ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 11
นงลักษณ์มองหน้าเอมิกาด้วยความไม่เข้าใจ
“แกยังไม่ได้อธิบายให้คุณตั้มฟัง?!! ทำไมล่ะ” นงลักษณ์ถาม
“ฉันมีเรื่องจำเป็นต้องรีบทำ!” เอมิกาบอก
“เรื่องไร?”
“เรื่องจับโจรปล้นบ้านคุณชื่น!!”
“อย่าหาเหาใส่หัวอีกได้มั๊ยไอ้เอม นี่มันเป็นหน้าที่ของตำรวจ”
“แกอย่ามาห้ามฉันเลยนง ตอนฉันเป็นคนใช้บ้านคุณชื่น พวกคุณๆทั้งหลายดีกับฉันมาก เพราะฉะนั้นฉันต้องตอบแทนบุญคุณ”
“มีวิธีตอบแทนบุญคุณตั้งหลายวิธี ทำไมต้องเลือกวิธีนี้”
“ฉันไม่ทำอะไรที่มันเป็นอันตรายหรอกน่า แกไม่ต้องห่วง” เอมิกาบอก นงลักษณ์พูดไม่ออก “งานนี้ฉันจะให้พี่นากช่วย แกห้ามบอกให้ดร. ป่อง และใครต่อใครรู้เด็ดขาด นี่เป็นความลับ เข้าใจใหม?!”
นงลักษณ์ได้แต่ถอนหายใจ เธอไม่เห็นด้วยกับเอมิกาแต่พูดไม่ออก ส่วนเอมิกามีสีหน้ามุ่งมั่นสุดๆ
บรรจงเดินถือผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ นากโผล่หน้าออกมามองตาม พอเห็นบรรจงเข้าไปในห้องน้ำก็รีบจะเข้าไปในห้องบรรจงแต่ประตูล็อค นากตาโต
“ไปอาบน้ำแค่เนี้ย ทำไมต้องล็อคด้วยวะ”
นากพยายามดึงประตูแต่ก็ดึงไม่ออก จุ่นเดินมาเห็น
“ทำอะไร?!” จุ่นถาม
นากตกใจจึงแกล้งทำท่าออกกำลังกาย
“อ่า..กำลังออกกำลังกาย” นากบอก
“ฉันไม่ได้โง่ ฉันรู้ว่าแกกำลังทำอะไร” จุ่นว่า นากลุ้น “แกกำลังจะมาแอบดูน้องจงใช่มั๊ย!”
นากโล่งอกที่จุ่นเดาผิด
“ไอ้บ้า..!! แกจะไปไหนก็ไปเลยไป!” นากตะเพิด
“แกก็ไปสิ...” จุ่นสวน
“แกก็ไปก่อนสิ”
“ฉันไม่ไป”
“ฉันก็ไม่ไป!!”
จุ่นกับนากยืนจังก้ามองหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วทั้งสองคนก็พุ่งเข้าหากัน
“ย๊ากก!!!”
นากกับจุ่นบีบไหล่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งสองคนดันกันไปดันกันมา แล้วนากก็ออกแรงดันจุ่นเต็มที่จนหลังไปกระแทกประตูห้องบรรจงเปิดออกดังผัวะ นากดีใจมาก จุ่นหงายเงิบอยู่ในห้องด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“โอ๊ย!! ไอ้นาก!”
นากไม่สนใจ เธอมองหามือถือบรรจงแล้วก็เห็นมือถือของบรรจงวางอยู่บนเตียง นากดีใจรีบเข้าไปคว้ามือถือ แต่จุ่นที่กำลังโมโหลุกขึ้นคว้าขานากในจังหวะเดียวกับที่นากหยิบมือถือได้ทันพอดี จุ่นดึงจนนากล้มหงายหลังทับจุ่นในท่านอนหงาย มือจุ่นไปจับที่หน้าอกนากพอดี นากกับจุ่นตาเหลือก
“อ๊ายยยยย!!! // เวยยยยย!!”
จุ่นยังไม่ปล่อย บรรจงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาเห็นก็แทบช็อค
“เข้ามาทำบัดสีบัดเถลิงอะไรในห้องฉัน!!” บรรจงว่า
นากกับจุ่นตกใจ นากรีบผละออกจากจุ่นแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับรีบเอามือถือบรรจงซ่อนไว้ข้างหลัง แล้วก็ทำโวยวาย
“ฉันเห็นไอ้จุ่นมันจะเข้ามาขโมยชุดชั้นในของแก!” นากบอก
จุ่นเหวอ เขาหันไปส่ายหน้าบอกบรรจง บรรจงโมโห
“ไอ้พี่จุ่น ไอ้โรคจิต ไอ้ลามก!”
บรรจงเข้ามาอัดจุ่น นากอาศัยจังหวะนี้รีบย่องออกไปพลางถอนหายใจโล่งอก
นากรีบเอามือถือบรรจงออกมาแล้วกดหาเบอร์จนเจอชื่อ “มดแดง” นากดีใจมากรีบกดข้อความส่งออกไปทันที
บรรจงหามือถือของตัวเองในห้อง
“มือถือหายไปไหน? จำได้ว่าเอาไว้ในห้อง”
นากย่องออกมาจากด้านหลัง เธอมองไปที่บรรจงแล้วก็ทำทีเป็นเข้าห้องน้ำก่อนจะแกล้งทำเป็นร้องออกมา
“โอ๊ะ! มือถือใครล่ะเนี่ย”
บรรจงหันขวับมาเห็นนากหยิบมือถือเดินออกมาจากห้องน้ำ บรรจงหน้าตาตื่นรีบเข้ามาคว้าไปจากมือนากทันที
“ของฉันเอง!! พี่เจอมันที่ไหน” บรรจงถาม
“ห้องน้ำ” นากตอบ
บรรจงแปลกใจ “ฉันเอามันเข้าห้องน้ำไปด้วยเหรอเนี่ย?!”
บรรจงงงตัวเองสุดๆ แต่ก่อนที่เธอจะสงสัยมากไปกว่านี้ นากก็ชวนบรรจงคุย
“เออนี่นังจง..เมื่อกี๊มีวินมอเตอร์ไซด์มาหาแก” นากบอก บรรจงชะงัก “เค้าฝากให้ฉันเอานี่มาให้”
นากหยิบกระดาษโน๊ตออกมา บรรจงรีบรับมาแล้วเดินเข้าไปในห้องทันที นากยิ้มแล้วก็เอามือถือออกมากดโทรออก รอสายไม่นานนากก็พูดกับปลายสาย
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”
เอมิกาวางสายจากนากแล้วหันมาทางนงลักษณ์
“พี่นากทำทุกอย่างตามที่ฉันบอก ถ้าเป็นอย่างที่ฉันคิด คืนนี้บรรจงกับมดแดงจะออกมาเจอกัน” เอมิกาบอก
“เอม...ในเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามเกมส์ที่แกวางไว้แล้ว ทำไมแกไม่โทรบอกตำรวจให้จัดการต่อ” นงลักษณ์สงสัย
“เพราะว่าฉันไม่มีหลักฐาน แกคิดว่าตำรวจจะเชื่อที่ฉันพูดเหรอ นี่จะเป็นการพิสูจน์ว่ามดแดงกับบรรจงคือโจรที่ปล้นบ้านคุณชื่นรึเปล่า? ถ้าใช่ ฉันถึงจะบอกตำรวจ”
“งั้นคืนนี้ฉันจะไปกับแกด้วย”
“อย่าเลยนง ฉันไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะฉันอีก ฉันไปคนเดียวได้ แกไม่ต้องห่วง”
เอมิกาพูดอย่างมั่นใจมากแล้วก็เดินออกไป นงลักษณ์เครียด
เสียงมือถือวเรศดังขึ้น วเรศหยิบขึ้นมาแล้วกดรับสาย
“ฮัลโหล” วเรศฟังแล้วก็ชะงักไป “นงลักษณ์..มีอะไร?”
วเรศฟังแล้วก็ตกใจมาก
บรรจงเดินออกมาจากบ้านชื่นฤทัยแล้วหันไปมองรอบๆว่ามีคนเห็นหรือไม่ เมื่อไม่มีบรรจงก็รีบจ้ำเดินออกไปทันที เอมิกาโผล่ออกมาจากมุมมืด เธอเอาหมวกปิดหน้าปิดตาแล้วรีบสะกดรอยตามบรรจงไปติดๆ
เอมิกาสะกดรอยตามบรรจงมาตามทาง บรรจงหันไปมองรอบๆ ตลอดเวลา เอมิการีบหลบเข้าข้างทาง ทำให้บรรจงไม่เห็น บรรจงรีบเดินต่อไปจนเจอวินมอเตอร์ไซด์ขี่มา บรรจงรีบเรียก วินมอเตอร์ไซต์จอด บรรจงซ้อนท้ายแล้ววินมอเตอร์ไซต์ก็ขี่ออกไป เอมิกาออกมาจากที่ซ่อน
“เวรแล้วไง!! ขึ้นมอไซด์ไปแล้ว ทำไงดี?”
ทันใดนั้นก็มีรถแล่นมาจอดข้างๆ เอมิกา เอมิกาหันไปเห็นก็แปลกใจมาก
“คุณตั้ม!!”
วเรศลดกระจกลงมา “ขึ้นรถ” เอมิกายังเหวออยู่ วเรศเร่ง “เร็วเข้า!!”
เอมิกาคิดตามแล้วก็รีบขึ้นรถวเรศไป
วเรศขับรถออกไป
“รีบตามรถมอเตอร์ไซด์คันนั้นไปเร็วค่ะ” เอมิกาบอก
วเรศขับตามไปทันที เอมิกาหันมาทางวเรศ
“คุณรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่” เอมิกาถาม
“นงลักษณ์เค้าเป็นห่วงเธอมาก ก็เลยโทรบอกให้ฉันตามมา”
“ไอ้นงนะไอ้นง บอกแล้วไงว่าอย่าบอกใคร!”
วเรศสุดทน “เพื่อนเธอเค้าทำถูกแล้ว เธอต่างหากทำบ้าอะไรอยู่ เล่นเป็นคนใช้ยังไม่พอ แถมคราวที่แล้วตอนไปจับไอ้ตี๋ใหญ่ ยังไม่เข็ดอีกเหรอไง เกิดครั้งนี้เธอโชคร้าย โดนมันแทงตาย แล้วฉันจะทำยังไง”
วเรศอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป เอมิกาชะงักเพราะรู้สึกได้ว่าวเรศเป็นห่วงเธออย่างจริงใจ
“ฉันจะไปกับเธอ ถ้าจะเป็นอะไร ก็ให้เป็นด้วยกันเนี่ยแหละ” วเรศบอก
เอมิกาพูดไม่ออก
บรรจงลงจากวินมอเตอร์ไซด์ วินมอเตอร์ไซต์ขี่ออกไป บรรจงหันไปมองหามดแดง
“พี่มดแดง..พี่มดแดง”
ไม่นานมดแดงก็เดินออกมา บรรจงรีบเดินมาหา
บรรจงกับมดแดงพูดพร้อมกัน “พี่เรียกฉันออกมาทำไม! // เธอเรียกฉันออกมาทำไม!!”
ทั้งสองชะงัก
“พี่นั่นแหละเรียกฉันออกมา” บรรจงบอก
“เธอต่างหากที่ส่งเมสเสจให้ฉันออกมาหา” มดแดงว่า
บรรจงหยิบกระดาษโน๊ตออกมา “นี่ไงหลักฐาน..”
มดแดงหยิบมือถือออกมากดเปิด
“ฉันก็มีหลักฐานเหมือนกัน”
มดแดงกับบรรจงสลับกันดูด้วยความแปลกใจ
“ฉันไม่ได้ส่งข้อความหาพี่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเบอร์ฉันก็เถอะ”
“นี่ก็ไม่ใช่ลายมือพี่” มดแดงคิด “ต้องมีใครเล่นอะไรบ้าๆกับเราแน่ หรือว่า” มดแดงตกใจ “จะเป็นตำรวจ!!”
บรรจงตื่นตูม “ห๊ะ!! ไม่นะพี่ ฉันไม่ยอมโดนจับเด็ดขาด ฉันไม่อยากติดคุก”
“อย่าเพิ่งโวยวายเสียงดังได้มั๊ย!!” มดแดงว่า
“ฉันกลัวนี่ พี่เป็นคนปล้นบ้านคุณชื่น ไม่ใช่ฉันซักหน่อย”
“ทำไมแกจะไม่ใช่ แกเป็นสายให้ฉัน ก็เท่ากับว่าแกเป็นโจรด้วย”
บรรจงหน้าเสียมาก มดแดงหันไปมองรอบๆ
“เราจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เกิดตำรวจโผล่มาล่ะยุ่งแน่ รีบแยกย้ายกันไปได้แล้ว” มดแดงบอก
“ฉันไปด้วยสิ”
“จะบ้าเหรอไง ไปด้วยกันก็ตกเป้าสายตาตำรวจพอดี แกมาทางไหนก็ไปทางนั้น!”
มดแดงรีบเดินออกไป บรรจงหันไปมองรอบๆ ด้วยสีหน้าตื่นกลัวแล้วก็รีบเดินออกไป
เอมิกาที่แอบอยู่ถ่ายคลิปทั้งหมดเอาไว้ เอมิกากับวเรศหันมายิ้มให้กันที่ทุกอย่างสำเร็จตามแผน
วเรศจอดรถแล้วดับไฟหน้ารถก่อนจะลงมากับเอมิกา ทั้งสองมองเข้าไปในตรอกแคบๆ ที่กว้างพอที่รถมอเตอร์ไซด์หนึ่งคันจะแล่นเข้าไปได้เท่านั้น วเรศหันมาทางเอมิกา
“เธอไม่ต้องเข้าไป รอฉันตรงนี้” วเรศบอก
“ไม่..ฉันไปด้วย” เอมิกายืนยัน
“อย่าดื้อด้านนักได้มั๊ย!!”
“ฉันไม่ได้ดื้อ แต่ฉันจะปล่อยคุณไปคนเดียวได้ยังไง”
เอมิกาเผลอแสดงความเป็นห่วงจนวเรศรู้สึกได้
“ทำไมถึงปล่อยให้ผมไปคนเดียวไม่ได้?”
เอมิกาอึ้ง วเรศจ้องหน้าเอมิกาตาไม่กระพริบ เอมิกาทำเป็นโวยวาย
“เพราะฉันกลัวคุณทำเสียเรื่องน่ะสิ”
เอมิกาพูดจบก็เดินจ้ำเข้าไปทันที วเรศหันไปมองอย่างไม่พอใจ แล้วเขาก็รีบตามเอมิกาเข้าไป
วเรศเดินนำ เอมิกาเดินตามมา ทั้งสองคนย่องมาตามทางด้วยความระมัดระวัง แล้วเอมิกาก็สะดุดอารามตกใจเธอก็จะร้อง แต่วเรศหันมาเอามือปิดปากเอมิกาได้ทัน
“ชู่ว์..” วเรศส่งสัญญาณ เอมิกาชะงัก วเรศกระซิบ “ฉันว่าคนที่จะทำเสียเรื่องคือเธอต่างหาก”
เอมิกาไม่พอใจ เธอเอามือวเรศออก แล้วก็เหลือบไปเห็นบรรจงกับมดแดงกำลังคุยกัน วเรศหันไปมองตาม เอมิการีบเอามือถือออกมากดถ่ายคลิปเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ยินเสียง
“ไม่ได้ยินเลยว่าคุยอะไรกัน ต้องเข้าไปใกล้มากกว่านี้” เอมิกาบอก
วเรศจับแขนเอมิกา เอมิกาหันมาเห็นความห่วงใยที่วเรศมีให้เธอ
“มันอันตราย” วเรศบอก
“ถ้าคุณกลัวก็ไม่ต้องตามมา”
พูดจบเอมิกาก็แอบย่องเข้าไปใกล้ๆ วเรศอยากจะบ้าตาย
เอมิกากับวเรศย่องมาซุ่มดูใกล้ๆ บริเวณด้านหลังบรรจงกับมดแดง เอมิกาเอามือถือถ่ายอยู่ตลอดเวลา
บรรจงมองหน้ามดแดงสีหน้าแปลกใจ
“พี่ไม่ได้ให้คนเรียกฉันออกมาเหรอ?!!” บรรจงถามย้ำ
มดแดงชะงัก “ฉันเปล่า...เธอต่างหากที่ส่งเมสเสจให้ฉันมาหา”
มดแดงหยิบมือถือออกมากดเปิดให้บรรจงดู บรรจงตกใจแล้วเงยหน้ามองมดแดง
“ฉันไม่ได้ส่งข้อความหาพี่จริงๆนะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเบอร์ฉันก็เถอะ”
มดแดงกับบรรจงมองหน้ากันแล้วชักเอะใจ
มดแดงคิด “ต้องมีใครเล่นอะไรบ้าๆกับเราแน่ หรือว่า” มดแดงตกใจ “จะเป็นตำรวจ!!!”
บรรจงตื่นตูม “ตำรวจ!!! ไม่นะ...ฉันไม่ยอมโดนจับเด็ดขาด ฉันไม่อยากติดคุก”
“อย่าเพิ่งโวยวายเสียงดังได้มั๊ย!!” มดแดงว่า
“ฉันกลัวนี่ พี่เป็นคนปล้นบ้านคุณชื่น ไม่ใช่ฉันซักหน่อย”
เอมิกากับวเรศชะงัก ทั้งสองหันมามองหน้ากัน
มดแดงมองบรรจงด้วยความโมโห
“ทำไมแกจะไม่ใช่! แกเป็นสายให้ฉัน ก็เท่ากับว่าแกเป็นโจรด้วย”
เอมิกากับวเรศมองหน้ากันอีกครั้งอย่างอึ้งๆ
บรรจงหน้าเสีย มดแดงหันไปมองรอบๆ
“เราจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เกิดตำรวจโผล่มาล่ะยุ่งแน่ รีบแยกย้ายกันไปได้แล้ว” มดแดงว่า
วเรศกระซิบบอกเอมิกา “รีบไปก่อนที่พวกมันจะเห็นเรา”
เอมิกาพยักหน้า เธอกดปิดวีดีโอแล้วจะออกไปแต่กลับเหยียบบางอย่างทำให้เกิดเสียงดังแกร่บ! เอมิกากับวเรศผงะ มดแดงกับบรรจงได้ยินจึงหันขวับมามองตรงที่เอมิกากับวเรศซ่อนตัว บรรจงกับมดแดงเห็นเงาตะคุ่มๆ ก็ตื่นตระหนก
“มีคนอยู่ตรงนั้น!!” มดแดงบอก
บรรจงตาเหลือก
วเรศกับเอมิกาหน้าเสีย วเรศรีบจับแขนเอมิกาแล้วพาวิ่ง
มดแดงตะโกน “อย่าหนีนะเว๊ย!!”
มดแดงรีบไล่ตามเอมิกากับวเรศไปติดๆ บรรจงมีสีหน้าตื่นกลัวมาก
“แย่แล้ว..ทำไงดี??” บรรจงคิด “หนี...ต้องหนี”
บรรจงทำหน้าเหรอๆหราๆ ก่อนจะรีบหนีออกไปอีกทาง
วเรศจับมือเอมิกาพาวิ่งหนี มดแดงวิ่งไล่ตามมาติดๆ วเรศหันไปเห็นมดแดงตามมากระชั้นชิดมากขึ้น ก็หันไปมองเอมิกาด้วยความเป็นห่วง
“ฉันจะล่อมันไปทางอื่น เธอรีบหนีไปอีกทาง” วเรศบอก
“ไม่ค่ะ ฉันจะไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรไปเพราะฉันอีกเป็นอันขาด” เอมิกาบอก
“ฉันเองก็ไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรเหมือนกัน” วเรศสวน เอมิกาอึ้ง “รีบเอาคลิปนี้ไปส่งให้สารวัตร...ไปสิชะเอม! ไป!!” วเรศพูดเสียงดังใส่
เอมิกาพยักหน้า เธอมองวเรศด้วยความเป็นห่วงแล้วก็รีบวิ่งไปอีกทาง วเรศหันไปทางมดแดง
“แน่จริงก็ตามฉันมา!”
มดแดงโมโห “แกตายแน่!”
มดแดงจะไล่ตามวเรศแต่หันไปเห็นเอมิกาที่หันหน้ามาพอดี มดแดงจำเอมิกาได้
“นั่นมัน!! คนใช้บ้านนังคุณนายชื่น!” มดแดงโมโหมาก “ฝีมือแกเองเหรอ?”
มดแดงหน้าตาเคียดแค้น เขารีบหันไปวิ่งไล่ตามเอมิกา
วเรศวิ่งมาตามทางแล้วก็หันไปมองด้านหลัง เขาไม่เห็นมดแดงวิ่งตามมาก็ชะงัก วเรศหยุดวิ่งทันที
“หายไปไหน?”
วเรศมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่มีวี่แววมดแดง วเรศรู้สึกกังวลเพราะเป็นห่วงเอมิกาขึ้นมา
“ชะเอม..!”
วเรศรีบวิ่งออกไปทันที
เอมิกาวิ่งหนีมาตามทางแล้วก็ต้องเบรคเอี๊ยดเพราะมดแดงวิ่งมาดักหน้า เอมิกาหน้าตาตื่น
“จะหนีไปไหน?”
เอมิกาไม่ตอบแต่หันหลังจะหนี มดแดงเข้ามากระชากแขน เอมิกาตกใจมาก
“ปล่อย!!”
“ปล่อยแกไป ฉันก็โง่สิวะ แกวางแผนให้ฉันกับบรรจงออกมาเจอกันทำไม”
เอมิกาไม่ตอบแต่เอามือจับกระเป๋ากางเกงที่ใส่โทรศัพท์มือถือเอาไว้ มดแดงเห็นก็เอะใจ
“แกถ่ายคลิปที่ฉันกับบรรจงคุยกันเอาไว้ใช่มั๊ย!”
เอมิกาหน้าถอดสี “เปล่า..”
มดแดงไม่เชื่อ “เอามือถือแกมา”
เอมิกาส่ายหน้า มดแดงพยายามจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเอมิกา แต่เอมิกาขัดขืน
“อย่านะ!! อย่า...”
เอมิกากัดแขนมดแดง มดแดงร้องจ๊าก
“อ๊ากกกก!!”
เอมิการีบผลักมดแดงอย่างแรงแล้ววิ่งหนี มดแดงเจ็บแขนสุดๆ แล้วมองเอมิกาด้วยความโมโห
“นึกว่าจะหนีฉันพ้นเหรอวะ”
มดแดงรีบไล่ตามมากระชากผมเอมิกา เอมิการ้องลั่น
“โอ๊ย!”
เอมิกาเจ็บมาก เธอหันไปเจอมดแดงเงื้อมือตบหน้าดังผัวะ เลือดซึมออกมาที่มุมปากเอมิกา เธอถึงกับมึนเซและทรงตัวไม่อยู่จนล้มไปบนพื้น มดแดงรีบเข้ามาล้วงเอามือถือไป เอมิกาเห็นก็พยายามจะลุกขึ้นมาแย่ง แต่ก็ไม่มีแรง มดแดงรีบกดเปิดคลิปแล้วก็ตกใจมาก เขาหันไปมองเอมิกาด้วยความโมโห
“นึกว่าฉลาดนักเหรอที่ทำแบบนี้!!”
เอมิกาเจ็บจนพูดไม่ออก มดแดงเก็บมือถือใส่ในกระเป๋ากางเกงแล้วย่อตัวลงตรงหน้าเอมิกา
“คนอย่างฉันไม่มีทางยอมให้ตำรวจจับง่ายๆหรอก! ในเมื่อแกรู้ความจริงแล้ว งั้นก็อย่าอยู่เลย”
เอมิกาหน้าตาตื่นตระหนกสุดขีดเพราะนึกว่าต้องตายแน่แล้ว ทันใดนั้นมดแดงก็ถูกฟาดเข้าไปที่ท้ายทอยจนหมดสตินอนแผ่ตรงหน้าเอมิกา เอมิกาเห็นวเรศยืนถือท่อนไม้อยู่ก็ดีใจมาก
“คุณตั้ม!!”
วเรศทิ้งไม้แล้วโผเข้ามากอดเอมิกาเอาไว้ เอมิการ้องไห้ออกมาด้วยความกลัว
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะไม่มีวันยอมให้เธอเป็นอะไรเด็ดขาด” วเรศพูด
เอมิกาผละออกมาจากวเรศ วเรศเห็นรอยฝ่ามือบนหน้าเอมิกาก็อึ้งและโมโหมาก
“นี่มันทำร้ายเธอด้วยเหรอ”
“ฉันไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ”
วเรศโมโหเพราะเป็นห่วงเอมิกามาก “ยังจะทำปากแข็ง เห็นอยู่ว่าเลือดเธอออก ทำไมเธอถึงกล้าบ้าบิ่นอย่างนี้ห๊ะชะเอม!!”
“เลิกด่าฉัน แล้วรีบโทรบอกสารวัตร ก่อนที่มันจะฟื้นขึ้นมาดีกว่ามั๊ย”
วเรศอึ้งแล้วคิดตาม เขาหยิบมือถือออกมาแล้วก็นึกขึ้นได้
“ว่าแต่บรรจงล่ะ? บรรจงหายไปไหน ป่านนี้ไม่หนีไปไหนแล้วเหรอ”
เอมิกาครุ่นคิดแล้วก็นึกอะไรออก
“เรื่องบรรจง เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เอมิกาบอก
นากโผล่หน้าออกมาจากมุมมืดพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับเอมิกาไปด้วย
นากตกใจ “นังจงเป็นสายให้โจร!” นากอึ้ง “แม่เจ้า!” แล้วนากก็โมโห “ไอ้เนรคุณ! มันทำกับคุณชื่นได้ยังไง?!!”
“อย่าเพิ่งโมโหเลยพี่นาก ฉันอยากรู้ว่าบรรจงกลับมาเหรอยัง” เอมิกาถาม
นากมองไปที่ห้องนอนบรรจง
“เห็นห้องเปิดไฟเอาไว้ ก็น่าจะกลับเข้ามาแล้วนะจ๊ะ”
สักพักบรรจงก็หอบกระเป๋าใบใหญ่เดินออกไปจากห้อง นากตกใจรีบหลบแล้วแอบดู
“แล้วตอนนี้ก็กำลังจะออกไปแล้วด้วยจ๊ะ” นากรายงาน
เอมิกาหันไปมองวเรศด้วยสีหน้าตกใจ มดแดงยังนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้นด้านหลัง
เอมิกาพูดกับวเรศ “บรรจงกำลังจะหนี”
วเรศตกใจ เอมิกาคุยกับนากต่อ
“พี่นากอย่าปล่อยให้บรรจงหนีไปได้นะ”
บรรจงรีบหอบกระเป๋าจะหนีออกไป นากกระโดดมาขวางพร้อมกับกางแขนกันเอาไว้
“แกจะหนีไปไหนนังโจร!!”
บรรจงตกใจ “พี่นาก..พี่พูดอะไร?!!”
นากจ้องหน้าพร้อมเท้าเอว “ฉันรู้ความจริงทุกอย่างหมดแล้วว่าแกร่วมมือกับมดแดงปล้นบ้านคุณชื่น!!” บรรจงตกใจมาก “และตอนนี้ตำรวจก็กำลังจะมาลากคอแกเข้าคุก”
บรรจงหน้าตาตื่น นากเข้ามาจะจับตัวแต่บรรจงคว้ากระเป๋าขึ้นมาฟาดใส่นากไม่ยั้ง นากไม่ทันตั้งตัวเลยตั้งรับไม่ทัน
“โอ๊ย!! เฮ้ย! หยุด..อ๊าก...โอ๊ย!! เฮ้ย!!!”
บรรจงฟาดจนนากล้มลงไปบนพื้นแล้วก็หันหลังจะหนีแต่เจอนากจับขาแล้วดึงจนบรรจงล้มไปบนพื้น
“ปล่อยฉันไปเถอะพี่นาก...ฉันขอร้อง”
“ไม่มีทาง..ยังไงแกก็หนีไปไหนไม่รอดหรอก!”
บรรจงไม่ยอมจึงถีบนากไม่หยุด เท้าบรรจงโดนหน้านากเต็มๆ จนนากจะหมดแรง นากแหกปากดังลั่น
“ป้าพิศ! ไอ้จุ่น!! ช่วยด้วย!!”
แต่ไม่มีใครออกมาช่วย บรรจงถีบจนนากล้มกลิ้งแล้วเธอก็กำลังจะลุกขึ้น แต่นากรีบพุ่งเข้ามาตะครุบตัวเอาไว้
นากตัดสินใจร้องลั่น “ไฟไหม้มมมมมมมม!!!!”
สมพิศกับจุ่นพรวดพราดออกมาจากห้องแบบหน้าตาตื่นมากๆ
“ไฟไหม้ที่ไหนวะ!” สมพิศตกใจ
“ไม่เห็นมีเลยป้า” จุ่นว่า
“ไม่มีไฟไหม้ที่ไหนหรอก” นากบอก
จุ่นกับสมพิศหันขวับไปเห็นนากกำลังจับตัวบรรจงอยู่ก็แปลกใจมาก
“รีบมาช่วยฉันจับบรรจงก่อนเถอะ” นากบอก
จุ่นถาม “ทำไม!!”
“แกอย่าเพิ่งถามมากได้มั๊ย รีบมาช่วยฉันก่อน”
“ป้ากับพี่จุ่นอย่าไปเชื่อพี่นาก พี่นากมันบ้าไปแล้ว” บรรจงบอก
“แกน่ะสิบ้า บ้าที่คิดปล้นบ้านเจ้านายตัวเอง” นากสวน
สมพิศกับจุ่นอึ้ง “ปล้น!”
“นังจงมันเป็นสายให้โจร!” นากบอก
บรรจงพูดไม่ออก สมพิศกับจุ่นตาเหลือก
“เอ้า..อย่าเพิ่งช็อค!! รีบมาช่วยกันก่อน ฉันจะไม่ไหวแล้ว”
สมพิศกับจุ่นรีบเข้ามาช่วยนากจับตัวบรรจง บรรจงพยายามขัดขืนเต็มกำลัง
“ปล่อยฉัน..ปล่อย!! ปล่อย..ปล่อยยยย!”
ตำรวจจับบรรจงใส่กุญแจมือเดินเข้ามาในโรงพัก มดแดงเองก็ถูกจับมาเหมือนกัน ทันทีที่มดแดงกับบรรจงพบหน้ากัน บรรจงก็เลือดขึ้นหน้าทันที
“เพราะแกคนเดียว ทำให้ฉันถูกจับ...ไอ้สารเลว ไอ้ชาติชั่ว” บรรจงด่าเป็นชุด
“มันเป็นเพราะความละโมบโลภมากของแกต่างหาก แค่ฉันเอาเงินมาล่อ แกก็ติดกับแล้ว ถ้าจะโทษ ก็โทษความโง่ของแกเถอะ!” มดแดงสวน
บรรจงโกรธมาก เธอผละออกจากตำรวจแล้วตรงเข้ามาฟาดมดแดงไม่หยุด มดแดงตกใจ
“โอ๊ย!! นังบ้า!! หยุดนะเว๊ย!! ตำรวจจับมันเซ่ ไม่เห็นเหรอว่ามันทำร้ายผม”
ตำรวจเข้ามาจับตัวบรรจง บรรจงโมโหจนแทบจะร้องไห้
สารวัตรพูดกับตำรวจที่จับตัวมดแดง “พาไปเข้าห้องขัง”
ตำรวจพามดแดงออกไป ระหว่างนั้นชื่นฤทัยกับพีรพลก็เดินเข้ามา บรรจงหันไปเห็นทั้งสองก็รู้สึกผิดมากถึงกับทรุดเข่าลงไปตรงหน้าชื่นฤทัยกับพีรพล
“คุณชื่น..คุณพี...จงขอโทษ” บรรจงร้องไห้ออกมา
ชื่นฤทัยมองบรรจงแววตาเต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ พีรพลเองก็เช่นกัน
“จงขอโทษที่จงเนรคุณพวกคุณทั้งสอง ทั้งๆที่พวกคุณมีบุญคุณกับจงมาก แต่จงกลับอตัญญู ทำให้พวกคุณเดือดร้อน”
บรรจงก้มหน้าร้องไห้อย่างหนัก ชื่นฤทัยกับพีรพลมองหน้ากันพลางถอนหายใจออกมา
“จงมันชั่ว จงมันเลว จงขอโทษ จงขอโทษ” บรรจงร้องไห้ไม่หยุด
ชื่นฤทัยมองบรรจงสีหน้าครุ่นคิด
“ที่เธอพูดคำว่าขอโทษ เพราะเธอสำนึกผิด หรือเพราะกลัวฉันจะเอาเรื่อง” ชื่นฤทัยถาม
บรรจงเงยหน้าขึ้นมา “จงไม่กลัวที่คุณจะเอาเรื่องจงหรอกนะคะ เพราะจงผิดจริง สมควรแล้วที่จะได้รับการลงโทษ จงสำนึกผิดแล้วค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่จงทำลงไป เพราะจงอิจฉาที่คุณชื่นเอ็นดูชะเอมมากกว่า ทั้งๆที่จงอยู่มาก่อน จงก็เลยใส่ร้ายว่าชะเอมเป็นสายให้โจร”
ชื่นฤทัยกับพีรพลตกใจ
“จงทำทุกอย่างลงไปโดยไม่คิด ทำให้คุณพีต้องได้รับบาดเจ็บ ทำให้คุณชื่นต้องสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก ถ้าจงสามารถย้อนเวลากลับไปได้ จงจะไม่ทำแบบนี้อีก”
บรรจงร้องไห้จนตัวสั่น ชื่นฤทัยกับพีรพลมองบรรจงด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง
“บรรจง”
บรรจงนิ่งมองชื่นฤทัย ชิ้นฤทัยพูดต่อ
“ในเมื่อเธอสำนึกผิด และกล้าที่จะขอโทษ ฉันก็จะกล้าที่จะให้โอกาสเธออีกซักครั้ง”
บรรจงผงะและอึ้งไป พีรพลหันไปยิ้มให้ชื่นฤทัยอย่างเห็นด้วย
“จริงเหรอคะคุณชื่น”
ชื่นฤทัยพยักหน้า บรรจงยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจสุดๆ
“หลังจากวันนี้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ซะนะบรรจง” พีรพลบอก
“หมายความว่าคุณชื่นกับคุณพีไม่เอาผิดจง” บรรจงถาม
ชื่นฤทัยกับพีรพลพยักหน้า บรรจงดีใจมาก
“ขอบคุณคุณชื่นคุณพีมากนะคะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ”
บรรจงเข้ามากอดขาชื่นฤทัยแล้วยิ้มทั้งน้ำตา ชื่นฤทัยกับพีรพลหันมายิ้มให้กันด้วยความสบายใจ
วเรศกำลังคุยโทรศัพท์กับพีรพลอยู่ที่โรงพยาบาล
“ทุกอย่างจบลงด้วยดีก็ดีแล้วครับคุณอา” วเรศบอก
วเรศหันไปเห็นเอมิกาเดินออกมาจากห้องแพทย์
“คุณอาไปพักผ่อนเถอะครับ สวัสดีครับ”
วเรศวางสายแล้วเดินมาหาเอมิกา
“หมอว่าเป็นไง”
“ไม่มีอะไรซีเรียสค่ะ ให้ยามาทาอย่างเดียว”
วเรศพยักหน้าอย่างสบายใจขึ้น “คุณอาพีโทรมาหาฉันบอกว่าจะให้โอกาสบรรจงได้กลับตัวกลับใจอีกครั้ง”
เอมิกาฟังแล้วก็โล่งอก “แสดงว่าบรรจงคงจะสำนึกผิด คุณอาของคุณถึงให้อภัย”
วเรศพยักหน้า “หวังว่าต่อไปนี้ คงจะไม่มีเรื่องอะไรร้ายๆเกิดขึ้นมาอีก”
วเรศกับเอมิกาต่างก็เงียบกันไป แล้วเอมิกาก็รีบพูดขึ้นมา
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันกลับนะคะ”
เอมิกาพูดจบก็หันหลังเดินออกไป วเรศได้แต่มองตาม
เอมิกายืนรอรถหน้าโรงพยาบาลแต่ไม่มีรถผ่านมาซักคัน ไม่นานรถวเรศก็ขับรถมาจอด เอมิกาชะงัก วเรศเดินลงจากรถ
“ฉันจะไปส่งเธอ” วเรศบอก
“ไม่เป็นไร” เอมิกาปัด
“เวลาอย่างนี้ หารถยาก แล้วอีกอย่าง ฉันรับปากเพื่อนเธอเอาไว้ว่าจะดูแลเธอ เพราะฉะนั้นฉันต้องทำหน้าที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์”
วเรศเปิดประตูให้เอมิกา เอมิกาพูดไม่ออกจึงจำต้องเข้าไปนั่งในรถ วเรศปิดประตูแล้วลอบยิ้มแล้วก็เดินไปขึ้นทางฝั่งคนขับก่อนจะขับรถออกไป
วเรศขับรถ เอมิกานั่งข้างๆ โดยที่ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกัน เอมิกาเหนื่อยมากและเริ่มง่วงเลยหาวก่อนจะค่อยๆหลับไป วเรศหันไปเห็นเอมิกานอนหลับจึงเอารถจอดเข้าข้างทาง แล้วเอื้อมมือมาปรับเบาะให้เอนลง แต่เขากลับทรงตัวไม่อยู่ทำให้หน้าเกือบจะชนกับหน้าเอมิกา ดีที่วเรศยั้งตัวเอาไว้ได้ทันแต่หน้าเอมิกาก็อยู่ห่างไม่ถึงคืบ วเรศมองเอมิกานิ่งนาน
วเรศพึมพำออกมา “ทำไมฉันถึงลืมเธอไม่ได้ซักที?”
วเรศถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าเศร้า แล้วเขาก็รีบผละออกห่างก่อนจะหันไปขับรถต่อ เอมิกาลืมตาขึ้นมาเพราะได้ยินที่วเรศพูด เอมิกาได้แต่อึ้งแล้วก็แกล้งหลับตาต่อ
วเรศขับรถมาจอดหน้าบ้านนงลักษณ์ วเรศหันไปมองเอมิกาที่ยังนอนหลับสักพักแล้วก็ตัดสินใจเรียก
“ชะเอม...”
เอมิการู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
“ถึงแล้ว” วเรศบอก
เอมิกาหันไปเห็นว่ารถจอดอยู่หน้าบ้านนงลักษณ์แล้วก็แกล้งทำเป็นแปลกใจ
“ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
เอมิกาปรับเบาะขึ้นมาแล้วพยายามปลดเซฟตี้เบลท์แต่ก็ปลดไม่ได้ วเรศเลยเข้ามาช่วยปลดออกให้ พอหันไปหน้าของทั้งสองก็ใกล้กันมาก เอมิการีบผละออกห่างทันที
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
เอมิการีบลงจากรถแล้วเดินไปที่หน้าบ้าน วเรศมองเอมิกาด้วยแววตาอาลัยแล้วก็ตัดใจ วเรศขับรถออกไป เอมิกาหันมามองตามรถของวเรศแล้วก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 11 (ต่อ)
เช้าวันต่อมา บรรจงเดินเข้ามาในบ้านชื่นฤทัย สมพิศ จุ่น และนากหันไปมอง บรรจงชะงักเพราะรู้สึกผิดต่อทุกคนมาก บรรจงฝืนยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาทุกคน
“มีอะไรให้ฉันช่วยมั๊ยจ๊ะ”
สมพิศ นาก และจุ่นมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร แล้วทั้งสามก็หันไปทำอย่างอื่น บรรจงหน้าเสีย
“ฉันขอโทษ” บรรจงเอ่ยออกมา
สมพิศ นาก และจุ่นชะงัก ทั้งสามหันมาทางบรรจงด้วยความอึ้งที่บรรจงพูดคำนี้ออกมา
“ถ้าทุกคนจะเกลียดฉัน ไม่พูดกับฉัน ฉันก็เข้าใจ แต่ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่าฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ”
นากกับจุ่นยังเงียบ บรรจงหันหลังเดินคอตกออกไป สมพิศมองและพูดกับบรรจง
“เอ็งไม่ต้องมาขอโทษข้าหรอกนังจง เอ็งแค่กลับตัวกลับใจซะใหม่ และแค่ดีกับเจ้านายชดเชยสิ่งดีๆที่พวกเขาดีกับแกมาตลอดก็พอแล้ว แล้วก็จำไว้ว่าถึงเราจะเป็นคนใช้ แต่ก็อย่าให้ใครมาว่าเราได้ว่าพวกเราไว้ใจไม่ได้ เราต้องซื่อสัตย์ ดูแลเจ้านายให้สุดความสามารถของเราเข้าใจไม๊”
บรรจงเศร้า จุ่นมองตามบรรจงอย่างใจอ่อนแล้วก็รีบก้าวเท้ามาหา
“น้องจง” จุ่นเรียก บรรจงหันมา จุ่นเดินมาหา “พี่จุ่นโกรธน้องจง!” บรรจงชะงักเพราะเสียใจ “แต่….พี่จุ่นจะให้โอกาสน้องจงแก้ตัวใหม่ แล้วอย่าไปมีกิ๊กให้พี่จุ่นใจสลายอีก ถึงพี่จะเป็นคนสวนแต่พี่จุ่นก็รักเดียวใจเดียวกะน้องจงมาตลอดนะจ๊ะ”
บรรจงดีใจมาก “พี่จุ่น...” บรรจงเข้าไปจับมือจุ่น “ขอบคุณพี่จุ่นมากนะจ๊ะ พี่จุ่นดีกับฉันเสมอ ไม่ว่าฉันจะทำไม่ดีกับพี่แค่ไหนก็ตาม”
“นั่นเป็นเพราะพี่จุ่นรักน้องจงยังไงล่ะ”
บรรจงยิ้มเขิน นากกับสมพิศเดินมาใกล้
“อย่าเลี่ยนให้มันมากนักเว๊ยจะอ้วก” สมพิศว่า บรรจงกับจุ่นหันไปมอง “ความผิดที่แกทำมันร้ายแรงมาก แต่คุณชื่นก็ยังยกโทษให้แก แล้วจะไม่ให้ข้ากับไอ้นากยกโทษให้แกได้ยังไง”
บรรจงดีใจ “หมายความป้ากับพี่นากไม่โกรธฉันแล้วใช่มั๊ย”
“เออ และแกก็ไม่ต้องดัดจริตเป็นคนดีพูดดีอะไรกะฉันหรอก ทำตัวให้เหมือนเดิม ฉันไม่ชิน” นากว่า
บรรจงเข้ามากอดสมพิศกับนาก จุ่นยิ้มดีใจ แล้วบรรจงก็ผละออกมา
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ” บรรจงพูด
“แต่..ข้ามีข้อแม้” สมพิศบอก บรรจงชะงัก “เอ็งต้องทำงานรับใช้ข้ากับไอ้นากเป็นเวลาหนึ่งเดือน ตกลงมั๊ย”
“จะให้ฉันรับใช้ป้ากับพี่นากไปตลอดชีวิตก็ยังได้ เพราะฉันคงจะไม่ออกไปทำงานที่ไหนอีกแล้ว ถ้าจะตายก็ขอตายที่นี่” บรรจงบอก
สมพิศ นาก บรรจง และจุ่นหันมายิ้มให้กัน
ชื่นฤทัยกับพีรพลคุยอยู่กับวเรศ
“ขอบใจหลานตั้มมากนะจ๊ะ สำหรับความช่วยเหลือทุกอย่าง” ชื่นฤทัยพูด
“ความจริงแล้วที่ตำรวจจับมดแดงได้ ไม่ใช่ฝีมือผมหรอกครับ” วเรศบอก
ชื่นฤทัยกับพีรพลนิ่วหน้ามองวเรศ ทันใดนั้นพีรพลก็หันไปเห็นเอมิกายืนอยู่ตรงประตูบ้าน
“ชะเอม!”
วเรศแปลกใจว่าทำไมเอมิกามาที่นี่ ชื่นฤทัยหันไปมอง เอมิกายกมือไหว้พีรพลกับชื่นฤทัย
เอมิกานั่งพับเพียบบนพื้นตรงหน้าชื่นฤทัยกับพีรพล วเรศนั่งมองเอมิกาด้วยความแปลกใจอยู่ที่โซฟาตัวข้างๆ
เอมิกายกมือไหว้ “ฉันขอโทษนะคะ” เอมิกาเอามือลง “ที่ออกจากบ้านโดยไม่ได้บอกคุณชื่นกับคุณพี คือว่าที่บ้านฉันมีปัญหานิดหน่อย ฉันก็เลยต้องรีบกลับไปแก้ไขค่ะ”
วเรศมองเอมิกาแบบรู้สึกเซ็งที่เธอไม่ยอมบอกความจริงกับชื่นฤทัย
“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่คิดว่าเธอเป็นคนพาโจรเข้ามาในบ้าน” ชื่นฤทัยบอก
“ถ้าฉันเป็นคุณชื่น ฉันก็คงคิดแบบเดียวกับคุณชื่นแหละค่ะ” เอมิกาว่า
“ตั้มบอกว่าเธอเป็นคนวางแผนจับตัวมดแดง” พีรพลพูด เอมิกาหันไปมองวเรศ “ขอบใจเธอมากนะชะเอม”
“ฉันอยากทำอะไรให้คุณชื่นกับคุณพีบ้าง เพราะตอนนี้ที่ฉันทำงานที่นี่ คุณทั้งสองคนก็กรุณาฉันมาก ฉันได้ประสบการณ์ที่ดีมากมายแล้วไหนจะมีคุณอร คุณแป๊ะ คุณอรทัย แล้วก็คุณนายศรีโพยมอีก ฉันไม่นึกเลยนะคะว่าอาชีพคนใช้ จะทำให้ฉันได้มาเจอคนดีดีแบบพวกคุณ”
ชื่นฤทัยกับพีรพลยิ้มด้วยความปลื้มใจ
“ในเมื่อเรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายแล้ว เธอก็กลับมาทำงานกับฉันนะชะเอม” พีรพลบอก
เอมิกากับวเรศชะงักแล้วเหล่มองหน้ากัน
เอมิกาอึ้งเพราะไม่รู้จะตอบยังไงเลยพยายามเลี่ยง “เอ่อ ขอบคุณคุณชื่นมากค่ะที่ยังมีเมตตาให้กับฉัน แต่ฉันต้องกลับไปทำนาที่บ้าน แล้วก็คงจะไม่กลับมากรุงเทพอีกแล้ว”
ชื่นฤทัยกับพีรพลใจหาย วเรศนั่งนิ่งไม่พูดอะไรออกมา
“ถ้างั้น ฉันกับคุณชื่น ก็ขอให้เธอโชคดีก็แล้วกัน” พีรพลอวยพร
เอมิกายกมือไหว้ชื่นฤทัยกับพีรพลอีกครั้ง
“ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะไม่มีวันลืมพวกคุณทุกคน”
พูดจบเอมิกาก็ไม่วายหันไปมองวเรศเพราะนั่นเป็นคำพูดที่เอมิกาอยากบอกแก่เขาด้วย วเรศนั่งหน้าเศร้า
เอมิกากำลังเดินออกมาจากบ้านชื่นฤทัย ที่ด้านหลังรถของวเรศก็กำลังขับออกจากบ้านชื่นฤทัยเช่นกัน
วเรศขับรถมาเห็นเอมิกาเดินอยู่ก็ชะงัก เขาพยายามตัดใจไม่มองเอมิกาแล้วก็เร่งเครื่องให้เร็วขึ้น เอมิกาไม่รู้ว่าวเรศขับรถอยู่ข้างหลังเธอ ไม่นานรถวเรศก็แล่นมาด้านข้างแล้วแล่นผ่านเอมิกาออกไป เอมิกาหันไปเห็นรถวเรศก็หยุดยืนมอง
“คุณตั้ม....”
เอมิกานึกย้อนถึงคำพูดของวเรศก่อนหน้านี้
“ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยุ่งกับชีวิตของเธอ”
วเรศกำพวงมาลัยแน่นด้วยสีหน้าเจ็บปวด เขามองกระจกข้างก็เห็นเอมิกาหยุดยืนมองรถเขาอยู่ วเรศยิ่งเจ็บปวดหัวใจ แล้วเขาก็รีบหันไปมองทางอื่น
เอมิกายังยืนมองรถวเรศที่เลี้ยวออกนอกประตูบ้านชื่นฤทัยด้วยความรู้สึกเศร้ามาก
วเรศกดเปิดเพลง เสียงเพลงเศร้าดังขึ้น วเรศขับรถไปตามทางพลางคิดถึงเอมิกาไปด้วย
เอมิกายืนหน้าเศร้าเพราะคิดถึงวเรศเช่นกัน
วันต่อมา วเรศทำงานอยู่ที่บ้าน ส่วนเอมิกาก็นั่งเขียนบทละครขึ้นฉาก 1 อยู่ที่บ้านนงลักษณ์
วันต่อมา วเรศนั่งคุยงานอยู่ที่ร้านกาแฟ เอมิกาเขียนบทละครถึงฉาก 7
วันถัดมา วเรศเอาวิปครีมบีบลงบนสตอเบอรี่ แล้วเขาก็คิดถึงตอนที่ทำขนมกับเอมิกา เอมิกาเขียนบทละครถึงฉาก 15
เวลากลางคืน วเรศทำงานหนักโดยมีเอกสารกองอยู่เต็มโต๊ะ เอมิกาเขียนบทละครถึงฉาก 23 วเรศฟุบหลับคาโต๊ะ
นงลักษณ์ออกมาเห็นเอมิกานั่งเหม่ออยู่ที่หน้าบ้านเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
นงลักษณ์เดินมานั่งข้างๆ “ไอ้เอม” เอมิกาหันไป “นั่งเหม่ออีกแล้ว..เป็นอะไรของแก”
“นง...แกเคยรักใครมั๊ย ฉันอยากรู้ว่าเวลาที่เรารักใคร เราจะรู้สึกยังไง?” เอมิกาถาม
นงลักษณ์ชะงัก “ทำไมแกถามแบบนี้”
เอมิกาอึกอัก “เออ..ฉันถามเพราะฉันกำลังงงกับตัวละครที่ฉันเขียนอยู่น่ะสิ”
“ความจริงไอ้คำถามนี้ แกน่าจะตอบได้ดีกว่าฉันนะ ตอนแกรักไอ้ป่อง แกรู้สึกยังไงล่ะ”
เอมิกาเงียบเพราะพูดไม่ออก นงลักษณ์สงสัย
“อย่าบอกนะว่าแกไม่ได้รักไอ้ป่อง”
“เฮ้ยไม่ใช่!! แต่ความรักของฉันกับป่อง มันไม่เหมือนกันกับความรักในเรื่องที่ฉันกำลังเขียน นางเอกของฉันมีแฟนแล้ว แต่กำลังสับสนเพราะเค้าคิดว่าเค้ารักพระเอก”
“นางเอกแกนี่มันหลายใจจริงๆ”
เอมิกาแทบสำลัก
“แล้วพระเอกของแกรักนางเอกรึเปล่า”
“ฉันไม่แน่ใจ บางครั้งเค้าก็ดูเหมือนรัก แต่บางครั้งก็ดูเหมือนไม่ได้รัก”
“แต่ฉันว่ารักว่ะ”
เอมิกาตื่นเต้นมาก “ทำไมแกคิดแบบนั้น”
“เพราะว่าเค้าเป็นพระเอกไง พระเอกยังไงก็ต้องรักนางเอก”
เอมิกาเซ็งกับคำตอบของนงลักษณ์ แล้วนงลักษณ์ก็ลุกเดินออกไป เอมิกาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะกลุ้มใจสุดๆ
บ้านชื่นฤทัยยามเช้า ชื่นฤทัยนั่งลงข้างๆ พีรพล
“คุณคะ...ฉันจะให้น้องอรหมั้นกับหลานตั้ม” ชื่นฤทัยบอกพีรพล
พีรพลผงะ เขาหันขวับไปมองชื่นฤทัยด้วยสีหน้าตกใจ
“คุณว่าดีมั๊ย”
“ไม่ดี” พีรพลตอบทันที ชื่นฤทัยเหวอ “ผมไม่เห็นด้วย ตั้มกับน้องอรไม่ได้รักกัน”
“ไม่รักกันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร หมั้นกันไว้ก่อน เพื่อที่จะได้รู้จักกันมากขึ้น แล้วก็จะรักกันไปเอง”
“มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกคุณชื่น เราไม่สามารถไปบังคับให้ใครรักกับใครได้ ถ้าเค้าไม่ได้ชอบพอกัน ผมว่าคุณควรจะเลิกล้มความคิดนี้ซักที”
“ไม่ค่ะ คุณรู้รึเปล่าว่าตอนที่พวกโจรมาปล้นบ้าน แล้วมันจะเอาตัวยัยอรไป หัวใจฉันมันแทบขาด ฉันรู้ทันทีว่าฉันไม่สามารถเห็นลูกเป็นอะไรได้ คุณก็รู้ว่าน้องอรเป็นประเภทช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถ้าไม่ได้คนดีมาคอยดูแล ฉันไม่มีวันนอนตายตาหลับ น้องอรต้องได้แต่งงานกับหลานตั้มคนเดียวเท่านั้น ฉันจะไปพูดกับลูก”
ชื่นฤทัยพูดจบก็เดินออกไปทันที พีรพลได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความกลุ้ม
อรวิลาสมองชื่นฤทัยด้วยความตกใจ
“อรไม่หมั้นกับพี่ตั้มค่ะ!” อรวิลาสเสียงหนักแน่น ชื่นฤทัยชะงัก “อรไม่ได้รักพี่ตั้ม แล้วพี่ตั้มก็ไม่ได้รักอร แล้วเราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ยังไง”
ชื่นฤทัยเริ่มไม่พอใจ “ทำไมลูกถึงไม่หัดเข้าใจอะไรง่ายๆบ้าง นี่แม่พยายามหาคนที่ดีที่สุดมาให้ลูกนะ”
“แม่หามาให้อร หรือแม่ทำเพื่อให้ตัวเองสบายใจกันแน่”
ชื่นฤทัยอึ้ง “น้องอร!!! ทำไมพูดกับแม่แบบนี้!”
“ตลอดชีวิตของอร ตั้งแต่อรเกิด อรไม่เคยมีสิทธิ์เลือก หรือตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆ แม่บังคับอรให้ไปตามเส้นทางที่แม่ขีดไว้ แม่ไม่เคยถามเลยซักครั้งว่าอรอยากทำรึเปล่า แม่คิดว่าสิ่งที่แม่ชอบ อรต้องชอบด้วย อะไรที่แม่เกลียด อรต้องเกลียดด้วย”
ชื่นฤทัยผงะไปกับสิ่งที่อรวิลาสพร่างพรูออกมา
“แต่ครั้งนี้....อรจะไม่ทำตามที่แม่บอกอีกแล้ว” อรวิลาสยืนยัน
ชื่นฤทัยโมโห “น้องอร!!”
หนูอ้อยวิ่งมาหาพีรพล
“คุณพ่อขา คุณแม่กับพี่อรทะเลาะกันใหญ่แล้วค่ะ”
พีรพลตกใจ
อรวิลาสยังคงพูดใส่ชื่นฤทัยไม่หยุดด้วยความอัดอั้นใจ
“การแต่งงานคือการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต เราต้องอยู่กับคนที่เรารัก และรักเรา ไม่ใช่อยู่กับคนที่แม่เลือกให้ แล้วต้องไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต”
ชื่นฤทัยโมโห “ทำไมลูกถึงได้โง่แบบนี้!! นี่แม่อุตส่าห์หาคนดีดีอย่างหลานตั้มมาให้ ลูกก็ยังไม่เอาอีก”
อรวิลาสทั้งเสียใจทั้งโมโห “แม่ก็คิดแต่แบบนี้! แต่แม่ไม่เคยคิดเลยว่าเวลาอรไปกับพี่ตั้ม อรอายมากขนาดไหน มันเหมือนอรไปวิ่งไล่จับผู้ชายที่เค้าไม่ได้รักอร” อรวิลาสน้ำตารื้น “อรต้องการคนที่รักอร คนที่อยากปกป้องและดูแลอร อรจะเลือกคนที่อรจะแต่งงานด้วยตัวอรเอง แม่เลิกยุ่งกับชีวิตอรซักที!!”
ชื่นฤทัยโกรธจัดจนตบหน้าอรวิลาสดังเพี๊ยะ จังหวะเดียวกับที่พีรพลและหนูอ้อยเข้ามาเห็นพอดี
“คุณชื่น!”
“พี่อร!”
อรวิลาสหน้าหัน ชื่นฤทัยอึ้งที่ตัวเองตบลูก อรวิลาสหันมามองชื่นฤทัยแล้วก็น้ำตาไหลด้วยความเสียใจมาก แล้วเธอก็รีบวิ่งออกไป พีรพลกับหนูอ้อยหันไปมองแล้วตะโกนเรียก
“น้องอร..// พี่อร...!!”
พีรพลกับหนูอ้อยจะตาม
ชื่นฤทัยเสียงดังขึ้นมา “ไม่ต้องตาม!”
พีรพลกับหนูอ้อยผงะ
“ในเมื่อมันปีกกล้าขาแข็ง ก็ปล่อยให้มันไป...ไปเลย อยากไปไหนก็ไป” ชื่นฤทัยหันไปตะโกน “แล้วก็ไม่ต้องกลับมาหาฉันอีก”
ชื่นฤทัยกำมือแน่นด้วยความโมโหและเสียใจมากจนตัวสั่น ทันใดนั้นเธอก็หน้ามืด พีรพลกับหนูอ้อยตกใจ
“คุณชื่น! // คุณแม่!”
พีรพลรีบเข้ามาประคองชื่นฤทัยเอาไว้ หนูอ้อยหน้าเสียสุดๆ
ที่โรงพยาบาล วเรศรีบเข้ามาในห้องพักที่ชื่นฤทัยอยู่ พีรพลนั่งเฝ้าชื่นฤทัยที่หมดสติอยู่บนเตียงกับหนูอ้อย พีรพลหันไปเห็นวเรศก็รีบลุกเดินมาหา
“มันเกิดอะไรขึ้นครับ?” วเรศถาม
พีรพลถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คุณชื่นจะให้น้องอรหมั้นกับเรา” พีรพลบอก วเรศตกใจ “แต่ครั้งนี้น้องอรไม่ยอม ก็เลยทะเลาะกันรุนแรงจนน้องอรหนีออกจากบ้าน อาพยายามโทรหา แต่น้องอรก็ไม่รับสาย ตั้มช่วยตามหาน้องอรให้อาทีเถอะ”
“ได้ครับ เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง คุณอารีบเข้าไปดูคุณอาชื่นเถอะครับ”
“ฝากด้วยนะตั้ม”
วเรศพยักหน้าแล้วก็รีบเดินออกไป พีรพลมีสีหน้ากังวลใจมาก
วเรศพยายามโทรหาอรวิลาส
“รับสายสิอร”
อรวิลาสไม่รับสาย ระหว่างนั้นหนูอ้อยก็เดินออกมาหาวเรศ
“พี่ตั้มคะ” หนูอ้อยเรียก วเรศหันไป “โทรหาพี่อรได้มั๊ย”
“ไม่ได้เลย อรไม่รับสายพี่ แล้วพี่ก็ไม่รู้จักเพื่อนอรซักคน”
วเรศกลุ้มใจมาก แล้วหนูอ้อยก็นึกอะไรออก
“หรือว่าพี่อรจะไปหาพี่ป่องคะ”
วเรศหันไปมองหนูอ้อย
“จริงสิ..นายป่อง?” วเรศเห็นด้วย
วเรศจะกดโทรหาปองเทพ แล้วเขาก็นึกขึ้นได้
“พี่ไม่มีเบอร์ป่อง”
“งั้นก็โทรหาพี่ชะเอมสิคะ เพราะว่าพี่ชะเอมเป็นแฟนกับพี่ป่อง” หนูอ้อยเสนอ
วเรศชะงักแล้วเขาก็ลังเลขึ้นมา
เอมิกาเดินมาที่รถตู้ที่มีป้ายด้านหลังเขียนว่า “กรุงเทพ-ราชบุรี” เอมิกาหันไปทางนงลักษณ์
“ทำไมแกไม่ขับรถไปเอง ไปรถตู้ทำไม?” นงลักษณ์ถาม
“ฉันอยากนั่งเฉยๆ เผื่อจะคิดอะไรเกี่ยวกับบทออก” เอมิกาบอก
นงลักษณ์พยักหน้าเข้าใจ “ถึงแล้ว โทรบอกฉันด้วย เดินทางดีดีล่ะแก”
“อือ..ขอบใจที่มาส่ง”
นงลักษณ์พยักหน้าแล้วก็เดินออกไป เอมิกานั่งรอที่ม้านั่ง ทันใดนั้นเสียงมือถือของเอมิกาก็ดังขึ้น เอมิกาเห็นชื่อวเรศก็อึ้งแล้วกดปิดเสียง ก่อนจะรีบเก็บมือถือใส่กระเป๋า
วเรศวางสายแล้วหันมาทางหนูอ้อย
“พี่ชะเอมไม่รับโทรศัพท์เหรอคะ?” หนูอ้อยถาม
วเรศพยักหน้าแล้วก็คิด
เวลาผ่านไป วเรศมาคุยกับรปภ. โรงงานของนงลักษณ์
“คุณเอมกับคุณนงไม่อยู่ครับทั้งคู่เลยครับ”
“แล้วชะเอม เอ่อ..เอมไปไหน..ลุงพอจะรู้มั๊ย”
“คุณนงไปส่งคุณเอมที่ท่ารถไปราชบุรีครับ”
วเรศอึ้ง
คนขับรถตู้ออกมาเรียกผู้โดยสาร
“รถไปราชรีจะออกแล้วนะครับ”
เอมิกาลุกขึ้นแล้วเดินไปเข้าแถวขึ้นรถ รถของวเรศแล่นเข้ามาจอดที่ด้านหลัง วเรศรีบลงจากรถแล้วมองหาเอมิกา เขาเห็นเอมิกาเดินขึ้นไปบนรถตู้ วเรศรีบวิ่งไปหาทันที
คนขับรถกำลังจะปิดประตู แต่วเรศยื่นมือมาจับประตูเอาไว้ คนขับหันไปมองวเรศอย่างงงๆ วเรศผลักประตูให้เปิดกว้างแล้วโผล่หน้าเข้าไปจนเห็นว่าเอมิกานั่งอยู่แถวหน้าด้านที่ติดกับหน้าต่าง
“ชะเอม!”
เอมิกาอึ้ง “คุณตั้ม!! คุณมาที่นี่ได้ไง?!”
“ลงมาเดี๋ยวนี้!”
คนขับและผู้โดยสารหันไปมองวเรศกับเอมิกาเป็นตาเดียว
“ฉันไม่ลง”
วเรศเข้าไปในรถแล้วยื่นมือไปจับแขนเอมิกาแล้วฉุดแต่เอมิกายื้อเอาไว้ ผู้คนเริ่มฮือฮา
“คุณจะทำอะไรของคุณห๊ะคุณตั้ม!” เอมิกาว่า
“รีบลงมา เราไม่มีเวลามากนัก” วเรศบอก
“ฉันไม่ไป! ปล่อย!”
เอมิกาพยายามแกะมือวเรศออก แต่วเรศไม่ปล่อย
คนขับรถเริ่มหัวเสีย “จะคุยกันอีกนานมั๊ย มันเสียเวลานะคุณ”
“ได้ยินแล้วนะ อย่าทำให้คนอื่นเสียเวลา” วเรศว่า
ผู้โดยสารหันไปมองวเรศ วเรศดึงเอมิกา แต่เอมิกาก็ยังไม่ยอม
“คุณนั่นแหละทำให้คนอื่นเสียเวลา ฉันอยู่ของฉันดีดี คุณก็มาสั่งให้ฉันไปกับคุณ”
ผู้โดยสารบนรถหันไปมองเอมิกา วเรศสุดทนจึงยื่นหน้าเข้าไปหาเอมิกา
“ถ้าคุณไม่มากับผม ผมจะจูบคุณต่อหน้าทุกคนเดี๋ยวนี้!” วเรศขู่
เอมิกาตกใจมาก วเรศจ้องหน้าทำท่าทางเอาจริง ผู้โดยสารและคนขับฮือฮาอย่างชอบใจ เอมิกาหันไปมองคนอื่นด้วยความอาย
“คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอคุณตั้ม?”
“เออ ผมจะบ้าตายก็เพราะคุณเนี่ยแหละ”
ผู้โดยสารคนที่นั่งข้างเอมิกาทนไม่ไหว
“ยอมผัวไปเหอะเจ๊ จะได้จบๆ พวกเราจะได้ไปซักที”
คนอื่นๆ เห็นด้วย “เออ จริงจริง”
“เค้าไม่ใช่ผัวฉัน!” เอมิกาเถียง
“อย่าเยอะน่าเจ๊ เค้ามาง้อขนาดนี้แล้ว” ผู้โดยสารคนหนึ่งหันไปทางวเรศ “ลากลงไปเลยเพ่”
คนอื่นๆ เห็นด้วย “ลากไปเลย ลากไปเลย ลากไปเลย”
เอมิกาทำหน้าเหรอหรา วเรศหันไปทางผู้โดยสารคนอื่นๆ
“ขอบคุณมากนะครับ”
แล้ววเรศก็ดึงเอมิกาให้ลงมาจากรถ
รถตู้แล่นออกไป วเรศยืนอยู่กับเอมิกาสองคนพร้อมกระเป๋าเดินทางของเอมิกา เอมิกาหน้าหงิกเพราะไม่พอใจอย่างแรง
“คุณมารั้งฉันไว้ทำไม? ทำไมไม่ปล่อยฉันไปซักที!”
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากยุ่งกับเธอนักหรอก ถ้าไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ ตอนนี้อรหนีออกจากบ้าน เพราะทะเลาะกับคุณอาชื่น” วเรศบอก
เอมิกาตกใจมาก “ห๊ะ!!”
“ฉันโทรหาอรหลายครั้งแล้ว อรไม่รับสาย ฉันก็เลยคิดว่าอรน่าจะไปหาป่อง พอฉันโทรหาเธอ เธอก็ไม่รับสายอีก ฉันถึงต้องมาหาเธอด้วยตัวเอง คราวนี้เข้าใจเหรอยัง”
เอมิการีบแก้ตัว “ฉัน..ปิดเสียงมือถือเอาไว้น่ะ”
“ปิดเสียงมือถือ หรือไม่อยากรับโทรศัพท์ฉันกันแน่”
“คุณตั้ม! อย่าหาเรื่องได้ไม๊”
เอมิการีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันจะโทรหาป่อง” เอมิกาบอก
เอมิกาเอามือถือออกมากดโทรออกทันที
อรวิลาสหันไปหาปองเทพที่นั่งข้างๆ เธอ ทั้งสองมานั่งเล่นกันที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง
“ขอบใจมากนะป่องที่มาหาฉัน ฉันไม่รู้จะโทรหาใคร นอกจากนายคนเดียว” อรวิลาสบอก
ปองเทพเป็นห่วง “คุณอรไม่สบายใจเรื่องอะไรครับ”
อรวิลาสเงียบ
“ถ้าคุณอรยังไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นอะไร” ปองเทพบอก อรวิลาสยังเงียบ “เอางี้”
ปองเทพลุกเดินไปยืนริมแม่น้ำ อรวิลาสหันไปมองด้วยความสงสัย
แล้วปองเทพก็ตะโกนออกมา “โว๊ยย!!”
อรวิลาสตกใจมาก คนแถวนั้นหันมามองปองเทพเป็นตาเดียว อรวิลาสรีบเดินมายืนข้างปองเทพ
“นายตะโกนทำไม!!??” อรวิลาสถาม
“คุณอรลองตะโกนดูสิครับ โยนความกลุ้มใจ ความไม่สบายใจ ทิ้งลงแม่น้ำไปเลย” ปองเทพแนะนำ
“บ้าสิ ไม่เอาหรอก ฉันอายเค้า”
“ทำไมต้องแคร์ใครด้วย เราไม่ได้ทำร้ายใครซักหน่อย หัดแหกกฎบ้างเถอะครับ เชื่อผมสิ”
ปองเทพยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเชิญชวน อรวิลาสคิดตามแล้วก็หันไปมองที่แม่น้ำก่อนจะตัดสินใจ
อรวิลาสตะโกนแต่ก็ไม่กล้าตะโกนดัง “โว๊ยยย!!”
“ดังๆเลยครับ ร้องพร้อมกันก็ได้ หนึ่ง..ส่อง...ส่าม...”
ทั้งคู่ตะโกนออกมาพร้อมกัน “โว๊ยยย!!!”
อรวิลาสหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ปองเทพหันไปมอง
“รู้สึกโล่งขึ้นจริงๆด้วย” อรวิลาสบอก
“คุณอรอยากเล่าให้ผมฟังเหรอยังครับ ว่าคุณอรเป็นอะไร?”
อรวิลาสมองปองเทพแล้วก็ค่อยๆหุบยิ้ม ยังไม่ทันได้เล่าอะไรเสียงมือถือของปองเทพก็ดังขึ้น ปองเทพหยิบออกมาเห็นหน้าจอขึ้นชื่อ “เอม” ก็นิ่งไป เขาไม่กล้ารับสายเพราะอยู่กับอรวิลาส
“นายรับสายก่อนก็ได้” อรวิลาสบอก
“ไม่ครับ ตอนนี้คุณอรสำคัญกว่า” ปองเทพพูด อรวิลาสชะงัก “ตกลงคุณอรเป็นอะไรครับ?”
อรวิลาสยังไม่ทันบอก เสียงเมสเสจก็ดังขึ้น ปองเทพเอามือถือขึ้นมากดอ่านในใจ
“ป่องอยู่กับคุณอรรึเปล่า ถ้าอยู่ฝากบอกคุณอรว่าตอนนี้คุณชื่นอยู่โรงพยาบาล”
ปองเทพตกใจอีกครั้ง แล้วเขาก็เงยหน้ามองอรวิลาส
“คุณอรครับ.”
ปองเทพหน้าเสียจนอรวิลาสสงสัย
ปองเทพรีบพาอรวิลาสมาที่หน้าห้องพักของชื่นฤทัย จนมาเจอวเรศกับเอมิกาที่ยืนรออยู่
“พี่ตั้ม..คุณแม่เป็นไงบ้างคะ” อรวิลาสถาม
“หมอบอกว่าคุณอาชื่นเครียด ก็เลยทำให้ความดันขึ้นจนหมดสติ” วเรศบอก
อรวิลาสรู้สึกผิดมาก “เป็นเพราะอรแท้ๆ”
อรวิลาสจะร้องไห้ แล้วเธอก็รีบเข้าไปในห้อง วเรศหันไปมองเอมิกาแวบนึงแล้วก็รีบตามอรวิลาสเข้าไปในห้องทันที ปองเทพกับเอมิกาได้แต่ยืนมองตามวเรศกับอรวิลาสที่เข้าไปข้างใน แต่ประตูปิดไม่สนิท
อรวิลาสเข้ามาหาชื่นฤทัยที่ข้างเตียง โดยมีวเรศ พีรพล และหนูอ้อยยืนอยู่ด้วย
อรวิลาสร้องไห้ด้วยความเสียใจ “คุณแม่...” อรวิลาสจับมือชื่นฤทัยขึ้นมากุมแน่น
วเรศกับพีรพลมองด้วยความเห็นใจ หนูอ้อยสงสารอรวิลาส ไม่นานชื่นฤทัยก็รู้สึกตัว ทุกคนดีใจ
“อร..” ชื่นฤทัยเรียกลูกสาว
อรวิลาสเข้าไปกอด “อรขอโทษนะคะ ขอโทษที่ทำให้คุณแม่ต้องเข้าโรงพยาบาล อรขอโทษ”
ชื่นฤทัยเอามือลูบหลังอรวิลาส
“ไม่เป็นไรลูก แม่ไม่เป็นอะไร”
ปองเทพกับเอมิกามองภาพตรงหน้าแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ สักพักอรวิลาสก็ผละออกมา ชื่นฤทัยหันไปทางวเรศ
ชื่นฤทัยพูดด้วยเสียงที่ยังอ่อนแรง “หลานตั้ม...เข้ามาใกล้ๆอาที”
วเรศขยับมายืนข้างๆ อรวิลาส
“อามีเรื่องอยากขอร้อง”
วเรศ อรวิลาส และพีรพลชะงักเพราะรู้ว่าชื่นฤทัยจะพูดเรื่องอะไร หนูอ้อยมองตาปริบๆ
“มันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของอา อาอยากให้ตั้มรับปาก...อาอยากให้ตั้มดูแลน้องอร”
“ผมต้องดูแลน้องอรอยู่แล้วครับ เพราะน้องอรเป็นเหมือนน้องสาวของผม” วเรศบอก
“อาไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น อาอยากฝากชีวิตน้องอรไว้ในมือตั้ม”
ชื่นฤทัยจับมือวเรศให้มาจับมืออรวิลาส ทั้งสองคนชะงักมองหน้ากัน
“อาอยากให้เราสองคน...แต่งงานกัน”
วเรศ อรวิลาส และพีรพลชะงักกึก หนูอ้อยอ้าปากค้าง
เอมิกากับปองเทพต่างก็อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน เอมิกาไม่สามารถทนยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกได้จึงเอ่ยขึ้น
“ป่อง..เราว่ากลับกันเหอะ”
ปองเทพพยักหน้า แล้วเอมิกากับปองเทพก็เดินออกไปแบบใจโหวงๆ ด้วยกันทั้งคู่ วเรศดึงมือออกมาจากชื่นฤทัย
“คุณอาครับ..เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ผมว่าเราค่อยพูดกันอีกทีตอนที่คุณอาออกจากโรงพยาบาลดีกว่า ตอนนี้คุณอาพักก่อนเถอะนะครับ” วเรศบอก
ชื่นฤทัยพยักหน้า วเรศหันไปมองอรวิลาสอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 11 (ต่อ)
หลายวันผ่านไป พีรพล ชื่นฤทัย และวิยะดานั่งอยู่ด้วยกันที่บ้านวิยะดา
“ที่น้องมาหาคุณพี่ เพราะมีเรื่องร้อนใจอยากเรียนปรึกษาค่ะ” ชื่นฤทัยเกริ่น
วิยะดามีสีหน้าแปลกใจ
“เรื่องอะไรคะ?”
“เรื่องหมั้นระหว่างหลานตั้มกับน้องอร” ช่ื่นฤทัยบอก
พีรพลอึ้งที่ชื่นฤทัยโพล่งออกมา วิยะดาตกใจ
“คุณชื่น” พีรพลพยายามจะห้าม
ชื่นฤทัยหันไปจับขาพีรพลแน่นเพื่อไม่ให้พูดทำเอาพีรพลไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“น้องเห็นว่าหลานตั้มกับน้องอรสนิทสนมกัน และเราทั้งสองครอบครัวก็ปรองดองกันดี น้องก็เลยอยากจะให้เราเป็นทองแผ่นเดียวกัน เข้าทำนองที่ว่า เรือล่มในนอง ทองจะไปไหน คุณพี่เห็นเป็นยังไงคะ?”
วิยะดามองชื่นฤทัยพลางครุ่นคิด
ตกกลางคืน วิยะดาเดินมานั่งข้างๆ วเรศ
“วันนี้ชื่นกับพีมาหาแม่ที่บ้าน มาพูดเรื่องงานหมั้นของลูกกับน้องอร” วิยะดาเล่า วเรศชะงัก “แม่ว่าก็ดีเหมือนกันถ้าลูกกับน้องอรจะลงเอยกัน”
วเรศอึ้ง “แม่ครับ...มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมเห็นอรเหมือนน้องสาว”
“แต่เห็นอดีตแม่บ้านของชื่นเป็นคนรักงั้นเหรอ?!”
“แม่วกเข้ามาเรื่องชะเอมอีกแล้ว”
“ถ้าลูกพูดออกมาว่าลูกไม่ได้รักชะเอม แม่ก็จะไม่พูดเรื่องของเค้าอีก” วิยะดาบอก วเรศนิ่งงัน “พูดมาสิ พูดออกมาให้แม่ได้ยิน”
วเรศไม่กล้าพูด วิยะดาหน้าเสีย
“นี่ลูกไม่กล้าพูด?!”
วเรศเงียบแทนคำตอบ วิยะดาโมโหมาก
“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวหมั้นกับน้องอรได้เลย!”
วิยะดาพูดจบก็เดินจ้ำออกไปด้วยความโกรธ วเรศได้แต่ยืนนิ่งเพราะพูดไม่ออก
วิยะดาออกมาคุยโทรศัพท์กับชื่นฤทัย
“น้องชื่น...เรื่องที่เราคุยกันวันนี้ พี่เห็นด้วย”
ความเหี้ยมเกรียมปรากฎอยู่บนใบหน้าของวิยะดา
นงลักษณ์มองหน้าดร.เพี้ยนด้วยความตกใจ
"งานของคุณตั้ม?!!”
"ทางกระทรวงขอความร่วมมือจากนักศึกษาในการทำแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวในคอนเซปเวดดิ้ง เพราะมันใกล้ถึงวันวาเลนไทน์ แคมเปญนี้ถูกจัดใน 15 จังหวัด ซึ่งจะ มี 15 มหาวิทยาลัยที่ได้เข้าร่วมโครงการ และมหาวิทยาลัยของเราก็ได้รับการคัดเลือก ฉันเห็นเธอเป็นคนกว้างขวาง ก็เลยอยากให้เธอทำงานนี้" ดร.เพี้ยนบอก
นงลักษณ์ดีใจ "ได้ค่ะ นงรับรองว่าจะไม่ทำให้ดร.และ มหาวิทยาลัยเสียชื่อเสียงเด็ดขาด"
นงลักษณ์มีสีหน้ามุ่งมั่นสุดๆ
กองถ่ายภาพนิ่งเตรียมงานกันอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง วเรศเดินเข้ามาเห็นนงลักษณ์กำลังเซ็ทของประกอบฉากอยู่ก็ตกใจมาก
"นง!!!??..พวกเธอเหรอที่จะมาทำโปรเจคนี้ร่วมกับฉัน?”
นงลักษณ์ตอบรับ "ใช่ค่ะ"
สักพักเอมิกาก็เดินถือของมา วเรศหันไปมองตาม ทันทีที่เอมิกากับวเรศเห็นหน้ากันก็ถึงกับผงะ
"ชะเอม!!”
"ทีมงานคุณภาพของเราเองค่ะ" นงลักษณ์บอก
วเรศอึ้งเพราะพูดไม่ออก เอมิกาหันไปมองนงลักษณ์อย่างไม่พอใจ
"นง ฉันมีเรื่องอยากคุยกับแก" เอมิกาบอกนงลักษณ์
เอมิกาเดินออกไปโดยที่ไม่มองหน้าวเรศ นงลักษณ์มองวเรศด้วยสายตาเลิ่กลั่กแล้วเดินตามเอมิกาไป
เอมิกาหันมาทางนงลักษณ์ด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
"ทำไมแกไม่บอกฉันว่านี่เป็นงานของคุณตั้ม?!”
"ฉันลืม" นงลักษณ์ตอบตามความจริง
"ลืม? ถ้างั้นฉันไม่ทำ!”
"ทำไม?”
"เพราะฉันไม่อยากเจอเค้า"
"เป็นมืออาชีพหน่อยสิแก" นงลักษณ์ว่า เอมิกาเงียบ "งานนี้ดร.ซีเรียสมากถ้าแกไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ งั้นแกก็ไปแก้ตัวกับดร.เองก็แล้วกัน"
"ไอ้นง!!”
นงลักษณ์แบะปากใส่เอมิกาแล้วก็หันหลังเดินออกไป เอมิกาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เอมิกาเดินตามนงลักษณ์กลับมา วเรศกำลังคุยกับชัยพรและเพื่อนๆ คนอื่น พอวเรศหันไปเห็นเอมิกา เอมิกาก็มีท่าทีกระอักกระอ่วนแล้วก็ตัดสินใจเดินมาหาวเรศ
เอมิกาพูดเบาๆ พอให้ได้ยินแค่สองคน "ถ้าคุณอึดอัดที่มีฉันรวมอยู่ในทีม..”
วเรศพูดสวนขึ้นมาทันที "ฉันเป็นคนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว เธอไม่ต้องห่วง"
วเรศพูดจบก็หันไปคุยกับคนอื่นต่อด้วยสายตาที่เย็นชาและไร้เยื่อใย
นงลักษณ์หันไปทางชัยพรกับเพื่อนๆ "เอ้าพวกเรา...เริ่มงานได้เลย!!! ให้ว่องให้ไวหน่อย"
นงลักษณ์ ชัยพร และเพื่อนๆ แยกย้ายกันออกไป วเรศเหลือบมองเอมิกาแว๊บนึงแล้วก็เดินออกไป นงลักษณ์หันมาเห็นเอมิกายังยืนเฉยก็เดินมาหา
"เอม...ไปแต่งตัวได้แล้ว"
เอมิกาพยักหน้า แล้วเดินออกไปกับนงลักษณ์
เอมิกาในชุดเจ้าสาวเดินออกมาจากเต๊นท์ที่ใช้สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อนเอมิกาเข้ามาช่วยจัดชุดให้ ระหว่างนั้นนงลักษณ์ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเอมิกา
"แย่แล้วเอม!!! เต้..เพื่อนชัยโยที่เราติดต่อให้มาเป็นนายแบบเบี้ยวมาไม่ได้"
เอมิกาตกใจ "ห๊ะ!!! แล้วเราจะไปหานายแบบตอนนี้ที่ไหนได้ทัน"
นงลักษณ์กลุ้มใจมาก "ให้มันได้อย่างนี้ดิวะ นี่เป็นงานสร้างชื่อของมหาลัย แล้วด๊อกเตอร์ก็ไว้ใจให้ฉันทำ เพราะฉะนั้นฉันจะทำให้มันพังไม่ได้เด็ดขาด"
นงลักษณ์คิดแล้วก็หันไปเห็นวเรศที่ยืนนิ่งๆ อยู่ นงลักษณ์จึงนึกออก
"ฉันหานายแบบได้แล้ว เดี๋ยวฉันมานะเอม"
นงลักษณ์รีบเดินไป เอมิกาสงสัยว่าเป็นใคร
วเรศหันมาทางนงลักษณ์ด้วยสีหน้าตกใจ
"จะให้ฉันเป็นนายแบบ?!! อีกแล้วเหรอ? ครั้งที่แล้วตอนงานแฟชั่นอาแป๊ะก็ทีนึงแล้วนะ เธอก็เห็นว่าฉันทำไม่ได้!”
"เดินแบบมันยากกว่าถ่ายแบบอยู่แล้วค่ะ คุณตั้มแค่ยืนนิ่งๆ ก็เท่ห์โคดแล้ว ไม่ต้องเดินไปมุมนั้นมุมนี้ให้เมื่อยตุ้ม" นงลักษณ์อธิบาย วเรศหน้าเสีย นงลักษณ์รีบบิ้วต่อ "แล้วอีกอย่างนะคะ คุณตั้มเป็นถึงท่านเลขารัฐมนตรี การที่คุณตั้มมาเป็นพรีเซนเตอร์ด้วยตัวเอง จะทำให้แคมเปญนี้ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น คุณตั้มช่วยนงเถอะนะคะ"
วเรศมองนงลักษณ์อย่างคิดหนักมาก
ชัยพรกำลังตั้งกล้องถ่ายรูปพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย
"แกจะตามมามั๊ยวะป่อง" ชัยพรฟัง "มาก็ดี จะได้มาช่วย มือเป็นระวิงแล้วเนี่ย" ชัยพรฟัง "อยู่ที่สวนรถไฟ แกอยู่แถวนี้พอดี เยี่ยม!...มาด่วนเลยนะเพื่อน"
ชัยพรวางสาย ไม่นานนงลักษณ์ก็พาวเรศที่แต่งชุดเจ้าบ่าวเดินออกมา
"เชิญคุณตั้มมายืนตรงนี้เลยครับ" ชัยพรบอก
วเรศเดินเข้ามายืน ไม่นานเอมิกาก็เดินออกมากับเพื่อนอีกคนหนึ่ง วเรศหันไปเห็นเอมิกาก็ตะลึงในความสวย พอเอมิกาเห็นวเรศก็ตาค้างไปทันที เอมิการีบหันขวับไปทางนงลักษณ์
เอมิกากระซิบ "เนี่ยเหรอนายแบบคนใหม่ของแก"
"เออ..”
"อีกแล้วนะไอ้นง ทำไมแกไม่บอกฉัน!”
"จะเอาเวลาที่ไหนไปบอก ไม่เห็นเหรอว่าทุกอย่างมันยุ่งวุ่นวายไปหมด รีบทำงานซะ! เดอะ โชว์ มาส โก ออน โอเค้..”
เอมิกาพูดไม่ออก เธอจำต้องเดินมายืนข้างๆ วเรศ แล้วชัยพรก็เริ่มทำงาน
"พร้อมนะครับ ขอสวยซึ้งนะครับ พร้อม..หนึ่ง ส่อง ส่าม..”
เอมิกากับวเรศโพสท่าแข็งๆ แล้วทั้งสองก็พูดกันแบบไม่ขยับปาก
"ฉันไม่รู้ว่าคุณมาแทนนายแบบ ถ้าฉันรู้ ฉันจะให้คนอื่นทำแทน" เอมิกาว่า
"ผมก็ไม่รู้ว่าคุณเป็นนางแบบ ถ้าผมรู้ ผมก็ไม่ช่วยนงหรอก" วเรศบอก
เอมิกากับวเรศเขม่นใส่กัน นงลักษณ์มองเอมิกากับวเรศที่สีหน้าบูดหน้าบึ้งก็ไม่พอใจ
"คัทคัท"
วเรศกับเอมิกาหันไปมอง
"ตอนนี้แกกับคุณตั้มแสดงเป็นคนรักที่กำลังจะแต่งงานกัน ขอความใกล้ชิด สนิทสนม ยิ้มแย้มแจ่มใสมากกว่านี้หน่อยสิคะ" นงลักษณ์บิ้ว
เอมิกากับวเรศเหล่มองหน้ากันเพราะรู้สึกลำบากใจมาก แล้วทั้งสองก็ขยับเข้าหากันนิดนึง
นงลักษณ์พูด "ใกล้กว่านี้อีกค่ะ"
เอมิกากับวเรศขยับอีกนิดนึง นงลักษณ์ทนไม่ไหวจึงดันทั้งสองคนให้มาชนกัน เอมิกากับวเรศชะงักตกใจ
"แบบนี้เค้าถึงเรียกว่าใกล้ชิด" นงลักษณ์ว่า
เอมิกากับวเรศทำหน้าไม่ถูกเพราะรู้สึกเขินมาก นงลักษณ์เดินออกมา
"พร้อมนะคะ"
ชัยพรรัวชัตเตอร์สองสามครั้ง
นงลักษณ์สั่งต่อ "เปลี่ยนท่าค่ะ"
วเรศยังยืนแข็งอย่างไม่สนใจเอมิกา เอมิกาหมั่นไส้ที่เห็นวเรศเก็กเลยแกล้งเข้ามาควงแขนวเรศแล้วเอนหัวซบไหล่เขา วเรศชะงักแล้วหันไปมองเอมิกา นงลักษณ์พอใจ ชัยพรถ่ายรูปต่อ
ภาพคู่ปรากฏขึ้นมาหลายรูป โดยที่เอมิกาเป็นฝ่ายถึงเนื้อถึงตัวก่อนทุกรูป จากที่ดูเกร็งๆ ไม่ค่อยยิ้ม ภาพที่สามที่สี่ เธอก็เริ่มยิ้มน้อยๆ ออกมา
วเรศลอบมองเอมิกาตอนที่เธอยิ้ม แล้ววเรศก็ฝืนใจตัวเองต่อไปอีกไม่ไหว เขาคว้ามือเอมิกามาจับ เอมิกาหันไปมองวเรศ แล้วทั้งสองคนก็ยิ้มให้กันเพราะอารมณ์และบรรยากาศพาไป วเรศกับเอมิกาโพสท่าอย่างเป็นธรรมชาติจนเหมือนเป็นแฟนกันจริงๆ นงลักษณ์กับชัยพรจับตาดูพฤติกรรมของเอมิกากับวเรศอย่างสังเกตแล้วก็รู้สึกได้ว่าสองคนมีบางอย่างที่พิเศษต่อกัน
ปองเทพมาถึงสวนสาธารณะ เขาเดินเข้ามาข้างใน
วเรศขี่จักรยานโดยมีเอมิกาซ้อนท้ายและถือลูกโป่งอยู่ในมือ เอมิกานั่งไม่ถนัดจึงจะหล่นเธอเลยรีบโอบเอววเรศเอาไว้ วเรศชะงัก เอมิกาเองก็ผงะแล้วจะปล่อยมือ แต่วเรศจับมือเอมิกาเอาไว้เพราะกลัวเอมิกาหล่น เอมิกาแอบอมยิ้มอย่างรู้สึกดี แล้ววเรศก็ขี่จักรยานไปเรื่อยๆ โดยที่ทั้งสองคนเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น
ปองเทพเดินมาเห็นกองถ่ายภาพนิ่งก็หยุดมองโดยที่ยังไม่เห็นว่านายแบบเป็นใคร ชัยพรเข้ามาเอาจักรยานออกไปจากฉาก
"ช๊อตสุดท้ายแล้วนะคะ...เอมกับคุณตั้มหันหน้ามาหากัน" นงลักษณ์สั่ง
เอมิกากับวเรศหันหน้ามาประจันกัน
"ขยับเข้าไปใกล้ๆเลยค่ะ" นงลักษณ์สั่ง ทั้งสองขยับเข้าหากัน "ให้ปากเกือบชนกันเลย"
เอมิกากับวเรศหันขวับมามองนงลักษณ์
"มันไม่มากไปเหรอนง!!” เอมิกาถาม
"คนรักกันเค้าก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น" นงลักษณ์บอก
"กลัวแฟนหึงเหรอ ไหนบอกไว้ใจกันไง" วเรศถามเอมิกา
เอมิกาฉุนกึกที่วเรศแขวะเธออีกแล้ว
"ไม่พูดก็ไม่มีใครเค้าหาว่าเป็นใบ้หรอกนะคุณตั้ม" เอมิกาว่า
วเรศโมโหจึงจับหน้าเอมิกาแล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เอมิกาหน้าแดงซ่านด้วยความอาย นงลักษณ์ชอบใจสุดๆ
นงลักษณ์พูดกับชัยพร "รัวชัตเตอร์ไปเลยชัยโย"
วเรศกับเอมิกามองหน้ากันนิ่งนานราวกับตกอยู่ในภวังค์ แล้วปากของทั้งคู่ก็เกือบติดกันโดยไม่รู้ตัว
ปองเทพยืนมองทุกอย่างก็ถึงกับกำมือแน่นด้วยความโมโหหึง เขาเดินลุยเข้าไปทันที นงลักษณ์หันไปเห็นก็ตกใจ
"ป่อง!!”
ชัยพรกับเพื่อนนักศึกษาเห็นปองเทพ เอมิกากับวเรศหันมาเห็นปองเทพก็รีบผละออกจากกัน
"ป่อง!” เอมิกาตกใจ
ปองเทพไม่พูดพล่ามทำเพลง เขาตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อวเรศแล้วต่อยเปรี้ยง ทุกคนแตกตื่น วเรศหน้าหันแล้วล้มลงไปบนพื้น เอมิกาช็อคมาก
นงลักษณ์กับชัยพรลากปองเทพมาสงบสติอารมณ์ตรงมุมหนึ่ง
"แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ! แกต่อยคุณตั้มทำไม?!”นงลักษณ์ว่า
ปองเทพยังเลือดขึ้นหน้าอยู่ "แกไม่เห็นที่เค้าทำกับเอมเหรอ"
"มันเป็นการแสดง มันเป็นงาน เข้าใจป่ะ"
"ไม่เข้าใจ! ทำไมแกต้องให้ทำท่าอะไรแบบนั้นด้วย เอมเป็นแฟนฉัน พวกแกก็รู้ มีลิมิตหน่อยดิวะ จะทำอะไรก็คิดบ้าง"
"พวกฉันน่ะคิด แต่แกต่างหากที่ไม่คิด ถึงแกจะไม่พอใจยังไง แกก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายเค้า!!” นงลักษณ์ว่า
ปองเทพเงียบหันไปทางอื่นพยายามสงบสติอารมณ์ นงลักษณ์โมโหมาก ชัยพรมองทั้งสองคนด้วยความเครียด
เอมิการีบเอากระดาษมาซับเลือดที่มุมปากให้วเรศด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก แต่วเรศดึงกระดาษมาจากเอมิกา
"ไม่ต้อง" วเรศบอก เอมิกาผงะ "ฉันทำเอง"
วเรศค่อยๆเอากระดาษมาซับเลือดตรงมุมปาก
"ขอโทษแทนป่องด้วยนะคะ ฉันไม่นึกว่าป่องจะกล้าทำแบบนี้"
"ช่างเหอะ...ฉันไม่โกรธ ฉันเข้าใจ นายป่องคงจะหวงเธอมาก" วเรศหันไปพึมพำกับตัวเอง "โดนซะบ้างก็ดี" วเรศเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนสีหน้าเจ็บปวด
วเรศไม่หันไปมองหน้าเอมิกา เอมิกาได้ยินคำพูดของวเรศแต่ไม่ถนัด
"คุณตั้มว่าอะไรนะคะ"
"เปล่า"
วเรศลุกขึ้นยืน เอมิการีบลุกยืนตาม
"คุณตั้มจะไปไหน"
วเรศถอนใจแล้วหันไปทางเอมิกา "เป็นแผลแบบนี้ คงถ่ายกันต่อไม่ได้แล้วหละ ฝากขอโทษนงแทนฉันที"
วเรศพูดจบแล้วก็รีบเดินออกไป เอมิกาหันไปมองตามวเรศด้วยสีหน้าเศร้า
ปองเทพยังยืนนิ่งและหันหลังให้นงลักษณ์ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด นงลักษณ์เดินมาตรงหน้าปองเทพ ส่วนชัยพรยืนอยู่ข้างหลัง
"ที่แกต่อยคุณตั้ม เพราะแกหึงหรือทำตัวเป็นหมาหวงก้างกันแน่" นงลักษณ์ว่า
ปองเทพหน้าถอดสี
"แกหมายความว่าไง"
"หึง..ก็คือ แกรักเอม แล้วแกก็ไม่พอใจที่เห็นเอมอยู่กับผู้ชายคนอื่น แต่หมาหวงก้างหมายถึง แกไม่ได้รักเอม แต่แกหวงเพราะเอมเคยเป็นคนที่แกรัก แกก็เลยไม่อยากให้ใครได้ไป"
ปองเทพตกใจ ชัยพรรีบเดินมาข้างๆนงลักษณ์แล้วพูดเสริม
"ลองเงียบแบบนี้แสดงว่าเป็นอย่างหลังชัวร์!!”
"ไอ้ชัยโย!!" ปองเทพรีบปฏิเสธกับนงลักษณ์ "ฉะฉัน..ฉันไม่ได้เป็นหมาหวงก้างนะเว๊ย"
"อย่าโกหก"
"ฉะฉะฉันฉัน..ฉันไม่ได้โกหก"
"เวลาแกโกหกทีไร แกติดอ่างทุกที" นงลักษณ์บอก ปองเทพเงียบ "แกไม่ได้รักเอมแล้วใช่มั๊ยป่อง" ปองเทพผงะ นงลักษณ์ฉุนเฉียว "ทำไมแกไม่ตอบ?!”
ปองเทพไม่กล้าพูด "อ่า....”
"เออ ทำไมแกไม่ตอบวะ??” ชัยพรเร่ง
นงลักษณ์ถามเน้นและย้ำ "แกรักไอ้เอมรึเปล่า?!”
ปองเทพลนลาน "ก็..เออดิ"
"เออดิของแกนี่แปลว่ารักหรือไม่รัก" ชัยพรถาม
"ฉันไม่ใช่นักโทษนะเว๊ย จะซักฉันไปถึงไหน?”
"ก็จนกว่าแกจะพูดความจริง" นงลักษณ์บอก ปองเทพกลืนน้ำลายดังเอื๊อก "แกกับไอ้เอมเป็นเพื่อนฉัน ฉันไม่อยากเห็นใครคนใดคนหนึ่งต้องเสียใจ" ปองเทพนิ่ง "จะบอกได้ยัง?" ปองเทพยังเงียบ
"แกก็รู้ว่าเวลาไอ้นงโมโหมันเหมือนหมาบ้า ฉันช่วยแกไม่ได้นะเว๊ย" ชัยพรบอก
ปองเทพหันไปมองนงลักษณ์ นงลักษณ์ถลกแขนเสื้อแล้วเงื้อหมัดจะต่อย ปองเทพกลัวรีบยกมือห้าม
"ยะอย่า..อย่า!! ฉัน.." ปองเทพตัดใจพูด "ฉันไม่ได้รักเอมแล้ว"
นงลักษณ์กับชัยพรอึ้ง ทั้งสองหันขวับมามองหน้ากัน นงลักษณ์กำมือแน่นแล้วก็เหวี่ยงหมัดออกไป แต่ปองเทพหดหัวหลบได้ทัน
"ฉันบอกแกแล้ว แกต่อยฉันทำไม?” ปองเทพถาม
"เพราะแกมันเป็นไอ้ขี้ขลาดไง" นงลักษณ์ว่า ปองเทพกับชัยพรอึ้ง "แกไม่รักเอม..แล้วทำไมแกไม่บอกมัน แกจะกั๊กมันไว้ทำไมห๊ะ?!”
ปองเทพหน้าเสีย "ฉันไม่ได้กั๊ก ฉันแค่ยังไม่แน่ใจ ก็เลยยังไม่ได้บอกเอม"
"งั้นฉันจะบอกให้แกแน่ใจได้เลยว่าแกรักคุณอรแกไม่ได้รักเอม!!! ฉันเห็นอาการแกมานานแล้ว ถ้าแกไม่ได้รักเอม อย่าไปกั๊กมัน ปล่อยให้มันได้รู้จักใจตัวเอง ได้ทำตามใจตัวเองบ้าง ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เคลียร์กับเอมซะ"
ปองเทพเงียบเพราะรู้สึกเครียด
เอมิกาในชุดเจ้าสาวนั่งเศร้า ปองเทพเดินออกมาเห็นเอมิกาก็หยุดเดินด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ก่อนจะเดินเข้ามาหา
"เอม..”
เอมิกาหันไปเห็นปองเทพก็ลุกขึ้นยืน
"คุณตั้มไปไหน" ปองเทพถาม
"กลับไปแล้ว" เอมิกาตอบ
ปองเทพอึ้ง "ไม่ใช่เพราะว่าเค้าโกรธนะ"
"ไม่ใช่...เราขอโทษเค้าแทนป่องแล้ว ไม่ต้องห่วง" เอมิกาถอนหายใจออกมา
ปองเทพมองเอมิกาด้วยสีหน้าลังเล
"เอม...เรามีบางอย่างที่ต้องบอกเอม มันอาจจะไม่ถูกที่ถูกเวลานัก แต่จะช้าจะเร็ว เอมก็ต้องรู้" ปองเทพบอก เอมิกานิ่วหน้า "ที่ผ่านมา..เอมเป็นทุกอย่างสำหรับเรา เป็นคนที่เราคิดว่าเราอยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต แต่พอมาวันนี้...มัน..มันไม่ใช่" เอมิกาชะงัก "ที่เราคิดแบบนั้น มันเกิดจากความเคยชินที่เรามีเอมอยู่ข้างๆ มันทำให้เราเข้าใจว่านั่นคือความรัก ทำให้เรานึกไปว่าเรารักเอม แต่พอเราได้เจอคุณอร" เอมิกานิ่งฟังอย่างตั้งใจ "เราถึงได้รู้ว่า..กับเอมมันคือความรู้สึกแบบเพื่อน แต่คุณอร...มันมากกว่านั้น"
เอมิกาอึ้ง ปองเทพหน้าเสียมากเพราะนึกว่าเอมิกาไม่พอใจ
"เอมจะด่าจะว่าจะตบจะเตะเรายังไงก็ได้ เรายอมเอมทุกอย่าง เรารู้ว่าเราผิด เราขอโทษนะเอม เราขอโทษ"
"ป่องไม่ต้องขอโทษ" เอมิกาบอก ปองเทพชะงัก “....เราเข้าใจ"
ปองเทพมองเอมิกาด้วยสีหน้าตกตะลึง
"เอมเข้าใจ!!!!?”
เอมิกาพยักหน้า "ความจริง เราก็รู้สึกแบบเดียวกับป่อง" ปองเทพชะงัก "แต่ป่องกล้าหาญมากกว่าเราที่กล้าพูดความจริงออกมา"
ปองเทพยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ
"ไม่เป็นไรป่อง ไม่เป็นไร เรามาเป็นเพื่อนกันก็ได้"
ปองเทพพยักหน้า "อื้อ..เรามาเป็นเพื่อนกัน"
เอมิกากับปองเทพยิ้มให้กันด้วยความดีใจ ทั้งสองจับมือกัน
"ขอบคุณมากนะป่อง สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ป่องทำให้เรา"
"เราก็ต้องขอบคุณเอมเหมือนกัน ที่เอมช่วยเหลือเราในทุกๆเรื่อง ขอบใจจริงๆ ส่วนเรื่องคุณตั้มเราขอโทษ เราวู่วามมากไป"
"ไม่เป็นไร ป่องไปขอโทษคุณตั้มเถอะ"
เอมิกากับปองเทพยิ้มให้กันอย่างรู้สึกดี
วเรศนั่งจ๋อยอยู่กับชื่นฤทัย พีรพล และอรวิลาสที่บ้านชื่นฤทัย
"ทำไมวันนี้ทำอาหารเยอะแยะจังเลยคุณ จะมีใครมาทานกับเรารึเปล่า" พีรพลถาม
"ไม่มีค่ะ ก็มีแค่เราเนี่ยแหละ แต่ที่ทำอาหารเยอะ เพราะอารมณ์ดี มีความสุข ที่จะได้เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา" ชื่นฤทัยบอก
อรวิลาสกับวเรศผงะและทำหน้ากันไม่ถูก ชื่นฤทัยยิ้มปลื้ม พีรพลหันไปมองวเรศกับอรวิลาสด้วยสีหน้าเห็นใจ
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 11 (ต่อ)
รถหรูคันหนึ่งแล่นเข้ามาในบ้านชื่นฤทัย นาก สมพิศ บรรจง และจุ่นวิ่งออกมาดู ทุกคนมองด้วยความแปลกใจและลุ้นว่าเป็นใคร แป๊ะที่กำลังเดินมาบ้านชื่นฤทัยเห็นเข้าก็แปลกใจรีบเดินเข้าไปหา
สักพักคนขับก็ลงมาเปิดประตู พล.ต.ท.เทพ ก้าวขาลงมาจากรถ แป๊ะเห็นก็หยุดมองด้วยสีหน้าตะลึง ทุกคนในบ้านชื่นฤทัยมองลุ้น พล.ต.ท.เทพลงมายืนในชุดตำรวจเต็มยศ ใส่แว่นดำ ผมทรงเอลวิส จอนยาวลงมาถึงคาง ทุกคนผงะและอ้าปากค้าง
“ดารารึเปล่าวะนั่น?!” นากถาม
“หลงมาจากยุค 2499 รึเปล่า” แป๊ะว่า
สมพิศ บรรจง และจุ่นมองตาค้าง “ใครวะ”
สักพักปองเทพก็ก้าวลงมาจากรถอีกด้านด้วยท่าทางที่จ๋อยสุดขีด ทันทีที่แป๊ะเห็นปองเทพก็ดีใจมาก
"ป่อง!”
ปองเทพกับพล.ต.ท.เทพหันไปเห็นแป๊ะ พล.ต.ท.เทพผงะกับท่าทางตุ้งติ้งของแป๊ะ ส่วนปองเทพก็แทบช็อค
"คุณแป๊ะ!!”
แป๊ะไม่พูดพล่ามทำเพลงรีบวิ่งมาหาปองเทพแล้วกระโดดล็อคเอวปองเทพแน่น ทำเอาปองเทพแทบล้มทั้งยืน ส่วนพล.ต.ท.เทพตกใจมาก
"ป่อง..เธอหายไปไหนมา!! ฉันคิดถึงเธอมากเลยรู้มั๊ย..ป่องจ๋า..ป่องของฉัน"
แป๊ะหอมหน้าผากปองเทพดังจ๊วบ ปองเทพหน้าซีดเพราะพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เขาหันไปเหล่พล.ต.ท.เทพที่ยืนตาเขียวควันออกหู ทำให้แป๊ะต้องหันไปมองตามแล้วก็สะดุ้ง
"อุ่ย...”
"ลงก่อนดีมั๊ยครับคุณแป๊ะ" ปองเทพบอก
แป๊ะก้มมองเห็นตัวเองกำลังเอาขารัดเอวปองเทพอยู่ก็ยิ้มแหยแล้วรีบกระโดดลงมายืน
พล.ต.ท.เทพถามเสียงดุ "กะเทยนี่เป็นใครห๊ะ!”
ปองเทพตกใจ แป๊ะไม่พอใจอย่างแรงจึงเท้าเอวด้วยหน้าตาเอาเรื่อง
"ว๊าย!!!ตายแล้ว!!ผมไม่ใช่กะเทยนะครับ กรุณาเรียกใหม่ด้วย แล้วคุณล่ะเป็นใคร ขับรถเข้ามาจอดถึงในบ้านคนอื่นเนี่ยได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านเค้าแล้วเหรอยัง?”
พล.ต.ท.เทพโกรธจนหนวดกระดิก ปองเทพเห็นท่าไม่ดีก็รีบไกล่เกลี่ย
"เออ คุณแป๊ะครับ คนนี้คือ..พ่อของผมเองครับ"
"ก็แค่พ่อ..อ่ะโธ่เอ๊ย" แป๊ะนึกขึ้นได้ก็ตกใจหันขวับไปมองปองเทพ "พ่อ!! "ปองเทพพยักหน้า แป๊ะรีบหันไปยิ้มหวานพร้อมสวัสดี "สวัสดีครับคุณพ่อ"
พล.ต.ท.เทพมีสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างแรง
ชื่นฤทัย พีรพล และอรวิลาสมีสีหน้าตกใจมากยกเว้นวเรศกับแป๊ะ พตท.เทพ และปองเทพนั่งอยู่กับทุกคน
"ท่านเป็น" ชื่นฤทัยเน้น "”พ่อ” ของนายป่อง!!”
พล.ต.ท.เทพสะดุ้งกับคำว่า”พ่อ” "ไม่ต้องเน้นคำว่า “พ่อ”มากก็ได้คุณนาย"
ชื่นฤทัย อรวิลาส แลพพีรพลหน้าแหย
"ท่านเป็นพ่อแท้ๆเลยเหรอครับ" พีรพลถาม
"เป็นพ่อแท้ๆ เป็นพ่อบังเกิดเกล้า เป็นคนที่ทำให้มันเกิดมา" พล.ต.ท. เทพบอกทุกคนเงียบ "ผมเพิ่งรู้เรื่องจากลูกชาย ผมถึงต้องมาที่นี่"
แป๊ะหน้าซีดเหงื่อตกแล้วหันไปกระซิบวเรศ
"พ่อนายป่องต้องเอาเรื่องอาแน่เลยตั้ม ถ้าอาตาย ไม่ต้องเก็บถึง 100 วันนะ สวดสามวันแล้วเผาเลย"
วเรศหน้าแหย แล้วพล.ต.ทเทพก็ลุกพรวดขึ้นมายืนทำเอาทุกคนตกใจ
"ผม...พล.ต.ท.เทพ ประทุษพาล" ทุกคนตื่นกลัว พล.ต.ท.เทพพูดเสียงอ่อนลง "ต้องขอโทษแทนลูกชายของผมด้วยจริงๆ" ทุกคนเหวอ "ที่โกหกพวกคุณ ลูกชายผมเป็นนักศึกษา แต่ที่ต้องปลอมตัวเข้ามาเป็นคนใช้ เพราะต้องหาข้อมูลในการเขียนบทเพื่อส่งงานอาจารย์"
วเรศรู้อยู่แล้ว ชื่นฤทัย พีรพล อรวิลาส แป๊ะอึ้งตะลึงงัน
"นี่เรื่องจริงเหรอคะเนี่ย?!”
พล.ต.ท.เทพทำวันทยาหัต์ทำเอาทุกคนตกใจ
"ผมขอเอาดาวบนบ่าเป็นประกันว่าผมไม่ได้โกหก!”
พล.ต.ท.เทพนั่งลง
"ผมต้องขอโทษคุณชื่น คุณพี คุณอร คุณแป๊ะด้วยนะครับที่โกหก" ปองเทพหันไปทางวเรศ "แล้วผมก็ต้องขอโทษคุณตั้มด้วย"
ปองเทพมองวเรศ วเรศมองปองเทพเพราะอย่างรู้ว่าปองเทพขอโทษเรื่องอะไร วเรศพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มให้
"ความจริงเรื่องที่นายป่องโกหก มันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรหรอกนะครับ" พีรพลว่า
พล.ต.ท.เทพรีบบอก "ถึงจะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง โตเป็นควาย" ปองเทพสะดุ้ง "แต่ยังทำอะไรเป็นเด็กๆ แล้วแบบนี้ฉันจะไว้ใจให้แกแต่งงานได้ยังไง?!”
แป๊ะตกใจ ปองเทพหันขวับไปมองอรวิลาส อรวิลาสกับวเรศอึ้ง
"แต่งงาน?!! นี่ป่องจะแต่งงานแล้วเหรอครับ" แป๊ะถาม
"ใช่สิ..ลูกชายผมเป็นผู้ชายแท้ๆ ผู้ชายมันก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิง"
แป๊ะแทบสะอื้นไห้ด้วยความเสียใจ
"พ่อพูดอะไรของพ่อ!! แต่งงงแต่งงานอะไรกัน ผมยังไม่ได้คิด" ปองเทพบอก
"ไม่คิดมันก็ต้องคิด ของแบบนี้มันต้องวางแผนกันยาวๆ" พล.ต.ท. เทพหันไปทางชื่นฤทัย "จริงมั๊ยครับคุณนาย"
"จริงค่ะ ของแบบนี้ มันต้องวางแผน นี่ลูกสาวฉันก็กำลังจะแต่งงานค่ะ" ชื่นฤทัยบอก
ชื่นฤทัยหันไปทางอรวิลาสกับวเรศ ทั้งสองคนทำหน้าไม่ถูก ปองเทพหน้าเสีย
"ถ้าไงเรียนเชิญท่านกับป่องมางานแต่งงานลูกสาวฉันตรงนี้เลยนะคะ"
พล.ต.ท.เทพตอบรับ "ยินดีอย่างยิ่งครับ แหม...เราน่าจะรู้จักกันมาก่อนหน้านี้นานๆ ผมจะได้ให้นายป่องแต่งพร้อมกับลูกสาวคุณนายด้วยอีกคู่"
"นั่นสินะคะ"
ชื่นฤทัย กับ พล.ต.ท.เทพหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกันอย่างมีความสุข ปองเทพ วเรศ อรวิลาสรู้สึกแย่ไปตามๆกัน
พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน อรวิลาสเดินเศร้าอยู่ในสวน เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"นายจะแต่งงานเหรอป่อง?” อรวิลาสพึมพำกับตัวเอง
อรวิลาสน้ำตาคลอเบ้ารู้สึกเสียใจและโมโห ทันใดนั้นเสียงปองเทพก็ดังขึ้น
"คุณอร..." อรวิลาสชะงัก "คุณอร!!”
อรวิลาสหันขวับไปเห็นปองเทพยืนเกาะประตูรั้วอยู่ พอปองเทพเห็นอรวิลาสก็ยิ้มด้วยความดีใจ
"เปิดประตูให้ผมหน่อยครับ"
อรวิลาสเชิดใส่ปองเทพก่อนจะเดินหนี ปองเทพเหวอ
"คุณอร..จะไปไหนครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ คุณอร!!”
อรวิลาสไม่สนใจ เธอจ้ำเดินต่อไป ปองเทพคิดหาทางแล้วก็นึกออก เขาเงยหน้ามองความสูงของประตู แล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
"เอาวะ..เป็นไงเป็นกัน!”
ปองเทพตัดสินใจปีนประตูรั้วขึ้นไป
ปองเทพปีนไปก็ตะโกนเรียกไป "คุณอรรอผมก่อน คุณอร!!”
อรวิลาสหันขวับด้วยความโมโห
"เลิกเรียกชื่อฉันได้แล้ว!!”
อรวิลาสเห็นปองเทพปีนประตูรั้วก็ตกใจ
"นายป่อง!”
อรวิลาสรีบวิ่งมาที่หลังประตู
"นายปีนขึ้นไปทำไม?!! นายบ้าไปแล้วเหรอ"
"ก็คุณอรไม่ยอมเปิดประตูให้ผม ผมก็เลยต้องปีนประตูเข้ามา ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกคุณ"
"นายก็บอกฉันไปหมดแล้วว่านายเป็นใคร? และนายก็กำลังจะแต่งงาน แล้วนายยังจะมีอะไรมาบอกฉันอีกห๊ะนายป่อง...อุ๊ย...ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าคุณป่องถึงจะเหมาะสม"
ปองเทพยังพยายามปีนขึ้นไป "โธ่คุณอร..อย่าประชดผมเลย ผมขอโทษที่ผมโกหกคุณ"
"ฉันไม่ให้อภัย...นายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันเป็นคนโง่ ทั้งๆที่ฉันก็โง่อยู่แล้ว"
"คุณไม่ได้โง่นะครับคุณอร คุณเป็นคนซื่อ แล้วก็เป็นคนดี แถมยังน่ารักอีกด้วย"
อรวิลาสชะงักแล้วเกือบจะเคลิ้ม "ไม่ต้องมาป้อยอฉัน ฉันไม่หลงกลนายหรอก ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว!!”
"ผมไม่ไป ยังไงวันนี้ผมก็ต้องบอกคำสามคำกับคุณให้ได้"
"จะมาบอก “ขอบคุณครับ” กับฉันเหรอไง!”
ปองเทพปีนถึงด้านบนสุดของประตูอย่างเหน็ดเหนื่อย
"ไม่ใช่ครับ..คำสามคำที่ผมจะบอกคุณอรก็คือ..”ผมรักคุณ”
"ไม่ต้องมารักฉัน" อรวิลาสชะงักมองปองเทพแล้วก็อ้าปากค้าง "นะ...นายนายพูดว่าอะไรนะ?!”
"ผม-รัก-คุณครับคุณอร"
อรวิลาสยืนตะลึงงัน เธอมองปองเทพตาไม่กระพริบ
"ผมรักคุณจริงๆ ผมรักคุณมานานแล้วด้วย"
"นายอย่ามาพูดเล่นกับฉันนะ ฉันไม่สนุกด้วย"
"ผมไม่ได้เล่นนะครับ ผมจริงจัง"
"แต่นายกำลังจะแต่งงาน"
"พ่อผมเค้าคิดเอง ผมไม่ได้รู้เรื่องด้วย แล้วอีกอย่างตอนนี้สถานภาพผม..”โสด” ครับ"
"จริงเหรอ?" อรวิลาสแอบดีใจ
"จริงครับ โสดสนิท ไม่มีพันธะ จะให้ผมสาบานก็ได้"
"ไม่ต้องสาบาน แต่ถึงนายจะโสด แล้วไง..ฉันต้องหมั้นกับพี่ตั้มอยู่ดี"
ปองเทพหน้าสลดทันที "ผมรู้ครับ และผมก็ไม่ได้คิดจะแย่งคุณมาจากคุณตั้ม ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมรู้สึกยังไง"
อรวิลาสยังยืนนิ่งด้วยความสับสน
"ในเมื่อคุณรู้แล้ว ผมก็จะไป และไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีก"
ปองเทพปีนประตูกลับลงไปแต่เหยียบพลาด
"เว่ยยย!!!”
"นายป่อง!!” อรวิลาสตกใจ
ปองเทพร่วงจากประตูลงมานอนหงายบนพื้นหน้าบ้าน อรวิลาสตกใจมากรีบเปิดประตูออกมาดูปองเทพที่นอนหมดสติ
"ป่อง!!”
อรวิลาสเข้ามาประคองปองเทพไว้ในอ้อมกอด
"นายอย่าเป็นอะไรนะ" อรวิลาสร้องไห้ "ป่อง..ป่อง!!!" อรวิลาสเขย่าตัวแต่ปองเทพก็ยังไม่ฟื้น "ทำไมนายไม่ฟื้น..ไม่.. นายต้องไม่ตาย ฉันรักนาย..ฉันรักนาย ฮือๆๆ"
อรวิลาสก้มหน้าร้องไห้ ปองเทพลืมตาขึ้นมามองอรวิลาสแล้วก็ยิ้มดีใจก่อนจะเอามือกอดอรวิลาสเอาไว้ พร้อมลูบหลัง
"โอ๋...ไม่ต้องร้องไห้นะครับคนดี ป่องไม่ตายง่ายๆหรอก"
อรวิลาสเงยหน้าเห็นปองเทพยิ้มก็โมโหจึงทุบไปที่อกปองเทพ
"โอ๊ย!!”
"หลอกฉันอีกแล้วนะ!”
ปองเทพลุกขึ้นนั่ง "ถ้าไม่หลอก แล้วจะรู้เหรอครับว่าคุณอรรู้สึกยังไงกับผม"
อรวิลาสจะทุบปองเทพอีก แต่ปองเทพจับมืออรวิลาสทั้งสองข้างแล้วกุมแน่น อรวิลาสเขินสุดๆ
"ตกลงว่า..เรารักกันใช่มั๊ยครับ"
อรวิลาสอายม้วน "ใครรักนาย ฉันก็พูดไปงั้นๆ"
"ถ้าคุณอรไม่รัก ผมไปก็ได้"
"อย่า!!" อรวิลาสห้าม ปองเทพยิ้ม อรวิลาสเขินสุดๆ "คนบ้า...”
ปองเทพค่อยๆลุกขึ้นแต่ก็เจ็บก้นกบ อรวิลาสช่วยพยุงปองเทพให้ขึ้นมายืน
"เจ็บมากใช่มั๊ย"
"ถ้าเจ็บ แล้วได้อยู่กับคนที่เรารัก เจ็บมากกว่านี้ผมก็ยอม"
อรวิลาสบิดไปบิดมา ปองเทพเองก็ยิ้มไม่หุบ
"รู้อย่างนี้แล้วคุณอรจะไม่หมั้นกับคุณตั้มแล้วใช่มั๊ย"
อรวิลาสมองปองเทพแล้วหน้าเครียดขึ้นมาทันที
ชื่นฤทัย พีรพล และหนูอ้อยมองอรวิลาสกับปองเทพด้วยความตกใจ
"พี่อร...” หนูอ้อยพูด
พีรพลพูดต่อ "กับป่อง...”
"รักกัน....” ชื่นฤทัยปิดท้าย
ปองเทพกับอรวิลาสพยักหน้า ชื่นฤทัยตกตะลึงมาก
"แล้วไปรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่? ตอนไหน?” พีรพลถาม
"ไม่รู้เหมือนกันครับ มารู้ตัวอีกที คุณอรก็เข้ามานั่งในหัวใจของผมแล้ว"
อรวิลาสเขินมาก ปองเทพก็อมยิ้มไม่หุบ แต่ชื่นฤทัยหน้านิ่งมาก หนูอ้อยรีบสะกิดอรวิลาสกับปองเทพ ทั้งสองคนหยุดเขินแล้วหันไปมองชื่นฤทัยก็ถึงกับผงะแล้วหุบยิ้ม
ชื่นฤทัยพยายามอดกลั้น "ฉันขอตัวซักครู่"
ชื่นฤทัยเดินออกไป ทุกคนหน้าเสีย
ชื่นฤทัยอยู่ในห้องคาราโอเกะด้วยความรู้สึกร้อนลน ทันใดนั้นพีรพลก็เดินมาหยุดข้างหลัง
ชื่นฤทัยหันไป "ฉันจะทำยังไงดี?”
"ยกเลิกงานหมั้นน้องอรกับหลานตั้ม" พีรพลบอก
"ฉันทำไม่ได้ ถ้ายกเลิก แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน"
"คุณรักหน้าคุณ หรือรักลูกมากกว่ากัน"
ชื่นฤทัยชะงัก "ฉันก็ต้องรักลูกมากกว่าสิ"
"ถ้าคุณรักน้องอร..คุณต้องทำ! ที่ผ่านมาน้องอรทำเพื่อคุณมาตลอด ครั้งนี้คุณต้องทำเพื่อลูก คุณเห็นแววตาน้องอรเมื่อกี๊มั๊ย ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ ผมไม่เคยเห็นแววตาที่มีความสุขของน้องอรเท่ากับครั้งนี้" พีรพลบอก ชื่นฤทัยคิดตาม "การที่จะได้เจอคนที่เรารัก และรักเรา มันไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่อลูกได้เจอแล้ว เราก็ควรสนับสนุน แล้วอีกอย่างนายป่องก็ไม่ได้เสียหายอะไร เป็นถึงลูกพลตำรวจโท มีฐานะ มีหน้าตาในสังคมอย่างที่คุณต้องการ"
ชื่นฤทัยหันมามองพีรพลแล้วก็คิดตาม
ชื่นฤทัยกับพีรพลเดินมายืนตรงหน้าอรวิลาสกับปองเทพ แล้วชื่นฤทัยก็จับมือปองเทพกับอรวิลาสขึ้นมา ทั้งสองคนมองหน้ากัน ชื่นฤทัยเอามือปองเทพมาจับมืออรวิลาส
"ปกติก็มีแต่หลานตั้มที่เข้านอกออกในบ้านนี้ตลอด ฉันก็เลยอยากฝากฝังลูกสาวฉันให้กับเขา ฉันไม่คิดว่าจะมีใครมารักลูกสาวฉันจริง ถ้าอย่างงั้น ฉันฝากน้องอรด้วยนะ"
ปองเทพกับอรวิลาสยิ้มด้วยความดีใจ อรวิลาสโผเข้ากอดชื่นฤทัย
"ขอบคุณนะคะคุณแม่" อรวิลาสดีใจ
พีรพลกับหนูอ้อยยิ้มให้กันด้วยความซาบซึ้งกับภาพตรงหน้า ปองเทพเองก็สบายใจที่ทุกอย่างคลี่คลาย
วเรศมองอรวิลาสด้วยสีหน้าอึ้งตะลึง
"อรกับป่อง...รักกัน?!!”
อรวิลาสรับคำ "ค่ะ.”
วเรศนิ่งมากเพราะเขารู้ดีว่ามันแปลว่าเอมิกาเลิกกับปองเทพแล้ว อรวิลาสเห็นวเรศนิ่งไปก็ใจไม่ดี
"พี่ตั้มไม่พอใจอรใช่มั๊ยคะที่อรขอยกเลิกงานหมั้น" อรวิลาสถาม
"ไม่ใช่ พี่ไม่ได้ไม่พอใจ พี่ดีใจแล้วก็สบายใจมาก"
อรวิลาสยิ้ม วเรศมีสีหน้ามีความหวังเรื่องเอมิกาขึ้นมาทันที
ดร.เพี้ยนเดินเข้ามาในห้องเรียนที่มีเอมิกา นงลักษณ์ ชัยพร อภิเชษฐ์ และนักศึกษาคนอื่นๆ นั่งอยู่
"สวัสดีนักศึกษาทุกคน ในที่สุดก็มาถึงเวลาสำคัญที่ทุกคนรอคอยกันแล้ว"
เอมิกา อภิเชษฐ์ นงลักษณ์ และชัยพรตั้งใจฟังสิ่งที่ดร.พูด
"บทละครที่ทุกคนส่งมา เป็นบทละครที่ดี มีคุณภาพ และเข้าถึงแก่นแท้ของชีวิต ทำให้ฉันตัดสินยากมาก แต่มีอยู่สองคนที่สูสีกันสุดๆนั่นคือ....อภิเชษฐ์ กับ แม่ชะเอม" ดร.เพี้ยนพูด เอมิกากับอภิเชษฐ์ชะงัก "แต่ผู้ชนะต้องมีเพียงคนเดียวเท่านั้น และคนที่จะได้ทุนไปเรียนต่อที่นิวยอร์คก็คือ....”
เอมิกากับอภิเชษฐ์ลุ้นระทึก
ดร.เพี้ยนกำลังจะพูดแต่สำลักน้ำลายออกมาก่อน "แค่กแค่ก"
ทุกคนเซ็งมาก ดร.เพี้ยนกระแอมเสียงดังแล้วพูดต่อ
"ผู้โชคดีที่ได้ทุนของฉันคือ...แม่ชะเอม"
อภิเชษฐ์ผิดหวังอย่างแรง ส่วนเอมิกาอึ้งมาก นงลักษณ์กับชัยพรดีใจกันสุดจึงร้องเฮดังลั่น ทุกคนปรบมือให้
"แม่ชะเอม" ดร.เพี้ยนเรียก เอมิกายังอึ้ง "แม่ชะเอม!!" เอมิกาหันมา "เอ้าดีใจจนพูดไม่ออกเลยดูสิเนี่ย...แต่ไม่พูดก็คงไม่ได้ ออกมาพูดอะไรซักนิด"
นงลักษณ์กับชัยพรปรบมือเกรียวกราว อภิเชษฐ์มองเอมิกาด้วยความเซ็งมากแต่เขาก็ปรบมือแสดงสปิริต เอมิกาเดินออกมายืนข้างๆ ดร.เพี้ยน
"เอมขอบคุณด๊อกเตอร์มากนะคะสำหรับรางวัลนี้ แต่เอมขอคืนรางวัลให้กับด๊อกเตอร์ค่ะ"
ดร.เพี้ยนเผลอตอบ "ขอบใจ.." แล้วเขาก็ผงะ "เฮ้ย!! คืน!!" ดร.เพี้ยนจับหน้าผากเอมิกา "เธอจะคืนรางวัลนี้ให้ฉัน!!”
ทุกคนอึ้ง งง และเหวอ
"น่ะน่ะ..นี่นี่ ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั๊ย" ดร.เพี้ยนถาม
"ด๊อกเตอร์ไม่ได้หูฝาดค่ะ ตอนแรกเอมอยากได้รางวัลนี้มาก มันคือความฝันของเอม แต่หลังจากที่เอมไปเป็นคนใช้ เอมก็ไม่ต้องการรางวัลอะไรอีก เพราะสิ่งที่เอมได้กลับมา มันเป็นยิ่งกว่ารางวัล มันคือรางวัลแห่งชีวิตค่ะ"
เอมิกาพูด นงลักษณ์ ชัยพร อภิเชษฐ์ ดร.เพี้ยน และคนอื่นๆ ตั้งใจฟัง
"อาชีพคนใช้..อาชีพที่ใครๆอาจไม่เห็นคุณค่า แต่มันกลับทำให้เอมได้เรียนรู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เอมได้เรียนรู้ว่าเราควรรักในอาชีพตัวเอง" เอมิกานึกย้อนไปถึงตอนที่เธอทำงานบ้าน โดยมี สมพิศ นาก บรรจง และจุ่น ขยันขันแข็งทำงานบ้านด้วย "เอมได้รู้จักการให้" เอมิกานึกถึงตอนที่เธออยู่กับศรีโพยม "ได้รู้จักการช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน" เอมิกานึกถึงตอนที่เธอช่วยอรวิลาสร้องเพลง ตอนที่เธอช่วยแป๊ะ ตอนที่เธอช่วยให้อรทัยกลับมาสวยอีกครั้ง "และที่สำคัญมันทำให้เอมได้รู้ว่า “มนุษย์ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าเค้าจะทำอาชีพอะไร”
ทุกคนซาบซึ้งกับสิ่งที่เอมิกาพูด ดร.เพี้ยนถึงกับน้ำตาไหล
"แม่ชะเอม..ในที่สุดเธอก็เข้าใจแก่นแท้ของชีวิตจริงๆซักที คำพูดของเธอ ทำให้ฉันตื้นตันหัวใจ"
ดร.เพี้ยนปรบมือ คนอื่นๆทยอยกันปรบมือให้เอมิกา เอมิกายิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
"ด๊อกเตอร์คะ เอมคิดว่าคนที่ทุ่มเทมากและเหมาะสมกับรางวัลนี้ก็คือ" เอมิกาหันไปทางอภิเชษฐ์ "อภิเชษฐ์ค่ะ"
อภิเชษฐ์ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
"ขอบใจมากนะเอมิกา"
เอมิกาพยักหน้า อภิเชษฐ์ยื่นมือออกไป เอมิกายื่นมือมาจับมืออภิเชษฐ์ แล้วทั้งสองคนก็ยิ้มให้กันด้วยความเป็นมิตร ทุกคนปรบมือให้อีกครั้ง
เอมิกา ชัยพร นงลักษณ์เดินมาด้วยกัน
"ฉันภูมิใจในตัวแกจริงๆเอม" นงลักษณ์บอก
เอมิกาหันมายิ้มให้
"ฉันก็ด้วย น่าเสียดายที่ไอ้ป่องไม่อยู่" ชัยพรว่า
"มันอยู่ในช่วงพิสูจน์รักเลยต้องจัดหนักจัดแน่น" นงลักษณ์หันไปทางเอมิกา "ว่าแต่เรื่องของแกกับคุณตั้มล่ะ" เอมิกาชะงัก "ป่องโทรมาบอกว่าคุณอรคุยเคลียร์กับคุณตั้มแล้ว นั่นเท่ากับว่าคุณตั้มเป็นอิสระ ไม่มีพันธะกับใครทั้งนั้น"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องระหว่างฉันกับคุณตั้มจะเป็นยังไง ฉันไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น ว่าจะกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนและถ้า คุณตั้มถามหาฉันแกก็ไม่ต้องบอกนะว่าฉันอยู่ที่ใหน"
พูดจบเอมิกาก็เดินแยกออกไป นงลักษ์กับชัยพรมองหน้ากันด้วยความเห็นใจ
นงลักษณ์เดินมาตามทางในมหาวิทยาลัย เธอเห็นวเรศเดินเข้ามาหาก็ตกใจ
"คุณตั้ม!”
วเรศยิ้มให้นงลักษณ์ แล้วก็มองหาเอมิกา
"ชะเอมล่ะครับ" วเรศถาม
"เอมกลับบ้านไปแล้วค่ะ"
วเรศชะงัก "กลับบ้าน?!!!! กลับไปที่ไหนครับ"
"ฉันบอกคุณไม่ได้หรอกค่ะ โทษด้วยนะคะ"
วเรศจ๋อย "ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ถ้าคุณได้มีโอกาสคุยชะเอม ฝากบอกเค้าด้วยว่าผมมีเรื่องอยากจะคุยกับเขา ผมกลับล่ะครับ"
วเรศเดินออกไปด้วยสีหน้าผิดหวัง นงลักษณ์หันไปมองเขาด้วยสีหน้าเห็นใจ