แรงปรารถนา ตอนที่ 1
ท่ามกลางตึกระฟ้ารูปทรงทันสมัยใจกลางกรุงหลายๆ ตึก หนึ่งในอาคารออฟฟิศสูงสง่านั้น ที่หน้าตึกมีป้ายชื่อบริษัท “NOP ACHITECT” เด่นหรา
ภายในห้องทำงานที่ตกแต่งดูทันสมัย มีภาพถ่ายพิทยาที่ได้รับรางวัลสถาปนิกหลายรางวัลแขวนบนกำแพง ตามชั้นต่างๆ ของตู้โชว์ดีไซน์เก๋มีถ้วยรางวัล โล่รางวัล โทรศัพท์มือถือวางบนโต๊ะทำงานที่หน้าจอกำลังกระพริบเลยได้รู้ว่าเสียงเพลงที่แว่วดังมานั้นก็คือเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือเครื่องนี่เอง หน้าจอมือถือขึ้นชื่อ “สุอาภา”
รถสปอร์ตคันหนึ่งแล่นอยู่บนถนนด้วยความเร็ว แซงคันโน้นปาดคันนี้อย่างไร้มารยาท ภายในรถ สุอาภาสวมแว่นดำ ใส่บลูทูธกำลังรอสายแต่ไม่มีใครรับ เธอหัวเสีย ถอดบลูทูธปาลงเก้าอี้ข้างๆ ในทันที
สุอาภาสีหน้าเอาเรื่อง อารมณ์เสียทันควัน
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
เธอตัดสินใจกลับรถกลางถนนกะทันหันแบบไม่แคร์หน้าไหนด้วยความโมโห ทำเอารถที่แล่นตามมาเบรกกันระนาว ยินเสียงบีบแตรดังลั่น
ภายในห้องประชุมที่ออฟฟิศ นพอาคิเทค พิทยา พิพัฒนะ กำลังพรีเซ้นต์ให้คนในห้องฟังด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว ภาพตึกบนจอหมุน 360 องศาทำให้ผู้ร่วมประชุมมองพิทยาด้วยสายตาที่ชื่นชมและพึงพอใจ
รถสุอาภาแล่นมาจอดหน้าตึกอย่างแรง รปภ.เห็น รีบตาลีตาเหลือกมาเปิดประตูให้ และแสดงความเคารพ
“สวัสดีครับ”
เธอไม่สนใจ ก้าวลงจากรถแล้วรีบเดินเข้าไปในตึกทันที รปภ.หันไปมองตามสีหน้าไม่ดี
สุอาภาก้าวเดินมาตามทางในล็อบบี้ออฟฟิศนพอาคิเทคอย่างมั่นใจ พนักงานแถวนั้นหันไปมองเธอเป็นตาเดียวด้วยใบหน้าตื่นตระหนก หวาดระแวง เดาออกว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ไม่ว่าสุอาภาเดินไปทางไหน พนักงานก็พากันหลบ บรรยากาศมาคุขึ้นมาทันที
โอเปอเรเตอร์ชะโงกหน้ามองตามสุอาภาแล้วรีบกดโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น
“พี่กรองทิพย์คะ”
สุอาภาเดินเข้ามา พนักงานที่ยืนและเดินอยู่ตรงทางเดินรีบเบี่ยงตัวหลบกันเป็นแถว ทันใดนั้น กรองทิพย์รีบพุ่งออกมาขวาง เธอหยุดกึก กรองทิพย์ยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณสุอาภา”
สุอาภาถอดแว่นตาดำ หน้าเหวี่ยงเอาเรื่องจนกรองทิพย์จับสังเกตได้และเริ่มฝ่อ
“นายนั่นอยู่ที่นี่รึเปล่า”
กรองทิพย์ทำงง
“นายนั่น ใครคะ”
ด้านหลังกรองทิพย์ พนักงานแถวนั้นหันมามองด้วยความอยากรู้
สุอาภาระเบิดอารมณ์หงุดหงิดบอก
“นายพิทยา”
พนักงานรีบแยกย้ายกันไปทำงานทันทีด้วยความกลัว กรองทิพย์สะดุ้ง
“อ๋อ...คุณพิทยา อยู่ค่ะอยู่”
กรองทิพย์ยังพูดไม่ทันจบ สุอาภาเดินออกไปทันที กรองทิพย์หันขวับด้วยความตกใจ
“อ่ะ...อ้าว”
กรองทิพย์รีบเร่งฝีเท้าเดินตามไปข้างๆ
“คุณสุอาภามีธุระอะไรกับคุณพิทยา เดี๋ยวพี่ทิพย์เรียนให้ค่ะ คือว่าคุณพิทกำลังประชุม”
สุอาภาหยุดเดินหันมา กรองทิพย์ไม่ทันตั้งตัวเบรกเอี๊ยด
“ประชุมแล้วไง?! ถ้าฉันต้องการเจอ...ก็ต้องได้เจอ”
กรองทิพย์พูดไม่ออก เธอเดินต่อไป กรองทิพย์รีบตามไปอย่างไม่ลดละแต่ไม่ทัน เพราะ
เธอใกล้จะถึงห้องประชุม แต่กลับเจอ ปวีณา ยืนขวาง กางแขนเอาไว้ เธอเบรกแทบไม่ทัน ฝ่ายกรองทิพย์รีบจ้ำตามมาจนทันพลางหอบแฮ่ก
“คุณจะเข้าไปไม่ได้นะคะ”
สุอาภาโมโหมากขึ้นถาม
“เธอเป็นใคร?! มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”
ปวีณาทำใจดีสู้เสือบอก
“สิทธิ์ที่ฉันเป็นผู้ช่วยคุณพิทค่ะ”
สุอาภาไม่พอใจอย่างแรง กรองทิพย์ตกใจที่ปวีณากล้าพูดเช่นนั้น ทั้งคู่กลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความกลัว
ภายในห้องประชุม พิทยายังคงพรีเซนต์ต่อหน้าผู้ร่วมประชุม
“ลูกค้าต้องการให้คนที่เดินเข้ามาในตึกรู้สึกว่า ได้หลุดเข้ามาอยู่อีกโลกที่สงบและเป็นส่วนตัว เราจะเน้นไปที่การใช้กระจกที่ออกแบบหนาขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อกันเสียงจากภายนอก”
ยังไม่ทันที่พิทยาจะพูดจบ เสียงโวยวายก็ดังขึ้น พิทยากับคนในห้องหันขวับไปมองว่าเกิดอะไรขึ้นที่หน้าห้อง
หน้าห้องประชุม สุอาภาพยายามจะแทรกตัวผ่านปวีณากับกรองทิพย์ที่ยืนขวางประตูเข้าไปให้ได้
“หลีก!”
“คุณสุอาภาเข้าไปไม่ได้จริงๆค่ะ” กรองทิพย์บอก
“ฉัน-บอก-ให้-หลีก!”
กรองทิพย์กับปวีณาขวางสุดตัว ทันใดนั้นประตูห้องประชุมเปิด ทำให้กรองทิพย์กับปวีณาแทบหงายหลัง
“ว๊าย!”
พิทยาเดินออกมากับพนักงาน ทันทีที่เห็นสุอาภา ทั้งพิทยาและพนักงานต่างชะงัก
ทั้งพิทยากับสุอาภามองหน้ากันอย่างท้าทาย
ภายในห้องทำงานของพิทยาขณะนั้น สุอาภาหันขวับมาทางพิทยาสีหน้าเหวี่ยงสุดฤทธิ์ แต่พิทยาสีหน้านิ่งมาก
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์...ฉันโทรจนปวดนิ้วไปหมดแล้ว”
“การที่ผมไม่รับ คุณก็น่าจะฉลาดพอที่จะรู้ว่าผมกำลังติดธุระ”
“นายด่าฉันว่าโง่เหรอ?!” สุอาภาพูดด้วยความฉุน
“ครับ”
ภายนอกห้อง...กรองทิพย์กับปวีณาได้ยินเสียงที่ดังออกมา ต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
ภายในห้อง..สุอาภากำมือแน่นด้วยความโมโห
“ไอ้...!”
พิทยาสวนกลับทันที
“อย่ามาขึ้นไอ้ที่นี่ อย่าให้ผมต้องสอนว่าผู้ดีเค้าพูดกันยังไง”
สุอาภาโมโหมากขึ้นไปอีก
“ไอ้พิทบูล !! นายไม่มีสิทธิ์มาสอนฉัน อย่าลืมว่านายเป็นลูกจ้าง”
“ผมเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนบริษัท ไม่ใช่ลูกจ้างส่วนตัวของคุณ สุอาภาขยับมาประจันหน้ากับพิทยา”
พิทยาพยายามอดกลั้น เธอพูดต่อ
“เงินบริษัทป๋าก็เท่ากับเงินฉันด้วย นายจะยะโสโอหังกับใครๆในบริษัทได้ทุกคน แม้กระทั่งกับป๋า แต่ไม่ใช่ฉัน คืนนี้ฉันมีนัด นายต้องขับรถไปส่งและต้องรอรับฉันกลับ”
“รถคุณก็มี”
“แต่ฉันต้องการให้นายขับ ฉันมองไม่เห็นว่าจะหาคนขับรถที่ไหนเหมาะไปกว่านาย นายจะได้รู้ฐานะของตัวเอง”
สุอาภายิ้มเยาะ พิทยาขยับมาใกล้สุอาภา
“จำไว้ว่าที่ผมยอม ไม่ใช่เพราะคุณแต่เป็นเพราะคุณอา” พิทยาบอก
“จะเพราะใครยังไงก็ช่าง นายก็แพ้ฉันอยู่ดี”
สุอาภายิ้มอย่างผู้ชนะก่อนสวมแว่นดำแล้วเดินออกไป พิทยาหัวเสีย
ประตูเปิดพรวด...กรองทิพย์กับปวีณารีบก้มหน้าก้มตาทำงาน สุอาภาเดินออกไป ปวีณามองตามสุอาภาไม่พอใจ
ภายในห้องชงกาแฟ ปวีณาชงกาแฟไปด่าสุอาภาให้กรองทิพย์ฟังไป
“คุณสุอาภานี่ยังไงนะ มาหาเรื่องคุณพิทได้ไม่เว้นแต่ล่ะวัน”
กรองทิพย์กินขนมไปเมาท์ไปด้วย
“ลูกคุณหนูเอาแต่ใจก็งี้แหละ พ่อให้ท้ายพี่ให้ท้ายตามใจจนเคย อะไรที่ผิดก็บอกว่าถูก จะมีก็แต่คุณพิทคนเดียวที่ไม่ยอมลงให้ เธอก็เลยไม่ชอบ”
ปวีณาหงุดหงิดบอก
“ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่ง แป๋วจะจับมาตีก้นให้เข็ด”
กรองทิพย์ตกใจรีบดูดนิ้วแล้วลุกมายืนข้างๆ พูดและหันไปมองรอบๆอย่างระวัง
“ชู่ว์..อย่าเสียงดัง พวกชเลียร์ในนี้เยอะ เกิดใครได้ยินเข้า เธอจะโดนไล่ออก”
ปวีณาฮึดฮัดโกรธแทนพิทยา
ภายในออฟฟิศรวีพรรณ ชุมพลกำลังพรีเซนต์งานให้นักธุรกิจชาวต่างชาติฟัง มีการฉายพาวเวอร์พ้อยท์บนจอใหญ่ในห้อง
รวีพรรณเป็นผู้หญิงเก่ง คล่องแคล่ว และมืออาชีพมาก เหล่านักธุรกิจต่างชาติมองรวีพรรณด้วยสีหน้าชื่นชมและพึงพอใจ
“You are incredible. We agreed to work with you.”
รวีพรรณดีใจมากบอก
“Thank you. We will not let you down.”
รวีพรรณกับนักธุรกิจต่างชาติจับมือเชคแฮนด์
รวีพรรณออกมาส่งนักธุรกิจชาวต่างชาติ ต่างร่ำลากัน เมื่อนักธุรกิจต่างชาติเดินออกไป ระหว่างนั้นสินีนาฎเดินปรบมือเข้ามาหา รวีพรรณหันไปยิ้ม
“เก่งจริงเพื่อนเรา สมกับเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด หาลูกค้ารายใหญ่ให้บริษัทได้สองรายติดกันในหนึ่งอาทิตย์”
รวีพรรณยิ้มบอก
“โชคช่วยด้วยมากกว่าจ๊ะ”
“เครียดเรื่องงานมานาน ไปงานแฟชั่นวีคกับฉันคืนนี้มั้ยล่ะ” สินีนาฎถาม
“ฉันไปไม่ได้”
สินีนาฎแอบเซ็งบอก
“นัดแฟนไว้ล่ะสิ”
รวีพรรณยิ้มรับ แววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
พิทยาสีหน้าแย่รู้สึกผิด เดินไปคุยโทรศัพท์มือถือไปอยู่ที่ออฟฟิศ
“ขอโทษนะรวี ผมไปไม่ได้แล้ว” พิทยาบอก
รวีพรรณผิดหวังมาก
“งานเยอะใช่มั๊ยคะ”
พิทยาจำต้องโกหก
“ครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รวีเข้าใจ เราไปทานข้าวกันเมื่อไหร่ก็ได้ พิทอย่าโหมงานหนักมากนะ รวีเป็นห่วงค่ะ”
รวีพรรณวางสาย สีหน้าครุ่นคิด แล้วก็กดบีบีไปหาสินีนาฎ “เย็นนี้ฉันไปกับเธอได้แล้ว”
เวลาเย็น ที่บ้านหลังใหญ่ของสุอาภา พิทยายืนรออยู่ที่รถ พลางมองนาฬิกาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ไม่นาน... สุอาภาเดินออกมาในชุดเปรี้ยวปรี๊ด ราตรีสั้นรัดรูปเปลือยไหล่หนึ่งข้างอย่างเซ็กซี่ พิทยาหันไปเห็นก็ผงะไปเล็กน้อยตามประสาผู้ชายที่เห็นผู้หญิงสวยเซ็กซี่
เธอเดินมาข้างรถสั่ง
“เปิดประตู”
พิทยาเปิดประตูด้านคนขับ แล้วเข้าไปนั่ง ไม่ทำตามคำสั่งของเธอ
ทำเอาสุอาภาหัวเสียจำต้องเปิดขึ้นไปนั่งข้างหลังเอง
รถสุอาภาแล่นอยู่บนถนน พิทยาเป็นคนขับในขณะที่สุอาภานั่งถ่ายรูปตัวเองทำหน้าแอ๊บแบ๊ว...แล้วกดส่งบีบีกับเพื่อน พลางหัวเราะคิกคัก
พิทยาเหลือบมองเธอทางกระจกด้านหน้าด้วยสีหน้าเอือมๆ สุอาภาหันมา เขารีบหลบสายตา
“เปิดเพลง ฉันบอกให้เปิดเพลง!”
พิทยายังนั่งนิ่งพูดตอบกวนๆ
“อ้าว คุณพูดกับผมเหรอ”
“ก็ในนี้มีใครให้ฉันพูดด้วยมั๊ย”
“ผมนึกว่าคุณพูดกับตัวเอง เห็นเมื่อกี้ยังหัวเราะคนเดียวได้เลย”
สุอาภาฉุน พิทยายังไม่เปิดเพลงให้
“อย่ามากวนประสาท แค่เปิดเพลง ทำไมถึงช้าแบบนี้”
“ผมกำลังเลี้ยวรถอยู่ คุณไม่เห็นเหรอ หัดรอบ้างสิ”
สุอาภาหัวเสีย วางบีบีไว้บนเบาะข้างตัว ก่อนจะยื่นหน้ามาข้างๆพิทยาแล้วกดเปิดเพลงด้วยตัวเอง
พิทยาชะงัก หันไปเห็นหน้าเธอในระยะใกล้มาก กลิ่นน้ำหอมของเธอลอยเตะเข้าจมูกทำให้เขาเสียสมาธิ
สุอาภาเห็นพิทยาขับพุ่งใส่รถคันหน้าก็ตกใจ
“ระวัง”
พิทยาหันไปเห็น...ตกใจ เบรกเอี๊ยด!!
สุอาภาตัวพุ่งไป ทำให้หน้ากระแทกกับคอนโซล พิทยาตกใจรีบเอารถจอดข้างทางแล้วหันมาดู
“คุณแต!”
สุอาภาหันมาจมูกชนกับจมูกพิทยา ทั้งคู่ชะงัก แล้วเธอก็ผลักอกเขาอย่างแรง
“นายจงใจแกล้งฉันใช่มั๊ย”
“ถ้าคุณไม่มาทำยึกๆยักๆตรงนี้ ผมก็ไม่เสียสมาธิหรอก”
สุอาภาหงุดหงิด พยายามจะดันตัวไปข้างหลัง แต่ลำบากมากจึงโวยวาย
“ไอ้เกียร์บ้า!!มันทิ่มท้องฉัน ดันมันขึ้นไปที”
พิทยาเข้าเกียร์จาก N จะไป P แต่จังหวะที่ดันเกียร์ขึ้นไปที่ P มือกลับไปโดนหน้าอกสุอาภาเข้าอย่างจัง
ทั้งคู่ตกใจ
สุอาภาแหกปากลั่นรถ “อ๊าย!”
พิทยารีบยกมือขึ้นบอก
“ผมไม่ได้ตั้งใจ”
สุอาภาดันตัวขึ้นมานั่งด้านหลังได้สำเร็จ ผมเผ้ายุ่งเหยิงและอายจนทำหน้าไม่ถูก ทำให้พิทยาอดขำออกมาไม่ได้
“ขำไร รีบออกรถสิ”
พิทยาส่ายหัวแล้วกระชากรถออกไปอย่างแรง ทำให้สุอาภาหน้าแทบคะมำอีกหน เสียงกรี๊ดดังลั่นออกมาอีก
บรรยากาศของการเปิดแฟชั่นวีควันแรก ผู้คนมากมาย มีนักข่าว เซเลบ ไฮโซ เดินเข้างาน
รถสุอาภาแล่นเข้ามาจอด พราวพิไลเห็นรถเพื่อนมาก็รีบเดินมารับ สุอาภาลงจากรถทางด้านหลังทำให้พราวพิไลแปลกใจ
“ใครขับรถมาให้แก”
สุอาภาไม่ตอบ เคาะกระจกข้างคนขับ กระจกถูกลดลง พราวพิไลจ้องเข้าไปข้างในเห็นพิทยาก็ตะลึงในความหล่อ
“เปิดมือถือไว้ด้วยแล้วอย่าไปไหนไกล เสร็จแล้วจะโทรหา” สุอาภาบอก
พราวพิไลยิ้มพร้อมโบกมือให้พิทยาแบบอ่อยๆ แต่เขาสีหน้านิ่งมากแล้วปิดกระจกขึ้น พราวพิไลหน้าแตกเพล้ง!! พิทยาขับรถออกไป
“นี่แหละนายพิทยา ที่ฉันเคยเล่าให้แกฟัง”
“หยิ่งยะโสอย่างที่แกว่าจริงๆ เห็นว่าหล่อนะ ถึงให้อภัย” พราวพิไลบอก
“ทางที่ดีแกอย่าไปยุ่งกับเค้าเชียว ถ้ายังไม่ได้ฉีดยากันพิษสุนัขบ้า”
“ว๊าย!! แม่คนปากร้าย”
สุอาภายิ้มๆ แล้วทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในงานพร้อมกัน นักข่าวเห็นสุอาภาก็รีบสะกิดกันให้ถ่ายรูป
นักข่าวพูดกับเพื่อนนักข่าวว่า
“คุณสุอาภาลูกสาวคนเล็กของคุณนพเจ้าพ่อด้านอสังหาริมทรัพย์ จอมขโมยซีน ดูซิงานนี้จะได้เป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์อีกมั้ย”
นักข่าวตามสุอาภาเข้าไป ไม่นานรวีพรรณ สินีนาฏกับเพื่อนๆ เดินมาถึง
รวีพรรณมองไปรอบๆดูไม่ค่อยชอบ
“คนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“เดินแบบนะยะไม่ได้เดินจงกรมจะได้เงียบๆ” สินีนาฎบอก
รวีพรรณหน้าเจื่อน แล้วก็เดินเข้าไปที่หน้างานพร้อมกับสินีนาฎและเพื่อน
บริเวณ Photo Backdrop ที่หน้างานแฟชั่นโชว์ ไฮโซ เซเลบสาวตัวแม่โพสท่าคู่กับพี่ดีไซน์เนอร์เกย์รุ่นใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าของงาน นักข่าวรัวแฟลชระนาว
สุอาภากับพราวพิไลกำลังเดินเข้างาน เธอมองเห็นไฮโซจากในระยะไกล พราวพิไลมองอย่างจิกๆ
“ก็อปปารีส ฮิลตันมาแบบสำเนาถูกต้องเชียวนะยะ”
สุอาภาเหล่มองไฮโซที่โดดเด่นเอาหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจ
ที่มุมหนึ่งของงาน รวีพรรณกับสินีนาฏเดินมาเห็นสุอาภาจากระยะไกล
“นั่นมันยายกระแต ลูกสาวเจ้านายพิทนี่” สินีนาฏบอก
รวีพรรณเหลียวไปมองสุอาภาที่สวยเด่นมีออร่ามาแต่ไกล
ที่หน้างาน ดีไซน์เนอร์หันมาเห็นสุอาภาเข้างานก็ดี๊ด๊า
“น้องแต!”
ดีไซน์เนอร์พุ่งเข้าไปหาสุอาภา พร้อมแนบแก้มซ้ายขวาทักทายประสาเซเลบ
“เบบี๋... ลูกสาวของพี่ มามะมาถ่ายรูปกันหน่อยมา”
ดีไซน์เนอร์ลากสุอาภาเข้ามาที่หน้าเซ็ต ดีไซน์เนอร์ประคองเธอไปเบียดไฮโซที่ยืนข้างๆกระเด็นไป
“โอ๊ะ....Sorry” สุอาภาบอกแล้วเมิน ไปโพสท่าต่ออย่างไม่สนใจ
นักข่าวเสียงโหวกเหวกบอก
“ขอกล้องนี้ด้วยครับ...ทางนี้หน่อยครับ”
ไฮโซสาวชักสีหน้า แต่พอจะเดินออกจากฉากไปก็ไปไม่ได้เพราะส้นสูงของสุอาภาเหยียบชายกระโปรงเธออยู่ ไฮโซสาวพยายามกระชากชายกระโปรงที่สุอาภาเหยียบอยู่อย่างไม่พอใจ
“มามะ มาถ่ายพร้อมกันดีกว่ามา”
ดีไซน์เนอร์เข้าไปอยู่กลาง โอบสองสาวไว้คนละข้าง ต่างฝ่ายต่างฉีกยิ้มสู้แฟลช แอ๊บกอดกันกลมราวกับรักใคร่ เสียงนักข่าวตะโกนมา
“คุณแตครับ ทางนี้หน่อยครับ”
บริเวณมุมหนึ่งหน้างาน พิทยาเดินผ่านมา เขามองดูสุอาภาโดดเด่นเป็นดาวอยู่ในงานอย่างปลงๆ
อีกมุมหนึ่ง รวีพรรณกับสินีนาฏยังยืนมองดูสุอาภาอยู่ โดยไม่ทันรู้ว่าพิทยามาที่นี่ด้วย
“เขาสวยดีนะ” รวีพรรณบอก
“เซเลบชนกันตายแบบนี้ มีหวังฟร้อนท์โรว์คงจะร้อนเป็นไฟ”
นักข่าวยังคงรุมถ่ายต่อไปไม่หยุด เสียงตะโกนโหวกเหวกเรียกแต่สุอาภา
“คุณแต...กล้องนี้ด้วยครับ”
ไฮโซเริ่มเหล่มองสุอาภาอย่างหมั่นไส้ ไฮโซสาวอาศัยช่วงเวลาที่สุอาภาเผลอกระชากแขนเสื้อหนึ่งข้างของสุอาภาจากทางด้านหลังจนชุดที่เปลือยไหล่หลุดขาดออก พราวพิไลเห็นแล้วอย่างร้องตกใจ
“ยายแต!”
“โอ้...มาย ก็อด”
ดีไซเนอร์ร้องออกมาด้วยสีหน้าตกอกตกใจ
ชุดท่อนบนของสุอาภากำลังจะหลุดออกแล้ว และจนเกือบจะโชว์ทรวงอก เธอถึงกับหน้าเสียรีบเอามือตะครุบชุดไว้
“ตายจริง Sorry ด้วยนะจ๊ะพี่ไม่ได้ตั้งใจ”
สุอาภาหันขวับไปมองไฮโซคนนั้นอย่างเอาตาย
เสียงชัตเตอร์ยิ่งรัวหนักเมื่อเห็นชุดของสุอาภากำลังหลุดลุ่ยออก สุอาภาหน้าเสีย พยายามดึงชุดไว้
และแล้วเสื้อสูทตัวใหญ่ของใครคนหนึ่งเข้ามาสวมทับปกปิดร่างกายให้ เธอหันไปเห็นว่าพิทยาก็ดีใจ
“พิท !”
รวีพรรณกับสินีนาฎเห็นพิทยาก็ตกใจ
“คุณพิท ไหนเค้าบอกเธอว่าติดงานไง” สินีนาฎพูดขึ้น
รวีพรรณพูดไม่ออกหน้าชาไปทั้งแทบ
พิทยาใช้เสื้อนอกสวมให้เธอแล้วโอบตัวเธอเข้าหาเพื่อใช้ตัวเค้าเป็นเกราะกำบังจากเหยี่ยวข่าวที่กำลังรุมทึ้งอย่างหิวกระหาย พิทยาตะโกนห้ามเสียงเข้ม
“พอได้แล้ว ผมบอกให้หยุดไง”
พราวพิไลเอาตัวขวางกล้องไว้แล้วบอก
“พาแตไปก่อนไป๊”
“มากับผม”
พิทยากอดปกป้องพาสุอาภาออกไป นักข่าวจะตาม พราวพิไลเข้ามากางแขนห้าม
“หยุด”
แต่ห้ามไม่อยู่ นักข่าวเบี่ยงตัวหลบชนพราวพิไลซ้ายขวาจนพราวพิไลมึนเซ นักข่าวรีบตามพิทยากับสุอาภาออกไป
รวีพรรณได้แต่ยืนอึ้ง พูดอะไรไม่ออก บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง สินีนาฎเหล่มองเพื่อนด้วยแววตาสมน้ำหน้า
นักข่าวยังคงตามมาอย่างไม่ลดละ พิทยาพาสุอาภาหลบนักข่าวไปได้อย่างหวุดหวิด ที่รถเขารีบเปิดประตูทางฝั่งคนขับ แล้วกดหัวดันเธอให้เข้าไปทางที่นั่งด้านข้าง
“โอ๊ย! ว๊าย!”
เขาเห็นนักข่าวตามเข้ามาใกล้ก็เลยรีบขึ้นรถ กดล็อคประตู ขับรถออก ส่วนเธอเห็นนักข่าวตามไม่ทัน ก็สะใจ ! กดปุ่มเปิดกระจกฝั่งตัวเอง แล้วยื่นหน้าออกนอกหน้าต่าง ตะโกนยิ้มเยาะท้าทายนักข่าว
“แน่จริงก็ตามมาเล๊ย”
พิทยาดึงสุอาภากลับเข้ามาในรถ รีบปิดกระจกขึ้น ก่อนบึ่งขับรถฝ่านักข่าวออกไปทันที
“ท้าเหรอ รีบตามไปเร็ว”
พวกนักข่าวพากันขึ้นรถแล้วขับตามพิทยากับสุอาภาไปติดๆ
ภายในรถ
“เป็นไงอยากเด่นนักคงได้ขายหน้าเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์สมใจคุณแล้วไง”
สุอาภาเสียหน้า แต่ก็อยากเอาชนะจึงได้เชิดหน้าประชด
“ก็ดี ลงหน้าหนึ่งได้ยิ่งดี แม่ไฮโซปลายแถวนั่นจะได้ลงแดงตาย”
“เป็นผู้หญิงประสาอะไร คำว่าอายน่ะสะกดเป็นบ้างมั้ย”
“ตัวมันก็ตัวของชั้น ชั้นอยากจะเอ็กซ์จะอวดตรงไหน นายจะมาหวงทำไม”
ด้านนอก..รถสุอาภากับรถนักข่าวไล่กันไปบนถนน พิทยาเห็นรถนักข่าวตามมาก็หัวเสีย
“บ้าเอ๊ย! ยังจะตามมาอีก”
สุอาภามองเห็นรถนักข่าวตามมาก็นึกสนุก... เธอเปิดกระจกกว้างสุด พิทยาตกใจถาม
“คุณจะทำอะไร”
สุอาภาไม่ตอบ แต่โผล่ออกไปทางหน้าต่างครึ่งตัว พิทยาตกใจมาก เธอโบกมือให้นักข่าว
“แน่จริงก็ตามมาสิ มาเลย มาเล๊ย แบร่แบร่ ฮ่าๆๆ”
นักข่าวเปิดกระจกรีบถ่ายรูปสุอาภา
เธอกำลังจะหล่นออกไปนอกรถ เขารีบใช้มือข้างซ้ายคว้าตัวเธอแล้วดึงเข้ามาจนชิดตัว
“อยากตายเหรอไง”
สุอาภาหัวเราะชอบใจบอก
“ฮ่าๆๆ หนุกดีออก”
พิทยาส่ายหัวด้วยความเอือม ก่อนรีบขับรถหนีนักข่าว เขาเห็นสี่แยก ไฟเขียวกำลังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เขาเหยียบคันเร่งขับออกไป ไฟแดงพอดี รถนักข่าวจำต้องเบรกเอี๊ยด ตามไม่ทัน
เวลาต่อมา นักข่าวออกันเต็มหน้าบ้านของสุอาภา รถคันหนึ่งแล่นมาบีบแตรไล่นักข่าว นักข่าวหันไปเห็นรถก็รีบกรูกันเข้ามาล้อมรถเอาไว้ ไม่นาน บวร พี่ชายของสุอาภาเปิดประตูรถลงมาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“มายืนเกะกะอะไรหน้าบ้าน!”
ไม่มีใครสนใจบวร ทุกคนเดินชนซ้ายทีขวาทีเข้าไปชะโงกหน้าดูในรถ บวรหัวเสีย
“เฮ้ย เฮ้ย”
“ไม่มีคุณสุอาภา” นักข่าวบอก
“ยัยแต” บวรถึงกับผงะ และเริ่มเอะใจ
บวรหน้าตาตื่นรีบจ้ำเดินเข้ามาในบ้าน เห็นวรรณวดี น้องสาวคนรองกำลังคุยโทรศัพท์
ส่วนณี สาวใช้อาวุโสเห็นบวรก็รีบเดินหน้าตาตื่นมาหา
“คุณใหญ่เกิดเรื่องแล้วค่ะ”
“ฉันรู้แล้ว”
“อ้าว”
บวรรีบเดินมาหาวรรณวดี ณีตามมาติดๆ
วรรณวดีคุยโทรศัพท์บอก
“มีนักข่าวมารอที่หน้าบ้านอย่างที่พิทบอก ถ้าไงคืนนี้ให้ยัยแตอยู่กับพิทไปก่อน ขอบใจมากที่ช่วยดูน้อง”
วรรณวดีวางสาย หันไปทางบวร ผู้เป็นพี่ชายด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม
“พรุ่งนี้ข่าวใหญ่แน่ เชื่อพี่มั๊ย ต่าย”
วรรณวดีถอนหายใจออกมาแทนคำตอบ ณียกมือไหว้
“คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองคุณแตของณีด้วยนะคะ”
ภายในรถ พิทยาสีหน้าเครียด วางสายมือถือ สุอาภารีบชะโงกหน้ามาข้างๆถาม
“พี่ต่ายว่ายังไง”
“พี่ต่ายไม่ให้คุณกลับบ้าน”
สุอาภาตกใจ
“ห๋า! ไม่ให้ฉันกลับบ้าน แล้วจะให้ฉันไปไหน”
แรงปรารถนา ตอนที่ 1 (ต่อ)
รถพิทยาแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เขาเปิดประตูข้างหลัง จับแขนสุอาภาดึงออกมาจากรถ ซึ่งเธอรีบถอยห่างทันที
“ฉันไม่มีทางนอนบ้านนายเด็ดขาด ฉันจะไปนอนโรงแรม”
“ไม่ได้ คุณต่ายสั่งให้คุณอยู่บ้านผม”
“ฉันไม่อยู่”
สุอาภาเชิดหน้าอย่างท้าทาย หันหลังจะเดินออกไป พิทยาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยมากแล้วก็ตรงเข้าไปอุ้มสุอาภาเข้าไปในบ้าน เธอดิ้นร้องโวยวาย
“ปล่อย”
เขาโยนเธอลงบนโซฟาอย่างแรง เธอไม่พอใจ
“นายพิทบลู!”
สุอาภาทำท่าจะอาละวาด แต่เจอพิทยาชี้หน้า
“ถ้าด่าผมอีกคำเดียว อย่าหาว่าผมใจร้าย”
สุอาภาลุกขึ้นยื่นหน้าท้าทาย
“นายจะทำอะไรฉันได้ หะ!”
เขาไม่ตอบ แต่เข้ามาตีก้นเธอดังเพียะ! สุอาภาสะดุ้ง
“ตีก้นฉันทำไม?! ฉันไม่ใช่เด็ก”
“ตัวไม่เด็กแต่สมองน่ะเด็ก ถึงชอบทำอะไรไม่รู้จักคิด ดีแต่สร้างแต่ความเดือดร้อนให้คนอื่น แล้วก็ไม่มีใครกล้าลงโทษคุณ เพราะฉะนั้นผมนี่แหละจะทำโทษคุณเอง”
พิทยาตีก้นสุอาภาอีกหลายเพี๊ยะ! เธอร้องลั่น
“โอ๊ย ไอ้บ้า!”
“ยิ่งด่า ผมยิ่งชอบ มันกระตุ้นอารมณ์ผมดี”
พิทยาตีไม่หยุด เธอวิ่งหนี
“ไอ้ซาดิสต์”
“ด่าอีกเหรอ”
พิทยาวิ่งไล่ตีอีก
“นายมันเป็นไอ้หมาบ้า! ไอ้หมาพิทบลู”
พิทยาไม่หยุด สุอาภาวิ่งหนีแล้วก็สะดุดจะล้ม เธอตกใจ
“ว๊าย!”
พิทยารีบยื่นมือไปคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทัน ทั้งคู่มองหน้ากันเพราะใกล้มาก แล้วเธอก็เอาหัวโขกกับจมูกจนเขาร้องลั่นรีบปล่อยมือ เขาอยู่ในอาการมึน
“โอ๊ย!”
สุอาภาก็มึนไปเหมือนกัน แต่รีบรวบรวมสติ...วิ่งขึ้นไปบนบันไดบ้านแล้วหันมาชี้หน้าพิทยาที่กำลังจะตาม
“หยุด! ป๋ายังไม่เคยตีฉันมาก่อน แล้วนายเป็นใคร ก็แค่เด็กที่ป๋าเอามาเลี้ยง เพราะฉะนั้นอย่ามาสั่งสอนฉัน”
พิทยายิ่งโมโหพุ่งเข้ามาจะตี สุอาภาตกใจมากรีบวิ่งขึ้นบันไดร้องโวยวาย
“อ๊าย! อ๊าย!”
พิทยาจะตามไป แต่เสียงมือถือดังขึ้นพอดี พิทยาชะงักหอบเหนื่อย หยิบมือถือออกมาเห็นชื่อ “รวี” ก็ผงะ..รีบเดินไปรับสายตรงมุมหนึ่งทันที
“ครับรวี ... ผมยังทำงานไม่เสร็จ”
รวีพรรณวางสายหน้าเครียดหันมาทางสินีนาฎที่โมโหราวกับพิทยาเป็นแฟนตัวเอง
“เค้าไม่พูดความจริง ฉันไม่นึกเลยว่าพิทจะเป็นเหมือนผู้ชายคนอื่นที่พอเห็นยัยนั่นแล้วต้องพุ่งเข้าชน วิ่งเข้าใส่”
“ฉันว่าที่พิทโกหก คงไม่อยากให้ฉันไม่สบายใจมากกว่า ฉันมั่นใจว่าพิทไม่มีทางคิดอะไรกับสุอาภา ฉันเชื่อใจเค้า” รวีพรรณบอก
รวีพรรณพูดจบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วก็เดินออกไป สินีนาฎเบ้หน้าหมั่นไส้
“ฉันจะคอยดูว่าเธอจะเป็นแม่พระไปได้นานแค่ไหน ชิ”
สินีนาฎตามรวีพรรณเข้าไปในผับ
สุอาภาเข้ามาในห้องนอน พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็จับก้นตัวเองด้วยความเจ็บ
“จะระบมมั๊ยเนี่ย ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“จะฝากไว้นานมั๊ย”
เธอตกใจหันขวับไปเห็นพิทยายืนอยู่ตรงประตู จึงรีบคว้าหมอนบนเตียงมาปิดก้น
พิทยาเดินเข้ามา สุอาภาถอยไปจนหลังชนตู้เสื้อผ้า เขาเดินมาใกล้ยื่นมือออกมาจนเธอคิดว่า “โดนแน่” แต่เขากลับเปิดบานประตูตู้เสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆตัวเธอ แล้วหยิบชุดนอนกับผ้าขนหนูมาโยนให้ สุอาภาต้องปล่อยหมอน แล้วรับชุดนอนกับผ้าขนหนูแทน
“อาบน้ำซะ!”
พิทยาพูดจบก็เดินออกไปแล้วปิดประตูปัง! สุอาภาเบ้หน้า
พิทยากำลังปรุงบะหมี่สำเร็จรูป หันมาเห็นสุอาภาที่สวมชุดนอนของเขา ทั้งตัวใหญ่และยาวลงมาครึ่งต้นขา แต่สุอาภาไม่ใส่กางเกง! พิทยาชะงัก รีบหลบสายตาจากเรียวขาคู่นั้น
“ทำไมไม่ใส่กางเกง”
“ยาว รุ่มร่าม ... เดี๋ยวก็สะดุดคอหักตายกันพอดี”
พูดจบเดินมาแย่งชามบะหมี่ในมือพิทยาไปกิน
“เฮ้ย! นี่...อยากกินก็ทำเองดิ”
“คนอย่างฉันทำอะไรเป็นที่ไหนนายนั่นแหละไปทำมาใหม่”
สุอาภานั่งกินบะหมี่หน้าตาเฉยด้วยความหิว ดูดเส้นเสียงดังจ๊วบ! พิทยามองด้วยความปลง เดินออกไป
“ขอน้ำด้วย”
พิทยาหันมามองสุอาภาได้แต่ถอนหายใจ
ภายในห้องครัว พิทยาล้างจานเสร็จ หันมาเช็ดมือแล้วก็เอะใจ หันไปมองในห้องรับแขก
“ทำไมเงียบไป หรือว่าจะออกไปแล้ว”
พิทยาตกใจมาก รีบเดินออกไป
พิทยาเดินออกมาที่ห้องรับแขก เห็นสุอาภาหลับคาโซฟาไปแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเดินมายืนข้างๆ มองด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“เหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิด กินอิ่มปุ๊บก็หลับปั๊บ”
เมื่อนึกถึงตอนเด็ก เขาก็เผลอยิ้มออกมาไม่ได้
พิทยาอุ้มสุอาภามานอนบนเตียง แล้วก็ยืนมองใบหน้าของเธอ...นึกย้อนกลับไป
ตอนนั้น สุอาภาอายุ 5 ขวบกำลังนอนบนเตียง พิทยาวัย 10 ขวบนั่งอยู่ข้างๆ
“นอนได้แล้วนะครับคนดี”
“แตยังไม่ง่วง”
“แล้วต้องให้พี่ทำยังไง น้องแตถึงจะยอมนอน”
สุอาภาจับแขนพิทยาทำหน้าอ้อน
“พิทเล่านิทานให้แตฟังนะ..นะนะนะ..นะคะ”
พิทยายิ้มรับอย่างอ่อนโยน
“ตกลง...เอาเรื่องอะไรดีน้า...เรื่องเจ้าชายกบดีมั๊ย”
สุอาภาพยักหน้า
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าชายองค์หนึ่งถูกสาปให้เป็นกบ...”
เสียงพิทยาค่อยๆเล่าจนเงียบเสียงลง พร้อมๆกับสุอาภาที่นอนหลับ
พิทยายังคงมองหน้าสุอาภาคิดถึงวันเวลาดีดีที่ผ่านมาด้วยความเสียดาย พิทยาปัดผมที่ปรกลงมาที่หน้า ก่อนจะห่มผ้าแล้วลุกเดินไปปิดไฟ
เช้าวันถัดมา ที่บ้านพิทยา สุอาภาแต่งตัวด้วยชุดเดิมเดินลงมา เธอไม่เห็นพิทยาก็แปลกใจ ก่อนจะเห็นฝาชีครอบอาหารวางอยู่บนโต๊ะ มีโน้ตแปะไว้บนฝาชี สุอาภาหยิบออกมาอ่าน
“อาหารเช้า”
สุอาภาเปิดฝาชีเห็นข้าวต้มหมูวางอยู่ เห็นโน้ตอีกแผ่นวางใต้ชามข้าวต้ม สุอาภาหยิบออกมาอ่าน
“ทานเสร็จ วางไว้ในอ่างล้างจาน ตอนออกไปอย่าลืมล็อกประตูบ้านด้วย”
สุอาภามองข้าวต้มหมู นั่งลงแล้วก็ตักกินด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ
“รสชาติไม่เปลี่ยน”
สุอาภายิ้มแล้วก็กินข้าวต้มด้วยความตั้งใจ
ยามเช้าที่ออฟฟิศนพอาคิเทค ข่าวกรอบเช้ามีเรื่องราวของสุอาภากับพิทยา ปวีณากำลังดูภาพข่าวด้วยความหัวเสียกำหนังสือพิมพ์แน่น เธอหันไปเห็นพวกพนักงานกำลังสุมหัวเมาท์
“ทำอะไรไม่นึกถึงหน้าพ่อตัวเองเล้ย” พนักงานคนหนึ่งบอก
“คนรวยเค้าไม่แคร์สื่อหรอกย่ะ ลำพังคุณสุอาภาคนเดียวฉันไม่ตะลึง แต่ดูคุณพิทยาสิ ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นผู้ชายในคอลเลกชั่นของชีเหมือนกัน” พนักงานอีกคนว่า
ปวีณาได้ยินก็ทนไม่ได้ เดินผ่ากลางวงเข้าไป พวกพนักงานที่สุมหัวต่างตกใจ
“คุณพิทไม่ใช่คนแบบที่พวกเธอคิด เค้าไม่โง่ที่จะตกเป็นเหยื่อให้คุณสุอาภาปั่นหัวเล่นหรอก!”
พนักงานตกใจกับท่าทางเกรี้ยวกราดของปวีณา กรองทิพย์รีบเดินเข้ามา
“สุมหัวทำอะไรกัน! ที่แท้ก็เม้าท์มอยถ้าพวกเธอทำงานเก่งเหมือนเวลาเมาท์เจ้านาย บริษัทคงไปไกลมากกว่านี้ ไปทำงานได้แล้ว!” เหล่าพนักงานทุกคนหน้าถอดสี หลุบตาต่ำยกเว้นปวีณา
พนักงานหน้าเสียรีบกระจายตัวกันออกไป กรองทิพย์หยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะขึ้นมาดูแล้วก็ถอนหายใจ
“คิดอยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่อง...เห็นจากท่าทางคุณสุอาภาเมื่อวาน”
“สงสารคุณพิทเธอนะคะพี่ทิพย์”
กรองทิพย์พยักหน้าเห็นด้วย
รวีพรรณ ณรงค์ รมณีนั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะอาหารภายในบ้าน รมณีวางหนังสือพิมพ์ให้รวีพรรณดู เธอเห็นแล้วก็อึ้ง
“แม่เคยเตือนลูกแล้ว เห็นเหรอยังว่าผู้ชายคนนี้ไม่จริงใจ ที่เค้าคบกับลูกเพราะอยากเป็นหนูตกถังข้าวสาร แต่ถังเดียวคงไม่พอก็เลยตะเกียกตะกายไปหาถังใหม่อย่างยัยสุอาภา”
รวีพรรณรีบแก้ตัวให้พิทยา
“แม่คะ เมื่อคืนรวีก็อยู่ที่งานนั่น รวีเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง มันไม่ใช่อย่างที่นักข่าวเขียนเลยสักนิด” รมณีกับณรงค์ชะงัก รวีพรรณพูดต่อ
“พิทเค้าสนิทกับบ้านคุณนพคุณพ่อของสุอาภามาก ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ คุณนพเป็นคนเลี้ยงพิทมาตั้งแต่คุณแม่เค้าเสีย กับสุอาภาเค้าก็โตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนกันมา ความคุ้นเคยแบบนั้นอาจจะมีคนตีไปในทางลบ เสียหายกับตัวเค้าและสุอาภาด้วย”
“ให้มันได้อย่างนี้สิลูกสาวพ่อ ลูกมองคนในแง่ดีเกินไปแล้ว”
“คุณพ่อพูดถูก ลูกยังไม่รู้อะไร แม่ได้ยินมาว่าแม่ของนายพิทยามั่วจะตาย มั่วจนไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของลูก สุดท้ายก็หน้าด้านกระเตงลูกมาให้คนอื่นเลี้ยง ลูกกับแม่มันก็คงไม่ต่างกัน” รมณีว่า
รวีพรรณเงียบแบบไม่พอใจแม่แต่ไม่กล้าเถียง
“เลิกยุ่งกับเค้าก่อนที่ลูกจะต้องเสียใจไปมากกว่านี้ ผู้ชายที่มีแต่ตัวได้มาก็เท่านั้น”
รวีพรรณมองรมณีด้วยความอึ้ง...พูดอะไรไม่ออก นอกจากรวบช้อนส้อมบนโต๊ะ
“รวีขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
รวีพรรณลุกขึ้นเดินออกไป
“เกาะเค้ากินตั้งแต่เด็กยันโต ไม่รู้ว่าลูกไปหลงมันลงไปได้ยังไง ตั้งแต่คบมันก็ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ เห็นทีฉันต้องทำอะไรซักอย่าง เพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม”
รมณีสีหน้าครุ่นคิดเห็นแววร้ายกาจ ณรงค์มองรมณีด้วยความสงสัย
ภายในออฟฟิศ รวีพรรณนั่งทำงานอยู่ สักพักมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ช่อดอกไม้ยื่นเข้ามาก่อน ตามมาด้วยตัวพิทยา
“มีดอกไม้มาส่งครับ”
รวีพรรณสีหน้านิ่งมาก
“วางไว้ตรงนั้นแหละค่ะ”
รวีพรรณก้มหน้าทำงาน พิทยาหน้าเสีย เดินมายืนตรงข้าม วางดอกไม้ลงบนโต๊ะ มองรวีพรรณอย่างรู้สึกผิดมาก
“คุณคงเห็นข่าวแล้ว”
รวีพรรณนิ่งไปซักพักแล้วเงยหน้า “ค่ะ”
รวีพรรณลุกเดินเลี่ยงไม่สบตา พิทยารีบไปดักไว้
“เดินหนีแบบนี้ โกรธผมใช่มั้ย”
รวีพรรณจ้องตาพิทยา ทำเสียงแข็ง
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าสมควรจะโดนโกรธ”
“อย่าจ้องแบบนี้เลยนะครับ ใจมันแว๊บไปกองอยู่ตาตุ่มแล้ว”
“ในเมื่อรู้ว่ารวีจะต้องโกรธแล้วพิททำทำไม”
“ที่ผมโกหกเพราะว่าผมไม่อยากให้รวีไม่สบายใจ ไม่อยากให้รวีเป็นห่วงผม ผมไม่ได้อยากไปกับเค้าเลยนะ แต่ขัดใจไม่ได้เพราะพระคุณพ่อเค้าท่วมหัว”
“รวีเข้าใจ”
“เข้าใจ”
รวีพรรณพยักหน้า
“ก็แค่อยากรู้ว่ารวีมองพิทในแง่ดีเกินไปรึเปล่า เพราะรวีคอยปกป้องพิทจนคุณพ่อคุณแม่น้อยใจรวีจะแย่แล้ว”
พิทยาดีใจ จับมือรวีพรรณขึ้นมาหอมที่มือรวีฟอดใหญ่
“ใครจะมองผมยังไงก็ช่าง ขอแค่รวีเข้าใจผมก็พอแล้ว ขอบคุณนะครับรวี คุณเป็นแฟนที่น่ารักที่สุดในโลก”
รวีพรรณกับพิทยายิ้มให้กันอย่างมีความสุข
สุอาภาอยู่ที่บ้าน เธอเปลี่ยนชุดแล้วเรียบร้อย บวรหยิบหนังสือพิมพ์ส่งให้สุอาภา มีวรรณวดีนั่งอยู่ข้างๆ ป้าณียืนอยู่
“อ่ะ...ดูซะให้เต็มตา”
สุอาภารับหนังสือพิมพ์มาดูแล้วก็อึ้ง พลันเสียงนพดังขึ้น
“ดูอะไรกันอยู่ห๊ะ”
สุอาภา บวร วรรณวดี ณี หันไปเห็นนพเดินเข้ามาก็ดีใจ
“ป๋า!”
สุอาภารีบเข้ามากระโดดกอดและหอมนพไม่หยุด
สุอาภาพูดไป หอมไป กอดไป
“แตคิดถึงป๋าจังเลย คิดถึ๊ง คิดถึงๆๆ หืม...ชื่นใจ”
นพหัวเราะชอบใจบอก
“พอพอ...กอดจนป๋าหายใจไม่ออกแล้ว”
สุอาภาผละออกมาแล้วบอก
“ก็คนมันคิดถึง ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายวัน”
นพมองแบบรู้ทัน
“คิดถึง หรือกลัวถูกดุ เอาให้แน่นะ”
สุอาภาหน้าเจื่อนถาม
“ป๋าเห็นแล้ว”
นพยิ้มแบบรู้ทัน สุอาภาหันไปมองวรรณวดี บวร ณีหน้าแหยแล้วพึมพำ
“คุณหนูของป้าตายแน่!”
ภายในห้องรับแขก นพถือหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวสุอาภาพลางหัวเราะชอบใจ ทำเอาทุกคนแปลกใจ
“ไม่อยู่เมืองไทย 5 วัน กลับมาลูกสาวป๋าดังอีกแล้ว ฮ่าๆๆ”
สุอาภาเข้ามาออเซาะเกาะแขนคลอเคลียอยู่ข้างๆตัวนพ
“แล้วไม่ดีเหรอคะ แตไม่ต้องทำอะไร ก็มีคนเขียนข่าวเชียร์”
บวรพูดขัดขึ้น
“เชียร์อะไร?! เนี่ยเค้าเรียกว่าด่า ด่ามาถึงป๋าถึงพี่ด้วยที่ไม่รู้จักสั่งสอนแก ฉาวไปหมดแล้ว”
นพตบหัวบวรจนเขาสะดุ้ง
“น้องกำลังขวัญเสีย แทนที่แกจะปลอบ กลับมาซ้ำเติมเดี๋ยวปั๊ด!”
“ป๋าอ่ะ...เข้าข้างมันตลอดเลย”
ณีหัวเราะเงียบๆคนเดียว
“ไม่ให้เข้าข้างลูกรักแล้วจะให้เข้าข้างใคร จริงมั้ยณี”
“จริงค่ะ”
บวรมองป้าณีอย่างไม่พอใจ นพโอบสุอาภาเข้ามากอด สุอาภาแลบลิ้นใส่บวรที่ทำหน้าเซ็ง
“แล้วอีกอย่างไอ้ข่าวเนี่ย ฉันไม่เห็นว่ามันจะฉาวตรงไหน เพราะผู้ชายในรูปคือพิท ดีซะอีกที่ไม่ใช่คนอื่น”
“ถูกต้องที่สุดเลยค่ะคุณท่าน” ณีบอก
สุอาภาเซ็งบอก
“แต่แตอยากเป็นข่าวกับคนอื่นมากกว่า ทำแบบนี้เสียเครดิตแตหมด”
“พอเลยค่ะทั้งป๋าทั้งยัยแต”
นพกับสุอาภาอึ้งหันไปมองวรรณวดีที่พูดขึ้น
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะคะ ตอนนี้ชื่อเสียงยัยแตติดลบได้ฉายาคุณหนูขาวีน มันน่าดีใจตรงไหน”
“แต...ป๋าเพิ่งรู้ว่าเรามีแม่คนเดียวกัน” นพว่า
สุอาภาพยักหน้ารับ บวรกับณีหันมาขำใส่กัน วรรณวดีถลึงตาใส่ผู้เป็นพ่อ
“ป๋า!”
“ป๋ารู้ว่าเราเป็นห่วงน้อง แต่ข่าวก็คือข่าว จะไปแคร์ทำไม คนมันอยากพูดอะไรก็ให้มันพูด”
สุอาภา วรรณวดี บวร ณีเงียบ
“ป๋าและพวกเรารู้ว่ายัยแตเป็นยังไงก็พอแล้ว”
นพหันไปจับหัวสุอาภา ลูกสาวคนเล็กด้วยความรัก สุอาภาซาบซึ้งใจ ทั้งสามคนมองหน้ากันแล้วเห็นด้วยกับที่นพพูด นพหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดูภาพข่าวอีกครั้ง
“เสียดายรูปเล็กไปหน่อย คนเลยไม่เห็นความสวยของลูกสาวป๋าแบบชัดๆ”
ทุกคนหัวเราะกับการมองโลกในแง่ดีของนพ ที่ทำให้ครอบครัวครื้นเครง มีความสุข
ภายในห้องทำงาน พิทยากำลังเขียนแบบ พลันเสียงมือถือดังขึ้น พิทยาเห็นชื่อ “นพ” ที่หน้าจอก็ชะงัก พิทยากดรับสาย
“ครับคุณอา”
ในห้องครัว บ้านสุอาภา นพในชุดพ่อครัวกำลังปรุงอาหารด้วยความชำนาญ ผัดสปาเก็ตตี้ แล้วก็เอามาใส่จาน หันไปเห็นพิทยาเดินเข้ามา พิทยายกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณอา”
“เสร็จพอดี ออกไปทานกัน”
พิทยากับนพนั่งด้วยกันในบริเวณโต๊ะในสวน
“ไม่ได้ทำนาน ไม่รู้ว่ารสชาติยังอร่อยเหมือนเดิมรึเปล่า” นพว่า
พิทยายิ้มอย่างเจียมตัว นพกิน พิทยามองนพด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ผมขอโทษเรื่องข่าวนะครับคุณอา”
นพเงยหน้าแล้วยิ้มใจดี
“ไม่ต้องขอโทษ ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนยังไง”
พิทยามีสีหน้าสบายใจขึ้น นพพูดต่อ
“ทานสิ … เป็นไง”
“อร่อยเหมือนเดิมครับ” พิทยาบอก
นพหัวเราะชอบใจ
ในตอนบ่ายๆ สุอาภากลับจากชอปปิ้ง หิ้วถุงแบรนด์เนมเข้าบ้าน
“พี่ณี...พี่ณี!”
ไม่มีเสียงตอบรับ แต่พิทยาที่เดินออกมาแทน สุอาภาชะงักที่เห็นเขาที่นี่ แล้วณีวิ่งหน้าตาตื่นออกมาอย่างหอบ
“มาแล้วค่ะ”
ณีเตรียมเข้ามารับของจากสุอาภา แต่เธอกลับยื่นไปทางพิทยา ณีเหวอเหล่มองสองคน รู้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่อง
“เอาของไปเก็บที่ห้อง”
พิทยารับถุงมา สุอาภายิ้มพอใจ แต่เขากลับเดินออกไปนอกบ้าน สุอาภาตกใจ ณีเหวอ
“นายจะเอาของฉันไปไหน”
สุอาภารีบตามพิทยาออกไป ณีหน้าเสีย
“เอาอีกแล้ว! รีบไปตามคุณๆดีกว่า”
พิทยาหิ้วถุงเดินออกมา สุอาภารีบตามมาขวาง พิทยาหยุดเดิน
“ฉันบอกให้เอาของไปเก็บในห้อง ไม่ได้ให้เอาออกมาข้างนอก แค่นี้ฟังไม่รู้เรื่องเหรอไง” สุอาภาบอก
“ของแค่นี้ ถ้ายังเก็บเองไม่ได้ ก็ทิ้งดีกว่า”
สุอาภาตกใจ เขาเดินไปที่ถังขยะข้างทางแล้วเทของในถุงทิ้งลงไป เธอกำมือแน่นด้วยความโกรธ สุอาภากำลังจะด่าแต่เขาเอาถุงกระดาษครอบหัว เธอเดือด...ดึงถุงออกมา
“ไอ้พิทบลู!”
พิทยายิ้มกวนเยาะ และก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่มากกว่านี้ นพ บวร วรรณวดี และณีก็เดินออกมา
“เล่นอะไรกัน” ณพถาม
สุอาภากับพิทยาหันไปเห็นทุกคน สุอาภารีบจ้ำเดินมาหานพ
“ไอ้พิท... เออ นายพิทยารังแกแต เค้าเอาของของแตทิ้งขยะหมดเลย”
นพเดินไปดูในถังขยะ
“ขอป๋าดูหน่อยสิ โอ้โฮ..ทั้งรองเท้า ทั้งกระเป๋า”
นพหันไปทางพิทยา สุอาภายิ้มเยาะนึกว่านพจะดุ
“พิท... ขอบใจที่ช่วยทิ้งรองเท้ากระเป๋าของยัยแตเต็มบ้านจนไม่มีที่จะเก็บแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ”
พิทยาอมยิ้ม บวร วรรณวดี ณีหัวเราะร่วน แต่สุอาภาโมโหมาก
“ทุกคนรวมหัวกันแกล้งแตเหรอ... พี่ณีหัวเราะอะไร”
“ขอประทานโทษค่ะ ณีไม่สมควรทำใช่มั้ยคะ” ณีบอก แต่ก็กลั้นไม่อยู่ขำออกมาอีก
สุอาภาหัวเสียอย่างแรงที่ไม่มีคนเข้าข้าง เธอหันไปจ้องพิทยาที่ยิ้มเยาะ แล้วก็หันไปมองทุกคน
“แตโกรธทุกคนแล้ว”
สุอาภาจ้ำเดินเข้าไปในบ้าน ทุกคนยังขำไม่เลิก
“อีกไม่ถึงชั่วโมงก็หายโกรธ” นพพูดยิ้มๆ
ภายในห้องรับแขก เวลากลางคืน สุอาภาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมาจากชั้นบน เธอมองไปรอบๆ ไม่เห็นพิทยาก็โล่งใจ
“ไอ้หมาบ้ากลับไปแล้ว”
สุอาภาหันไปเจอวรรณวดีเดินมา
“แต...ช่วยขึ้นไปตามพี่ใหญ่ลงมาทานข้าวที”
สุอาภาเข้ามาในห้องนอนของบวร
“พี่ใหญ่”
เธอได้ยินเสียงอาบน้ำดังออกมาก็เข้าใจว่า บวรกำลังอาบน้ำ เธอหันมาที่โต๊ะทำงานเห็นรูปครอบครัวที่วางบนโต๊ะ มีรูปพิทยาอยู่ด้วย
เธอมองรูปเขาแล้วทำหน้าเคียดแค้น หยิบปากกาเขียนแผ่นซีดีบนโต๊ะขึ้นมาวาดเขาบนหัวพิทยา วาดหนวดแมว วาดเขี้ยวเป็นระบายความแค้น
เสียงอาบน้ำเงียบ สุอาภาไม่สนใจ ยังคงเติมรูปพิทยาอย่างเมามันส์และสะใจ ทันใดนั้นพิทยาชะโงกหน้ามาข้างๆ..เห็นสิ่งที่เธอทำ
“ทำอะไร”
สุอาภาหันขวับเห็นพิทยาโป๊เลยตกใจทำกรอบรูปหล่นใส่เท้าเขาจนกระโดดเหยง ยกขาขึ้นมาเหลือขาเดียว
“โอ๊ย”
สุอาภาไม่ค่อยกล้าหันไปมองตรงๆ
“นายอยู่ในห้องพี่ใหญ่ได้ไง”
“พี่ใหญ่ให้ผมเข้ามาอาบน้ำ”
แล้วพิทยาก็ทรงตัวไม่อยู่ ล้มหงายหลัง
“เวย!”
โครม!! สุอาภาผงะหันขวับไปมอง เขาลุกขึ้นยืน ผ้าขนหนูร่วงลงพื้น!! สุอาภาตาโตอ้าปากค้างตกใจแทบสิ้นสติ
บนโต๊ะอาหาร วรรณวดีกับนพนั่งอยู่ด้วยกัน ระหว่างนั้นบวรเดินเข้ามา วรรณวดีหันไปมองแล้วถาม
“แตล่ะ”
“พี่จะไปรู้เหรอ” บวรบอกพลางหยิบอาหารกินด้วยมือ
“ก็ต่ายให้แตไปตามพี่ใหญ่ในห้อง”
“พี่ไม่ได้อยู่ในห้อง พี่ลงมาข้างล่างนานแล้ว”
พูดไม่ทันขาคำ เสียงสุอาภาดังลั่นบ้าน
“อ๊าย!”
แล้วบวรก็นึกขึ้นมาได้ แทบสำลักอาหารออกมา
“ซวยแล้ว!”
นพ บวร วรรณวดี หันขวับไปมองด้วยความตกใจ
ทุกคนกรูมาที่ห้องนอนบวร สุอาภาวิ่งกรี๊ดสวนออกไป บวร นพ วรรณวดีหันไปมองเหล่พิทยาที่นุ่งผ้าขนหนูอยู่
“ผมไม่ได้ทำอะไรคุณแตนะครับ”
เสียงหัวเราะดังขึ้น
บนโต๊ะอาหาร นพ บวร วรรณวดี หัวเราะล้อสุอาภาจนเธออายหน้าแดง
“เจอของจริง หนาวดึ๋งไปเลยสิไอ้แต ฮ่าๆๆ” บวรว่า
“ซ้อมไว้ก่อนไงลูก พอเข้าหอจะได้ชิน ฮ่าๆๆ” นพบอก
“ป๋า พี่ใหญ่ น้องอายจะแย่แล้ว” วรรณวดีบอก แต่ก็อดขำด้วยไม่ได้
สุอาภาพูดไม่ออก รีบลุกวิ่งออกไป ทั้งโกรธทั้งอาย วรรณวดีสะกิดให้บวรกับนพเงียบ
แรงปรารถนา ตอนที่ 1 (ต่อ)
สุอาภานอนหน้างออยู่บนเตียง เสียงเคาะประตูดังขึ้น สุอาภาหันไปเห็นนพเปิดประตูเข้ามา เธอทำงอนหันไปทางอื่น นพอมยิ้ม เดินเข้ามานั่งข้างเตียง
“งอนป๋าเหรอ ถ้าไม่พูด ป๋าออกไปก็ได้ มันน่าน้อยใจ ลูกไม่รัก”
สุอาภาลุกขึ้นนั่งแล้วหันมา
“ใครกันแน่ที่ควรน้อยใจ ป๋าก็ดีแต่เข้าข้างนายพิทยา ทั้งๆที่แตเป็นลูกป๋า”
นพเดินมานั่งบนเตียงบอก
“พิทเค้าก็เป็นลูกป๋าเหมือนกัน”
“ไม่ใช่!”
นพจับมือสุอาภา
“แต..ลูกต้องหัดเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา พิทน่าสงสาร ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่”
“แตก็ไม่มีแม่”
“แต่แตมีป๋า มีพี่ใหญ่ มีพี่ต่าย มีคนที่รักแตมากมาย ส่วนพิท..ตัวคนเดียว ป๋าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ตอนเด็กๆเราสองคนก็เข้ากันได้ดี แล้วทำไมพอโตขึ้นมาถึงเหมือนงูกับพังพอน เจอกันไม่ได้ ต้องมีเรื่องตลอด
สุอาภาเงียบไปนิดนึงแล้วบอก
“ป๋าอย่ามาถามแตเลย ไปถามเค้าดีกว่าว่าทำไม”
สุอาภาเบือนหน้าไปทางอื่นเมื่อคิดถึงความหลังก็รู้สึกเจ็บปวด นพมองด้วยความแปลกใจ
วันต่อมา ที่สนามกอล์ฟ เวลากลางวัน ทันทีที่นพหวดลูกกอล์ฟออกไปก็รู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นมา นพถึงกับยืนไม่อยู่ ยกมือกุมหน้าอก
“โอ๊ย”
เพื่อนตกใจร้อง
“เฮ้ย! นพ!”
นพหน้าแดงด้วยความเจ็บปวดและหายใจไม่ออก
ภายในโรงพยาบาล หมอเดโชนั่งลงตรงข้ามนพสีหน้าไม่สู้ดี จนนพรู้สึกได้
“ผมเป็นอะไรหมอ”
“คุณเป็นโรคหัวใจครับ”
นพเครียด
เวลาต่อมา นพเดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน ภายในบ้าน รู้สึกโหวงๆตัวลอยๆ นั่งลงที่โต๊ะทำงาน
นพหยิบรูปครอบครัวขึ้นมาดู เสียงหมอดังขึ้น
“คุณต้องงดออกกำลังกายหนักๆ หรือการทำอะไรที่ต้องใช้แรงมากๆ แล้วก็ต้องดูแลตัวเองอย่าให้เครียด ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้หัวใจของคุณหยุดเต้นกะทันหัน”
นพถอนหายใจสีหน้าหนักใจมาก... มองไปที่รูปสุอาภา เพราะเป็นห่วงลูกสาวคนเล็กคนนี้มากที่สุด ก่อนจะเลื่อนสายตาไปดูรูปพิทยาแล้วก็ครุ่นคิดบางอย่าง
วันถัดมา ภายในห้องนั่งเล่น บ้านสุอาภา วรรณวดีกับบวรมองหน้าน้องสาว แล้วพูดขึ้นพร้อมกัน
“จัดงานวันเกิดให้ป๋า”
“ปีนี้ป๋า 60 แตเลยอยากทำอะไรให้ป๋าบ้าง”
“แต่ป๋าเป็นคนไม่ชอบจัดงาน” วรรณวดีบอก
“เราไม่ได้จัดงานใหญ่ซักหน่อยพี่ต่าย มีแต่คนในครอบครัวเราเท่านั้น”
“จะว่าไปความคิดไอ้แตมันก็ไม่เลว ถ้างั้น..เรามาเซอร์ไพรส์ป๋ากันดีมั๊ย”
สุอาภากับวรรณวดีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
หลายวันต่อมา ในเวลากลางคืน สุอาภาจับมือพานพที่มีผ้าปิดตาเดินมาตามทาง
“จะพาป๋าไปไหนเนี่ย”
“เดี๋ยวก็รู้แล้วค่ะ”
สุอาภาพานพมาถึงห้องทานอาหาร วรรณวดี กับบวรยืนอยู่พร้อมกับเค้กก้อนโตกลางโต๊ะ
“ป๋าพร้อมมั๊ยคะ” สุอาภาถาม
“พร้อมตั้งนานแล้ว”
สุอาภาแกะผ้าที่ปิดตานพออก วรรณวดีกับบวรดึงพลุกระดาษ นพตกใจ สุอาภามายืนข้างๆ
สามพี่น้องบอก
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ค่ะ/ครับ....เฮ!”
นพยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ระหว่างนั้นพิทยารีบเดินเข้ามาพร้อมกับของขวัญในมือ ทุกคนหันไปมอง สุอาภาเป็นคนเดียวที่ไม่พอใจ
“ขอโทษครับที่ผมมาช้า”
“ใครเชิญมาไม่ทราบ” สุอาภาถาม
“พี่โทรบอกให้พิทมาเอง” บวรบอก
“พี่ใหญ่บอกเค้าทำไม”
“เอ้า..พิทเค้าก็เป็นคนในครอบครัวของเราเหมือนกัน แล้วก็ถือเป็นน้องพี่คนหนึ่ง”
สุอาภาเซ็ง พิทยาเดินมาเอาของขวัญยื่นให้นพ
“สุขสันต์วันเกิดครับคุณอา”
นพรับของขวัญมา
“มาถึงก็เอาหน้าเลยนะ”
ทุกคนหันไปมองสุอาภา เธอพูดต่อ
“มีอย่างที่ไหนให้ของขวัญก่อนลูกแท้ๆ”
“แต!” นพปราม
สุอาภาเหล่มองพิทยาอย่างไม่พอใจ พิทยาได้แต่ถอนหายใจเฮือก
ภายในห้องรับแขก นพรับของขวัญมาจากวรรณวดีกับบวร
“ขอบใจ”
สุอาภาก็เอาของขวัญมาให้นพ
“เบิร์ธเดย์ค่ะป๋า”
นพรับของขวัญมาจากลูกสาวคนเล็ก สุอาภาเข้ามากอดนพแล้วก็ผละออกห่าง
“ป๋าแกะเลยสิคะ”
“ถ้างั้นป๋าแกะของทุกคนเลยก็แล้วกัน ไล่ตามอายุ”
ทุกคนยิ้ม นพแกะของขวัญบวรเป็นปากกา
“ถูกใจป๋า”
นพเหน็บในกระเป๋าเสื้อ บวรยิ้มดีใจแล้วนพก็แกะของขวัญของวรรณวดีเป็นเสื้อวอร์ม
“โดน”
วรรณวดีหัวเราะ นพใส่เสื้อวอร์มทันที แล้วก็แกะของขวัญของพิทยาเป็นผ้าพันคอ สุอาภาชะงักกึก
“ทำไมเหมือนของฉัน!”
ทุกคนหันไปมองสุอาภา นพเลยแกะของขวัญของสุอาภาเป็นผ้าพันคอเหมือนกับของพิทยาเปี๊ยบ บวรบอก
“สองคนนี้นี่ใจตรงกันตลอด จำได้มั๊ยตอนเด็กๆ แกสองคนชอบเล่นอะไรเหมือนกัน กินอะไรก็เหมือนกัน”
“แถมแตยังชอบเดินตามพิทต้อยๆ จนคนเค้านึกว่าแตกับพิทเป็นเป็นพี่น้องกันจริงๆ”
“จำไม่ได้” สุอาภารีบพูด
ทุกคนกร่อยไปทันที บวรรีบพูดแก้ไขสถานการณ์
“เรามาถ่ายรูปกันดีกว่า”
บวรกำลังตั้งกล้องถ่ายรูปกับขาตั้งกล้อง เมื่อตั้งระบบกล้องเสร็จ ก็รีบวิ่งเข้าไปสมทบกับกลุ่มใหญ่ที่เตรียมแอ็กท่ารออยู่
“เอ้า ! พร้อมนะทุกคน .. 8 แอคชั่นนะครับ พร้อม !”
กล้องเริ่มถ่ายภาพไปตามระบบที่ตั้งไว้ ทุกคนยิ้มแฉ่ง แอ็กท่าต่างๆนานากันอย่างสนุกสนานครื้นเครง
ผ่านเวลา ภายในห้องทานอาหาร ทุกคนร้องเพลง Happy Birthday ให้นพ บนโต๊ะ... แสงเทียนบนเค้กวันเกิดสวยงาม เพลงจบ นพหลับตาอธิษฐานแล้วเป่าเทียนวันเกิด ทุกคนปรบมือยินดี ..... เย้ๆๆ
“มาครับ เดี๋ยวผมช่วยเอาเค้กไปตัดแบ่งให้เอง” พิทยาบอก
สุอาภารีบกันท่าทันที
“ไม่ต้อง ฉันทำเอง”
สุอาภารีบลุกมาตัดหน้าแย่งพิทยาตัดเค้กแบ่งใส่จาน พิทยาผงะ บวรมองน้องสาวด้วยความหมั่นไส้ ขณะที่สุอาภาตั้งใจตักเค้ก บวรเลยเดินมาเอานิ้วปาดครีมแต่งหน้าเค้กแล้วป้ายปากน้องสาวจนเธอชะงัก
“พี่ใหญ่”
บวรหัวเราะชอบใจ สุอาภาเอานิ้วปาดครีมจะเอาคืนพี่ชาย แต่บวรวิ่งหนี วรรณวดี พิทยา และนพยิ้มชอบใจ บวรรีบวิ่งมาหลบหลังพิทยา
“ไอ้พิท...ช่วยฉันด้วย”
สุอาภาป้ายครีมลงบนจมูกพิทยาพอดี เธอผงะ พิทยานิ่งไป แล้วก็คว้าจานเค้กที่ตัดแบ่งแล้ว เอานิ้วปาดครีมไล่ป้ายหน้าเธอบ้าง สุอาภาร้องลั่น
“นี่! อย่านะ”
พิทยากำลังจะป้าย สุอาภาหลบหลังนพ พิทยาป้ายโดนหน้านพพอดี พิทยาตกใจ รีบวางจานเค้กแล้วยกมือไหว้
“ขอโทษครับ”
นพยิ้มแล้วลุกขึ้นยืนบอก
“ไม่เป็นไร”
ว่าแล้วนพก็เอาจานเค้กจะปาเข้าหน้าพิทยา แต่พิทยาเบี่ยงตัวหลบ เค้กเลยปะหน้าบวรเต็มๆ ทุกคนหัวเราะมีความสุข นพหันไปเห็นวรรณวดียังไม่โดน เลยเอานิ้วปาดครีม
วรรณวดีเหวอบอก
“ป๋าอย่านะ”
วรรณวดีหนีไม่ทัน เจอนพเข้ามากอดแล้วเอาครีมป้ายหน้า สุอาภาหัวเราะ พิทยาเอาเค้กยัดใส่ปากเธอ
สุอาภาแทบสำลักหันไปมองพิทยาที่หัวเราะสะใจ ก็โมโห เอาเค้กอีกชิ้นยัดปาก พิทยาผงะ เธอขำ แล้วทั้งเขาและเธอต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานมากๆ
ภายหลังจากทุกคนล้างหน้าล้างตากันหมดแล้ว ก็เดินออกมายังห้องรับแขกพร้อมกัน ทุกคนหยุดเดินหันไปทางนพ
“ขอบใจลูกๆทุกคนมาก วันเกิดปีนี้ของป๋าเป็นวันเกิดที่ป๋ามีความสุขมากที่สุด แล้วก็เป็นวันเกิดที่เลอะเทอะมากที่สุดอีกด้วย”
ทุกคนหัวเราะ นพนิ่งไปซักพัก
“ความจริงแล้วป๋ามีบางอย่างที่อยากจะขอในวันเกิดปีนี้”
ทุกคนมองหน้านพด้วยความสงสัย นพหันไปมองสุอาภากับพิทยาแล้วก็จับมือทั้งคู่พร้อมกัน ทั้งคู่มองนพอย่างแปลกใจ
“พิท ฉันอยากฝากให้เธอดูแลแต”
พิทยากับสุอาภาอึ้ง วรรณวดีกับบวรมองหน้ากัน สุอาภาถาม
“ป๋าจะให้เค้าดูแลแตทำไม แตมีพี่ต่ายกับพี่ใหญ่ที่คอยดูแลแตอยู่แล้ว”
“ป๋าหมายความว่าป๋าจะยกแตให้พิท” นพบอก
สุอาภา พิทยา วรรณวดีและบวรชะงัก
“ฉันอยากให้เธอกับลูกสาวฉันแต่งงานกัน”
ทุกคนช็อก ! พิทยากับสุอาภาหันมามองหน้ากัน แล้วเขาก็รีบพูดออกมาเป็นคนแรก
“ผมแต่งงานกับคุณแตไม่ได้! เพราะผมมีคนรักอยู่แล้ว”
สุอาภาอึ้ง...กำมือแน่นด้วยความโกรธและเสียใจอย่างที่สุด นพ บวร และวรรณวดีเงียบ สุอาภาพยายามสงบสติบอกพิทยา
“เข้าไปคุยกับฉันในห้อง”
สุอาภาลุกเดินออกไปก่อน พิทยาลุกขึ้นเดินตามไป ที่เหลืออยู่มีหน้าเครียดหันไปมองตามด้วยความกังวลใจ
“ป๋าพูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่า”
นพกับบวรหันมา วรรณวดีพูดต่อ
“คนอย่างพิทรักศักดิ์ศรียิ่งกว่าอะไร ถ้าเค้าต้องแต่งงานกับแต คนก็จะพูดกันว่าเค้าหวังรวยทางลัด ป๋าเลี้ยงพิทมาตั้งแต่เด็ก ป๋าไม่รู้จักนิสัยเค้าเหรอคะ”
“ป๋ารู้ดีว่าพิทเป็นคนยังไง ก็เพราะความหยิ่งในศักดิ์ศรีของมันเนี่ยแหละ ถึงเป็นเกราะป้องกันชั้นดีในการที่จะดูแลน้องของพวกแก ถ้าเกิดป๋าหรือพวกแกเป็นอะไรขึ้นมา”
วรรณวดีกับบวรอึ้ง คิดตามแล้วก็เห็นจริง นพได้แต่ถอนหายใจด้วยความกลุ้ม
ภายในห้องๆหนึ่ง ทันทีที่เข้ามาสุอาภาก็ระเบิดอารมณ์ที่กดเก็บเอาไว้ หันไปตบหน้าพิทยาดังเพี๊ยะ!!
พิทยาหน้าหัน...นิ่งงันไปอึดใจ แล้วก็หันหน้ามามองสุอาภา
“นายนึกว่าตัวเองเป็นใคร!มีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธว่าจะไม่แต่งงานกับฉัน”
“ผมรู้ว่าคุณเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับผม แล้วคุณมาโกรธผมทำไม”
“เพราะไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธฉันมาก่อน!”
“งั้นก็เคยซะจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”
“นายพิทยา! นายจะจองหองมากเกินไปแล้ว ไม่รู้ป๋าไปหลงเสน่ห์คนนิสัยแย่อย่างนายตรงไหน หลงจนไม่ลืมหูลืมตาดูความเหมาะสม ป๋าคงลืมว่ากากับหงส์มันคนละพันธุ์”
“มันก็สัตว์เหมือนๆกัน จะพันธุ์ไหนๆ มันก็ไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน ตัวเป็นหงส์ ใจเหมือนอีกาก็ถมไป คุณทะนงว่าตัวเองเป็นหงส์ แล้วเหยียดผมเป็นแค่กา แต่คุณลองกลับไปค้นหาตัวเองใหม่อีกที ก็คงจะพบล่ะมั๊งว่าคุณเป็นหงส์แค่เปลือกนอก”
สุอาภาโมโหมาก
“นายพิทยา!”
สุอาภาจะตบอีก แต่คราวนี้พิทยาจับแขนเอาไว้ได้ทัน
“คุณชอบข่มผม ชอบเอาอำนาจมาฟาดหัวผม ทำให้ผมต้องศิโรราบให้กับคุณ จำไว้นะสุอาภา ผมไม่เคยคิดจะรักผู้หญิงอย่างคุณ”
สุอาภานิ่งงงงัน..ใจหวิววับกับคำว่า “ไม่เคยคิดจะรักผู้หญิงอย่างคุณ”
พิทยาพูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้สุอาภายืนน้ำตาร่วงด้วยความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พิทยาเดินออกมาเจอนพยืนรออยู่ก็ชะงัก นพมองหน้า พิทยาเดินมาแล้วคุกเข่าตรงหน้านพก้มลงกราบเท้านพด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ นพอึ้ง รีบดึงเขาให้ลุกขึ้น
“พิท...”
พิทยาสีหน้าเสียใจมาก ไม่ลุก
“ให้ผมได้กราบคุณอาเถอะครับ บุญคุณคุณอาท่วมหัว ผมไม่มีวันลืม แต่ครั้งนี้ในสิ่งที่คุณอาขอ ผมไม่สามารถให้ได้จริงๆ ผมไม่อยากให้ใครๆตราหน้าว่าผมเป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกิน ผมขอโทษ..ขอโทษครับ”
พิทยาก้มหน้า น้ำตาหยดแหมะลงบนพื้น นพจับไหล่แล้วดึงเขาให้ลุกขึ้นยืน
“ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ...ที่ทำอะไรลงไป โดยไม่ถามความสมัครใจจากเธอ”
“คุณอาผิดหวังในตัวผมรึเปล่าครับ”
“ตั้งแต่วันแรกจนถึงเวลานี้ ฉันไม่เคยนึกเสียใจที่ได้เลี้ยงดูเธอมา เธอเหมือนแม่ของเธอมากนะพิท เธอทำให้ฉันภูมิใจในทุกๆเรื่อง ฉันคิดแต่ว่าฉันอายุมากขึ้น สังขารก็ร่วงโรยรางลงไปทุกวัน คนที่ฉันเป็นห่วงมากที่สุดคือแต คนที่ฉันไว้ใจมากที่สุดคือเธอ ฉันถึงอยากจะฝากคนที่ฉันห่วงมากที่สุดให้กับคนที่ฉันไว้ใจมากที่สุด” นพว่า
พิทยาอึ้ง นิ่งฟังน้ำตารื้นด้วยความซาบซึ้ง นพตบบ่าเขา
“แต่ฉันคงไม่มีวาสนาที่จะได้เธอมาเป็นลูกเขย”
“ผมต่างหากที่ไม่มีวาสนา...ถึงไม่ได้เกิดมาเป็นลูกแท้ๆของคุณอา”
นพชะงัก แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ แล้วก็ดึงพิทยามากอดเอาไว้ด้วยความรักอย่างพ่อคนหนึ่งที่ให้กับลูก...ที่มุมหนึ่งเห็นบวรกับวรรณวดียืนมองภาพของทั้งคู่ด้วยความซาบซึ้ง
สุอาภาผลุนผลันเข้ามาในห้องนอนด้วยความเสียใจ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“เค้าไม่ได้มีค่าพอให้เธอต้องร้องไห้” สุอาภาพูดกับตัวเอง
แต่น้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้ เธอนั่งลงที่เตียง หันไปดูรูปที่เธอถ่ายกับพิทยาตอนเด็กๆที่วางบนชั้นข้างเตียงขึ้นมาดู เห็นแววตาเธอ บ่งบอกว่าจริงๆแล้วเธอรักพิทยา เธอร้องไห้ รีบยกมือปิดปากกลัวคนได้ยินเสียง แล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
วันถัดมา ภายในห้องรับแขกบ้านสุอาภา นาฬิกาบอกเวลาแปดโมงเช้า เสียงเข็มวินาทีเดินตึ่ก.ตึ่ก..ตึ่ก...
นพ บวร วรรณวดี ณีต่างหันไปมองที่ว่า เมื่อไหร่สุอาภาจะออกมา
นพถือหนังสือพิมพ์กลับหัว วรรณวดีตักน้ำตาลใส่กาแฟไม่หยุด บวรเอามือจับแก้วกาแฟ
ณีกำลังรินกาแฟ แต่เพราะไม่ได้มองเลยทำกาแฟหกใส่มือจนบวรร้องลั่น
“อ๊าก!”
ทุกคนตื่นจากภวังค์หันไปมองบวรที่หน้าตื่น ณีตกใจ
บวรสะบัดมือเพราะร้อน
“ป้าจะฆ่าผมเหรอครับ”
“ป้าขอโทษค่ะ ป้าไม่ได้ตั้งใจ”
ณีรีบเอากระดาษให้บวรเช็ดมือ
“ป้าไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้วล่ะคะ จนป่านนี้คุณหนูยังไม่ลงมาจากห้องเลย ไม่รู้จะเป็นอะไรรึเปล่า”
ทุกคนเริ่มเครียด
“จะว่าไป...ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืน ยัยแตก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องจนถึงป่านนี้”
“น่าแปลกนะคะ ปกติยัยแตต้องอาละวาด หรือไม่ก็ออกไปชอปปิ้งเวลาไม่ได้ดั่งใจ”
นพชักเป็นกังวล
“ป๋าว่าเราต้องส่งใครซักคนเข้าไปดู”
“แล้วจะเป็นใครล่ะคะ” ป้าณีถาม
บวร นพ วรรณวดีหันมามองหน้าณีพร้อมกัน เธอชะงักหันไปมองด้านหลังไม่มีใคร!! ณีชี้หน้าตัวเองบวร นพ วรรณวดีพยักหน้าพร้อมกัน
ในเวลาต่อมา ณีเข้ามาในห้องที่มืดมิดเพราะยังไม่ได้เปิดม่าน พร้อมกับถาดอาหารเช้า มองไปที่เตียงเหมือนมีคนนอนคลุมโปงอยู่
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหนู”
ณีวางถาดบนโต๊ะแล้วเดินไปเปิดม่าน ก่อนจะหันไปมองที่เตียงอีกครั้ง
“ตื่นได้แล้วค่ะคนดีของป้า”
นิ่ง ไม่มีเสียงตอบรับ ณีตัดสินใจเดินมาใกล้เตียง แล้วเปิดผ้าห่มออกพบ แต่หมอนข้าง
“คุณหนู อ้าว...”
ภายในห้องรับแขก นพ บวร วรรณวดีร้องขึ้นพร้อมกัน
“ไม่อยู่ในห้อง!”
ทุกคนแปลกใจมาก และมองหน้าณีด้วยสีหน้ากังวลใจ
“เพราะป๋าคนเดียว” วรรณวดีว่า
นพหน้าเหวอ
“จำไว้เป็นบทเรียนนะคะ คราวหน้าคราวหลังถ้าจะทำอะไร กรุณาปรึกษากันก่อน”
นพสะกิดบวร
“เฮ้ยไอ้ใหญ่...ช่วยป๋าด้วยดิ”
“งานนี้ตัวใครตัวมันครับป๋า”
บวรขยับไปอยู่ฝั่งเดียวกับต่ายบอก
“ผมเห็นด้วยกับต่าย”
นพหันไปทางณีเพื่อขอความเห็นใจ แต่เธอส่ายหัวแล้วขยับไปยืนข้างวรรณวดีอีกคน ทั้งสามคนมองนพด้วยสายตาตำหนิ นพได้แต่ถอนหายใจ
เวลาเช้า ในฟิตเนสแห่งหนึ่ง สุอาภากำลังต่อยมวยอย่างบ้าคลั่งกับเทรนเนอร์ ทั้งต่อย ทั้งเตะไม่หยุดเป็นการระบายอารมณ์ พราวพิไลอยู่ข้างๆมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เธอยิ่งต่อยก็ยิ่งโมโห
“คนบ้า!”
เทรนเนอร์ตกใจนึกว่าถูกด่า!
“สารเลว!”
เทรนเนอร์สะดุ้ง!!
สุอาภารัวหมัดไม่ยั้ง
“ฉันเกลียดนาย เกลียดนาย เกลียดๆๆ...”
คำว่า”เกลียด” คำสุดท้าย เธอปล่อยหมัดแรงมาก เทรนเนอร์ถึงกับเซล้มไปบนพื้น พราวพิไลตกใจรีบเข้ามาหาเทรนเนอร์ สุอาภายืนหอบ
“ขอโทษนะคะ เพื่อนฉันมันเลือดจะไปลมจะมาก็เลยอารมณ์แปรปรวน”
เทรนเนอร์หน้าเหวอมาก สุอาภาถอดนวมปาไปบนพื้นก่อนจะเดินออกไป พราวพิไลหันไปมองตาม
“อ้าวเฮ้ยแต...รอฉันด้วย”
พราวพิไลหันไปยิ้มให้เทรนเนอร์อีกครั้ง แล้วรีบตามสุอาภาออกไป
มุมหนึ่งในฟิตเนส สุอาภาดื่มน้ำอักๆๆ พราวพิไลเดินตามมานั่งข้างๆ
“แกเป็นอะไรของแก! ลากตัวฉันมาที่นี่แต่เช้า ไม่พูดไม่จา แถมยังทำร้ายคนอื่นอีก”
“ฉันไม่อยากพูดถึง”
“อ้าว...แล้วฉันจะรู้มั๊ยเนี่ยว่าแกเป็นอะไร”
พลันเสียงมือถือสุอาภาดังขึ้น เธอหยิบออกมาเห็นชื่อนพ พราวพิไลชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วย สุอาภากดปิดเครื่องจนเพื่อนแปลกใจ
“ทำไมแกไม่รับโทรศัพท์ป๋า”
สุอาภาไม่ตอบ เสียงมือถือพราวพิไลดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู เห็นชื่อหน้าจอ... แล้วหันไปทางสุอาภา
“ป๋าแก!”
สุอาภาเอามือถือพราวพิไลมาแล้วกดปิด พราวพิไลเหวอ
“แกปิดมือถือฉันทำไม”
สุอาภายังเงียบ พราวพิไลจับไหล่สุอาภาให้หันมาจ้องหน้า
“ไอ้แต...แกต้องเล่ามาให้ฉันฟังได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
สุอาภามองพราวพิไล
ในเวลาเดียวกัน พิทยากำลังคุยโทรศัพท์
“คุณแตไม่ได้มาหาผม ถ้าไงผมจะลองโทรให้นะครับคุณอา แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะรับโทรศัพท์ผมรึเปล่า”
พิทยาวางสาย แล้วกดโทรหาสุอาภา...เข้าฝากข้อความ
เขาวางสายแล้ว เดินกระวนกระวาย กังวลใจเพราะเป็นห่วงเธอ คิดว่าจะทำอย่างไรดี ทันใดนั้นมีโทรศัพท์เข้ามา เขาดีใจ คิดว่าเป็นสุอาภาโทรเข้ามา รีบกดรับสาย
“รวี...ผมกำลังจะออกจากบ้าน เจอกันที่ร้านนะครับ”
พิทยาพูดจบก็วางสาย แล้วเดินออกไป
บริเวณโชว์รูม รถนำเข้าแห่งหนึ่ง มีรถยนต์นำเข้า 2 คัน โชว์อยู่ พร้อมพริตตี้สาว 2 คน กำลังเต้นตามจังหวะเพลงอยู่ข้างรถ บรรยากาศในงานมีมุมคอกเทลเล็กๆ นักข่าวกำลังถ่ายรูป บรรดาไฮโซ เซเลบนั่งบ้าง ยืนบ้าง คุยกันบ้าง พนักงานเสิร์ฟไวน์ ไม่นานพริตตี้ก็เต้นจบเพลงก่อนจะเดินไปยืนข้างๆ พิธีกรเดินออกมา ทุกคนปรบมือ
“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานประมูลรถเพื่อนำรายได้เข้าสู่องค์กรการกุศลห้าสิบองค์กร ผมขอเปิดการประมูลรถคันแรก Porsche Panamera ราคาเริ่มต้นที่ 15 ล้าน”
ผู้คนแข่งกันยกมือกับการประมูลที่ดุเดือด
“สิบห้าล้านหนึ่งแสน”
พิธีกรชี้ไปที่อีกคน
“ขยับขึ้นมาเป็นสิบหกล้านแล้วครับ”
ขณะนั้นมีคนยกมือ พิธีกรหันไป
“สิบหกล้านห้าแสน”
มีคนยกมือเพิ่มราคาประมูลอีก
“สิบเจ็ดล้าน”
พิธีกรหันไปเห็นคนแรกยกมืออีก
“สิบเจ็ดล้านห้า มีใครให้มากกว่านี้มั๊ยครับ สิบเจ็ดล้านห้าครั้งที่1 สิบเจ็ดล้านห้าครั้งที่ 2”
ทันใดนั้นเสียงภูวดล เตชิตก็ดังขึ้น
“18 ล้าน!”
ทุกคนหันไปหาที่มาของเสียง ภูวดลเดินเข้ามาอย่างหล่อจนทุกคนฮือฮา
“18 ล้านมีใครจะสู้มั๊ยครับ ถ้าไม่มี รถ Porsche Panamera เป็นของคุณภูวดล”
ทุกคนปรบมือ ภูวดลหันไปยิ้ม แล้วก็หันมาสบตากับพริตตี้คนหนึ่ง ทั้งสองคนจ้องกันราวกับจะกลืนกินกันตรงนั้น
ภูวดลขับรถPorsche Panamera คันที่ประมูลได้เข้ามาจอดด้านหน้า แล้วก็ลงจากรถพร้อมกับน้องพริตตี้ทั้งสองคนที่โอบกอดกันเดินเข้าไป
“อยากทานอะไรจ๊ะ” ภูวดลถาม
พริตตี้หันไปทางภูวดลพร้อมส่งสายตา
“อยากทานคุณดลได้ป่ะคะ”
ภูวดลขำอย่างถูกใจ
“ผมน่ะเป็นของหวาน ไว้หลังอาหารจานหลักดีกว่า”
ภูวดลกับพริตตี้ยิ้มกรุ่มกริ่มให้กัน แล้วพากันเดินออกไป
สุอาภากับพราวพิไลหิ้วถุงของมากมายเดินมาจากอีกทาง
“ฉันรู้ว่าแกเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่พอเหอะ ฉันเดินต่อไม่ไหวแล้ว อีกอย่างฉันหิวจนไส้จะขาดแล้วด้วย หาไรกินก่อนเหอะ”
“ก็ได้...” สุอาภาบอก
สุอาภากับพราวพิไลเดินไปตามทางที่ภูวดลกับพริตตี้เดินออกไป
สุอาภากับพราวพิไลเดินมาหน้าห้องน้ำ
“แต...ฉันขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะ”
พราวพิไลส่งถุงให้สุอาภาถือแล้วก็รีบเข้าห้องน้ำ สุอาภาแทบจะหิ้วไม่ไหว เดินไปรอตรงมุมหนึ่ง แล้วก็มีเด็กวิ่งเล่นมาตามทางชนกับเธอเข้าอย่างจังจนเธอเซเกือบจะล้ม แต่ข้าวของร่วงเต็มพื้น
“ว๊าย!”
ทันใดนั้นมีมือเข้ามาประคองรับสุอาภาไว้ในอ้อมกอด เธอหันไปเห็นเป็นภูวดล
ทันทีที่ภูวดลเห็นสุอาภาก็ปิ๊งอย่างแรง แล้วเขาก็พยุงเธอให้ลุกขึ้นยืนด้วยความสุภาพ
“เจ็บตรงไหนมั๊ยครับ”
สุอาภาไม่ไว้ใจเขาเพราะสายตาที่มองมา เธอไม่ตอบรีบผละออกห่างแล้วเก็บของบนพื้น เขาช่วยเก็บของที่พื้น แต่มือไปโดนอีก สุอาภารีบดึงมือหลบ ภูวดลยิ้มแล้วก็ส่งของให้สุอาภา พราวพิไลเดินออกมา เห็นทั้งคู่ก็ชะงัก สุอาภารีบเข้ามาจับแขนพราวพิไลพาเดินออกไปทันที พราวพิไลกระซิบถาม
“ใครอ่ะ หล่อโคตร”
“ไม่รู้”
พราวพิไลหันไปมองภูวดลอย่างไม่วางตา แล้วก็เห็นพริตตี้เดินออกมาเกาะแขนภูวดล
“ขอโทษนะคะที่ช้า”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้”
พริตตี้ควงแขนภูวดลแล้วพากันเดินออกไป แต่ภูวดลยังคงมองตามหลังสุอาภาอย่างถูกใจ
แรงปรารถนา ตอนที่ 1 (ต่อ)
ยินเสียงสุอาภาแหวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“โต๊ะเต็ม!! เต็มที่ไหน ฉันเห็นยังมีที่ว่าง”
สุอาภายืนหน้าเอาเรื่องตรงหน้าพนักงาน มีพราวพิไลยืนหน้าเสียอยู่ข้างๆ
“มีคนจองไว้ค่ะ”
“ถ้างั้นคุณก็ต้องหาโต๊ะให้ฉันให้ได้”
พนักงานสีหน้าลำบากใจ
“คงต้องรอซักครู่นะคะ”
“ฉันไม่รอ ฉันต้องการโต๊ะเดี๋ยวนี้!”
พราวพิไลสะกิดสุอาภา
“แต...เราไปร้านอื่นก็ได้”
สุอาภาหันมาทางพราวพิไล แต่สายตาเหลือบไปเห็นพิทยากับรวีพรรณกำลังทานข้าวด้วยกันอยู่ในร้านก็ยิ่งแค้นจัด แล้วก็นึกอะไรออก ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันมีโต๊ะแล้ว”
สุอาภาเดินฉับๆเข้าไปทันที พราวพิไลรีบตาม พนักงานเหวอ สุอาภาเดินมาที่โต๊ะพิทยากับรวีพรรณ
พราวพิไลตามมาติดๆเห็นพิทยาก็ผงะ
“บังเอิญจังเลย “
พิทยากับรวีพรรณหันไปเห็นสุอาภาก็ตกใจ สุอาภาโผเข้ากอดพิทยาที่นั่งอยู่...เอาแก้มแตะแก้มแบบพวกไฮโซทันที พราวพิไลกับรวีพรรณตกใจมาก พิทยาเองก็ถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก
“คิดถึงพิทจัง ทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกันเมื่อวาน”
รวีพรรณผงะ พยายามอดทน พิทยางงมากว่าสุอาภาจะทำอะไร? แล้วเธอก็หันไปทางรวีพรรณทำเป็นเพิ่งเห็น
“อ้าวคุณรวีพรรณ นี่นั่งอยู่ด้วยเหรอคะ ซอรี่นะคะ ไม่เห็น”
รวีพรรณทำหน้าไม่ถูก พูดไม่ออก
สุอาภาหันไปทางพิทยา
“นั่งด้วยคนนะ”
สุอาภานั่งลงข้างๆเขา แต่พราวพิไลไม่กล้า ทั้งพิทยากับรวีพรรณต่างผงะ สุอาภานั่งข้างพิทยา พราวพิไลนั่งข้างรวีพรรณ พิทยามีสีหน้าไม่พอใจ
“เท่าที่ผมจำได้ ผมไม่ได้เชิญคุณให้นั่งร่วมโต๊ะด้วย”
“ฉันเชิญตัวเองได้ แหม...วันนี้โชคดีจัง ได้เจอกับคุณรวีซะที คุณรวีทั้งสวยทั้งน่ารักอย่างนี้นี่เอง พิทเค้าถึงได้รักม๊ากมาก จนปฏิเสธไม่ยอมแต่งงานกับฉัน”
พิทยาชะงักหน้าถอดสี พราวพิไลและรวีพรรณตะลึงอึ้ง ที่ได้ยินสุอาภาพูดออกมา สุอาภาทำเป็นตกใจ “อ้าว... นี่นายไม่ได้เล่าให้แฟนนายฟังเหรอว่าป๋ายกฉันให้นาย?!”
ตึง! รวีพรรณมองพิทยาหน้าชาไปทั้งแทบ สุอาภาลอบมองรวีพรรณกับพิทยาแล้วฉายแววตาสะใจ พราวพิไลอยากจะบ้าตายอยู่ตรงนั้น รีบคว้าแก้วน้ำที่วางตรงหน้าพิทยามาดื่มอักๆ
“จริงเหรอพิท”
พิทยานิ่งไปสักพักบอก “เออ..จริง”
รวีพรรณอึ้งมากถาม
“ยังมีอะไรที่รวีไม่รู้อีกมั๊ย”
พิทยารีบพูด
“ไม่มี”
บรรยากาศมาคุมากๆ สุอาภาหันไปสั่งบริกรที่เดินมาพอดี
“ขอสลัดทูน่า 2 ที่..น้ำเปล่า พอดีช่วงนี้กำลังควบคุมน้ำหนักน่ะค่ะ”
สุอาภาทำท่านึกขึ้นได้
“อ้อพิท...วันก่อนแตลืมต่างหูไว้ที่บ้านพิท น่าจะถอดไว้ที่โต๊ะหัวเตียงนะ พิทช่วยเอามาคืนด้วยนะ คู่นั่นน่ะป๋าซื้อให้”
พิทยาหันไปถลึงตาใส่สุอาภา รวีพรรณหันไปมองหน้าเขาด้วยความเสียใจมาก พิทยาพูดไม่ออก พราวพิไลรินน้ำดื่มอีกด้วยความเครียด
“คุณรวีอย่าเข้าใจผิดนะคะ พอดีมีแอคซิเดนนิดหน่อย แตเลยต้องค้างบ้านพิท”
รวีพรรณหึงมากและตกใจจนน้ำตาคลอ สุอาภาสังเกตเห็นทำทีตกใจ
“อ๊ะ...นี่คุณรวีก็ไม่รู้เรื่องนี้อีกแล้วเหรอคะ”
พิทยาสุดทนบอก
“ไปคุยกับผมข้างนอก”
“ฉันหิว ยังไม่อยากคุย”
พิทยาพูดเสียงดัง
“ต้องคุย!”
พิทยาจับแขนสุอาภาแล้วลากออกไปทันที พราวพิไลหันไปทางรวีพรรณ
“นะน้ำ..มั๊ยคะ”
รวีพรรณหันไปมองพราวพิไลด้วยสายตาดุดัน พราวพิไลเลยดื่มน้ำเอง
ภูวดลมองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยสีหน้าครุ่นคิด
พิทยาลากสุอาภาออกมาที่นอกร้านในมุมหนึ่ง หยุดเดิน ปล่อยแขน แล้วหันไป
“คุณพูดแบบนั้นเพื่ออะไร”
สุอาภาสีหน้ากวนบอก
“นี่ฉันกำลังช่วยนายอยู่นะ นายเองก็เหมือนพี่ชายฉันคนหนึ่ง ฉันก็ต้องสแกนคนที่จะมาเป็นพี่สะใภ้ฉัน ว่าเค้ารักนายจริงรึเปล่า แต่เท่าที่ฉันดูเมื่อกี้ ท่าทางแฟนนายจะขี้หึงมาก ไม่มีความหนักแน่นเอาซะเลย”
“ไม่ต้องมาแสดงความหวังดีกับผม ผมรู้ว่าคุณจงใจมาป่วน เพราะคุณโกรธที่ผมไม่ยอมแต่งงานด้วย!”
เสียงพิทยาทำให้คนแถวนั้นหันมามองสุอาภา รวมทั้งภูวดลกับพริตตี้ที่เดินมาพอดี ภูวดลมองอย่างสนใจ แต่ถูกพริตตี้ดึงเข้าไปในร้าน สุอาภาอายมาก
สุอาภาน้ำเสียงโมโหบอก
“ต่อให้เหลือนายเป็นผู้ชายคนสุดท้ายในโลก ฉันก็ไม่มีวันแต่งงานด้วย”
“ก็ดี...ขอให้ชาตินี้เป็นชาติเดียวที่ผมจะได้เกิดมาร่วมโลกกับคุณ”
สุอาภาจุกจนพูดไม่ออก
“นายพิทบูล!”
“คุณรู้มั๊ยว่าสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดตอนนี้คืออะไร ผมอยากย้อนเวลากลับไป เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องรู้จักคุณ”
สุอาภาโกรธมาก
“ฉันก็เหมือนกัน!”
“เราเข้าใจตรงกันก็ดีแล้ว เพราะฉะนั้นพาเพื่อนคุณออกไป”
“ไม่...ฉันอิ่มเมื่อไหร่ ฉันถึงจะไป”
“พอเถอะสุอาภา...ผมรู้จักนิสัยคุณดี คุณมันจอมวางแผน เจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ ชอบควบคุมคนอื่น และต้องได้ทุกอย่าง ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณแค่มาทานข้าว”
สุอาภาอึ้งที่โดนด่าเต็มๆ ถึงกับไปไม่ถูก พิทยาตัดบททันที
“ถ้าคุณไม่ไป ผมไปเอง”
พิทยาเดินออกไป สุอาภาโมโหกำมือแน่น หันหลังไปมองพิทยาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ
ส่วนภายในร้าน ภูวดลเลื่อนเก้าอี้ให้พริตตี้ แล้วตัวเองก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม พนักงานยื่นเมนูให้ ภูวดลหันไปเห็นสุอาภาจ้ำเดินตามพิทยาเข้ามาในร้าน เขาจ้องเขม็งอย่างอยากรู้สองคนว่ามีเรื่องอะไรกัน
พิทยามาถึงที่โต๊ะเห็นอาหารที่สุอาภาสั่งมาแล้ว
“รวี...ไปกันเถอะ” พิทยาบอก
รวีพรรณเงยหน้ามองพิทยาอย่างงงๆ ทุกอย่างอยู่ในสายตาของภูวดล
ภูวดลหันไปมองรวีพรรณและสุอาภา และมองพิทยาที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองสาว พิทยาหยิบกระเป๋าสตางค์เอาเงินออกมาวางบนโต๊ะ พิทยาหันไปมองสุอาภา
“ค่าอาหารที่ผมสั่งไว้”
พิทยาจับมือรวีพรรณให้ลุกขึ้นยืน พราวพิไลหน้าตื่น สุอาภาไม่พอใจอย่างแรง พิทยาพารวีพรรณเดินออกไป สุอาภากำมือแน่นหันไปมองตามพิทยาแววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ ภูวดลอ่านสีหน้าของสุอาภาออก
พราวพิไลลุกขึ้นไปจับแขนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“แต...”
“ไปก็ดี”
สุอาภานั่งลงทำเป็นว่าไม่สนใจแล้วก็ก้มหน้ากิน พราวพิไลมองเพื่อนอย่างรู้ทันแล้วก็นั่งลง
ภูวดลมองสุอาภาครุ่นคิด นึกว่าเป็นรักสามเส้า
พิทยาจูงมือรวีพรรณเดินมาตามทางเดินด้วยกัน
“เราไปหาร้านอื่นทานข้าวกันนะครับ”
รวีพรรณยังโมโหหึงอยู่เลยแกะมือพิทยาออก พิทยาผงะ หันไปมอง
“คุณไปทานกับคุณแตเถอะค่ะ ฉันจะกลับบ้าน”
รวีพรรณจะเดินไป พิทยารีบจับแขนรวีพรรณเอาไว้
“รวี...คุณอย่าไปฟังที่เค้าพูดนะ”
รวีพรรณสุดทนบอก
“จะไม่ให้รวีฟังได้ยังไง ในเมื่อมันคือความจริง รวีรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยระหว่างพิทกับผู้หญิงคนนั้น”
พิทยาจับแขนรวีพรรณสองข้างอย่างแคร์สุดๆ
“ที่ผมไม่บอก เพราะผมไม่อยากให้รวีไม่สบายใจ คุณแตต้องการพูดให้ผมกับคุณแตกคอกัน เพราะเค้าโกรธที่ผมปฏิเสธเค้า นั่นก็เพราะว่าผมรักและมั่นคงต่อรวี เราอย่าทะเลาะกันเลยนะครับ ต่อไปนี้ผมจะบอกคุณทุกเรื่อง ผมสัญญา”
พิทยามองรวีพรรณสายตาเว้าวอน เธอค่อยเย็นลงแล้วถอนหายใจและพยักหน้า พิทยายิ้มออกมาด้วยความสบายใจ
เวลากลางคืน รถพิทยาจอดที่หน้าบ้าน พิทยากับรวีพรรณลงจากรถพร้อมกัน แล้วก็ผงะเพราะรมณีเดินออกมา พิทยายกมือไหว้แต่รมณีไม่รับไหว้ แถมยังมองเหยียดจนพิทยาทำหน้าไม่ถูก
“เข้าบ้าน”
รวีพรรณใจไม่ดี
“แม่คะ”
“แม่บอกให้เข้าบ้าน!”
รวีพรรณไม่กล้า...หันไปมองพิทยาด้วยความเป็นห่วงก่อนเดินเข้าไปในบ้าน รมณีมองจนแน่ใจว่ารวีพรรณเข้าไปแล้วจริงๆ ก็หันมาทางพิทยา
“ฉันมีลูกสาวคนเดียว ยัยรวีเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของฉัน ฉันเลี้ยงดูเค้ามาอย่างดี ไม่เคยต้องให้ลำบาก ฉันต้องการให้เค้าได้ในสิ่งที่ดีที่สุด เธอคงฉลาดพอที่จะเข้าใจ”
พิทยาอึ้งกับคำพูดของรมณี
“แต่ผมรักรวีด้วยความจริงใจนะครับ”
รมณีมองพิทยาด้วยสายตาดูถูก
“ความรักไม่ช่วยอะไร ถ้าเธอไม่มีเงิน คิดดูซิ เธอมีอะไรคู่ควรกับลูกสาวฉัน ทั้งฐานะและชาติกำเนิด ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉันอีก”
รมณีพูดจบก็เดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้พิทยายืนอึ้งอยู่กับที่
รมณีเดินเข้ามาที่ห้องรับแขก รวีพรรณรออยู่
“แม่พูดอะไรกับพิทคะ”
“แม่บอกให้เค้าเลิกยุ่งกับลูก”
รวีพรรณอึ้งด้วยความคิดไมาถึง
“ทำไมแม่พูดกับพิทแบบนั้น”
“เพราะแม่รักลูก หวังดีกับลูกยังไงล่ะ แม่มองเห็นลายของเค้าตั้งแต่เค้ามาคบกับลูก แม่ไม่อยากให้เค้ามาเป็นเขย ไม่อยากให้เค้ามาร่วมวงศ์วานของเรา และที่สำคัญที่สุด แม่ไม่อยากให้ลูกไปลำบากใจในวันข้างหน้า เสียใจหนเดียววันนี้ ดีกว่าเสียใจทีหลังแล้วต้องน้ำตาตก”
“รวีคบกับพิทมานานหลายปี รวีรู้ดีว่าพิทเป็นคนยังไง ถ้าคุณแม่เปิดใจยอมรับเค้า คุณแม่ก็จะ..(เห็น)”
รมณีรีบขัดแทรกทันที
“อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปได้! แค่ประวัติของเค้า แม่ก็รับไม่ได้แล้วเพราะฉะนั้นอย่าหวังว่าแม่จะให้โอกาส แม่จะไม่พูดเรื่องนี้อีก พรุ่งนี้ลูกต้องเตรียมตัวไปทานข้าวกับแม่”
รมณีพูดจบก็เดินออกไป รวีพรรณถอนใจ
สุอาภากลับเข้ามาในบ้านที่มืดสนิท ทันใดนั้น...ไฟก็เปิดสว่าง สุอาภาตกใจ หันไปเห็นนพยืนอยู่
“จะหลบหน้าป๋าไปถึงเมื่อไหร่”
“แตไม่ได้หลบหน้าป๋าซักหน่อย” สุอาภาบอก แต่หันหน้าไปทางอื่น
นพเดินมาใกล้บอก
“เราเป็นพ่อลูกกัน เราโกหกป๋าไม่ได้หรอก สิ่งที่ป๋าทำลงไป แตอาจจะคิดว่าป๋าไม่มีเหตุผล แต่ที่ป๋าทำ เพราะป๋าเป็นห่วงแต”
“ห่วงยังไงคะ ถึงยกแตให้กับคนที่เค้าเกลียดแต!”
สุอาภาจะร้องไห้แต่พยายามกลั้นเอาไว้ นพเห็นแล้วตกใจ
“แตเข้าใจพิทผิดแล้ว พิทเค้าไม่ได้เกลียด...”
นพยังพูดไม่ทันจบประโยค สุอาภาสวนขึ้นมาทันที
“ป๋าต่างหากที่เข้าใจผิด ป๋ารู้มั๊ยว่าเค้าพูดกับแตว่ายังไง เค้าบอกว่า เค้าไม่อยากอยู่ร่วมโลกเดียวกับแต เค้าไม่อยากรู้จักแต”
นพอึ้ง...สุอาภาน้ำตารื้นอย่างกลั้นไม่ได้อีกต่อ
“นี่แหละคือธาตุแท้ของคนที่ป๋าคิดว่าเค้าเป็นคนดี”
สุอาภาน้ำตาไหล นพอึ้งมาก...มองลูกสาวด้วยความสงสารแล้วดึงตัวมากอดแน่น สุอาภาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก นพกอดปลอบใจอยู่ตรงนั้น
วันถัดมา ภายในร้านอาหารเวลากลางวัน รมณีกับรวีพรรณ นั่งตรงข้ามกับ ศรีพิไลที่มองรวีพรรณอย่างพินิจพิจารณาราวกับว่าเธอเป็นสินค้าชิ้นหนึ่งจนรวีพรรณเกร็งไปหมด
“ เคยเห็นหนูเมื่อตอนเล็กๆ ซัก 10 ขวบได้มั๊ง นี่ถ้าไปเจอกันข้างนอกฉันคงจำไม่ได้ เพราะหน้าตาสะสวยขึ้นเยอะ”
รวีพรรณยิ้ม รมณีรีบพูดต่อ
“ไม่ได้แค่สวยอย่างเดียว ลูกสาวฉันเก่งอย่าบอกใคร เรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ1 จบปริญญาโท2ใบ แล้วตอนนี้ก็ทำร้าน...ด้วยจ้ะ เค้กฝีมือรวีอร่อยมาก วันหลังแวะไปทานนะจ๊ะ”
รวีพรรณรู้สึกแปลกๆที่แม่ชมออกนอกหน้าก็เลยปราม
“แม่คะ”
รมณีหันมา
“จะเขินทำไมล่ะลูก เราพูดความจริง ไม่ได้ปั้นเสริมเติมแต่ง”
รมณีหันไปทางศรีพิไลบอก
“รายนี้เค้าชอบถ่อมตัว”
“ถ่อมตัวน่ะดี ดีกว่าพวกผู้หญิงที่ชอบทำตัวมั่นใจ ทำอะไรเกินงาม คนแบบนี้ฉันเกลียดนัก”
ศรีพิไลมองรวีพรรณด้วยแววตาชื่นชม จนเธอทำหน้าไม่ถูก แล้วรมณีก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“อุ๊ยตายแล้ว แม่ลืมของที่จะเอามาให้ศรีไว้ในรถ ลูกช่วยไปเอาให้แม่ที”
“ค่ะ”
รวีพรรณลุกเดินออกไป ศรีพิไลมองตามรวีพรรณอย่างถูกใจมาก
“ลูกสาวเธอดูจะเป็นคนว่านอนสอนง่าย ถูกใจฉันมาก”
รมณียิ้มด้วยความพอใจ
ภูวดลกำลังคุยโทรศัพท์มือถือ
“ถึงแล้วครับแม่ เดี๋ยวเจอกันครับ”
ภูวดลวางสาย หันไปทางกี้ที่ยืนควงออดอ้อนอยู่
“ความจริงดลน่าจะพากี้ไปพบคุณแม่ซะตอนนี้ ไหนๆกี้ก็อยู่ที่นี่ด้วยแล้ว”
ภูวดลเอามือกี้ออกแล้วมองอย่างไม่พอใจ
“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณจะไม่เรียกร้องอะไรจากผม”
เสียงที่เฉียบขาดของภูวดล ทำให้กี้ไม่กล้าทันใดนั้นเสียงพริตตี้ดังขึ้น
“คุณดล!”
ภูวดลกับกี้หันไปเห็นพริตตี้คนเดิมยืนหน้าง้ำอยู่ พริตตี้จ้ำเดินเข้ามา
“ไหนบอกวันนี้ไม่ว่างไงคะ”
ภูวดลไม่พอใจที่มาแสดงท่าทางหึงหวง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ”
พริตตี้เหวอ กี้ยิ้มเยาะสะใจ
“รู้ไว้นะว่าฉันเป็นแฟนดล ส่วนเธอมันก็แค่คู่นอนชั่วคราว”
ภูวดลหันไปมองกี้อย่างไม่พอใจ พริตตี้โมโหมากเงื้อมือตบหน้ากี้เพี๊ยะ!
กี้โมโห...แล้วก็เปิดฉากตบกันอย่างดุเดือด ภูวดลส่ายหัวด้วยความเซ็งมาก ระหว่างนั้นรวีพรรณเดินหิ้วถุงกลับมา เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วก็หันไปเห็นภูวดลยืนมองเฉยก็รู้สึกไม่พอใจ
“ดลช่วยกี้ด้วย..อ๊าย!”
ภูวดลไม่ช่วย หันไปเห็นรปภ.ก็เรียก
“นี่ พาผู้หญิงสองคนนี้ออกไปที”
กี้กับพริตตี้ผงะหยุดตบ ภูวดลยื่นแบ้งค์พันให้รปภ. รปภ.รีบรับเงิน สองสาวอึ้งร้องเรียกชื่อ “ดล”ขึ้นพร้อมกัน
ภูวดลชี้หน้า
“คุณสองคนอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก”
ภูวดลเดินออกไปอย่างไม่แยแส สองสาวหน้าเสียจะตามไป แต่เจอรปภ.เข้ามาล็อกแขน
“เชิญทางนี้ครับคุณผู้หญิง”
สองสาวโวยวายไม่ยอม แต่เจอรปภ.ลากออกไป รวีพรรณหันไปมองตามภูวดลรู้สึกไม่ชอบผู้ชายแบบนี้
รวีพรรณเดินกลับมาที่โต๊ะ แล้วก็ตกใจสุดขีดที่เห็นภูวดลนั่งอยู่ข้างศรีพิไล รวีพรรณนั่งลงข้างๆรมณี ทางด้านภูวดลเห็นรวีพรรณก็ชะงัก นึกภาพย้อนกลับไปตอนเห็นรวีพรรณอยู่กับสุอาภาและพิทยาและภาพที่พิทยาจับมือรวีพรรณเดินออกไป
“นี่รวี ลูกสาวน้าจ๊ะ ส่วนนี่ภูวดล ลูกชายคุณป้าศรี”
ภูวดลยิ้มพร้อมยื่นมือออกไป
“สวัสดีครับคุณรวี”
รวีพรรณไม่จับมือภูวดล
“สวัสดีค่ะ”
ภูวดลหน้าเจื่อน รมณีกับศรีพิไลผงะ ภูวดลเก็บมือกลับอย่างเก้อๆ
“ต้องขอโทษหนูรวีแทนพ่อดล รายนี้เค้าโตที่เมืองนอก ก็เลยติดนิสัยแบบฝรั่งมา”
“แต่ผมว่าท่าทางคุณรวีจะไม่ค่อยอยากรู้จักผมซะมากกว่า”
รวีพรรณตกใจที่ภูวดลพูดจาตรงๆ รมณีรีบแก้ตัวและเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่หรอกจ๊ะ รวีเค้าเป็นคนขี้อาย ว่าแต่คราวนี้มีแพลนจะอยู่เมืองไทยนานแค่ไหน”
“ไม่มีกำหนดจ๊ะ” ศรีพิไลบอก
“ถ้างั้นก็ดี พ่อดลกับยัยรวีจะได้มีเวลาทำความรู้จักกัน”
รวีพรรณมองแม่อย่างรู้ทันทีว่าแม่หมายความว่าอะไร พอหันไปเจอภูวดลส่งยิ้มมาให้อีก...ก็ยิ่งอึดอัด
ภายในบ้าน เวลาบ่าย รวีพรรณหันมาทางรมณีสีหน้าไม่พอใจ
“วันนี้ที่แม่พารวีไปทานข้าว มันคือการดูตัวใช่มั๊ยคะ”
“รู้ก็ดี แม่จะไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย คนที่จะแต่งงานกับลูกต้องเป็นคนที่แม่เลือกให้เท่านั้น”
“แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดี”
รวีพรรณกำลังจะเล่าว่าเห็นผู้หญิงตบกันแย่งภูวดล แต่รมณีพูดขัดขึ้น
“ลูกเพิ่งเจอเค้าครั้งแรก ลูกรู้ได้ยังไง”
รวีพรรณจะพูดต่อ แต่รมณีรีบพูดต่อด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“แม่ตัดสินใจแล้ว...ภูวดลเป็นคนที่เหมาะสมกับลูกมากที่สุด ทั้งฐานะ การศึกษา และ ชาติตระกูล ถ้าลูกได้ลงเอยกับเค้า ลูกจะสบายไปจนชั่วชีวิต แล้วแม่ก็จะได้หายห่วง ว่าแม่ฝากลูกไว้กับคนที่ถูกต้อง ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของแม่ หน้าที่ของลูกมีอย่างเดียว..จบเรื่องลูกกับนายพิทยาซะ”
รมณีสั่งเสร็จก็เดินออกไป รวีพรรณพูดอะไรไม่ออกได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ในเวลาเดียวกัน ภูวดลเดินนำศรีพิไลเข้ามาในบ้าน
“หนูรวีนี่เรียบร้อยอ่อนหวานสมกับเป็นกุลสตรี ลูกว่ามั๊ย”
ภูวดลหยุดเดินหันไปบอกแม่
“อย่าเพิ่งวางใจไปครับคุณแม่ ผู้หญิงสมัยนี้แอ๊บกันเยอะ จะมีตำหนิรึเปล่า เราไม่มีทางรู้”
“แต่แม่มั่นใจว่าหนูรวีไม่มีตำหนิ ตระกูลของรมณีเป็นตระกูลเก่าแก่ มีความเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว การอบรมสั่งสอนก็เป็นไปอย่างเข้มงวด ลูกวางใจได้ว่าแม่เลือกคนไม่ผิด”
“คุณแม่อายุมากขึ้น อาจจะมองอะไรไม่ชัดเหมือนเมื่อก่อน”
“ตาดล!” ศรีพิไลเสียงเขียว
“เอาล่ะครับๆ ถ้าคุณแม่ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ ผมก็จะไม่ขัดใจ”
ศรีพิไลยิ้มพอใจ
“ดีแล้วลูก ความฝันของแม่คืออยากเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา ได้ภรรยาที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมครอบครัวของเรา ลูกจะได้เลิกทำตัวเป็นคาสโนว่าซักที”
ภูวดลยังไม่ทันพูดอะไร ภาสันต์ พ่อของภูวดลที่ใส่ชุดเล่นกอล์ฟเดินเข้ามา ภูวดลกับศรีพิไลหันไปมอง
“แน่ใจเหรอว่าลูกชายสุดที่รักของคุณจะเลิกนิสัยนี้ได้” ภาสันต์ถาม
ภูวดลมองภาสันต์อย่างไม่พอใจ
“เพราะว่ามันเป็นสันดานที่ฝังลึกลงไปแล้ว”
“คุณสันต์...เมื่อไหร่คุณจะเลิกว่าลูกซักที”
“ก็เมื่อวันที่มันจะเลิกแบมือขอเงินน่ะสิ คุณรู้มั๊ยว่าเมื่อวานวันเดียวมันใช้เงินไปเท่าไหร่...18 ล้าน !”
ศรีพิไลตกใจยกมือทาบอก
“ตายแล้ว! ลูกเอาเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น”
“ก็รถที่จอดด้านหน้านี่ไง” ภาสันต์บอก
“ก่อนที่คุณพ่อจะว่าผม ฟังเหตุผลผมก่อนได้มั๊ยครับ เมื่อวานมีงานประมูลรถการกุศล ที่รัฐมนตรีวิวัฒน์เป็นประธาน ผมเห็นว่าโครงการใหม่ของบริษัทเราคงต้องพึ่งท่าน ผมถึงได้บริจาคเงินไป 18 ล้าน เพื่อแลกกับรถคันนั้น” ภูวดลบอก
“โถลูกแม่...ช่างแสนดีเหลือเกิน คุณสันต์ คุณได้ยินแล้วนะ”
“คุณพ่อไม่เชื่อหรอกครับว่าผมพูดความจริง ผมคือลูกที่เลวในสายตาของคุณพ่อตลอดเวลาอยู่แล้ว ผมไปนะครับแม่”
ภูวดลเดินออกไป ศรีพิไลมองอย่างเป็นห่วง
“ลูกจะไปไหน”
ภูวดลไม่ตอบออกไปเลย ศรีพิไลหันไปมองภาสันต์ไม่พอใจ ภาสันต์เดินออกไปอีกทาง
“คุณสันต์..!”
ศรีพิไลรีบตามไปด้วยความโมโห
ศรีพิไลตามภาสันต์ออกมา
“คุณสันต์ ถ้าคุณเกลียดฉัน ก็อย่าไปลงที่ลูก”
ภาสันต์หันขวับถาม
“ผมจะเกลียดคุณเรื่องอะไร”
“เรื่องนังพิมไง!! คุณยังรักมันอยู่ใช่มั๊ย!”
ภาสันต์ชะงักไปทันที
ภาสันต์ชักรำคาญ
“หยุดขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆขึ้นมาพูดซักที มันน่ารำคาญ!”
ศรีพิไลทั้งเสียใจ น้อยใจและโมโหระคนกัน
“ใช่สิ ฉันมันน่ารำคาญ แต่ฉันคนนี้ไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้คุณตาสว่างไม่โดนเพื่อนสนิทสวมเขา”
ภาสันต์ฟังแล้วก็นิ่งไปเพราะมันคือความจริง
“ถ้าไม่ได้ฉัน ป่านนี้คุณก็ต้องเลี้ยงไอ้มารหัวขนในท้องนังพิมแล้วทั้งๆที่มันเป็นลูกของเพื่อนคุณ”
“คิดจะทวงบุญคุณผมเหรอ”
ศรีพิไลเดินมาเชิดหน้าอย่างท้าทาย
“ใช่...คุณจะได้รู้ว่าที่คุณไม่เสียคนมาจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นเพราะใคร”
ศรีพิไลพูดจบก็ยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะเดินออกไป ภาสันต์กำมือแน่นด้วยความโมโห
ภายในวัดแห่งหนึ่ง ตรงที่เก็บอัฐิ มีป้ายข้อความเขียนว่า “พิม พิพัฒนะ ชาตะ 22 มิถุนายน 2507 มรณะ 16 ตุลาคม 2540”
นพเอาดอกไม้มาวาง ยืนมองรูปถ่ายพิมแล้วก็คิดย้อนกลับไป
ภายในโรงพยาบาล นพจับมือพิมที่นอนบนเตียงและกำลังจะตาย นพเสียใจมาก พิมพูดไปหอบไป ด้วยน้ำเสียงที่กำลังจะหมดแรง
“พิมขอโทษที่ต้องโทรตามพี่นพ”
“ไม่เป็นไรเลยพิม พิมอยากให้ผมช่วยอะไร พิมบอกมาได้เลย” นพบอก
พิมร้องไห้กุมมือนพแน่น นพอึ้ง
“ช่วย ช่วยเอา..ล..ลูก..ลูกของพิมไปเลี้ยง เค้า..ไม่เหลือ..ใครอีกแล้ว แต่พี่...อย่าบอก...ว่าพ่อเค้า...คือใคร สัญญากับพิม...ได้มั๊ย”
นพพยักหน้าแล้วก็ร้องไห้
“ผมสัญญา พิมไม่ต้องห่วง ผมจะเลี้ยงลูกของพิมให้ดีที่สุด”
พิมยิ้มด้วยความสบายใจ แล้วก็หมดลมหายใจทันทีอย่างหมดห่วง นพแทบช็อก
“พิม!”
นพเอาพิมขึ้นมากอดแน่น ร้องไห้ด้วยความเสียใจและเจ็บปวดสุดๆ
นพจูงมือพิทยา วัย 7 ขวบอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ก่อนจะหยุดเดินและหันไปมอง
“ต่อจากวันนี้ไปที่นี่คือบ้านของเรานะ” นพบอก
นพจับไหล่พิทยาให้หันมาแล้วคุกเข่าตรงหน้า
“ลืมทุกอย่างซะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่”
นพพยักหน้าให้ความมั่นใจ พิทยาลังเลไปนิดนึงแล้วก็พยักหน้ารับ นพยิ้มและดึงพิทยาเข้ามากอดด้วยความสงสาร
นพยืนมองรูปถ่ายพิม แล้วก็ทอดถอนหายใจ
เวลากลางคืน ณีเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนสุอาภาพร้อมกับน้ำส้ม
“น้ำส้มได้แล้วค่ะคุณหนู”
ณีตกใจที่เห็นข้าวของเกลื่อนเต็มห้องไปหมด จึงรีบวางแก้วน้ำส้มบนโต๊ะ
“มันเกิดสงครามอะไรขึ้นคะเนี่ย”
สุอาภาออกมาจากห้องแต่งตัว
“ป้าช่วยเอาของพวกนี้ไปทิ้งที”
ณีแปลกใจแล้วก็หยิบของแต่ละอย่างขึ้นมาดู
“ตุ๊กตา การ์ด สมุด ของสมัยเด็กของคุณหนูทั้งนั้นเลยนี่คะ ไหนคุณหนูเคยสั่งไม่ให้ป้าเอาไปทิ้งไง”
“ของพวกนี้มันเป็นอดีตไปแล้วค่ะ คนเราต้องอยู่กับปัจจุบันและก้าวไปข้างหน้า”
ณีพึมพำ
“มาซะเป็นหลักการเลยวันนี้”
สุอาภาได้ยินก็หันมาบอก
“แตเปลี่ยนไปแล้วค่ะป้า”
ณียิ้มแหย
“ได้ยินด้วยเหรอคะ”
“หยั่งกะป้าเสียงเบานักนี่”
ณีหัวเราะแห้งๆ แล้วถาม
“ว่าแต่คุณแตแน่ใจนะคะว่าจะทิ้งทั้งหมด”
“ค่ะ”
ณีถามอีกครั้ง
“ชัวร์-นะ-คะ”
สุอาภาถลึงตาใส่ “ค่า”
“แน่นะ ทิ้งแล้วเอาคืนไม่ได้น้า “
สุอาภาเริ่มลังเล มองไปแล้วก็นึกเสียดาย
“ใส่กล่องเก็บไว้ในห้องเก็บของก่อนก็แล้วกันค่ะ”
ณีอมยิ้มอย่างรู้ใจแล้วก็เก็บของเข้ากล่อง สุอาภาก้มมองเห็นกระดาษที่มีรูปวาดตัวการ์ตูนผู้ชายกับผู้หญิงจับมือกัน บนตัวการ์ตูนเขียนชื่อ “พิท” กับ “แต” เธอหยิบขึ้นมาด้วยแววตามุ่งมั่นเอาจริงแล้วก็ฉีกออกครึ่งนึง ก่อนหันไปมองทีรูปการ์ตูนผู้ชาย
“ถึงเวลาตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
สุอาภาหรี่ตาสีหน้าร้ายกาจมาดมั่น
ติดตาม "แรงปรารถนา" ตอนที่ 2