ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 10
เอมิกา นงลักษณ์ และปองเทพมองหน้ากันอย่างเครียดมาก โดยเฉพาะปองเทพที่กังวลใจมาก
“สิ่งที่ฉันบอกคุณได้ก็คือ ฉันไม่ใช่โจร ฉันไม่ใช่คนไม่ดี และฉันก็ไม่เคยคิดร้ายกับคนในบ้านคุณชื่นฤทัย”
“เลิกปากแข็งซักทีได้มั๊ยชะเอม นี่มันเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ถ้าเธอไม่พูด เธออาจจะถูกจับเข้าคุก หมดอนาคต และเมื่อถึงตอนนั้นฉันก็จะช่วยเธอไม่ได้” วเรศเสียงดัง
ปองเทพสุดทน “เราว่ามันถึงเวลาที่เอมต้องบอกความจริงกับคุณตั้มซักที” เอมิกาเงียบ “ถ้าเอมไม่บอก เราจะบอก”
“อย่านะป่อง ป่องก็รู้ว่าเรายังทำงานไม่เสร็จ” เอมิกาค้าน
“งานกับชีวิตของเอม เราเลือกชีวิตของเอม” ปองเทพบอก เอมิกาชะงัก ปองเทพหันไปทางวเรศ “ความจริงก็คือ...”
เอมิกาเสียงแข็ง “ป่อง..”
ปองเทพหันไปมองหน้าวเรศ เอมิกาเหงื่อแตก ส่วนนงลักษณ์ยืนหน้าซีด
วเรศมองเอมิกา ปองเทพ และนงลักษณ์อย่างอึ้งมาก
“พวกเธอสามคนเป็นนักศึกษา” วเรศทวนคำ เอมิกา ปองเทพ และนงลักษณ์พยักหน้า “แล้วเธอเข้ามาเป็นคนใช้ทำไม?”
“ฉันต้องทำโปรเจคเขียนบทละคร ก็เลยต้องปลอมตัวเป็นคนใช้ เพื่อเข้าไปหาข้อมูล” เอมิกาบอก
วเรศยังมองนิ่งเพราะไม่อยากจะเชื่อ
“ถ้าคุณยังไม่เชื่อ เราจะพาคุณไปหาอาจารย์ของพวกเรา” นงลักษณ์บอก
วเรศมองเอมิกา ปองเทพ กับนงลักษณ์ด้วยท่าทีที่ยังระแวงอยู่
ที่มหาวิทยาลัย วเรศมีสีหน้าอึ้งตะลึงอยู่ต่อหน้าดร.เพี้ยน เอมิกาและนงลักษณ์
“ด๊อกเตอร์เพี้ยน!!”
ดร.เพี้ยนหน้าเสีย “ใช่ครับ ผมดร.เพี้ยน...อาจารย์ของเด็กพวกนี้ ผมต้องขอโทษด้วยที่ไมได้บอกความจริงกับคุณวเรศ!!”
วเรศเหวอแต่ก็แอบโล่งใจที่รู้ว่าเอมิกาไม่ได้เป็นสายโจร
“สรุปว่าพวกเธอเป็นนักศึกษาจริงๆ” วเรศพูด เอมิกา ปองเทพ และนงลักษณ์พยักหน้า “และคุณก็ไม่ใช้ทั้งคุณนนนี่ หรือคุณนีโน่ ไม่ได้มีฝาแฝดแต่อย่างใด”
นงลักษณ์พยักหน้า “ใช่ค่ะ..ฉันชื่อ นงลักษณ์ เป็นลูกคนเดียวค่ะ”
ดร.เพี้ยนร้อนรน “ไม่ทราบว่าเด็กพวกนี้ไปสร้างความเดือดร้อนอะไรให้คุณกับคุณชื่นรึเปล่าครับ”
วเรศหันไปมองดร.เพี้ยนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เวลาผ่านไป ดร.เพี้ยนลมแทบจับเมื่อได้ฟังเรื่องที่วเรศเล่าจนจบ เขาหันไปทางเอมิกา ปองเทพและนงลักษณ์
“เห็นกันเหรอยัง! ฉันเตือนเธอแล้วว่าอย่าทำอะไรบ้าบิ่นตั้งแต่แรก แต่ไม่มีใครเชื่อฉัน แล้วดูสิดูดู๊ดู...อยู่ดีไม่ว่าดี ดันถูกเข้าใจว่าเป็นโจร!! นี่ถ้าพ่อแม่พวกเธอรู้เข้า เค้าจะไม่ด่าฉันตายเร๊อะ ที่ฉันดูแลลูกเค้าไม่ดี ส่งมาเรียนหนังสือดีดีไม่ชอบ ดั๊นจะเข้าไปนั่งเล่นนอนเล่นในคุกซะนี่ หาเหาใส่หัวให้ฉันกันจริงๆ”
เอมิกา นงลักษณ์ ปองเทพก้มหน้าจ๋อยสนิท วเรศหันไปมองเอมิกาด้วยความเห็นใจ
วเรศเดินออกมาจากห้องของ ดร.เพี้ยนกับเอมิกา ปองเทพและนงลักษณ์
“ฉันเชื่อเรื่องที่เธอเป็นนักศึกษา แต่ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ฉันยังคาใจ” วเรศบอก
“เรื่องฉันกับท่านผู้ว่าฯอุทยาน?” เอมิการู้ทัน
วเรศพยักหน้า นงลักษณ์กำลังจะพูดความจริงแต่เอมิกากลับพูดออกมาก่อน
“เรื่องนั้น คุณจะเข้าใจยังไงก็เรื่องของคุณ ฉันคงไปห้ามความคิดคุณไม่ได้ และเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก”
นงลักษณ์และปองเทพหันขวับมองเอมิกาอย่างไม่เข้าใจ เอมิกาแอบเอามือหยิกหลังนงลักษณ์ทำให้นงลักษณ์ไม่กล้าพูดอะไรออกมา วเรศรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ
“แค่เธอไม่ใช่สายโจร ฉันก็ดีใจแล้ว เธอจะเป็นอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของเธอ ถ้าไงฉันจะรีบกลับไปอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ” วเรศบอก
“อย่าเพิ่งค่ะ” เอมิกาท้วง วเรศกับนงลักษณ์แปลกใจ
นงลักษณ์งง “ทำไมอ่ะ?”
“ฉันเชื่อว่าในบ้านคุณชื่นมีสายโจรตัวจริง” เอมิกาบอก วเรศกับนงลักษณ์ชะงัก “และฉันก็พอจะสันนิษฐานได้ว่าเป็นใคร? ให้ทุกคนเข้าใจว่าฉันเป็นสายโจรไปก่อน วิธีนี้อาจจะทำให้สายโจรตัวจริงตายใจ จนเปิดเผยตัวตนออกมาเอง”
วเรศมองเอมิกาอย่างเห็นด้วย
นงลักษณ์ เอมิกา และปองเทพเดินกลับมาด้วยกัน
“เอม..ทำไมเอมไม่บอกคุณตั้มว่าเอมเป็นลูกพ่อเอมจริงๆ ไม่ใช่เป็นเมียน้อย” ปองเทพถาม
“รอให้เราทำโปรเจคนี้เสร็จก่อน แล้วเราถึงจะบอกความจริงกับเค้า เพราะถ้าคุณตั้มรู้ว่าเราเป็นใคร? เค้าต้องบอกพ่อเราแน่ แล้วถ้าพ่อรู้ แม่ก็ต้องรู้ และถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ เอ๊ย ฉันโดนด่าเละ แล้วก็อาจจะโดนคำสั่งให้กลับเชียงใหม่ด่วน ยังไงเราก็ต้องทำความฝันของเราให้สำเร็จ รวมไปถึงจับสายโจรตัวจริงให้ได้ซะก่อน” เอมิกามีสีหน้ามุ่งมั่นมาก
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะร่วมด้วยช่วยแกอีกแรง” นงลักษณ์บอก
เอมิกาพยักหน้า ทั้งสามคนยื่นมือออกมาประกบกัน
บรรจงเดินหน้าตาตื่นเข้ามาหาพีรพลกับชื่นฤทัย
“คุณพีขา คุณชื่นขา” ทั้งสองคนหันไปหาบรรจง “เกิดเรื่องแล้วค่ะ เมื่อกี๊จงผ่านบ้านคุณแป๊ะ เห็นพวกคนใช้คุยกันว่านายป่องหายตัวไป เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ก็หายไปด้วย จงว่าเผลอๆนายป่องอาจจะสมรู้ร่วมคิดกับชะเอม พอเราซักเรื่องชะเอมมากๆ นายป่องก็เลยหนีไปเพราะกลัวความผิด”
อรวิลาสอึ้ง พีรพลกับชื่นฤทัยมองหน้ากันอย่างเห็นด้วย
“บรรจงพูดถูก ฉันว่าเรารีบโทรบอกสารวัตรเถอะ” ชื่นฤทัยบอก
พีรพลพยักหน้าแล้วเอามือถือออกมากดโทรออก ไม่นานสารวัตรก็รับสาย
“สารวัตร ผมพีรพลนะครับ ผมอยากแจ้งเบาะแสเพิ่มเติมจากหลานชายผม” พีรพลฟังแล้วก็ชะงัก “หลานชายผมยังไม่ได้โทรหาสารวัตรเหรอครับ?”
พีรพลหันไปมองชื่นฤทัย ชื่นฤทัยกับบรรจงแปลกใจมาก อรวิลาสช๊อคเพราะไม่อยากจะเชื่อ
ปองเทพคุยอยู่กับนงลักษณ์และเอมิกา
“ที่แกบอกว่ารู้ว่าใครเป็นสายโจร..ใครวะ?” นงลักษณ์ถาม
“บรรจง” เอมิกาตอบ
“ทำไมเอมถึงคิดว่าเป็นบรรจง ทำไมไม่คิดว่าเป็นคนอื่น” ปองเทพถาม
“พี่นาก..เป็นคนไม่เห็นแก่เงิน ขนาดเจอเงินในกระเป๋ากางเกงคุณชื่นสองพัน พี่นากยังเอาไปคืน ส่วนป้าพิศ ถึงแกจะขี้งก ชอบจิ๊กค่ากับข้าว แต่เวลาแกดูรายการวงเวียนชีวิตทีไร แกร้องไห้ทุกที นั่นแสดงว่าแกเป็นคนจิตใจดี”
“แล้วพี่จุ่น..” ปองเทพถามต่อ
“พี่จุ่นเรียนจบป.4 แบงค์ยี่สิบกับแบงค์พันยังแยกไม่ออก แล้วคนแบบนี้น่ะเหรอ จะคิดช่วยโจรปล้นบ้านเจ้านายได้ แต่กับบรรจง...เป็นคนขี้อิจฉา เห็นใครดีกว่าตัวเอง จะต้องหาทางเล่นงาน โดยไม่สนใจว่าเค้าจะได้รับความทุกข์ หรือความเจ็บปวดแค่ไหน และที่สำคัญ บรรจงเล่นการพนัน คนที่เล่นการพนันคือคนขี้เกียจที่ต้องการรวย อยากได้เงินมาง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไร เพราะฉะนั้นบรรจงคือผู้ต้องสงสัยมากที่สุด”
ทันใดนั้นเสียงมือถือของนงลักษณ์ก็ดังขึ้น นงลักษณ์หยิบขึ้นมาดู
“ชัยโย..” นงลักษณ์กดรับ “ฮัลโหล” นงลักษณ์ฟังแล้วก็ตกใจ “ตำรวจโทรมาหาแก?” เอมิกากับปองเทพตกใจ “ตอนนี้เอมกับป่องอยู่กับฉัน” นงลักษณ์ฟังต่อ “เออ เออ แกทำเป็นไม่รู้เรื่องนะเว๊ย”
นงลักษณ์วางสายแล้วเล่าให้เพื่อนฟัง
“มีตำรวจมาขอประวัติแกสองคนกับเฮียสุวิทย์เจ้าของบริษัทจัดหางาน” เอมิกากับปองเทพตกใจ “แต่เอกสารของพวกแกหายไปตอนย้ายของหนีน้ำท่วม เฮียเลยโทรมาหาไอ้ชัยโย ขอเบอร์ติดต่อพวกแก ดีที่ไอ้ชัยโยมันมีไหวพริบ...ก็เลยโกหกเฮียไปว่าทำเบอร์พวกแกหาย แกสองคนก็เลยรอดตัวไป”
“แล้วทำไมฉันถึงโดนร่างแหไปกับเอมด้วย” ปองเทพสงสัย
“ชัยโยบอกว่าแกสองคนหายไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ตำรวจก็เลยเหมารวมเลยไง”
ปองเทพลนลานสุดๆ “อะไรวะ?! อยู่ดีดีก็ซวย แล้วถ้าเกิดลูกตำรวจอย่างฉันถูกตำรวจจับ จะทำไง?? พ่อฉันเอาตายแน่ เวร..เวรแล้วไง..เราไม่น่าไปเป็นคนใช้กับเอมเลย”
เอมิกาชักฉุน “มันใช่ความผิดของเรามั๊ย?! เราไม่ได้ชวนป่องซักนิด แถมเรายังบอกให้ป่องลาออกด้วยซ้ำ แต่ป่องไม่เชื่อเราเอง” ปองเทพหน้างอ
“จะทะเลาะกันทำไม? เวลาแบบนี้ ต้องช่วยกันสิ!” นงลักษณ์ว่า
เอมิกากับปองเทพเริ่มกังวลใจ โดยเฉพาะปองเทพที่กังวลมากๆ
กลางดึก เสียงมือถือนากดังขึ้น นากเห็นเป็นเบอร์แปลกๆ แต่ก็กดรับสาย
“ฮัลโหล” นากชะงักด้วยความตกใจและดีใจ “น้องชะเอม..!!”
“เบาพี่นาก เดี๋ยวมีคนได้ยิน ฉันอยากเจอพี่ พี่ออกมาหาฉันตอนนี้ได้มั๊ย”
“ได้สิ ที่ไหน??”
นากออกมาตรงที่นัดพบ แต่ก็ไม่เจอใคร
“น้องชะเอม..” นากหันไปมองหา “น้องชะเอม..”
ทันใดนั้นก็มีมือมาจับไหล่นาก นากหันไปเห็นเอมิกาก็สะดุ้ง
“น้องชะเอม!”
เอมิการีบดึงนากมาที่หลบมุม
“น้องชะเอมหายไปไหนมา พี่เป็นห่วงแทบแย่”
“ฉันขอโทษนะพี่นาก ที่มาโดยไม่ได้บอก แต่ฉันมีความจำเป็นจริงๆ”
“เรื่องนั้นพี่ไม่โกรธหรอก แต่ว่าตอนนี้ที่บ้านวุ่นวายกันใหญ่ เค้าคิดว่าน้องชะเอมเป็นสายโจร”
“ฉันรู้แล้วพี่นาก แล้วพี่นากเชื่อรึเปล่า”
“ถ้าพี่เชื่อ พี่คงพาตำรวจมาจับน้องชะเอมแล้ว พี่มั่นใจว่าพี่มองคนไม่ผิด พี่รู้ว่าน้องชะเอมเป็นคนดี เพราะเวลาที่น้องชะเอมพูด น้องชะเอมไม่เคยหลบตาพี่”
เอมิกาดีใจมาก “ขอบคุณพี่นากมาก ที่ฉันนัดพี่ออกมา เพราะฉันมีเรื่องอยากให้พี่ช่วย”
นากมองเอมิกาด้วยความสงสัย
เช้าวันต่อมา วเรศนั่งอยู่กับพีรพลและชื่นฤทัย โดยที่วเรศสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เออ..เมื่อวานพอดีผมต้องรีบกลับไปทำงานด่วน ก็เลยลืมโทรบอกตำรวจเรื่องชะเอม ถ้าไงผมจะโทรให้วันนี้แหละครับ” วเรศบอก
“ไม่ต้อง เพราะอาโทรบอกแล้ว” ชื่นฤทัยพูด วเรศอึ้ง “แต่โชคไม่เข้าข้างเราเลย ตำรวจโทรไปที่บริษัทจัดหางาน เจ้าหน้าที่บอกว่าข้อมูลของชะเอมกับนายป่องหายไป น่าเสียดาย”
วเรศโล่งอกสุดๆ ที่ตำรวจไม่เจอข้อมูล แล้วเขาก็ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
สมพิศ นาก จุ่นกำลังช่วยกันทำความสะอาดห้องครัว
“ต่อไปนี้พวกเราต้องช่วยคุณๆประหยัดกันนะ อาหงอาหาร ถ้าซื้อกินเองได้ก็ซื้อ สงสารคุณเค้า คราวนี้สูญเงินไปเป็นล้าน” สมพิศบอก
“มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรก็ไม่รู้เนอะป้าเนอะ” นากว่า
ระหว่างนั้นบรรจงที่แต่งหน้าสวย ใส่ชุดใหม่ และใส่สร้อยทองก็เดินเข้ามา
“บรรจง แกนี่ก็แปลกเนอะ บ้านเจ้านายเพิ่งถูกโจรยกเค้า แต่คนใช้กลับแต่งตัวซะสวยเชียว” นากว่า
บรรจงแทบสำลัก “พี่นาก! เรื่องอะไรมาแขวะฉันล่ะ”
นากยังคงจับตามองบรรจงด้วยความสงสัย
นากเหล่มอง “ฉันขอสาปแช่งให้ไอ้พวกโจรที่ปล้นบ้านคุณชื่น” บรรจงชะงัก “ต้องมีอันเป็นไป ภายในสามวันเจ็ดวัน” นากหันไปทางบรรจง “โอมเพี้ยง!!”
บรรจงสะดุ้งแต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ นากจับตามองจนบรรจงอึดอัด
บรรจงคว้าตะกร้าบนโต๊ะ “วันนี้ฉันไปจ่ายตลาดให้ป้าเองนะจ๊ะ”
“เออ ขอบใจ” สมพิศบอก
บรรจงปรายตามองนากก่อนจะเดินเชิดออกไป นากมองตามแล้วก็รีบขยับตัวจะตามออกไป
“อ๊ะๆๆ ไอ้นาก..แกจะไปไหน? งานยังไม่เสร็จนะเว๊ย” จุ่นถาม
“ไปซื้อผ้าอนามัยเว๊ย!! เดี๋ยวฉันมานะป้า”
นากรีบออกไปทันที สมพิศไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
นากสะกดรอยตามบรรจงออกมาโดยที่บรรจงไม่รู้ตัว บรรจงเดินมาหามดแดงที่วินมอเตอร์ไซด์ นากรีบหลบแล้วแอบดูทันที
บรรจงเรียก “พี่มดแดง”
มดแดงหันมา “ว้าวๆๆ น้องจงของพี่มดแดง วันนี้งามหยาดเยิ้มหยดย้อยจริงจริ๊ง”
“อย่าเพิ่งชมฉันเลยพี่ ฉันกำลังกลุ้ม” บรรจงบอก
“จะกลุ้มทำไมน้องจง ตอนนี้เรารวยแล้ว มาดูรถคันใหม่ของพี่ดีกว่า”
มดแดงจับแขนบรรจงพามาดูรถชอปเปอร์คันใหม่ที่จอดอยู่ตรงมุมหนึ่ง นากคอยจับตามองอย่างใกล้ชิดพร้อมกับถ่ายรูปไปด้วย
“เท่ห์มั๊ยจ๊ะ พี่จะให้น้องจงซ้อนท้ายคนแรกเลย” มดแดงบอก
“ฉันไม่มีแก่ใจทำอะไรทั้งนั้น ฉันกลัวโดนตำรวจจับ แล้วฉันก็รู้สึกผิดกับคุณๆเค้าด้วย”
“เจ้านายของน้องจง ไม่ได้โดนฆ่าตายซักหน่อย แค่โดนปล้นเท่านั้น คิดซะว่าพวกเค้ามีเงินเยอะเกินไป เราก็เลยแบ่งมาใช้บ้าง แล้วอีกอย่างตำรวจจับเราไม่ได้หรอก เพราะไม่มีหลักฐาน น้องจงจะกังวลใจไปทำไม มาสนุกกับพี่ดีกว่า”
บรรจงฝืนยิ้มออกมา
นากมองด้วยความสงสัย “มันพูดอะไรกัน...ไม่ได้ยินเลย”
ชื่นฤทัยกับพีรพลนั่งอยู่กับสารวัตรด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“จับโจรที่ปล้นบ้านฉันได้แล้วเหรอคะสารวัตร?” ชื่นฤทัยถาม
“ยังครับ แต่ทางเราได้เบาะแสอย่างอื่นมาเพิ่มเติม” สารวัตรบอก ชื่นฤทัยกับพีรพลหันมามองหน้ากัน “มีชาวบ้านมาแจ้งความว่ามีวินมอเตอร์ไซด์ที่รับส่งคนในซอยแถวนี้ ปล้นจี้คนแก่ แถมยังทำอนาจารผู้หญิง ผมก็เลยสงสัยว่าบางทีแก้งค์ที่ปล้นบ้านคุณชื่น อาจจะอยู่แก้งค์เดียวกับไอ้หมอนี่ก็เป็นได้ ผมให้เจ้าหน้าที่สเก็ตรูปมันออกมาแล้ว ก็เลยอยากเอามาให้พวกคุณช่วยดูว่าเคยเห็นคนนี้รึเปล่า”
สารวัตรหยิบกระดาษที่มีรูปสเก็ตยื่นให้ชื่นฤทัยกับพีรพลดู ทันทีที่ทั้งสองเห็นรูปก็ตกใจมาก สารวัตรแปลกใจ
“พวกคุณรู้จักมันเหรอครับ?”
ชื่นฤทัยกับพีรพลหันมามองหน้ากัน
ปองเทพปีนรั้วบ้านชื่นฤทัยแล้วย่องเข้ามาในบ้าน เขามองไปรอบๆ ทันใดนั้นเสียงชายใหญ่เห่าก็ดังขึ้น ปองเทพหันไปเห็นชายใหญ่วิ่งมาหาพร้อมกระโจนเข้าใส่ด้วยความคิดถึง
“ชายใหญ่...” ปองเทพคุกเข่า ชายใหญ่เข้ามาเลียหน้าเลียตา “ฉันรู้ว่าแกคิดถึงฉัน ฉันก็คิดถึงแกเหมือนกัน”
อรวิลาสเดินออกมาเห็นปองเทพก็ตกใจ
“นายป่อง!”
ปองเทพหันมา “คุณอร..!”
อรวิลาสจ้ำเดินมาหาด้วยความโมโหและน้อยใจ “นายหายไปไหนมา! จะไปก็ไม่บอกกันซักคำ รู้มั๊ยว่าตอนนี้ใครๆเค้าคิดว่านายกับชะเอมเป็นโจร”
“ผมรู้ครับ และที่ผมกลับมา ก็เพราะเรื่องนี้แหละครับ”
อรวิลาสนิ่งมองปองเทพ
ชื่นฤทัยกับพีรพลเดินมาด้วยกันสีหน้าอึ้งๆ
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคุณว่าไอ้โจรโรคจิตคนนั้นจะเป็น..” ชื่นฤทัยเอ่ยขึ้น
“เราต้องรีบเตือนทุกคนในบ้าน ให้ระวังตัวเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าเค้าจะย้อนกลับมารึเปล่า” พีรพลบอก
ทันใดนั้นชื่นฤทัยกับพีรพลก็เห็นอรวิลาสอยู่ในสวนกับปองเทพ ชื่นฤทัยกับพีรพลตกใจสุดๆ
“แย่แล้ว!! จะทำยังไงดี?”
พีรพลครุ่นคิด แล้วเขาก็นึกออก
อรวิลาสยังคุยอยู่กับปองเทพ
“ผมอยากให้คุณอรบอกคุณชื่นกับคุณพี ว่าผมกับชะเอมไม่ได้เป็นโจร เราสองคนไม่มีวันทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้เด็ดขาด” ปองเทพบอก อรวิลาสยังนิ่ง “ถ้าคุณอรไม่เชื่อ ผมมีอะไรจะให้คุณอรดู”
ปองเทพเอามือล้วงกระเป๋าเพื่อจะหยิบบัตรนักศึกษาออกมา แต่กลับดึงมือไม่ออกเพราะกางเกงฟิต ทันใดนั้นพีรพลกับจุ่นก็เดินเข้ามา ชื่นฤทัยยืนอยู่ข้างหลังพีรพล ปองเทพกับอรวิลาสหันไปเห็นก็ชะงัก
“น้องอร รีบออกมาหาแม่!” ชื่นฤทัยตะโกน
อรวิลาสไม่เข้าใจ
ปองเทพตกใจ “คุณชื่น คุณพี”
ชื่นฤทัยไม่สนใจปองเทพ “ออกมาสิน้องอร”
อรวิลาสงง “ทำไมคะแม่!”
ชื่นฤทัยลนลาน “นี่ไม่ใช่เวลามาถาม รีบออกมาก่อน”
อรวิลาสยังนิ่งจนชื่นฤทัยทนไม่ไหว เธอรีบเข้าไปดึงแขนอรวิลาสให้ออกห่างจากปองเทพ ปองเทพจะดึงมือออกมาจากกระเป๋ากางเกง พีรพลตกใจและรีบชี้หน้า
“หยุด...อย่าขยับ!!” พีรพลตะโกน ปองเทพงง “คิดจะเอาอาวุธออกมาใช่มั๊ย”
“อาวุธ??!! อาวุธอะไรครับ ผมไม่มี”
ปองเทพจะดึงมือออก พีรพลโวยลั่น
“บอกว่าอย่าขยับไง”
“ใจเย็นก่อนครับคุณพี ผมไม่ได้มีอาวุธอะไรเลย ผมจะเอา..”
พีรพลตื่นกลัวมากจึงรีบสั่ง “จุ่น!! จัดการ!”
ปองเทพงงเป็นไก่ตาแตก จุ่นพุ่งเข้ามาในจังหวะเดียวกับที่ปองเทพดึงมือออกมาได้สำเร็จ บัตรนักศึกษาหล่นพื้น ชายใหญ่วิ่งเข้ามาคาบบัตรออกไป ปองเทพจะหนี แต่จุ่นกระโดดเกาะหลัง ทำให้ปองเทพหน้าคะมำไปบนพื้น
“พี่จุ่น!! ปล่อยฉันนะ!! ปล่อย..!!”
ปองเทพพยายามดิ้นจนหลุด รีบลุกหนี เขามาทางชื่นฤทัยกับอรวิลาส ชื่นฤทัยกันอรวิลาสเดินออกไป แล้วก็วี๊ดว๊าย ชื่นฤทัยหันไปคว้าไม้กวาดใบไม้บนพื้นขึ้นมา
“อย่าเข้ามานะ!! อ๊าย!!”
ปองเทพงงมาก พอหันไปอีกทางก็เห็นพีรพลกับจุ่นพุ่งเข้ามา ปองเทพหน้าเหวอ
“เฮ้ยยยย!!”
พีรพลกับจุ่นเข้ามารวบตัวปองเทพ แล้วก็กดปองเทพให้หมอบลงไปบนพื้น จุ่นกระโดดเอาศอกกระแทกหลังปองเทพด้วยท่ามวยปล้ำ ทำเอาปองเทพเจ็บจนพูดไม่ออก แล้วสารวัตรก็รีบเดินเข้ามา ทุกคนหันไปเห็น
ชื่นฤทัยร้องบอก “รีบจับมันเลยค่ะสารวัตร”
ปองเทพเหรอหราแต่พูดอะไรไม่ออกเพราะจุก สารวัตรรีบเดินเข้ามาพอดูหน้าปองเทพแล้วก็ตกใจ
“เป็นแกจริงๆ ไอ้ตี๋ใหญ่!!” สารวัตรร้องบอก
ปองเทพตกใจจนหน้าตาตื่น เขาทั้งงงและสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น
วเรศเดินหน้าตาตื่นเข้ามาในบ้านชื่นฤทัย โดยที่ชื่นฤทัย อรวิลาส และพีรพลรีบเดินมาหา
“จับโจรได้แล้วเหรอครับคุณอา!!” วเรศถาม
“ใช่” พีรพลตอบ “มันย้อนกลับมาที่นี่ โชคดีที่สารวัตรเพิ่งออกจากบ้านอาไม่นาน อาก็เลยรีบโทรเรียกสารวัตรให้กลับมาจับมัน”
“อาคงต้องวานให้หลานตั้มช่วยจัดการเรื่องนี้ให้อาที” ชื่นฤทัยบอก
อรวิลาสหน้าเสีย “พี่ตั้มคะ โจรที่จับได้ คือนายป่องค่ะ”
วเรศตกใจสุดๆ
ปองเทพเกาะลูกกรงห้องขังในโรงพักและโวยวาย
“ผมไม่ใช่ไอ้ตี๋ใหญ่โจรบ้ากาม จะต้องให้ผมบอกอีกกี่ครั้งถึงจะเชื่อ”
สารวัตรไม่สนใจปองเทพ ปองเทพหน้าเสียสุดๆ และอยากจะบ้าตาย ทันใดนั้นวเรศ เอมิกา และนงลักษณ์ก็เดินหน้าตาตื่นเข้ามาในโรงพัก ปองเทพเห็นก็ดีใจมาก
“คุณตั้ม..เอม..นง..ช่วยฉันด้วย!!”
เอมิกากับนงลักษณเห็นปองเทพในห้องขังก็หน้าเสีย วเรศ เอมิกา และนงลักษณ์รีบเดินมาหาสารวัตร
เอมิกาเรียก “ป่อง!!”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมนายป่องถึงถูกจับ?” วเรศถาม
ภาพสเก็ตตี๋ใหญ่ที่มีใบหน้าเหมือนปองเทพแต่ผมยุ่ง มีหนวดมีเครานิดๆ ถูกนำมาให้วเรศ เอมิกา และนงลักษณ์ดู ทั้งสามมองภาพตรงหน้าด้วยความอึ้งเพราะเหมือนปองเทพมาก
“ไอ้หมอนี่เป็นโจรบ้ากาม ทั้งปล้นจี้ชิงทรัพย์ ทำอนาจารผู้หญิง และเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งของเราในการปล้นบ้านคุณชื่นฤทัย” สารวัตรบอก
“ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่ใช่ไอ้ตี๋ใหญ่ตี๋เล็กอะไรนั่น สารวัตรดูหน้าผมให้ชัดๆสิ” ปองเทพยื่นมาติดลูกกรง “ผมเป็นนักศึกษา เป็นปัญญาชนนะครับ”
เอมิกาช่วยพูด “สารวัตรคะ ป่องไม่ใช่โจรจริงๆนะคะ เค้าเป็นนักศึกษา เค้าเรียนที่เดียวกับพวกฉัน” นงลักษณ์พยักหน้า “แล้วอีกอย่างหน้าป่องมันก็โหลอยู่แล้ว ชอบมีคนทักผิดทักถูกออกบ่อยไป” เอมิการีบหันไปขอเสียงสนับสนุน “ใช่มั๊ยนง”
นงลักษณ์รีบพูด “ใช่ค่ะใช่”
สารวัตรหรี่ตามองเอมิกากับนงลักษณ์ “แก้ตัวแทนกันแบบนี้นี่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันด้วยรึเปล่าห๊ะ!”
เอมิกากับนงลักษณ์ตกใจแล้วพูดออกมาพร้อมกัน
“ไม่ใช่นะคะ”
วเรศช่วยพูด “ผมยืนยันด้วยอีกคนว่าสามคนนี้เป็นนักศึกษาจริงๆ” สารวัตรยังไม่เชื่อ “ถ้าสารวัตรไม่เชื่อ” วเรศคิด “ป่องเอาบัตรนักศึกษาออกมาให้สารวัตรดูสิ”
ปองเทพตกใจจนหน้าตื่น “บัตรนักศึกษา?”
ปองเทพนึกย้อนกลับไปตอนที่บัตรนักศึกษาหล่นในสวนบ้านชื่นฤทัย แล้วชายใหญ่ก็คาบไป
ปองเทพกลุ้มใจ
“ผมทำบัตรหายไปแล้วครับ”
เอมิกาหัวเสีย “ของสำคัญแบบนั้น ทำหายได้ยังไง?!!”
“ก็มันหายไปแล้ว จะให้ทำไง?”
“ถึงจะยืนยันว่าเป็นนักศึกษา ก็ไม่มีประโยชน์ ไหนๆได้ตัวมาแล้ว ผมไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ ยังไงก็ต้องรอให้เจ้าทุกข์มาชี้ตัวก่อน นี่ผมก็กำลังติดต่อเจ้าทุกข์อยู่” สารวัตรบอก
เอมิกา นงลักษณ์ และวเรศตกใจ
ปองเทพโวยลั่น “ไม่นะ ผมไม่อยู่ ผมไม่ใช่โจรจริงๆ ปล่อยผมไปเถอะสารวัตร อย่าขังผมไว้ในนี้เลย ผมกลัวว”
เอมิกา นงลักษณ์ และวเรศมีสีหน้าแย่สุดๆ แล้วเอมิกาก็นึกอะไรออกจึงหันไปทางปองเทพ
“ป่อง..เราว่าป่องบอกสารวัตรไปเหอะว่าป่องเป็นใคร”
สารวัตรกับวเรศชะงัก ปองเทพหน้าตื่นแล้วหันไปกัดฟันพูดกับเอมิกาเพื่อให้เสียงเบา
“บอกไม่ได้เด็ดขาด เราโกหกพ่อกับแม่เอาไว้ว่าเราไปออกค่ายอาสา ถ้าพ่อรู้ว่าจริงๆแล้วเราปลอมตัวตามเอมมาเป็นคนใช้ แถมยังถูกจับเข้าคุก เพราะดันถูกเข้าใจว่าเป็นโจรอีก พ่อต้องเสียชื่อและอัดเราเละแน่ แต่ยังไงเราก็จะไม่ยอมติดคุก เข้าใจไม๊เอม!” ปองเทพหน้าตาหวาดกลัวจนแทบจะร้องไห้
“ไม่ได้แล้วหละป่อง เรื่องจะไปกันใหญ่ ยังไงก็ต้องบอก” เอมิกาย้ำ
ปองเทพตะโกนลั่น “ไม่ได้!!อย่าบอก!..อย่าบอก!!”
สารวัตรซัก “อย่าบอกอะไร?? เรามันมีคดีมากกว่านี้อีกงั้นรึ?”
ปองเทพแผดสียง “อย่าบอกนะเอม บอกว่าอย่าบอกกก!!”
เอมิกาหันขวับไปทางสารวัตรโดยไม่สนใจที่ปองเทพห้าม
“ป่องเขาไม่ใช่โจร เขาเป็นลูกพลตำรวจโทเทพ ประทุษพาลคะสารวัตร!!”
ปองเทพช๊อคจนอ้าปากค้าง สารวัตรมองปองเทพ วเรศอึ้ง ส่วนนงลักษณ์หน้าเสีย
สารวัตรถามเสียงดุ “งั้นหรือ?”
เอมิกากับปองเทพหันไปทางสารวัตร วเรศกับนงลักษณ์แปลกใจ
ปองเทพรีบบอกอย่างร้อนรน “เปล่าครับ เปล่า!!”
“ดีแล้วที่บอกว่าเปล่า ไม่งั้นจะโดนอีกข้อหา ผู้การเทพเคยบอกว่าถ้าใครมาอ้างว่าเป็นญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงละก็ให้ยัดเข้าห้องขังได้เลย เพราะอ้างอย่างนี้มันเสียหายถึงท่าน” สารวัตรกำชับ
“อ่า..คือ” เอมิกาอึกอัก ปองเทพมองเอมิกาอย่างลุ้นๆ “มะ..ไม่มีอะไรแล้วค่ะสารวัตร”
เอมิกาจ๋อยและไม่กล้าพูดอะไรต่อ ปองเทพแทบจะร้องไห้เพราะงอนเอมิกา วเรศกับนงลักษณ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
วเรศมองเอมิกากับนงลักษณ์สีหน้าประหลาดใจมาก
“พ่อนายป่องคือพลตำรวจโทเทพ ประทุษพาล?!”
เอมิกาตอบสั้นๆ “ค่ะ”
วเรศไม่เข้าใจ “แล้วทำไมป่องต้องไม่บอกตำรวจด้วยว่าตัวเองเป็นใคร”
นงลักษณ์อธิบาย “พ่อป่องดุมากค่ะ ดุขนาดหมาพันธ์ร๊อดไวเลอร์เห็นยังต้องวิ่งหนีหางจุกตูด ป่องก็เลยคิดว่ายอมติดคุกดีกว่าโดนพ่อด่า”
เอมิกากลุ้ม “แล้วนี่พวกเราจะช่วยป่องยังไงดี?”
วเรศคิด “ในเมื่อป่องไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็นใคร ผมว่าเราต้องติดต่อดร.เพี้ยนให้มาช่วยยืนยัน มันจะได้ดูมีน้ำหนักมากขึ้น ป่องก็น่าจะมีทางรอด”
เอมิกากับนงลักษณ์หันไปมองวเรศอย่างเห็นด้วย
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 10 (ต่อ)
เวลาผ่านไป ดร.เพี้ยนยืนหน้าตาตื่นต่อหน้า วเรศ เอมิกา และนงลักษณ์ที่ยืนอยู่กับสารวัตร
ดร.เพี้ยนรีบไหว้อย่างนอบน้อม “สวัสดีครับท่านสารวัตร ผม.ดร.เพียรทิพย์ เรียนจบมาจากสามทวีปด้วยกัน จบชั้นมัธยมจากออสเตรเลีย ปริญญาตรีและโทจากอังกฤษ ปริญญาเอกจากอเมริกา อายุ 40 สูง 175 ....”
เอมิการีบปราม “ดร.คะ นี่ไม่ใช่เวทีประกวด ไม่ต้องแนะนำตัวละเอียดขนาดนี้ก็ได้”
“ฉันลืมไป ผมขอเอาเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นครู” ดร.เพี้ยนทำท่าประกอบไปด้วย “ยืนยันนั่งยันและนอนยันเลยนะครับว่านายปองเทพเป็นลูกศิษย์ผมจริง”
“ถ้างั้นผมขอดูบัตรประจำตัวของอาจารย์หน่อย” สารวัตรบอก
“ซักครู่นะครับสารวัตร”
ดร.เพี้ยนละล้าละลังล้วงกระเป๋ากางเกง โดยที่วเรศ เอมิกา นงลักษณ์ และสารวัตรยืนดูอยู่
“พวงกุญแจ กระเป๋าตังค์ เศษตังค์ ใบเสร็จร้านซักแห้ง บัตรยืมหนังสือห้องสมุด” ดร.เพี้ยนเจออะไรบางอย่าง “เจอแล้วเจอแล้ว”
ทุกคนดีใจ แต่ดร.เพี้ยนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อ วเรศกับเอมิกาอยากจะบ้าตาย
“ดร. นี่ใช่เวลามาหาผ้าเช็ดหน้ามั๊ยเนี่ย!” เอมิกาว่า
“ก็มันร้อนนี่” ดร.เพี้ยนพูดกับสารวัตร “แอร์ห้องสารวัตรไม่เย็นเลยนะครับ”
สารวัตรหน้านิ่ง ดร.เพี้ยนหน้าเจื่อนไป นงลักษณ์รีบสะกิด
“รีบหาบัตรประจำตัวเข้าเถอะค่ะ”
ดร.เพี้ยนเปิดกระเป๋าตังค์หาบัตรประจำตัวต่ออย่างร้อนรน
“นี่ไง!!” ดรงเพี้ยนหยิบออกมา ทุกคนดีใจ “อ้าวไม่ใช่..บัตรร้านสุกี้” ดร. เพี้ยนหาต่อ “สลิปบัตรเครดิต ซองยาแก้หวัด อยู่ไหนของมันนะ”
ทุกคนมองข้าวของดร.เพี้ยนที่กองอยู่เต็มโต๊ะด้วยสีหน้าอึ้งตะลึง
นงลักษณ์ร้อนใจมาก “มาค่ะเดี๋ยวนงกับเอมช่วยหา”
เอมิกากับนงลักษณ์ช่วยดร.เพี้ยนหาบัตรในกระเป๋า
ดร.เพี้ยนหาไปด้วยพูดไปด้วย “ระหว่างที่หาบัตรประจำตัว ผมขอเล่าอะไรให้ฟังซักเล็กน้อยนะครับ...ที่แม่ชะเอมกับนายป่องเข้าไปเป็นคนใช้ ก็เพราะต้องหาข้อมูลมาเขียนบทละครสำหรับการประกวดชิงทุนไปเรียนต่อปริญญาโท ไม่ได้เป็นจงเป็นโจรอย่างที่สารวัตรเข้าใจหรอกนะครับ”
ระหว่างนั้นเสียงมือถือดร.เพี้ยนก็ดังขึ้น ดร.เพี้ยนหยิบมือถือออกมากดรับสาย
“ฮัลโหล...” ดร.เพี้ยนฟัง “ว่าไงนายอภิเชษฐ์ พูดช้าๆชัดๆ ฉันฟังไม่รู้เรื่อง” ดร. เพี้ยนตกใจมาก “เธอถูกจับ” เอมิกากับนงลักษณ์ตกใจ ส่วนวเรศงง “ข้อหาค้ายาบ้า ตอนนี้อยู่ที่สถานีตำรวจในพม่า!”
เอมิกา นงลักษณ์ และวเรศตกใจ ดร.เพี้ยนอยากจะบ้าตาย ส่วนสารวัตรงง
“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้!!” ดร.เพี้ยนวางสายแล้วหันมา “นี่มันเป็นวันโลกาวินาศเหรอไงกัน!! ทางนั้นเข้าใจผิดว่านายอภิเชษฐ์ทำผิด ฉันต้องรีบไปช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้นายอภิเชษฐ์ก่อน”
เอมิกาหน้าเสีย “อ้าว? ไหงเป็นงั้นล่ะคะ ตามคิวสิคะดร. ดร.จะให้นายอภิเชษฐ์มาลัดคิวแบบนี้ไม่ได้นะคะ เอมไม่ยอม”
“ไม่ยอมก็ต้องยอมล่ะแม่ชะเอมนายนั่นก็ไป ถ้าเทียบน้ำหนักกันแล้ว นายอภิเชษฐ์ตกอยู่ในอันตรายมากกว่า ฉันจะรีบไป แล้วก็รีบกลับ” ดร.เพี้ยนหันไปทางวเรศ “ฝากนายป่องด้วยนะครับคุณวเรศ”
วเรศพยักหน้ารับอย่างงงๆ ดร.เพี้ยนกวาดข้าวของบนโต๊ะใส่กระเป๋าแล้วก็รีบเดินออกไป เอมิกากับนงลักษณ์หน้าเสีย
“ทำไมไอ้ป่องมันซวยแบบนี้เนี่ย?!” นงลักษณ์ว่า
วเรศหันมาทางสารวัตร “ถ้ายังไงเราขอประกันตัวป่องก่อนจะได้มั๊ยครับ”
“ผมยังให้ประกันตัวตอนนี้ไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ?” เอมิกาถาม
“เราต้องรอให้เจ้าทุกข์มาชี้ตัวก่อน เพราะนายตี๋ใหญ่ก่อคดีไว้หลายคดี คุณวเรศเข้าใจใช่มั๊ยครับ”
วเรศอึ้ง “เออ..ครับ ผมเข้าใจ”
เอมิกาหันขวับไปมองวเรศอย่างไม่พอใจที่วเรศไม่ช่วยอะไร
ทั้งหมดเดินออกมาจากโรงพักด้วยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ทำไมตำรวจต้องยัดเยียดข้อหาให้ป่องด้วย” เอมิกาบ่น
นงลักษณ์ตกใจ “เอม...!! ทำไมแกพูดแบบนี้ ถ้าตำรวจได้ยินเข้า แกได้เข้าไปอยู่ในคุกกับไอ้ป่องอีกคนข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรอก”
“ฉันว่าตำรวจไม่มีทางทำอะไรแบบนั้น เค้าทำทุกอย่างตามหลักฐาน” วเรศบอก
เอมิกาไม่พอใจ “ที่คุณพูดแบบนี้แสดงว่าคุณเชื่อว่าป่องเป็นคนทำใช่มั๊ย เมื่อกี๊ตอนอยู่กับสารวัตรคุณถึงไม่ช่วยพูดอะไรเลย ซ้ำยังเออออกไปกับเค้าอีก”
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะชะเอม ฉันพูดไปตามความเป็นจริง ถ้าป่องยังดื้อไม่ยอมบอกตำรวจว่าตัวเองเป็นใคร เรื่องมันก็จะยุ่งยากขึ้น”
เอมิกามองวเรศอย่างไม่เชื่อ ทำให้วเรศอดน้อยใจไม่ได้ที่เอมิกาไม่เชื่อเขา
“เอม..ใจเย็นก่อน ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วงป่อง แต่เราก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้จริงๆ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย” นงลักษณ์บอก
เอมิกากลุ้มใจสุดๆ ระหว่างนั้นก็มีกลุ่มผู้หญิงหลายวัยเดินมา วเรศ เอมิกา และนงลักษณ์มองด้วยความแปลกใจ สักพักก็มีตำรวจเดินออกมา
ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มบอก “พวกเรามาชี้ตัวไอ้ตี๋ใหญ่ค่ะ”
วเรศ เอมิกา และนงลักษณ์อึ้ง
“เชิญทางนี้เลยครับ”
ตำรวจพากลุ่มผู้หญิงเข้าไปในโรงพัก วเรศ เอมิกา และนงลักษณ์หันมามองหน้ากัน
ตำรวจเดินมาเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปจับตัวปองเทพ ปองเทพดีใจและมีความหวัง
“นี่จะปล่อยตัวผมแล้วใช่มั๊ยครับ”
ตำรวจไม่ตอบอะไรแต่พาปองเทพเดินออกมา จนมาเจอกับสารวัตรที่ยืนอยู่กับพวกเจ้าทุกข์ ทันทีที่เจ้าทุกข์ทุกคนเห็นหน้าปองเทพ ทั้งหมดก็เลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห
“ไอ้ตี๋ใหญ่ ไอ้สารเลว!!” แม่ค้าหญิงคนหนึ่งโกรธ
ปองเทพเหวอมาก เขารีบส่ายหัวปฏิเสธ
“ผมไม่ใช่..ไม่ใช่”
“ยังกล้าปฏิเสธอีก หน้าอย่างเนี้ยใช่เลย” หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งย้ำ
“หน้าแกเหมือนจิ้งจก ฉันจำได้แม่นเลยค่ะคุณตำรวจ...หนอยแน่ะ! ซ้อนมอเตอร์ไซด์ให้มันไปส่งดีดี มันดันจะมาปล้ำฉัน!! เคราะห์ดีที่เอาทุเรียนฟาดหัวมัน ก็เลยหนีรอดมาได้”
ปองเทพลนลาน “ผมไม่ใช่นะ ไม่ใช่..ไม่ใช่จริงๆ”
หญิงชรามากๆ คนหนึ่งพูด “ยังกล้าปฏิเสธอีก ตำรวจเอามันติดตะรางให้ได้นะ ไม่อย่างงั้นยายไม่ยอมจริงๆด้วย ไอ้พวกมารสังคม ไอ้สารเลว ไอ้โรคจิต แม้แต่คนแก่ก็ยังคิดจะปล้ำ”
“ไม่..ไม่....ไม่ใช่ผม..ไม่ใช่..ไม่ใช่......”
ปองเทพตื่นตระหนกสุดๆ เลยผละจากตำรวจที่จับกุมตัวแล้ววิ่งออกไป ทุกคนตกใจ
“ผู้ต้องหาหนี!!” สารวัตรพูดกับตำรวจคนอื่นๆ “รีบตามไปจับเร็วเข้า!!”
สารวัตรกับตำรวจคนอื่นๆ กรูกันออกไปพร้อมกับเจ้าทุกข์ทั้งหลาย
ปองเทพวิ่งหน้าตื่นออกมาเจอเอมิกา วเรศ และนงลักษณ์
“เอม..ช่วยเราด้วย”
วเรศ เอมิกา นงลักษณ์ยังไม่ทันที่จะทำอะไร สารวัตร ตำรวจ และเจ้าทุกข์ก็วิ่งตามออกมา ปองเทพตาเหลือกแล้วรีบวิ่งหนีออกไปแต่กลับสะดุดล้มเลยถูกเจ้าทุกข์ตีวงล้อมเข้ามา ปองเทพตาเหลือกและลนลาน
“อย่า...อย่า...!!”
ทุกคนเข้ามารุมประชาทัณฑ์ปองเทพ ปองเทพหน้าตื่นตระหนก เอมิกา วเรศ และนงลักษณ์ตกใจ
“ป่อง!!” เอมิกาจะเข้าไปช่วยแต่วเรศจับตัวเอาไว้
“อย่าชะเอม! มันอันตราย..อย่าเข้าไป เดี๋ยวฉันจัดการเอง!!”
เจ้าทุกข์เข้ามารุมด่าและรุมตบปองเทพไม่หยุด
“ไอ้โจรบ้ากาม ไอ้โรคจิต ไอ้พ่อแม่ไม่สั่งสอน ไอ้คนหนักแผ่นดิน...!!”
วเรศเข้าไปช่วยดึงตัวปองเทพ ส่วนสารวัตรกับตำรวจรีบเข้าไปดึงพวกเจ้าทุกข์ออกมา ในที่สุดก็ช่วยปองเทพในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงแบบหมดสภาพออกมาได้สำเร็จ อยู่ดีดีปองเทพก็เป็นลมล้มพับไป วเรศรับตัวปองเทพเอาไว้ เอมิกากับนงลักษณ์ตกใจ
“ป่อง!”
ปองเทพนอนหมดสติอยู่ในห้องขัง เอมิกากับนงลักษณ์ยืนมองปองเทพด้วยความเป็นห่วง แล้วทั้งสองก็หันไปมองวเรศที่ยืนคุยกับสารวัตรอยู่ในห้อง ไม่นานวเรศก็เดินออกมา เอมิกากับนงลักษณ์รีบเข้าไปหา
“สารวัตรว่ายังไงคะ” เอมิกาถาม
“เจ้าทุกข์ทุกคนชี้ตัวว่านายป่องคือตี๋ใหญ่” วเรศบอก
เอมิกากับนงลักษณ์แทบช็อค
“ชะเอม!ถ้าเธอ” วเรศพูดเน้น “เป็นห่วง ป่องจริงๆ...ฉันว่ามันถึงเวลาที่ต้องโทรบอกพ่อป่องแล้วล่ะ”
เอมิกาคิดตามแล้วก็ตัดสินใจ “ตกลง ป่องจะฆ่าฉัน ฉันก็ยอม”
เอมิกาสีหน้ามุ่งมั่น
เอมิกาคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าผิดหวังมาก
“พ่อกับแม่ของป่องไม่อยู่? ไปเที่ยวต่างประเทศ?”
เอมิกาหันไปมองนงลักษณ์กับวเรศ ทั้งสองมีสีหน้าวิตกตามไปด้วย
เอมิกาฟัง “แล้วไม่ทราบว่ามีเบอร์ติดต่อพวกท่านที่นั่นมั๊ยคะ” เอมิกาเศร้า “ขอบคุณค่ะ” เอมิกาวางสายแล้วหันมาบอกทั้งสอง “ไม่มีใครมีเบอร์ติดต่อพวกท่าน”
“ไอ้ป่องเอ๊ย ทำไมแกถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างเนี้ย!!” นงลักษณ์ว่า
สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น ระหว่างนั้นเสียงมือถือของนงลักษณ์ก็ดังขึ้น
“ค่ะแม่..” นงลักษณ์ฟัง “คนงานในโรงงานเราประท้วง!!?”
“แกรีบไปช่วยที่บ้านเหอะนง ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” เอมิกาบอก
นงลักษณ์ลังเลเล็กน้อย “งั้นเดี๋ยวหนูรีบเข้าไปค่ะ” นงลักษณ์วางสาย “โทษทีนะเอม”
“ไม่เป็นไร”
“ฉันไปก่อนนะ มีอะไรก็โทรมาล่ะ” นงลักษณ์บอก เอมิกาพยักหน้า “ฝากเอมด้วยนะคะคุณตั้ม”
วเรศรับคำ “ครับ”
นงลักษณ์ไหว้วเรศแล้วก็รีบออกไป
วเรศหันมามองเอมิกาด้วยความเป็นห่วง “เธอเองก็กลับบ้านพักเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“กลับไป ฉันก็ไม่ได้พักหรอกค่ะ ใจฉันมันกังวลไปหมดแล้ว กลัวป่องจะเป็นอะไรไป”
วเรศอึ้งที่เห็นความห่วงใยที่เอมิกามีต่อป่อง
“ถ้าป่องเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ มันก็เป็นความผิดของฉันคนเดียว”
เอมิกาพูดแล้วก็น้ำตาไหล วเรศยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เอมิกา เอมิกาอึ้ง แล้วก็ยกมือเช็ดน้ำตาตัวเอง
“คุณกลับไปเถอะค่ะ ฉันขอบคุณคุณมาก แล้วก็ขอโทษที่ต่อว่าคุณไปเมื่อตอนกลางวัน” เอมิกาบอก
“ฉันไม่โกรธ ฉันเข้าใจว่าเธอเป็นห่วงป่องมาก”
เอมิกาพูดจบก็เดินออกไป วเรศมองตามเอมิกาด้วยความเป็นห่วง
ตกกลางคืน เอมิกายังคงนั่งซึมเศร้าอยู่ที่โรงพัก สักพักก็มีถุงอาหารยื่นมาตรงหน้าเธอ เอมิกาชะงัก พอเงยหน้าเห็นวเรศเธอก็แปลกใจ
“คุณตั้ม!! นี่คุณไม่ได้กลับเหรอคะ”
“ฉันจะให้เธออยู่ที่นี่คนเดียวได้ยังไง” วเรศบอก เอมิกาอึ้ง “ฉันออกไปหาซื้ออะไรมาให้เธอ ทานซักหน่อยนะ”
“คุณทานเถอะค่ะ ฉันทานอะไรไม่ลง”
“แต่เธอไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันแล้ว ทานซักนิดก็ยังดี ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมาอีกคน ป่องคงจะรู้สึกผิด”
เอมิกาคิดตามที่วเรศพูดแล้วก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะรับถุงอาหารจากวเรศ แล้วหยิบแซนวิชออกมากิน วเรศกินของตัวเอง ทั้งสองเงียบกันไปครู่หนึ่ง แล้ววเรศก็ถามขึ้นมา
“เธอกับป่องเป็นแฟนกันมานานเหรอยัง”
“เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ พ่อแม่ฉันกับพ่อแม่ป่องเป็นเพื่อนสนิทกัน ฉันกับป่องก็เลยเรียนที่เดียวกันมาตลอด ฉันเองก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นแฟนกับป่องมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เอมิกาบอก
วเรศจุกจนกลืนไม่ค่อยลง “เธอสองคน..คงมีความผูกพันกันมาก”
“ค่ะ..”
วเรศเจ็บแปล๊บขึ้นมา ทันใดนั้นตำรวจคนหนึ่งก็เดินออกมา
“เพื่อนตี๋ใหญ่ใช่มั๊ย”
“ค่ะ ฉันเป็นเพื่อนเค้า แต่เค้าไม่ใช่ตี๋ใหญ่นะคะ”
ตำรวจไม่สนใจ “เค้าอยากเจอคุณ”
เอมิกาชะงักแล้วหันไปทางวเรศ “แสดงว่าป่องฟื้นแล้ว”
เอมิกาดีใจมาก เธอรีบลุกเดินออกไปทันที ทำให้วเรศจ๋อยมากขึ้น
เอมิการีบเดินมาหาปองเทพที่หน้าห้องขัง ปองเทพรีบเข้ามาจับมือเอมิกาที่กำลังเกาะลูกกรงเอาไว้
“เอม...เรานึกว่าเอมจะทิ้งเรากลับบ้านไปแล้ว”
“เราจะไปไหนได้ยังไง ป่องอยู่ที่นี่ เราก็ต้องอยู่ด้วย”
ปองเทพมองเอมิกาด้วยความซาบซึ้ง ทั้งสองกระชับมือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน วเรศเห็นความห่วงใยของทั้งสองก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความเศร้าก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น
กลางดึก ปองเทพนั่งพิงลูกกรงสัปหงก แล้วเขาก็สะดุ้งตื่นเมื่อตำรวจพาเหน่ง นักโทษอีกคนซึ่งมีไฝเม็ดเป้งกลางหน้าผากเข้ามาในห้องขัง เหน่งอยู่ในสภาพเมามาย
“เมาทะเลาะวิวาทกันทุกคืน แกไม่เหนื่อย แต่ตำรวจเหนื่อยนะเว๊ย นอนในห้องขังหนึ่งคืน พรุ่งนี้ค่อยออก” ตำรวจพูดแล้วปิดประตู เหน่งโวยวาย
“อ่ะโด่..ไม่กลัวหรอกเว๊ย” เหน่งหันไปเห็นปองเทพก็ตกใจ “พี่ตี๋!!”
เหน่งพรวดเข้ามานั่งประชิด ปองเทพตกใจมาก
“พี่ตี๋จริงๆ ไหงพี่ตี๋ถูกตำรวจจับได้ล่ะเพ่”
ปองเทพรีบผละออกห่าง “นี่คุณก็เข้าใจว่าผมเป็นตี๋ใหญ่อีกคนเหรอ? ผมไม่ใช่นะ”
“อ๊ะอ๊ะอ๊ะ ถึงน้องเหน่งจะเมา แต่ตาไม่ได้บอดนะ เห็นๆอยู่” เหน่งจับหน้าปองเทพ “ว่าพี่คือพี่ตี๋หญ่ายยยย เอิ๊ก!!!”
ปองเทพเหม็นกลิ่นเหล้ามาก เขาพยายามแกะมือเหน่งออกจากหน้าตัวเอง
“เอามือออกจากหน้าผมได้แล้ว!!”
ปองเทพเอามือเหน่งออกจากหน้าได้สำเร็จ แต่เหน่งก็คล้องคอปองเทพเข้าอีก
“พี่ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าพอฉันออกไป ฉันจะไปบอกพี่มดแดงให้มาช่วยพี่เอง”
ปองเทพงง “มดแดง?”
แล้วเหน่งก็ฟุบหลับซบไหล่ปองเทพ ปองเทพรีบดันหัวเหน่งออกจนเหน่งไปนอนแผ่หราบนพื้น ปองเทพรู้สึกอยากจะบ้าตาย
เช้าวันรุ่งขึ้น เอมิกานอนหลับซบไหล่วเรศ ส่วนวเรศก็เอนหัวหลับซบหัวเอมิกา ไม่นานทั้งคู่ก็รู้สึกตัว เอมิกาเงยหน้า ส่วนวเรศก้มหน้า ทั้งสองลืมตาเห็นหน้าของอีกฝ่ายในระยะประชิด ต่างฝ่ายต่างตกใจและรีบผละออกจากกัน
“เช้าแล้ว” วเรศบอก
“....ฉันไปดูป่องก่อนนะ”
เอมิกากับวเรศรีบลุกเดินออกไปด้วยกัน
ตำรวจเปิดประตูห้องขัง
“นายเหน่ง...แกถูกปล่อยตัวแล้ว”
เหน่งรีบเดินออกมาแต่ไม่วายหันไปส่งซิกให้ปองเทพ ปองเทพมองอย่างระแวง แล้วเหน่งก็เดินออกไป สวนทางกับเอมิกาและวเรศที่เดินเข้ามาพร้อมกับตำรวจอีกนาย แต่เหน่งไม่ได้สนใจมองทั้งเอมิกาและวเรศ เอมิกาหันไปมองเหน่งแวบหนึ่งเพราะสะดุดไฝเม็ดโตที่กลางหน้าผาก
วเรศพูดกับตำรวจ “ขอบคุณนะครับ”
ตำรวจเดินออกไป ปองเทพรีบเข้ามาหาเอมิกากับวเรศ
“เอม..ไอ้นักโทษคนเมื่อกี๊ มันเข้าใจว่าเราเป็นตี๋ใหญ่” ปองเทพบอก เอมิกากับวเรศชะงัก “เมื่อคืนตอนดึกๆ มันมาคุยกับเรา บอกว่ามันจะไปบอกให้คนชื่อ.” ปองเทพนึก “ชื่ออะไรน้า..” ปองเทพนึกออก “ชื่อมดแดงมาช่วยเราออกจากคุก”
เอมิกาตกใจมาก
“มดแดง?!! ป่องแน่ใจนะว่าป่องฟังไม่ผิด”
“แน่ใจ...มดแดง ชัดๆ เต็มหูนี้เลย” ปองเทพชี้ที่หูข้างหนึ่ง
เอมิการวบรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วก็คิดอะไรออกทันที
เอมิกาหันไปทางวเรศกับปองเทพ “ฉันนึกออกแล้วว่าจะช่วยป่องยังไง?!!”
วเรศกับปองเทพมองเอมิกาด้วยความสงสัย
เอมิกาเดินออกมาจากโรงพัก วเรศตามมากระชากแขนเอมิกาให้หันมา
“ทำแบบนี้มันเสี่ยงอันตรายเกินไป! ผมไม่ให้คุณทำเด็ดขาด รอ ดร.เพี้ยนกลับมาก่อนเถอะ”
“รอให้ดร.เพี้ยนกลับมา ก็ใช่ว่าจะช่วยป่องได้ ทางเดียวที่จะช่วยป่องได้คือ..เราต้องจับตี๋ใหญ่ตัวจริง!”
“แต่เธอเป็นผู้หญิง เธอจะทำแบบนั้นได้ยังไง?!!”
“หรือคุณมีทางอื่นที่จะช่วยป่อง ถ้าคุณมี ฉันก็จะไม่ทำ!”
วเรศเงียบเพราะพูดไม่ออก
“คุณไม่มีใช่มั๊ย” เอมิกาถามย้ำ
“ฉันปล่อยให้เธอทำไม่ได้จริงๆชะเอม” วเรศจับแขนเอมิกาทั้งสองข้าง “ฉันเป็นห่วงเธอ”
แววตาของวเรศเป็นห่วงเอมิกาจนเธอรู้สึกได้ เอมิกาถอนใจแล้วแกะมือวเรศออก
“แต่ป่องน่าเป็นห่วงมากกว่าฉัน ยังไงคุณก็เปลี่ยนใจฉันไม่ได้หรอกค่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว”
เอมิกาเดินออกไป วเรศถอนหายใจ
“ชะเอม!”
เอมิกาไม่สนใจเสียงเรียกของวเรศ ระหว่างนั้นดร.เพี้ยนก็ตาลีตาเหลือกเดินมา
“แม่ชะเอม! ฉันกลับมาช่วยนายป่องแล้ว”
เอมิกายิ้มด้วยความดีใจ เธอรีบวิ่งไปหาดร.เพี้ยน
“ดร.เพี้ยน!! เอมดีใจที่สุดเลยค่ะที่ดร.กลับมา”
วเรศมองเอมิกาด้วยความกลัดกลุ้ม
เอมิกากับวเรศยืนเถียงกัน โดยมีดร.เพี้ยนยืนอยู่ตรงกลาง ส่วนนงลักษณ์นั่งอยู่ด้านหน้า ทั้งสองหันไปมองเอมิกากับวเรศสลับกันไปมา
“ดร.ห้ามให้ชะเอมทำแบบนี้เด็ดขาดนะครับ” วเรศบอก
“ถ้าเอมไม่ทำแบบนี้ เราก็จะช่วยป่องไม่ได้นะคะ” เอมิกาบอก
“แต่มันเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง”
“แต่มันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนะคะ”
“ดร.อย่าไปฟังที่ชะเอมพูด”
“ดร.อย่าไปฟังที่คุณตั้มพูดนะคะ”
“เธอเงียบไปเหอะน่าชะเอม”
“คุณตั้มต่างหากที่ต้องเงียบ”
ดร.เพี้ยนสุดทนเพราะหูจะแตก เขาตะโกนลั่น “โว๊ยยย!! เงียบทั้งคู่นั่นแหละ”
เอมิกากับวเรศหุบปากแทบไม่ทัน
ดร.เพี้ยนหันไปทางวเรศ “คุณตั้ม..”
วเรศดีใจ “ดร.เห็นด้วยกับที่ผมพูดใช่มั๊ยครับ”
“ผมเห็นด้วยกับแม่ชะเอม” ดร.เพี้ยนบอก
วเรศเหวอ เอมิกาดีใจมาก “เยส!!”
เอมิกาหันมาตีมือกับนงลักษณ์
“ในเมื่อนายป่องไม่ยอมเอาเอกสารยืนยันกับตำรวจว่าตัวเองเป็นใคร แถมเจ้าทุกข์ก็ยืนยันว่าป่องเป็นตี๋ใหญ่ เราต้องไปจับตัวจริงของตี๋ใหญ่มายืนยันกับตำรวจ มันจะได้หมดเรื่องหมดราว” ดร.เพี้ยนว่า
“จับตี๋ใหญ่ตัวจริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ดร.คิดว่ามันจะสำเร็จเหรอครับ”
“ยังไม่ได้ปฏิบัติดู แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าไม่ได้ผล” ดร.เพี้ยนบอก วเรศคิดตาม “ยังไงก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย”
วเรศถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องวางแผนให้รัดกุม”
เอมิกาหันไปมองวเรศ “หมายความว่าคุณเอาด้วย”
“ไหนๆฉันก็เข้ามาเต็มตัวตั้งแต่แรกแล้วนี่ เป็นไงเป็นกัน!!” วเรศบอก
เอมิกายิ้มให้วเรศด้วยความดีใจ
วเรศ เอมิกา นงลักษณ์ และดร.เพี้ยนนั่งอยู่ในรถตู้ ทั้งหมดมองไปที่มอเตอร์ไซด์วินหน้าปากซอย
“มดแดงประจำอยู่ที่วินมอเตอร์ไซด์ตรงนี้ ฉันกับพี่นากเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง” เอมิกาบอกทุกคน
ทุกคนมองไปที่วินฯ แต่ไม่เห็นมดแดงเห็นแต่เหน่งที่กำลังยืนเม้าท์กับเพื่อน
“นั่น...ไอ้นักโทษคนที่อยู่กับป่องเมื่อคืน คนที่ไฝโตๆ” เอมิกาบอก
ทุกคนจับจ้องไปที่เหน่งเป็นตาเดียว
เอมิกาในชุดคลุมท้องและปลอมตัวลงจากรถมาพร้อมกับนงลักษณ์ ส่วนวเรศที่ยืนอยู่ข้างๆ ดร.เพี้ยนมองด้วยความเป็นห่วงมากๆ
“ชะเอม..” วเรศยื่นเครื่องจีพีเอสให้เอมิกา
“ใส่เอาไว้ในกระเป๋า ฉันจะได้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน” วเรศบอก
เอมิกาเอาเครื่องจีพีเอสใส่ในกระเป๋าถือ วเรศยื่นบลูทู๊ดให้
“แล้วก็ใส่นี่เอาไว้ด้วย ฉันจะโทรเข้าไป อย่าตัดสายฉันทิ้ง ฉันจะได้ได้ยินเสียงเธอตลอดเวลา”
เอมิกาเอาบลูทู๊ดมาใส่หูแล้วเอาผมมาปิดหูเอาไว้
“ระวังตัวด้วยนะชะเอม” วเรศบอก
เอมิกาพยักหน้าแล้วก็เดินออกไปกับนงลักษณ์ วเรศมองตามด้วยความเป็นห่วงมาก แล้วเขาก็หันมาทาง ดร.เพี้ยนพร้อมกับนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
“ดร.ครับ ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องให้ชะเอมปลอมตัวเป็นคนท้องด้วย เราจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“ในกรณีนี้จำเป็นอย่างมากเลยครับคุณตั้ม ตามสถิติของสถาบันวิจัยแห่งชาติสก๊อตแลนด์บอกว่าผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะได้รับการช่วยเหลือมากกว่าผู้หญิงที่ไม่ตั้งครรภ์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ จะเรียกคะแนนความสงสารได้มากกว่า”
“ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
“คุณตั้มนี่เป็นคนเข้าใจอะไรยากนะครับเนี่ย ถ้าคุณเป็นลูกศิษย์ผมล่ะก้อ ผมหักคะแนนคุณไปแล้ว” วเรศผงะ “การที่แม่ชะเอมโกหกว่าตัวเองเป็นเมียตี๋ใหญ่ที่ท้องแล้วถูกทิ้ง แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวก็จะทำให้คนช่วยพาแม่ชะเอมไปหาตี๋ใหญ่ได้อย่างง่ายดาย”
วเรศคิดตามแล้วพยักหน้า “อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว” ดร.เพี้ยนยิ้ม “แต่” ดร.เพี้ยนหุบยิ้ม “ดร.คิดว่าชะเอมจะปลอมเป็นคนท้องได้เหมือนจนคนจับไม่ได้เชียวเหรอครับ”
“แน่นอนสิครับ แม่ชะเอมเป็นศิษย์เอกของผม ได้เกรดAวิชาการแสดง แอคติ้งเป็นเลิสถ้าเป็นการถ่ายละคร ก็เรียกว่าเทคเดียวผ่านล่ะครับ คุณตั้มไม่ต้องเป็นห่วง มีอะไรจะถามผมอีกมั๊ย”
วเรศหน้าแหย “ไม่มีแล้วครับ”
ดร.เพี้ยนถอนหายใจ วเรศหันไปทางอื่นแต่ก็ยังอดเป็นห่วงเอมิกาไม่ได้อยู่ดี
เหน่งกำลังเม้าท์กับพวกวินมอเตอร์ไซต์
“นี่ถ้าเมื่อเช้าพี่มดแดง ไม่พาฉันไปหาพี่ตี๋ ฉันก็คงไม่รู้หรอกว่าพี่ตี๋ยังไม่ได้ถูกจับตัว ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนหน้าตาเหมือนพี่ตี๋ขนาดนี้”
เอมิกากับนงลักษณ์เลียบๆเคียงๆเดินเข้ามา
“โทษนะจ๊ะพี่จ๋า” เอมิกาเอ่ย
ทุกคนหันไปมองเอมิกากับนงลักษณ์
นงลักษณ์ถามขึ้น “พวกพี่รู้จักพี่ตี๋ใหญ่มั๊ยจ๊ะ”
ทุกคนผงะแต่ไม่มีใครตอบ ทั้งหมดรีบแยกย้ายกันไปคนละทางจนเหลือแค่เหน่งคนเดียว เหน่งกำลังจะขี่มอเตอร์ไซด์ออกไป แต่เอมิกากับนงลักษณ์มายืนขวางรถเอาไว้ทำให้เหน่งชะงัก
“พี่รู้จักพี่ตี๋ใหญ่รึเปล่า” เอมิกาถาม
เหน่งทำท่าล่อกแล่ก “มะ..ไม่ไม่รู้จัก หลีกไปได้แล้ว”
“พี่ไม่รู้จักจริงๆเหรอ” เอมิกาถามย้ำ
เหน่งทำโวย “ก็บอกว่าไม่รู้จักไง!!”
“ไม่จริง พี่ต้องรู้จักพี่ตี๋ใหญ่แน่ๆ”
“นังนี่..เซ้าซี้จริงเว๊ย หลีก!!”
“ถ้าพี่ไม่พูดความจริง ฉันก็ไม่หลีก ชนฉันกับลูกให้ตายไปเลย!!” เอมิกาบีบน้ำตา “ฉันเองก็ไม่ได้อยากมีชีวิตอยู่นักหรอกนะ มีผัว..ผัวก็ทิ้ง โฮๆๆๆ”
เหน่งอึ้ง งง และไม่เข้าใจ เอมิกาเริ่มบีบน้ำตา นงลักษณ์ตีบทดราม่าต่อ
“อ้อยเอ้ย..แกนี่มันอาภัพนัก ท้องแล้วยังถูกผู้ชายทิ้ง!! ผู้ชายนี่มันเลวเหมือนหมาจริงๆ อย่าไปสนใจไอ้ตี๋ใหญ่นั่นเลย ในเมื่อมันไม่ยอมรับแกกับลูก ก็กลับสุรินทร์บ้านเราไปเลี้ยงช้างดีกว่า”
“ไม่..ฉันไม่กลับ ฉันคิดถึงผัวฉัน ฉันอยากเจอผัวฉัน อยากให้พี่ตี๋ใหญ่รู้ว่าฉันกำลังท้องลูกของเค้า อุ้ย!” เอมิกาเอามือจับท้องตัวเอง “ลูกดิ้นใหญ่เลย คงจะคิดถึงพ่อมาก โถ ลูกแม่ ฮือๆ”
“โธ่..นังอ้อย!ฉันหล่ะสงสารลูกแกจริงๆต้องโตมาลำบาก กำพร้าพ่อ อย่าร้องนะ อย่าร้อง”
เอมิการ้องไห้ไม่หยุดทำเอาเหน่งเริ่มมองด้วยความสงสาร
วเรศกับดร.เพี้ยนเปิดสปีคเกอร์โฟนฟังเอมิกาที่กำลังแสดง วเรศทึ่งมาก ดร.เพี้ยนหันไปทางวเรศด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ไงลูกศิษย์ผม ตีบทแตกกระจุย อึ้งเลยสิครับ”
วเรศยืนอึ้งไป
เอมิกายังคงฟูมฟายไม่หยุด
“กลับบ้านเราเถอะนะอ้อย เชื่อฉันนะ” นงลักษณ์บอก
“ไม่ ฉันไม่กลับ ฉันจะนั่งรอพี่ตี๋ใหญ่ตรงนี้ ฉันเชื่อว่ายังไงก็ต้องได้เจอ!!”
นงลักษณ์หันมาโวยใส่เหน่ง “พี่จะใจดำ ไม่พานังอ้อยไปหาผัวมันจริงเหรอพี่!! จิตใจพี่มันด้วยทำอะไร ทำไมถึงไม่มีความเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”
เอมิกาก้มหน้าแกล้งร้องไห้เสียงดังจนเหน่งหน้าเสีย
“มันต้องอุ้มท้องมาจากต่างจังหวัด เดินทางเป็นหลายร้อยกิโล แต่พอมาถึงกลับเจอแต่คนใจร้าย ทำกันได้แม้กระทั่งคนท้อง!!” นงลักษณ์ว่า
เหน่งสุดทน “หยุดร้องไห้ได้แล้ว” เอมิกากับนงลักษณ์หันมา “ฉันจะพาเธอไปหาพี่ตี๋เอง”
เอมิกากับนงลักษณ์ดีใจสุดๆ แล้วเอมิกาก็แกล้งร้องไห้ออกมาอีก
“ขอบใจมากนะจ๊ะพี่จ๋า ขอบใจมากจ๊ะ”
เหน่งถอนหายใจ เอมิกากับนงลักษณ์หันมาลอบยิ้มให้กัน
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 10 (ต่อ)
เหน่งพาเอมิกากับนงลักษณ์ซ้อนมอเตอร์ไซด์มาจอดที่หน้าบ้าน แล้วสองสาวก็ลงจากรถ เหน่งมีท่าทางตื่นกลัว
“ฉันไปล่ะ ห้ามบอกใครเด็ดขาดนะว่าฉันพาเธอสองคนมาที่นี่ เข้าใจมั๊ย!!” เหน่งกำชับ
“จ๊ะจ๊ะ” สองสาวรับคำ
เหน่งรีบขี่มอเตอร์ไซด์ออกไปทันที เอมิกากับนงลักษณ์หันไปมองบ้าน
“กดออดเลยมั๊ยแก” นงลักษณ์ถาม
“เดี๋ยว..เราจะรู้ได้ไงว่านี่เป็นบ้านตี๋ใหญ่จริงๆ และไอ้หมอนั่นไม่ได้หลอกเรามา” เอมิกาว่า
“เออว่ะ”
“แอบดูก่อนดีกว่า”
นงลักษณ์พยักหน้า ทั้งสองด้อมๆมองๆ อยู่ที่ข้างบ้านโดยพยายามจะมองเข้าไปในบ้าน สักพักติ๋มก็เดินออกมาเห็น ติ๋มมองอย่างไม่ไว้ใจ
“มาด้อมๆมองๆอะไรตรงนี้!!”
เอมิกากับนงลักษณ์สะดุ้ง ทั้งสองหันไปเห็นติ๋มยืนเท้าเอวอยู่
“ว่าไง! ฉันถามว่ามาทำอะไร?!”
“เออ...ฉัน..ฉันมาหาคนจ๊ะ” เอมิกาบอก
“หาใคร?!!” ติ๋มถาม
“พี่ตี๋ใหญ่” เอมิกาบอก ติ๋มชะงัก “นี่ใช่บ้านพี่ตี๋ใหญ่รึเปล่าจ๊ะ”
ติ๋มมองเอมิกาอย่างไม่ไว้ใจ “ใช่” เอมิกากับนงลักษณ์ดีใจมาก “แกเป็นอะไรกับพี่ตี๋?”
“ฉันชื่ออ้อย เป็นเมียพี่ตี๋จ๊ะ”
ติ๋มอึ้งตะลึง “เมีย!!!”
เอมิกากับนงลักษณ์ยิ้มแฉ่ง ติ๋มกำมือแน่นด้วยความโมโหสุดๆ ก่อนจะเงื้อมือตบเอมิกาจนกระเด็น! เอมิกากับนงลักษณ์ตกใจมาก
วเรศกับดร.เพี้ยนสะดุ้งโหยงเพราะเสียงที่ออกมาจากสปีคโฟนเหมือนเสียงอะไรหล่นอย่างแรง
“เสียงอะไรอ่ะคุณตั้ม?” ดร.เพี้ยนถาม
วเรศหันไปมองดร.เพี้ยนแล้วก็ชักหน้าเสีย
บลูทู๊ดที่เสียบที่หูเอมิกากระเด็นหล่นพื้น นงลักษณ์ตกใจสุดๆ
นงลักษณ์ถาม “ตบเพื่อนฉันทำไม!!!”
“เพื่อนแกอยากมาแย่งผัวฉันทำไม!” ติ๋มว่า
“ผัว??” เอมิกาอึ้ง “หมายความว่า...”
“ฉันก็เป็นเมียพี่ตี๋เหมือนกัน” ติ๋มบอก เอมิกากับนงลักษณ์อ้าปากค้าง “แกตายซะ!!”
เอมิการีบยกมือห้าม “เดี๋ยวๆ ฉันท้องนะพี่”
“ท้องก็ไม่สนเว๊ย”
ติ๋มเข้ามาจะตบเอมิกา แต่นงลักษณ์เข้ามาช่วยกอดติ๋มเอาไว้
“เอม..หนีไป..”
“ฉันไม่ไป! ไหนๆมาถึงที่นี่แล้ว ฉันต้องเจอตี๋ใหญ่ให้ได้”
ติ๋มยิ่งเลือดขึ้นหน้า นงลักษณ์สู้แรงติ๋มไม่ไหวจึงโดนติ๋มผลักจนกระเด็น ติ๋มเข้าไปจิกผมเอมิกาแล้วตบ แต่เอมิกาหลบทันทำให้ติ๋มตัวหมุนติ้ว เอมิกาผลักติ๋มจนกระเด็นล้มไปบนพื้นทันที
วเรศชักใจคอไม่ดี เขาหันไปทางดร.เพี้ยน
“สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ เราเข้าไปดูดีกว่าดร.”
ดร.เพี้ยนเห็นด้วย แล้วสองคนก็รีบลงจากรถตู้ไปทันที
เอมิการีบเข้าไปช่วยนงลักษณ์ที่ล้มอยู่ที่พื้น นงลักษณ์เห็นติ๋มเดินเข้ามาก็ตกใจ
“เอมระวัง!!”
เอมิกาหันไปแต่ไม่ทันระวังเลยโดนติ๋มตบดังผัวะ! เอมิกาสุดทน
“ตบฉันสองครั้งแล้วนะ”
เอมิกาตั้งหลักสู้แล้วพุ่งเข้าไปดันติ๋มจนไปติดรั้วบ้าน ติ๋มตกใจ เอมิกาหันไปคว้าขันน้ำที่วางอยู่บนตุ่มหน้าบ้านแล้วตักน้ำขึ้นมาสาดใส่ติ๋มไม่ยั้ง ติ๋มร้องลั่น
“อ๊าย อ๊าย อ๊ายยยย!!!”
วเรศดูเครื่องจีพีเอส แล้วก็หันไปบอกดร.เพี้ยนที่วิ่งตามมาด้วยความเหนื่อย
“ดร.ครับ ผมว่าเราโทรแจ้งความไว้ก่อนดีกว่า”
ดร.เพี้ยนเอามือถือออกมากดโทรออกในขณะที่วิ่งไปพร้อมกับวเรศ
เอมิกายังสาดน้ำใส่ติ๋ม ติ๋มสุดทนจึงจับแขนเอมิกาเอาไว้ เอมิกาตกใจ ติ๋มเงื้อมือจะตบ นงลักษณ์เข้ามาจับแขนติ๋มแล้วกัดเข้าที่แขนของติ๋มเต็มๆ เอมิกาได้ทีเลยกัดแขนติ๋มอีกข้าง ติ๋มร้องลั่น
“ว๊ากกก!!!”
ทันใดนั้นเสียงของตี๋ใหญ่ก็ดังขึ้น
“เฮ้ย!!เอะอะโวยวายอะไรกันวะ?!!”
ประตูบ้านเปิดออกอย่างแรง..ตี๋ใหญ่เดินออกมาจากในบ้าน
เอมิกา นงลักษณ์ และติ๋มหันไปเห็นตี๋ใหญ่ เอมิกากับนงลักษณ์เห็นหน้าตี๋ใหญ่เต็มๆ ก็อึ้งตะลึงงันเหมือนโลกหยุดหมุน
วเรศกับดร.เพี้ยนก็ตามมาจนเห็นตี๋ใหญ่ ทั้งคู่ก็แทบช็อคไปเหมือนกัน
เอมิกาอ้าปากที่กัดแขนติ๋มออก
เอมิกากับนงลักษณ์อุทานพร้อมกัน “ป่อง...!”
วเรศก็อึ้ง “ป่อง...”
ดร.เพี้ยนก็เช่นกัน “นายป่อง...”
เอมิกาที่มัวแต่อึ้งเลยโดนติ๋มผลักเต็มแรงทำให้เธอเซและกำลังจะล้ม วเรศปราดเข้ามาประคองรับได้ทัน
ติ๋มรีบเข้ามาหาตี๋ใหญ่
ติ๋มโวยใส่ตี๋ใหญ่พร้อมทุบตีไม่ยั้ง “พี่ตี๋ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง แอบซุกเมียไว้อีกคนโดยที่ฉันไม่รู้”
ตี๋ใหญ่งงมาก เธอจับแขนติ๋ม “โอ๊ย! หยุดหยุด..พูดอะไรของแกห๊ะ!!”
ติ๋มหันไปชี้เอมิกา “ก็นังนี่มันบอกว่าเป็นเมียพี่”
ทุกคนนิ่ง ตี๋ใหญ่มองเอมิกาด้วยความงง
“แล้วมันก็ท้องด้วย”
ติ๋มพูดจบ หมอนที่เอมิกายัดเป็นท้องก็หล่นลงพื้นปั๊บ เอมิกา นงลักษณ์ วเรศ ดร.เพี้ยนตาโตและหน้าเสีย
ตี๋ใหญ่กับติ๋มตกใจมาก ตี๋ใหญ่ระแวงสุดๆ
“พวกแกเป็นใครวะ?” ตี๋ใหญ่ถาม ยังไม่มีใครตอบ “หรือว่า..พวกแกเป็นตำรวจ!!”
ติ๋มช็อค เอมิกา นงลักษณ์ วเรศ และดร.เพี้ยนก็ตกใจ ตี๋ใหญ่รีบวิ่งหนีทันที เอมิกา นงลักษณ์ วเรศ ดร.เพี้ยนยังคงตกใจ วเรศได้สติเป็นคนแรกก็พูดขึ้น
“มันหนีไปแล้ว!!”
“นายจะหนีไม่ได้นะ!! ตี๋ใหญ่กลับมาก่อน !!!” เอมิการ้อง
เอมิการีบวิ่งไล่ตามตี๋ใหญ่
วเรศตกใจ “ชะเอม!!!”
วเรศ นงลักษณ์ และดร.เพี้ยนรีบวิ่งตามไปติดๆ ทิ้งให้ติ๋มยืนอึ้งและงงว่าเกิดอะไรขึ้น
ตี๋ใหญ่ใส่ตีนหมาวิ่งหนีมาตามทาง โดยมีเอมิกา วเรศ และนงลักษณ์วิ่งไล่ตามมา ส่วนดร.เพี้ยนวิ่งรั้งท้ายด้วยสีหน้าหอบเหนื่อยมาก
“ตี๋ใหญ่!! อย่าหนี!” เอมิกาตะโกน
ตี๋ใหญ่วิ่งหนีเข้ามาตรงพื้นไม้กระดานปุปะและพาดอย่างไม่สม่ำเสมอเหนือน้ำคลำ ตี๋ใหญ่หันไปมองเอมิกาที่ตามมาแล้วก็ยิ่งรีบวิ่งหนี เอมิกาไล่ตามไปติดๆแต่ทรงตัวลำบาก ตามมาด้วย วเรศ และนงลักษณ์ ดร.เพี้ยนเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด เขารีบตามมาแต่กลับทรงตัวไม่อยู่จึงตกลงไปในน้ำคลำข้างๆ ดร.เพี้ยนร้องลั่น
“เวยยยย!!!”
ดร.เพี้ยนตกน้ำคลำจนตัวดำปี๋แต่ไม่มีใครสนใจ
เอมิกา วเรศ และนงลักษณ์ยังคงวิ่งไล่ตามตี๋ใหญ่ออกมาที่ถนนในซอย ระหว่างนั้นมีคนแบกบันไดยาวเดินข้ามถนนมา ตี๋ใหญ่เห็นก็รีบหดหัวหลบ เอมิกากับวเรศวิ่งลอดใต้บันไดได้ทัน แต่นงลักษณ์เบรคไม่ทันจึงชนบันไดดังโครมจนถึงกับหงายเงิบเห็นดาวเต็มฟ้า
วเรศกับเอมิกายังคงวิ่งไล่ตี๋ใหญ่ต่อไป
“ตี๋ใหญ่..หยุด!!!”
“ไม่หยุดเว๊ย!!”
ตี๋ใหญ่หนีต่อ วเรศครุ่นคิดอะไรบางอย่างแล้วก็วิ่งอ้อมไปอีกทาง ตี๋ใหญ่วิ่งหนีเอมิกาโดยเริ่มทิ้งระยะห่างเพราะเอมิกาเหนื่อย แล้วตี๋ใหญ่ก็ต้องเบรคเอี๊ยดเมื่อเจอวเรศวิ่งออกมาขวางหน้า
“แกหนีไม่รอดแล้ว!”
ตี๋ใหญ่หันรีหันขวางว่าจะทำยังไงดี เขาหันไปเห็นเอมิกาที่หยุดหอบก็ตรงเข้ามาชาร์จแล้วล็อคคอเอมิกาเอาไว้ก่อนจะเอามีดพับออกมาจี้เอวเอมิกา วเรศกับเอมิกาตกใจ
“จะทำอะไร?!” วเรศถาม
ตี๋ใหญ่ขู่ “อย่าเข้ามา!!!”
“ใจเย็น ค่อยๆพูดกันก็ได้”
“ไม่พูดเว๊ย ฉันอุตส่าห์กบดานอยู่ตั้งนาน ยังไงก็ไม่มีทางยอมให้ตำรวจจับง่ายๆหรอกเว๊ย”
“ฉันไม่ใช่ตำรวจ” วเรศบอก
“ฉันไม่เชื่อ!! ถอยไป...” ตี๋ใหญ่สั่ง วเรศนิ่ง “ถอยไปเซ่!!”
วเรศหันไปมองเอมิกาด้วยความเป็นห่วงมาก เขาจำต้องค่อยๆถอย ทันใดนั้นดร.เพี้ยนกับนงลักษณ์ก็พาตำรวจเข้ามา
“จับมันเลยครับคุณตำรวจ!!” ดร.เพี้ยนบอก
ตี๋ใหญ่ วเรศ เอมิกาตกใจ จังหวะที่ตี๋ใหญ่มัวแต่หันไปมอง วเรศก็เข้ามาแย่งมีดกับตี๋ใหญ่
“ชะเอม..รีบหนีไป”
เอมิการีบวิ่งออกมาหานงลักษณ์กับดร.เพี้ยน วเรศกับตี๋ใหญ่แย่งมีดกัน ตำรวจเอาปืนออกมาคุมสถานการณ์ วเรศกับตี๋ใหญ่แย่งมีดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทุกคนมองอย่างลุ้นๆ เอมิกาเป็นห่วงวเรศมาก
“คุณตั้ม..ระวังนะคะ!!”
วเรศเหมือนจะแย่งมีดได้ แต่ทันใดนั้นวเรศกับตี๋ใหญ่ก็ชะงัก มองหน้ากัน สักพักตี๋ใหญ่ก็เซผละออกมาด้วยสีหน้าอึ้งตะลึง มีดยังคามือตี๋ใหญ่ แต่ปลายมีดชุ่มไปด้วยเลือด วเรศก้มมองใต้ราวนมตัวเองก็เห็นเลือดออกเพราะโดนแทง ทุกคนตกใจกันมาก ตี๋ใหญ่ทำมีดหล่นพื้น ตำรวจเข้าจับกุมตี๋ใหญ่ทันที เอมิกาแทบช็อค
“คุณตั้ม!!”
วเรศเริ่มทรงตัวไม่อยู่ เขาทรุดเข่าลงบนพื้น เอมิการีบเข้ามาประคองวเรศที่กำลังล้ม เอมิกามองวเรศทั้งน้ำตา วเรศหน้าซีดเพราะตกใจสุดๆ
“คุณตั้มม...”
วเรศพูดไม่ออกเพราะเจ็บมาก เขาได้แต่มองหน้าเอมิกา แล้วไม่นานก็หมดสติไปทันที
เอมิการ้องลั่น “คุณตั้มมม!!”
วเรศนอนไม่ได้สติในสภาพเลือดเต็มตัว เขาถูกเข็นมาตามทางในโรงพยาบาล เอมิกาวิ่งตามมาข้างๆ นงลักษณ์กับดร.เพี้ยนก็เดินตามมา
“คุณตั้ม..คุณอย่าเป็นอะไรนะคะ คุณตั้ม!!” เอมิกาพูด
เจ้าหน้าที่เข็นพาวเรศเข้าห้องผ่าตัดแล้วบอกเอมิกา
“เข้าไปไม่ได้นะครับ”
เอมิกา นงลักษณ์ และดร.เพี้ยนยืนอยู่หน้าห้อง เอมิกาหน้าเสีย เลือดของวเรศยังติดอยู่ที่เสื้อของเธอ นงลักษณ์เข้ามาจับไหล่เอมิกาเพื่อปลอบใจ
“ถ้าคุณตั้มไม่เข้ามาช่วยฉัน คุณตั้มก็คงไม่ต้องเจ็บขนาดนี้...เป็นเพราะฉัน..ฉันคนเดียว” เอมิกาบอก
“ใจเย็นแก...อย่าเพิ่งคิดอะไรร้ายๆเลยนะ” นงลักษณ์ปลอบใจ
เอมิกาพยักหน้าแต่เศร้าสุดๆ ดร.เพี้ยนเดินมาหาเอมิกากับนงลักษณ์
“แม่ชะเอม..ฉันจะไปโรงพักจัดการเรื่องนายป่องก่อน”
“ค่ะ...นง...แกไปช่วยดร.เถอะไป”
“แล้วแกอยู่คนเดียวได้เหรอ?” นงลักษณ์ถาม
“ฉันอยู่ได้ แกไปเถอะ” เอมิกาบอก
นงลักษณ์พยักหน้า แล้วเดินออกไปกับดร.เพี้ยน เอมิกาเครียดสุดๆ
สารวัตรมีสีหน้าอึ้งตะลึง
“โอ้โฮ....”
นงลักษณ์ก็อึ้ง
“อื้อฮือ...”
ดร.เพี้ยนก็อึ้งไม่แพ้กัน
“มิน่าล่ะ”
ตี๋ใหญ่กับปองเทพยืนเผชิญหน้ากันโดยมีสารวัตรยืนอยู่ตรงกลาง นงลักษณ์กับดร.เพี้ยนก็ยืนอยู่ด้วย
“เหมือนกันอย่างนี้นี่เอง เจ้าทุกข์ถึงชี้ตัวผิด” สารวัตรบอก
“ฉันกะไอ้นี่ก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอกว้า มนุษย์เดินดินด้วยกัน เพียงแต่ฉันหล่อกว่าไอ้หน้าจืดนี่ตั้งเยอ โด่เอ้ย!” ตี๋ใหญ่บอก
“ไม่ใช่โว้ย” ปองเทพโกรธจนตัวสั่น “แกกับฉันต่างกันเพราะแกทำผิดกฎหมายแต่ฉันเปล่าโว้ย” ปองเทพฉุน
“ไม่ต้องพูดมาก” สารวัตรพูดกับตำรวจนายหนึ่ง “พาไอ้ตี๋ใหญ่ไปขังได้แล้ว คราวนี้แกไม่มีทางหลุดออกมาง่ายๆแน่ไอ้ตี๋ใหญ่”
ตำรวจพาตี๋ใหญ่ไปเข้าห้องขัง ปองเทพหันไปมองตามตี๋ใหญ่ไม่วางตาด้วยความนึกไม่ถึง
“ป่อง...จริงๆแกมีพี่หรือน้องที่ถูกลักตัวไปตั้งแต่ยังแบเบาะรึเปล่าห๊ะ!! ถามดูสิว่ามีจี้เพชรของเจ้าคุณปู่ติดตัวไปบ้างมั๊ย เผื่อจะรู้ว่าเป็นทายาท” นงลักษณ์แซว
ปองเทพแผดเสียง “ไม่มีเว๊ย!”
“ไม่มีพี่น้อง หรือ ไม่มีจี้เพชร” นงลักษณ์ถามต่อ
“ไม่มีทั้งสองอย่าง” ปองเทพถามสารวัตร “ผมไปได้เหรอยังครับสารวัตร”
สารวัตรตอบ “ไปได้แล้ว”
“แล้วก็เรื่องนี้อย่าให้รู้ถึงหูพ่อผมเชียวนะครับ” ปองเทพกำชับ
“น่า..รับรอง ตอนแรกถ้าคุณเอาบัตรประชาชนให้ผมดูเสียก็หมดเรื่อง ไม่รู้ว่าคุณจะขยักเอาไว้ทำไม?!!”
“ผมไม่อยากให้พ่อรู้ว่าผมทำอะไรบ้าๆเอาไว้”
ดร.เพี้ยนพูดขึ้น “ไอ้ความจริง ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องน่าอับอายตรงไหน กับการไปเป็นคนใช้ ค่านิยมของพวกหนุ่มสาวอย่างพวกเธอนี่น่าวิตกมาก เธอเห็นการทำงานสุจริตเป็นเรื่องน่าอับอาย แย่จริงๆ”
“ด๊อกจะมาเทศนาอะไรตอนนี้ล่ะครับ ผมอยากกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว”
“แกยังกลับไม่ได้หรอก” นงลักษณ์บอก
ปองเทพหันไปมองนงลักษณ์ด้วยความสงสัย
เอมิกาเดินมามองตรงหน้าห้องผ่าตัดด้วยสีหน้ากังวลใจเรื่องวเรศมาก ไม่นานก็มีนางพยาบาลเดินเข้ามาหาเธอ
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นญาติของคุณวเรศใช่มั๊ยคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ”
“ไม่ทราบว่าคุณมีเบอร์ติดต่อญาติของคุณวเรศรึเปล่าคะ”
“มีค่ะ เดี๋ยวฉันจดให้นะคะ”
พยาบาลยื่นกระดาษกับปากกามาให้เอมิกาจด แล้วพยาบาลก็เดินออกไป เอมิกาหันไปใจจดจ่อที่หน้าห้องผ่าตัดเหมือนเดิม
“คุณตั้ม คุณอย่าเป็นอะไรนะคะ”
เอมิกาน้ำตาคลอเบ้า ไม่นานหมอก็เดินออกมา เอมิการีบเข้าไปหาทันที
“คุณวเรศปลอดภัยแล้วนะครับ” หมอรายงาน
เอมิกาดีใจสุดๆ
“ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ”
หมอยิ้มรับแล้วเดินออกไป เอมิกาโล่งใจ
เอมิกาเข้ามาเยี่ยมวเรศที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียู เอมิกาเดินมายืนข้างเตียงแล้วจับมือวเรศขึ้นมากุมแน่น
“ขอบคุณมากนะคะคุณตั้ม ขอบคุณที่ช่วยฉัน...ขอบคุณจริงๆ”
เอมิกานั่งลงและจับมือวเรศเอาไว้
พีรพลยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์โรงพยาบาลกับชื่นฤทัยและอรวิลาส ทั้งสามคนมีสีหน้าที่แย่มาก ไม่นานพยาบาลก็เงยหน้าขึ้นมาพูด
“คุณวเรศ ออกจากห้องผ่าตัดแล้วค่ะ” ทั้งสามคนโล่งอก “ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ในห้องไอซียู”
“ขอบคุณครับ” พีรพลบอก
พีรพล ชื่นฤทัย และอรวิลาสเดินออกไป
เอมิกายังคงจับมือวเรศไม่ปล่อยพร้อมกับมองวเรศด้วยความเป็นห่วง ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น เอมิกาตกใจก่อนจะรีบหยิบมือถือออกมาแล้วเดินออกไปจากห้อง
เอมิกามายืนคุยโทรศัพท์กับนงลักษณ์
“เรื่องป่องเรียบร้อยแล้วใช่มั๊ย?!! ดีแล้ว” เอมิกาโล่งอกสุดๆ “คุณตั้มก็ปลอดภัยแล้วเหมือนกัน แต่หมอยังให้ดูอาการอยู่ในห้องไอซียู พวกแกกำลังมาที่โรงพยาบาลใช่มั๊ย ถ้างั้นเดี๋ยวเจอกัน”
เอมิกาวางสายแล้วหันไปเห็นชื่นฤทัย พีรพล และอรวิลาสเดินมาก็ตกใจ เธอรีบหาที่หลบแล้วแอบดู ทั้งสามคนรีบเข้าไปในห้องไอซียู
ชื่นฤทัยยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ เตียงวเรศ โดยมีพีรพลกับอรวิลาสยืนอยู่ด้วย
“โธ่หลานตั้ม!! ไม่น่าเลย เพิ่งเห็นกันอยู่หลัดๆ”
พีรพลรีบขัด “คุณชื่น! ตั้มยังไม่ตายนะ”
“ก็มันใจหายนี่คะคุณ ไม่เคยเห็นหลานตั้มอาการหนักแบบนี้มาก่อน มันสะเทือนใจ ไม่รู้ว่าหลานตั้มโดนไอ้โจรบ้านั่นมันแทงได้ยังไงนะคะ”
พีรพล ชื่นฤทัย และอรวิลาสมองวเรศด้วยความเป็นห่วง
ปองเทพ นงลักษณ์ และดร.เพี้ยนมาถึงโรงพยาบาล ทั้งสามเจอเอมิกานั่งอยู่ก็แปลกใจ
ปองเทพเรียก “เอม..”
เอมิกาหันไปทางทุกคนแล้วก็ลุกขึ้นยืน
“ทำไมเอมมานั่งตรงนี้....แล้วคุณตั้ม?” ปองเทพถาม
“คุณพีรพล คุณชื่นฤทัย คุณอรวิลาสมา ฉันยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับใครตอนนี้ ถ้ายังไงพวกเราค่อยมาเยี่ยมคุณตั้มวันหลังก็แล้วกัน ตอนนี้กลับกันเถอะ”
ปองเทพ นงลักษณ์ และดร.เพี้ยนเดินออกไป เอมิกาหันไปมองที่ห้องพักของวเรศอีกครั้งด้วยสีหน้าเป็นห่วงวแล้วก็เดินออกไป
พีรพลกำลังคุยโทรศัพท์กับสารวัตรอยู่ที่บ้าน
“ขอบคุณมากนะครับสารวัตร”
พีรพลวางสายแล้วหันมาทางชื่นฤทัยกับอรวิลาส
“เราทุกคนเข้าใจนายป่องผิด” พีรพลบอก ชื่นฤทัยกับอรวิลาสชะงัก “นายป่องกับโจรตี๋ใหญ่หน้าตาเหมือนกัน ก็เลยทำให้ใครๆเข้าใจว่าเป็นคนเดียวกัน”
“งั้นก็แสดงว่าเรายังจับโจรที่ปล้นบ้านเราไม่ได้” ชื่นฤทัยพูด
พีรพลพยักหน้า
“และนายป่องก็ไม่ได้เป็นโจรจริงๆ” อรวิลาสเอ่ย
พีรพลพยักหน้า อรวิลาสแอบดีใจที่รู้ว่าปองเทพไม่ใช่คนร้าย บรรจงที่แอบอยู่ ได้ยินทุกอย่างก็หน้าเสีย
บรรจงพยายามต่อโทรศัพท์หามดแดงแต่มดแดงไม่รับสาย บรรจงเริ่มหงุดหงิดและงุ่นง่านมากๆ
“ทำไมพี่มดแดงไม่รับสายซักที!! ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว”
บรรจงเครียดมาก เธอหันไปเห็นนากก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง
“แกเป็นอะไรของแกห๊ะนังจง!!” นากถาม
“ไม่ใช่เรื่องของพี่!”
บรรจงรีบหลบตาแล้วเดินออกไป นากมองตามบรรจงด้วยความรู้สึกสงสัยและแปลกใจ
เช้ารุ่งขึ้น วเรศเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา
วเรศพูดเสียงเบา “ชะเอม..”
วเรศเห็นเงาคนลางๆเดินเข้ามาหา
“ชะเอม..”
พอคนๆนั้นเดินเข้ามาใกล้กลับเป็นอรวิลาส วเรศแปลกใจ
“อร!”
อรวิลาสยิ้ม “พี่ตั้มเป็นบ้างคะ”
“....ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยจ๊ะ นี่อรอยู่คนเดียวเหรอ”
“ใช่ค่ะ อรจะออกไปเรียกพยาบาลเข้ามาดูพี่ตั้มนะคะ”
วเรศพยักหน้า อรวิลาสเดินออกไป วเรศหันไปมองรอบๆห้องก็ไม่เห็นเอมิกา วเรศรู้สึกเสียใจเพราะคิดว่าเอมิกาไม่มาดูดำดูดีเขาเลย
เอมิกาถือกระติกน้ำซุบแล้วรีบจ้ำอ้าวจะออกไปเยี่ยมวเรศ นงลักษณ์เดินตามออกมา
“ไม่อยากเชื่อน่ะสิว่าคุณหนูอย่างแก จะเข้าครัวทำซุปด้วยตัวเอง” นงลักษณ์นึกขึ้นได้ “เฮ้ย! หรือว่าแกคิดอะไรกับคุณเลขาเค้าอ๊ะป่าว” นงลักษณ์ยิ้มแซว
เอมิกาหน้าแดงซ่าน “คิดบ้าอะไร!! ฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ที่ฉันทำซุปไปให้เค้า เพราะฉันอยากตอบแทนที่เค้าช่วยชีวิตฉันเอาไว้ต่างหาก อย่าคิดอกุศล เออไอ้นง ช่วงนี้อะไรๆมันยังวุ่นวายอยู่ ฉันขอกบดานอยู่บ้านแกก่อนนะ คุณตั้มหูไวตาไวมากฉันยังไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันเป็นลูกใคร บ้านอยู่ใหน เข้าใจนะ?”
“ตามนั้นเลยเพื่อน!”
เอมิการีบออกไป นงลักษณ์หรี่ตามองเอมิกาด้วยความสงสัย
อรวิลาสนั่งเปิดหนังสือด้วยความเบื่อก่อนจะวางหนังสือลงแล้วเอามือถือขึ้นมาเล่น สักพักเธอก็เบื่อ อรวิลาสหันไปหยิบรีโมทเปิดทีวีแล้วก็เปลี่ยนช่องเพราะเบื่ออีก วเรศหันไปมอง
“อร..”
อรวิลาสรีบลุกเดินมาหาด้วยท่าทางที่กระตือรือร้น
“พี่ตั้มจะเอาอะไรคะ?”
“อรจะกลับบ้านก็ได้นะ พี่อยูคนเดียวได้” วเรศบอก
“ไม่ได้หรอกค่ะ แม่สั่งให้อรมาดูแลพี่ตั้ม ขืนอรกลับบ้านไปตอนนี้ อรก็โดนแม่ดุสิคะ” อรวิลาสหน้าเศร้า
วเรศมองด้วยความเห็นใจ “อรไปชอปปิ้งก่อนก็ได้นี่ พอเย็นๆก็ค่อยกลับ”
อรวิลาสมีสีหน้าลังเล “จะดีเหรอคะพี่ตั้ม”
“ไปเถอะอร...พี่อยู่คนเดียวได้จริงๆ ถ้าพี่อยากได้อะไร พี่จะเรียกพยาบาลเอง อรกลับเถอะ พี่รับรองว่าจะไม่ทำให้อรถูกดุ”
อรวิลาสยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ
“ขอบคุณพี่ตั้มมากนะคะ งั้นอรไปนะ”
วเรศพยักหน้า อรวิลาสดีใจมาก แล้วเธอก็หิ้วกระเป๋าขึ้นมาสะพายก่อนจะเดินออกไป วเรศถอนหายใจด้วยความเศร้าเมื่อคิดถึงเอมิกา แล้วเขาก็หันไปมองวิวที่อยู่นอกระเบียงห้อง ทันใดนั้นเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
“ลืมอะไร..” วเรศถามออกไป
ยังพูดไม่ทันจบ วเรศก็เห็นเอมิกายืนอยู่หน้าห้องพร้อมกระติกใส่น้ำซุปที่อยู่ในมือ วเรศยิ้มกว้างเพราะดีใจมาก
“ชะเอม..!”
วเรศรีบลุกขึ้นมานั่งด้วยความเร็วเลยทำให้เจ็บแผล
“โอ๊ย!!”
เอมิกาตกใจรีบวางกระติกลงบนโต๊ะแล้วเข้ามาประคองวเรศ
“คุณตั้ม!!”
วเรศมองเอมิกาแล้วยิ้มตื้นตัน “ฉันนึกว่าเธอจะไม่มาเยี่ยมฉันแล้ว”
“ต้องมาสิคะ ก็คุณช่วยฉันเอาไว้จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ขอบคุณคุณมากนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คงเป็นฉันที่นอนอยู่ตรงนี้”
“ไม่ต้องขอบคุณ ฉันเต็มใจช่วยเธอ ฉันทนเจ็บได้ แต่ถ้าเธอเจ็บ..” วเรศหยุดพูด เอมิกามองหน้าวเรศ “เออ...มันจะลำบากคนอื่นเค้า”
เอมิกามองวเรศแล้วทำหน้าไม่ถูก
วเรศยิ้มแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง “เอาอะไรมาด้วย”
เอมิกาเอาชามซุปวางตรงหน้าวเรศ วเรศมองอย่างไม่เชื่อ
วเรศหันไปทางเอมิกา “เธอทำเอง?!!”
เอมิกาตอบ “ค่ะ”
“ทานเข้าไปแล้วจะท้องเสียรึเปล่า”
“ถ้างั้นไม่ต้องทานดีมั๊ยคะ” เอมิกาจะเอาคืน
วเรศจับมือเอมิกาทันที “ต้องทานสิ เธออุตส่าห์ทำมาให้ฉัน ฉันจะทานให้เกลี้ยง”
เอมิกายิ้ม แล้วก็นึกขึ้นได้จึงก้มมองมือวเรศ วเรศรีบเอามือออก ทั้งสองคนเก้อเขินไป
“ฉันทานล่ะนะ” วเรศบอก
เอมิกาพยักหน้า วเรศตักซุปจะกินแต่แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“ร้อนเนอะ...” วเรศบอก
“ฉันเป่าให้ก่อนก็ได้ค่ะ”
เอมิกาตักซุปขึ้นมาเป่า วเรศแอบอมยิ้มพร้อมทั้งมองเอมิกาอย่างรู้สึกดี เอมิกายื่นช้อนไปให้วเรศ
“ทานได้แล้วค่ะ”
วเรศทานทันที เอมิกาชะงักเพราะกลายเป็นว่าเธอกำลังป้อนเค้า
“ถ้าไงเธอป้อนฉันเลยก็แล้วกัน ฉันไม่อยากขยับตัวมาก เดี๋ยวมันจะกระเทือนมาถึงแผล” วเรศบอก
เอมิกามองวเรศเพราะรู้สึกแปลกๆ
“คุณหมอบอกเหรอคะ”
วเรศตอบหน้าตาย “อื้อ...”
เอมิกางงๆ แต่ก็ยอมป้อนวเรศ วเรศมีความสุขสุดๆ
ปองเทพยืนอยู่กับนงลักษณ์
“เอมไปเยี่ยมคุณตั้มแล้ว?” ปองเทพทวนคำ นงลักษณ์พยักหน้า “ทำไมเอมไม่โทรบอกฉัน ฉันก็อยากไปเยี่ยมเค้าบ้าง อยากไปขอบคุณที่ช่วยฉัน”
“เอ้า..ถามฉัน แล้วฉันจะตอบได้มั๊ย แกเป็นแฟนไอ้เอม แกยังไม่รู้เลย ฉันไปทำงานล่ะ”
พูดจบนงลักษณ์ก็เดินไป ปองเทพแปลกใจสุดๆ
เอมิกากำลังปอกส้มมาป้อนวเรศ วเรศกินไปก็ยิ้มไป
“ฉันว่าคุณกลับบ้านได้แล้วมั๊งคุณตั้ม ดูคุณก็แข็งแรงดีแล้ว ทานเก่งด้วย” เอมิกาบอก
“ร่ายกายฉันยังไม่เต็มร้อย แต่กำลังใจฉันสิเต็มเปี่ยม เพราะมีคนดูแลดี ไหนๆเธอก็ตกงาน ไม่ต้องไปเป็นคนใช้แล้ว ก็มาดูแลฉันทุกวันเป็นไง”
“ฉันไม่ได้ว่างนะคะคุณตั้ม ฉันยังมีอะไรที่ต้องทำอีกตั้งเยอะตั้งแยะ”
วเรศจะอ้าปากพูด เอมิกาเอาส้มยัดเข้าปากวเรศทันที
“ไม่ต้องพูดมากแล้วค่ะ”
วเรศถึงกับสำลัก เอมิกาตกใจ
“คุณตั้ม!! ฉันขอโทษ”
เอมิการีบเอากระดาษมาเช็ดปากให้วเรศ วเรศจับมือเอมิกาแล้วก็เงยหน้ายิ้มให้เธอ
“ถูกหลอกแล้ว”
เอมิกาฉุน “คุณตั้ม!”
เอมิกาหยิกวเรศแต่โดนตรงแผลพอดีทำให้วเรศร้องลั่น
“โอ๊ยยยย!!”
“ไม่ต้องมาหลอกฉันเลย”
“ฉันไม่ได้หลอก เธอหยิกโดนแผลฉัน...” วเรศเจ็บจริง “อุ๊ยย”
เอมิกาตกใจจึงรีบเอามือออก
“ตายแล้ว! ฉันขอโทษค่ะ ไหนขอฉันดูหน่อยสิคะ”
เอมิกาโน้มตัวมาเปิดเสื้อวเรศเพื่อดูแผลที่มีผ้าก๊อซปิดแผลเอาไว้ เอมิกาหน้าเสีย วเรศก้มมองเอมิกาอย่างรู้สึกดีที่เอมิกาอยู่ใกล้เค้า เอมิกาหันหน้ามา
“ฉันขอโท....” เอมิกายังพูดไม่จบจมูกของเธอก็ไปแตะกับจมูกของวเรศ ทั้งสองคนนิ่งกันไป
ปองเทพถือตะกร้าผลไม้มองผ่านกระจกตรงประตูเข้ามาเห็นเอมิกากับวเรศใกล้ชิดกันก็ถึงกับอึ้ง มือที่กำลังจะจับลูกบิดเพื่อเปิดประตูถึงกับตกลงมาข้างตัว ปองเทพรีบหันหลังเพราะงงกับภาพที่เกิดขึ้น เขาเดินห่างประตูออกมาหยุดคิดเพราะลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่
วเรศกับเอมิกายังจ้องหน้ากันอยู่ในระยะประชิด หัวใจของทั้งคู่เต้นแรงจนเสียงหัวใจดังออกมา ทันใดนั้นปองเทพก็เปิดประตูพรวดเข้ามา วเรศกับเอมิกาหันไปเห็นปองเทพก็ตกใจรีบผละออกจากกันทันที
เอมิกาตกใจมาก “ป่อง!”
ปองเทพเดินเข้ามาโดยพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเดินยิ้มเข้ามาวางตะกร้าผลไม้ลงบนโต๊ะแล้วหันมาทางวเรศ
“ผมเอาผลไม้มาเยี่ยมครับคุณตั้ม”
“ขอบใจ ความจริงไม่ต้องเอาอะไรมาก็ได้” วเรศบอก
“ไม่ได้หรอกครับ ของแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับการที่คุณตั้มช่วยผมเอาไว้ อ้อ..แล้วก็ยังช่วยเอมเอาไว้อีกคนหนึ่งด้วย”
ปองเทพเข้ามาจับมือเอมิกา เอมิกาตกใจจึงค่อยๆดึงมือออกโดยอัตโนมัติทำให้ปองเทพชะงัก ทั้งสามคนมองหน้ากันแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บรรยากาศอึดอัดครู่ใหญ่ แล้ววเรศก็พูดขึ้นมา
“ผมเต็มใจช่วยพวกคุณอยู่แล้ว มันไม่ได้หนักหนาอะไรเลย”
ปองเทพยิ้มแล้วก็หันไปทางเอมิกา “เอมน่าจะบอกเราว่าจะมาเยี่ยมคุณตั้ม เราจะได้มาด้วย”
“นึกว่าป่องอยากพัก ก็เลยไม่ได้โทรบอก”
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 10 (ต่อ)
“เอม...เราว่าให้คุณตั้มพักเถอะ เรากลับกันดีกว่า”
เอมิกาชะงัก วเรศผงะแล้วหันไปมองเอมิกา ปองเทพมองเอมิกาเพราะลุ้นว่าเอมิกาจะตัดสินใจยังไง
เอมิกาพูดกับวเรศ “ฉันไปนะคะคุณตั้ม แล้วจะมาเยี่ยมใหม่”
วเรศจ๋อยมากและได้แต่ยิ้มเศร้าๆ
“ขอบใจเธอสองคนมากนะ” วเรศพูด
ปองเทพยิ้มให้วเรศแล้วก็หันหลังเดินออกไปกับเอมิกา วเรศผิดหวังสุดๆ
เอมิกากับปองเทพเดินเก้อออกมาด้วยกัน เอมิกามีสีหน้าครุ่นคิดมาตลอดทาง ปองเทพหันมา
“เดี๋ยวเรากลับด้วยกันนะเอม”
เอมิกาหันมา “ไม่เป็นไรป่อง นึกได้ว่าต้องไปซื้อของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย เราเอารถไอ้นงมา เดี๋ยวเรากลับเอง แล้วจะโทรหานะ”
“โอเค แล้วคุยกันนะ”
ปองเทพมองเอมิกานิดนึงแล้วเดินออกไป เอมิกายืนลังเลอยู่คนเดียว
เอมิกาคิดถึงปองเทพแล้วก็มีสีหน้ารู้สึกผิดมากๆ แต่ก็คิดเป็นห่วงวเรศ เธอคิดๆ แล้วก็ตัดสินใจย้อนกลับไปข้างในโรงพยาบาล
วเรศกำลังค่อยๆเดินลากเสาน้ำเกลือจะเดินไปห้องน้ำแต่เดินช้าเพราะเจ็บแผล แล้วเขาก็ต้องตกใจเพราะเอมิกาเปิดประตูกลับเข้ามา
“ชะเอม!!”
“อ่า...คือ..ฉันลืมเอากระติกน้ำซุปกลับ ฉันก็เลยแวะมาเอา” เอมิกาบอก วเรศงง “นี่คุณจะไปไหน?”
“ไปห้องน้ำ” วเรศตอบ
“มาค่ะ...ฉันช่วย”
เอมิกาเข้ามาประคองวเรศแล้วก็ช่วยลากเสาน้ำเกลือพาวเรศเดินไป วเรศหันมามองเอมิกาแล้วก็ลอบยิ้มดีใจที่เอมิกากลับมาหา
เอมิกาพาวเรศขึ้นมานอนบนเตียง
“ป่องรอเธออยู่ข้างนอกเหรอ” วเรศถาม
“เปล่า เราแยกกันแล้ว” เอมิกาตอบ
วเรศดีใจแต่ไม่กล้าแสดงออก “เธอแอบกลับมาหาฉันใช่มั๊ย?”
เอมิกาหน้าถอดสีด้วยความอาย “เปล่าซักหน่อย อย่ามาขี้ตู่นะคุณตั้ม”
ระหว่างนั้นพยาบาลก็เดินเข้ามา
“จะเช็ดตัวเหรอยังคะ” พยาบาลถาม วเรศกับเอมิกาหันไปมอง “หรือจะให้แฟนเช็ดให้ก็ได้นะคะ”
เอมิการีบปฏิเสธ “เออ..ฉันไม่..”
“ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ คนไข้หลายคนก็อยากให้แฟนเช็ดตัวให้มากกว่าพยาบาล ก็อย่างว่าแหละนะคะ พยาบาลน่ะเป็นคนอื่น ก็คงอายที่ต้องแก้ผ้าให้เห็น แต่ถ้าเป็นแฟนกัน ก็คงจะสะดวกใจมากกว่า”
เอมิกาพูดไม่ทันเพราะพยาบาลใส่เป็นชุด
“พยาบาลออกไปก่อนนะคะ” พยาบาลแซว “จะให้ล็อคประตูให้ด้วยมั๊ยเอ่ย” เอมิกากับวเรศอายจนหน้าแดง “อ่ะ..พยาบาลล้อเล่นค่า”
พยาบาลเดินออกไป เอมิกาหันมาทางวเรศที่เอาแต่ยิ้ม
“ยิ้มทำไมคุณตั้ม?” เอมิกาถาม
“คนมีความสุข ไม่ให้ยิ้ม แล้วจะให้ทำหน้าเศร้าเหรอไง”
วเรศแกล้งแบะปาก เอมิกาก็เลยยิ้มออกมา
“เธอคงต้องเช็ดตัวให้ฉันแล้วล่ะ เพราะคุณพยาบาลคงไปทำให้ห้องอื่นแล้ว” วเรศบอก
เอมิกามองแล้วก็ครุ่นคิดลังเล
เวลาผ่านไป เอมิกาบิดน้ำออกจากผ้าก่อนจะหันไปทางวเรศที่นั่งอยู่บนเตียง เอมิกาเช็ดแขนให้วเรศ วเรศยิ้มไม่หุบอย่างรู้สึกดีมาก เอมิกาเงยหน้ามอง วเรศก็รีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน เอมิกาเช็ดแขนเสร็จ เธอก็ถอดเสื้อให้วเรศ เอมิกามือสั่นเพราะตื่นเต้น วเรศเห็นก็เอ่ยถาม
“ทำไมมือสั่นแบบนี้?” เอมิกาผงะ วเรศถามต่อ “เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
เอมิกาปลดกระดุมเสร็จก็หันมาหยิบผ้าแล้วบิดน้ำออก แล้วเธอก็หันมามองอกวเรศก่อนจะเช็ดแบบไม่ค่อยกล้ามอง วเรศแปลกใจกับท่าทางของเอมิกา แล้วเอมิกาก็เอาผ้ามาเช็ดโดนแผลของเขา
“โอ้ย !ชะเอม!”
เอมิกาหันมาเห็นว่าเช็ดผิดก็ตกใจจึงรีบดึงมือกลับมา
“ขอโทษคะคุณตั้ม ฉันว่าฉันไปตามพยาบาลมาเช็ดตัวให้คุณดีกว่า”
เอมิการีบหันหลังเดินออกไป วเรศเจ็บแผลแต่ก็แอบยิ้มเพราะมีความสุขมาก
เอมิกายืนอยู่ที่ริมหน้าต่างบ้านนงลักษณ์ เธอคิดถึงเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลตอนที่ใกล้ชิดกับวเรศแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เอมิกาหันมาเห็นนงลักษณ์ยืนอยู่ก็รีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“แกยิ้มไร?” นงลักษณ์ถาม
“อ่า..เปล่า” เอมิกาตอบ
เอมิการีบเดินออกไป นงลักษณ์มองตามด้วยความสงสัย
“ยังจะบอกว่าเปล่า ก็เห็นอยู่ว่ายิ้ม”
เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงมือถือของเอมิกาดังขึ้น เอมิกาที่เดินอยู่หน้าโรงพยาบาลหยิบมือถือออกมาเห็นชื่อ “ตั้ม” ก็กดรับสาย
“ค่ะคุณตั้ม”
“เมื่อไหร่จะมาซักที ฉันหิวข้าว” วเรศบอก
“แล้วที่โรงพยาบาลไม่มีข้าวให้คุณทานเหรอคะ”
“ไม่อร่อย สู้น้ำซุปที่เธอทำไม่ได้ซักนิด”
เอมิกายิ้มๆแล้วก็แกล้งพูด
“แต่วันนี้ฉันไม่ว่าง”
วเรศผิดหวังมาก
“ไม่ว่าง?? ไม่ว่างทั้งวันเลยเหรอ”
“ใช่ค่ะ ไม่ว่างทั้งวันเลย ยุ่งสุดๆ” เอมิกาแอบขำ
“ยุ่งแค่ไหนเธอก็ต้องมาดูแลฉัน อย่าลืมสิว่าฉันเจ็บเพราะเธอ”
“ทวงบุญคุณเหรอคะ”
“ใช่ ฉันทวงบุญคุณ” วเรศแกล้งเจ็บ “ฉันเริ่มเจ็บแผลแล้วเนี่ย..โอ๊ย..โอ๊ย..”
วเรศแกล้งร้อง แล้วก็หันไปเห็นเอมิกายืนอยู่ตรงหน้าประตู วเรศผงะหน้าถอดสีได้แต่ยิ้มแหยๆ
“ชะเอม..”
“เดี๋ยวนี้หัดโกหกเหรอคุณตั้ม”
“เธอก็โกหกฉันเหมือนกันแหละน่า งั้นก็ถือว่าเราเจ๊ากันก็แล้วกัน”
เอมิกาเดินมาข้างเตียง
“ก็ได้...!!”
วเรศเห็นเอมิกาถือถุงผ้ามาก็เอ่ยถาม
“เอาน้ำซุปมาอีกเหรอ”
เอมิกาส่ายหน้า
วเรศกับเอมิกากำลังเล่นเกมส์เศรษฐีกันอยู่บนเตียง เอมิกานั่งขัดสมาธิอยู่ปลายเตียงและกำลังทอดลูกเต๋า
“เยส!!”
วเรศเซ็ง “ชนะอีกแล้วเหรอเนี่ย...โฮ..ฉันจะหมดตัวอยู่แล้วนะ”
“ช่วยไม่ได้ คนมันเฮง”
เอมิกามีความสุขมาก วเรศยิ้มขำๆ
ชื่นฤทัย พีรพล และอรวิลาสเดินมาด้วยกันตามทางเดินในโรงพยาบาล
“แม่คะ ขออรไปซื้อน้ำก่อนนะคะ”
ชื่นฤทัยพยักหน้า อรวิลาสรีบเดินออกไป
ในห้องพัก วเรศโวยวาย
“เลิกเลิก..ฉันไม่เล่นแล้ว”
“อย่าขี้แพ้ชวนตีดิคะคุณตั้ม คนเราต้องหัดยอมรับความพ่ายแพ้บ้างนะคะ” เอมิกาบอก
“ฉันเมื่อยแล้ว อยากนอนพัก”
“งั้นคุณพักเถอะ”
เอมิกาลงจากเตียงแล้วก็เก็บของ ก่อนจะกดปุ่มให้เตียงวเรศเอนลงไป เอมิกาเอาผ้าห่มมาห่มให้วเรศ วเรศมองเอมิกาอย่างรู้สึกดี
ทันใดนั้นเสียงชื่นฤทัยก็ดังขึ้นที่ข้างนอก
“ว๊ายยย!”
เอมิกากับวเรศผงะเพราะรู้สึกคุ้นกับเสียง เอมิกาเดินไปดูตรงประตูแล้วมองผ่านกระจก แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะเห็นอรวิลาส ชื่นฤทัย พีรพล อรวิลาสทำน้ำหกเต็มพื้น ชื่นฤทัยกำลังดุอรวิลาส เอมิการีบหันมาทางวเรศ
“คุณอร คุณชื่น คุณพีมา!!” เอมิกาตกใจ
“ก็ดีน่ะสิ เธอจะได้บอกทุกคนว่าเธอเป็นใคร?” วเรศบอก
“ไม่ดีค่ะ ฉันยังให้ใครรู้ว่าฉันเป็นใครไม่ได้”
วเรศนิ่วหน้า “ทำไม?”
เอมิกาหันไปดูที่กระจกตรงประตูอีกครั้งก็เห็นทั้งสามคนกำลังเดินมา
“เค้าจะถึงแล้ว ฉันให้พวกเค้าเจอฉันไม่ได้ ฉันยังไม่พร้อมจะเจอใครตอนนี้”
วเรศงงมาก “ใจเย็นชะเอม”
“เย็นไม่ได้ค่ะ คุณตั้มอย่าบอกใครนะว่าฉันอยู่นี่” เอมิกากำชับ วเรศเงียบเพราะไม่เข้าใจ “ฉันขอร้อง ฉันทำเรื่องไว้เยอะ ฉันยังทำใจไม่ได้ ขอฉันทำใจก่อน แล้วฉันจะบอกความจริง ฉันสัญญา ฉันขอร้องล่ะนะคุณตั้ม!”
วเรศยังงงไม่หาย ชื่นฤทัยเดินมาถึงหน้าประตู เอมิกาทำหน้าเหรอหราเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี เอมิกามายืนตัวลีบหลบอยู่หลังประตู ชื่นฤทัย พีรพล และอรวิลาสเปิดประตูเดินเข้ามา เอมิกาลุ้นมาก ส่วนวเรศมองเอมิกาแบบลุ้นไปด้วย
“หลานตั้ม...วันนี้สีหน้าดูดีขึ้นกว่าวันแรกมากเลย สงสัยเป็นเพราะเมื่อวานน้องอรดูแลดีแน่ๆ ใช่มั๊ยเอ่ย” ชื่นฤทัยถาม
ชื่นฤทัยหันมาทางอรวิลาส อรวิลาสได้แต่ยิ้มแหยๆ วเรศเองก็ยิ้มไม่ค่อยออกเพราะรู้กันอยู่แก่ใจว่าไม่ใช่ วเรศมองเอมิกาด้วยความเป็นห่วง เอมิกาจะย่องออกไป พีรพลเห็นสายตาวเรศก็ถามออกมา
“ตั้มมองอะไร?!!”
พีรพลจะหันไปมอง เอมิการีบหมอบลงบนพื้น
ทันใดนั้นวเรศก็เรียก “คุณอาครับ”
พีรพลหันมา เอมิกาโล่งอก แล้วเธอก็ค่อยๆคลานออกไปนอกห้องด้วยความทุลักทุเล
“ผมอยากดื่มน้ำครับคุณอา” วเรศบอก
พีรพลหันไปก็ไม่เห็นเอมิกาแล้ว วเรศโล่งอกสุดๆ
เอมิกาออกมายืนด้านนอกด้วยสีหน้าโล่งอก
“เกือบไปแล้วเรา เฮ้อ”
เอมิกาเดินออกมาจากโรงพยาบาล ทีนใดนั้นเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น
เอมิกาหยิบออกมากดรับสาย “ว่าไงป่อง...” เอมิกาฟัง “ตอนนี้เราอยู่ไหนเหรอ?” เอมิกาคิด “เออ..เรากำลังจะไปมหาลัย มีนัดปรึกษางานกับดร.เพี้ยน แค่นี้ก่อนนะ เรากำลังจะรถขึ้นรถแท็กซี่แล้ว”
เอมิกาวางสายด้วยสีหน้ารู้สึกผิดที่โกหกปองเทพ
ปองเทพกำลังโทรศัพท์หาดร.เพี้ยน ไม่นานดร.เพี้ยนก็รับสาย
“ด๊อกเตอร์..ผมป่องนะครับ วันนี้เอมมีนัดกับด๊อกเตอร์เหรอครับ?” ปองเทพฟัง “ไม่มี...”
ปองเทพอึ้งที่เอมิกาโกหก แล้วเขาก็ชักจะใจไม่ดี
วันต่อมา เอมิกาถือกระติกน้ำซุปเข้ามาในห้องพักของวเรศในโรงพยาบาล
“วันนี้ฉันทำน้ำซุปมาให้ด้วยนะคะ”
เอมิกาวางกระติกบนโต๊ะ แล้วหันไปเห็นวเรศหน้าเครียดก็แปลกใจ
“ทำไมคุณทำหน้าแบบนี้ หรือว่าเจ็บแผลคะ”
“ฉันไม่เจ็บแผลแล้ว แต่ฉันนอนไม่หลับ เพราะฉันไม่เข้าใจ..ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอยังไม่ให้ฉันบอกความจริงกับทุกคนว่าเธอเป็นใคร?”
“ฉันบอกคุณไปแล้วไง ว่าขอเวลาฉันทำใจก่อน”
“เธอไม่ได้ทำเรื่องคอขาดบาดตายนะชะเอม ทำไมเธอถึงบอกใครไม่ได้”
เอมิกาเงียบ วเรศจ้องหน้า
“เธอช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจทีได้มั๊ยชะเอม” วเรศบอก
ทันใดนั้นวิยะดาก็ผลักประตูเดินหน้าตาตื่นเข้ามาโดยไม่ทันมองเอมิกา
“ตั้ม!!”
“คุณแม่” วเรศไหว้ “สวัสดีครับ”
“อาพีโทรไปบอกแม่ แม่ตกใจแทบแย่ รีบโทรจองเที่ยวบินที่เร็วที่สุด แล้วก็รีบมาเลยทันที มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง” วิยะดาถาม
“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ห่วงไม่ได้หรอก แม่มีลูกคนเดียวนะ ถ้ายังไงแม่จะมาเฝ้าลูกเอง”
วเรศรีบพูด “ไม่ต้องหรอกครับ วันพรุ่งนี้..ผมก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมอยู่ได้ คุณแม่กับกลับไปช่วยงานคุณพ่อเถอะครับ”
“อย่าดื้อสิลูก แม่จะอยู่ดูแลลูกจนกว่าลูกจะหายดี แม่ถึงหมดห่วงและกลับไปได้”
วิยะดาจับมือวเรศ แล้วเธอก็เพิ่งเห็นว่าเอมิกาอยู่ในห้อง วิยะดาก็ผงะ
เอมิการีบยกมือไหว้ วิยะดารับไหว้แบบอึ้งๆเพราะจำเอมิกาได้ วิยะดานึกย้อนไปตอนที่เธอเจอเอมิกา
วเรศกับเอมิกาหันไปเห็นวิยะดา วเรศรีบผละออกมา
“แม่..”
เอมิการีบลุกขึ้นยืนไหว้ วิยะดารับไหว้พอเป็นพิธีพร้อมทั้งมองเอมิกา
วิยะดาเอ่ยถามลูกชาย “ผู้หญิงคนนั้นเหรอแม่บ้านบ้านคุณชื่น?”
“ใช่ครับ” วเรศตอบ
เมื่อนึกถึงตอนที่พบเอมิกาในอดีต วิยะดาก็อึ้งมาก ส่วนเอมิกาเงียบเพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
“เออ..” เอมิกาหันไปทางวเรศ “ฉันกลับก่อนนะคุณตั้ม” วเรศพยักหน้า เอมิกาหันไปทางวิยะดา “ฉันไปล่ะค่ะ”
วิยะดารับไหว้อีกครั้ง แล้วเอมิกาก็เดินออกไป วิยะดาปรายตามองเอมิกาอย่างไม่พอใจก่อนจะหันมาพูดกับวเรศ
“ทำไมผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่?”
“ชะเอมมาช่วยดูแลผมครับแม่”
เอมิกายังยืนอยู่หน้าห้องเลยได้ยินทุกอย่าง
วิยะดาหัวเสีย
“แม่เคยบอกลูกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าจะเลือกใครซักคนเป็นคู่ครอง ก็ต้องเลือกคนที่ถูกต้องและเหมาะสม ไม่ใช่คิดแค่ว่าเราพึงพอใจเค้าอย่างเดียว มันต้องดูหลายๆอย่างประกอบกันด้วย”
“แม่ครับ ความจริงแล้วชะเอมไม่ได้เป็นอย่างที่แม่เข้าใจนะครับ ชะเอมเค้าเป็น..” วเรศจะบอกว่านักศึกษา แต่พูดยังไม่ทันจบ เอมิกาก็เปิดประตูเข้ามาอีกครั้ง วิยะดาและวเรศหันไปมอง
“ฉันลืมกระติกเอาไว้น่ะค่ะ” เอมิกาบอก
เอมิกาพยายามส่งสายตาบอกวเรศว่าไม่ให้พูดออกมาว่าเธอเป็นอะไร วเรศรับความรู้สึกนั้นได้จึงชะงัก เอมิการีบเข้ามาเอากระติกที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงวเรศ เอมิกาหันไปมองวเรศอีกครั้งแล้วส่งแววตาขอร้องไม่ให้วเรศพูด ก่อนจะหันหลังกลับแล้วรีบเดินออกไป
วิยะดาหันมาทางวเรศ
“เมื่อกี๊ลูกจะพูดว่าอะไร?”
วเรศกลืนน้ำลาย “เออ...ไม่มีอะไรครับ”
“หวังว่าลูกคงจะเข้าใจที่แม่พูดนะ”
วเรศเงียบ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจเอมิกา
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า วิยะดากับวเรศกลับเข้ามาในบ้านของวิยะดา
“ค่อยๆเดินนะลูก”
“ผมโอเคแล้วครับแม่”
วิยะดาพาวเรศมานั่ง
“หิวอะไรมั๊ยลูก แม่จะไปหาอะไรมาให้ทาน”
“อะไรก็ได้ครับ”
วิยะดาเดินออกไป วเรศคิดหนัก
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมให้ฉันพูดความจริงว่าเธอเป็นใครชะเอม?”
วเรศตัดสินใจเดินออกไป
ที่บ้านนงลักษณ์ เอมิกานั่งอยู่บนพื้น โน๊ตบุ๊คเครื่องหนึ่งวางบนตักเธอ หน้าจอโน๊ตบุ๊คเขียนว่าฉาก 1 แต่ยังไม่ได้เขียนอะไรต่อ เอมิกาเอาแต่เหม่อเพราะคิดเรื่องวิยะดา ทันใดนั้นปองเทพก็เดินมาหา
“คิดไรออกยังเอม” ปองเทพถาม
เอมิกาหันไป “ยังเลย มันตื้อไปหมด ขอออกไปเดินเล่นแป๊บนะ”
เอมิกาเดินออกไป ปองเทพหันไปมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
ปองเทพเดินออกมาหาเอมิกาแล้วก็ทนเก็บความอึดอัดเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป
“เอม...” ปองเทพเรียก เอมิกาหันมา “เรามีบางอย่างอยากถามเอม ถึงแม้เราจะถามมาแล้วหลายครั้ง แต่เราก็ยังอยากรู้ว่าตอนนี้ความรู้สึกของเอมเปลี่ยนไปเหรอยัง?”
เอมิกามองปองเทพด้วยความสงสัย
“เอมคิดยังไงกับคุณตั้ม?” ปองเทพถาม
เอมิกาเงียบไปสามวินาที
“เรา...” เอมิกาเอ่ย ปองเทพตื่นเต้นมาก “เรา..ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น”
“จริงเหรอเอม แต่ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเอมดูเป็นห่วงเป็นใยคุณตั้มมาก” ปองเทพสงสัย
“ก็เพราะว่าเค้าช่วยเราเอาไว้ยังไงล่ะ เราก็ต้องดูแลเค้าเป็นการตอบแทนจนกว่าเค้าจะอาการดีขึ้น”
“หมายความว่าหลังจากนี้ไป เอมก็ไม่ต้องเจอกับคุณตั้มอีกแล้ว”
เอมิกาตอบสั้นๆ “อื้อ...”
“นั่นหมายความว่าเอมยังรู้สึกกับเราเหมือนเดิม เรายังรักกันใช่รึเปล่า”
เอมิกาตอบแบบไม่เต็มปากเต็มคำ “ใช่...”
ปองเทพดีใจมาก เขาดึงเอมิกาเข้ามากอด เอมิกาตกใจ
“เราดีใจที่สุดเลยเอม ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ยังรักกันอยู่”
เอมิการู้สึกผิดกับปองเทพมาก
วเรศที่แอบยืนอยู่หน้าบ้านเห็นและได้ยินทุกอย่าง เขารู้สึกปวดหัวใจขึ้นมาทันที
วเรศกลับเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเศร้าเสียใจ เขาคิดถึงสิ่งที่เห็นและได้ยิน
เสียงเอมิกาดังขึ้นในหัว “ก็เพราะว่าเค้าช่วยเราเอาไว้ยังไงล่ะ เราก็ต้องดูแลเค้าเป็นการตอบแทนจนกว่าเค้าจะอาการดีขึ้น”
“หมายความว่าหลังจากนี้ไป เอมก็ไม่ต้องเจอกับคุณตั้มอีกแล้ว” เสียงปองเทพถาม
“อื้อ...”
“นั่นหมายความว่าเอมยังรู้สึกกับเราเหมือนเดิม เรายังรักกันใช่รึเปล่า”
เอมิกาตอบไม่ค่อยเต็มปาก “ใช่...”
ปองเทพดีใจมาก เขาดึงเอมิกาเข้ามากอด
วเรศทรุดนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง ทันใดนั้นเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น วเรศเห็นชื่อเอมิกาก็ชะงัก แล้วก็ตัดสินใจกดรับสาย
“คุณตั้มออกจากโรงพยาบาลเหรอยังคะ” เอมิกาถาม
“ฉันอยู่ที่บ้านแม่แล้ว เธอว่างรึเปล่าชะเอม ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย”
วเรศเดินมาหาเอมิกาที่นั่งรออยู่ สีหน้าของวเรศเคร่งเครียดมาก เขาเดินมาหยุดตรงหน้าเอมิกา
“คุณตั้มมีอะไรจะคุยกับฉันคะ” เอมิกาถาม
“ฉันไปหาเธอที่บ้านนงลักษณ์” วเรศบอก เอมิกานิ่งฟัง “เพราะฉันอยากถามว่าทำไมเธอถึงต้องห้ามไม่ให้ฉันพูดความจริงเรื่องที่ว่าเธอเป็นใคร ฉันนึกว่าเธอยังมีเรื่องอื่นที่ปิดบังฉันอยู่ แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว ที่เธอไม่อยากให้ฉันบอกทุกคน เพราะว่าเธอต้องการที่จะไปจากฉัน”
เอมิกาอึ้งแล้วรีบพูด “มันไม่ใช่..”
วเรศสวนกลับทันที “ฉันได้ยินที่เธอคุยกับป่องทุกอย่าง!” เอมิกาตกใจ “ฉันมันบ้าที่คิดไปเองว่าเธอรู้สึก..”
วเรศชะงักเพราะพูดไม่ออก เอมิกานิ่วหน้ามองด้วยความสงสัยและอยากรู้
“…ไม่เป็นไรเอมิกา เธอไม่ได้ผิดอะไร ฉันคิดและเข้าใจทุกอย่างแบบเข้าข้างตัวเองมากเกินไป เธอกับป่องเป็นแฟนกัน และฉันก็ไม่ควรเข้าไปวุ่นวายให้เธอสองคนมีปัญหากันฉันอยากที่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงเธอมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนเธอเองก็ยังปิดบังตัวตนของเธอให้ฉันรู้จักได้ไม่หมด”
เอมิกาอึ้งเพราะไม่รู้จะพูดยังไง
“ช่างเถอะ...ฉันจะไม่ยุ่งกับชีวิตของเธอ และต่อไปนี้ฉันก็ไม่มาเจอเธออีก” วเรศพูดเองก็เจ็บเองเพราะเขาต้องการจะตัดใจ
เอมิกาเสียใจมาก
“คุณตั้ม มันไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจ”
วเรศเดินออกไป เอมิกาพูดไม่ออก
เอมิกาเข้ามาในห้องของนงลักษณ์ด้วยสีหน้าซึมเศร้ามากจนนงลักษณ์แปลกใจ
“แกเป็นไร?”
เอมิกาพูดออกมาอย่างยากลำบาก “นง..คุณตั้มเค้าไม่อยากเจอฉันแล้ว เค้าเข้าใจว่าการที่ฉันไม่ให้เค้าบอกทุกคนว่าฉันเป็นใครเป็นเพราะว่าฉันต้องการจะไปจากเค้า”
นงลักษณ์ตกใจมาก เอมิกาพูดต่อ
“แต่ความจริงแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ที่ฉันยังไม่ให้เค้าบอกใครว่าฉันเป็นใคร? เป็นเพราะว่าฉันกลัวต่างหาก ถ้าทุกคนรู้ว่าฉันโกหก พวกเค้าต้องโกรธฉันแน่ที่ฉันไปหลอกพวกเค้า ฉันอยากให้ทุกคนในบ้านคุณชื่นจดจำว่าฉันเป็นชะเอมคนใช้ธรรมดาคนนึงที่ไปทำงานในบ้านเขา ไม่ใช่นักศึกษาที่แอบไปเก็บข้อมูลเพื่อไปเขียนบท”
“แล้วทำไมแกไม่อธิบายให้คุณตั้มฟังไปแบบนี้ที่แกพูดกับฉัน”
“เค้าไม่ฟังฉัน แล้วตอนนี้เค้าก็เข้าใจฉันผิดไปแล้ว”
“แกต้องไปอธิบายให้เค้าฟังนะไอ้เอม แกจะปล่อยให้เค้าเข้าใจแกผิดๆแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเรื่องมันจะบานปลายไปกันใหญ่ แล้วแกก็จะกลายเป็นคนผิดในสายตาของเค้าไปตลอดชีวิต”
เอมิกาฟังนงลักษณ์แล้วก็ครุ่นคิดตามด้วยสีหน้าเครียด
ยามเช้าที่บ้านวิยะดา วเรศนั่งเศร้าอยู่บนโซฟา อรวิลาสเดินเข้ามาพร้อมกับนากที่หิ้วของตามมา
“อร....”
“คุณแม่ให้ป้าพิศทำข้าวต้มมาให้พี่ตั้มค่ะ” อรวิลาสบอก
“คุณป้าไม่อยู่เหรอคะ” อรวิลาสถาม
“แม่พี่ออกไปข้างนอกน่ะ” วเรศบอก
“พี่ตั้มทานเลยมั๊ยคะ เดี๋ยวอรไปเอาชามมาใส่ให้”
“ก็ได้จ๊ะ”
วเรศเดินมานั่งที่โต๊ะ อรวิลาสเดินไปหยิบชาม นากเดินตามอรวิลาสเข้าไปในครัว
“คุณอรฮะ” นากเรียก อรวิลาสหันมา “พี่นากขออนุญาตไปซื้อลอตเตอรี่ที่หน้าหมูบ้านก่อนนะฮะ เดี๋ยวจะไม่ทันหวยออก”
“รีบไปรีบมาล่ะ”
นากพยักหน้าแล้วก็รีบเดินออกไป อรวิลาสหยิบชามมาแล้วตักข้าวต้มใส่
เอมิกาเดินมาหน้าซอยบ้านวิยะดาแล้วมองหาบ้านวเรศ
อรวิลาสเอาช้อนมาให้วเรศ แต่กลับสะดุดล้ม
“ว๊าย!!”
อรวิลาสล้มมานั่งตักวเรศ ทั้งสองคนชะงัก
เอมิกาเดินมาแล้วก็อึ้งที่เห็นอรวิลาสกำลังนั่งตักวเรศ เอมิกายืนมองภาพทั้งคู่ด้วยความเสียใจมาก แล้วเธอก็รีบเดินจ้ำออกไปทันที
อรวิลาสรีบลุกขึ้นยืน
“ขอโทษค่ะพี่ตั้ม”
“ไม่เป็นไร”
เอมิกาเดินออกมาทั้งโมโหทั้งเสียใจจนกำมือแน่น
“ที่แท้ตัวเองนั่นแหละที่ไม่อยากเจอเรา เพราะมีคุณอรดูแลอยู่แล้ว”
เอมิกาทั้งโกรธทั้งเสียใจ เธอรีบเดินจ้ำออกไปจนมาเจอนากที่เดินสวนมา เอมิกากับนากหยุดกึก
นากดีใจ “น้องชะเอม!!”
นากนั่งลงข้างๆ เอมิกาที่บริเวณหน้าบ้านวิยะดา
“พี่ได้ข่าวเรื่องนายป่องแล้ว โชคดีจริงๆที่จับโจรตัวจริงได้ แต่คดีปล้นบ้านคุณชื่นเนี่ยสิ ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย” นากเล่า
“ตำรวจยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลยเหรอพี่” เอมิกาถาม
“อือ..แล้วนังจงมันก็พยายามใส่ร้ายว่าน้องเอมอาจมีส่วนรู้เห็น คนในบ้านคุณชื่นก็เอ็นดูน้องเอม พี่ไม่อยากให้คุณๆมองน้องเอมผิด”
“ไม่ได้แล้วพี่นากเราจะปล่อยให้ทุกคนเข้าใจแบบนี้ไม่ได้นะ” เอมิกาคิด “เอ้อ..แล้วที่ฉันให้พี่นากจับตาดูบรรจงเอาไว้ พี่นากเจออะไรน่าสงสัยบ้างรึเปล่า
นากคิดแล้วก็นึกออก “วันก่อน...พี่เห็นนังจงมันคุยโทรศัพท์ท่าทางลับๆล่อๆอยู่กับใครก็ไม่รู้ แล้วช่วงนี้มันก็ดูขี้ตกใจ ขี่ตื่น ดูไม่มีสติแปลกๆ”
เอมิกานิ่งไป สีหน้าของเธอครุ่นคิดแล้วก็นึกแผนบางอย่างออก
“ฉันคิดว่าฉันพอมีทางที่จะจับโจรปล้นบ้านคุณชื่นแล้วล่ะพี่นาก”
เอมิกามีสีหน้ามุ่งมั่น นากสงสัย
“แต่พี่นากอย่าบอกใครนะว่าเจอฉันที่นี่” เอมิกากำชับ