ประธานาธิบดียาค็อบ ซูมา แห่งแอฟริกาใต้ สั่งให้มีการสอบสวนคดีตำรวจสังหารคนงานเหมือง 34 คน ที่ชุมนุมขอขึ้นค่าแรงในเมืองมารีกานา ซึ่งนับเป็นเหตุนองเลือดรุนแรงที่สุดโดยฝีมือของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง นับตั้งแต่แอฟริกาใต้สิ้นสุดยุคแบ่งแยกสีผิว
ประธานาธิบดีซูมา ได้กล่าวแสดงความเสียใจไปยังคนงานเหมือง ครอบครัวของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิต และขอให้ผู้คนทั้งประเทศร่วมกันไว้อาลัย
ผู้นำแอฟริกาใต้ กล่าวว่า จะต้องมีการสอบสวนความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้ได้ทราบสาเหตุที่แท้จริง และเป็นบทเรียน และว่า ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษใคร
เหตุการณ์สังหารหมู่ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยตำรวจปราบจลาจล 3,000 นาย พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ และม้า ได้เผชิญหน้ากับคนงานเหมืองหลายพันคน ที่ชุมนุมประท้วงขอขึ้นค่าแรง 3 เท่า โดยการชุมนุมเริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม และปะทุจนกลายเป็นเหตุนองเลือด เมื่อผู้ประท้วงพยายาวิ่งเข้าหาตำรวจ ซึ่งช่วงแรกตำรวจได้ใช้วิธีฉีดน้ำแรงดันสูง แก๊สน้ำตา และระเบิดเสียง เพื่อสลายการชุมนุม ต่อมาจึงได้ยินเสียงปืนซึ่งกินเวลานานกว่า 2 นาที ซึ่งตำรวจอ้างว่า มีหลักฐานชี้ว่าผู้ประท้วงบางคนใช้เวทมนตร์คาถาที่เรียกว่า บูตู ซึ่งเป็นยาสั่งที่ทานแล้วจะทำให้จิตใจฮึกเหิมจนกล้าก่อเหตุรุนแรงขึ้น
ประธานาธิบดีซูมา ได้กล่าวแสดงความเสียใจไปยังคนงานเหมือง ครอบครัวของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิต และขอให้ผู้คนทั้งประเทศร่วมกันไว้อาลัย
ผู้นำแอฟริกาใต้ กล่าวว่า จะต้องมีการสอบสวนความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้ได้ทราบสาเหตุที่แท้จริง และเป็นบทเรียน และว่า ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษใคร
เหตุการณ์สังหารหมู่ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยตำรวจปราบจลาจล 3,000 นาย พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ และม้า ได้เผชิญหน้ากับคนงานเหมืองหลายพันคน ที่ชุมนุมประท้วงขอขึ้นค่าแรง 3 เท่า โดยการชุมนุมเริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม และปะทุจนกลายเป็นเหตุนองเลือด เมื่อผู้ประท้วงพยายาวิ่งเข้าหาตำรวจ ซึ่งช่วงแรกตำรวจได้ใช้วิธีฉีดน้ำแรงดันสูง แก๊สน้ำตา และระเบิดเสียง เพื่อสลายการชุมนุม ต่อมาจึงได้ยินเสียงปืนซึ่งกินเวลานานกว่า 2 นาที ซึ่งตำรวจอ้างว่า มีหลักฐานชี้ว่าผู้ประท้วงบางคนใช้เวทมนตร์คาถาที่เรียกว่า บูตู ซึ่งเป็นยาสั่งที่ทานแล้วจะทำให้จิตใจฮึกเหิมจนกล้าก่อเหตุรุนแรงขึ้น