เสือสมิง ตอนที่ 9
ภราดรที่เดินมากับระริน มองกินรีอย่างเย็นชาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“กินรี เธอมาทำไม”
“เอ่อ...จะพา...”
กินรีพยามอธิบาย แต่ระรินแทรกเข้ามาทันที
“จะหาเรื่องมาอ้อนหมออีกล่ะสิ เสียใจหมอเขาไม่หลงเสน่ห์แกอีกต่อไปแล้วย่ะ”
กินรีสายตาอ้อนวอน
“คุณหมอ”
“ไม่ต้องมาพูดอะไรหรอกกลับไปเถอะ แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก”
กินรีแทบไม่เชื่อ พะอู มะค่าและแม่มะค่ายืนอยู่ไม่ห่าง ประเดิมยืนงงเห็นใจกินรี เดือนเดินออกมากระซิบประเดิม
“นี่ประเดิม หมอเขากินยาผิดขนาดหรือเปล่า”
“จะบ้าหรือ”
กินรีตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ ภราดรทำท่ารังเกียจ
“ออกไปนะอย่าเข้ามาใกล้ฉัน...ฉันขยะแขยง”
ภราดรผลักกินรีล้มลง
“โอ๊ย...คุณหมอ”
“บอกแล้วไงอย่ามายุ่งกับฉัน ไปกันเถอะครับคุณระริน เดือนช่วยตรวจแทนฉันด้วย”
มะค่าไปประคองกินรี พะอูโมโหวิ่งเข้าไปหมายจะทำร้าย ภราดรหันกลับมาตบพะอูกระเด็นไป ประเดิมแทบไม่เชื่อสายตา
“ไปไกลๆเลยนะไอ้หน้าผี”
พะอูสู้ไม่ได้ได้แต่ส่งเสียงอื้ออ้า ภราดรแววตาน่ากลัวแล้วเดินจากไป กินรีมองตามหน้าเศร้า ปวดร้าวใจ
เสี่ยรงค์ นั่งจิบบรั่นดีกับเสือทศ ซึ่งนั่งเต๊ะท่า เพราะเพิ่งมาอยู่ในบรรยากาศแบบนี้
“เหล้านี่อร่อยจัง”
“ตามสบายเลย...มาจากเมืองนอก ฉันสั่งมาจากบางกอกอีกที”
เสือทศวางแก้วเหล้าแล้วรินอีก เบิ้มเดินเข้ามาแล้วรายงานเรื่องฝิ่น
“เรียบร้อยครับ”
เสี่ยรงค์พอใจ
“ดีมาก อย่างนี้ค้าขายกันได้นาน”
เสือทศเริ่มเข้าเรื่อง
“ผมว่าเสี่ยไม่ใช่แค่อยากจะค้าขายกับผมอย่างเดียวหรอก...”
เสี่ยรงค์ยอมรับ
“ไหนๆเราก็จะค้าขายกันไปนานๆแล้ว ฉันขอบอกตรงๆนะว่า ฉันต้องการตัวเสือใจ”
เสือทศสะดุ้งเล็กน้อยเขาคิดหนัก
“ทำไม...พ่อเสือไปทำอะไรให้เสี่ยนักหนาหรือ”
“เรื่องส่วนตัว”
“พ่อเสือก็บอกแบบนี้เหมือนกัน แต่ฉันคงทรยศพ่อเสือไม่ได้หรอก”
“ฉันไม่ได้บอกให้นายทรยศ...ถ้าคนอย่างเสือใจคนเดียวแลกกับชีวิตคนทั้งชุมโจรนายว่าคุ้มไหมล่ะ”
เสือทศไม่เข้าใจ
“เสี่ยหมายความว่ายังไง”
“ฉันว่านายนั่นแหละเข้าใจความหมายอยู่แล้ว ไม่มีเสือใจสักคน ใครจะเป็นใหญ่ในชุมโจร...ฉันไม่ได้เร่งเร้า...นายค่อยๆคิดก็ได้”
เสี่ยรงค์พูดจบก็ลุกเดินจากไป เสือทศครุ่นคิด
จ่าชิตพาสมรักษ์มานั่งร้านเหล้าในตลาดที่ลับหูลับตาคน
“สองคนนั่นใคร” สมรักษ์สงสัย
“ผมเคยช่วยมันไว้ในป่าตอนนี้มันทำงานกับเสี่ยรงค์”
“ทำอะไร”
จ่าชิตครุ่นคิดแล้วเดา
“มันบอกว่าพูดคุยไม่สะดวกเอาไว้เจอกันคืนนี้”
“แสดงว่า เสี่ยรงค์คงไม่ได้ทำไม้อย่างเดียวแล้ว”
“คืนนี้ก็รู้”
จ่าชิตบอกอย่างมุ่งมั่น
เดือนตรวจแม่ของมะค่าอยู่บนเตียง มะค่ารออยู่นอกห้อง ทอดสายตาลงมาข้างล่างบริเวณสวน เห็นกินรีเดินหน้าเศร้าไปนั่งที่ม้าหิน มีพะอูอยู่ข้างๆ พะอูทำมือถามว่าเป็นอะไร
“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกพะอู อยากนั่งคนเดียวเงียบๆ พะอูไปอยู่เป็นเพื่อนมะค่าไป เสร็จแล้วเราจะได้กลับบ้านเรา”
พะอู ทำตามที่กินรีบอกแต่แววตาแค้นๆ กินรีนั่งตรงที่ภราดรเคยบอกรัก แล้วนึกถึงความหลัง
ภราดรบอกกับเธอว่า...
“ได้ครับ แต่ถ้าจะให้ผมบอกตรงๆล่ะก็ผมไม่อยากให้คุณกลับไปเลย ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะอยู่กับคุณชั่วชีวิต”
ทั้งคู่มองตากันซึ้งอย่างตกอยู่ในภวังค์ ภราดรค่อยๆเข้ามากอด กินรียอมแต่โดยดี สักครู่ทั้งคู่ค่อยๆคลายตัวออกจากกัน ภราดรสารภาพ
“ผมรักคุณกินรี รักตั้งแต่แรกเห็น”
“กินรีก็รักหมอค่ะ”
กินรีสารภาพหมดใจ
ปัจจุบัน...ประเดิมเดินมาทักกินรีทำให้เธอตื่นจากภวังค์
“มานั่งอยู่นี่เองกินรี”
“พี่ประเดิม”
ประเดิมนั่งข้างๆอย่างใจประเดิม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะกินรีว่าทำไมหมอเปลี่ยนไปขนาดนี้”
กินรีหลบหน้าเศร้า
“อย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ พี่ประเดิม กินรีมันก็แค่คนบ้านป่าใครจะมาจริงจัง”
“ทำไมกินรีพูดอย่างนั้นล่ะ...ผมว่าหมอภราดรต้องเป็นอะไรสักอย่าง”
ระรินกับภราดรเดินผ่านมาแล้วได้ยินพอดี ระรินถามเสียงแข็ง
“เป็นอะไร...หมอเป็นอะไร”
ภราดรมองประเดิม
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรประเดิม ปกติดีทุกอย่าง ที่กำลังจะเปลี่ยนไปก็คือฉันกำลังจะแต่งงานกับระริน”
ระรินมองกินรีอย่างสะใจ
“ได้ยินชัดทั้งสองคนสี่หูแล้วนะ ไปกันเถอะค่ะหมอ”
“เย็นนี้ไม่ต้องเตรียมอาหารให้ฉันนะประเดิม ฉันจะทานบ้านระริน”
สั่งเสร็จภราดรกับระรินก็เดินจากไป กินรีน้ำตาร่วงแล้วลุกหนีออกไปจากที่นั่นทันที ประเดิมแปลกใจสงสัย
“ทำไมหมอเปลี่ยนไปขนาดนี้นะ”
ประเดิมคิดไปต่างๆนานาอย่างไม่เข้าใจ
เสือทศขี่ม้ากลับชุมเสือกับ เสือเรืองและเสือชิน
“เฮ้ย...หยุดพักกันก่อน”
เสือทศบอกแล้วลงจากม้า เดินมานั่งใต้ต้นไม้อย่างครุ่นคิด
“เป็นอะไรไปหรือพี่ทศ ดูท่าทางไม่สบายใจ” เสือเรืองเดินเข้ามาหา
เสือชินเข้ามาสมทบ
“ใช่พี่ ฉันเห็นพี่ สีหน้าไม่สบายใจมาตั้งแต่ออกมาจากปางไม้แล้ว”
เสือเรืองหน้าตื่น
“หรือว่าไอ้เสี่ยรงค์มันจะไม่ซื้อของเราแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้น...ทุกอย่างไปได้สวย”
“อ้าว...แล้วพี่...”
เสือทศตัดบท
“เอ็งไม่เข้าใจหรอก...ข้ามีเรื่องที่จะต้องตัดสินใจ ถ้าให้เอ็งเลือกระหว่าง เงินกับอำนาจ กับ...ความรัก เอ็งจะเลือกอะไรวะ”
เสือเรืองตอบทันที
“เงินกับอำนาจสิพี่ มีเงินมีอำนาจก็จะมีแต่คนรักคนนับถือ”
เสือทศคล้อยตามเสือเรือง
จงใจนำปลากับพริกออกมาตากแดด เธอทำงานอย่างเหม่อลอย เสือใจเดินมาข้างหลังแล้วมองดูสักครู่เหมือนกับตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้วเรียกจงใจ
“จงใจ...จงใจ”
เสือใจต้องเรียกซ้ำจงใจจึงหันมา
“พ่อ...มาเมื่อไหร่”
“เป็นอะไรลูก ใจลอยไปไหนแล้ว”
เสือใจเดินไปช่วยลูกสาวตากปลา พลางพูดคุยไปด้วย
“ไม่ได้ใจลอยเสียหน่อย”
เสือใจยิ้มแล้วแกล้งพูด
“อ้าวนั่นไอ้หมวดนั่นมันกลับมาทำไม”
จงใจหันขวับดีใจ
“หมวด...” จงใจไม่เห็นมีสมรักษ์ “ไหนหมวดพ่อ...ไหน...”
“ไม่มีหรอก พ่อล้อลูกเล่น”
จงใจโมโหและงอน
“ทีหลังอย่างเล่นอย่างนี้อีกนะ คนยิ่ง...”
“คิดถึงเขาอยู่ใช่ไหมล่ะ”
“พ่อน่ะ...”
จงใจมาทุบแขนพ่อ เสือใจจ้องหน้าลูกสาว
“จงใจลูกพ่อโตเป็นสาวแล้ว พ่อเข้าใจว่าลูกคงต้องมองใครบ้าง...ไอ้หมวดนั่นมันมีดีตรงไหนนะลูกพ่อถึงเทใจให้มันจนหมด”
จงใจยิ้ม
“หมวดสมรักษ์เขาเป็นคนดี มีจิตใจดี เขาเป็นคนที่ช่วยเหลือคนอย่างจริงใจ”
“แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่จะดูแลลูกแทนพ่อต่อไป”
“แต่เขาเป็นตำรวจนะพ่อ พ่อไม่เอ่อ...”
“พ่อเป็นโจรก็จริง แต่ลูกไม่ได้เป็นโจรด้วยนี่”
จงใจกอดเสือใจอย่างดีใจ
“พ่อ...จงใจรักพ่อจ้ะ”
“กลัวแต่ว่ามันจะไม่มาน่ะสิ”
แม้ว่าจงใจจะดีใจแต่ก็สะดุดที่ประโยคนี้ เธอหน้าหม่นลงแล้วบอกเพื่อปลอบใจตัวเอง
“มาสิพ่อ...หมวดต้องมาหาฉัน”
เสือใจไม่มั่นใจ ในใจสงสารลูกสาว ถ้าสมรักษ์ไม่มาจะทำยังไง ขณะเดียวกันนั้นมีชาวบ้านสองคนแบกถุงใส่เนื้อเก้งมา
“พ่อเสือ ฉันเอาเนื้อเก้งมาฝาก”
“ไปเอามาจากไหนล่ะ”
“โน่น...ชายแดนติดฝั่งโน้น ตอนนี้สัตว์เพ่นพ่านเต็มไปหมด”
เสือใจมองเนื้ออย่างพอใจ ชาวบ้านเอาเนื้อให้แล้วจากไป
แก้วนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าบ้าน แววเดินผ่านมาสังเกตเห็นแล้วพูดดักคอ
“คิดถึงหมวดสมรักษ์ หรือแก้ว”
แก้วสะดุ้งแล้วกลบเกลื่อน
“ปะ...เปล่านี่แม่”
“ถ้ามันเป็นอย่างที่เอ็งพูดก็ดีสิเนอะ”
แก้วเห็นว่าแม่รู้จึงสารภาพ
“ฉันพยายามห้ามใจแล้วแม่...แต่...เอ่อ...”
“ทำไม่ได้”
แก้วก้มหน้านิ่ง แววเข้ามานั่งแล้วลูบศีรษะลูกสาวปลอบโยน
“เอ็งก็รู้อยู่แก่ใจว่าหมวดเขาชอบจงใจ”
“จ้ะแม่...ฉันรู้...ฉันว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันดี ฉันดีใจกับพี่จงใจด้วยที่จะได้ผู้ชายดีๆ”
แววสงสารลูก
“แล้วเอ็งล่ะ”
“ฉันก็จะขอแอบรักหมวดเขาไปอย่างนี้...มันไม่ผิดใช่ไหมแม่”
แก้วกอดแววรับความรู้สึกที่อบอุ่นและเป็นกำลังใจของแม่
กินรีกลับมาที่บ้านอย่างเศร้าๆ แม่หมอเตรียมอาหารเย็นเสร็จแล้วร้องเรียก
“กินรีเอ๊ย...มากินข้าวเถอะ พะอูไปไหนซะล่ะ”
กินรียังไม่ทันตอบ พะอูกับมะค่าถือข้าวโพดเดินมาจากไร่
“เอ้า...มาพอดี มากินข้าวกันมะค่า พะอู...กินรี มากินข้าว”
กินรีไม่มีกระจิตกระใจ
“ฉันไม่หิว กินกันไปก่อนเถอะ”
“มันเป็นอะไรของมันวะ...”
แม่หมอสงสัย มะค่ากับพะอูรีบมาหาแม่หมอ มะค่าดึงแม่หมอไปในบ้าน
“หมอภราดร เขาจะแต่งงานกับพยาบาลระรินแล้ว”
แม่หมอหน้าตื่น
“หา...จริงหรือ...เป็นไปได้ยังไง”
“จริงยาย ท่าทางหมอหลงคุณระรินนั่นอย่างกับอะไรดี”
แม่หมอแปลกใจ
“ไม่น่าเชื่อ ท่าทางไอ้หมอคนนี้มันก็ไม่เจ้าชู้นี่”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น...แต่ท่าทางหมอเปลี่ยนไปมากเหมือนคนละคนเลย”
พะอูทำท่าว่าหมอผลักพะอูกระเด็นเลย แม่หมอชะงัก
“อะไรนะ หมอผลักเอ็งกระเด็นเลยหรือ...เฮ้ย...จะไปกันใหญ่แล้ว ไอ้หมอนั่นมันกลัวเอ็งจะตาย มันต้องมีอะไรสักอย่าง”
แม่หมอครุ่นคิด มองไปที่กินรีที่เศร้าหมอง โดดเดี่ยวและอ้างว้าง
ภราดรกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา ระรินคอยป้อนองุ่นให้อย่างมีความสุข บ่อยครั้งที่ภราดรหอมแก้มและกอด ระรินปัดป้องด้วยจริต
“แหม...เบาๆสิคะหมอ ระรินช้ำไปทั้งตัวแล้ว”
“ก็มันอดใจไม่ไหวนี่ครับ ระรินทั้งสวยทั้งน่ารัก ผมแทบอยากจะกินระรินไปทั้งตัวเลย”
ระรินกระหยิ่มใจแต่ก็ยังปัดป้อง
“อย่าค่ะ...ไม่เอาละ ระรินทำอาหารดีกว่า เดี๋ยวเราจะได้ทานข้าวกัน”
“ไม่เอา...ไม่ให้ไป...ใช้เด็กๆทำก็ได้นี่”
“ระรินอยากใช้เสน่ห์ปลายจวักนี่คะ...ไม่เอาค่ะอย่าดื้อสิคะ”
ระรินลุกเข้าครัวไปภราดรมองตามแล้วนั่งต่อไปอย่างผ่อนคลาย ทันใดนั้น ชะเวโบในสภาพไฟไหม้มานั่งข้างๆ ภราดรสะดุ้ง
“เฮ้ย...”
ภราดรขยับตัวไม่ได้ กลัวมาก เขาพยายามเบือนหน้าหนีมาอีกทาง ทันใดนั้นใบหน้าของงะดินเดที่น่าเกลียดยื่นมาหาเขา ภราดรพยายามดิ้นรนแต่เหมือนกับว่าถูกผีอำ งะดินเดแสยะยิ้ม
“บาเยงโบ เจ้าไม่รอดแน่ จิตของเจ้าไม่ได้อยู่กับตัวอีกต่อไปแล้ว วันนี้ข้าจะยื่นความตายให้เจ้า”
ชะเวโบบีบคอทันที ภราดรหายใจไม่ออกกำลังจะหมดลม รูปปั้นบาเยงโบ พลันเกิดแสงเรือง ออกมาจากในห้อง ปรากฏร่างของบาเยงโบยืนถือดาบแล้วสั่งงะดินเด
“หยุดเดี๋ยวนี้ งะดินเด ชะเวโบ”
งะดินเดตะลึงไม่คิดว่าจะได้เจอบาเยงโบ
“บาเยงโบ นี่เจ้า...เจ้ามาได้ยังไง วิญญาณของเจ้า ข้าสะกดเอาไว้แล้วนี่”
“เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกหรือว่า อาคมเจ้าก็ยังไม่สมบูรณ์เหมือนกัน นี่มันก็แค่เงาจากกายทิพย์ของเจ้า หาใช่ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าไม่”
บาเยงโบชักดาบออกมาจากฝัก พลันบังเกิดรัศมีไฟทำลายร้าง งะดินเดและชะเวโบสลายไป
ภราดรปลอดภัยแต่สลบไป บาเยงโบหายไป ระรินเดินถืออาหารออกมาแล้วเอาไปตั้งที่โต๊ะ พลางอวดภราดร
“เป็นยังไงคะหมอ น่าทานไหม นี่แค่อย่างแรกนะ...อ้าวหลับไปแล้วหรือ...สงสัยหิวจนเป็นลม”
ระรินหัวเราะเดินเข้าไปทำอาหารต่อโดยไม่สนใจภราดร
อองไชยนั่งบริกรรมคาถาอยู่ในที่สงบเงียบกลางป่า เขาปลุกเสกเพิ่มอาคมให้ของขลังต่างๆในร่างกาย อองไชยพึมพำคาถา สักพักเขารับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่างเกี่ยวกับเสน่ห์ของเขาอองไชยครุ่นคิด
“เกิดอะไรขึ้น กับอาคมเสน่ห์ของข้า”
ภราดรหลับและฝันไป ในความฝัน เขาอยู่ในที่ๆขาวโพลนไปหมด ถูกมัดด้วยอาคม เขาดิ้นรนไปมาแต่ไม่หลุด
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
บาเยงโบปรากฏกายขึ้นที่ตรงหน้า ภราดรตกใจ
“คุณเป็นใคร...ทำไมใบหน้าถึงเหมือนผม...ช่างเถอะ...ช่วยผมด้วยสิ ช่วยแก้มัดให้ผมด้วย”
บาเยงโบส่ายหน้า
“ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอก ข้าไม่มีพลังเพียงพอ เจ้าต้องมีสติ พยายามควบคุมสติเอาไว้อย่าให้มนตราควบคุมสติเจ้า เจ้าต้องอดทนจนกว่าจะมีผู้มาปลดปล่อย ข้าบอกเจ้าได้แค่นี้แหละ”
“คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ...ใคร...ใครจะมาช่วยผม...”
บางเยงโบหายไป ภราดรยังร้องให้ช่วยพร้อมกับดิ้นไปมา
“ช่วยผมด้วย อย่าเพิ่งไป ช่วยผมด้วย...ช่วยด้วย”
ภราดรสะดุ้งตื่นยังร้องให้ช่วยอยู่
“ช่วยด้วย...เฮ้ย...”
ระรินรีบวิ่งออกมาดู
“หมอเป็นอะไรคะ”
“เอ่อ...ผม...ผมฝันร้าย”
ระรินหัวเราะ
“โธ่...แค่ความฝัน แหม...ร้องซะ...ไปค่ะ...ไปอาบน้ำระรินเตรียมผ้าเตรียมชุดเอาไว้ให้แล้ว จะได้มาทานข้าวกัน”
ภราดรพยักหน้างงๆ
เสือชินกับเสือเรืองขุดดินเป็นหลุมลึกพอสมควร เสือทศมองดูหลุมแล้วสั่ง
“พอแล้ว”
ทั้งสองคนหยุดขุดเสือทศเอาเงินทั้งหมดที่ได้มาหลายปึก ห่อผ้าแล้วใส่ในลังหย่อนลงไปในหลุม
“กลบซะ...ห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาดใครปากโป้ง กูจะแจกไข้โป้งให้ เอ้า...ส่วนแบ่งของพวกเอ็ง”
เสือทศโยนเงินให้เสือเรืองกับเสือชินคนละปึก ทั้งสองคนรับไปอย่างดีใจ
“ใช้ดีๆล่ะ อย่าให้ใครสงสัย” เสือทศกำชับ
เสือเรืองรับคำ
“ครับพี่”
เสือชินยิ้มรับ
“ได้พี่”
“ไปกลับกันได้แล้ว”
เสือทศกับเสือชินและเสือเรืองจูงม้าเข้าชุมเสือไป
ค่ำนั้น...กินรีนั่งร้อยมาลัย พยายามทำใจให้นิ่ง แม่หมอมองแล้วถอนหายใจแล้วบอก
“ยายไปไหว้พระนะ”
แม่หมอตรงเข้าไปที่ห้องพระ พะอูเอาดอกไม้มาเด็ดช่วยกินรีร้อยมาลัย พะอูพยายามถามด้วยท่าทางว่าเป็นอะไรหรือเปล่า กินรีส่ายหน้า
“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกพะอู ไปนอนเถอะ พี่อยากอยู่คนเดียว”
พะอูมองกินรีอย่างเห็นใจแล้วเลี่ยงไปนอนในมุ้ง กินรีนั่งร้อยมาลัยอย่างหดหู่
แม่หมอปักธูปลงที่กระถางบนโต๊ะหมู่แล้วกราบลง พลางมองไปที่รูปปั้นเจ้าแม่หน้าทอง
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าแม่...ที่จริงข้าควรจะดีใจที่หมอคนนั้นออกไปจากชีวิตกินรีเสียได้ แต่ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ...เจ้าแม่ช่วยชี้ทางสว่างให้ข้าด้วย”
แม่หมอนั่งสมาธิแล้วเพ่งในจิต แม้ว่าแกจะสูญเสียวิชาแต่การนั่งสมาธิ มันจะติดตัวไปกับจิตไม่ได้เกี่ยวกับวิชาอะไร แม่หมอนั่งเพ่งไปเรื่อยๆ นานพอสมควรแม่หมอเริ่มเห็นว่ามีหุ่นถูกมัดติดกัน มันเป็นหุ่นที่อองไชย ทำเสน่ห์เอาไว้ แม่หมอลืมตาขึ้นแววตากร้าว
“เสน่ห์...เล่นสกปรกกันแบบนี้เลยหรือ...”
แม่หมอเพ่งต่อไปเห็นว่าจิตที่แท้จริงของภราดรถูกพันธนาการอยู่
“เวรกรรมจริงๆ...พะอูคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
เสือใจนั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าบ้าน เสือทศเดินเข้ามานั่งด้วย
“อ้าว ไอ้ทศกลับมาแล้วหรือ”
“จ้ะพ่อ...”
“เป็นไงป่าติดชายแดน...ได้อะไรมาบ้างล่ะ”
เสือทศโกหกหน้านิ่ง
“ไม่ได้อะไรเลยพ่อ ช่วงนี้สัตว์ไม่ค่อยมี นี่จงใจไม่อยู่หรือ”
“อยู่บ้านแววมั้ง”
“งั้นฉันไปหาจงใจก่อนนะ”
เสือใจพยักหน้า รับรู้แล้วมองตามเสือทศที่รีบไปหาจงใจ ในใจสงสัยว่าเสือทศไปล่าสัตว์จริงหรือเปล่า
พระจันทร์ขึ้นกลางศีรษะ ชาวมอญสองคนลอบออกมาตามที่นัดกับจ่าชิตเมื่อมาถึงที่นัด สักครู่ก็มีร่างชายสองคนอยู่ในเงามืด
“จ่าชิตหรือครับ”
ร่างสองร่างนิ่งไม่พูด ชาวมอญย้ำ
“ใช่จ่าชิตหรือเปล่า”
เบิ้มกับหัวหน้าคนงานก้าวออกมา ชาวมอญทั้งคู่ตกใจ
“หัวหน้า”
เบิ้มยิ้มเหี้ยม
“แปลกใจล่ะสิ ไหนบอกมาซิ พวกแกออกมาหาจ่าชิตทำไม”
ชาวมอญสองคนหน้าซีดมองหน้ากันอึกอัก
“เอ่อ...ไม่มีอะไร”
หัวหน้าคนงานตวาด
“ไอ้โกหก ฉันได้ยินแกคุยกับจ่าชิตหมดแล้ว”
ชาวมอญ หน้าซีดแล้วขอชีวิต
“ฉันไม่ได้บอกอะไร ฉันสาบานได้”
“จริงจ้ะ...ฉันสองคนไม่ได้พูดอะไร”
เบิ้มไม่เชื่อแล้วเพยิดหน้าไปข้างหลัง ชาวมอญสองคนหันตามไปดู ลูกน้องเบิ้มประมาณ 4 – 5 คน เดินเข้ามาหาชาวมอญ ในมือมีมีดดาบ ชาวมอญตกใจ
จงใจเดินออก มานอกบ้านแววอย่างอารมณ์ดี แววเดินออกมาส่ง ถามยิ้มๆ
“สบายใจแล้วนะ...น้าดีใจด้วยที่พ่อเสือเข้าใจ”
“ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครกันนะ...”
จงใจอมยิ้ม แววหลบตา
“ขอบคุณน้าแววมากนะคะที่ทำให้พ่อเสือเข้าใจ”
“ไม่หรอก น้าไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ พ่อเสือต่างหากที่เข้าใจ...พ่อเสือน่ะรักจงใจมากนะและพ่อเสือก็คงเห็นแล้วว่าหมวดสมรักษ์เป็นคนดีจริง ”
“จงใจกลับก่อนนะคะ”
“จ้า...เดินดีๆล่ะ”
แววเข้าบ้านจงใจเดินกลับบ้านไป
จงใจเดินกลับบ้านมาตามทาง เสือทศโผล่เข้ามาจากด้านหลังแล้วอ้อมมาข้างหน้าพร้อมดึงมือจงใจเอาไว้
“จงใจ...เดี๋ยวสิ”
จงใจมองหน้าเสือทศแล้วค่อยๆดึงมือออกอย่างนิ่มนวล คุยกับเสือทศด้วยไมตรี
“พี่ทศมีอะไรหรือจ๊ะ”
“เปล่าหรอก...ตั้งแต่ไอ้หมวดนั่นมาที่นี่เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย”
“เขาชื่อหมวดสมรักษ์”
“มันจะชื่ออะไรก็ช่าง พี่ไม่สนใจมันหรอก พี่สนแต่จงใจของพี่”
เสือทศเอื้อมมือมากุมมือ จงใจสะบัดมือออกคราวนี้ไม่นุ่มนวลแล้ว
“พี่ทศจะทำอะไรน่ะ”
“แหม จงใจ คนเป็นคู่รักกันจะจับมือถือแขนกันบ้างจะเป็นไร”
จงใจเปลี่ยนท่าทีเป็นโมโหแล้วอธิบาย
“จงใจว่าพี่ทศคงเข้าใจผิดอะไรบางอย่างแล้วล่ะ”
“เรื่องอะไร”
“จงใจไม่ได้เป็นคู่รักของพี่ทศ เราเป็นพี่น้องกัน”
เสือทศพยายามตื้อ
“ทำไมจะเป็นไม่ได้เพราะพี่ไม่ได้เป็นลูกแท้ๆของพ่อเสือ...พี่บอกตรงๆว่าพี่จริงใจกับจงใจและรักจงใจมานานแล้ว”
“งั้นพี่ทศก็คงต้องเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่แล้วล่ะ”
เสือทศเริ่มมีอารมณ์และพาลไปถึงสมรักษ์
“เพราะไอ้หมวดนั่นใช่ไหม จงใจถึงได้ปฏิเสธความรักของพี่”
“ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้น จงใจเป็นตัวของจงใจเอง จงใจมีสิทธิ์ที่จะเลือกคู่ครองด้วยตัวเอง...จงใจกลับบ้านล่ะ”
จงใจจะเดินจากไป เสือทศฉุนดึงมือเอาไว้ จงใจขัดขืนแต่เสือทศจับมือแน่น
“เดี๋ยวสิ...อยู่คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“ไม่...ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ปล่อย”
จงใจดิ้นเสือทศยิ่งจับแน่นแล้วดึงตัวเข้ามากอด จงใจตบหน้าเสือทศอย่างแรง
“อย่า...นี่แน่...”
“จงใจ...”
เสือทศแค้นแล้วเดินเข้าไปหาจงใจหมายจะกอด
“พูดดีๆไม่รู้เรื่องใช่ไหม”
จงใจหวาดกลัว เสือทศยังไม่ทันจะกอดก็มีพานท้ายปืนเข้ามาเสยที่ปลายคางจนหน้าหงายไป เสือใจ ยืนมองนิ่งแววตาเพชฌฆาต
“เอ็งจะทำอะไร ไอ้ทศ”
เสือทศมองหน้าเสือใจ ใจหล่นไปที่ตาตุ่ม
จ่าชิตกับสมรักษ์เดินมาตามป่าเพื่อที่จะมาพบสองชาวมอญ สมรักษ์หันมาถาม
“ทำไมมันลึกลับจังจ่า”
“มันก็คงเป็นเรื่องลึกลับนั่นแหละ มันถึงต้องนัดมาในที่ลึกลับ”
สมรักษ์หัวเราะในอารมณ์ขันของจ่าชิต ทั้งคู่เดินมาถึงที่นัดหมายแล้วไม่พบสองมอญนั่น
“มันยังไม่มา”
“มันเบี้ยวแล้วมั๊งจ่า”
จ่าชิตครุ่นคิด แล้วเดินไปมาพลันไปสะดุดอะไรบางอย่างล้มลง
“เฮ้ย...”
สมรักษ์รีบเข้าไปช่วย
“เป็นอะไรอ่ะจ่า เมาหรือ”
จ่าชิตนั่งก้นจ้ำเบ้าแววตามองไปต้นเหตุ เขาเอาไฟฉายส่องแล้วบอกสมรักษ์ให้ดู
“หมวด...ดูโน่น”
สิ่งที่สมรักษ์เห็นก็คือคนมอญสองคนนั่นถูกฆ่าปาดคอนอนตายอยู่ ทั้งคู่ต่างก็อึ้งไป
เสือสมิง ตอนที่ 9 (ต่อ)
เสือทศกราบที่ตักเสือใจที่นั่งอยู่นอกชานบ้าน
“ฉันไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้นกับจงใจนะพ่อเสือ”
“แล้วที่ข้าเห็นล่ะ”
เสือทศก้มหน้าหลบสายตาหาทางออกให้กับตัวเอง
“เอ่อ...ฉัน...”
“เอาล่ะ เอ็งไม่ต้องพูดแล้ว เอ็งกับจงใจโตมาด้วยกัน ข้าเข้าใจความรู้สึกของเอ็งและข้าก็เข้าใจความรู้สึกของจงใจด้วย”
เสือทศดีใจแล้วเข้าใจผิด
“งั้นให้ฉันแต่งงานกับจงใจนะ”
“นั่นมันคือความรู้สึกของเอ็ง แต่ไม่ใช่สำหรับจงใจ”
“พ่อเสือหมายความว่าอะไร”
“ข้าจะไม่บังคับให้จงใจแต่งานกับคนที่มันไม่ได้รักหรอก”
เสือทศผิดหวังมาก
“พ่อเสือ”
เสือใจปลอบ
“ถ้าเอ็งรักจงใจจริงเอ็งต้องทำทุกอย่างให้จงใจมีความสุข”
เสือทศแค้นจนน้ำตาคลอต้องหลบหน้าเสือใจ
ระรินอยู่ในห้องกำลังภาวนาหุ่นให้ภราดรหลงเป็นวันที่สอง แล้วเอาเก็บไว้ใต้หมอนอย่างเดิมก่อนจะเดินออกมาข้างนอกพร้อมกะละมังใส่น้ำ ระรินหน้าตาอิ่มเอิบพอใจ
ภราดรนอนอยู่บนเตียง หน้าซีดไม่ค่อยสบายใจ ระรินเดินเอากะละมังและผ้ามาชุบน้ำเช็ดหน้าให้
“หมอสีหน้าไม่ค่อยจะดีเลย คืนนี้ค้างที่นี่แหละค่ะ”
“ต้องรบกวนคุณระรินด้วยนะครับ ผมไม่มีใครจริงๆ”
“ปากหวานอีกแล้ว”
ทั้งคู่จ้องตากันหวานซึ้ง ระรินเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้
กลางดึกเงียบสงัดบ้านแม่หมอดับไฟนอนกันหมดแล้ว กินรีนอนหลับอยู่ในมุ้ง พะอูนอนอีกมุ้งหนึ่งแต่นอนลืมตาโพลง ไม่หลับ หน้าตากระวนกระวาย ในใจร้อนลุ่ม ที่คอไม่มีประคำ
พะอูโดดลงมาจากหน้าต่าง หน้าตาแค้นจัด เขานึกถึงเรื่องที่แม่หมอเล่าให้ฟังหลังจากที่แม่หมอนั่งสมาธิในห้องพระ...ตอนนั้นเขาถูกกินรีไล่ไปนอน เดินไปหมายจะนอน แต่แม่หมอกวักมือแล้วเรียก เบาๆ
“พะอูมานี่”
พะอูเดินเข้าไปในห้องพระด้วยความสงสัย แม่หมอมองออกมาเห็นกินรีนั่งร้อยมาลัยห่างออกไปพอที่จะไม่ได้ยินการสนทนา
“ข้าอยากให้เอ็งช่วย ก้มหัวมา”
พะอูก้มหัวลงไปหายาย แม่หมอถอดประคำออก
“เอ็งรู้นะว่าจะต้องทำยังไง หาหุ่นสองตัวนั่นให้เจอ”
พะอูตัดสินใจวิ่งเข้าไปในป่า ร่างกลายเป็นเสือสมิง
สมรักษ์กับจ่าชิตนั่งหมดหวัง กับข่าวสารที่ควรจะได้
“แสดงว่าพวกมันต้องทำอะไรผิดกฎหมายอย่างแน่นอน”
สมรักษ์เห็นด้วย
“และผู้กองศักดาก็น่าจะมีเอี่ยวด้วย”
จ่าชิตครุ่นคิด
“แต่มันคืออะไรกันล่ะ...วันนี้ไม่ได้เรื่องแล้ว กลับกันเถอะหมวด”
จ่าชิตชวนกลับแต่สมรักษ์ฉุกคิดอะไรได้
“เดี๋ยวจ่า...หลักสูตรเอฟบีไอ สอนผมว่า อย่าเพิ่งสิ้นหวังถ้ามีหลักฐานอยู่ตรงหน้า”
“ไหนหลักฐาน...ศพหรือ”
สมรักษ์ลงมือค้นตัวชาวมอญ
“นี่ไง...ช่วยกันค้นสิเผื่อจะได้อะไร”
จ่าชิตช่วยค้นชาวมอญอีกคนหนึ่ง...ผ่านไปสักครู่ สมรักษ์ก็เจออะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกงของคนตาย เขาหยิบขึ้นมาแล้วเอาไฟฉายส่อง
“จ่า...ดูนี่สิ”
“เฮโลอีน”
จ่าชิตและสมรักษ์ทั้งดีใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน
ระรินเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ภราดรจนเสร็จ เก็บผ้าแล้วยกกะละมังจะออกมานอกห้อง ภราดรดึงขาเอาไว้เบาๆ
“จะรีบไปไหนล่ะครับ”
ระรินจริตทำเอียงอาย
“ปล่อยค่ะหมอ ระรินจะไปนอนแล้ว”
“อยู่อีกสักพักเถอะครับ นะครับ”
ระรินใจอ่อนระทวย ภราดรค่อยๆโน้มเธอลงมาหมายจะจูบ ระรินปล่อยตัว ทันใดนั้นมีเสียงเสือคำรามดังแว่วมาดูน่ากลัว ระรินกับภราดรผละออกจากกัน
“เสียงนั่น”
ภราดรหน้าตื่น
“เสือ...เสือสมิง”
ระรินตื่นกลัว
“ตายแล้วหมอ ทำยังไงดีพ่อก็ไม่อยู่”
“ไม่ต้องกลัวครับ ผมอยู่ทั้งคนผมจะไม่ปล่อยให้คุณระรินเป็นอะไรไปอย่างเด็ดขาด”
ภราดรลุกขึ้นเดินออกมาข้างนอกห้องเขากอดระรินเอาไว้ เสียงเงียบไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เงียบไปแล้ว”
ภราดรระวังตัวตลอดเวลา ทันใดนั้นมีร่างลึกลับเคลื่อนที่มาข้างหลังภราดรอย่างช้าๆแล้วเอามือแตะไหล่เขา
ภราดรสะดุ้ง
“เฮ้ย...”
ทั้งภราดรและระรินหันไปเห็นว่าเป็นอองไชย จึงโล่งอก
“ท่านพราน ท่านมาได้ยังไง”
อองไชยมองไปรอบๆอย่างระวัง
“จิตของข้าบอกว่ามีเสือสมิง”
“งะ...งั้น...รีบจัดการสิ”
ระรินกอดภราดรไว้แน่น อองไชยรู้สึกผิดสังเกต
“มันมาที่นี่ทำไมกันแน่”
ห้องนอนของระรินมืดสลัวมีเพียงแสงลางๆจากแสงจันทร์ พะอูย่องเข้าไปในห้องแล้วหาอะไรบางอย่างไปทั่งห้อง
และแล้วเขาก็ตรงไปที่ที่นอนแต่ก่อนที่จะ ถึงที่นอน ก็มีร่างร่างหนึ่งมายืนตรงประตูทางเข้า อองไชยนั่นเอง เขากระชับหน้าไม้อาคมเตรียมระวัง
“ไอ้หัวขโมย”
พะอูหันมาหาอองไชย ในความมืดอองไชยจึงไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นพะอู อองไชยยิงหน้าไม้ออกไปทันที หน้าไม้แหวกอากาศพุ่งออกไปหาพะอู ร่างของพะอูกลายเป็นเสือสมิงทันที ลูกศรผ่านทะลุร่างของเสือสมิงไปราวกับอากาศธาตุ
อองไชยตกใจและแปลกใจ เขาตะลึง
“นี่มัน...”
เสือสมิงกระโจนออกไปข้างนอก หน้าต่างอย่างรวดเร็ว ออ
ไชยรีบบริกรรมคาถาเรียกควายธนู ใบหน้าอองไชยที่หลับตาอยู่แล้วเบิกตาโพลง
ทันทีที่ เสือสมิงกระโจนออกมา ควายธนูไฟของอองไชยก็โผล่ออกมาชนเสือสมิงกระเด็นไป เสือสมิงตั้งหลักได้ แล้วจ้องมองมาที่ควายธนู ทั้งคู่จ้องมองกันแบบตั้งท่า อองไชยออกมาดู ภราดรและระรินตามมายืนดูด้วย ทั้งคู่รู้สึกปลอดภัย การต่อสู้ของเสือสมิงกับควายธนูไฟเป็นไปอย่างดุเดือด และในที่สุดความธนูก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อองไชยหน้าเสียแล้วอุทานออกมา
“สมิงทราทัพ”
เสือสมิงหันกลับมาจ้องทั้งสามคน ระรินตื่นกลัว
“ตายแล้ว ทำยังไงดีล่ะท่านพราน”
ภราดรพึมพำ
“มันร้ายกาจจริงๆ”
อองไชยคิดหาทางออก เขาเลี่ยงเดินออกไปที่กลางลานหวังแลกชีวิตกับมัน
“มาเลย...วันนี้ไม่ข้าก็เจ้า ใครคนหนึ่งต้องจากโลกนี้ไป”
อองไชยใช้มีดที่ห้อยคอเอาออกมาบริกรรมคาถาแล้วคิดจะสู้เสือ แต่เสือสมิงก็เข้ามาตบอองไชยกระเด็นไป แม้อองไชยจะหนังเหนียว แต่ก็บาดเจ็บได้
“นี่มันมีพลังอำนาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
เสือสมิงเดินวนรอบอองไชย กำลังหาทางเข้าทำร้าย ระรินกับภราดรลุ้น
“ท่านพรานระวัง”
เสือสมิงกระโจนเข้ามาหมายจะขย้ำ แต่อองไชยเบี่ยงตัวหลบได้ทัน กระนั้นก็ยังได้แผลเลือดไหลโทรม อองไชยสู้ตาย เขาบริกรรมคาถาที่มีดอีก เสือสมิงวิ่งเข้ามาชาร์จทันทีแต่ก่อนที่เสือสมิงจะถึงตัวอองไชย บาเยงโบก็ปรากฏกายขึ้นเหมือนกับรูปปั้นไม้รูปนั้น บาเยงโยใช้พลังซัดเสือสมิงกระเด็นไป เสือสมิงไม่กลัว ตั้งตัวได้แล้วจ้องหาจังหวะ อองไชยมองอย่างประหลาดใจ
“ใครกัน”
ระรินซบใบหน้าที่อกภราดร บาเยงโบใช้พลังซัดเสือกระเด็นไปอีก เสือสมิงท่าทางกลัวแล้วหนีเข้าป่าหายไป
บาเยงโบร่างหายไป ภราดรกับระรินวิ่งเข้าไปหาอองไชยที่บาดเจ็บ
“เป็นยังบ้างท่านพราน”
อองไชยแววตาแค้นแล้วกัดฟันพูด
“ข้าไม่เป็นไร”
เสี่ยรงค์เดินขึ้นบ้านมาพบว่า อองไชยอยู่ที่ห้องรับแขกโดยมีภราดรและระรินกำลังทำแผลให้ เสี่ยรงค์มองอย่างสงสัย
“มีอะไรกันหรือท่านอองไชย”
ระรินหันมาบอก
“ก็ไอ้เสือสมิงน่ะสิ มันบุกมาถึงนี่เลย มันเกือบจะฆ่าท่านพรานแล้ว”
อองไชยแค้นขบกรามแน่น เสี่ยรงค์แปลกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าอองไชยจะพลาด
“มันร้ายกาจขนาดขนาดท่านอองไชยเอาไม่อยู่เลยหรือ”
ภราดรทำแผลเสร็จ
“เสร็จแล้วท่านพราน”
อองไชยยันตัวขึ้นแล้วอธิบาย
“มันร้ายกาจมาก ดีที่รูปปั้นรูปนั้นช่วยข้าไว้ เจ้าลองไปหยิบมาซิ”
เสี่ยรงค์รู้ว่าเป็นรูปปั้นบาเยงโบที่ไม่มีดาบ แล้วเดินไปหยิบมาตั้งที่โต๊ะ อองไชยมอง
“เป็นคนเดียวกับที่ปรากฏกายมาช่วยข้าจริงๆ”
ภราดรรู้สึกมึนงงเหมือนจะคืนสติเมื่ออยู่ต่อหน้ารูปปั้น มีเสียงบาเยงโบแทรกเข้ามาใน
“ตั้งสติเอาไว้ เจ้าต้องตั้งสติให้ดี”
อาคมที่มัดภราดรไว้กำลังจะคลาย
“ท่าน...”
ระรินเห็นอาการภราดร
“หมอเป็นอะไรคะ”
ภราดรงงๆ
“เอ๊ะนี่ผมเป็นอะไร...”
ทั้งอองไชยและระรินหน้าเสีย
“ท่านพราน...”
อองไชยภาวนาคาถาสองสามคำด้วยแววตากร้าวแล้ว ภราดรก็กลับมาถูกพันธนาการเหมือนเดิม ภราดรงงๆ
“มันเป็นไปได้ยังไง...”
บาเยงโบหายไปพร้อมกับทิ้งคำพูดเอาไว้
“ข้าทำได้แค่นี้”
“ผมง่วงนอนจังเลย”
“ไปนอนพักก่อนดีกว่าค่ะ”
“ครับ”
ระรินประคองภราดรไปนอน ภราดรโอบกอดอย่างเสน่ห์หา
“สิ่งใดทำให้อาคมของข้าอ่อนไหว...หรือว่า...”
อองไชยจ้องที่รูปปั้นบาเยงโบ
พะอูเดินขึ้นมาบนบ้านทรุดตัวนั่งลงที่หน้าบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน แม่หมอเข้ามาถาม
“ไม่สำเร็จใช่ไหม”
พะอูส่ายหน้า
“ช่างมันเถอะ มันยังพอมีโอกาส เข้าสวมประคำซะเถอะ”
พะอูส่ายหน้าไม่ยอมรับการสวมประคำ
“เจ้าต้องสวมมันไว้พะอู เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง”
พะอูยังคงดื้อและไม่ยอม แม่หมอพยายามบังคับเสียงแข็ง
“พะอู สวมมันเดี๋ยวนี้”
พะอูโกรธแล้วกำลังจะเปลี่ยนร่างเป็นเสือสมิง ทันใดนั้นประคำหลุดจากมือของแม่หมอลอยไปสวมคอพะอูอย่างง่ายดาย แม่หมอตะลึง พะอูกลับเป็นปกติท่าทางอ่อนเพลีย พระธุดงค์ปรากฏตัวขึ้น แม่หมอทรุดนั่งกราบ
“อย่าใช้เขาไปทำแบบนี้อีกนะโยม เขาเกือบจะไม่รอดชีวิตมาหาโยมแล้ว”
แม่หมอสำนึกผิด
“แต่อีฉันจำเป็นนี่เจ้าคะ”
“ปล่อยวางเสียเถอะโยม ทุกอย่างมันเป็นไปตามครรลอง มันจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้หรอก”
“อีฉันขอโทษเจ้าค่ะ”
“จำเอาไว้นะ จะยังไงก็แล้วแต่อย่าถอดประคำออกอีก”
“เจ้าค่ะ”
พระธุดงค์หายวับไป แม่หมอก้มลงกราบแล้วบอกพะอู
“ไปนอนเถอะ”
เสือทศนั่งดื่มเหล้าดับกลุ้ม กับเสือเรืองสองคน
“ไม่นึกเลยว่าพ่อเสือจะเห็นไอ้ตำรวจนั่นมันดีกว่าข้า” เสือทศกำลังตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
เสือเรืองประจบเหมือนเดิม
“จะไปยากอะไร ก็ไปยิงมันทิ้งซะก็หมดเรื่อง”
“ไม่...ข้าจะไม่คิดเล็กๆอีกต่อไป ในเมื่อพ่อเสือไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา แล้วข้าจะต้องเกรงใจต่อไปทำไม ข้าต้องทำตามแนวทางของข้า”
“แสดงว่าพี่จะยึดชุมเสือหรือ”
เสือทศแววตาเหี้ยม
“ข้าไม่ยึดที่นี่หรอก แต่จะเปิดชุมโจรใหม่ แล้วถล่มที่นี่ให้ราบคาบ ข้าหัวพ่อเสือน่ะ...5 แสนเชียวนะโว้ย”
เสือทศบอกเสียงกร้าว
อองไชยนั่งอยู่บนเตียงในห้อง ที่บ้านของเสี่ยรงค์ เขาอาการดีขึ้นแต่ยังมีบาดแผล พยายามนั่งสมาธิให้จิตใจสงบ เสี่ยรงค์เดินเข้ามากับภราดรที่มาตรวจอาการอีกครั้ง
“เป็นยังไงบ้าง ท่านพราน”
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้วล่ะหมอ”
เสี่ยรงค์แปลกใจ
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านพรานถึงพลาดท่ามันได้”
“มันมีอำนาจพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา มันต่างจากเสือสมิงทั้ง 10 ตัวที่ข้าฆ่ามันมาก”
“ท่านฆ่ามันไปทำไม”
“ข้าเก็บวิญญาณกับหัวใจมันเอาไว้ อาจารย์ข้าบอกว่าถ้าได้ครบทั้ง 12 ตัว 12 ราศี มันจะทำให้ข้าเป็นอมตะ มีชีวิตนิรันดร์”
แม้ภราดรจะตกอยู่ในมนต์เสน่ห์ แต่ก็ยังมีสติ เขาค่อนข้างจะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
“แล้วพรานจะปราบมันยังไง” เสี่ยรงค์ซักต่อ
“ดาบ...มันกลัวดาบที่คอข้ากับรูปปั้นไม้นั่น ถ้าท่านไม่รังเกียจข้าจะขอดูรูปปั้นไม้ให้ละเอียดอีกสักครั้ง ข้าเชื่อว่าบางทีมันอาจจะเกี่ยวกับสุสานของบาเยงโบจอมกษัตริย์ก็ได้”
ภราดรรู้สึกคุ้นชื่อนี้เขาสนใจฟัง เสี่ยรงค์พยักหน้ารับ
วันใหม่...สมรักษ์เอาซองใส่เฮโลอีนที่ได้มาจากชาวมอญสองคนเมื่อคืนวางลงบนโต๊ะ ขณะที่จ่าชิตยืนข้างๆ
“อะไร”ศักดาแปลกใจ
สมรักษ์กับจ่าชิตยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะ สมรักษ์พูดเรียบๆ
“เฮโลอีน”
ศักดารับรู้แล้วก้มหน้าทำงานต่อไปอย่างไม่ค่อยสนใจ
“ผู้กองจะไม่ถามหน่อยหรือว่าได้มันมาจากไหน”
จ่าชิตถามเสียงเข้ม ศักดารู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่แล้ว แต่ทำทีเป็นสนใจ
“ถามก็ได้...นายสองคนไปได้มันมาจากไหน”
“คนงานของเสี่ยรงค์ ที่เป็นสายให้เรา”สมรักษ์เล่า
“หมวดแน่ใจรึ”
จ่าชิตยืนยัน
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่”
“งั้นไปพาตัวสายของจ่ามา ฉันจะสอบปากคำเอง”
สมรักษ์กับจ่าชิตอึ้งไป
“เขาตายแล้ว”
“อ้าว...ตายแล้วใครจะเป็นพยานล่ะ ขืนออกหมายจับซี้ซั้วเราถูกฟ้องอ้วกแตกเลย” ศักดาทำเป็นโวยวาย
สมรักษ์ยังไม่ยอม
“เราแค่สงสัย ผมขอไปตรวจที่ปางไม้เสี่ยรงค์ได้ไหมครับ”
ศักดาจ้องหน้าสมรักษ์
“นี่หมวด...หมวดไปหาข้อมูลและหลักฐานมาให้รัดกุมก่อนไป...อีกอย่างหมวดรู้หรือว่าปางไม้เสี่ยรงค์อยู่ที่ไหน”
“ไม่ทราบครับ รู้แต่ว่าอยู่ในป่าลึกติดชายแดน”
ศักดามองหน้าสมรักษ์กับจ่าชิตทำนองเยาะๆ ทั้งคู่รู้ตัวว่าเป็นรองก็หน้าเครียด
กินรีนั่งเด็ดใบสมุนไพรเพื่อตากแดดอยู่ที่ลานบ้าน พะอูกับมะค่า พากันหาบน้ำมาเทใส่ตุ่ม มะค่าเห็นกินรีดูเหม่อลอยจึงเปรยๆกับพะอู
“น่าสงสารพี่กินรีเนอะ หมอภราดรไม่น่าเป็นคนแบบนี้เลย”
พะอูรู้อยู่แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับกินรีแต่เขาไม่บอก ได้แต่แสดงอาการสงสารกินรีและโกรธแค้นระริน มะค่ารู้ความหมาย
“ไปโทษคุณระรินเขาได้ยังไง ก็หมอไปชอบเขาเองนี่...ไปชวนพี่กินรีไปเก็บมันที่ไร่ดีกว่า”
มะค่าเดินไปหากินรี พะอูเดินตามไป กินรีนั่งใจลอยเด็ดใบสมุนไพรใส่กระจาดแล้วลุกไปตากแดด
“พี่กินรี...ไปเก็บมันที่ไร่กันไหม”
“ไม่หรอกจ้ะ มะค่าไปกับพะอูเถอะ พี่ยังตากสมุนไพรไม่เสร็จเลย”
“ที่เหลือเอาไว้ทำวันหลังก็ได้นี่นา...ไปไร่ขุดมันเสร็จก็ไปเล่นน้ำที่ลำธาร พะอูบอกว่าจะจับปลาด้วย...ไปนะพี่กินรี”
มะค่าพยายามชวนกินรีให้หาอะไรทำ จะได้ไม่คิดมาก กินรีส่ายหน้า
“มะค่าไปกับพะอูเถอะ พี่อยากอยู่เงียบๆ”
พะอูเข้าใจแล้วดึงมะค่าไป...แม่หมอที่ลงมาจากบ้านพอดี หยุดยืนมองกินรีอย่างสงสาร
บุรุษไปรษณีย์ขี่จักรยานมาส่งจดหมายที่อนามัย ประเดิมเดินมารับแล้วมองซองเห็นว่ามาจากสาธารณสุขจังหวัดมีตราประทับว่าด่วนที่สุด
“ของคุณหมอ...จากสาธารณสุขจังหวัด...ขอบใจนะ”
บุรุษไปรษณีย์ออกไป ประเดิมเดินขึ้นไปบนอนามัย สวนกับเดือน
“คุณหมอล่ะ”
“อยู่ในห้อง”
ประเดิมรีบเดินไป เดือนพยายามจะบอกอะไรบางอย่างแต่ไม่ทัน...ประเดิมมาถึงหน้าห้องภราดรแล้วเปิดประตูพรวดเข้าไป
“คุณหมอครับ...มี...”
ประเดินชะงักเมื่อเห็นระริน นั่งตักภราดรและโอบกอดกันอยู่
“ว้าย...ประเดิม ไอ้บ้า แกเข้ามาทำไม”
ภราดรไม่พอใจผิดไปเป็นคนละคน ระรินลุกจากตักหันมาด่าประเดิม
“หัดเคาะประตูบ้างสิ...มีมรรยาทหรือเปล่า...น่าไล่ออกจริงๆ”
“ขอโทษครับ เอ่อ...คือว่ามันมีเรื่องด่วนจริงๆ”
“มีเรื่องอะไรว่ามา”
ประเดิมหน้าเสียแล้วยื่นจดหมายให้
“มีจดหมายด่วนมาจากจังหวัดครับ”
ภราดรกระชากออกไปจากมือประเดิมอย่างไม่พอใจ
ประเดิมออกมาจากห้องภราดรแล้วเดินมาตามทางเซ็งๆ เดือนยืนรออยู่ ประเดิมเดาออก
“ไม่บอกกันบ้างเลย”
“ฉันพยายามจะบอกนายแต่นายรีบเดินไปเองนี่...ช่วยไม่ได้...นึกว่าฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน”
เดือนหัวเราะเบาๆ ประเดิมสงสัย
“หมอนี่ก็แปลกคนจริงๆ ที่ทำงงทำงานก็ไม่เว้น อย่างนี้เขาเรียกว่าหลงเข้าเส้นแล้ว ไม่รู้เป็นอย่างนี้ได้ยังไง”
เดือนก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่มันเป็นไปอย่างที่เห็นจริงๆแล้วสันนิษฐาน
“หรือว่าหมอโดนทำเสน่ห์”
ประเดิมฟังแล้วเริ่มคล้อยตาม
แม่หมอตัดสินใจบอกความจริงให้กินรีรู้
“โดนทำเสน่ห์” กินรีย้ำคำอย่างกังวล
แม่หมอพยักหน้า
“ใช่...มันโดนทำเสน่ห์อย่างแรง”
กินรีหน้าตื่น
“ตายจริง...แล้วหมอจะเป็นอะไรไหมยาย”
แม่หมอหนักใจ
“ไม่รู้แต่ผ่านอีก 6 ราตรีนี้ไปมันจะไม่มีสิทธิ์กลับคืนมาเป็นหมอคนเก่าได้อีก”
กินรีกังวลเป็นห่วงภราดร
“จริงหรือยาย...เราจะช่วยหมอได้ไหม”
แม่หมอส่ายหน้าอย่างไม่ค่อยจะมีหวัง
“ยายกำลังพยายามอยู่...เจ้ารักเขามากรึ”
กินรีพยักหน้ายอมรับความจริง
“เวรกรรม...เจ้าไม่เชื่อคำทำนายเลยหรือ”
“กินรียินยอมแลกทุกอย่างเพื่อความรัก...จ้ะยาย”
กินรีน้ำเสียงอ่อนโยนแต่หน้าตาจริงจัง แม่หมอพยักหน้าอย่างหนักใจ
ภราดรอ่านจดหมายที่ทางอำเภอส่งมาอย่างเซ็งๆ แล้วขว้างจดหมายลงบนโต๊ะ
“น่าเบื่อจริงๆ”
“มีอะไรหรือคะ”
“ก็สาธารณสุขจังหวัดน่ะสิ มีคำสั่งให้เราออกพื้นที่”
“ที่ไหนคะ”
ภราดรไม่ค่อยพอใจไม่อยากไป
“แถวตะเข็บชายแดน คงต้องไปเป็นอาทิตย์”
“ระรินไปด้วยนะคะ”
ภราดรหน้าดีขึ้นแล้วหันมากอดระริน
“ผมต้องเอาคุณไปด้วยอยู่แล้ว...คุณก็รู้ผมห่างคุณได้ซะเมื่อไหร่ล่ะ”
ระรินแอบยิ้มอย่างพอใจ
“เดี๋ยวบ่ายๆ เข้าจังหวัดกัน ผมจะไปรายงานตัวแล้วก็จะเบิกเวชภัณฑ์ด้วย แล้วเราก็ไปหาอะไรอร่อยๆทานกัน”
“ค่ะ”
ระรินพอใจที่ภราดรหลงใหลเธอ
กินรีนั่งเศร้าอยู่ที่ริมลำธารหลังบ้าน เธอกังวลและเป็นห่วงภราดร
“โธ่...คุณหมอ...จะทำยังไงดี”
เวลาไปสักครู่ก็บังเกิดสิ่งอัศจรรย์ มีเสียงเรียกกินรีมาจากไหนสักแห่ง
“กินรี...อย่าเศร้าใจไปเลย”
กินรีมองหาที่มาของเสียงแล้วพบว่ามันมาจากในลำธาร ทันใดนั้นที่ผืนน้ำปรากฏใบหน้าของชะเวมะรัตหน้าตาดูมีเมตตา
“ทุกสิ่งต้องมีหนทางแก้ไขเสมอ”
กินรีตกใจ
“ท่านเป็นใคร...เหตุใดใบหน้าท่านถึงเหมือนข้า”
“นั่นหาใช่สิ่งสำคัญ คนรักของเจ้าจะไม่เป็นคนรักของเจ้าอีกต่อไป ถ้าเจ้าไม่ได้รักเขา แต่ถ้าเจ้ามอบใจภักดิ์ให้กับเขา มันจะคงอยู่ตราบชั่วฟ้าดินสลาย...ความรักสามารถเยียวยาได้ทุกอย่าง...เจ้าต้องอดทน เพื่อช่วยเขา”
กินรีรู้สึกงงแต่ก็จำคำพูดนั้น
“ท่าน...ท่านหมายความว่า...อะไร”
ใบหน้าของชะเวมะรัตในลำธารหายวับไป
กินรีสะดุ้งตื่น เพราะนั่งพิงเสาบ้านหลับอยู่ขณะกำลังเด็ดสมุนไพร
“ท่าน...อุ๊ย...ฝันไปหรือนี่...”
กินรีรู้สึกงงเพราะมันเหมือนจริงมาก ขณะเดียวกันนั้นผู้ใหญ่สนกับจ่อยเดินเข้ามา
“อาผู้ใหญ่ น้าจ่อย”
ผู้ใหญ่สนเข้ามาถาม
“แม่หมออยู่ไหม”
ไม่ทันที่กินรีจะตอบแม่หมอก็โผล่มาจากบนเรือน
“มีอะไรหรือผู้ใหญ่”
“เดี๋ยวหมวดสมรักษ์จะมารับฉันไปประชุมในจังหวัด อยากจะมาถามว่าแม่หมออยากจะได้อะไรหรือเปล่า”
แม่หมอพยักหน้ารับ
ขวดเหล้าขาวถูกยกมาตั้งบนโต๊ะตรงหน้าจ่าชิต สมรักษ์ดื่มโอยัวะกับปาท่องโก๋อยู่ร่วมโต๊ะ
“แต่เช้าเลยหรือจ่า”
“ก็...ผมออกเวรแล้วนี่ ขอเลี้ยงพยาธิลำไส้หน่อยก็แล้วกัน”
จ่าชิตรินเหล้าดื่ม
“ผู้กองศักดานี่เจ้าเล่ห์ไม่เคยเปลี่ยนเลย คนมันตายไปแล้วมันจะเอาพยานมาจากไหน”
“แกคงปกป้องผลประโยชน์ของแก ผมว่างานนี้เสี่ยรงค์จ่ายให้แกไม่น้อย”
“จะยังไงดี หรือว่าจะนั่งดูเขารวย”
จ่าชิตกระแซะสมรักษ์จริงจัง
“จะบ้าหรือเปล่าจ่า เราเป็นตำรวจนะ จะปล่อยให้คนชั่วลอยนวลได้ยังไง”
“หมวดมีแผนแล้วหรือ”
“ไม่...ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก แต่จ่าจะนั่งดูเขารวยก็ได้นะ”
“ผมคงทนทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกหมวด เรื่องอื่นพอทำเนา แต่ไอ้ยาเสพติดนี่มันทำลายชาติ ผมปล่อยไว้ไม่ได้หรอก”
จ่าชิตยิ้มอย่างจริงจัง
เสือสมิง ตอนที่ 9 (ต่อ)
ภราดรแจ้งภารกิจจากสาธารณะสุขจังหวัดให้ทุกคนทราบ ระรินยืนเชิดอยู่ข้างๆ เดือน กับประเดิมตั้งใจฟัง
“มีคำสั่งให้พวกเราไปออกพื้นที่เป็นหน่วยแพทย์อาสา”
“ก็ไปดูพวกชาวเขาบ้างกระเหรี่ยงบ้าง อย่างนั้นแหละ”
ประเดิมถามความเห็น
“จะไปกันหมดเลยหรือ”
“คงไม่ เดือนต้องเฝ้าที่นี่ ฉัน...ระริน และนายไปด้วยกัน”
ระรินเสริมท่าทางเหมือนคุณนาย
“และเราต้องการคนงานเพิ่ม ได้แม่ครัวด้วยก็ยิ่งดี”
“ใช่...เรามีเวชภัณฑ์เยอะ อีกอย่างคงต้องทำงานกันทั้งวันคงไม่มีเวลามานั่งหุงหา ประเดิมนายไปหาคนพวกนี้มาก็แล้วกัน”
ประเดิมรับคำ
“ครับ”
“เอารถออก ฉันจะไปจังหวัด”
ประเดิมรับรู้แล้วจากไป เดือนนั่งทำงานต่อ
ผู้ใหญ่สน จ่อย ยืนอยู่ที่ลานบ้าน แม่หมอหันมาบอกผู้ใหญ่สน
“รายการของทั้งหมดฉันบอกกินรีไปแล้ว ผู้ใหญ่พามันไปซื้อด้วยก็แล้วกัน”
“ได้...แต่คงจะกลับค่ำหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไร...”
สมรักษ์ขับรถเข้ามาจอดแล้วลงมาทักทาย เขาเห็นกินรีเดินมาแล้วทัก
“ไปกันหรือยังผู้ใหญ่...อ้าวกินรีไปกับเขาด้วยหรือ”
กินรียิ้มรับ
“ค่ะ...”
“งั้นขึ้นรถเลย”
ทุกคนมาที่รถสมรักษ์
อองไชยนั่งคุยกับเสี่ยรงค์ เบิ้ม และหัวหน้าคนงาน เขายังสงสัยเรื่องรูปปั้นไม้
“รูปปั้นชิ้นนั้นมันต้องเป็นรูปปั้นที่ต้องมีอะไรพิเศษ มันสามารถสกัดอำนาจของเสือสมิงได้”
เสี่ยรงค์แปลกใจ
“อำนาจอะไรหรือท่านพราน”
“ข้ายังไม่แน่ใจ แต่รู้ว่ามันมีความลับอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในตัวมันอย่างที่ข้าเคยบอกนั่นแหละ ข้ามั่นใจว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับจอมกษัตริย์บาเยงโบก็ได้”
ขณะเดียวกัน ศักดาเดินเข้าหน้าเครียดเข้ามา
“จะอะไรก็ช่างแต่ตอนนี้ ไอ้จ่าชิตกับหมวดสมรักษ์มันได้กลิ่นสินค้าของเสี่ยแล้ว”
เสี่ยรงค์เลิกสนใจอองไชยหันมาสนใจศักดาทันที
“มันรู้ได้ยังไง”
“เห็นว่ามันได้จากสายของมันที่ทำงานที่นี่”
เบิ้มรีบแทรกเข้ามา
“เป็นไปได้ยังไงก็ผมกับไอ้นี่” เพยิดหน้าไปที่หัวหน้าคนงาน “ฆ่ามันสองคนกับมือ”
“พวกนั้นเจอของในตัวศพไอ้สองคนนั่น”
เบิ้มหน้าซีด เสี่ยรงค์โมโห
“บอกกี่ครั้งแล้ว เวลาทำงานให้มันรอบคอบหน่อย...”
“ช่างเถอะ ผมแก้สถานการณ์ให้แล้ว”
“ไม่...ผมยังไม่มั่นใจ”เสี่ยรงค์หน้าเครียด
“เสี่ยจะให้ทำยังไง”
“ส่งมันไปพักร้อนในนรก”
เสี่ยรงค์แววตากร้าว อองไชยยังคงคิดถึงเรื่องรูปปั้น
จงใจซักผ้าอยู่ที่ริมลำธารตามลำพัง เธอเหม่อลอยคิดถึงสมรักษ์ เสือทศเดินมาหา
“ใจลอยคิดถึงใครอยู่จ๊ะจงใจ”
“พี่ทศ...”
เสือทศท่าทางนิ่มและจริงใจ
“มีธุระอะไร”
“แหม จงใจก็...ต้องมีธุระด้วยหรือถึงจะมาคุยกับจงใจได้ มันไม่เป็นทางการไปหน่อยหรือ”
จงใจตัดบท
“มีอะไรก็ว่ามาสิ...ฉันจะรีบทำงาน”
“พี่มาขอโทษเรื่องเมื่อคืน”
“ช่างเถอะ ฉันลืมมันไปแล้ว”
“ลืมเรื่องเมื่อคืน หรือลืมพี่ทศคนนี้กันแน่”
จงใจรำคาญแล้วเก็บผ้าจะเดินออกไป เสือทศขวางไว้แววตาดุดันจนจงใจกลัว
“จะทำอะไรน่ะ...หลีกไปนะพี่ทศ”
เสือทศยังคงจ้องจงใจแต่ไม่ทัน ทำอะไรเสือเข้มก็เข้ามาขัดจังหวะ
“จงใจ พ่อเสือเรียกแน่ะ”
เสือเข้มรู้ทันเสือทศ แต่แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้
“อ้าวพี่ทศ...ไปจงใจพ่อเสือรออยู่”
จงใจรีบไปกับเสือเข้ม เสือทศมองตามแววตากร้าวในใจคิดชนะ
“ดูซิพี่กับไอ้หมวดใครจะได้จงใจก่อนกัน”
เสือเรืองกับเสือชินเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“โธ่...พี่ทศ อยู่นี่เองตามหาซะทั่วเลย”
“มีอะไร”
“เสี่ยรงค์ฝากบอกคนของเรามาว่าเสี่ยอยากพบพี่”
สือทศสงสัยมองหน้าเสือเรืองอย่างมีถามคำถามว่าเรื่องอะไร เสือเรืองยักไหล่แสดงคำตอบว่าไม่รู้
ประเดิมเดินถือของพะรุงพะรัง ออกมาจากสาธารณสุขจังหวัดตรงมาที่ลานจอดรถ ภราดรกับระรินเดินคลอเคลียนำหน้า
“นี่...นายประเดิม เดินให้มันเร็วๆหน่อยได้ไหม ยังต้องขนอีกหลายเที่ยวนะ” ระรินรู้สึกรำคาญ
“จะเอาเร็วก็ช่วยกันขนสิครับ แค่นี้ก็แทบจะเอาปากคาบแล้ว”
ประเดิมโอดครวญ ภราดรไม่พอใจ
“นายมีหน้าที่ขนก็ขนไปไม่ต้องบ่น หรืออยากจะหางานใหม่”
ระรินยิ้มเยาะ ประเดิมหน้าจ๋อย
“เดี๋ยวฉันกับระรินจะไปหาอะไรกินกัน นายขนเสร็จก็อยู่แถวนี้นะอย่าไปไหน...”
“ครับ”
ประเดิมรับอย่างงงๆ มองภราดรควงคู่ไปกับระรินอย่างไม่เชื่อสายตา
“โลกมันหมุนกลับทางหรือไงวะเนี่ย...หมอนะหมอ”
สมรักษ์ขับรถมาจอดที่หน้าที่ว่าการอำเภอ กินรี ผู้ใหญ่สน จ่อย ลงมาจากรถ
“ผมกับไอ้จ่อยจะเข้าไปประชุมก่อนนะ ถ้าหมวดไม่ว่าอะไรก็จะรบกวนช่วยพากินรีไปซื้อของหน่อยได้ไหม” ผู้ใหญ่สนหันมาบอกสมรักษ์
“ได้สิ เดี๋ยวผมเข้าไปเบิกเงินเบี้ยเลี้ยง แล้วก็ไม่มีอะไรแล้ว กินรีไปกับฉันก็ได้”
กินรียิ้มและพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม ทั้งหมดแยกกันไป
ระรินควงคู่ภราดรเดินมาตามตลาดและดูของมาเรื่อยๆ ทั้งคู่สนิทแนบแน่น ระรินผ่านร้านเสื้อผู้ชายแล้วชวนภราดรเข้าไป
“เสื้อตัวนี้สวยนะคะ เหมาะกับหมอจริงๆ ลองดูสิคะ”
“จริงหรือครับ”
“จริงสิคะ...แหมใครอยากให้แฟนตัวเองดูไม่ดีล่ะ...มาลองเข้าไปดูกัน”
ระรินลากตัวภราดรเข้าไปในร้านทันที
กินรีเดินหน้าเศร้าๆมาตามทางมองสิ่งของที่ร้านแล้วผ่านไปเหมือนคนใจลอย ในใจคิดเรื่องของภราดร สมรักษ์สังเกตเห็นเพราะกินรีเดินเลยร้านขายธูปเทียนไป
“กินรี...กินรี...เลยร้านแล้ว”
กินรีหันมางงๆ
“กินรีจะซื้อธูปเทียนไม่ใช่หรือ เดินเลยแล้ว...ใจลอยไปถึงไหนเนี่ย”
กินรีกลบเกลื่อน
“เอ้อ...จริงสิ...ตาย...เดินเลยเสียได้”
“กินรีมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
กินรีรีบตัดบทและเดิมเข้าร้านไป สมรักษ์เดินตามไปงงๆ
สมรักษ์กำลังช่วยกินรีซื้อของในร้าน ทั้งคู่ดูสนิมสนมกัน กินรีจ่ายเงินแล้วเดินออกมาหน้าร้าน จังหวะเดียวกันกับภราดรกับระรินเดินผ่านมาพอดี ระรินเห็นทั้งคู่ก่อนแล้วแกล้งทักแบบเหยียดๆ
“อ้าว...หมวด...กินรี”
กินรีรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไม่รู้ว่าจะต้องมาเจอ แต่ก็ปั้นหน้าปกติ
“คุณระริน...คุณหมอ”
สมรักษ์ทักทาย
“สวัสดีครับคุณหมอ คุณระริน”
ภราดรดูจะไม่มีไมตรี แล้วทำท่าจะชวนระรินไปที่อื่น
“สวัสดีครับ...ไปเถอะระริน”
ระรินเริ่มหาเรื่อง
“เดี๋ยวสิ...ยังไม่ได้ทักทายกินรีเขาเลย...แหมพอพลาดจากหมอก็หันไปคว้าตำรวจเลยนะ เธอนี่ไม่เบาจริงๆ”
กินรีท่าทางไม่ยอมระรินเสียงแข็ง
“ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะ ฉันกับหมวดไม่ได้เป็นอะไรกัน”
ภราดรแทรกเข้ามาทันที
“ก็ดูสมกันดี...คนอย่างเธอได้อย่างนี้ก็ถือว่าบุญโขแล้ว”
กินรีอ่อนลงเมื่อสบตาภราดร สมรักษ์อึ้งๆ
“เอ่อ...หมอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ”
“ไม่ผิดหรอกค่ะ ของมันเห็นอยู่ตำตา หมวดไม่ต้องเขินหรอก ของยังไม่ชำรุดสักหน่อย...ไปเถอะค่ะหมอ”
ระรินคล้องแขนภราดรเดินจากไปอย่างไม่ใยดี สมรักษ์งงในคำพูด กินรีน้ำตาเอ่อ
“มีอะไรกันหรือครับ”
สมรักษ์ถามอย่างไม่เข้าใจ กินรีหน้าเศร้าสลดอย่างน่าสงสาร
สมรักษ์กับกินรีนั่งทานอาหารกันอยู่ที่ร้านเล็กๆริมน้ำ กินรีเล่าเรื่องราวต่างๆที่ทำให้ภราดรเป็นแบบนี้ให้สมรักษ์ฟังมาสักระยะหนึ่งแล้ว
“ไม่น่าเชื่อ...ทำไมหมอถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้”
“หมอเขาอาจจะไม่เป็นตัวของตัวเองก็ได้”
สมรักษ์สงสัย
“กินรีหมายความว่ายังไง”
กินรีไม่อยากพูดเรื่องภราดรโดนทำเสน่ห์ จึงไม่ตอบคำถาม จังหวะเดียวกันกับประเดิมเดินออกมาจากหลังร้าน
“หมวด กินรี มาได้ยังไงเนี่ย”
สมรักษ์หันไปทักทาย
“ประเดิม”
กินรียิ้มให้
“พี่ประเดิม”
สมรักษ์เชื้อเชิญ
“นั่งก่อนสิ ฉันมากับพวกผู้ใหญ่สน พอดีกินรีเขาติดรถมาซื้อของด้วย ประเดิมล่ะ”
“ผมมากับหมอภราดร พอดีทางจังหวัดให้ออกพื้นที่หลายวันหน่อย เนี่ยผมหาคนไปช่วยทำครัวกับขนของยังไม่ได้เลย”
กินรีรู้สึกสนใจเธอกำลังหาทางใกล้ชิดกับภราดร
“แม่ครัวหรือ ฉันทำได้นะ”
สมรักษ์กับประเดิมมองหน้ากันงงๆ
กินรีกลับมาถึงบ้านแล้วลื้อเอาข้าวของที่ซื้อออกมา เธอเล่าเรื่องที่จะไปเป็นแม่ครัวให้ฟัง
“นะยายให้ฉันไปเถอะ”
แม่หมอมองอย่างเป็นห่วง
“เอ็งจะทนได้หรือ หมอมันไม่ใช่หมอคนเดิมแล้ว แล้วนังนั่นมันก็ร้ายไม่เบา”
“ฉันไม่กลัวหรอก ฉันเชื่อว่าฉันทำให้หมอหายได้”
“เอ็งจะทำยังไง”
“ฉันเชื่อว่าความรักของฉัน จะช่วยเยียวยาให้หมอกลับมาเหมือนเดิม” กินรีนึกถึงชะเวมะรัต
“นี่เอ็งรักเขาถึงขนาดนี้เลยหรือ...” แม่หมอถอนหายใจ “เอ็งจะทนได้แค่ไหน...”
กินรีไม่ตอบแล้วจะเฉไปทางอื่น
“ฉัน...”
“เอาเถอะ...เมื่อเอ็งคิดอย่างนั้นข้าก็ห้ามเอ็งไม่ได้ ทุกอย่างอาจจะถูกกำหนดไว้แล้วก็ได้ เอาพะอูกับมะค่าไปด้วยก็แล้วกัน มันสองคนจะช่วยเอ็งได้เยอะ”
กินรีพยักหน้ารับ ในใจทั้งดีใจที่ได้ไปและกังวลกับเหตุการณ์ข้างหน้า
ค่ำนั้น...ภราดรจิบเครื่องดื่มเบาๆอย่างสบายใจอยู่ที่บ้านเสี่ยรงค์ ระรินปอกผลไม้ให้ทานและเอาใจอยู่ข้างๆ
“คุณคิดยังไงที่ยอมให้เด็กกินรีไปกับเรา” ภราดรบ่น
“อ้าว...ก็มันอยากเสนอหน้านี่คะ เราก็สนองมันซะหน่อยจะเป็นอะไรไป”
ในใจระรินมีแผนแล้วพูดเชิงประชด
“หรือว่าคุณหมอ กลัวห้ามใจไม่ไหว”
“โธ่...เด็กบ้านป่าดูโง่ๆเซ่อๆใครจะไปเอา คุณก็...เอาเถอะตามใจคุณ เด็กนั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว”
ภราดรท่าทางเฉยๆระรินยิ้มอย่างพอใจแล้วปลอกผลไม้ป้อน
เสี่ยรงค์ เสือทศ เสือเรือง เบิ้มนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ เสือทศกระดกเหล้าลงคออย่างสบายใจ
“อยากให้เก็บไอ้หมวดกับไอ้จ่านั่นหรือ”
“งานของเรากำลังไปได้ด้วยดี ไม่อยากให้สะดุด”
เสือทศเหยียดๆเมื่อนึกถึงสมรักษ์
“ไอ้หมอนี่มันสอดได้ทุกวงการจริงๆ”
“ตกลงเอามันอยู่ไหม ฉันมีค่าเหนื่อยให้”
“เรื่องแค่นี้เด็กๆ ฉันจะตัดหัวมันมาให้ เรื่องเงินไม่เรื่องใหญ่ เราเป็นคู่ค้ากัน เสี่ยอยู่ได้ฉันก็อยู่ได้ ฉันถือว่ามันเป็นศัตรูของเราสองคน”
“ดี...ตกลงตามนี้...ดื่ม”
เสี่ยรงค์พอใจ ชวนทุกคนดื่ม
จงใจนอนไม่หลับออกมานั่งอยู่นอกชานบ้าน เสือใจไหว้พระเสร็จเห็นลูกสาวยังไม่นอนจึงออกมาคุยด้วย
“คิดอะไรอยู่หรือ...อย่าบอกนะว่าคิดถึงไอ้หมวดนั่น”
จงใจหันมาแล้วกลบเกลื่อน
“เปล่าจ้ะ...หนูเป็นผู้หญิงนะจะมานั่งคิดถึงผู้ชายมันไม่งาม”
เสือใจหัวเราะเบาๆ
“คนเรามันมีสิทธิ์คิดถึงกันทั้งนั้นแหละ”
จงใจแววตาน่ารักแล้วถามอย่างเอาใจ
“แล้วพ่อคิดถึงแม่หรือเปล่า”
“คิดถึงสิ...คิดถึงทุกวันเลย”
“แม่นี่โชคดีนะที่ได้แต่งงานกับพ่อ”
เสือใจสะดุดในใจนิดหนึ่ง เพราะเก็บงำความลับอะไรบางอย่าง
“พ่อก็ว่าไอ้หมวดนั่นมันก็โชคดีที่ลูกมานั่งคิดถึงมัน...ถ้าไม่รักเขาก็คงไม่คิดถึงใช่ไหม”
จงใจเขิน
“พ่อน่ะ...ใครเขาจะมารักจงใจ จงใจมันลูกเสือลูกโจร เขาเป็นถึงนายตำรวจ”
“เอาเถอะ...ทุกสิ่งทุกอย่างเวลาจะเป็นเครื่องตัดสิน...”
การสนทนาสิ้นสุดลง สองพ่อลูกนั่งมองดวงดาว คิดถึงคนที่ตัวเองรัก
อองไชยเดินมาตามป่าออกไล่ล่าเสือสมิง คืนนี้ทุกอย่างดูเงียบ
“ทำไมมันถึงเงียบแบบนี้”
มีเสียงสวบสาบข้างหลัง อองไชยหันขวับไปแล้วเงื้อหน้าไม้หมายจะยิง...ที่แท้เป็นนกกลางคืนจับกลุ่มบินออกไป
“มันไปอยู่ไหนของมันนะ”
อองไชยหันไปเห็นพระธุดงค์ นั่งวิปัสสนาอยู่เบื้องหน้า
“ท่าน...เมื่อกี้...”
“อย่าได้สงสัยเลย โยมควรดีใจที่ได้พบกับพระธรรม...หยุดทำกรรมเสียเถอะ มันไม่มีประโยชน์หรอก ตรงกันข้ามมันรังแต่จะทำให้โยมดิ่งลึกลงไปสู่นรกอเวจี”
อองไชยท่าทางผยองและไม่พอใจ
“มันเรื่องของข้า ข้าพอใจในสิ่งที่ข้าทำ ละยินดีที่จะยอมรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้นจากการกระกระทำของข้าเอง ขอบใจที่อุตส่าห์มาเตือน”
พระธุดงค์ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
งะดินเดนั่งอยู่บนแท่นหิน รับรู้เรื่องราวของอองไชยที่ออกมาตามล่าเสือสมิง จากภาพที่ปรากฏที่ผนังถ้ำ
“ไอ้พรานคนนี้มันดื้อจริงๆ ภิกษุโล้นเตือนก็ยังไม่ฟัง มันจะอะไรกับลูกข้านักหนา”
งะดินเดนิ่งไปอย่างครุ่นคิด
พะอูเดินมาส่งมะค่ากลับบ้าน มะค่าพูดถึงเรื่องเดินทางไปในวันพรุ่งนี้
“ข้าตื่นเต้นจังที่จะได้เดินทางไปวันพรุ่งนี้”
พะอูทำท่าว่าพะอูก็เหมือนกัน
“เอ็งก็เหมือนกันหรือพะอู...เอาล่ะ เอ็งส่งข้าแค่นี้ก็พอ จะถึงบ้านข้าแล้ว เอ็งกลับไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”
พะอูยิ้มรับ มะค่าแยกไป
อองไชยเดินตามล่าเสือสมิง ไปตามทางในป่า
“ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆหรอก อีกแค่ตัวเดียวเท่านั้น...ในแผ่นดินก็จะไม่มีใครเทียบข้าได้”
อองไชยเดินไปอย่างมั่นใจ
กินรีกับแม่หมอ เตรียมตัวเข้านอน
“เอ...พะอูไปไหนนะ” กินรีถามถึงพะอู
แม่หมอสงสัยและเป็นห่วง แต่ตัดบท
“ช่างมันเถอะมันคงอยู่แถวนี้แหละ รีบนอนเถอะพรุ่งนี้จะได้ไปแต่เช้า”
พะอูเดินทางมาจะกลับบ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อพบอองไชยยืนดักอยู่
“เจอกันอีกแล้วนะ...ไอ้เสือสมิง ถือว่าคราวที่แล้วเอ็งโชคดี หนีไปได้ แต่คราวนี้มันไม่มีทางซ้ำรอยอีกแล้ว”
พะอูแววตากร้าว อองไชยไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเขาตรงเข้าจู่โจมพะอูทันที พะอูต่อสู้แต่ต่อสู้ไม่ได้จึงสู้พลางหนีพลาง
พะอูวิ่งมาตามป่า อองไชยไล่ล่ามาจนพะอูมาหยุดที่ลานแห่งหนึ่งร่างของพะอูเหมือนกับจะกลายเป็นเสือครึ่งๆกลางๆเพราะอำนาจของประคำสะกดเอาไว้ อองไชยมองพะอูแววตากร้าว
“เผยร่างออกมาสิวะ...ไม่ต้องมาปกปิดให้เสียเวลา ยังไงวันนี้เอ็งก็ไม่รอดอยู่แล้ว”
พะอูหยุดจ้องหน้าอองไชย แล้วตั้งท่าต่อสู้
“มาลองดูสิว่า เจ้าจะแน่แค่ไหน” อองไชยท้าทาย
อองไชยจู่โจมเข้าไปซัด พะอูสู้ไม่ได้ ได้รับบาดเจ็บจากอาคมกระอักเลือดออกมา อองไชยกำลังจะจู่โจมต่อ แต่ทันใดนั้น กายทิพย์งะดินเดทะยานออกมาใช้อาคมซัดอองไชยกระเด็นไป อองไชยไม่เป็นอะไรมากแล้วตั้งหลัก
“กลับไปซะ อย่ามายุ่งกับคนของข้า”
“ต้องยุ่งสิ ในเมื่อคนของแกมีของที่ข้าต้องการ”
งะดินเดแววตากร้าว
“งั้นก็เข้ามา”
พะอูยังนอนเจ็บอยู่แต่รู้สึกตัว เขากำลังจะสลบแล้วมองเห็นงะดินเดลางๆจากนั้นก็หมดสติไป งะดินเดประมือกับอองไชยสักสองสามกระบวนท่า อองไชยสู้ไม่ได้
“ข้าไม่มีทางยอมเจ้าแน่...”
อองไชยพูดจบแล้วหายไปกับความมืด งะดินเดไม่ตาม รีบมาที่พะอู
“ไป...ชะเวโบลูกข้า”
งะดินเดอุ้มพะอูหมายจะไปที่ถ้ำ พระธุดงค์ปรากฏกายขึ้น
“มาแล้วหรือภิกษุโล้น เป็นเพราะประคำอาคมของเจ้า ชะเวโบต้องเป็นแบบนี้ ข้าจะเอาลูกข้าไปรักษาเอง”
พระธุดงค์นิ่งไม่ตอบโต้ งะดินเดหายตัวไปพร้อมพะอู
วันใหม่...แม่หมออยู่ที่หน้าบ้านกำลังตักน้ำใส่ตุ่ม กินรีลงมาช่วย
“อ้าวยาย...ไหวหรีอนั่น...พะอูไปไหนเสียล่ะ”
“ไม่รู้มันไปไหน เมื่อคืนมันก็ไม่ได้กลับมา”
“หรือว่าพะอูจะมีอันตราย”
“ไม่หรอกมั๊ง...พะอูมันชอบหายไปแบบนี้ บางทีก็สองสามวันนั่นแหละมันถึงจะเข้าบ้าน เอ็งรีบไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก มันอยู่กับข้าก็ดีเหมือนกัน จะได้ช่วยงานข้าได้...ไปเถอะ”
กินรีรับรู้ท่าทางเบาใจ มะค่าเดินเข้ามาชวน
“ไปกันหรือยังพี่กินรี...อ้าว พะอูล่ะ”
กินรีกับแม่หมอมองหน้ากัน
“พะอูมันเปลี่ยนใจแล้ว มันเป็นห่วงข้า มันเลยจะอยู่คอยช่วยข้าทำงาน...พวกเอ็งรีบไปเถอะ เดี๋ยวเขาจะรอ”
มะค่าไม่ถามต่อแล้วเดินจากไปกับกินรี
พะอูนอนอยู่บนแท่นหินในถ้ำของงะดินเด แล้วรู้สึกตัวตื่นขึ้น เขายังบาดเจ็บ
“ตื่นแล้วหรือ” งะดินเดอยู่ไม่ห่าง
พะอูทำท่าจะถามเป็นภาษามือ แต่รู้สึกว่าพูดได้จึงลองพูด
“ข้า...เอ่อ...ท่าน พาข้ามาที่นี่ทำไม ข้าต้องกลับบ้าน”
“เจ้ายังกลับไม่ได้จนกว่าเจ้าจะหายดี”
พะอูดึงดันจะกลับ
“ข้าหายแล้ว ข้าต้องไป”
พะอุเดินออกไปนอกถ้ำ แต่ก็ถูกอาคมของงะดินเดดึงเอาไว้เขากลิ้งกลับมาที่เก่า
“ไม่มีประโยชน์หรอกชะเวโบ เจ้าต้องอยู่รักษาตัวที่นี่ การใหญ่ข้างหน้ากำลังรอเราสองคนอยู่”
พะอูรู้สึกบาดเจ็บจึงนั่งหายใจหอบ
“แล้วเมื่อไหร่ข้าถึงได้กลับบ้าน”
“เมื่อถึงเวลา”
งะดินเดหันไปสั่งคนรู
“เจ้าสองตัวไปหาอะไรมาให้ลูกข้ากินซิ”
คนรูรับคำแล้วรีบวิ่งออกไป พะอูกังวลเป็นห่วงทางบ้าน
ประเดิม กินรี มะค่า ระริน และเดือน ช่วยกันขนข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นขึ้นรถครั้งนี้ใช้รถสองคันเป็นรถขนเสบียงและเวชภัณฑ์เสียคันหนึ่ง ประเดิมเป็นคนขับ กินรี มะค่านั่งคันนี้ ระหว่างขนของประเดิมท่าทางไม่ค่อยมั่นใจและเป็นห่วงกินรี
“แน่ใจนะกินรีว่าจะไปด้วย”
“เปลี่ยนใจตอนนี้คงไม่ทันแล้วล่ะพี่ประเดิม”
กินรีพอใจที่ได้ไปไม่สนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นข้างหน้า ภราดรขับรถอีกคันมาจอด ระรินนั่งมาด้วยทั้งคู่ลงจากรถ
ระรินวางท่าแล้วเริ่มจิกกินรี
“อะไรกัน ป่านนี้ยังขนของไม่เสร็จกันอีกหรือ นี่กินรีทำงานให้มันคุ้มเงินหน่อยนะ จ้างนะไม่ใช้ใช้งานฟรีๆ เสร็จแล้วมาขนกระเป๋าเสื้อผ้าของฉันไปด้วย”
ทุกคนรีบทำงานไป ในใจต่างไม่พอใจ กินรียังขนของไม่เสร็จประเดิมอาสาไปขนกระเป๋าของระริน
“ผมขนให้ก็ได้ครับ”
ระรินตวาด
“ไม่ต้อง...ให้นังกินรีมาขน”
กินรีเสียงแข็งท่าทางไม่กลัว
“ฉันขนเอง พี่ประเดิม”
กินรีรีบมาขนกระเป๋า ระรินก็ส่งกระเป๋าใบเล็กให้แต่แกล้งทำหลุดมือ
“อุ๊ย...หลุดมือ...”
ภราดรตวาดใส่กินรีทันที
“ทำไม่ซุ่มซ่ามจังกินรี”
“ช่างเถอะค่ะหมอ...เอาไปทำความสะอาดให้ด้วย...ไปเถอะค่ะหมอ...” ระรินบอกกับทุกคน “เสร็จแล้วเรียกด้วยล่ะ”
ระรินควงแขนภราดรขึ้นไปรอข้างบนอนามัย กินรีมองตามอย่างอดทนและไม่กลัว มะค่าไม่พอใจ
“เชอะ...ทำตัวเป็นคุณนาย คอยดูนะได้โอกาสเมื่อไหร่ จะเอาคืนบ้าง”
มะค่ามองเขม่น
ศักดานั่งทำงานอยู่ในห้อง สักครู่มีโทรศัพท์ดังขึ้น เขารับสาย
“ผู้กองศักดาพูดครับ...ครับ...สวัสดีครับเสี่ย...” ศักดาหยุดนิ่งและฟัง “อ๋อ...ได้สิครับ...ครับผมจะจัดการให้...สวัสดีครับ”
ศักดาวางสาย แล้วลุกออกไปหน้าห้องถามลูกน้อง
“หมวดสมรักษ์มาหรือยัง”
“มาแล้วครับ”
“เรียกมาพบหน่อยซิ”
ศักดาเข้ามานั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม ไม่นานนักสมรักษ์ก็เข้ามาพร้อมทำความเคารพ
“ขออนุญาตครับ...ผู้กองมีธุระอะไรหรือครับ”
“นั่งก่อนสิ”
สมรักษ์นั่งลง
“มีชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่า เขาแจ้งมาว่าพบศพชายสองคน ดูจากลอยสักแล้วน่าจะเป็นชาวมอญ ไม่รู้ว่าคนที่หมวดบอกว่าเป็นสายหรือเปล่า หมวดลองไปตรวจดูที่เกิดเหตุหน่อยซิ”
“ผมไปตรวจตั้งแต่คืนก่อนแล้ว และพลิกศพเรียบร้อยแล้วด้วย ถึงได้เจอเฮโลอีนไงผู้กอง”
“หมวดแน่ใจนะว่าไม่ใช่เฮโลอีนที่มันซื้อมาสูบเอง”
“โธ่...ผู้กอง ผู้กองก็รู้ว่าราคามันแพงขนาดไหน อย่างพวกมันเงินจะซื้อฝิ่นดูดก็ยากเต็มที”
สมรักษ์อธิบายความ แต่ศักดากลบเกลื่อน
“เอาน่าเขาแจ้งมาแล้ว เราก็น่าจะไปดูเสียหน่อย บางทีอาจจะไม่ใช่คนของหมวดก็ได้...เอ่อ...คงไม่ต้องเอาคนไปเยอะมั้ง”
“ครับ”
สมรักษ์รับคำลุกทำความเคารพแล้วออกไป ศักดามองตามแล้วยิ้มเยาะ...เขากำลังส่งสมรักษ์ไปตาย
เสือสมิง ตอนที่ 9 (ต่อ)
เสือใจ กับแววเดินไปที่ไร่ ขณะที่เสือทศ เสือเรืองและเสือชิน จูงม้าเดินผ่านมา
“จะไปไหนกันรึ พ่อเสือ น้าแวว” เสือทศทักทาย
“ข้ากำลังจะไปดูเขาเก็บพืชไร่”
แววไม่ค่อยอยากมองหน้าเสือทศเพราะเรื่องที่เขาเคยทำกับหิน เสือใจถามอย่างสงสัย
“แล้วนี่ พวกเอ็งกำลังจะไปไหนกัน ไม่อยู่ช่วยพวกเขาเก็บพืชไร่หรอกรึ ปีนี้พืชไร่เยอะซะด้วยสิ”
“ไม่ล่ะ...พวกฉันเป็นเสือก็ต้องอยู่อย่างเสือสิพ่อ...เสือมันต้องกินเนื้อ...มันต้องล่า...ไม่ใช่มานั่งปลูกผักกิน...ไปโว้ยพวกเรา...”
เสือทศท่าทางไม่ค่อยยำเกรงเสือใจ แววรู้สึกหมั่นไส้แทน
“นับวันมันจะยิ่งมากขึ้นทุกทีนะ พี่เสือ”
“ฉันรู้...”
เสือใจแววตานิ่งมองเสือทศที่กำลังจูงม้าลับเนินไป
ขณะที่ประเดิมขับรถไปตามถนน กินรีนั่งอยู่ข้างๆ ส่วนมะค่านั่งด้านหลัง ภราดรขับรถอีกคันตามมาอย่างสบายใจมีระรินนั่งข้าง
ในรถประเดิม มะค่ารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งใหม่ๆสองข้างทาง
“โห...สวยจังเลย ตั้งแต่เกิดมามะค่ายังไม่เคยมาไกลขนาดนี้เลย เสียดายนะที่พะอูไม่มาด้วย”
“พี่ว่าดีแล้วล่ะ พะอูจะได้อยู่ดูแลยาย” กินรีบอก
มะค่ายิ้มแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“เราจะไปที่ไหนกันนะน้าประเดิม”
“มันเป็นศูนย์ที่ชายแดนน่ะ พวกชาวเขาชาวกระเหรี่ยงมักจะมารวมตัวกันค้าขายที่นี่ เราจะตั้งศูนย์อยู่ที่นี่สักสามสี่วัน”
ทั้งสองคนพยักหน้ารับรู้
ภราดรขับรถไป ระรินบ่นๆ
“ไม่รู้ว่าทางการคิดยังไงที่ต้องเอาหมอมาช่วยเหลือพวกชนกลุ่มน้อยพวกนี้”
“มันเป็นผลทางมนุษยธรรมและด้านการเมืองน่ะระริน รัฐบาลคงบอกเป็นเชิงสัญลักษณ์ว่าที่นี่เป็นประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมันก็มีผลต่อเขตแดน”
“หมอนี่น่าจะไปเล่นการเมืองนะ...”
ระรินหัวเราะ ทั้งคู่รู้สึกมีความสุข รถวิ่งผ่านถนนไป
เสือใจกับแววตรงมาที่ไร่เห็นว่ามีชาวชุมเสือช่วยกันเก็บพืชไร่ เสือดำกับเสือเข้มก็ช่วยอยู่ด้วย จงใจ แก้ว และหินวิ่งมาหา
“เที่ยวนี้พืชไร่เราดีมากเลย ดูสิเก็บได้ตั้งหลายเกวียนแล้ว” จงใจรายงาน
หินยิ้มพอใจ
“งานนี้คงได้เงินโข ข้าอยากได้ปืนสักกระบอกได้ไหมแม่”
เสือใจปรามหินด้วยความเอ็นดู
“ชะช้า...เบาๆหน่อยไอ้หินตัวแค่นี้จะพกปืนแล้วหรือ เอาไว้ให้ใหญ่กว่านี้หน่อยก็ได้มั้ง...”
เสือใจหัวเราะ แก้วมองน้องชาย
“นั่นสิ จะมีศัตรูอะไรกันนักหนา”
หินทำหน้างอน จงใจกับแก้วหัวเราะ
“แหม ลุงเสือก็...พี่แก้วด้วย ไม่ส่งเสริมกันบ้างเลย”
เสือเข้มกับเสือดำเดินเข้ามา
“เย็นนี้ก็น่าจะเก็บเกี่ยวเสร็จ ครับพ่อเสือ”
เสือใจพยักหน้ารีบ
“เออ ดี งั้นพรุ่งนี้แต่เช้าพวกเอ็งคุมกองเกวียนเอาไปขายที่ตลาดชายแดนนะ”
เสือเข้มรับคำ
“ครับ”
จงใจรีบบอก
“จงใจขอไปด้วยนะพ่อ...”
หินบอกบ้าง
“ฉันด้วย ฉันอยากไปเที่ยวตลาด”
แก้วบอกด้วย
“ฉันด้วย...ให้ฉันกับหินไปนะลุงเสือ”
เสือใจมองหน้าลูกสาวแล้วมองแววอย่างถามความเห็น
“ให้เขาไปเถอะพี่ เด็กมันจะไปปิดหูเปิดตาบ้าง...”
เสือใจยิ้มให้เด็กๆ
“เอ้า...ก็ได้ แต่ต้องสัญญาว่าห้ามไปก่อเรื่องอะไรอีกนะ”
“ครับผม”
จงใจหน้าระรื่นยกมือตะเบ๊ะแบบตำรวจ
จ่าชิตเดินเข้ามาในร้านกาแฟร้านประจำแล้วสั่งกาแฟ
“โอยัวะแก้ว แก่ๆหน่อย”
เจ้าของร้านแปลกใจ
“สงสัยวันนี้ฝนจะตกห่าใหญ่”
“ทำไม่รึ”
“ก็จ่าชิตไม่สั่งเหล้า”
“ใครบอก เดี๋ยวกินโอยั๊วหมดก็จะสั่ง...”
เจ้าของร้านส่ายหน้าแล้วเดินไปจัดโอยั๊วมาให้ ข้างๆโต๊ะมีตำรวจยศนายสิบนั่งกินกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ จ่าชิตหันไปถาม
“นี่...หมวดสมรักษ์มาหรือยัง”
“มาตั้งแต่เช้าแล้วผู้กองใช้ให้ไปดูที่เกิดเหตุ”
จ่าชิตพยักหน้ารับรู้ ผู้ใหญ่สนกับจ่อยเดินเข้ามาในร้านสั่งกาแฟ
“กาแฟร้อน สอง ไข่ลวกด้วย”
จ่าชิตหันไปทัก
“ผู้ใหญ่ มีอะไรหรือมาโรงพักแต่เช้าเชียว”
“มาแจ้งคนในหมู่บ้านมันตายน่ะ”
จ่าชิตหน้าวิตกแล้วคาดเดา
“เสือมันมาอีกแล้วหรือ”
“เปล่าหรอก มันเป็นไข้ห่าตายน่ะ นี่เดี๋ยวจะแวะไปเอายาที่อนามัยเสียหน่อย”
“จะว่าไปก็แปลกนะ ช่วงนี้ไม่เห็นมีเสือออกมาอาละวาดเลย”จ่อยออกความเห็น
จ่าชิตพยักหน้ารับเห็นด้วย แล้วหันไปถามผู้ใหญ่สน
“ผู้ใหญ่รู้จักปางไม้เสี่ยรงค์ไหม”
“ไม่รู้...ไอ้จ่อยเอ็งรู้ไหม”
จ่อยส่ายหน้า ผู้ใหญ่สนแปลกใจ
“มีอะไรหรือ”
“เปล่า”
จ่าชิตตัดบทไม่อยากให้เรื่องมันกระจายออกไป
สมรักษ์มาถึงที่เกิดเหตุในป่า บริเวณที่สองชาวมอญถูกฆ่า ศพมีการถูกกัดแทะและควักหัวใจออกไป
ตำรวจสองคนถึงกับหน้าเบ้ สมรักษ์มองศพใกล้ๆแล้วรำพึง
“เมื่อคืนยังดีๆอยู่นี่หว่า”
“หมวด...นี่มันตัวอะไรกัดเนี่ย”
ตำรวจอีกคนพูดเสียงสั่น
“สะ...สะ...เสือใช่หรือเปล่า”
สมรักษ์พินิจดูเห็นว่าไม่มีหัวใจ
“ไม่ใช่หรอกเสือมันไม่กินซากศพหรอก”
ตำรวจแปลกใจ
“แล้วตัวอะไรล่ะ...”
สมรักษ์ตัดบท
“อย่าไปรู้เลย ช่วยกันฝังศพเถอะ คนพวกนี้ไม่มีสัญชาติ เก็บไว้ก็เท่านั้น”
ทั้งหมดช่วยกันขุดหลุมฝัง
ในถ้ำ...คนรูสองผัวเมียนั่งแทะซากศพที่ฉีกเอามาจากชาวมอญสองคนนั่นอย่างเอร็ดอร่อย งะดินเดมองหัวใจสองดวงบนแท่นแล้วโกรธ หยิบหัวใจขว้างออกมาใส่คนรู
“ไอ้โง่...ข้าไม่เอาหัวใจซากศพ บอกกี่ครั้งแล้ว...ไป...ไปเลยนะออกไปหาหัวใจมาให้ข้า...”
คนรูหลบเป็นพัลวันแล้วรีบจากไปโดยไม่ลืมหยิบหัวใจไปกินด้วย
“ชะเวโบ...ชะเวโบ...เจ้า...เจ้าต้องมารับใช้ข้า...”
งะดินเดคุ้มคลั่งเสียงดังก้อง
ภราดรกับประเดิมขับรถมาจอดที่หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ห่างจากตลาดนัก ที่นี่มีกระท่อมหลังใหญ่ใช้เป็นโบสถ์ มีบ้านหลังเล็กๆหลายหลังรายล้อม บาทหลวงไมเคิลกับผู้ช่วยชาวกระเหรี่ยงเป็นชายอายุราว 25 ปีท่าทางเรียบร้อยออกมาต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับครับ...คุณคงเป็นคุณหมอภราดรใช่ไหม”
ภราดรตอบรับและแนะนำทุกคน
“ใช่ครับ นี่ระรินเป็นผู้ช่วยและแฟนของผม”
กินรีหน้าสลดเมื่อได้ยินภราดรแนะนำระริน
“นั่นประเดิม กินรี พะอูและมะค่า พวกนี้เป็นคนงาน”
จังหวะที่บาทหลวงมองกินรีชัดๆแล้วตกใจเล็กน้อยเหมือนกับว่าเคยเจอกินรีที่ไหนมาก่อน แต่เก็บอาการเอาไว้คนเดียว
“ขอบคุณพระเจ้าที่ทางการส่งพวกคุณมา นี่ผู้ช่วยพ่อ...ชื่อจอบิ เขาจะจัดการเรื่องที่พักให้มีและก็ถ้าอะไรขาดเหลือก็บอกเขาได้ เชิญเข้าพักผ่อนกันก่อนนะเดี๋ยวมาคุยกันตอนอาหารเย็น”
ภราดรยิ้มรับ
“ขอบคุณครับ”
จอบิเดินนำทุกคนไป บาทหลวงท่าทางพอใจและโล่งใจ ทำเครื่องหมายกางเขนเป็นการขอบคุณพระเจ้า
“ขอบคุณพระองค์”
บาทหลวงเดินเข้าโบสถ์ไป
สมรักษ์นั่งรถมาตามทางในป่า มีตำรวจนายหนึ่งขับให้ อีกนายหนึ่งนั่งข้างหลังบ่นงึมงำ
“เกิดมายังไม่เห็นอะไรสยดสยองอย่างนี้เลย”
“อะไรกัน หมู่เป็นตำรวจมากี่ปีแล้วไม่เคยทำคดีอาชญากรรมเลยหรือ บางรายเละกว่านี้ด้วยซ้ำ”
ตำรวจคนนั้นยังหวาดๆ
“ไอ้นั่นมันเป็นคดียิงกันฟันกันธรรมดานี่ แต่นี่...เขาลือว่ามันมีเสือสมิงออกไล่กินคนไม่ใช่หรือ จะใช่มันหรือเปล่าก็ไม่รู้”
สมรักษ์นึกถึงเสือที่เขาเคยเจอมา ไม่ทันที่สมรักษ์จะพูดอะไรต่อก็มีเสียงระเบิดตูมขึ้นข้างหน้ารถทำให้รถพลิกคว่ำ คนในรถไม่ทันตั้งตัวรถกลิ้งไปจนไปหยุดที่โคนต้นไม้ใหญ่ สมรักษ์ยังมีสติเขาบาดเจ็บพอสมควรและพยายามดูคนข้างๆ ปรากฏว่าตำรวจที่ขับรถตายคาที่ เขาหันไปดูอีกคนหนึ่งที่หลุดออกไปนอกตัวถังรถและรถทับขาสองข้างเอาไว้ท่าทางเจ็บหนักร้องโอดโอย
“หมู่...เป็นอะไรไหม”
“ขาผมถูกทับครับหมวด ช่วยด้วย”
สมรักษ์ออกมานอกรถแล้วพยายามยกรถขึ้นเพื่อให้ตำรวจคนนั้นเอาขาออก ทันใดนั้นเสือทศปรากฏกายขึ้นไม่ห่างนัก ในมือมีระเบิดมือ ข้างๆมีเสือชินกับเสือเรือง
“วันนี้แกไม่รอดแน่ไอ้หมวดหน้าจืด”
สมรักษ์เงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเสือทศกำลังขว้างระเบิดมาที่รถ ด้วยสัญชาตญาณเขาจึงกระโดดหลบ
ระเบิดตกที่รถระเบิดตูมไฟไหม้ทั้งคัน ตำรวจคนนั้นตายคาที่กับกองไฟ เสือทศเห็นว่าสมรักษ์หลบทันหันมาสั่งสมุน
“ยิง”
เสือชินกับเสือเรือง และเสือทศกระหน่ำยิง สมรักษ์ยิงตอบโต้และใช้ความว่องไววิ่งหนีเข้าป่าไป
“ตาม...”
ทั้งหมดวิ่งตามไป สมรักษ์วิ่งหนีเอาตัวรอดสุดชีวิต
รักษ์หนีมาตามป่า เขายิงสู้พลางหนีพลาง แล้วมาพักหลบหลังต้นไม้ใหญ่ คิดหาทางออก เสือทศกับลูกน้องตามมาติดๆ
“หนีไป...หนีให้สนุกนะไอ้หมวด...ยังไงก็ไม่รอดหรอก วันนี้ข้าจะฝังเอ็งในป่านี่แหละ” เสือทศย่ามใจ
สมรักษ์ยิงปืนตอบโต้มานัดหนึ่ง
“แน่จริงก็เข้ามาเลย”
“ได้...ตำรวจยิงโจรมาเยอะแล้ว วันนี้โจรจะยิงตำรวจบ้างล่ะวะ”
เสือทศสั่งให้ลูกน้องสองคนวิ่งโอบไปแล้วยิงใส่ สมรักษ์ก้มศีรษะหลบแล้วมองหาทางไป และเห็นว่าข้างหน้าพอที่จะหนีต่อไปได้จึงวิ่งไปทันที กระสุนปืนเฉี่ยวไปมา
“ตามมันไป”
ทั้งหมดตามสมรักษ์ไปอย่างระวัง
ภราดรเก็บหน้าล้างตาเสร็จ ก็เดินมาหาระริน เรือนพักของทั้งคู่อยู่ติดกัน ภราดรเข้ามาโอบกอดระรินทางข้างหลัง ระรินปัดป้องพอเป็นจริต
“อย่าค่ะหมอ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
ภราดรไม่ฟังแถมยังหอมแก้มอีก
“ใครเห็นก็ช่าง...ดีเสียอีก เขาจะได้รู้กันไปให้ทั่วว่าเราเป็นคู่รักกัน”
ระรินเอียงอายจ้องตาเขาสายตาหยาดเยิ้มยั่วยวน ภราดรกำลังจะก้มลงจูบ ขณะเดียวกันนั้นกินรีมายืนอยู่ที่หน้าประตูทำเสียงกระแอม
“อะแอ้ม...”
ภราดรกับระรินตกใจหันมองกินรีอย่างไม่พอใจ
“นังกินรี”
ภราดรส่งสายตาดุ
“มีอะไร...กินรี เธอนี่ช่างไม่มีมรรยาทเสียจริงเลย”
ระรินยิ้มสะใจ
“เด็กบ้านป่า บ้านนอกก็อย่างนี้ล่ะค่ะ ไม่ค่อยได้รับการอบรมสั่งสอน วันๆเอาแต่หลอกรักษาชาวบ้านไปวันๆ”
กินรีเจ็บใจแต่พยายามทน
“ฉันก็ไม่อยากมาขัดความสุขของคุณหรอกค่ะ แต่เอากระเป๋าเสื้อผ้าของคุณระรินมาให้...ฉันไปล่ะค่ะ”
กินรีวางกระเป๋าเสื้อผ้าลง แล้วกำลังจะเดินออกไป ระรินเรียกไว้
“เดี๋ยว...อย่าเพิ่งไป ฉันกับหมอจะออกไปตลาดแกไปช่วยฉันถือของด้วย”
ระรินหันมาอ้อนภราดร
“ระรินเห็นมีตลาดอยู่ทางโน้น เราไปเดินเล่นที่ตลาดกันนะคะ”
“ได้สิครับ...ที่รัก”
ภราดรหลงใหลระรินอย่างออกนอกหน้า กินรีสีรู้ทันระรินและใจสู้
มะค่ากำลังเก็บและจัดข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่ ประเดิมเดินเข้ามาจากเรือนข้างๆ
“เสร็จกันหรือยัง”
“เสร็จพอดีจ้ะ...เอ๊ะพี่กินรีไปไหนเนี่ย”
มะค่ามองไปมาหากินรี
“อ๋อ...ไปตลาดกับคุณหมอกับคุณระริน”
มะค่าสงสัยและไม่เข้าใจ
“ไปกับคุณหมอกับคุณระริน...ไม่น่าเชื่อว่าคุณระรินจะใจดีขนาดนั้น”
“เอ่อ...คุณระรินให้ไปช่วยถือของน่ะ”
“ถือของ...นี่จ้างมาเป็นแม่ครัวหรือว่าเป็นคนรับใช้นะ”
มะค่าไม่ค่อยพอใจ ประเดิมไม่รู้จะพูดยังไง ได้แต่ถอนหายใจ
สมรักษ์วิ่งหนีในป่าทึบอย่างไม่รู้ทิศทาง เสือทศ เสือเรือง และเสือชิน ไล่ตามมาไม่ห่างนักแต่ไม่เห็นสมรักษ์แล้ว เสือทศกวาดตามองไปรอบๆ
“มันหายไปไหนเร็วจังวะ”
เสือเรืองมองหาอย่างแปลกใจ
“นั่นสิพี่ทางโน้นก็ไม่มี”
เสือชินเดินเข้ามาหา
“ทางฉันก็ไม่มี”
ทันใดนั้นสายตาเสือทศ มองปราดไปเห็นสมรักษ์ที่วิ่งวูบไปเบื้องหน้า
“มันอยู่นั่น...เร็ว”
ทุกคนวิ่งตามไปติดๆ
สมรักษ์วิ่งหนีมาจนสุดทาง ข้างหน้าเป็นหน้าผาสูงชัน
“ซวยละเรา...ไปทางไหนได้วะเนี่ย” สมรักษ์ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
เสือทศ เสือเรือง เสือชิน วิ่งไล่มาจนมาถึงหน้าผา แต่ไม่เจอสมรักษ์แล้ว
“อะไรวะก็เห็นมันวิ่งมาทางนี้นี่หว่า” เสือทศหงุดหงิดและผิดหวัง
“นั่นสิพี่”
“ค้นให้ทั่ว”
สามคนเดินดูไปมา เสือทศชะโงกไปดูที่หน้าผาข้างล่าง
“มันไปทางไหนของมันวะ”
สมรักษ์เกาะอยู่ใต้ชะง่อนผาตรงที่เสือทศยืนอยู่นั่นเอง เสือเรืองกับเสือชินเดินมาหาเสือทศ
“ไม่มีพี่”
เสือทศแค้นและผิดหวังเดินกลับไป
“ไอ้บัดซบเอ๊ย...ไป...ไปทางโน้น”
พวกเสือทศออกไปอีกทางหนึ่ง สมรักษ์ปีนขึ้นมาอย่างโล่งอกแล้วมองไปรอบๆและเขาต้องหนักใจ
“แล้วนี่เราอยู่ส่วนไหนของประเทศวะเนี่ย”
ระรินเดินคล้องแขนภราดรมาตามตลาด กินรีเดินถือตะกร้าตามหลังดูไม่ผิดอะไรกับคนรับใช้ สองข้างทางมีของแปลกๆขายทั้งเสื้อ ผ้าเครื่องประดับ ของกินพื้นเมือง ระรินมาหยุดที่แผงขายเครื่องประดับของชาวเขา
“สวยนะคะหมอ”
“ผมซื้อให้นะครับ...เท่าไหร่”
“ร้อยนึง”
ภราดรเอาเงินจ่ายแล้วเอาสร้อยมาสวมให้ระริน กินรีมองอย่างน้อยใจแม้ว่าจะรู้ว่าภราดรไม่ได้เป็นตัวของตัวเองก็ตาม ระรินมองกินรีแบบสะใจแล้วเหน็บแนม
“ไง...กินรี อยากได้บ้างหรือ...หมอคะซื้อให้กินรีเขาสักเส้นสิ เส้นถูกๆมีตั้งเยอะ”
"เอาสิ...นี่เงิน เลือกเอานะ”
กินรียิ้ม ตอกกลับทันที
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ของแบบนี้หมอเคยซื้อให้ฉันแล้ว หมอจำไม่ได้หรือคะ”
ระรินตาลุกโพลงแววตาแค้น
“นี่...นังกินรีหมอไปซื้อให้แกตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ถามหมอดูสิคะ”
กินรีอมยิ้มเดินต่อไป ภราดรส่ายหน้างงไม่รู้เรื่อง
“ปากดีไปเถอะ...อีกไม่กี่วันก็รู้...ไปหมอ”
ระรินควงแขนภราดรเดินตามไป
มะค่า กับ ประเดิม มาที่ตลาดเหมือน โดยมีจอบิคอยนำทางและแนะนำเรื่องต่างๆ
“ที่นี่คนพลุกพล่านเหมือนกันนะ”
จอบิยิ้มแล้วอธิบาย
“ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์กลางการค้าขายแห่งหนึ่ง ผู้คนก็เลยดูคึกคัก”
ประเดิมรับรู้ ทั้งหมดเดินมาที่ร้านขายตังเม มะค่าหันมาบอก
“น้าประเดิม เลี้ยงตังเมอันสิ”
“ได้...วันนี้น้าเลี้ยงเต็มที่...อันเดียวพอนะ”
มะค่าสงสัยว่าอันเดียวมันเต็มที่ตรงไหน ระหว่างที่รอตังเมมะค่ามองผ่านไปเห็นกินรีเดินถือของพะรุงพะรังตามระรินกับภราดร เธอก็แค้นในใจคิดแผนอะไรบางอย่าง ตังเมเสร็จแล้วมะค่ารับไปแล้วหันมาบอกประเดิม
“น้าประเดิม เดี๋ยวฉันมานะ”
ยังไม่ทันที่จะประเดิมจะพูดอะไร มะค่าก็วิ่งไปแล้ว ประเดิมมองตามงงๆ
“อะไรกันนะ เด็กคนนี้”
ภราดร ระริน กินรีเดินผ่านร้านน้ำชา
“ไปหาอะไรดื่นกันก่อนเถอะค่ะ” ระรินเอ่ยชวน
ภราดรยิ้มรับ
“ดีเหมือนกัน ผมกำลังคอแห้งเลย”
ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้าน กินรีเดินตามเข้าไป เมื่อมาถึงโต๊ะภราดรกับระรินนั่งโต๊ะ กินรียืนไม่รู้จะทำยังไง ระรินชี้มือไป
“นี่นังกินรี...โน่นไปนั่งตรงโน้น เบื่อจริงๆพวกคนป่าคนดงไม่ค่อยจะรู้จักธรรมเนียมผู้ดีบ่าวไพร่”
กินรีเดินไปนั่งโต๊ะข้างๆด้วยความอดทน มะค่าที่แอบอยู่ลอบมองมาที่ระริน ภราดรสั่งน้ำ
“ขอชาสามชุด ให้โต๊ะโน้นชุดนึงด้วย”
“ระรินขอตัวไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ...นี่ห้องน้ำอยู่ไหน”
เด็กในร้านชี้ไป
“ด้านหลังครับ”
ระรินรับรู้แล้วลุกไป
ระรินเดินเข้ามาที่หลังร้านดูมืดๆมีแสงสลัว แล้วตรงเข้าไปในห้องน้ำ
“โอย...ปวดฉี่จะราดอยู่แล้ว...”
บรรยากาศดูอึมครึม น่ากลัว ระรินมองแล้วรู้สึกขนลุก เมื่อมาถึงหน้าห้องน้ำระรินกล้าๆกลัวแล้วตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป เมื่อก้าวเขาไปกำลังจะทำธุระที่ข้างประตูปรากฏปีศาจยืนนิ่งผมเผ้ากระเจิงดูน่ากลัว ระรินร้องลั่น
“ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย”
มะค่าที่ปลอมตัวเป็นปีศาจทำเสียงครวญคราง
“ฮือ...ฮือ...”
ระรินตื่นกลัวพูดไม่ออกขาแข็งยืนสั่น
“ผะ...ผะ....ผะ...”
เธอยังไม่ทันจะพูดว่าผี ปัสสาวะของเธอก็ไหลเต็มกางเกง
“ผี...ผี...ช่วยด้วย...”
ระรินวิ่งกระเจิงออกมาข้างนอกทันที
ระรินวิ่งออกมาหน้าร้าน ตรงมาที่ภราดรเธอจับแขนเขาแน่น ตัวสั่นตื่นตระหนก
“ช่วยด้วยค่ะหมอ...”
ภราดรตกใจ กินรีก็เช่นกัน
“มีอะไรครับ...เกิดอะไรขึ้น...คุณหนีอะไรมา”
“ผะ...ผะ...ผีค่ะ...ผีห้องน้ำ น่ากลัวมากค่ะ”
ลูกค้าและเจ้าของร้านต่างมารุมที่ระริน เจ้าของร้านสั่งเด็กให้ไปดู
“ผีที่ไหนกลางวันแสกๆ...นี่ไปดูซิ”
ระรินยืนยัน
“ผีจริงๆค่ะหมอ...”
เด็กวิ่งออกมา
“ไม่มีนี่ครับ”
ทุกคนไม่เชื่อระรินแต่เธอยังคงยืนกราน เจ้าของร้านทำจมูกฟุดฟิดเหมือนเหม็นอะไร
“เหม็นอะไรวะ...ไอ้หยา” เจ้าของร้านมองหน้าระริน “นี่กลัวจนฉี่แตกเลยหรือ”
ทุกคนรวมทั้งภราดรและกินรีมองไปที่ระริน เธออายสุดขีด
“บ้า...มองอะไร...ไป...หมอ...กลับ”
ภราดรนึกอายรีบควักเงินจ่าย แล้วตามระรินออกไป กินรีขำแล้วเดินตามไป
ภราดร ระริน กินรี ออกจากร้านไป มะค่ายืนหัวเราะอย่างสะใจที่มุมหนึ่งของหน้าร้าน
“เป็นไง...ฉี่แตกไปเลย...อายไหมล่ะ...”
มะค่าหัวเราะ ประเดิมเดินมายืนข้างรู้สึกสะใจเหมือนกันแต่ไม่แสดงออก
“ฝีมือเธอล่ะสิ...เฮ้อ...”
มะค่าอมยิ้ม
สมรักษ์เดินไปตามป่าและพบว่าตนเองหลงทาง
“ยิ่งเดินยิ่งลึก...เอาไงดีวะเนี่ย เข็มทิศ อะไรก็ไม่มี”
สมรักษ์เดินมาเรื่อยๆจนพบลำธารสายยาวเขาหยุดดื่มน้ำ แล้วนั่งคิด
“ไปตามลำธารนี่แหละ น่าจะเจอบ้านคนบ้าง...แล้วจะไปทางไหนดี”
สมรักษ์คิดสักครู่ แล้วเสี่ยงโดยการหยิบเหรียญบาทขึ้นมาโยนเสี่ยงทาย
“หัวทางนี้ ก้อยทางโน้น”
เขาโยนเหรียญขึ้นแล้วรับไม่ได้เหรียญกลิ้งตกน้ำป๋อมไป สมรักษ์เซ็งมาก
“พึ่งดวงยังไม่ได้เลยวุ้ย...อืม...ไปทางนี้ก็แล้วกัน”
สมรักษ์เดินไปอย่าไม่ลังเล
จบตอนที่ 9
อ่านต่อตอนที่ 10 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.