xs
xsm
sm
md
lg

ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 10

วันต่อมาไทยืนรอบุ๊นอยู่ที่รถประจำตัวของบุ๊น บุ๊นออกมาจากห้องลับกับอาฮวด

“เช้านี้แวะไปโรงพยาบาลก่อนนะ” บุ๊นบอกอาฮวด
“ครับ”
อาฮวดเดินออกไปหาไทที่รถ พอดีกับนันณภัสเดินผ่านมา บุ๊นจึงทักทายลูกสาว
“ยังไม่ไปทำงานอีกหรือลูก”
“กำลังจะไปค่ะ”
นันณภัสคุยกับบุ๊นแต่สายตามองไทที่กำลังคุยอยู่กับอาฮวด บุ๊นเดินมาที่รถ
“พ่อไปก่อนนะ”
“ค่ะ”
นันณภัสมองตามไทที่กำลังขึ้นในรถ ในใจอยากพูดคุยกับไท จังหวะนั้นเรียวขับรถเข้ามาจอดเทียบหน้าบ้านพอดี

เรียวยืนรอนันณภัสอยู่ที่จอดรถ นันณภัสเดินออกมาแล้วตรงไปที่รถ เรียวเปิดประตูให้แต่นันณภัสหยุดยืนมองเรียวสีหน้าจริงจัง
“นายรู้เรื่องนี้มาตลอดใช่ไหม”
เรียวเข้าใจดีว่านันณภัสหมายถึงเรื่องของไท
“ครับ”
“นายคงมีเหตุผลสินะที่ไม่ยอมบอกฉัน”
“เปล่า ผมไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น”
“อ้าว แล้วทำไมนายถึงไม่บอกความจริงกับฉัน”
“ผมยืนยันคำพูดเดิม”
เรียวไม่ยอมบอกแหตุผล นันณภัสจึงเปลี่ยนเรื่อง
“นายรู้ไหม นายอยู่ใกล้ชิดฉันทุกวัน แต่ฉันไม่เคยเข้าใจนายเลย ไม่เข้าใจตัวตนของนายซะด้วยซ้ำ”
“เรื่องนั้น ไม่จำเป็นสำหรับคุณพัดหรอกครับ เมื่อถึงเวลาคุณพัดก็จะรู้จักผมเอง” เรียวมองนันณภัสในใจรู้สึกสงสารแต่ต้องใจแข็งตัดบท เขาเปิดประตูรถโดยไม่มองหน้านันณภัส “ขึ้นรถเถอะครับ”

ปลายฟ้าซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาถึงหน้าบริษัทอย่างรีบเร่งเพราะสายแล้ว เมื่อถึงบริษัทปลายฟ้ารีบจ่ายเงินค่ารถ
“25 บาท พี่”
ปลายฟ้ายื่นเงินให้สามสิบบาทแล้วรอตังค์ทอน คนขับรถควักหาเหรียญทอนช้ามาก
“เร็วสิ ฉันสายแล้ว เนี่ยเพิ่งทำงานได้สองวันเอง เร็ว”
“ใจเย็นสิพี่ ก็เหรียญมันเล็กหยิบยากหน่อย แค่ห้าบาทเอง ทิปหน่อยไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้ ตั้งห้าบาท ซื้ออะไรได้ตั้งเยอะ ไหนดูมันยากตรงไหน มานี่ฉันช่วยหยิบ”
ปลายฟ้าช่วยล้วงไปหาเศษเหรียญ ทั้งคู่ยื้อกันไปยื้อกันมาจนเศษตังค์หล่นกระจายเต็มพื้น ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่ง
ปลายฟ้าหน้าเจื่อนแล้วเอาตัวรอด
“อูย เกลื่อนเลย แฮ่ แฮ่ เอ่อ ห้าบาทนั่นฉันทิปก็แล้วกันไปล่ะ”
ปลายฟ้ารีบไปจากที่นั่นอย่างเร็วที่สุด คนขับวินเซ็งแล้วเก็บเศษเหรียญต่อไป

ไทเลี้ยวรถมาจอดที่หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง อาฮวดลงจากรถเดินนำบุ๊นเข้าไป ไทเดินตามระวังหลัง ที่ถนนฝั่งตรงข้ามรถสายสืบของมังกรวิ่งเข้ามาจอดแล้วสังเกตอยู่
หมอพินิจนั่งทำงานอยู่ในห้อง สักครู่มีเสียงเคาะประตู
“เชิญครับ”
พยาบาลสาวสวยเปิดประตูเข้ามา
“อาจารย์หมอคะ คุณบุ๊นมาแล้วค่ะ”
“เชิญ เข้ามาสิ”
หมอพินิจกระวีกระวาดเก็บข้าวของบนโต๊ะให้เรียบร้อย ที่หน้าห้อง พยาบาลเชื้อเชิญบุ๊นด้วยท่าทางนอบน้อม บ่งบอกว่าบุ๊นเป็นคนสำคัญของที่นี่
“เชิญค่ะท่าน”
“ขอบใจนะ ฮวด ไท รอข้างนอก”
อาฮวดกับไทรับรู้แล้วรอตามคำสั่ง บุ๊นเปิดประตูเข้าไปพบหมอพินิจ
“สวัสดี เถ้าแก่”
หมอพินิจเป็นคนเก่าคนแก่ที่รู้จักบุ๊นมานานกว่า 40 ปีจึงทักทายอย่างสนิทสนม
“สวัสดีหมอ”
“เป็นยังไงบ้าง ดูท่าทางแข็งแรงดีนี่ จะตรวจสุขภาพเลยไหม”
บุ๊นมีสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่หรอก วันนี้อยากมาคุยเรื่องนั้นว่าพอจะเป็นไปได้หรือยัง”
หมอพินิจหยุดยิ้มสีหน้าเอางานเอาการ

ที่หน้าห้อง อาฮวดเดินดูรอบๆ แต่ไม่มีอะไรผิดปกติจึงหันไปถามไทที่ยืนอยู่ที่หน้าต่าง
“นายรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไหม”
“มีครับ มีรถคันหนึ่งขับตามเรามาตลอดทาง”
“งั้นหรือ นายรู้ได้ยังไง”
“ข้อแรกมันเป็นสัญชาตญาณของคนขับรถ ข้อสองเขาทิ้งระยะห่างจากผมเท่ากันตลอดเส้นทาง”
“แล้วมีข้อสามไหม”
“มีครับ”
สีหน้าอาฮวดตกใจเล็กน้อยและสงสัย ไทชี้ไปริมถนนข้างล่าง
“ข้อสาม เขาจอดรอดูเราอยู่ที่นั่น”
อาฮวดมองตามเห็นว่ารถของสายสืบของมังกรจอดอยู่ อาฮวดชื่นชมไท
“ดีมาก”
“คงตอบข้อสี่ให้ตัวเองได้นะ”
“ฉันพอจะรู้ว่าเป็นคนของใคร”
ไทยิ้มเล็กๆ และนิ่ง บุ๊นออกมาจากห้องโดยมีหมอพินิจออกมาส่ง
“ขอบใจมากนะพินิจ”
“ไม่เป็นไรเถ้าแก่ ผมขอตรวจอาการอย่างละเอียดอีกครั้งแล้วจะรีบดำเนินการทันที”
“เร็วหน่อยนะ คนบางคนเขาแทบรอไม่ไหวแล้ว” บุ๊นหัวเราะเบาๆ อาฮวดและไทเดินเข้ามา
“ไปก่อนนะ

หมอพินิจโค้งเคารพ บุ๊นเดินจากไปโดยมีไทกับอาฮวดประกบ

ทางด้านปลายฟ้าเมื่อมาถึงโต๊ะทำงาน อย่างแรกที่ทำก็คือชะโงกดูว่านันณภัสมาหรือยัง

ปรากฏว่านันณภัสยังไม่มาปลายฟ้าโล่งใจแล้วจัดทรงผมและเสื้อผ้าให้เป็นปกติ พร้อมดื่มน้ำแก้วใหญ่อย่างกระหาย

ไทเลี้ยวรถออกมาจากโรงพยาบาล สายสืบมังกรขับรถตามไป ไทขับรถรักษาระยะตามปกติ เขามองกระจกมองหลังเห็นรถสายสืบมังกรยังตามมาจึงบอกอาฮวด
“เขายังตามเราอยู่ครับ”
“มีอะไร ฮวด” บุ๊นถามอาฮวด
“มีคนตามเรามาตลอดทางเลยครับ”
บุ๊นยิ้ม ในใจนึกถึงมังกร
“ปล่อยเขา”
ไทยังขับรถรักษาระยะต่อไป

เรียวเดินมากับนันณภัสที่ห้องทำงานแล้วเห็นปลายฟ้านั่งทำงานอยู่เขาแปลกใจ
“มาเช้าดีนี่”
ปลายฟ้าวางฟอร์ม
“ฉันตรงเวลาเสมอค่ะ”
“เลขาใหม่ของฉัน” นันณภัสแนะนำ เรียวกับปลายฟ้าเคยเห็นกันมาก่อนแล้ว เรียวรู้สึกว่าปลายฟ้าชอบไท
“ยินดีครับ”
“ค่ะ”
“ฉันจะทำงานแล้วนายเรียว คุณปลายฟ้าเชิญในห้องหน่อย”
เรียวรอที่หน้าห้องตามปกติเหมือนทุกวัน ปลายฟ้าตามนันณภัสเข้าไปในห้อง นันณภัสมอบหมายงานปลายฟ้า

“เดี๋ยวเธอเอาเอกสารจากเมืองจีนทั้งหมดนี้แปลเป็นภาษาไทย แล้วส่งไปตามฝ่ายที่เกี่ยวข้อง บอกเขาว่าเป็นข้อมูลที่จะใช้ประชุมกับพวกคนจีน”
“ค่ะ”
ปลายฟ้ากำลังจะเดินออกไปนันณภัสเรียกเอาไว้
“เดี๋ยวสิ ฉันขอถามอะไรหน่อย”
“มีอะไรหรือคะ”
“ถ้าเธอเจอหัวหน้าเธออีก เธอจะบอกเขาว่ายังไง”
ปลายฟ้าไม่เข้าใจ ที่อยู่ดีๆ นันณภัสก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา
“เอ่อ คงไม่มีคำพูดหรอกค่ะ แค่ได้เจอกันก็ดีแล้ว”
ปลายฟ้ายิ้มอย่างสดใสก่อนจะเดินออกไป นันณภัสมองตามและจับความรู้สึกของปลายฟ้าได้ว่าเธอมีใจให้ไท

อีกด้านหนึ่งที่สระว่ายน้ำในสปอร์ตคลับ โอตี่นอนอาบแดดอยู่ริมสระห้อมล้อมด้วยผู้หญิง 2 คน ท่าทางเขากำลังสบาย เบ็ตตี้เดินเข้ามาท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์
“หน้าตาแบบนี้ท่าทางคงได้เรื่องแล้วสินะ”
“ได้ แต่คงต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม”
โอตี่ไล่เด็กๆ ออกไปแล้วตั้งใจคุยกับเบ็ตตี้
“นี่เล่นขอขึ้นค่าแรงกลางอากาศเลยหรือ”
“ไม่ใช่ค่าแรงแต่เป็นค่าใช้จ่าย”
“เจอตัวแล้วหรือ”
“เจอบ้าอะไร ยายคนที่นายให้ตามมันไปอยู่เมืองนอกตั้ง 10 กว่าปีที่แล้ว ไม่เคยกลับมาอีกเลย ถ้าอยากจะเก็บกวาดล่ะก็ฉันต้องมีค่าใช้จ่ายไปตามหาเธอที่อเมริกาซึ่งอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้”
โอตี่ทำหน้าฉงน
“อ้าว งั้นเหรอ”
“เอาไงต่อ”
“ยังไม่รู้เพราะไม่เข้าใจ”
“เรื่องอะไร”
“นังนั่นอยู่ไกลตั้งอเมริกา ทำไมลุงบุ๊นถึงแน่ใจว่ายังถือไพ่เหนือกว่า และก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่ได้ติดต่อกันหรือเปล่า เอ เราจะ รู้ได้ยังไงนะ ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก”
“ดักฟังโทรศัพท์” เบ็ตตี้เสนอความคิด โอตี่ยิ้มได้อย่างพอใจ
“ถูกต้องแล้วคร้าบ”
เบ็ตตี้สีหน้าเซ็งด้วยความปัญญาอ่อนของโอตี่

พีทยังนอนหลับอุตุอยู่ที่คอนโดเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นที่หัวนอน
“ใครโทรมาแต่เช้านะ โอย คนกำลังนอน
ที่โทรศัพท์เห็นโชว์ใบหน้าลิลลี่ และมีชื่อลิลลี่โชว์อยู่ด้วย พีทปล่อยให้ดังไป ทางโน้นโทรมาอีกจนพีทรำคาญ
“ได้ ได้ รับแล้ว รับแล้ว โธ่เว้ย” พีทคว้าโทรศัพท์มาดูเห็นว่าเป็นลิลลี่ สีหน้าสงสัยและแปลกใจ “ลิลลี่” พีทกดรับสาย “ว่าไงลิลลี่ จำได้สิ ก็ฉันยังไม่ได้ลบเบอร์เธอออกนี่ ได้ วันนี้ฉันว่าง เอ่อ ที่จริงสำหรับเธอฉันว่างเสมอ ได้ เจอกัน บาย”
พีทวางสายโทรศัพท์แล้วทำหน้างง
“ทำไมอยู่ดีๆ ถึงอยากเจอวะ ไม่เห็นเสียหายนี่หว่า”
พีทรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วนึกอะไรได้บางอย่าง

ฉัตรนั่งกินข้าวอยู่ร้านข้าวแกงข้างถนน คู่หูเดินเข้ามาแล้วสั่งข้าวแบบฉัตรบ้าง
“ป้า เอาแบบนี้จานนึง”
“วันนี้ข้าไม่เลี้ยงนะโว้ย” ฉัตรรีบบอก
“อ้าว ไม่เลี้ยงแล้วผมจะทำยังไง”

“เงินเดือนไปไหนหมดวะ”

“เลี้ยงหญิง”

“ถุย เอ็งนี่มัน เฮ้อ เลี้ยงก็ได้ถ้าได้ข่าวดีๆ มา”
คู่หูยิ้ม แล้วรายงาน
“รู้ชื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เข้าไปพัวพันคดีที่ดินที่ปากช่องแล้ว” ฉัตรหูผึ่ง
“ใคร”
“เทอด ธัญธรณี ป่าไม้อำเภอในสมัยนั้น”
ฉัตรรู้สึกคุ้นนามสกุล
“ธัญธรณี นามสกุลนี่คุ้นๆ แล้วนายเทอด ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“ไปเกิดใหม่แล้วมั้ง”
“อ้าว” คู่หูอธิบายต่อ
“ถูกลอบยิงที่บ้านพัก เมื่อ 14 ปีก่อน เข้าใจว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องนี้”
ฉัตรเข้าใจสีหน้าครุ่นคิดว่าเคยได้ยินนามสกุลนี้ที่ไหน
“ข้าคุ้นๆ นามสกุลนี้ว่ะ เหมือนกับเคยเห็นที่ไหน”

ขณะนั้นเบ็ตตี้จอดรถอยู่ที่หน้าบริษัทบุ๊น แล้วใช้โน้ตบุ๊คพยายามแฮ็กเขาสู่ระบบดาวเทียมเพื่อดักฟังโทรศัพท์บุ๊น เบ็ตตี้ยกโทรศัพท์ที่พ่วงกับโน้ตบุ๊คโทรหาบุ๊น
โทรศัพท์มือถือบุ๊นวางอยู่บนโต๊ะ เสียงดังขึ้น บุ๊นนั่งอยู่ที่โต๊ะกำลังจดจ่อกับงานจึงเพยิดหน้าให้อาฮวดรับสาย
“โทรศัพท์ท่านประธานครับ” อาฮวดรับสายแต่อีกฝ่ายเงียบ “ฮัลโหล”
เบ็ตตี้กำลังแฮ็กข้อมูลและสำเร็จในเวลาอันรวดเร็วแล้วพูดไปที่สาย
“ขอโทษ โทรผิด”
เบ็ตตี้วางสายหลังจากดักฟังสำเร็จ บุ๊นหันมาถามอาฮวด
“ใครหรือ”
“โทรผิดครับ”
บุ๊นมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อยแต่ยังไม่เฉลียวใจ

พีทมาที่ร้านสปาหรูแห่งหนึ่ง พอเดินเข้ามาในร้านพีทก็มองหาลิลลี่ ลิลลี่นั่งดื่มเครื่องดื่มอยู่ที่มุมเครื่องดื่มพอเห็นพีทเธอจึงยกมือเรียก
“พีท ทางนี้”
พีทเดินเข้าไปหา และจะหอมแก้มปต้ลิลลี่เอาแก้วเครื่องดื่มรับเอาไว้พีทเลยหอมแก้วเครื่องดื่มแทน
“อุ๊ย”
“ห้ามทำอะไรลุ่มล่ามกับฉัน”
พีทยักไหล่แล้วนั่งลง เขารู้สึกแปลกใจที่อยู่ดีๆ ลิลลี่นัดเขามาหา
“ทำไมอยู่ดีๆ เกิดอยากพบฉันขึ้นมา”
“ก็จะได้รู้ไงว่านายยังไม่ได้ลบเบอร์ฉันออก”
“มีอะไรก็ว่ามา ฉันมีงานต้องทำ” ลิลลี่หัวเราะ
“เธอมีงานทำด้วยหรือ หรือว่าไอ้การเที่ยวหาเรื่องใส่ตัว เที่ยวจีบหญิงไม่เลือกหน้า เธอเรียกว่างานของเธอ”
พีทไม่ค่อยพอใจ
“นี่ นึกว่าเป็นแฟนเก่าฉันแล้วจะมาทำอย่างนี้ได้หรือ ฉันไม่ได้มาให้เธอมานั่งด่านะ”
“ก็ได้ ฉันขอโทษ”
พีทรู้สึกงงที่ลิลลี่ยอมง่ายๆ แต่เขาก็รู้สึกดีขึ้น
“อืม อย่างนี้ค่อยน่านั่งคุยด้วยหน่อย ว่าธุระของเธอมา”
“ก็แค่อยากรีเทิร์น” พีทแทบไม่เชื่อหู
“นี่เธอทำสปาจนเพี้ยนหรือเปล่าเนี่ย เธอเป็นคนทิ้งฉันไป แล้วอยู่ดีๆ ก็อยากกลับมาคบกันใหม่ ฉันไม่ใช่ดอกไม้ริมทางนะ”
“ไม่อยากคบก็ไม่เป็นไร ท่าทางเธอมีคนอื่นอยู่นี่”
“แน่นอน ผู้หญิงของฉันมีเยอะแยะ” ลิลลี่มองหน้าพีทและคิดว่าพีทจะปฏิเสธ “แต่ตอนนี้ไม่เหลือใครเลย คบกับเธอสักพักคงไม่เป็นไรมั้ง”
ลิลลี่ยิ้มออกมา

โอตี่มาหามังกรที่บ้าน สองพ่อลูกพูดคุยกันระยะหนึ่งแล้ว
“ที่จริงเราก็น่าจะเปิดเกมกับลุงบุ๊นไปเลย”
มังกรยังมีสีหน้าครุ่นคิดไม่มั่นใจ
“แกก็รู้ว่าพี่ใหญ่ยังถือแต้มเหนือกว่าฉัน”
“เรื่องลูกสาวนายมนัสนั่นหรือ”
“ใช่ ฉันต้องแน่ใจว่ามันจะไม่มีอะไรปูดขึ้นมาทำให้ฉันต้องลำบากใจอีก”
“แด๊ดคงไม่เคยเล่นไพ่โป๊กเกอร์สินะ”
“ทำไม มันเกี่ยวอะไรด้วย หรือว่าแกอยากจะเล่นหรือจะให้ชวนพี่ใหญ่เล่นไพ่” โอตี่ถึงกับเซ็ง
“ไอหมายถึงการลักไก่ หรือเกทับ ไอว่าลุงบุ๊นกำลังลักไก่เราหรือไม่ก็ทำให้เราสับสน”
“แกรู้ได้ยังไง”
“ลูกสาวนายมนัสที่ว่าน่ะ อยู่เมืองนอกและไม่เคยส่งข่าวหรือติดต่อกับลุงบุ๊นเลย”
“จริงหรือ”
โอตี่ยักไหล่ยียวน อาเพียวมีท่าทางสนใจขึ้นมาทันที
“แล้วพี่ใหญ่เอาอะไรมาต่อรองกับฉัน คนอย่างพี่ใหญ่ไม่เคยเอาอากาศมาต่อรองมันต้องเป็นเรื่องจริง และเรื่องที่เขามั่นใจ เขาจึงแบไพ่”
โอตี่คาดเดาอะไรบางอย่างในใจ
“เรื่องนี้กำลังติดตามอยู่ บางทีบ้านพักตากอากาศหลังนั้นอาจจะเป็นไพ่ใบนั้นก็ได้”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็เตรียมเกณฑ์ทหารได้เลย แกรีบจัดการให้รู้เรื่องเร็วๆ ก็แล้วกัน”
“แล้วถ่านไฟเก่าของเราล่ะ”
“คงกำลังจุดไฟกันอยู่มั้ง”

โอตี่ยิ้มอย่างพอใจ

ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 10 (ต่อ)

ขณะนั้น พีทกับลิลลี่นอนก่ายกันอยู่บนเตียง มีผ้าห่มคลุม ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเพิ่งทำอะไรกันเสร็จ

“ตั้งแต่เลิกกับฉันไปเธอไม่มีใครเลยหรือ”
“ใช่...ตอนนี้เธอทำอะไรบ้าง เห็นเจ๊พัดบอกว่าเธอหันไปจับงานคอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือ”
“โอ๊ย แค่ธุรกิจเล็กๆ”
“แล้วทำไมไม่ขอลุงบุ๊น ดูแลกิจการที่มันใหญ่ๆ หน่อยล่ะ”
พีทมีสีหน้าแค้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“อย่างกับพ่อฉันจะยกอะไรให้ฉันง่ายนี่ เชอะ ถึงยกให้ฉันก็ไม่เอา คอยดูนะฉันจะสร้างตัวเองให้พ่อฉันถึงกับปากอ้าตาค้างเลย”
ลิลลี่นึกขันที่พีทพูดไปแบบไม่ได้คิดอะไร
“เธอจะไปทำอะไร ฉันไม่เคยเห็นเธอจับอะไรจริงจังเลย ถ้าเป็นแบบพี่ใหญ่ฉันก็ไปอย่าง ขานั้นทั้งฉลาดทั้งคล่องตัว”
พีทนิ่งนึกถึงโอตี่และเห็นว่าจริงอย่างที่ลิลลี่บอก พีทลุกขึ้นแต่งตัวแล้วบอกลิลลี่
“แต่งตัวได้แล้ว”
“เธอจะไปไหน”
“ฉันก็ไปทำงานของฉันน่ะสิ”
ลิลลี่มองพีทยิ้ม เธอยังไม่เข้าใจเขาเลย

บุ๊นเสร็จจากงานเอกสารบนโต๊ะจึงยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาพยาบาลที่ดูแลนายมนัส
“เรียบร้อยไหม”
“ค่ะท่าน ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ อาการไม่มีอะไรผิดปกติ ค่ะ ค่ะ”
พยาบาลวางสาย
เบ็ตตี้ดักฟังโทรศัพท์อยู่ที่หน้าบริษัทบุ๊น หล่อนได้ยินการสนทนาทั้งหมดแล้วคิดตาม
“อาการ ใครป่วย หรือว่าในนั้นมีคนป่วย”

เย็นวันนั้นเมื่อเสร็จงาน นันณภัสเดินออกมาหน้าบริษัทโดยมีปลายฟ้าเดินถือของตามมาให้
“ฉันจะกลับเลยนะ งานที่สั่งไว้ขอเป็นพรุ่งนี้เช้าก่อนประชุมนะ”
“ค่ะ”
เรียวขับรถมาเทียบแล้วรับนันณภัสออกไป ปลายฟ้ามองตามแล้วกลับเข้าไป
“เดินคอตั้งอย่างนั้นทั้งวันไม่เมื่อยหรือ คนรวยนี่วางตัวยากจริงๆ” ปลายฟ้ามีท่าทางร่าเริงไม่มีน้อยใจ “เราก็กลับบ้านบ้างสิ”

ระหว่างนั่งรถกลับบ้านนันณภัสเอาแต่นั่งเงียบ เรียวมองนันณภัสผ่านกระจกหลังแล้วทำลายความเงียบขึ้นมา
“ท่าทางเด็กคนนั้นยังไม่รู้ว่าหัวหน้าเขาทำงานที่นี่”
“มันไม่ใช่หน้าที่ฉันที่จะต้องแจ้งเขารู้ใช่ไหม”
“ครับ แต่วันหนึ่งเขาก็ต้องเจอกัน”
“มันเป็นเรื่องของวันหนึ่ง ไม่ใช่วันนี้” นันณภัสบอกแล้วคิดอะไรได้บางอย่าง “นายว่าฉันสมควรจะไปหาไทเขาที่ๆ พักไหม” เรียวรู้สึกสะอึก
“ผมมีความเห็นครับ แต่ถ้าท่านประธานรู้เข้า มันจะไม่ดีทั้งสองฝ่าย”
“นั่นแหละ เขาเรียกว่าความเห็น กลับบ้านเลยแล้วกัน”

เรียวไม่ค่อยสบายใจ เมื่อเห็นคนที่เขารักเป็นแบบนี้

ไทขับรถมาส่งบุ๊นที่บ้าน บุ๊นลงจากรถ ไทกับอาฮวดถือของเดินตามเมื่อถึงประตูบ้าน บุ๊นก็สั่งทั้งคู่

“วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว”
บุ๊นพยักหน้าเชิงอนุญาต แล้วเดินเข้าบ้านไป อาฮวดถามไท
“มีอะไรทำอีกหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ”
“งั้นไปด้วยกันหน่อยสิ”
ไทมองอาฮวดสีหน้าสงสัย อาฮวดมองไทด้วยสายตาเอื้ออารี

พีทเดินออกมาจากสำนักงานที่ท่าเรือเพื่อมาที่รถกำลังจะกลับบ้านผู้จัดการถือข้าวของมาส่ง พีทมีสีหน้าค่อนข้างหนักใจ
“กำชับ รปภ.ให้ตรวจตราให้เรียบร้อยด้วยนะ เปลี่ยนจากเดินยามทุกชั่วโมงเป็นครึ่งชั่วโมง มีอะไรผิดสังเกต โทรรายงานฉันได้ตลอด”
ผู้จัดการรับรู้สีหน้าจริงจัง
“ครับ คุณพีท”
พีทกำลังจะก้าวขึ้นรถ สายตาพลันไปสะดุดกับแสงไฟที่กำลังเปิดพึ่บพั่บห่างออกไป
“นั่นมัน ที่เก็บตู้ของไอ้โอตี่นี่ มันเปิดไฟทำไมกัน”
“เห็นว่าคืนนี้มีของจะมาลงครับ”
พีทมีสีหน้าครุ่นคิด
“มีของมาลงหรือ อืม”
พีทขึ้นรถขับออกไป

อีกด้านที่บ้านบุ๊น นันณภัสกำลังยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินอยู่ที่ระเบียงบ้านและคิดถึงช่วงเวลาที่ได้รู้จักกับไท บุ๊นเดินมาข้างหลังอย่างเงียบๆ
“คิดอะไรอยู่หรือลูก”
“คุณพ่อ”
“มีอะไรหรือเปล่า”
นันณภัสมองพ่ออย่างชั่งใจก่อนจะถามออกมาว่า
“ถ้าเราจะรักใครสักคน มันจำเป็นต้องมีเรื่องฐานะเข้ามาเกี่ยวด้วยหรือคะ”
บุ๊นเดาได้ทันทีว่านันณภัสกำลังกลุ้มใจเรื่องความรัก
“ไม่หรอก ความรักมันเป็นเรื่องของจิตใจ ฐานะเป็นเรื่องของวัตถุ”
“นั่นสินะ พัดก็คิดแบบนั้น”
“ใครคือผู้ชายที่โชคดีคนนั้นล่ะ”
นันณภัสยังไม่กล้าบอกจึงตัดบท
“ไม่มีหรอกค่ะ ผู้ชายคนนั้นไม่รู้ว่าป่านนี้เกิดหรือยังพัดไม่มีเวลาไปมองใครหรอก คุณพ่อก็รู้ วันๆ มีแต่งานเต็มไปหมด”
นันณภัสฝืนยิ้มเพื่อปกปิดความรู้สึก แต่บุ๊นรู้ว่านันณภัสกำลังเศร้าเรื่องความรัก
“เข้าไปในบ้านเถอะค่ะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว”
นันณภัสกับบุ๊นเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน

ทางด้านปลายฟ้า เมื่อกลับถึงบ้านพักเธอทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน
“เฮ้อ เหนื่อยจังเลย” ปลายฟ้ามองไปที่เชลโล่ที่ตั้งไว้ข้างห้อง แล้วหยอกล้อกับเชลโล่ “ว่าไง ไม่ต้องมามองเลย วันนี้ฉันเหนื่อยคงซ้อมแกไม่ไหวหรอก”

คืนนั้นไทกับอาฮวดมานั่งกินเบียร์อยู่ที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง
“นึกยังไงถึงชวนผมมาดื่ม”
“ว่าง ไม่มีอะไรทำมั้ง”
“คนอย่างลุงมีว่างด้วยหรือ”
อาฮวดยิ้มแล้วรินเบียร์ให้ไท
“มีสิ คนโสดอย่างฉันอย่างนายมันมีเวลาว่างเยอะ”
“ลุงไม่มีครอบครัวหรือ”
“เคยมี แล้วนายล่ะ”
“ยังไม่คิดจะมี”
อาฮวดเข้าใจจึงยิงคำถามอย่างที่สังเกตเห็นมา
“ท่าทางคุณพัดจะสนใจนาย เคยรู้จักกันมาก่อนหรือ”
“เคย แต่ก็แค่คนรู้จัก ไม่ได้มีอะไรพิเศษ”
“แต่ฉันรู้สึกว่าคุณพัดไม่ได้คิดแบบนายน่ะสิ”
“คนเรามีสิทธิ์คิด”
ขณะนั้นฉัตรขับรถผ่านร้านข้าวต้มโต้รุ่ง ฉัตรเห็นไทนั่งกินเบียร์กับอาฮวด
“ไอ้ไท”
“ผมขอไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยว”

ไทบอกกับอาฮวดแล้วลุกออกไป อาฮวดมองตามด้วยสีหน้าพอใจในคำตอบของไท

ขณะที่ไทเดินมาเข้าห้องน้ำหลังร้าน ฉัตรเดินเข้ามาข้างหลังไทแล้วแสดงการจับกุม พร้อมกับดัดเสียง

“หยุด นี่ตำรวจ นิ่งไว้ หันหน้าเข้ากำแพง เอามือยันกำแพงไว้”
ไททำตาม ฉัตรทำเป็นค้นตัว
“จับผมข้อหาอะไร”
ฉัตรยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงปกติ
“ข้อหาเอ็งไม่สนใจเพื่อนพ้องน้องพี่น่ะสิ”
ไทหันมามองเห็นเป็นฉัตร
“น้าฉัตร มาได้ยังไงเนี่ย”
“ข้าก็ปวดฉี่เป็นเหมือนกันนี่ ข้ามีเรื่องคุยกับเอ็งเยอะแยะเลย”
“วันนี้ผมไม่ว่าง” ไทบอกแล้วจะเดินออกไป ฉัตรรั้งเอาไว้
“เดี๋ยว ข้าอยากจะถามเอ็งว่า เอ็งคุ้นๆ คนนามสกุล ธัญธรณี บ้างไหม”
ไทหยุดกึกแล้วหันมามองฉัตรงงๆ
“นี่น้าจำไม่ได้หรือ” ฉัตรส่ายหน้า “ก็ผมนี่ไง ไท ธัญธรณี น้าเห็นบัตรที่ติดหน้าอกผมทุกวันตอนที่ผมอยู่สวนสัตว์น่ะ”
“เออ จริงด้วยมันนามสกุลเอ็งนี่หว่า”
“นึกออกก็ดีแล้ว ฉันขอตัวก่อน”
ฉัตรถามคำถามสุดท้ายขณะไทเดินไปสองก้าวแล้ว
“แล้วคนที่ชื่อ เทอด ธัญธรณี ล่ะ เอ็งพอรู้จักไหม”
ไทหันขวับหาฉัตรทันทีสีหน้าเข้มขึ้น
“ทำไมหรือ คนชื่อเทอด มีอะไรหรือ”
ไทรุกไล่ถามฉัตร ฉัตรบอกให้ใจเย็น
“ใจเย็น เรื่องมันยาวและซับซ้อน เอาไว้พรุ่งนี้เอ็งว่างแล้วบอกข้า แล้วไปเจอกันที่เดิมอย่าลืมถือเบียร์ไปด้วยล่ะ”

ลิลลี่กลับเข้าบ้านมาแล้วเจอมังกรนั่งดูทีวีอยู่ มังกรปิดทีวีแล้วทักทายลิลลี่
“ไปไหนมาล่ะลูก กลับซะค่ำเชียว”
“ก็ป๊าให้ลูกไปทำอะไรล่ะคะ” ลิลลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“นี่แสดงว่า”
“เรากลับมาคบกันใหม่ค่ะ” มังกรมีท่าทางดีใจ
“ขอบใจมากนะลูก สมเป็นลูกพ่อจริงๆ เราจะได้ลืมตาอ้าปากซะที”
“ไม่เป็นไรค่ะป๊า”
มังกรกอดลูกสาวแววตาเจ้าเล่ห์

พีทขับรถออกจากสำนักงานท่าเรือมาที่ตู้คอนเทนเนอร์เก็บของของโอตี่ พีทลอบเข้ามาบริเวณที่โอตี่ขนของ จึงเห็นคนของโอตี่กำลังขนของกันอยู่ พีทหยิบกล้องถ่ายวีดีโอขนาดเล็กมาถ่ายเอาไว้ โอตี่และทุกคนทำงานกันโดยไม่รู้ว่าพีทแอบถ่ายอยู่
“คราวนี้แกเสร็จฉันล่ะ”
พีทดึงเมมเมอร์รี่การ์ดออกมาเก็บเอาไว้

ที่ร้านบาร์เบียร์ข้างถนน เรียวนั่งดื่มเบียร์แล้วคิดเรื่องนันณภัส สักพักมีหญิงบริการมานั่งข้างๆ เธอยิ้มให้เขาแบบหาลูกค้า
“คอยใครอยู่หรือคะ”
“เปล่า ผมไม่ได้คอยใคร” เรียวบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แต่ฉันคอย แล้วคิดว่าเจอแล้วด้วย”
หญิงบริการทำสายตายั่วยวน เรียวจึงตัดบท
“ขอโทษนะครับ ผมต้องไปแล้ว”

เรียววางเงินไว้บนโต๊ะแล้วเดินจากมา หญิงบริการมองตามไม่ค่อยพอใจแล้วลุกไปโต๊ะอื่น

ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 10 (ต่อ)

อาฮวดกับไทยังนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่งจนเด็กของร้านเริ่มเก็บโต๊ะ อาฮวดจึงสอบถามเจ้าของร้าน

“จะปิดร้านแล้วหรือ”
“ครับ”
“ทำไมปิดเร็วจัง” ไทยกนาฬิกาดู
“นี่ตีสองแล้วนะลุง ไปกลับบ้านกันเถอะ”
อาฮวดพยักหน้ารับแล้วบอกเจ้าของร้าน
“เก็บตังค์”

เมื่อแยกจากอาฮวด ไทบิดมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ไทเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วต้องตกใจเมื่อพบเรียวนั่งอยู่ที่โซฟาในห้อง
“นายเข้ามาได้ยังไง”
“เปิดประตูเข้ามา” เรียวตอบแบบเรียบๆ ไทมองกุญแจในมือ ไม่สนใจแล้วแสดงความไม่พอใจเล็กๆ
“มันไม่เกินไปหน่อยรึ คุณเรียว”
“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคุณพัด”
“มีอะไรก็ว่ามา”
เรียวลุกเดินมาหาไท แล้วยื่นซองใส่รูปภาพที่นันณภัสถ่ายกับไทเมื่อคราวพบกันครั้งแรก ไทรับมาดูพลางส่งคืนให้เรียว
“คุณพัดฝากมาให้นาย มันอาจจะเตือนความจำนายได้บ้าง” เรียวบอก
“เอากลับไปคืนคุณพัดเถอะ”
“ดูท่าทางนายไม่สนใจคุณพัดเลยนะ”
“คุณพัดใช้นายมาแค่นี้หรือ”
“เปล่า ฉันมาเอง”
ไทสีหน้านิ่งพยายามจะตัดบท
“งั้นก็กลับไปซะ อย่ามาเกะกะฉัน”
เรียวรู้สึกโมโหแทนนันณภัสเขาเข้าไปกระชากคอเสื้อไท
“นายก็รู้ว่าคุณพัดคิดยังไงกับนาย” ไทไม่ใส่ใจแล้วปัดมือของเรียวออก
“ฉันว่านายก็รู้ว่าฉันคิดยังไงกับคุณพัด”
เรียวบันดาลโทสะจึงชกไทไปทีหนึ่ง ไทหลบทันด้วยเชิงที่สูงกว่า ทั้งคู่จ้องหน้ากันจากนั้นเรียวก็เปิดฉากรุกก่อนทั้งคู่ต่อสู้กันจนกลิ้งออกมาที่ชายหาด การต่อสู้จบลง ไม่มีใครแพ้ใครชนะ แต่ไทกลิ้งมาอยู่ตรงเท้าใครบางคนไทเงยหน้าขึ้นมองจึงพบว่าเป็นปลายฟ้า ปลายฟ้าทั้งแปลกใจทั้งดีใจที่เห็นไท
“หัวหน้า คุณเรียว”
เรียวลุกขึ้นมองปลายฟ้าแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร ไทมองปลายฟ้าแววตาดีใจแต่นิ่ง
“เจอกันจนได้นะยายบ๊องส์”
ปลายฟ้ายิ้มอย่างดีใจ

ปลายฟ้ากับไทนั่งคุยกันอยู่หน้าบ้าน
“ทำไมหัวหน้าถึงไม่บอกลาสักคำล่ะ”
“ไม่รู้สิ บางทีฉันมีความรู้สึกเหมือนเราไม่ได้จากกัน”
“จริงด้วยรู้หรือเปล่าตอนที่ฉันถูกรถชนนะ ฉันยังรู้สึกเหมือนหัวหน้ามาเยี่ยมฉันเลยเอาเพลงมาให้ฉันฟังด้วย นี่ถ้าหนูเอม น้าแป๊ด น้าฉัตร รู้ว่าหัวหน้าอยู่นี่คงดีใจน่าดู”
“อย่าเพิ่งไปบอกพวกเขาได้ไหม”
“ทำไมล่ะ”
“เอาไว้ถึงเวลาฉันจะไปหาพวกเขาเอง”
“ได้ แล้วแต่หัวหน้า เออ หัวหน้าจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน”
ไทไม่ตอบแต่ถามกลับ
“แล้วเธอล่ะ”
“ก็คงแค่คนเก่าเขากลับมา ถ้าฉันโชคดีสอบได้ก็คงไปเรียนต่อที่ออสเตรีย บางทีเราอาจจะเจอกันที่นั่นอีกก็ได้”
“คงไม่เจอหรอก”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่มีพาสปอร์ต”
ปลายฟ้าเซ็ง ยิ้มในมุกตลกของไท
ทั้งคู่นั่งคุยกันจนถึงเช้า
“วันนี้พระอาทิตย์สวยจังเลย”
ปลายฟ้าบอกแล้วค่อยๆ เอียงศีรษะไปซบไหล่ไทอย่างอบอุ่น ไทหันมามองหน้าปลายฟ้าแล้วยิ้ม ไม่พูดอะไรปลายฟ้ายิ้มอย่างมีความสุขมองไปที่เส้นขอบฟ้า ก่อนจะหันมาบอกไท
“วันนี้วันหยุด เราไปขี่รถเล่นกันไหม”
“งานของฉันไม่มีวันหยุดหรอก”
“อ้าว”
ปลายฟ้ามีท่าทางผิดหวังนิดๆ แต่ก็ยังยิ้มออกมา
“เอาไว้ไปวันหลังก็ได้นี่ ยังมีเวลาอีกเยอะ”
ไทมองหน้าปลายฟ้าจริงจัง
“เออนี่ ขออะไรอย่างสิ”
“อะไรเหรอ”
“เลิกเรียกฉันว่าหัวหน้าสักทีเถอะ”
“ไม่ได้ ใครเป็นหัวหน้าฉันแล้วต้องเป็นตลอดไป จนกว่า...”
“จนกว่าอะไร”
“อืม ไม่มีอะไร ฉันไปชงกาแฟให้นะ”

ปลายฟ้าลุกเดินเข้าบ้าน ไทมองตามแล้วส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู

ต่อจากตอนที่แล้ว

ไทเดินมาหาบุ๊นที่กำลังนั่งอ่านหนังสือจิบชาอยู่ที่หน้าบ้านมุมทะเล ไทมายืนตรงหน้าพร้อมทำหน้าที่

“วันนี้มาสายนะ”
“ขอโทษครับ”
บุ๊นโบกไม้โบกมือไม่เอาความ
“ช่างเถอะ วันนี้ฉันไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว”
“ขอบคุณครับ”
ไทออกมายืนห่างๆ ดูแลความปลอดภัยให้บุ๊น สักพักลูกน้องอาฮวดก็เข้ามากระซิบกับบุ๊น บุ๊นพยักหน้าอนุญาต
“ให้เข้ามาสิ”
ลูกน้องเดินออกไป อาฮวดเดินเข้ามาพร้อมฉัตรและคู่หู ไทมีสีหน้านิ่งแต่นึกแปลกใจที่ฉัตรมาที่นี่
“มีอะไรให้ช่วยหรือครับ คุณตำรวจ นั่งก่อนสิ”
บุ๊นส่งสายตาให้ไทกับอาฮวดออกไป ไทมีท่าทางนอบน้อมต่อบุ๊น ฉัตรสังเกตเห็นแล้วนั่งลงตามที่บุ๊นเชื้อเชิญ
ไทออกไปจนลับตา ขณะที่อาฮวดอยู่ห่างออกไปท่าทางระวัง
“ว่ามาสิ” บุ๊นถามฉัตร
“ผมว่าคุณคงจำคนชื่อนายเทอด กับนายมนัสได้ ใช่ไหม”
บุ๊นมองหน้าฉัตรสายตานิ่ง ระวัง

ปลายฟ้าใช้เวลาในตอนกลางวันออกมาช็อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า เธอดูของไปเรื่อยๆ แล้วมาหยุดดูเนคไทลายสวยก่อนจะเดินตรงเข้าไปถามคนขาย
“เน็คไทนี่เส้นเท่าไหร่คะ”
“พันสองร้อยบาทค่ะ”
ปลายฟ้ากลืนน้ำลายเอื๊อก
“พันสอง อยู่ได้เป็นเดือนเลยนะเนี่ย” ปลายฟ้ารำพึงออกมาเบาๆ
“ลายนี้สวยนะมีเส้นเดียวด้วย ซื้อให้แฟนหรือคะ” ปลายฟ้าเขิน
“ไม่ใช่ค่ะ แค่เพื่อนน่ะค่ะ”
ปลายฟ้ามองที่เน็คไทแล้วตัดสินใจหนักเพราะมันแพง
“เอ่อ คือมันราคาสูงไปหน่อยน่ะค่ะ”
ปลายฟ้ายิ้มแห้งๆ

ไทเดินมาที่ๆ พักของพวกบอดี้การ์ดจึงเห็นเรียวนั่งอยู่ ไทมองหน้าเรียวอย่างมีไมตรีก่อนจะเดินมายืนอยู่มุมหนึ่ง สักพักเรียวเดินเข้ามาหา
“นายคงไม่ถือสาใช่ไหมที่ฉันทำอะไรโง่ๆ ไปเมื่อคืน”
“มันไม่ใช่เรื่องที่น่าจำ มันก็แค่ทดสอบฝีมือ ใช่ไหม
เรียวยิ้มให้ไทอย่างมีไมตรีเป็นครั้งแรก เขารับรู้ถึงความเป็นลูกผู้ชายของไท ไทยิ้มตอบทั้งคู่ไม่บาดหมางกันแล้ว

ฉัตรยังคงคุยอยู่กับบุ๊น คู่หูคอยจดรายละเอียด อาฮวดคุมอยู่ห่างๆ เหมือนเดิม
“สรุปว่าคุณไม่มีข้อมูลของนายเทอดและนายมนัสเลย แล้วก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมนายมนัสกับนายเทอด ถูกยิงตาย”
“ใช่ ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องอะไรจริงๆ เรื่องมันนานมาแล้ว คุณรื้อมันขึ้นมาทำไม”
“เปล่าหรอก แค่คิดว่าบางทีเรื่องที่พวกคุณทำกันขึ้นมามันอาจจะยังไม่จบก็ได้ ผมไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวก่อนก็แล้วกัน”
ฉัตรพูดเป็นปริศนาแล้วขอตัวกลับคู่หูเดินตามออกมา บุ๊นสีหน้าคิดแล้วเพยิดหน้าให้อาฮวดเดินไปส่ง พอดีกับลิลลี่เดินเข้ามาเธอตั้งใจมาหานันณภัส แล้วมาหาบุ๊นตามมรรยาท
“สวัสดีค่ะลุงบุ๊น”
“สวัสดี มาหาพัดหรือ”
“ค่ะ”
“ตามสบายนะ”
ลิลลี่ค้อมตัวเดินผ่านไปด้วยมรรยาท บุ๊นมองตาม อาฮวดเดินเข้ามา ลิลลี่เดินสวนไปแล้วทักอาฮวดอย่างนอบน้อม
“สวัสดีเจ๊กฮวด”
“สวัสดีครับคุณลิลลี่”
อาฮวดมองตามลิลลี่ด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“ลิลลี่เป็นคนไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอก ช่างเขาเถอะ ยายพัดจะได้มีเพื่อนคุย ช่วงนี้ดูท่าทางเศร้าๆ” บุ๊นบอกอาฮวดคำนับรับรู้ บุ๊นนั่งอ่านหนังสือต่อ

ไทกับเรียวสนทนากันแบบผู้ชาย
“นายรู้หรือเปล่าว่านายเป็นคนโชคดี”
“เหรอ ฉันไม่เคยรู้เลย”
“ฉันอยู่กับคุณพัดมานาน ไม่เคยเห็นเธอสนใจใครเลย”
“ฉันก็เคยรู้สึกสนใจคุณพัด แต่ฐานะเราต่างกันมาก มันเป็นไปไม่ได้ เพราะนี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่นิยายประเภทเจ้าหญิงกับยาจก”
ไทแสดงความจริงออกมา
“นายดูถูกตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า”
“ฉันไม่เคยดูถูกตัวเอง นายต่างหากที่ดูถูกตัวเอง” ไทมองตาเรียว “ทำไมนายไม่พูดกับคุณพัดว่านายคิดยังไงกับเธอล่ะ”
เรียวนิ่งยอมรับสิ่งที่ไทพูด
“ไม่รู้สิ ฉันคงคิดเหมือนนายมั้ง”
“คนเราต่างจิตต่างใจ จะมาคิดเหมือนกันมันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ฉันคือฉัน นายก็คือนาย”
ไทมองเห็นไกลๆ จึงเห็นว่าฉัตรไปแล้ว ไทจึงแยกจากเรียวกลับไปหาบุ๊นเพื่อทำหน้าที่เหมือนเดิมเรียวมองตามคิดตามคำพูดไท แล้วรำพึงออกมา
“ฉันอยากบอกตั้งนานแล้ว แต่มันคงยังไม่ถึงเวลา”

สีหน้าเรียวเศร้าหม่นและดูเป็นกังวลอย่างชัดเจน

ลิลลี่ทานขนมของว่างและจิบน้ำชาอยู่กับนันณภัส

“พอพระเอกรู้ความจริงก็เป็น Sad movis ซะงั้น ลิลลี่นึกอยู่แล้ว เพราะเห็นท่านายนี่น่าจะเป็นคนหยิ่ง ทรนงคนนึงเลย เสียใจด้วยนะเจ๊”
นันณภัสสีหน้าหม่นแต่มั่นใจ
“ใครบอก เรื่องมันยังไม่จบซะหน่อย”
ลิลลี่ทำหน้าฉงน
“เจ๊หมายถึงอะไร เจ๊ยังไม่จบหรือเขายังไม่จบ แต่ที่เล่ามาเขาก็เจอยายปลายฟ้าปลายฝนแล้วนี่”
“พี่ยังรู้สึกว่าเขายังชอบพี่อยู่ แต่...”
“ลิลลี่อยากให้เจ๊คิดดีๆ นะ เจ๊ห้ามหลอกตัวเอง มันจะไม่มีใครมีความสุขเลย”
นันณภัสนิ่งคิดตามคำพูดของลิลลี่
“ใช่สิ ใครจะมีความสุขเท่าเธอ”
“อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้กลับมาคบกับนายพีทแล้วด้วย เจ๊ว่าสุขยกกำลังสองไหมล่ะ”
นันณภัสมีสีหน้าแปลกใจ
“จริงหรือ”
“เจ๊ก็ลองถามเจ้าตัวเขาดูสิ”
ลิลลี่หัวเราะออกมาเบาๆ

ฉัตรนั่งรถออกมาจากบ้านบุ๊นโดยมีคู่หูเป็นคนขับ
“ไอ้ไทเอ๊ย เอ็งนี่มันไม่ไหวจริงๆ ไปก้มหัวให้คนอย่างนั้น” ฉัตรบ่น
“ก็มันงานเขานี่พี่ ทีพี่ยังก้มหัวให้สารวัตรเลย”
“มันไม่เหมือนกันโว้ย ข้าดูยังไงนายบุ๊นมันก็ยังไม่สะอาดอยู่ดี กลัวว่าไอ้ไทมันจะพลาดเข้าสักวัน”
“อย่างนั้นพี่ก็ยิ่งต้องรีบปิดคดีที่มันพัวพันกันอยู่”
“ปิดยังไง ยังไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรสักอย่าง ข้าอยากได้เอกสาร ภาพถ่าย หรืออะไรก็ได้ของนายบุ๊นมาดู เผื่อจะได้อะไรบ้าง”
“ก็ขอหมายศาลเข้าไปค้นสิ”
“จะบ้าหรือจะเอาเหตุผลอะไรไปขอวะ”
“งั้นก็ต้องให้นายไทเขาช่วย”
ฉัตรคิดตามคู่หู ในใจเห็นด้วย

โอตี่นั่งอาบแดดอยู่ที่สระว่ายน้ำมีสัญญาณดังว่ามีข้อความเข้า เขาเปิดอ่านดูจึงพบว่าเป็นคลิปที่พีทถ่ายตอนที่โอตี่ขนยาเสพติดเมื่อคืน สีหน้าโอตี่ฉายความแค้นออกมาทันที
“ไอ้หน้าปลาปักเป้าเอ๊ย” เสียงโทรศัพท์ของโอตี่ดังขึ้น เขารับสายและรู้ว่าเป็นพีท “กู๊ดมอร์นิ่ง คุณพีท”

พีทอยู่ที่คอนโด คุยโทรศัพท์กับโอตี่ด้วยท่าทางสบายใจน้ำเสียงยียวน
“สวัสดีครับ คุณชายโอ”
“หนังสนุกดีนี่ พระเอกก็หล่อ ไปถ่ายเมื่อไหร่ไม่เห็นบอกกันเลย”
“บอกก็ไม่หนุกน่ะสิ”
โอตี่มีสีหน้าแค้นแต่ยังพูดดีๆ
“ไม่ทราบว่าคุณพีท สร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม”
“ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว รายได้แกมันมากมายมหาศาล ก็เลยอยากจะขึ้นค่าเช่าที่”
โอตี่เข้าใจแล้วทำเป็นใจกว้าง
“โธ่ คิดว่าเรื่องอะไร เรื่องนี้ตกลงกันได้ ที่ไหนเมื่อไหร่ว่ามาเลย”
“ว่างแล้วจะโทรไปนัด ตอนนี้ดูหนังไปพลางๆ ก่อนนะ” พีทหัวเราะ แล้ววางสายด้วยสีหน้าสบายใจผิดกับโอตี่ที่วางสายแววตากร้าว
“สงสัยต้องจัดงานศพแล้วสิ วัดไหนดีน้า”

บุ๊นเดินเข้าบ้านแล้วตรงเข้าไปในห้องลับ อาฮวดเดินตามส่งแค่หน้าห้อง ไทยืนอยู่ห่างๆ ไม่ได้ใกล้ห้องนั้นอาฮวดเดินออกมาแล้วบอกไท
“วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว นายกลับได้”
ไทพยักหน้ารับคำแล้วหันหลังจะกลับ แล้วเจอนันณภัสที่ด้านนอก นันณภัสมองมาที่ไทแบบว่าอยากจะคุยด้วย ไทพยายามเลี่ยง
“ขอตัวนะครับ”
ไทเดินผ่านนันณภัสไปอย่างนอบน้อม นันณภัสมองตามในใจอึดอัด อาฮวดมองดูอยู่ในบ้าน เรียวมองนันณภัสอยู่ห่างๆ สีหน้าเห็นใจเธอ

เย็นวันนั้นเมื่อกลับจากทำงาน ปลายฟ้าเตรียมอาหารสดและกำลังจะปรุงอาหารอยู่ในครัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข
“คอยดูนะหัวหน้าจะต้องอึ้งในรสชาติ”

ฉัตรมานั่งตกปลาที่ท่าจอดเรือตามที่นัดกับไทเอาไว้ ไม่นานนักไทก็เดินเข้ามาในมือถือถุงมาด้วย ไทเดินมาถึงฉัตรแล้วทัก
“มานานแล้วหรือน้า”
“ตั้งแต่บ่าย นั่งสิ เอาของที่สั่งมาหรือเปล่า”
“เอามาสิ”
ไทยื่นถุงใส่ของที่ฉัตรคิดว่าเป็นเบียร์
“แหม กำลังคอแห้ง” แต่เมื่อฉัตรรับถุงไปเปิดจึงพบว่าของที่อยู่ในถุงเป็นนมกล่องยูเอสทีสามสี่กล่อง “เฮ้ย ไหงเป็นอย่างนี้ล่ะ ข้าบอกให้เอ็งหิ้วเบียร์มาไม่ใช่เหรอ”
ไททำท่าตกใจ
“อ้าว สงสัยคนขายหยิบให้ผิดน่ะ กินๆ ไปก่อนก็แล้วกัน”
“เอ็งเอาเถอะ ข้าอดนมมาจะ 50 ปีแล้ว”
ไทยิ้มแล้วเอานมมาแกะดื่ม
“น้าถามถึงคนที่ชื่อ เทอด ธัญธรณีทำไม”
“เรื่องมันยาวและพัวพันกันยุ่งไปหมดเอ็งคงไม่รู้เรื่องอะไรหรอก แค่บอกมาว่าคนที่ชื่อเทอดเป็นอะไรกับเอ็งถึงได้นามสกุลเดียวกัน”
ไทแววตาเข้มและนึกถึงความทรงจำครั้งหลังเมื่อพูดถึงพ่อ
“เขาเป็นพ่อผม”
ฉัตรถึงกับสำลัก

บุ๊นยังอยู่ที่ห้องลับ เขาเดินใช้ความคิดไปมา จังหวะหนึ่งบุ๊นนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานสีหน้าครุ่นคิด ซึ่งบนโต๊ะทำงานมีกรอบรูปถ่ายสมัยล่าสัตว์ตั้งอยู่ ภายในรูปมีภาพ บุ๊น มังกร นายมนัส

และสุดท้ายเป็นภาพ เทอด ธัญธรณี พ่อของไท!

ติดตาม "ดุจตะวันดั่งภูผา" ตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น