธอหยิบสร้อยของชนกชนม์ขึ้นมามอง แล้วมองภาพที่ วีรภัทร และชลนิภาสวมกอดชนกชนม์ อย่างรักใคร่

ขณะเดียวกันธนกรเข้ามาห้ามชลนิภาไว้

“ผมขอร้องล่ะ...อย่าทำร้ายลูกอีกเลย”
“คุณธนกร มันไม่เกี่ยวกับคุณ นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวฉัน”
ธนกรอึ้งที่ชลนิภาพูดอย่างนั้น
ชยางกูรอ้อนธรกร “คุณพ่อครับ กูรเจ็บ”
“คุณไปดูแลลูก...เรื่องนี้ฉันจัดการเอง! ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งรึไง”
ชลนิภาเผลอใช้อำนาจสั่งธนกร สีหน้าธนกรรู้สึกไม่พอใจที่ตกเป็นเบี้ยล่าง
“ในเมื่อเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ผมขอตัวแล้วกัน”
ธนกรน้อยใจ เดินกลับเข้าไปในบ้าน ชลนิภารู้สึกไม่พอใจ หันมาเล่นงานชนกชนม์ทันที
“แกเห็นมั้ย เพราะแกคนเดียวถึงได้เดือดร้อนกันทั้งบ้าน ลูกกูรต้องเจ็บตัว คุณธนกรผิดใจกับฉันก็เพราะแก” ชลนิภาพูดอย่างกราดเกรี้ยวสีหน้าโกรธมาก “แกมันสร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน! แกมันตัวซวย!”
ถูกชลนิภาด่าว่า ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจผุดขึ้นมาเป็นริ้วๆ ชนกชนม์โต้กลับผู้เป็นมารดา “ถ้าคุณแม่เห็นว่าผมเป็นตัวซวย ตัวปัญหา ผมจะไม่ทำให้คุณแม่ต้องเดือดร้อนอีกแล้ว”
ชนกชนม์วิ่งออกไปจากห้อง ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องครืนๆ ที่ดังเข้ามาในบ้าน

ครู่ต่อมาที่หน้าคฤหาสน์ยามนั้น ฝนเทสายตกลงมาอย่างหนัก...ชนกชนม์วิ่งหนีฝ่าสายฝนออกไป ชลนิภาตามออกมาตะโกนไล่
“จองหองนักก็ไปเลย...ไปไหนก็ได้แต่อย่าไปพึ่งพ่อแก”
ชนกชนม์หันกลับมามอง ผิดหวังที่ชลนิภาห่วงแต่ตัวเอง
“อย่าให้มันมาด่าฉันได้ว่าเลี้ยงลูกไม่ดี อย่าให้แม่เลี้ยงแก หัวเราะเยาะฉัน!”
ชนกชนม์น้อยใจที่ชลนิภาห่วงตัวเองมากกว่า จึงวิ่งเตลิดออกไปจากบ้าน ชยางกูรยืนมองอยู่ที่มุมหนึ่ง เขายิ้มสะใจที่ชนกชนม์ออกไปจากบ้าน
ยินเสียงชลนิภาตะโกนก้อง “ไอ้ลูกไม่รักดี!”

ฝนกำลังตกหนัก ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องครืนครัน สายฝนสาดไปทั่งบริเวณ ชนกชนม์วิ่งฝ่าสายฝนออกมา ยืนอยู่ที่กลางสี่แยกแห่งนั้น...ชนกชนม์เหลียวมองไป ด้วยความรู้สึกเคว้งคว้าง ไม่รู้จะไปทางไหนดี

สุตาภัญอยู่บนเตียงภายในห้องนอน เธอมองสร้อยคอของชนกชนม์ รำพึงออกมา
“ครอบครัวของนายคงเป็นครอบครัวที่รักกันมาก ฉันอิจฉานายนะ...ชนกชนม์”

เวลาเดียวกัน ชนกชนม์ยืนอยู่ตรงทางแยกบนถนนเส้นนั้น เสียงของชลนิภาผู้เป็นแม่ยังดังก้องในหัว
“ไอ้ลูกไม่รักดี!”

ชนกชนม์สะท้อนใจ รู้สึกเสียใจและน้อยใจยิ่งนัก เด็กหนุ่มทรุดตัวลงร้องไห้อยู่กลางถนนอย่างเดียวดาย

ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 1 (ต่อ)

ฝนยังคงตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ชนกชนม์เดินร้องไห้เนื้อตัวเปียกโชก มาจนถึงหน้าบ้านวีรภัทรผู้เป็นบิดา เด็กหนุ่มมองเข้าไปภายในบ้าน..ก่อนจะตัดสินใจกดกริ่ง

สักครู่หนึ่งวีรภัทรกางร่มเดินออกมา....มองฝ่าสายฝนไปเห็นชนกชนม์ระยะไกลๆ
“คุณพ่อครับ” ชนกชนม์ตะโกนเรียกผู้ให้กำเนิด
“ชนกชนม์” วีรภัทรทิ้งร่ม วิ่งเข้าไปหาลูกชาย ชนกชนม์โผเข้ากอดวีรภัทร ร้องไห้โฮ
“ทะเลาะกับแม่มาอีกล่ะสิ ไป....เข้าไปในบ้าน” วีรภัทรเดาไม่ผิด
“อย่าเลยครับ...น้านัชชาคง...”

ชนกชนม์พูดเท่านั้น ก็มองเข้าไปในบ้าน เห็นนัชชายืนมองอยู่ที่มุมหนึ่ง..ชนกชนม์เกรงใจ
“ไม่ต้องกังวล... น้านัชชาเขาก็รักและเป็นห่วงลูก”
ชนกชนม์ยิ้มสุขใจที่เขายังมีที่พึ่ง
“ไป..เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”
วีรภัทรพาชนกชนม์เดินเข้าไปในบ้าน

ตรงมุมหนึ่งภายในห้องนอน ชนกชนม์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว กำลังเช็ดผมให้แห้งเตรียมจะเข้านอน เขาหันไปมองภาพถ่ายครอบครัวใหม่ของวีรภัทรที่ถ่ายร่วมกับนัชชาและมีนิธิน้องต่างมารดายิ้มอยู่ในภาพนั้น
ชนกชนม์ยืนมองครอบครัวใหม่ของพ่อแล้วยิ้มด้วยความสุขใจ...แต่แล้วเขาได้ยินเสียงคุยกันดังลอดมาจากข้างนอก
“คุณไม่ให้เกียรติฉันเลย” เป็นเสียงนัชชา แม่เลี้ยงของเขานั่นเอง
ชนกชนม์แง้มประตูห้องนอน มองตรงไป เห็นวีรภัทรทะเลาะกับนัชชา

“คุณน่าจะถามฉันสักคำ ว่าฉันเต็มใจให้ลูกคุณพักที่นี่รึเปล่า?” นัชชาเสียงดัง
“ชนกชนม์เป็นลูกผมนะ แกกำลังมีปัญหา แกต้องการคนปลอบใจ”
“แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ ที่เปิดเป็นศูนย์พักพิงสำหรับเด็กมีปัญหานะคะ”
วีรภัทรผิดหวังที่ได้ยินคำพูดอดกดันนั้นจากปากผู้เป็นภรรยา “คุณนัชชา”
ชนกชนม์ได้ยินคำพูดของนัชชา....รู้สึกแย่ที่ถูกดูถูก และไม่ได้รับการต้อนรับจากแม่เลี้ยง
“ฉันไม่ต้องการให้ลูกนิธิซึมซับพฤติกรรมอันธพาลลูกคุณ”
นัชชาพูดต่อขณะหันไปมองนิธิที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอน
“คุณก็เคยเห็นว่าชนกชนม์รักลูกนิธิเหมือนน้อง...แล้วอีกอย่างชนกชนม์ไม่ได้เกเรอย่างที่คุณคิด” วีรภัทรเถียง
นัชชาย้อนกลับไม่ไว้หน้า “ถ้าลูกคุณไม่เป็นอันธพาล จะถูกแม่ตัวเองเฉดหัวไล่ออกจากบ้านมาเร่ร่อนอย่างนี้เหรอคะ”
วีรภัทรตัดบท “ผมขอล่ะ ขอให้แกพักที่นี่ก่อน...พรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน”
นัชชาไม่พอใจสะบัดตัวเดินหนีไป วีรภัทรต้องตามไปง้อ

ด้านชนกชนม์ปิดประตูห้องน้ำตาซึม รู้สึกแย่ที่ทำให้พ่อต้องเดือดร้อน เด็กหนุ่มครุ่นคิด และตัดสินใจบางอย่าง
ไม่นานหลังจากนั้นวีรภัทรเดินเข้าไปในห้องนอนลูกชาย ในถือผ้าห่มมาด้วยพูดจาเป็นปกติ
“คืนนี้อากาศหนาว พ่อเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้...”
วีรภัทรพูดไม่ทันจบ มองไปที่เตียงนอนแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อไม่พบชนกชนม์แล้ว
“ชนกชนม์!”

ชนกชนม์พาตัวเองมาอยู่ที่หน้าห้องเช่าของสุรเดชกลางดึก สุรเดชยืนอยู่หน้าห้อง พูดกับชนกชนม์ด้วยอาการเมายา
“แกมาถูกที่ถูกเวลาแล้วเพื่อน ประตูสวรรค์เปิดต้อนรับเพื่อนรัก 24 ชั่วโมง”
สุรเดชเปิดประตูเข้าไปในห้อง...ชนกชนม์มองภาพตรงหน้าก็อึ้ง....เพื่อนๆ ของสุรเดชกำลังปาร์ตี้ยา บ้างพี้ยา เห็นควันลอยโขมงไปทั่วห้อง
“เป็นไง..เหมือนได้ล่องลอยอยู่บนสวรรค์เลยใช่มั้ย...ขอเชิญเริงรมย์ให้เต็มที่”
สุรเดชเข้าไปชวนชนกชนม์เล่นยาด้วย แต่ชนกชนม์ยังเศร้าใจอยู่ และเดินหนี สุรเดชกอดคอชนกชนม์ไว้
“ไม่มีพ่อแม่คนไหนเข้าใจหรอกพวกเราเว้ยไอ้ชนม์”
ชนกชนม์มองเพื่อนด้วยความสงสัย “ทำไมวะ”
“เพราะว่าเราไม่ใช่ลูกของพวกเขา แท้จริงแล้วเราคือ...ลูกเทวดา” สุรเดชงัดเพลงลูกเทวดาของ คาราบาว มาร้องประชดชีวิต “ลูกเทวดาๆ”
บรรดาเพื่อนๆ ของสุรเดชร้องขานรับเป็นแถว บางคนก็ฟุบหน้าเมาปลิ้น ไม่รู้สึกตัว...สุรเดชคว้าหลอดสูดยาไอซ์ ส่งให้ชนกชนม์
“ถึงเวลาแปลงร่างเป็นเทวดากลับสวรรค์...”
ชนกชนม์มองหลอดยา แล้วหยิบมาเหมือนจะสูบ...แต่ตัดสินใจขว้างปาทิ้งออกไปข้างนอกห้อง
สุรเดชร้องลั่น “เฮ้ย”
ชนกชนม์ขอร้องดีๆ “แกเลิกเหอะ มันไม่ช่วยให้ชีวิตแกดีขึ้นหรอก”
สุรเดชโวยใส่ “แล้วชีวิตลูกมหาเศรษฐีอย่างแกดีนักรึไงวะ ไม่อยากขึ้นสวรรค์ ก็ไปลงนรก...โน่น” ชี้ไปห้องนอนหนึ่งซึ่งอยู่ถัดไปจากบริเวณปาร์ตี้
จากนั้นสุรเดชและเพื่อนๆ ร้องเพลงลูกเทวดาต่อไป...ชนกชนม์ยืนครุ่นคิดตัดสินใจ

ครู่ต่อมาชนกชนม์เดินมาที่อีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องนอนของสุรเดช เขาเดินตรงมาที่หิ้งพระ ชนกชนม์มองนิ่งไปยังพระพุทธรูป...คิดถึงเหตุการณ์ในอดีต

ครั้งนั้น ภายในวัดช่วงเวลาตอนกลางวัน เด็กชายชนกชนม์ วัย 4 ขวบ กำลังกราบพระสามครั้ง...โดยมีวีรภัทรทอดยิ้มมาให้แล้วสั่งสอน
“จำไว้นะลูก พ่อไม่ได้อยู่ดูแลลูกแล้ว ลูกต้องเป็นเด็กดี...โตขึ้นเป็นคนดี”
เด็กชายชนกชนม์ย้อนถาม “แล้วคุณพ่อจะกลับมาอยู่กับผมเหรอครับ”
วีรภัทรยิ้มขณะตอบ “ถึงพ่อไม่ได้อยู่กับลูก...แต่ถ้าลูกเป็นคนดี ใครๆ ก็จะรักลูก...ชีวิตลูกจะมีความสุข”
ชนกชนม์ยิ้มรับ “ครับ..ผมจะเป็นคนดี”

ชนกชนม์ดึงตัวเองกลับมา พูดย้ำคำกับตัวเอง
“ผมจะพยายามครับ....ผมจะทำให้ดีที่สุด”
ชนกชนม์สัญญากับตัวเองต่อหน้าพระพุทธรูป....ชนกชนม์เอามือมากุมรูปจี้ที่สร้อยที่ห้อยไว้ แต่นึกได้ว่าถูกชยางกูรปาทิ้งไปแล้ว ที่ลานแข่งรถสวนรถไฟ

ชนกชนม์รู้สึกเสียดาย...อยากได้สร้อยของพ่อคืน

วันต่อมาสุตาภัญอยู่ที่มหาวิทยาลัยแล้วกำลังเดินตรงไปคณะ โดยทำทีแสร้งงอนเรื่องตัวเองถูกทิ้งเมื่อคืนนี้ โดยมีชนิกานต์เดินตามง้อ

“ตา! ฉันดีใจนะที่เธอปลอดภัย เมื่อคืนเธอกลับไง? ฉันเป็นห่วงเธอมากเลยรู้มั้ย”
สุตาภัญสวนกลับหน้าเคร่ง “แต่ทิ้งฉันไว้คนเดียว!”
ชนิกานต์อึ้ง ธีรดนย์รีบเข้ามาช่วยอธิบายบอกสุตาภัญ
“ผมกับกานต์เป็นห่วงตามาก เรากลับไปตามหาตา แต่ไม่เจอตา”
สุตาภัญแสร้งย้อนถาม “แน่ใจนะว่าตามหาตา”
ชนิกานต์รีบเสริม “จริงๆ ฉันไม่ได้ทิ้งเธอ”
สุตาภัญยิ้ม พูดเป็นนัย “พวกเธอจะหาฉันเจอได้ไง ก็เขามาช่วยพาฉันหนีออกไป”
ธีรดนย์สงสัย “เขา...ใครเหรอ”
“ก็เพื่อนธีไง..นายชนกชนม์” สุตาภัญยิ้ม
ชนิกานต์ดีใจ “ชนกชนม์! หน้าตาดีแล้วยังเป็นฮีโร่อีก..แฟนฉันน่ารักอ่ะ”
สุตาภัญค้อน “เลิกเพ้อได้แล้ว รีบไปกันได้แล้ว”
พูดจบสุตาภัญเดินนำออกไป ชนิกานต์และธีรดนย์ตามไป

ขณะเดียวกันชนกชนม์ลากตัวสุรเดชออกมาจากห้อง
“แกจะลากฉันไปไหน?” สุรเดชเจอแสงนอกห้องก็ร้อง “โอ๊ว แสงแดด ฉันเป็นผีดิบฉันแพ้แสง...” จะกลับเข้าไปข้างใน แต่ชนกชนม์รั้งคอเสื้อ
“ไปเรียนได้แล้ว! ฉันจะเรียกแท็กซี่แวะไปส่งมหา’ลัยแกก่อน แล้วค่อยไปมหา’ลัยฉัน!”
สุรเดชโกหก “ไปเรียนได้ไง ไม่มีตังค์ พ่อแม่ยังไม่โอนเงินให้เลย”
ชนกชนม์ควักเงินยื่นให้หนึ่งพันบาท
“คงพอใช้ได้ทั้งอาทิตย์”
สุรเดชหาเรื่องอ้างไปเรื่องเปื่อย “ฉันยังไม่ได้ซักชุดนักศึกษา”
ชนกชนม์ชี้ไปที่มุมหนึ่ง เห็นเสื้อผ้าชุดนักศึกษาของสุรเดชแขวนไว้
“ฉันจัดการให้แล้ว”
“เฮ้ย..ลืมไปว่ะเพื่อน มหาลัยปิด!” สุรเดชแถต่อไปอีก
ชนกชนม์รีบถาม “โอกาสอะไร”
“กีฬามหาลัย”
ชนกชนม์สวนกลับ “ผ่านไปเดือนที่แล้ว”
สุรเดชคิดข้ออ้างใหม่ “อ๋อ..รับปริญญา”
ชนกชนม์ตอบทันที “ยังไม่ถึง”
“น้ำท่วม! ใช่..มวลน้ำมหาศาลทะลักเข้ามหาลัย จมมิด 5 ชั้น กลายเป็นมหาลัยใต้บาดาล” สุรเดชหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ถูกใจกับมุกของตัวเอง...ที่ช่างคิดออกมาได้
ชนกชนม์จริงจัง “ไม่ขำ”
สุรเดชร้อง “เอิ๊ก” หมดข้ออ้าง
ชนกชนม์บอกจริงจัง “ไปเรียนได้แล้ว!”
“ฉันไปไม่ไหวจริงๆ เมื่อคืนน้องแกซัดฉันซะอ่วม โอย...เจ็บ” สุรเดชแกล้งทรุดตัวลงกองกับพื้น
ชนกชนม์ต้องยอมแพ้ “ฉันอนุญาตให้ลากิจได้วันเดียว ฉันไปล่ะ”
สุรเดชเป็นฝ่ายรั้งตัวชนกชนม์ไว้ “ฉันง่อยเปลี้ยเสียขาทำอะไรไม่ได้เลย แกต้องช่วยทำธุระให้ฉัน!”
ชนกชนม์สงสัย “ช่วยอะไร”

ด้านสุตาภัญและเพื่อนนักศึกษา เดินมาถึงหน้าชุมชนแล้ว เพื่อนๆ ถือกล่องใส่อุปกรณ์การจัดกิจกรรมสำหรับเด็ก เดินตามด้านหลัง
“รีบไปกันเถอะ ป่านนี้เด็กๆ รอกันแล้วล่ะ” สุตาภัญเร่ง
ธีรดนย์รั้งไว้ “ตา...คุณพ่อคุณแม่รู้ว่าตามาทำกิจกรรมให้เด็กๆ คงโดนดุอีก”
ชนิกานต์เสริมทันที “ฉันว่ายกเลิกกิจกรรมบ้าบอนี่เหอะ ไปช้อปปิ้งกันดีกว่า”
“ไม่ได้....พวกเรารับปากกับเด็กๆ ไว้แล้ว..แล้วอีกอย่างนี่เป็นกิจกรรมชมรม ทำในนามคณะเราด้วย”
ธีรดนย์ยังไม่เลิกเป็นห่วง “แล้วถ้าคุณพ่อคุณแม่ตารู้ล่ะ”
“ก็อย่าให้รู้สิ...” สุตาภัญหันมาบอกเพื่อนๆ “พวกเธอขนของไปที่ศูนย์เด็กเล็กก่อนนะ ฉันจะแวะซื้อขนมไปแจกเด็กๆ”
เพื่อนๆ แซวสุตาภัญ “จ้ะนางฟ้า”
กลุ่มเพื่อนขนของเดินแยกออกไป สุตาภัญเดินนำสองคนไปที่มุมหนึ่งของชุมชนแออัด

ส่วนสุรเดชยื่นถุงกระดาษที่ใส่ของอยู่ข้างในให้ตรงหน้า
“อะไร” ชนกชนม์สงสัย และทำท่าจะเปิดดู
สุรเดชรีบห้ามไว้ “เขาแพคของไว้เรียบร้อยแล้ว อย่าแกะเดี๋ยวมีตำหนิ”
“ไม่บอกฉันไม่ช่วย” ชนกชนม์มองหน้าสุรเดช
“ฉันก็ไม่รู้ เขาฝากมาอีกที ฉันจะไปส่งเองก็เดินไม่ไหว..โอย..เจ็บ” สุรเดชแกล้งทำท่าเจ็บ
ชนกชนม์ถามเข้าเรื่อง “เอาไปให้ใคร”
“ใส่ไว้ในกล่องจุดตรวจหน้าชุมชน” สุรเดช
ชนกชนม์สงสัยอีก “ทำไมไม่ส่งให้กับคนที่จะรับของ”
“อย่าซักมากสิวะ ยิ่งพูดมันปวดไปถึงตับ..ไปได้แล้ว”
“เออ” ชนกชนม์ตัดความรำคาญ
ชนกชนม์ถือถุงกระดาษเดินออกไป
เพื่อนของสุรเดชเดินเข้ามาหา พลางถาม
“ไว้ใจมันได้เหรอวะ”
“ไม่มีใครไว้ใจได้เท่ามันอีกแล้ว”

สุรเดชยิ้มเจ้าเล่ห์ มั่นใจว่าชนกชนม์สามารถทำงานนี้ได้

ขณะเดียวกันกฤติยาซึ่งแต่งชุดนักศึกษาเตรียมจะไปเรียน กำลังเอาขนมไทยในถาดมาวางหน้าร้านขนมของยายแก้ว สักครู่เห็นยายแก้วเดินเข้ามา

“พอเถอะลูก...ไปเรียนได้แล้ว”
“ยังพอมีเวลาจ้ะยาย....หนูช่วยจัดของให้เสร็จก่อน”
กฤติยาหันมาจัดวางขนมหน้าร้านต่อ สักครู่มองไป เห็นกลุ่มของสุตาภัญกำลังเดินมาแต่ไกล ตรงมาที่ร้าน...กฤติยามองเห็นธีรดนย์ก็จำได้ และรู้สึกอาย ไม่อยากให้ธีรดนย์เห็นเธอในสภาพนี้..รีบหลบไปจัดของที่มุมหนึ่ง
พวกสุตาภัญเดินมาถึงร้านขนมแล้ว สุตาภัญเอ่ยขึ้น
“ซื้อขนมค่ะยาย เอาอย่างละสิบห่อนะคะ”
ยายแก้วแปลกใจ “มากันสามคน ทำไมซื้อตั้งเยอะแยะ”
ชนิกานต์ไม่พอใจ “กลัวพวกฉันไม่มีเงินจ่ายรึไง ฉันมีเงินพอที่จะเหมาได้ทั้งร้าน”
สุตาภัญปรามและตำหนิชนิกานต์ “กานต์”
“ยายดูออกว่าพวกหนูเป็นคนรวย แต่ยายห่วงว่าจะกินกันหมดเหรอ?” ยามแก้วว่า
สุตาภัญรีบบอก “พวกเราซื้อขนมไปแจกเด็กๆ ที่ศูนย์จ้ะยาย”
ยายแก้วยิ้มดีใจ “อ๋อ..พวกหนูๆ นั่นเองที่มาเล่นละครให้เด็กๆ ดู ใจบุญกันจริงๆ เดี๋ยวยายแถมให้”
ชนิกานต์แหลมเข้ามาอีก “ไม่ต้องแถม พวกฉันมีปัญญาจ่ายแล้วก็ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร”
คราวนี้สุตาภัญเสียงดุใส่ชนิกานต์ “กานต์ อยู่เฉยๆ ได้ไหม”
ธีรดนย์ไม่พอใจที่ชนิกานต์ทำตัวน่ารังเกียจ หันไปบอกยายแก้ว
“เร่งหน่อยนะครับยาย พวกเรารีบ”
ยายแก้วหันไปบอกกฤติยา “ลูกยา...มาช่วยยายห่อขนมหน่อยลูก”
กฤติยาไม่อยากให้ธีรดนย์เห็น..ก้มหน้าตอบ “หนูสายแล้วจ้ะยาย หนูไปเอากระเป๋าไปเรียนแล้วนะ”
กฤติยาเดินก้มหน้าออกไป ธีรดนย์มองตาม แปลกใจว่ายัยคนนี้เป็นใคร และจำไม่ได้ว่าเป็นกฤติยา
ยายแก้วแปลกใจในพฤติกรรมของกฤติยา หันมาห่อขนมให้สุตาภัญพลางบอก
“รอสักครู่นะจ๊ะ”

กฤติยาเดินมาหลบที่มุมหนึ่งของร้าน แล้วแอบมองธีรดนย์ที่ยืนอยู่หน้าร้าน กฤติยารู้สึกตื่นเต้น ที่ได้เจอธีรดนย์อีกครั้ง
เสียงชนกชนม์เรียกดังขึ้น “ยา”
กฤติยาสะดุ้งตกใจ หันกลับไปมอง เจอชนกชนม์
กฤติยาแปลกใจ “พี่ชนกชนม์มาทำอะไรที่นี่”
“มานอนค้างกับพวกลูกเทวดาน่ะ” ชนกชนม์นึกสงสัย “แล้วเราล่ะมายืนทำอะไรตรงนี้? แอบใครเหรอ”
กฤติยารีบปฏิเสธ “เปล่า...ฉันจะไปเอาหนังสือที่บ้าน ไปก่อนนะ”
กฤติยารีบเดินเลี่ยงกลับไปบนสะพานทางไปบ้าน ชนกชนม์ยิ้มให้ แล้วเดินออกไป

ที่บริเวณร้านขนมยายแก้ว สุตาภัญส่งเงินค่าขนมให้ยาย ธีรดนย์รับถุงขนมมา
“ขอบคุณค่ะยาย!”
“จำเริญๆ นะพ่อคุณแม่คุณ” ยายแก้วบอก
“วันหน้าจะมาอุดหนุนอีกค่ะ” สุตาภัญบอกยิ้มๆ
ระหว่างนั้นชนกชนม์เดินออกมาจากมุมหนึ่ง กำลังจะมองตรงไปยังร้านขนมยายแก้ว สุตาภัญและกลุ่มเพื่อนหันกลับเดินไปทางศูนย์เด็กเล็ก
ชนกชนม์เดินออกมา ยิ้มให้ยายแก้ว แล้วเดินออกไป โดยไม่เห็นสุตาภัญ

ชนกชนม์เดินไปที่จุดหนึ่ง...สารวัตรและจ่าที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านในชุมชนแออัด....มองตามชนกชนม์ ตำรวจสองนายหันมาสบตากัน แล้วเดินตามชนกชนม์ไป โดยที่ชนกชนม์ไม่รู้ตัว
ขณะเดียวกัน สุรเดชออกจากมุมหนึ่ง..ยิ้มอย่างพอใจ...แล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง

ชนกชนม์เดินถือถุงมา เริ่มสงสัยว่าข้างในเป็นอะไร?
“ของอะไร”
ชนกชนม์จะเปิดถุงเปิดออกมาดู แต่แล้ว..จังหวะนั้นสายตาชนกชนม์มองเห็นภาพจากกระจกสะท้อนที่หัวมุมซอย...เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายตามเขามา พอชนกชนม์หันกลับไปมอง ตำรวจสองคนก็หลบ
ชนกชนม์แปลกใจ เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย...จึงเร่งฝีเท้าเดินไปอย่างเร็วรี่ ตำรวจสองนายที่หลบอยู่...รีบสะกดรอยตามชนกชนม์ไปทันที

เวลาเดียวกัน สุตาภัญ ชนิกานต์ ธีรดนย์ และเพื่อนๆ นักศึกษา ยืนอยู่ด้านหน้าเด็กๆ ที่นั่งอยู่กับพื้น ภายในศูนย์เด็กเล็กในชุมชมแออัด
“สวัสดีค่ะเด็กๆ พวกพี่มาจากคณะนิเทศศาสตร์ มาทำกิจกรรมในนามของชมรมอะไรคะ”
เด็กๆ ชายหญิงตอบพร้อมกัน “ชมรมคนรักเด็กค่ะ” / “ชมรมคนรักเด็กครับ”
สุตาภัญยิ้ม “เก่งมากค่ะ เราเคยสัญญากันไว้ วันนี้พวกพี่ๆจะมาแสดงละครให้ชม เรื่อง...”
พวกเพื่อนๆ สุตาภัญประสานเสียงเสริมให้ “เจ้าหญิงสโนไวท์”
“เดี๋ยวพวกพี่ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อน ระหว่างนี้พี่กานต์คนสวย มีขนมมาแจกค่ะ”
ชนิกานต์อึ้งที่ สุตาภัญโยนหน้าที่แจกขนมให้ตัวเอง
“ขอเสียงปรบมือให้พี่กานต์ด้วยค่ะ” สุตาภัญมัดมือชก
เด็กๆ พากันปรบมือให้ชนิกานต์ สุตาภัญขยิบตาให้ชนิกานต์เข้ามาแจกขนมเด็กๆ ชนิกานต์จึงหยิบถุงขนมมายืนหน้าเวที
สุตาภัญ,ธีรดนย์และเพื่อนบางคนเดินออกไป เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดนักแสดง
ชนิกานต์ร้องขึ้น “มารับขนมได้แล้ว”
เด็กๆ ต่างลุกกรูเข้ามาแย่งขนม และกอดชนิกานต์ ชนิกานต์ไม่พอใจ เผลอตวาดเสียงดังตามนิสัย

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! อย่าเอามือสกปรกมาแตะต้องตัวฉัน ออกไป!”

พวกเด็กๆ อึ้ง ตกใจ ถอยออกห่าง เด็กๆ ยืนน้ำตาคลอ ทำท่าจะร้องไห้ ชนิกานต์รู้สึกผิด รีบหันไปมองสุตาภัญและธีรดนย์ เพื่อขอความช่วยเหลือ

สุตาภัญส่งสัญญาณให้ชนิกานต์แก้ปัญหา ไม่ให้เด็กๆ ร้องไห้
ชนิกานต์ลดเสียงพูดเบาๆ “เข้าแถวก่อนนะคะคนเก่ง พี่คนสวยจะแจกให้ทีละคนค่ะ”
เด็กๆ ยิ้มให้..แล้วเข้าแถวรับขนมจากชนิกานต์ ..เด็กๆ ยกมือไหว้ขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะ” / “ขอบคุณครับ”
เด็กๆ เข้าแถวรับขนม แล้วยกมือไหว้ ทำให้ชนิกานต์รู้สึกดีขึ้น...ยิ้มออกมาได้ในที่สุด
มีเด็กคนหนึ่งเข้ามารับขนมเสร็จ เข้ากอดชนิกานต์ด้วยความดีใจ
“พี่คนสวยใจดีเหมือนนางฟ้าเลยค่ะ”
ชนิกานต์ตกใจที่เด็กเข้ามากอด มองที่มือไม้ก็เห็นว่าเลอะเทอะดูสกปรกชนิกานต์ค่อยๆ ดันตัวเด็กออกเบาๆ ไม่ให้เด็กตกใจ
“ค่ะ...ไปนั่งกินนะคะ...คนต่อไปค่ะ”

เด็กๆ เข้ามารับขนมต่อ ชนิกานต์พยายามรักษาระยะห่าง ไม่ให้เด็กเข้ามากอดได้ สุตาภัญและธีรดนย์ยืนมอง แอบยิ้มขำในพฤติกรรมของชนิกานต์

ครู่ต่อมาตรงมุมหนึ่งหลังเวที ธีรดนย์หยิบชุดเจ้าชายมาถือไว้ เพื่อจะเปลี่ยนชุด สุตาภัญเดินเข้ามา เจอธีรดนย์ และมีเพื่อนๆ สองคนกำลังเปลี่ยนชุด
“ธี...จำบทเจ้าชายได้ไหม” สุตาภัญถาม
“ได้สิ..เจ้าชายออกมาตอนสโนไวท์นอนบนโลงแก้ว แล้วเจ้าชายก็จุมพิตทำให้สโนไวท์มีชีวิตอีกครั้ง” ธีรดนย์ว่า
“เก่งมาก...” สุตาภัญรีบบอก “แต่ห้ามจูบจริงนะ”
ธีรดนย์ยิ้มกริ่ม “คนรักกันก็ต้องจูบกันสิ”
สุตาภัญอึ้งมองธีรดนย์เขม็ง ธีรดนย์รีบกลบเกลื่อน “ผมหมายถึงตัวละครน่ะ”
“การแสดงก็ต้องใช้เทคนิคสิ รีบไปเปลี่ยนชุดได้แล้วค่ะเจ้าชาย”
ธีรดนย์รู้สึกตื่นเต้น วางชุดไว้ในห้อง...แล้วเดินออกไปข้างนอก
สุตาภัญฉงน “ธีจะไปไหน?”
“ผมตื่นเต้นอ่ะ ขอเข้าห้องน้ำก่อน”
“กว่าจะถึงฉากเจ้าชายอีกสิบนาที รีบไปเถอะ” สุตาภัญบอก
ธีรดนย์เดินออกไป..สุตาภัญกับเพื่อนๆ รีบเปลี่ยนชุดการแสดง

ส่วนชนกชนม์เดินถือถุงมองไปยังกล่องแดง ใส่เอกสารจุดตรวจของสายตรวจ ชนกชนม์จะเดินตรงไป...แต่ทันใดนั้น..ชนกชนม์รู้ตัวว่ามีชายสองคนตามเข้ามาใกล้
พอชนกชนม์เดินตรงไปจะถึงกล่องจุดตรวจ แต่เกิดเปลี่ยนใจ...หันตัวกลับเดินออกไป
เห็นตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายเดินตามมา
ชนกชนม์รีบวิ่งกลับเข้าไปในชุมชนแออัด...สารวัตรและจ่ารีบวิ่งตามไปทันที

ด้านสุตาภัญซึ่งแต่งตัวเป็นสโนไวท์ ออกมาแสดงให้เด็กๆ ในศูนย์เด็กเล็กดู
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย....แม่เลี้ยงใจร้ายส่งทหารมาฆ่าฉัน ใครก็ได้ช่วยที”
สุตาภัญส่งเสียงร้องให้คนช่วย โดยมีเพื่อนที่แต่งชุดทหาร ทำทีตามหาสโนไวท์
“พวกมันตามมาแล้ว...” แล้วตะโกนถามกับเด็กๆ “ฉันจะทำยังไงดี”
เด็กๆ ต่างร้องประสานเสียงบอกสโนไวท์
“มาหลบตรงนี้ค่ะ!”
สุตาภัญรีบวิ่งไปหลบที่เด็กๆ เพื่อนที่แสดงเป็นทหาร หาสโนไวท์ไม่เจอ
“มันวิ่งหนีไปไหนนะ?”

ตรงมุมหนึ่งภายในสลัม ชนกชนม์วิ่งหนีหน้าตั้ง โดยมีตำรวจสองนายวิ่งไล่ล่า
“หยุดนะ!”
ชนกชนม์ตกใจวิ่งหนี.....
ชนกชนม์วิ่งหนีมาที่มุมหนึ่ง เจอกับกฤติยาซึ่งถือกระเป๋าจะไปมหาวิทยาลัย
“ยา!”
กฤติยามองไปเห็นว่าตำรวจวิ่งไล่มาแต่ไกล จึงรีบบอกชนกชนม์
“พี่หลบไปทางโน้น”
ชนกชนม์รีบวิ่งไปตามที่กฤติยาบอก ตำรวจสองนายวิ่งมาถึงจุดแยกมองหาชนกชนม์
กฤติยาแกล้งถาม “พวกพี่ตามหาใครคะ”
สารวัตรถาม “น้องเห็นผู้ชายวัยรุ่นวิ่งมาทางนี้มั้ย”
“โจรขโมยของใช่มั้ยคะ? ยาเห็นมันวิ่งถือถุงไปทางโน้นค่ะ”
กฤติยาชี้ไปอีกทาง ตำรวจสองนายมองหน้ากัน..
สารวัตรสั่งการ “จ่าตามไปทางนั้น” ชี้ไปทางที่กฤติยาบอก “ผมจะไปทางโน้น” แล้วชี้บอกทางที่ชนกชนม์วิ่งไป
“ครับสารวัตร”
จ่ารับคำสั่งแล้ววิ่งไปตามทางที่กฤติยาบอก ส่วนสารวัตรวิ่งไปตามทางที่ชนกชนม์วิ่งหนีไป
กฤติยาตกใจ “พี่ชนกชนม์”

ขณะเดียวกันที่ศูนย์เด็กเล็ก ชนิกานต์กำลังเล่าบรรยายนิทานให้เด็กๆ ฟัง
“หลังจากแม่เลี้ยงใจร้ายฆ่าสโนไวท์ไม่ได้ แม่เลี้ยงใจร้ายได้ปลอมตัวเป็นยายแก่ แล้วเอาแอปเปิ้ลอาบยาพิษมาให้สโนไวท์”
นักแสดงแม่มด ส่งแอปเปิ้ลให้สโนไวท์ที่สุตาภัญเล่น
“แอปเปิ้ลแทนน้ำใจที่หนูช่วยยายจ้ะ” แม่มด
“ขอบใจมากจ้ะยาย..” สโนไวท์กัดกินแอปเปิ้ล
ชนิกานต์เล่าต่อ “เมื่อสโนไวท์กัดกินแอปเปิ้ล ก็เสียชีวิตทันที”
สุตาภัญทรุดตัวลงตามคำบรรยายของชนิกานต์ เด็กๆ มองสุตาภัญล้มลง ก็ตกใจและสงสารสโนไวท์
“เหล่าคนแคระต่างตกใจร้องให้คนช่วย” ชนิกานต์ทำเสียงร้องเป็นตัวละครคนแคระ “ใครก็ได้ช่วยที...ช่วยด้วย”

ด้านชนกชนม์วิ่งหนีมา แล้วหยุดพักเหนื่อยหอบ ชนกชนม์เริ่มฉุกคิดอย่างแปลกใจ
“วิ่งไล่เราทำไม รึว่าของในนี้” ชนกชนม์มองถุงในมือตัวเอง
ทันใดนั้นสารวัตรก็วิ่งตามมา ชนกชนม์เห็นระยะไกลก็ตกใจ รีบวิ่งไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของศูนย์เด็กเล็ก สารวัตรวิ่งมาหยุดมองหาชนกชนม์ไปรอบๆ แล้วมองเข้าไปยังศูนย์เด็กเล็ก

ชนกชนม์วิ่งเข้ามาหลบในห้องแต่งตัว แอบมองลอดประตูออกไป
สารวัตรมองหา จ่าวิ่งเข้ามาสมทบ สองคนมองหาชนกชนม์ แล้วมองตรงมายังห้องแต่งตัว!

ชนกชนม์คิดหาทางแก้ปัญหา เขามองไปเห็นชุดเจ้าชายของธีรดนย์ที่วางอยู่

ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 1 (ต่อ)

เวลาต่อมาชนิกานต์กำลังพากย์บรรยายนิทานต่อ

“ขณะที่สโนไวท์นอนเสียชีวิตบนโลงแก้ว ได้มีเจ้าชายจากแดนไกลเดินทางมาพบ”
ชนกชนม์แต่งชุดเจ้าชาย ใส่หมวกปกปิดใบหน้าไว้เดินออกมา ชนิกานต์มองด้วยความแปลกใจ เพราะรูปร่างไม่เหมือนธีรดนย์
ชนกชนม์เดินตรงมาหาสโนไวท์ที่นอนอยู่กลางเวที
จังหวะนั้นธีรดนย์เดินเข้ามายืนข้างชนิกานต์
“ใครออกไปเล่นแทนฉัน”
ชนิกานต์แปลกใจที่ธีรดนย์อยู่กับเธอ แล้วเจ้าชายคนนั้นเป็นใคร?
ส่วนสารวัตรและจ่าบุกเข้ามาในห้องแต่งตัว แต่ไม่เจอชนกชนม์ ทั้งสองแปลกใจ!

ชนกชนม์เดินตรงมายังร่างของสโนไวท์ พยายามก้มหน้า ชนิกานต์คาใจอยากรู้ว่าเป็นใคร จึงพากษ์นิทานให้เจ้าชายเปิดหมวก
“แล้วเจ้าชายก็ถอดหมวกออก...”
ชนกชนม์จำต้องถอดหมวกตามการเล่านิทาน..เผยให้เห็นหน้าชนกชนม์
สุตาภัญมองเห็นหน้าของชนกชนม์ก็ตกใจ
“นาย”
ชนิกานต์และธีรดนย์ก็ต่างแปลกใจ....ที่เจ้าชายกลายเป็นชนกชนม์ เด็กๆมองลุ้นด้วยความสนุกสนานในละคร..
ชนิกานต์นิ่งอึ้ง แปลกใจที่ชนกชนม์เข้ามาเล่นละคร ตกใจจนลืมเล่านิทานต่อ เพื่อนคนหนึ่งเข้ามาบอกชนิกานต์
“ชนิกานต์เล่าต่อสิ...เด็กๆรอดูอยู่”
ชนิกานต์ได้สติ เล่าต่อ “แล้วเจ้าชายรูปงาม ก็จุมพิตสโนไวท์”
ชนกชนม์มองไปยังร่างสุตาภัญ...แล้วอึ้ง ไม่กล้าจูบ
สุตาภัญมองชนกชนม์ด้วยความกังวลใจ ว่าชนกชนม์จะทำอะไร ชนกชนม์ยืนมอง ไม่กล้าจุมพิตตามนิทาน เด็กๆ ต่างแปลกใจ

ระหว่างนั้นสารวัตรและจ่าเดินเข้ามาทางด้านหน้าของศูนย์ มองตรงไปยังเวทีการแสดง..มองหาชนกชนม์
พอชนกชนม์มองเห็นสารวัตรและจ่ากำลังมองตรงมา จึงตัดสินใจก้มลงจูบสุตาภัญทันที
สุตาภัญตกใจ...ที่ชนกชนม์จูบเธอ
ชนิกานต์และธีรดนย์ตกใจที่ชนกชนม์จูบสุตาภัญ
ส่วนสารวัตรและจ่ามองไป ไม่เห็นชนกชนม์ หันไปบอกจ่า
“ไปดูทางด้านโน้น”
สารวัตรกับจ่าเดินออกไปจากบริเวณศูนย์เด็กเล็ก
ชนิกานต์ตัดสินใจเล่านิทานต่อ ไม่อยากให้ชนกชนม์จูบสุตาภัญ
“สโนไวท์ฟื้นทันที...แล้วทั้งสองก็ครองรักกัน”
สุตาภัญลุกขึ้นยืนเคียงข้างชนกชนม์..ชนกชนม์รู้สึกเขินอาย เพื่อนที่แสดงเป็นแม่มดเข้ามาต่อว่าชนิกานต์
“เรื่องยังไม่จบนะ ฉันต้องออกไปต่อสู้กับเจ้าชาย”
“มันผิดคิวผิดคนไปหมดแล้ว จบเลยแล้วกัน...” ชนิกานต์บอกเด็กๆ “ขอเสียงปรบมือให้นักแสดงด้วยค่ะ”
นักแสดงในเรื่องต่างออกไปยืนเรียงแถว เด็กๆ ปรบมือให้นักแสดง
ไม่นานต่อมา คณะครูพี่เลี้ยงต่างเข้ามาถ่ายรูปนักแสดง ชนกชนม์โดนเบียดชิดติดกับสุตาภัญตลอด
ครูพี่เลี้ยงร้องบอก “เจ้าชายกอดเจ้าหญิงด้วยค่ะ”
ชนกชนม์ยืนอึ้ง จำต้องกอดสุตาภัญ ให้ครูพี่เลี้ยงถ่ายรูป
ครูพี่เลี้ยงบอกชนกชนม์และสุตาภัญ “ชิดๆกันอีกค่ะ... อีกรูปนะคะ”
ชนกชนม์จำต้องยืนชิดสุตาภัญ ยิ้มให้กัน เพื่อให้ครูพี่เลี้ยงถ่ายรูป สุตาภัญรู้สึกไม่พอใจที่ชนกชนม์จูบเธอ แต่จำต้องฝืนยิ้มออกมา
ชนกชนม์เขินแต่ก็รู้สึกดีที่ได้ใกล้ชิดกับสุตาภัญ

ครู่ต่อมา ที่ห้องแต่งตัวชนกชนม์รีบถอดชุดนักแสดงออก เปลี่ยนมาเป็นชุดเดิม
ธีรดนย์เดินเข้ามาต่อว่าชนกชนม์
“ชนม์ แกทำอะไรของแกวะ แกรู้รึเปล่าว่าแกทำให้กิจกรรมของฉันเกือบล่ม”
“ก็แค่เกือบล่ม แต่ยังไม่ล่ม ขอโทษจริงๆว่ะเพื่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นเหตุสุดวิสัย”
ธีรดนย์แปลกใจ “แล้วแกมาทำอะไรที่นี่ รึว่ามาพี้ยากับไอ้ก๊วนลูกเทวดา”
“เรื่องมันยาวว่ะ ไว้ฉันเล่าให้ฟัง ไปก่อน”
ชนกชนม์ตัดบท รีบเดินออกไปจากห้อง ธีรดนย์ไม่พอใจนัก

ขณะที่ชนกชนม์เดินออกมาที่ด้านหน้าศูนย์ ก็เจอเข้ากับสุตาภัญ
“นาย”
ชนกชนม์รู้สึกผิดมาก “ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ....เธอจะตบรึด่าฉันยังไงก็ได้ ฉันยอมรับผิดทุกอย่าง”
ชนกชนม์พูดไม่ทันจบ ถูกสุตาภัญตบหน้าฉาดใหญ่
“นายไม่ควรทำอย่างนั้น”
ชนกชนม์รู้สึกผิด “เธอจะตบฉันอีกก็ได้นะ”
“การใช้ความรุนแรงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหรอก แต่ที่ฉันตบหน้านาย เพราะฉันไม่อยากให้นายทำอย่างนั้นอีก”
“เธอตบฉันอีกเถอะ” ชนกชนม์รู้สึกผิดอยู่
สุตาภัญแปลกใจไม่หาย
ชนกชนม์บอก “มันจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ถ้าเธอจะลงโทษฉันมากกว่านี้”
สุตาภัญเห็นในความจริงใจและยอมรับผิดชอบชนกชนม์ก็รู้สึกดี
“แค่นี้เพียงพอแล้วสำหรับคนที่ยอมรับผิด”
“ขอบใจมากนะ”
สุตาภัญยิ้มให้อภัย ชนกชนม์ยื่นมือจะจับแสดงความเป็นมิตร สุตาภัญแปลกใจ
“สำหรับมิตรภาพที่มอบให้ฉัน”
ชนกชนม์ยิ้มให้สุตาภัญยื่นแขนออกไปจะจับมือด้วย แต่แล้ว จังหวะนั้นเองกุญแจมือของตำรวจก็โผล่เข้ามาล็อคมือชนกชนม์เสียงดังแก๊ก
ชนกชนม์หันไป สารวัตรเข้ามาล็อคกุญแจมือทั้งสองข้าง
“นายตกเป็นผู้ต้องสงสัย...ในคดีค้ายาเสพติด!”
ชนกชนม์ตกใจ สุตาภัญเองก็ตกใจ

ธีรดนย์และชนิกานต์ยืนที่มุมหนึ่ง เห็นภาพชนกชนม์ถูกตำรวจจับก็งงๆ

ชนกชนม์ถูกคุมตัวมายังสถานีตำรวจในท้องที่นั้น

“สารวัตรครับ ผมไม่ได้ค้ายา! ผมไม่รู้เรื่อง”
“ไม่ต้องโกหก แกรับของจากเพื่อนจะไปส่งที่กล่องแดงให้ลูกค้ามาเอายาอีกที”
ชนกชนม์ย้อนถามสารวัตร
“แล้วไหนหลักฐานล่ะครับ สารวัตรตรวจค้นตัวผมแล้วไม่พบยาสักเม็ด”
สารวัตรสวนกลับ “แกทิ้งของที่ไหน”
“ผมไม่มีของ ผมไม่รู้”
สารวัตรมองยังชนกชนม์ แล้วยิ้มเย้ย
“ไม่รู้ไม่เป็นไร คนของฉันกำลังหาของกลาง แล้วแกจะรู้ว่าผลจากการค้ายาทำให้แกติดคุกหัวโต”
สารวัตรลากตัวชนกชนม์เข้าไปด้านใน ชนกชนม์กังวลใจมาก

ทางด้านสุตาภัญที่กำลังเก็บอุปกรณ์การแสดงจะกลับมหาวิทยาลัย อยู่ในอาการเหม่อ เป็นห่วงชนกชนม์ ส่วนชนิกานต์รู้สึกผิดหวังในตัวชนกชนม์ เดินเข้ามาบ่นกับสุตาภัญ
“ฉันไม่อยากเชื่อเลย คนหน้าตาดีฮีโร่ของฉันจะทำอย่างนี้”
ธีรดนย์เย้ย “ฉันเตือนแล้วว่ามันไม่ดี.. ก็ไม่เชื่อ..หลงผู้ชายหน้ามืดตาบอด!”
“ฉันจะรักใครหลงใครก็เรื่องของฉันไม่ต้องยุ่ง”
ชนิกานต์สวนกลับ ตวาดใส่ ธีรดนย์จึงเดินไปคุยกับสุตาภัญ
“ตา กลับกันเถอะ...”
“ธีไม่ไปช่วยเพื่อนเหรอ”
“ผมไม่นับพวกค้ายาเป็นเพื่อนหรอก ตาเองก็เลิกสนใจมันได้แล้ว ไม่งั้นตาต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
สุตาภัญพยักหน้ารับ แต่ภายในใจยังคงเป็นห่วงชนกชนม์ คิดทำอะไรบางอย่าง

เวลาผ่านไปอีกสักระยะ ชนกชนม์นั่งเครียดอยู่ในคุกฝากขังบนโรงพัก สักครู่หนึ่งสุรเดชเดินตรงเข้ามา พร้อมถือโอเลี้ยงและข้าวผัด สุรเดชวางมาดตำรวจเอาเหรียญแคะกรงเหล็ก
“คุณชนกชนม์ มีเพื่อนสุดหล่อมาเยี่ยมครับ”
ชนกชนม์เห็นสุรเดชก็พุ่งตรงเข้ามากระชากตัว
“ไอ้เดช! แกหลอกใช้ฉันส่งยาให้แก”
“ไม่เอา..ไม่พูด” สุรเดชชี้ไปที่มุมหนึ่ง มีกล้องวงจรปิดติดไว้
ชนกชนม์ผลักสุรเดชด้วยความโมโห “แกหลอกฉัน”
“ฉันจะกล้าทำอย่างนั้นกับเพื่อนได้ไง”
“แกไม่ต้องพูดดี ของในถุงเป็นยาบ้า”
“แล้วถุงนั่นอยู่ไหนวะ”
สุรเดชถามหาถุงใส่ของ ชนกชนม์นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ชนกชนม์มองถุงของในมือ แล้วตัดสินใจโยนถุงลงถังขยะ...ปิดฝาไว้

สุรเดชฟังจบก็อวยชื่นชมชนกชนม์สุดฤทธิ์
“ฉลาดงี้สิควรค่าเป็นสมาชิกลูกเทวดา! สุดยอดเพื่อนรัก”
ชนกชนม์กระชากคอเสื้อเดช “แกไม่ใช่เพื่อนฉันอีกต่อไป!”
“ไม่เอาน่า..เพื่อนอุตส่าห์ซื้อโอเลี้ยงข้าวผัดมาฝาก กินให้อิ่มนอนพักแป๊บเดียว แม่แกก็มาประกันตัวแล้ว”
ชนกชนม์ตกใจ “แกโทร.บอกแม่ฉัน”
“รึจะให้ฉันโทร.บอกชยางกูรให้มาหัวเราะเยาะแก” สุรเดชว่า
ชนกชนม์เครียด “ฉันโทร.ให้พ่อมาประกันตัวแล้ว”
สุรเดชนึกได้ ทำหน้าสยองขวัญ “ฉิบหาย! พ่อแม่แกเจอกัน..บรรลัย! โรงพักกลายเป็นสนามรบ...ระเบิดตูมๆ” พร้อมกับยกมือไหว้ภาวนา “หากผีขี้คุกมีจริง ขอให้พ่อแกมาก่อนแม่ด้วยเถอะ!”
จังหวะนั้นตำรวจเวรเดินเข้ามาบอกชนกชนม์
“นายชนกชนม์ ผู้ปกครองมาประกันตัว”
สุรเดชรีบถาม “ผู้ชายรึผู้หญิงครับ”
“ผู้ชาย”
สุรเดชโล่งอก “รอดตายแล้วเพื่อน พ่อแกมา”
ชนกชนม์คลายความเครียดลง....แต่ยังวิตกกังวลเรื่องคดี

ประกันตัวเสร็จแล้ว ชนกชนม์เดินออกมา ใจตุ้มๆ ต่อมๆ เห็นเป็นธนกร..ก็ยิ้มโล่งใจ.. แต่แล้วชลนิภาเดินเข้ามายืนหน้าธนกร..โดยมีชยางกูรยืนมองเย้ยชนกชนม์อยู่
“คุณแม่”
สุรเดชตกใจแทนชนกชนม์ เอามือกุมขมับ
“ผีขี้คุกแมร่งไม่ช่วยเลย!” รีบยืนหลบมุมทันที
ชนกชนม์พยายามจะอธิบายกับชลนิภา “คุณแม่ครับ...คือว่าผม”
ชนกชนม์ไม่ทันเล่าอะไร ชลนิภาปรี่เข้ามาตบตีชนกชนม์ทั้งตบหน้าตีตามตัว พร้อมกับด่าไม่หยุดปาก
“สารเลว สร้างปัญหาให้ฉันไม่หยุดหย่อน ทำอะไรลงไป ไม่คิดถึงหน้าฉันบ้าง เงินที่ฉันให้ไม่พอใช้รึไงถึงต้องใฝ่ต่ำไปค้ายา” ชลนิภาปรายตามองไปยังสุรเดชที่หลบมุมอยู่ สุรเดชรีบยกมือไหว้ แล้วหลบหน้าต่อ “เพราะแกคบเพื่อนชั่วถึงได้เชื้อชั่วติดมา ทำไมถึงทำอย่างนี้ บอกฉันมา บอกฉันมา!”
ชลนิภาตบตีชนกชนม์ไม่หยุด วีรภัทรต้องเข้ามาห้าม
“พอได้แล้วคุณ”
ชลนิภาไม่พอใจแหวใส่ “คุณมาทำไม”
“ชนกชนม์โทร.บอกผม มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกัน อย่ามัวแต่ใช้อารมณ์ มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นหรอก”
สองคนเปิดฉากทะเลาะกันอีก ชลนิภาสวนกลับ “ไม่ต้องมาสอน! ฉันเป็นแม่ฉันมีหน้าที่สั่งสอนลูกฉัน!”
“ชนกชนม์เป็นลูกของผมเหมือนกัน”
“แต่ตามกฎหมายคุณไม่มีสิทธิ์ในตัวลูก”
“คุณพ่อคุณแม่อย่าทะเลาะกันเลยครับ...ผมขอโทษครับ”
ชนกชนม์เข้ามาเบรกไว้ ธนกรก็เข้ามาห้ามชลนิภา
“ใจเย็นๆ ก่อนคุณ...อายเขา”
ระหว่างนั้นสารวัตรเดินตรงเข้ามาหา พร้อมกับจ่าลูกน้องคนเดิม
“เราพบของกลางแล้ว” สารวัตรโชว์ถุงของชนกชนม์ “จะได้เปิดพิสูจน์ว่ามียามากน้อยแค่ไหน” พลางหันมาขู่ชนกชนม์ “จำนวนยามีผลต่อการตัดสินจำคุก.. 5 ปี 10 ปี รึตลอดชีวิต”
ชนกชนม์เครียดขึ้นมาทันที
สุรเดชมองไปยังห่อยาก็ตกใจ

“เชี๊ยแล้วเพื่อนกู!”

ครู่ต่อมา สารวัตรเอาถุงห่อของวางไว้บนโต๊ะในห้องสอบสวน แล้วเอามีดกรีด ชนกชนม์ลุ้นระทึก...ใจคอไม่ดี

ชยางกูรเขม้นมองห่อของนั้น...ในใจอยากให้เป็นยาเสพติด เพราะหวังจะให้ชนกชนม์ติกคุก จนพอมีดกรีดเสร็จ สารวัตรบิห่อนั้นออก เผยให้เห็นเม็ดยาสีส้ม ซึ่งเป็น...วิตามินซี
แต่ชลนิภานึกว่าเป็น “ยาบ้า”
สารวัตรจับเม็ดยาขึ้นมาดู พิจารณาด้วยความชำนาญ...แล้วหยิบมาชิม
สุรเดชชิงตอบแทนสารวัตร เหน็บแนมและแดกดันในน้ำเสียง
“วิตามินซี 100 มิลลิกรัม ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และป้องกันหวัดได้ดีครับ”
วีรภัทรสงสัย “ตกลงเป็นอะไรครับ”
“วิตามินซี!” สารวัตรฉุนหันไปเล่นงานสุรเดช “แกวางแผนให้เพื่อนแกเป็นตัวหลอก”
“อย่าปรักปรำผมสิครับ ผมแค่ฝากวิตามินซีเอาไปให้เพื่อนผมเท่านั้นเอง สารวัตรมองโลกในแง่ร้ายเกินไป” สุรเดชพูดเย้า
วีรภัทรตัดบท “สรุปว่าลูกชายผมไม่มีความผิดใช่มั้ยครับ”
สารวัตรพยักหน้า จำยอมต้องปล่อยตัวไป เพราะไม่พบยาบ้า
ชนกชนม์โล่งอก ส่วนชยางกูรเจ็บใจที่ชนกชนม์หลุดคดีมาได้

ชนกชนม์เดินออกมา สุรเดชกอดคอชนกชนม์
“เชื่อรึยังว่าเพื่อนรักไม่ทำร้ายกัน”
ชนกชนม์ผลักสุรเดช “ไม่ต้องมาพูดดี แกเกือบทำให้ฉันติดคุก”
“ฉันแค่สร้างประสบการณ์ชีวิตให้แกต่างหาก”
ชนกชนม์เซ็งเดินออกไป สุรเดชหัวเราะสะใจ ก่อนตะโกนไล่หลัง
“ฝึกเข้าที่นี่บ่อยๆ ภูมิต้านทานจะได้แข็งแรง”
สารวัตรเดินตรงเข้ามาหา คาดโทษสุรเดช
“ระวังตัวให้ดี... ฉันไม่ปล่อยแกแน่”
สุรเดชยิ้มยั่วกวนๆ “เลิกยุ่งกับผมดีกว่า..สารวัตรไม่รู้เหรอว่าผมลูกใคร”
สารวัตรนิ่วหน้านึกแปลกใจ
“ผมลูกเทวดา” สุรเดชบอกพร้อมกับร้องเพลงโปรดของน้าแอ๊ด “ลูกเทวดาๆๆๆ”
จากนั้นสุรเดชก็ยิ้มร่า เดินร้องเพลงออกไปอย่างมีความสุข

สุตาภัญเดินเข้ามายังโรงพัก ตั้งใจจะเข้าไปหาชนกชนม์...จังหวะนั้นชนกชนม์เดินออกมาหาวีรภัทร สุตาภัญฉากหลบมาอยู่ที่มุมหนึ่ง
ชนกชนม์ไหว้พ่อ “ผมขอบคุณคุณพ่อมากครับที่มาช่วย”
“ไม่เป็นไร ต่อไปจะทำอะไรก็ระวังตัวด้วย ไม่งั้นลูกอาจตกเป็นเหยื่อ”
“ครับพ่อ”
“เมื่อคืนมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า ถึงหนีออกไป” วีรภัทรถามลูกชายที่จู่ๆ หายตัวไปเมื่อคืน
“ไม่มีครับ ผมแค่อยากไปหาเพื่อน”
“ถ้าลูกมีปัญหาไม่สบายใจ...ไปอยู่บ้านพ่อได้นะ”
ชนกชนม์ไม่ทันได้ตอบ จู่ๆ ชลนิภาเดินปราดเข้ามาหาสองคน...โดยมีธนกรและชยางกูรยืนอยู่ด้านหลัง
“คุณลืมไปแล้วรึไง ว่าคุณไม่มีสิทธิ์ในตัวลูก”
“เรื่องนั้นผมรู้ดี แต่ด้วยสำนึกของความเป็นพ่อ ผมมีสิทธิ์ที่จะรักและห่วงใยลูก”
“ฉันไม่มีวันปล่อยให้ลูกอยู่กับคุณ ไม่งั้นลูกจะติดนิสัยใฝ่ต่ำ ชอบคบชนชั้นต่ำ” ชลนิภาด่าอดีตสามี
จังหวะนั้น นัชชาเดินเข้ามายืนข้างๆ วีรภัทร ได้ยินคำด่าก็ไม่พอใจชลนิภา
“คุณชลนิภาหมายถึงใครคะ”
วีรภัทรแปลกใจที่นัชชาตามมา “คุณนัชชา”
ชลนิภาด่าไม่ไว้หน้า “ฉันจะหมายถึงใครก็ไม่เกี่ยวกับคุณ และนี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวฉัน คุณไม่เกี่ยว”
นัชชาสวนกลับ “เกี่ยวสิคะ ถ้าลูกคุณสร้างความเดือดร้อนให้สามีฉัน ฉันเองก็ไม่อยากยุ่งด้วย…”
ชลนิภาย้อนกลับ “แต่เสนอหน้ามาสาระแน”
“ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากเจอหน้าฉัน มันมีวิธีง่ายนิดเดียวค่ะ” นัชชาตอกกลับ “กรุณาสั่งสอนลูกให้ดี อย่าให้ลูกเป็นเด็กมีปัญหา”
ชลนิภาโกรธจนตัวสั่น “เธอด่าฉันเลี้ยงลูกมีไม่ดี”
“เรื่องนี้ยังต้องให้อธิบายอีกเหรอคะ ถ้าลูกคุณไม่มีปัญหาคงไม่หนีมาอาศัยบ้านฉัน” นัชชาพูดเป็นเชิงตำหนิชนกชนม์ “แล้วถ้ารักดี ก็คงไม่ทำให้พ่อแม่ต้องมาสถานีตำรวจ”
ชลนิภาโกรธมาก “เธอกล้าดียังไงมาสั่งสอนฉัน”
ธนกรรีบห้าม “ใจเย็นครับคุณ”
วีรภัทรบอกนัชชา “ผมบอกแล้วคุณไม่ควรมาที่นี่”
นัชชาพูดแดกดันเป็นเชิงตำหนิชนกชนม์และชลนิภา “ฉันก็แค่อยากมาบอกทั้งลูกทั้งแม่...อย่าเอาปัญหามาให้พวกเราอีก!”
ชนกชนม์รู้สึกแย่ที่ทุกคนเกลียดชังตน
“แก”
ชลนิภาโกรธจัด จะเข้าไปตบนัชชา ธนกรรีบห้าม
“อย่าครับ”
วีรภัทรไม่อยากให้เรื่องบานปลาย...บอกลาชนกชนม์
“ชนกชนม์ พ่อกลับก่อน”
ชนกชนม์ไหว้ลาพ่อ “ครับ” แล้วหันไปไหว้นัชชา “คุณอาครับ”

นัชชาไม่รับไหว้ สะบัดตัวเดินหน้าคว่ำออกไป

ตรงมุมหนึ่งที่หน้าโรงพัก พอวีรภัทรกับนัชชาเดินลับตัวไปแล้ว ชลนิภาปราดเข้ามาเล่นงานชนกชนม์ทันที

“แกเห็นแล้วใช่มั้ย เพราะแกคนเดียว! พ่อกับแม่เลี้ยงแก มาเล่นงานฉัน ชีวิตฉันต้องตกต่ำเพราะแก แกมันตัวซวย! ได้ยินมั้ยว่าแกมันเป็นตัวซวย!”
ชนกชนม์รู้สึกแย่มาก
ด้านสุตาภัญซึ่งรู้ความจริงก็ยิ่งสงสารชนกชนม์
ชยางกูรยิ้มเย้ยชนกชนม์อย่างสะใจ ชลนิภาเหนื่อยหอบ...ชยางกูรเข้าไปปะเหลาะเอาใจแม่
“คุณแม่เครียดมาก ไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ กูรเป็นห่วงคุณแม่ครับ..กลับกันเถอะครับ”
ชลนิภายิ้มปลื้มที่ชยางกูรคอยเอาอกเอาใจ
“จ้ะลูกกูร...” แล้วเดินออกไปเลย
“ชนกชนม์ กลับบ้านกันเถอะ” ธนกรเอ่ยขึ้น
ชนกชนม์รับคำ “ครับ” ทำท่าจะออกไปด้วย
ชยางกูรบอกชนกชนม์ “นั่งแท็กซี่กลับแล้วกัน คุณแม่ไม่อยากเห็นหน้าแกตอนนี้...แล้วฉันก็ไม่อยากติดเชื้อขี้ยาขี้คุก”
ธนกรไม่พอใจจึงต่อว่าลูกชาย “ ชยางกูร พูดอย่างนั้นกับพี่เขาได้ไง”
“มันไม่ใช่พี่กูรครับพ่อ” ชยางกูรพูดจบก็เดินออกไปทันที
ธนกรรีบขอโทษชนกชนม์ “อาขอโทษแทนชยางกูรด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ครับ”
ธนกรพยักหน้ารับ แล้วเดินตามชยางกูรไป ชนกชนม์รู้สึกแย่มากที่เป็นตัวปัญหา ทำให้ทุกคนมีปากเสียงกัน และไม่มีใครรักเขา สุตาภัญรู้สึกสงสารชนกชนม์มากขึ้น

ชนกชนม์จะเดินออกมาตรงมุมหนึ่งในสวนของโรงพัก เห็นสุตาภัญยืนส่งยิ้มมาให้ ชนกชนม์ถึงกับอึ้ง
“เธอ”
สุตาภัญแหย่ถามให้ชนกชนม์รู้สึกดีขึ้น “ตาไง..จำไม่ได้เหรอ”
“จำได้ แต่แปลกใจที่เธอมาทำอะไรที่นี่” ชนกชนม์นึกกังวลใจ “รึตำรวจเรียก พวกเธอมาสอบสวนเรื่องของฉัน ฉันขอโทษด้วยนะ”
สุตาภัญพูดสวนขึ้น “เปล่า ฉันมาเอง...ฉันมาเยี่ยมเธอ”
ชนกชนม์รู้สึกแปลกใจ
สุตาภัญจึงอธิบาย “ถ้าเขาจับเธอ ฉันจะมาเป็นพยานว่าเธอไม่ได้ค้ายา”
ชนกชนม์ฉงน “เธอเชื่อใจฉันได้ไง เธอยังไม่รู้จักฉันดีพอเลย”
“ฉันเชื่อในสัญชาติญาณ”
ชนกชนม์ยิ่งแปลกใจ
สุตาภัญยิ้มให้ “ไม่รู้สิ...สิ่งที่นายช่วยฉันเมื่อวานนี้ และสิ่งต่างๆ ที่ฉันเห็น มันทำให้ฉันเชื่อว่านายเป็นคนดี”
ชนกชนม์ยิ้มให้สุตาภัญรู้สึกดี แต่ก็น้อยใจชีวิตตัวเอง
“น่าแปลกนะ คนอื่นมองว่าฉันดี แต่แม่กลับมองฉันเป็นตัวซวยและไม่รักดี”
สุตาภัญพูดปลอบใจ “อย่าท้อสิ...ถ้านายไม่อยากให้แม่รู้สึกอย่างนั้น นายก็ต้องพิสูจน์ให้แม่นายเห็น ว่านายรักดี...” ว่าพลางจับมือชนกชนม์บีบเบาๆ “ฉันเป็นกำลังใจให้นาย”
ชนกชนม์รู้สึกดี “ขอบใจนะ” เด็กหนุ่มยิ้มตอบ
สุตาภัญเอามือออก ชนกชนม์สงสัยรีบถาม
“เธอมานี่ พ่อแม่เธอไม่ว่าเหรอ”
สุตาภัญกังวลใจไม่น้อย แต่ปกปิดความรู้สึกนั้นไว้ “ไม่หรอก...คุณพ่อคุณแม่ฉันใจดี”

การกลับบ้านผิดเวลาของสุตาภัญเป็นเรื่องจนได้ เย็นนั้น เพราะพอกลับมาถึงบ้าน สุทินคุณพ่อจอมเฮี้ยบถือไม้เรียวเตรียมฟาดใส่สุตาภัญ
“สุตาภัญ..เธอโกหกฉันอีกแล้ว”

สุทินคาดคั้นความจริงจากลูกสาว...แน่นอนสุตาภัญไม่กล้าบอกความจริง!

โปรดติดตาม  "ลูกไม้หลากสี" ตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น