ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 6
แป๊ะมองเหยียด “นีโน่?..ออร์กาไนซ์เซอร์มือหนึ่ง? ไม่เห็นจะเคยได้ยินชื่อมาก่อน”
นงลักษณ์หมั่นไส้ “ผมก็ไม่เคยได้ยินชื่อคุณแป๊ะมาก่อนเหมือนกัน”
แป๊ะผงะและหน้าตึงไปทันที ปองเทพขยิบตาให้นงลักษณ์ นงลักษณ์รู้ตัวว่าพูดมากไป
“เออ...คงจะเป็นเพราะว่าเราอยู่กันคนล่ะสายงานน่ะครับ” นงลักษณ์บอก
ชัยพรรีบเสริมด้วยท่าทางโอเวอร์ “ถูกต้องที่สุดเลยฮ่ะ คือว่าคุณนีโน่เนี่ย เจนจัดในเรื่องการจัดประกวดนางงาม ชายงาม สาวประเภท2 หมา แมว...”
นงลักษณ์รีบกระแอมเตือน “แฮ่ม!!”
ชัยพรรีบรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วหยิบแฟ้มออกมา
“แต่ในเรื่องแฟชั่น คุณนีโน่ก็เคยเข้าร่วมงานใหญ่ๆ สมัยที่เรียนอยู่นิวยอร์ค” ฃัยพรเปิดแฟ้มโชว์รูป “ตอนร่วมงานกับแฟชั่นนิสตัวแม่ แอนนา วิททัวร์” มีรูปถ่ายนงลักษณ์คู่กับแอนนาอยู่ในแฟ้ม แป๊ะตกตะลึง ชัยพรพลิกหน้าต่อไป “จานนี เวอซาเช่”
แป๊ะเห็นรูปนงลักษณ์คู่กับเวอซาเช่ก็อ้าปากค้าง “โอ้!”
ชัยพรพลิกหน้าต่อไป “เวรา แวง”
แป๊ะหยิบแฟ้มขึ้นมาดูรูปด้วยสีหน้าตื่นตะลึง แป๊ะปากคอสั่น ชัยพร นงลักษณ์ และปองเทพลอบยิ้มให้กัน
“เท่าที่เห็นนี่ยังส่วนน้อยนะฮะ เพราะขนรูปทั้งหมดมาไม่ไหว โฮะๆๆ” ชัยพรบอก
แป๊ะวางแฟ้มลงบนโต๊ะ “พอเลยพอ!!”
ปองเทพ นงลักษณ์ และชัยพรอึ้งเพราะคิดว่าแป๊ะจะวีน แต่แป๊ะถามขึ้น
“พวกคุณเริ่มงานได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่”
นงลักษณ์ ชัยพร และปองเทพยิ้ม
“ทันทีเลยครับ แต่ผมคงต้องขอให้คนอีกคนมาช่วย” นงลักษณ์บอก
แป๊ะนิ่วหน้ามองนงลักษณ์
เวลาผ่านไป เอมิกามายืนยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันแทบจะหมดปาก แป๊ะอึ้ง เหวอ ปองเทพยืนข้างๆ นงลักษณ์ กับชัยพรยืนประกบเอมิกา
“นังชะนี!!” แป๊ะตกใจ
เอมิกาหุบยิ้มแทบไม่ทัน
ทุกคนร้องพร้อมกัน “ชะเอม!!”
“จะชะนีหรือชะเอม มันก็เหมือนกัน จะเอาคนใช้มาช่วยเนี่ยนะ?!! ตกลงคุณเป็นโปรเฟชชั่นแนลจริงรึเปล่า?!!”
“อย่ามองคนแค่เปลือกนอกสิครับคุณแป๊ะ สมัยที่ชะเอมเป็นแม่บ้านให้ผม เค้าช่วยผมจัดการทุกอย่าง เรียกได้ว่าเป็นมือขวาของผมเลยทีเดียว”
ชัยพรพยักหน้าสนับสนุน เอมิกายิ้ม แป๊ะยังมองแบบไม่ไว้ใจ
นงลักษณ์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นใจ “ผมรับรองว่าถ้าพวกเราสี่คน ผม ชมพู่ ชะเอมและป่อง ร่วมมือกันเมื่อไหร่ โลกทั้งโลกต้อง” นงลักษณ์กระแทกเสียง “สะเทือน” แป๊ะสะดุ้ง “คุณแป๊ะเตรียมรับคำชมได้เลยครับ”
“ฉันขอคิดก่อน” แป๊ะคิดไม่ถึงหนึ่งวินาที “ตกลง!” ทุกคนตกใจเพราะแป๊ะคิดเร็วมาก “เพราะฉันไม่มีทางเลือกหรอกนะ”
นงลักษณ์ เอมิกา ปองเทพ และชัยพรลอบยิ้มให้กัน
“แต่..” แป๊ะเอ่ย ทั้งสี่หุบยิ้ม “ยังมีปัญหาใหญ่อีกหนึ่งอย่างที่พวกเราต้องรีบจัดการ ตอนนี้เราไม่มีนางแบบนายแบบซักคน”
“เรื่องนี้ฉันคิดไว้แล้วค่ะ เราต้องขอร่วมมือจากคุณอร ให้คุณอรมาเดินแบบให้คุณแป๊ะ” เอมิกาบอก
แป๊ะตกใจ “น้องอรเนี่ยนะ!!” เอมิกาพยักหน้า “แล้วน้องอรจะยอมเหรอ?!”
อรวิลาสลุกพรวดขึ้นมายืนด้วยหน้าตาเอาเรื่อง
“ไม่ยอมค่ะ!!”
แป๊ะ ชื่นฤทัย นงลักษณ์ และชัยพรนั่งอยู่บนโซฟา ส่วนเอมิกากับปองเทพนั่งบนพื้น ชื่นฤทัยผงะ
“แค่ขึ้นเวทีร้องเพลงคราวที่แล้ว อรก็อายจะแย่ นี่ต้องให้เดินแบบต่อหน้าผู้คนมากมาย อรไม่เอาด้วยหรอกค่ะ” อรวิลาสยืนยัน
ทุกคนพูดไม่ออก ชื่นฤทัยแอบเหยียบเท้าอรวิลาส อรวิลาสสะดุ้งเพราะเจ็บ
“โอ๊ย!!”
ทุกคนตกใจ ชื่นฤทัยรีบดึงอรวิลาสให้นั่งลง
“ยุงน่ะลูก ตัวเบอเริ้มเลย” ชื่นฤทัยบอก อรวิลาสงงมาก “ตกลงตามนั้นแป๊ะ น้องอรจะไปเดินแบบให้”
อรวิลาสเหวอ “แม่!!”
ชื่นฤทัยแอบหยิกอรวิลาส อรวิลาสเจ็บแต่ไม่กล้าร้องออกมา
“ส่วนนางแบบนายแบบคนอื่น พี่จะติดต่อลูกเพื่อนให้เอง งานนี้ไฮโซจัดหนัก จัดแน่น จัดเต็ม” ชื่นฤทัยบอก
อรวิลาสหันไปมองชื่นฤทัยที่หันมาหน้ายิ้มแต่ถลึงตาใส่เธอ อรวิลาสเห็นแบบนั้นก็ไม่กล้ามีปากมีเสียง
อรวิลาสหันมาโวยวายใส่ชื่นฤทัย
“อรไม่อยากเดินแบบให้น้าแป๊ะ!!”
บรรจงที่กำลังเดินมาเห็นอรวิลาสกับชื่นฤทัยคุยกันเลยหาที่หลบแล้วแอบฟัง
“ไม่อยากไม่ได้!! แม้แต่ชะเอมยังช่วยน้าแป๊ะจัดงานเดินแฟชั่น” ชื่นฤทัยว่า
บรรจงตกใจ
“แล้วลูกที่เป็นหลานแท้ๆ จะไม่ช่วยได้ยังไง!! งานนี้ถ้าลูกไม่ช่วยก็น้อยหน้าชะเอมมันล่ะ”
อรวิลาสคิดตามแล้วก็เห็นด้วย บรรจงกำมือแน่นด้วยความอิจฉา
บรรจงเดินหัวเสียมาที่เรือนคนใช้ แล้วเธอก็ต้องผงะเพราะเห็นนาก สมพิศ และจุ่นกำลังรุมล้อมเอมิกาด้วยความยินดี
“น้องชะเอมนี่สุดยอด!! ทำงานไม่เท่าไหร่ ก็ได้ไปช่วยคุณแป๊ะ” นากชื่นชม
นากจะจับมือเอมิกา แต่สมพิศยื่นมือออกมาแทน นากจับมือสมพิศและกำลังจะหอม แต่เห็นพอดี นากตกใจรีบปล่อยแทบไม่ทัน “อ๊ากกก!!”
เอมิกาหัวเราะ
“โส(สม)น้ำหน้าไอ้นาก” จุ่นพูดแล้วโอบไหล่หมับเพราะนึกว่าเอมิกา “พี่จุ่นขอแสดงความยินดีด้วยนะจ๊ะ”
จุ่นหันไปจึงเห็นว่าเป็นสมพิศเลยเจอสมพิศถุยใส่หน้า “ถุย!!”
จุ่นรีบปล่อยมือ “เวยยย!! ป้าอ่ะ”
ทุกคนขำครืน บรรจงสุดทนรีบเดินเข้ามา
“ก็แค่ช่วยงาน ทำเป็นอวด มันก็งานแบบเดียวกับคนใช้นั่นแหละวะ” บรรจงว่า
“พูดแบบนี้ แสดงว่าอิจฉา” นากกล่าว
“ทำไมฉันต้องอิจฉา ไม่เห็นจะน่าอิจฉาซักนิด” บรรจงหันไปทางเอมิกา “ฉันบอกได้เลยว่างานนี้แกตาย!!”
บรรจงพูดจบก็เดินออกไป เอมิกาสุดทนและไม่พอใจจึงร้องเรียก
“เดี๋ยวก่อน!”
ทุกคนมองเอมิกาด้วยความแปลกใจ บรรจงหันมา
“หลายครั้งแล้วนะที่ด่าฉัน แล้วเดินหนี” เอมิกาบอก
บรรจงเท้าเอว “ทำไม?!! จะท้าตบเหรอ”
“คนมีการศึกษา เค้าไม่ทำกันแบบนี้หรอก” เอมิกาบอก
นากสะใจ สมพิศกับจุ่นอึ้ง ส่วนบรรจงเหวอ
“นะ..นี่นี่..นี่แกด่าฉันว่าไม่มีการศึกษาเหรอนังชะเอม?!”
“อาชีพคนใช้อย่างเรามีแต่คนดูถูกมากพอแล้ว เพราะฉะนั้นฉันว่าเธอควรจะทำตัวให้มันดีกว่านี้ อย่าให้ใครเค้าพูดว่า เพราะนิสัยแบบนี้ ถึงเป็นได้แค่คนใช้”
บรรจงอ้าปากค้างเพราะพูดไม่ออก เอมิกาพูดจบก็เดินไป นากกับสมพิศอมยิ้มสะใจ ส่วนจุ่นรีบหลบตาไม่กล้ามองบรรจง บรรจงทั้งอับอายและโมโห เธอรีบจ้ำเดินออกไป
บรรจงเข้ามาในห้องก็เอาแต่กรี๊ดกรี๊ดกรี๊ด
“นังชะเอม!!! นังบ้า!! แกจะได้ดีเกินหน้าเกินตาฉันไปแล้วนะ..”
บรรจงแค้นเพราะเกลียดชังเอมิกามากๆ
วเรศกำลังคุยโทรศัพท์มือถือกับชื่นฤทัย
“คุณอาอยากให้ผมช่วยเดินแบบในงานห้องเสื้อของอาแป๊ะ?!!! เออ..ผมคงต้องขอตัวล่ะครับ งานนี้ไม่ถนัดจริงๆ” วเรศบอก
“แหมหลานตั้มอ่ะ ถ่อมตัว อารู้ว่าหลานทำได้”
วเรศมีสีหน้าลำบากใจ
“คุณอาหาคนอื่นดีกว่า” วเรศบอก
“อาพยายามหาแล้ว แต่มันไม่มีใครจริงๆ” ชื่นฤทัยพยายามพูดต่อ “งานนี้คนกันเองทั้งนั้นเลยนะหลานตั้ม มีน้องอร แล้วก็พวกลูกเพื่อนของน้า อ้อ แล้วก็มี ชะเอมอีกคนเค้าก็มาช่วยด้วยเหมือนกัน”
วเรศรู้สึกแปลกใจ
เอมิกากำลังรดน้ำต้นไม้ เธอหันไปเห็นวเรศยืนอยู่ก็สะดุ้งตกใจ เอมิกาเผลอเอาน้ำสาดใส่วเรศจนวเรศชะงัก
“ว๊ายคุณตั้ม!”
เอมิการีบปล่อยสายยางแล้วเดินไปปิดน้ำก่อนจะหันมาพูด
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณยืนอยู่ตรงนี้”
“ไม่เป็นไร” วเรศเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาซับหน้า “ได้ข่าวว่าเธอช่วยอาแป๊ะจัดงานเดินแฟชั่น?”
เอมิกาชะงักไปเล็กน้อยแล้วก็ยิ้มรับ
“ข่าวไวจังเลยนะคะ”
“ฉันอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไร” วเรศถาม
“อุ๊ยยย...ของแบบนี้บอกไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวมันจะไม่สะใภ้!!”
วเรศพูดแก้ “เซอร์ไพร์ส!”
เอมิกาหัวเราะแห้งๆ “นั่นแหละค่ะ เซอร์ไพร์ส”
“ฉันไม่ได้ดูถูกเธอนะชะเอม แต่ฉันไม่ไว้ใจว่าเธอจะทำอะไรได้”
“นั่นแหละค่ะเค้าเรียกว่าดูถูก” เอมิกาบอก วเรศหน้าม้านไปทันที “คนอย่างฉันยังมีอะไรดีดีอีกเยอะที่คุณไม่รู้นะคะ”
“นั่นสิเนอะ ฉันก็ว่างั้น..เธอมีอะไรอีกเยอะที่ฉันไม่รู้ แต่จะเป็นเรื่องดีดีอย่างที่เธอพูดรึเปล่า มันต้องคอยดูกันต่อไป”
เอมิกาชะงักไปกับสายตาที่จ้องจับผิดของวเรศ แล้ววเรศก็เดินออกไป เอมิกาใจคอไม่ดี
ณ โรงแรมที่มีเสียงเพลงดังไปทั่ว ผู้คนมากมาย ทั้ง ไฮโซ เซเลบแต่งตัวกันสุดเดิ้นกำลังทยอยเดินเข้างาน นักข่าวกดชัตเตอร์แทบไม่ทัน แป๊ะที่จัดเต็มทั้งหน้า ผมและชุดกำลังยืนต้อนรับแขกอยู่กับพายไก่ ทั้งสองกอดกัน เอาแก้มมาชนแก้ม จุ๊บแก้มซ้ายแก้มขวา สีหน้าร่าเริงลัลล้าด้วยกันทั้งคู่ ระหว่างนั้นวเรศกับอรวิลาสก็เดินเข้ามา แป๊ะหันมาเห็นก็รีบเดินเข้ามาหา
“หลานตั้ม...น้องอร....”
แป๊ะเข้ามาเอาแก้มแนบแก้มกับอรวิลาส แต่อรวิลาสสีหน้าไม่สู้ดี
“ทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะจ๊ะ น้องอรมาเดินแบบนะ ไม่ได้ไปออกศึก เพราะฉะนั้นน้องอรต้องยิ้มเข้าไว้”
“มันตื่นเต้นนี่คะอาแป๊ะ” อรวิลาสบอก “ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเดินแบบ แถมคุณแม่ก็ยังติดธุระสำคัญมาไม่ได้อีก”
“โถๆๆ หลานรักของอา..” แป๊ะเข้ามาจับมือ “ไม่ต้องตื่นเต้นเลยจ๊ะ อาจะเป็นกำลังใจให้น้องอรแทนพี่ชื่นเอง เดี๋ยวอาจะถ่ายคลิปไปให้พี่ชื่นดูด้วย” แป๊ะดูนาฬิกาข้อมือ “ไปแต่งหน้าแต่งตัวได้แล้วจ๊ะไป”
อรวิลาสพ่นลมหายใจออกมาแล้วหันไปทางวเรศ
“อรไปนะคะพี่ตั้ม”
วเรศพยักหน้า แป๊ะพาอรวิลาสเดินออกไป
วเรศมองไปรอบๆงานแล้วก็มีสีหน้าอึ้งกับงานที่จัดออกมา เอมิกากำลังคุยกับทีมงานอยู่ห่างออกไป วเรศมอง
“หลังจากที่นายแบบนางแบบแยกกันเดิน ไฟ Follow ก็ตามเลยนะ อย่าให้เกิดเงามืดเด็ดขาด” เอมิกาบอกทีมงาน
ทีมงานพยักหน้าแล้วเดินออกไป เอมิกาหันมาก็ชะงักที่เห็นวเรศยืนอยู่
“คุณตั้ม!”
วเรศเดินมาตรงหน้า “เธอมีอะไรอีกเยอะที่ฉันไม่รู้จริงๆชะเอม”
เอมิกาอึกอัก “เออ..อ่า ฉันก็พูดตามที่คุณแป๊ะสั่งมาน่ะค่ะ”
วเรศมองแบบไม่เชื่อ เอมิการีบขอตัว
“ฉันขอตัวไปหลังเวทีก่อนนะคะ”
เอมิการีบเดินออกไป วเรศหันไปมองตามพร้อมทั้งหรี่ตามองอย่างจับผิด
เอมิกาเดินบ่นมาตามทาง
“อีตาคุณเลขาจะสงสัยเราไปถึงไหนนะ?!! โอ๊ย อึดอัด!!”
เอมิกาเข้ามาในห้องที่บรรดานางแบบ นายแบบมือสมัครเล่นกำลังแต่งหน้า ทำผม เปลี่ยนชุดกันอย่างวุ่นวาย โดยมีนงลักษณ์คอยดูแล เอมิกาเดินเข้ามาแล้วมองไปรอบห้องเพื่อหาอรวิลาสแต่ก็ไม่เห็น เธอจึงหันไปทางนงลักษณ์
“นง..เห็นคุณอรป่ะ ไม่รู้หายไปไหน ยังไม่ได้แต่งตัวเลย”
“เดี๋ยวฉันไปตามหาให้เอง” นงลักษณ์อาสา
เอมิกาพยักหน้า นงลักษณ์รีบออกไป
ปองเทพเดินมา เขาได้ยินเสียงนกร้องก็ผงะไปเพราะเป็นเสียงที่คุ้นหู ปองเทพหันไปเห็นอรวิลาสหลบอยู่ตรงมุมหนึ่ง เขารีบเดินมาหา
“นี่คุณอรยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ?”
อรวิลาสตื่นเต้น “คือว่า..ฉัน..ฉันว่าจะ..จะไม่เดินแบบแล้ว ฉันทำไม่ได้”
“เฮ้ย!! ไม่ได้นะครับ”
“ทำไมจะไม่ได้ จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากเดินตั้งแต่แรกแล้ว แต่คุณแม่บังคับฉัน!!”
“คุณอรทำได้ เชื่อผมสิ”
“ขนาดฉันยังไม่เชื่อใจตัวเอง แล้วจะให้ฉันเชื่อนายได้ไง รู้มั๊ย..ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยทำอะไรสำเร็จซักอย่าง ทำอะไรก็ไม่เป็น ทำอะไรก็พลาด ยังไงฉันก็ไม่ทำ!!”
ปองเทพเริ่มรำคาญ “ไม่ทำก็ไม่ต้องทำ” อรวิลาสมองปองเทพด้วยความแปลกใจ “งั้นก็ปล่อยให้คนเค้าด่าคุณไป..ว่าคุณเป็นพวกไร้ความรับผิดชอบ” อรวิลาสสะดุ้ง “ไม่รู้จักหน้าที่ ไม่มีสามัญสำนึก ไม่ทำตัวให้เป็นประโยชน์ ไม่แน่จริง ป๊อด”
อรวิลาสสุดทน “โว๊ย!” ปองเทพหยุด “นี่นายด่าฉันเหรอ?!”
“ผมไม่ได้ด่า ผมพูดความจริงว่าคุณน่ะ ไม่เจ๋ง ไม่ใจ เก่งแต่ปาก...”
“หยุด!! ฉันไม่ได้ป๊อด ฉันไม่ได้ไม่เจ๋ง และฉันไม่ได้ไม่แน่จริง!!”
“งั้นก็แสดงให้ผมดูสิครับ ว่าคุณไม่ได้เป็นอย่างที่ผมพูด”
อรวิลาสมองปองเทพแล้วก็ฮึดฮัดจ้ำเดินกลับเข้าไปที่หลังเวที ปองเทพหันไปมองตามอรวิลาสแล้วก็ยิ้มที่ทำให้อรวิลาสเปลี่ยนใจได้ เขารีบตามเข้าไป นงลักษณ์แอบเห็นปองเทพคุยกับอรวิลาสก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
อรวิลาส นายแบบ และนางแบบทุกคนแต่งตัวกันจนเสร็จ นงลักษณ์กำลังเช็คความเรียบร้อยอีกครั้ง
เอมิกาเดินเข้ามา “อีกห้านาที งานจะเริ่มแล้วนะคะ”
ทุกคนดูตื่นเต้นมาก ทันใดนั้นแป๊ะกับพายไก่ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วคุณนีโน่!!” แป๊ะร้องบอก
“เวรี่บิ๊ก ใหญ่มว๊ากก” พายไก่เสริม
“นายแบบที่ต้องเดินคู่กับน้องอร เดินตกบันไดขาเดี้ยง ตอนนี้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว”
ทุกคนตกใจมาก
“ฉันจะทำยังไงดี” แป๊ะมีสีหน้าแย่มาก “อีกไม่ถึงห้านาที จะหานายแบบที่ไหนทัน ทำไมถึงมีแต่ปัญหาก็ไม่รู้” แป๊ะทำท่าจะร้องไห้
นงลักษณ์มองเอมิกา เอมิกาครุ่นคิดแล้วก็นึกออกทันที
เอมิกาเดินด้วยท่าทางร้อนรนเข้ามาหาวเรศ
“คุณตั้มค่ะ มากับฉันหน่อยนะค่ะ”
“มีอะไรชะเอม?” วเรศสงสัย
“รีบมาก่อนเถอะค่ะ แล้วฉันจะเล่าให้คุณฟังระหว่างที่เราเดินไป”
เอมิการีบฉุดแขนวเรศให้เดินตามเธอออกไป วเรศแปลกใจมาก
หลังจากรู้เรื่อง วเรศก็ตื่นตกใจสุดๆ
“จะให้ฉันเดินแบบคู่กับอรเนี่ยนะ?!”
เอมิกา แป๊ะ และพายไก่พยักหน้า
“ไม่เด็ดขาด” วเรศบอก
วเรศหันหลังจะเดินออกไป เอมิการีบเดินไปยืนขวาง
“ฉันไหว้ล่ะคะคุณตั้ม”
วเรศหันไปเจอแป๊ะกับพายไก่ยกมือไหว้อีกสองคน
“น้าก็ไหว้ด้วยอีกคน”
“พายไก่กราบแทบอกเลยค่ะ”
พายไก่เข้ามากราบที่อกวเรศ วเรศรีบผละออกห่าง
“แต่ผมเดินแบบไม่เป็น” วเรศบอก
“มันก็เหมือนเดินธรรมดานั่นแหละค่ะ เพียงแต่มันจะมีบลอคกิ้ง เดี๋ยวฉันจะบอกให้ว่าคุณต้องเดินยังไง”
วเรศยังเงียบ แป๊ะบีบน้ำตา
“น้าขอร้องล่ะ ช่วยน้าเถอะ ถ้าตั้มไม่ช่วย ชีวิตการงานของน้าจบเห่วันนี้”
วเรศยังไม่พูด แป๊ะลงไปกอดขาวเรศ วเรศตกใจมาก พายไก่ก็ลงมากอดขาวเรศอีกข้าง ทั้งสองกอดแน่น และยิ่งพูดมือก็ยิ่งขึ้นไปอยู่บนต้นขาใกล้กับเป้าของวเรศมากขึ้น
“ตั้มจะใจจืดใจดำไม่ช่วยน้าจริงเหรอ ไม่เห็นใจสาวน้อยอย่างน้าบ้างหรือไร” แป๊ะอ้อนวอน
“ถ้าคุณตั้มไม่ช่วย พายไก่ตกงานแน่ พอตกงานก็ไม่มีเงิน พายไก่ก็จะซูบผอมตรอมใจ อ๊ายยย! พายไก่รับตัวเองไม่ได้”
แป๊ะกับพายไก่พยายามมาก วเรศมีสีหน้าแย่เพราะลำบากใจสุดๆ
ไฟสาดไปบนเวทีพร้อมเสียงเพลงที่ดังขึ้น โลโก้ห้องเสื้อแป๊ะปรากฎขึ้นบนผนังเวที ไฟบนเวทีสว่าง นางแบบกับนายแบบคู่แรกเดินออกมา คนดูปรบมือ นายแบบนางแบบคู่แรกเดินลงบันไดหน้าเวทีแล้วก็แยกกันเดินไปโพสท่าในวงกลมที่ถูกเซ็ทเอาไว้ ก่อนจะโพสท่า แล้วเดินสลับไปโพสในวงกลมที่สองและสามตามลำดับ
นางแบบนายแบบคู่สองทำแบบเดียวกับนายแบบนางแบบคู่แรก เอมิกา นงลักษณ์ ปองเทพ ชัยพร และพายไก่ยืนมองอยู่ที่มุมหนึ่ง ทั้งหมดปรบมือด้วยความตื่นเต้น พายไก่ถือโอกาสซบไหล่ชัยพร ชัยพรรีบถอยหนี ทำให้พายไก่เกือบหน้าคะมำ
นายแบบนางแบบคู่ที่ 3ทยอยกันเดินออกมาแล้วโพสท่าในวงกลม ในที่สุดอรวิลาสก็เดินออกมา ปองเทพปรบมือให้กำลังใจ อรวิลาสหันมาทางปองเทพที่ยิ้มให้แล้วก็หันไปโพสท่าต่อ นงลักษณ์หันไปมองปองเทพด้วยความสงสัย
สักพัก วเรศก็เดินเขินๆ ออกมา เอมิกามองวเรศอย่างลุ้นเอาใจช่วย อรวิลาสเข้ามาควงแขนวเรศเดินลงจากเวที แล้วทั้งสองก็แยกกันเดิน วเรศเดินมาโพสท่าในวงกลมตรงหน้าเอมิกา วเรศมีสีหน้าไม่มั่นใจ เขาหันไปมองเอมิกา เอมิกายิ้มให้กำลังใจ ปองเทพหันไปเห็นสายตาของเอมิกาก็ผงะ นงลักษณ์เองก็เช่นกัน
วเรศสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เขาหันไปมองรอบๆ พอเห็นคนมากมายก็ยิ่งตื่นเต้น วเรศก้าวขาไม่ออก นางแบบนายแบบคู่ต่อไปกำลังจะเดินลงมา แต่วเรศยังยืนอยู่ที่เดิม เขาหันไปมองวงกลมอีกสองวงด้วยสีหน้างงๆว่าจะไปตรงไหนเพราะจำไม่ได้
เอมิกา ปองเทพ นงลักษณ์ และชัยพรคุยกัน
“ทำไมคุณเลขาไม่เดินออกไปวะ?” นงลักษณ์แปลกใจ
“นั่นดิ คิวนายแบบคนต่อไป ต้องเข้ามายืนตรงนี้แล้ว ท่าทางจะลืมนะเนี่ย” ชัยพรบอก
“แบบนี้ต้องช่วย” นงลักษณ์ว่า
เอมิกางง “ช่วยยังไง?!”
นงลักษณ์คิดๆ แล้วก็นึกออก เธอหันไปดึงเฟอจากคอชัยพรมาคล้องคอเอมิกา เอมิกาหน้าเหวอ แล้ว นงลักษณ์ก็ดึงยางรัดผมเอมิกาออกก่อนจะจับผมเอมิกาให้พริ้วสยาย
“เฮ้ย! แกจะทำอะไร มายุ่งกับฉันทำไมเนี่ย?!!”
นงลักษณ์ไม่ตอบแต่หันไปทางผู้หญิงที่ยืนข้างๆ
“พี่คะ ยืมรองเท้าพี่แป๊บนึงได้มั๊ยคะ”
ผู้หญิงคนนั้นงงแต่ก็ยอมถอดรองเท้าส้นสูงให้
“ใส่เร็วไอ้เอม” นงลักษณ์บอก เอมิกายังนิ่ง
ชัยพรกับนงลักษณ์ยกเท้าเอมิกาขึ้นมา เอมิกาตกใจ ปองเทพงงมาก พอใส่รองเท้าเสร็จ นงลักษณ์ก็หันมาพูดกับเอมิกา
“แกต้องพาคุณเลขาไปตามบลอคกิ้งที่วางไว้” นงลักษณ์บอก
เอมิกาตกใจ “หา!”
เอมิกาไม่มีเวลาคิดนาน เพราะนงลักษณ์ผลักเธอจนกระเด็นเข้าไปหาวเรศ เอมิกาเซไปชนกับวเรศเต็มๆ วเรศรีบโอบเอวเอมิกาเอาไว้ ทั้งคู่มองหน้ากัน ปองเทพชะงัก อรวิลาสงงว่าเกิดอะไรขึ้น วเรศมองเอมิกาด้วยความแปลกใจ
“คุณเข้ามาทำไม” วเรศถาม
เอมิกากระซิบด้วยความตื่นเต้น “มาช่วยคุณไง? แต่จริงๆฉันไม่ได้เต็มใจหรอกนะ” เอมิกาหันไปค้อนนงลักษณ์ “คุณลืมว่าต้องเดินไปไหนต่อใช่มั๊ย”
วเรศรู้สึกเสียหน้าแต่ก็ค่อยๆ ขยับปากบอก “ใช่...ฉันลืม...ฉันบอกเธอตั้งแต่แรกแล้วว่าฉันเดินไม่เป็น”
“แต่ตอนนี้คุณจะบอกว่าเดินไม่เป็นไม่ได้แล้ว ตามฉันมา”
เอมิกาควงวเรศพาเดินไปโพสในวงกลมที่สอง
เอมิกาพูดเบาๆ “อย่าเดินแข็งเป็นหุ่นยนต์สิคุณตั้ม”
วเรศสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อให้ผ่อนคลายลง
เอมิกาพูดเบา “โพสท่าด้วยสิคะ”
“ฉันทำไม่ได้!”
เอมิกาหันไปมองวเรศด้วยความหงุดหงิดแล้วเผลอสะดุดส้นสูงจนเซจะล้ม วเรศรีบประคองรับโดยอัตโนมัติเลยกลายเป็นเหมือนท่าเต้นรำที่ดูสวยงาม
วเรศโอบเอวเอมิกาแน่นขึ้นแล้วหน้าวเรศก็ใกล้กับหน้าเอมิกามากขึ้น ทำให้เอมิกาผงะ เอมิกาโพสท่ากับวเรศแล้วหันไปจับหน้าวเรศ สีหน้าและแววตาของเธอทั้งน่ารักและเซ็กซี่จนทำเอาวเรศใจสั่นไป เอมิกาก็ผงะไปกับสายตาของวเรศที่จ้องมาที่เธอ
แป๊ะมองเอมิกาแล้วยิ้มด้วยความพึงพอใจ ปองเทพ ชัยพร นงลักษณ์มองทั้งคู่ นงลักษณ์มองเอมิกากับวเรศแบบรู้สึกแปลกๆ
“เอมนี่มันสุดยอด!” ชัยพรชม
ปองเทพมองเอมิกากับวเรศอย่างไม่พอใจ
วเรศหันไปยิ้มให้กับแขกในงานแล้วค่อยๆประคองเอมิกาให้ยืนขึ้น เอมิกาควงวเรศมาส่งให้อรวิลาสที่ยังยืนงงอยู่บนเวทีแล้วตัวเองก็เดินลงไป อรวิลาสควงแขนวเรศแล้วโพสท่าอีกครั้ง วเรศหันไปมองเอมิกาอย่างรู้สึกขอบคุณจากหัวใจ
เอมิกาลงมายืนข้างปองเทพ ชัยพร และนงลักษณ์ เธอมองตอบรับความรู้สึกขอบคุณจากวเรศ
แป๊ะเดินออกมาบนเวที ทุกคนปรบมือ ส่งเสียงกรี๊ด แป๊ะยิ้มแฉ่งไม่หยุด แล้วอรวิลาสกับวเรศก็เดินมาประกบข้างแป๊ะ แป๊ะโอบเอวอรวิลาสกับวเรศแล้วพากันเดินลงมาพร้อมกับนางแบบนายแบบคนอื่นๆ เพื่อโชว์ตัว ทุกคนปรบมือไม่หยุด แป๊ะยิ้มพร้อมกับโค้งอย่างมีความสุขมาก
แชมเปญถูกเปิดอย่างแรงจนพุ่งออกมา ทุกคนอยู่กันครบ ทั้งหมดร้องเฮ พายไก่รับแชมเปญจากมือแป๊ะไปรินใส่แก้วให้แต่ละคน
“หลานอาเก่งที่สุด” แป๊ะกล่าวชม
อรวิลาสยิ้มดีใจ
“แถมวันนี้ก็ยังสวยที่สุดอีกด้วย..หลานตั้มว่ามั๊ย”
วเรศแทบตั้งตัวไม่ทัน “อ่า..เออ..ครับ”
อรวิลาสยิ้มเขิน วเรศทำหน้าไม่ถูก เขาหันไปเห็นเอมิกากำลังคุยสนิทสนมกับปองเทพแล้วก็แปลกใจ สักพักนงลักษณ์กับชัยพรก็เดินมาหาเอมิกากับปองเทพ วเรศจำชัยพรไม่ได้แต่รู้สึกคุ้นหน้านงลักษณ์มาก
วเรศพูดกับอรวิลาส “อร....คนนั้นใคร?”
อรวิลาสหันไปมองตาม “เจ้านายเก่าของชะเอมค่ะ”
วเรศอึ้ง เขานึกย้อนไปถึงวันที่เจอนงลักษณ์หน้าคอนโด...
“..........ลูกสาวเจ้านายเก่าฉันไงคะ คนที่ฉันเล่าให้คุณฟังบ่อยๆ // คุณนนนี่คะ” เอมิกาแนะนำ
“..........นนนี่มาซัมเมอร์กับแฟมิลี่ ทูมอโร่ก็จะกลับแล้ว คิดถึงชะเอมมากก็เลยต้องมาหา”
วเรศทั้งอึ้ง ทั้งงง และไม่เข้าใจ
เอมิกา นงลักษณ์ ชัยพร และปองเทพชนแก้วกัน
“งานนี้ต้องขอบคุณไอ้นงที่มาช่วยทำให้งานออกมาสำเร็จ” เอมิกาบอก
“เป็นเพราะพวกเราทุกคนมากกว่าที่ร่วมด้วยช่วยกัน” นงลักษณ์ว่า
นงลักษณ์ดื่มน้ำแล้วก็หันไปเห็นวเรศกำลังเดินมาทางนี้เธอก็ตกใจจนสำลักน้ำ เอมิกา ปองเทพ และชัยพรแปลกใจ
“สิบสามนาฬิกา กำลังตรงมาที่นี่” นงลักษณ์บอก ทุกคนหันไปเห็นวเรศ “เวรแล้วไง เค้าจะจำฉันได้มั๊ยเนี่ย”
ชัยพรหน้าตื่นไปอีกคน “เออ นั่นดิ แล้วเค้าจะจำฉันได้ป่าว?”
“แกจัดเต็มซะขนาดนี้ เค้าจำแกไม่ได้หรอก เอม ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ”
เอมิการีบบอก “เออเออ”
แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะวเรศเดินมาถึงพอดี
“สวัสดีครับคุณนนนี่” วเรศทัก
นงลักษณ์เบรคเอี๊ยดและถึงกับหน้าถอดสี เธอหันมาทางวเรศด้วยสีหน้าแหย เอมิกา ปองเทพ และชัยพรลุ้นระทึก
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 6 (ต่อ)
“ผมนึกว่าคุณกลับอเมริกาไปแล้ว”
ทุกคนเงียบ เอมิกาคิดแล้วก็นึกออก
“นี่ไม่ใช่คุณนนนี่ค่ะ นี่คือคุณนีโน่ ฝาแฝดคุณนนนี่” เอมิกาบอก
นงลักษณ์ ชัยพร และปองเทพหันขวับไปมองเอมิกาแล้วทั้งสามก็นึกในใจว่า “คิดได้”
นงลักษณ์รีบสมอ้าง “ใช่ครับใช่ ผมนีโน่ ไม่ใช่ยัยนนนี่หรอกครับ ยัยนั่นเป็นผู้หญิง ส่วนผม..เป็นทอม”
วเรศผงะแต่ก็ยังไม่หายข้องใจ ชัยพรเห็นท่าไม่ดีจึงรีบชวนวเรศคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“ไฮ้..” ชัยพรทัก วเรศหันไปทางชัยพร “ผมชื่อชมพู่ฮะ..เป็นเลขาคุณนีโน่” ชัยพรจับมือวเรศทันที วเรศตกใจ “ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะ”
“เออ..ครับ”
วเรศรีบดึงมือออกแต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ แป๊ะก็เดินออกมาพร้อมกับเอาช้อนเคาะแก้วเสียงดังทำให้ทุกคนหันไปมอง
“ขอรบกวนเวลาแห่งความสุขของทุกคนซักครูนะครับ แป๊ะอยากกล่าวอะไรซักเล็กน้อย” ทุกคนตั้งใจฟัง “แป๊ะอยากจะขอบคุณ น้องอร...”
แป๊ะพูดต่อ “หลานตั้ม แล้วก็นายแบบนางแบบจำเป็นทุกคน ที่ทำให้งานวันนี้สำเร็จลงด้วยดี แต่ยังมีคนอีกกลุ่มที่แป๊ะอยากจะขอบคุณมากเป็นพิเศษก็คือคุณนีโน่ คุณชมพู่ ป่อง และชะเอม”
แป๊ะผายมือไปทางเอมิกา ปองเทพ นงลักษณ์ ชัยพร ทั้งสี่คนยิ้มปลื้ม ทุกคนปรบมือและร้องเฮ
“มาตรงนี้เลยฮ่ะ” พายไก่บอก
พายไก่ดันเอมิกา นงลักษณ์ ปองเทพ และชัยพรให้มายืนข้างแป๊ะ
“คุณแป๊ะเข้าใกล้ผู้หญิงได้แล้วเหรอคะ” เอมิกาถาม
“ไม่ใช่แค่เข้าใกล้นะ แต่ฉันยัง..” แป๊ะกอดเอมิกา “สนิทแนบแน่นได้อีกด้วย”
ทุกคนหัวเราะ เอมิกาเหวอสุดๆ แล้วแป๊ะก็หันไปกอดนงลักษณ์อีกคนก่อนจะผละออกมาทำหน้าซึ้ง
“ขอบใจมากนะ ขอบใจจริงๆ ถ้าพวกเธอไม่ช่วยฉัน ฉันคงไม่มีทางรู้เลยว่าเสียงปรบมือมันทำให้เรามีความสุขได้มากแค่ไหน”
แป๊ะน้ำตาไหล เอมิกาเช็ดน้ำตาให้ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุข
เอมิกากำลังเทเครื่องดื่ม วเรศเดินมายืนข้างๆ
“ขอบใจ” วเรศบอก
เอมิกาหันไปมองวเรศด้วยความแปลกใจ แล้วก็หันไปมองรอบๆ ซึ่งก็ไม่มีใครนอกจากเธอ
“พูดกับฉันเหรอคะ?”
“ใช่สิ ฉันยังไม่ได้ขอบใจเธอเลยที่ช่วยฉันตอนเดินแบบ”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นหน้าที่ของฉัน”
เอมิกาเขินจึงจะเดินไป แต่วเรศเรียกเอาไว้
“เดี๋ยวชะเอม”
เอมิกาหยุดเดินด้วยหน้าตาย่ำแย่ว่าวเรศจะคุยอะไรกับเธออีก เอมิกาหันมาแล้วพยายามทำหน้าตาให้เป็นปกติที่สุด
“ฉันสงสัย” วเรศบอก เอมิกาผงะ “ว่าทำไมเธอถึงมาเป็นคนใช้”
เอมิกาอึ้ง “คุณถามอะไรเนี่ย?”
“ฉันแค่คิดว่าเธอน่าจะได้ทำงานที่ใช้ความสามารถมากกว่านี้”
เอมิกาแกล้งแหย่ “พูดแบบนี้...คิดจะซื้อตัวฉันเหรอคะ?”
“จริงจังบ้างได้มั๊ย” วเรศว่า เอมิกายิ้มแหย “ฉันแนะนำงานให้เธอได้ ถ้าเธอต้องการ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ตอนนี้ฉันมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่แล้ว ไม่เคยคิดอยากจะไปทำงานอย่างอื่น”
“เธอมีความสุขจริงๆ หรือเพราะมีเหตุผลอื่น ถึงยังทำงานอยู่ที่นี่”
เอมิกาถอนใจ “คุณตั้ม...ฉันว่าคุณขี้สงสัยมากเกินไปแล้วนะ คุณจะคอยจับผิดอะไรฉันนักหนา”
“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันคอยจับผิดเธอ?” วเรศจ้องหน้า
“ก็คุณชอบถามโน่นถามนี่ บางทีก็ถามวกไปวนมา ไม่เข้าประเด็นซักที”
“นี่มันเป็นนิสัยของฉัน ฉันเป็นคนชอบความชัดเจน อะไรที่ฉันรู้สึกว่าไม่เคลียร์ ฉันก็ต้องทำให้มันเคลียร์” วเรศบอก เอมิกาอึ้ง “แต่ถ้าเธอไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้น ก็ไม่เห็นจะต้องกลัวไม่ใช่เหรอ?”
เอมิการีบพูด “ฉันไม่ได้กลัว”
“ไม่ได้กลัวก็ดี เอาเป็นว่าถ้าเธออยากเปลี่ยนงาน ก็มาบอกฉันแล้วกัน ฉันยินดีที่จะช่วย”
วเรศพูดจบก็เดินออกไป เอมิกาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เอมิกาคุยเฟซไทม์กับนงลักษณ์
“ขอบใจแกมากนะนงที่มาช่วยฉัน” เอมิกาบอก
“สบายๆน่า เพื่อนกัน แต่ดูท่าทางแกกับอีตาคุณเลขาจะเข้ากันได้ดีแล้วนี่” นงลักษณ์พูด
“ฉันกับคุณเลขาเนี่ยนะ?!! เข้ากันได้ซะที่ไหน”
“ก็ตอนที่แกไปช่วยเค้า ฉันเห็นสายตาที่เค้ามองแกเป็นประกายวิบๆ”
เอมิกาหน้าแดงซ่านแล้วทำโวยกลบเกลื่อน “นังบ้า!! ฉันว่าแกเมาแล้ว รีบนอนซะ แค่นี้นะ”
เอมิการีบวางสายแล้วเธอก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เอมิกาสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไร?? เธอหยิบไอแพดออกมาจากกระเป๋าผ้าที่แขวนอยู่ตรงประตูแล้วเปิดเครื่องก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไป
“คุณแป๊ะ น้องชายคนเล็กของคุณชื่นฤทัย ตัวเป็นชาย ใจเป็นหญิง มาดเยอะ ฟอร์มจัด เกลียดชะนี แต่ลึกๆแล้วเป็นคนจิตใจดี อ่อนโยน และ ต้องการความรัก”
เอมิกาหยุดคิดนิดนึงก่อนจะก้มหน้าพิมพ์ต่อ
“สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากคุณแป๊ะ ก็คือ คุณแป๊ะเป็นเจ้านายที่ให้โอกาสคน ซึ่งถือเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด และเมื่อไรก็ตามที่เราได้รับโอกาสนั้นแล้ว เราก็ควรทำมันให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้มันเป็นแค่โอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตที่เราจะได้รับ”
เอมิกาพิมพ์เสร็จก็เงยหน้ายิ้มด้วยความสบายใจ
เช้าวันถัดมา นาก จุ่น สมพิศ กำลังมุงดูรูปจากงานแฟชั่นที่หน้าจอมือถือของเอมิกาด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจ
“ว้าวๆๆๆๆ นี่แหละ ความฝันของไอ้จุ่น..” จุ่นโพสท่า
สมพิศเอามือดันหัวจุ่นอย่างแรง
“น้ำหน้าอย่างแกเป็นรองเท้านายแบบไปก่อนก็แล้วกัน”
“ป้าดูถูกฉันเกินไปแล้ว เดี๋ยวคอยดู” จุ่นว่า
เอมิกา สมพิศ และนากมองจุ่นอย่างงงๆ จุ่นเดินไปเปิดก๊อกน้ำ วักน้ำลูบหัวตัวเอง แล้วก็หันมาเก็กหน้าเป็นนายแบบ เขาเดินแบบผ่านหน้าเอมิกา สมพิศ และนากก่อนจะโพสท่า แล้วฉีกเสื้อตัวเองจนเหลือแต่อกเปลือยเปล่า นาก สมพิศ และเอมิกาแทบอ้วก
“ไง..ตะลึงกันไปเลย” จุ่นเบ่งกล้ามโชว์
“ไอ้จุ่น!! ไอ้ลูกหมา กล้ามเท่าลูกกอล์ฟยังกระแดะจะโชว์ มันต้องนี่เว๊ย” นากว่า
แล้วนากก็เบ่งกล้ามโชว์บ้าง เอมิกาอดยิ้มออกมาไม่ได้
“ถุย!!! นั่นท่อนแขนหรือท่อนขาวะ” จุ่นว่า
ทั้งสองจะเข้ามามีเรื่องกัน เอมิกากับสมพิศต้องรีบห้าม
“หยุด หยุดเลย หยุด!!!” สมพิศปราม นากกับจุ่นเงียบ “เอ็งสองคนนี่มันจริงๆเลย”
บรรจงที่แอบมองอยู่ถึงกับแค้นมาก
บัญชาเอาของให้พีรพล พีรพลรับของมา
“ขอบคุณมากท่านปลัดฯ วันหลังไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากเลยนะ แค่มาเยี่ยม ก็ดีใจแล้ว” พีรพลบอก
“เลิกเรียกผมว่าท่านปลัดเถอะ ฟังแล้วจักจี้”
พีรพลยิ้ม “เดี๋ยวออกไปหาอะไรทานกัน ฉันโทรบอกตั้มแล้ว คงกำลังมา”
บัญชาพยักหน้า
เอมิกากำลังถูพื้น ทันใดนั้นเสียงไอโฟนของเธอก็ดังขึ้น เอมิกาหยิบออกมาเห็นชื่อก็ชะงัก
“แม่...”
เอมิกาหันมองซ้ายขวาก็ไม่มีใคร เธอจึงรีบเดินไปหลบมุมแล้วกดรับ
“ค่ะแม่” เอมิกาฟัง “พ่อฝากของให้เอมมากับคุณอาบัญชา? เดี๋ยวเอมโทรหาคุณอาเองค่ะ”
วเรศยกมือไหว้บัญชา บัญชารับไหว้
“จะแต่งงานเหรอยัง” บัญชาถาม
วเรศยิ้มๆ “แฟนยังไม่มีเลยครับ”
“ลูกสาวท่านผู้ว่าอุทยานไง เห็นว่าไปดูตัวกันมาแล้วไม่ใช่เหรอ” บัญชาบอก
พีรพลหันไปมองวเรศ วเรศพูดไม่ออก ระหว่างนั้นเสียงมือถือของบัญชาก็ดังขึ้น บัญชาหยิบออกมา
“อายุยืนจริงๆ พูดถึงปุ๊บก็โทรมาปั๊บ หนูเอม..ลูกสาวท่านผู้ว่าฯ” บัญชากดรับสาย “ฮัลโหล” สัญญาณมือถือไม่ดี บัญชาจึงไม่ค่อยได้ยิน “อาไม่ได้ยินเลย” บัญชาหันมาพูดกับพีรพลและวเรศ “ขอตัวแป๊บนะ”
พีรพลกับวเรศพยักหน้า บัญชาเดินออกไป พีรพลหันไปมองวเรศ
“ไปดูตัวอะไรกัน ทำไมอาไม่รู้” พีรพลถามวเรศ
“อย่าพูดถึงมันเลยครับ”
บัญชาเดินออกมาคุยโทรศัพท์
“คุณพ่อฝากของมากับอา เรานัดเจอกันที่ไหนดี”
เอมิกายืนคุยอยู่อีกด้านไม่ห่างจากบัญชาเท่าไหร่
“คุณอาอยู่แถวไหนล่ะคะ เดี๋ยวหนูไปเอา”
บัญชายืนหันหลังให้เอมิกาที่เดินอยู่หลังต้นไม้ แต่ทั้งสองยังไม่เห็นกัน
“แถวสุขุมวิท”
“หนูก็อยู่แถวนี้เหมือนกัน คุณอาอยู่ตรงไหนคะ”
“ซอย 24”
เอมิกาผงะ “ซอย 24?”
เอมิกางงมาก แล้วทั้งบัญชากับเอมิกาก็หันมาเจอหน้ากันพอดี ทั้งคู่แทบช็อค
“หนูเอม!!”
“คุณอา!!”
บัญชาอ้าปากค้างเพราะรู้สึกเหวอมากที่เจอเอมิกาที่นี่ ส่วนเอมิกาก็แทบช็อค
พีรพลหันมาทางวเรศ
“ไม่รู้หายไปไหนกันหมด ไม่มีใครเอาน้ำมาให้เลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าไปเอาเอง” วเรศบอก
แล้ววเรศก็ลุกเดินออกไป
วเรศเดินออกมาแล้วก็ชะงักเพราะเห็นเอมิกากำลังยืนคุยกับบัญชาอยู่ วเรศประหลาดใจมาก
บัญชามองหน้าเอมิกาด้วยความตกตะลึง
“หมายความว่ายังไงที่หนูเอมมาเป็นคนใช้บ้านนี้!!! อางงไปหมดแล้ว” บัญชาตกใจ
เอมิกาหันไปมองรอบๆ “คุณอาอย่าเสียงดังสิคะ เดี๋ยวมีคนได้ยิน”
วเรศแอบย่องเข้ามาใกล้ๆ
“เอมต้องทำรายงานส่งตอนเปิดเทอม เรื่องที่เอมจะเขียนเกี่ยวกับคนใช้ เอมก็เลยต้องมาเป็นคนใช้เพื่อหาข้อมูลค่ะ”
“ตาย..แบบนี้ตายเลย”
เอมิกาเอานิ้วแตะปากตัวเองให้บัญชาเสียงเบา
บัญชาแทบจะกระซิบ “ลูกท่านผู้ว่าฯเชียงใหม่มาเป็นคนใช้!! นี่ถ้าท่านอุทยานรู้เข้า อาไม่อยากจะคิด”
“คุณอาก็ต้องทำให้พ่อไม่รู้ยังไงล่ะคะ”
“แล้วถ้าเกิดท่านถามว่าหนูสบายดีรึเปล่า จะให้อาตอบไปว่าไง”
“ก็บอกไปว่าหนูสบายดี ง่ายๆแค่นี้เอง”
“แต่มุสามันเป็นบาปนะหนู”
“ไม่บาปหรอกค่ะ เพราะคุณอาโกหกเพื่อช่วยหนู เราเก็บกันเป็นความลับ รู้กันแค่สองคน..นะคะคุณอา”
บัญชาถอนหายใจ วเรศย่องเข้ามาใกล้พอที่จะได้ยิน
“ความลับไม่มีในโลก ถ้าท่านอุทยานรู้ว่าหนูต้องมาตกระกำลำบากแบบนี้ ท่านต้องทนไม่ได้แน่ๆ”
วเรศผงะ
วเรศพึมพำเสียงเบา “ท่านอุทยาน..ท่านผู้ว่าฯ?”
บัญชาพูดต่อ “หนูก็รู้ว่าท่านรักหนูมาก ท่านส่งเสียดูแลหนู ให้ได้เรียนหนังสือสูงๆ ซื้อคอนโดให้อยู่ ซื้อรถให้ขับ มีเงินให้ใช้ทุกเดือน เพราะอยากให้หนูสุขสบาย แต่หนูดันมาเป็นคนใช้”
วเรศผงะและงง
“หนูรู้ว่าท่านรักหนู หนูก็รักท่าน แต่ทำไงได้คะ มันจำเป็นจริงๆ” เอมิกาจับแขนบัญชา “หนูขอร้องคุณอาอย่าบอกท่านเลยนะคะว่าเจอหนูที่นี่”
เอมิกาส่งสายตาเว้าวอน บัญชาอ่อนใจ
“เฮ้อ...เอางั้นก็ได้”
เอมิกายิ้มดีใจแล้วยกมือไหว้ “ขอบคุณคุณอามากค่ะ”
บัญชาพยักหน้ารับ แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันออกไป
วเรศอึ้งและตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน เขาครุ่นคิดอย่างหนัก
วเรศนึกถึงวันแรกที่เจอเอมิกาตอนที่เธอเป็นโคโยตี้
นึกถึงตอนที่เอมิกาอยู่กับพีรพล นึกถึงตอนเอมิกาคุยกับปองเทพผ่านรั้ว
วเรศมีสีหน้าไม่สู้ดี
“หรือว่าชะเอมกับท่านผู้ว่าอุทยานจะเป็น” วเรศหน้าเสีย
เอมิกาเดินหน้าเครียดมาตามทาง แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นวเรศเดินออกมา
“คุณตั้ม!!” เอมิกาถอนใจ “ทำไมคุณชอบมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง”
“ฉันเห็นเธอคุยกับคุณอาบัญชา” วเรศบอก
เอมิกาหน้าซีดเผือดแล้วทำหน้าเลิ่กลั่ก
“รู้จักกันเหรอ?” วเรศถาม
เอมิกาอึกอัก “เออ..อ่า....”
“พูดไม่ออกแบบนี้ แสดงว่ารู้จักกันจริงๆ”
“ฉันไม่ได้รู้จักเค้า เค้ามาถามทางไปห้องน้ำ”
“ไม่ต้องโกหก! ฉันได้ยินทุกอย่าง”
เอมิกาหน้าซีดแต่แกล้งโวยวาย
“ทำไมคุณเสียมารยาทแบบนี้ล่ะคะ”
วเรศโมโห “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ฉันรู้เรื่องเธอกับท่านผู้ว่าอุทยานหมดแล้ว”
เอมิกาตกใจมากเพราะคิดว่าความแตกแล้ว
เอมิการีบแก้ตัว “เออ..คุณตั้มฟังฉันก่อนนะ”
วเรศไม่ฟัง เขาสวนกลับทันควัน
“ผู้ชายมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องเลือกคนที่เค้ามีภรรยาอยู่แล้ว”
เอมิกาเหวอ “คุณหมายความว่ายังไง” วเรศเงียบ เอมิกาถามต่อ “คุณคิดว่าฉันกับท่านผู้ว่าเป็นอะไรกันแน่??”
“ก็เป็น..” วเรศอึกอักไม่กล้าพูด “เออ..”
เอมิกาคาดคั้น “เป็นอะไร พูดออกมาสิคะคุณตั้ม!!”
“ก็เป็นอีหนูของท่านผู้ว่าน่ะสิ!!!”
เอมิกาอึ้ง “เฮ้ย!! ฉันเนี่ยนะอีหนูท่านผู้ว่าฯ!!??”
เอมิกาฟังแล้วก็ฉุนกึกขึ้นมาทันที
“คุณคิดได้ยังไง?! คุณบ้ารึเปล่า”
“ฉันไม่ได้บ้า! เธอต่างหากที่บ้า ทำตัวสิ้นคิด เธอทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมแบบนี้ได้ยังไง”
เอมิกาเหวอไปเพราะพูดไม่ออก
“ฉันพอจะรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงยังทำงานอยู่ที่นี่ เพราะว่าเธอเบื่อท่านผู้ว่าฯ เธอก็เลยหนีออกมาจากท่าน มาหาเหยื่อรายใหม่ที่นี่ใช่มั๊ย”
เอมิกาอึ้งมาก “คุณน่าจะไปเขียนบทละครนะคุณตั้ม ผูกเรื่องได้เน่ามาก”
เอมิกาเดินหนี แต่วเรศจับแขนเอมิกาเอาไว้ เอมิกาหันมา
“จะไปไหน?!! ฉันยังพูดไม่จบ” วเรศขึ้นเสียง เอมิกาผงะ “สารภาพมาซะดีดีว่าเธอคิดจะทำอะไรต่อไปกันแน่”
เอมิกาเริ่มโมโห “ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น!! คุณอยากคิดอะไรก็คิดไปเลย”
เอมิกาพูดจบก็เดินจ้ำออกไป วเรศตะโกนไล่หลัง
“เรื่องของเรายังไม่จบง่ายๆนะชะเอม”
เอมิกาหันมาแลบลิ้นแล้วก็รีบเดินออกไป วเรศผงะและหงุดหงิดหัวเสีย
เอมิกากำลังสับหมูด้วยความดุเดือดอยู่ในครัว
“บ้า..บ้า...บ้า..บ้า!!!! มาหาว่าเราเป็นอีหนูของพ่อ คิดได้ไง?!! อกุศลที่สุด...นี่แน่นี่แน่นี่แน่”
นากเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“สับแบบนั้น หมูเละหมดแล้วน้องชะเอม”
เอมิกาหยุดสับแล้วก็หันไปทางนาก ก่อนจะวางมีดลงข้างเขียง
“โมโหใครมารึเปล่าเนี่ย” นากถาม
เอมิกายิ้มแต่ไม่ตอบ ระหว่างนั้นสมพิศก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วเว๊ย!!”
เอมิกากับนากหันไปมองสมพิศด้วยสีหน้าสงสัย
อเนกหอบหิ้วกระเป๋าออกมาจากบ้าน อรทัยเดินตามออกมาด่าไล่หลัง
“ถ้าออกไป ก็ไม่ต้องกลับมาอีก!!”
“เออ! ไม่กลับมาหรอกเว๊ย!!”
เอมิกา สมพิศ และนากแอบดูอยู่ด้วยใจระทึก
อรทัยทั้งเสียใจและโมโหจึงขว้างปาข้าวของไล่หลังอเนกไปด้วย
“ไอ้ผัวเฮงซวย!! ไอ้คนเจ้าชู้!! ไอ้ใจดำ!!”
อเนกเลือดขึ้นหน้า “หยุดนะ! อีอ้วน!!”
“อ๊ายยยย!!”
“โว๊ยยย! เลิกแหกปากเป็นหมูถูกเชือดซักที” อเนกว่า
อรทัยอึ้งแต่ก็ไม่กล้ากรี๊ดออกมา อเนกชี้หน้า
“ลาทีลาขาด ในที่สุดฉันก็ได้ออกจากนรกที่นี่ แล้วไปขึ้นสวรรค์ซักที ฮ่าๆๆๆ”
อเนกเดินออกไป อรทัยเสียใจมากจนหมดสติ เอมิกา สมพิศ และนากตกใจจึงรีบเข้ามาดู
“คุณอรทัย!!!”
อรทัยนอนอยู่บนโซฟาแล้วจู่ๆ ก็ละเมอออกมา
“คุณอเนก อย่าทิ้งฉันไป...คุณอเนก...คุณอเนก..”
เอมิการีบเข้ามาดู
“คุณอรทัยคะ คุณอรทัย..”
อรทัยตื่นขึ้นมาแล้วหันไปมองหน้าเอมิกา
“คุณอเนกอยู่ไหน?” อรทัยถาม
เอมิกาหน้าเสีย “เออ คุณอเนกไปแล้วค่ะ”
“ไป!?? นี่เป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย เค้าทิ้งฉันไปแล้ว โฮๆๆๆ” อรทัยร้องไห้
เอมิกามองด้วยความสงสารพอจะเข้ามาปลอบ อรทัยก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็นึกได้
“ว่าแต่เธอ..เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง?”
“ฉันเห็นคุณหมดสติอยู่หน้าบ้าน ฉัน นาก ป้าพิศ ก็เลยช่วยกันพาคุณเข้ามาในนี้ แต่ป้าพิศกับพี่นากต้องกลับไปทำงานบ้าน ฉันก็เลยอาสาเฝ้าคุณให้ค่ะ”
“สาระแนไม่เข้าเรื่อง!!” อรทัยตวาด เอมิกาสะดุ้ง “ก็เพราะมีผู้หญิงหน้าดีอย่างแก ผัวฉันถึงทิ้งฉันไป!”
เอมิกาเหวอ อรทัยพูดจบก็วิ่งออกไป เอมิกาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็ส่ายหัว
วเรศเดินไปเดินมาที่ห้องในคอนโดมีเนียม เขามีสีหน้าครุ่นคิดเรื่องที่เขาต่อว่าเอมิกา
“ผู้ชายมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องเลือกคนที่เค้ามีภรรยาอยู่แล้ว”
เอมิกาเหวอ “คุณหมายความว่ายังไง” วเรศเงียบ “คุณคิดว่าฉันกับท่านผู้ว่าเป็นอะไรกันแน่??”
“ก็เป็น..” วเรศอึกอักไม่กล้าพูด “เออ..”
เอมิกาคาดคั้น “เป็นอะไร พูดออกมาสิคะคุณตั้ม!!”
“ก็เป็นอีหนูของท่านผู้ว่าน่ะสิ!!”
เอมิกาอึ้งและตะลึง “เฮ้ย!! ฉันเนี่ยนะอีหนูท่านผู้ว่าฯ!!??”
เอมิกาฟังแล้วฉุนกึกขึ้นมาทันที
“โอ๊ย!! คุณตั้ม!! คุณคิดได้ยังไง?! คุณบ้ารึเปล่า”
“ฉันไม่ได้บ้า! เธอต่างหากที่บ้า ทำตัวสิ้นคิด เธอทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมแบบนี้ได้ยังไง”
เอมิกาเหวอไป เพราะพูดไม่ออก
“ฉันพอจะรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงยังทำงานอยู่ที่นี่ เพราะว่าเธอทะเลาะกับท่านผู้ว่าฯ ก็เลยหนีออกมาจากท่าน แล้วก็มาหาเหยื่อรายใหม่ที่นี่ใช่มั๊ย”
เอมิกาอึ้งมาก “คุณน่าจะไปเขียนบทละครนะคุณตั้ม ผูกเรื่องได้เน่ามาก”
เอมิกาเดินหนี แต่วเรศจับแขนเอมิกาเอาไว้ เอมิกาหันมา
“จะไปไหน?!! ฉันยังพูดไม่จบ” วเรศว่า เอมิกาผงะ “สารภาพมาซะดีดีว่าเธอคิดจะทำอะไรต่อไปกันแน่”
เมื่อนึกถึงเรื่องของเอมิกาถึงตอนนี้ วเรศก็หยุดเดิน
“เราจะปล่อยให้มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด” วเรศบอกกับตัวเอง
วเรศคิดแล้วก็ตัดสินใจอะไรบางอย่าง
วันถัดมา อรทัยกำลังโทรศัพท์อยู่
“แน่ใจนะว่าเห็นไม่ผิด” อรทัยหยุดฟัง “ขอบใจ”
อรทัยวางสายด้วยสีหน้ามุ่งมั่น เธอหยิบปืนปลอมขึ้นมาใส่กระเป๋าถือ แล้วหรี่ตาด้วยสีหน้าร้ายกาจสุดๆ
เอมิกาเอาข้าวต้มมาให้คนใช้อรทัย
“คุณชื่นท่านทราบข่าว เลยให้ป้าพิศทำข้าวต้มมาให้คุณอรทัยทาน แล้วก็ยังกำชับมาด้วยนะว่าให้คุณอรทัยทานให้หมด”
“ไม่รู้จะยอมทานรึเปล่า” คนใช้อรทัยบอก “ตั้งแต่เย็นเมื่อวานยังไม่ยอมทานอะไรเลย เอาแต่คลุกตัวอยู่แต่ในห้อง น่าสงสาร”
เอมิกาเริ่มเป็นห่วง ไม่นานอรทัยก็เดินลงมา เอมิกากับคนใช้หันไปมอง อรทัยเดินหน้านิ่งออกไปจากบ้าน เอมิกามองตามแล้วก็ใจคอไม่ดี
เอมิกาเดินตามอรทัยออกมา
“คุณอรทัย คุณจะไปไหนคะ”
“ไม่ต้องยุ่ง!!”
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อนมั๊ยคะ”
“ฉันบอกว่าไม่ต้องยุ่งไง!!”
เอมิกาคว้ากระเป๋าอรทัยเอาไว้ “ไม่ยุ่งไม่ได้ค่ะ ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในสภาวะจิตใจที่ย่ำแย่ คุณต้องการเพื่อนนะคะ”
“ฉันไม่ต้องการ!! ปล่อย!”
“ไม่ค่ะ..ไม่ปล่อย”
“ฉันบอกให้ปล่อย!!”
เอมิกาส่ายหน้า อรทัยพยายามดึงกระเป๋าคืนแต่เอมิกาไม่ยอม ทั้งสองยื้อกันไปยื้อกันมาจนกระเป๋าหล่น และปืนร่วงออกมาจากกระเป๋า เอมิกาตกใจมาก
“ปืน!!” เอมิกาตกใจ อรทัยรีบเก็บกระเป๋าและปืน “คุณจะเอาปืนไปไหน??”
“ฉันจะเอาไปยิงไอ้อเนกกับกิ๊กมันน่ะสิ” อรทัยบอก
“คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!!”
อรทัยไม่สนใจ เธอเดินไปเปิดประตูแล้วขึ้นรถก่อนจะกดล็อค เอมิกาจะเปิดก็เปิดไม่ได้
“คุณอรทัย!! เปิด..คุณอรทัย!!”
อรทัยไม่สนใจ เธอขับรถออกปทันที เอมิกาสีหน้าไม่ดี เธอรีบวิ่งตามไป
“คุณอรทัยย!!”
เอมิกาวิ่งตามรถอรทัยออกมา แต่ไม่ทัน ทันใดนั้นวเรศก็ขับรถเข้ามา เอมิกาหันไปเห็นก็ดีใจมาก วเรศจอดรถแล้วลงจากรถ
“เจอเธอก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องอยากตกลง” วเรศพูด
“อย่าเพิ่งตกลงอะไรกับฉันทั้งนั้น รีบตามคุณอรทัยไปก่อน” เอมิกาบอก
เอมิกาพูดจบก็เปิดประตูขึ้นรถทันที วเรศเหวอและงง เอมิกาตะโกนออกมา
“รีบขึ้นรถเร็วคุณตั้ม!!”
วเรศงงแต่ก็ยอมขึ้นรถ “ถ้าเธอไม่บอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ฉันจะไม่ไป”
เอมิกาอยากจะบ้า “ไม่มีเหตุผลซักวันจะได้มั๊ยเนี่ย?” วเรศมองหน้า เอมิการีบบอก “คุณอรทัยเอาปืนไปยิงคุณอเนกกับกิ๊ก” วเรศตกใจ “คราวนี้จะไปได้ยัง!!”
วเรศรีบขับรถออกไปทันที
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 6 (ต่อ)
เอมิกาที่นั่งอยู่ข้างๆ วเรศซึ่งกำลังขับรถตามรถอรทัยอยู่มีสีหน้าร้อนใจ
“เร็วกว่านี้หน่อยได้มั๊ยคุณตั้ม เดี๋ยวก็ตามไม่ทันหรอก” เอมิกาเร่ง
“เธอก็เห็นว่ารถมันเต็มถนนไปหมด” วเรศบอก
เอมิกาอยากจะบ้าตาย วเรศเองก็สีหน้าไม่ดี
รถอรทัยเลี้ยวไป วเรศรีบเลี้ยวตาม แต่เจอรถคันอื่นตัดหน้า วเรศเบรคเอี๊ยด
“เฮ้ย!!”
“บ้าเอ๊ย!!” เอมิกามองไม่เห็นรถอรทัย “รถคุณอรทัยหายไปไหนแล้ว”
เอมิกากับวเรศมีสีหน้ากังวลใจมาก
อรทัยขับรถเข้ามาด้านในเลาจน์แห่งหนึ่ง
วเรศขับรถ ส่วนเอมิกาสอดส่ายสายตาหารถอรทัย
“คุณอรทัยหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้” เอมิกามองหา
เอมิกาหน้าเสียสุดๆ วเรศครุ่นคิดก่อนจะหันไปมองรอบๆ
“ลองหายไปเร็วแบบนี้ แสดงว่าอาจจะเข้าไปที่ไหนซักที่แล้ว”
เอมิกาหันขวับด้วยความตกใจ “ถ้างั้นก็แย่แล้วสิ”
วเรศหันไปเห็นเลาจน์เข้าพอดีก็นึกอะไรออก
“ฉันว่าคุณอาอรทัยน่าจะเข้าไปที่นี่”
เอมิกาหันไปมองตามวเรศ
วเรศกับเอมิกาเดินมาตามทางด้วยความรีบเร่ง แล้วเอมิกาก็เห็นรถอรทัย
“รถคุณอรทัย!!”
วเรศหันไปมองตาม ทั้งสองดีใจที่อรทัยอยู่ที่นี่
“แยกย้ายกันตามหา ถ้าใครเจอ ก็ให้รีบโทรมาบอก” วเรศบอก
เอมิกาพยักหน้า แล้วสองคนก็แยกกันเดินไป
น้องสเลอปี้กำลังป้อนไอศกรีมอเนกที่มีสีหน้าสดชื่นมากอยู่
“ไอติมที่ว่าเย็น พอได้น้องสเสอปี้ป้อน มันกลับยิ่งเย็นชื่นนน” อเนกทำตัวสั่น “ใจ ยะเยือกเข้าไปถึงตับไตไส้พุง”
“ถ้างั้นก็ทานคำโตๆนะคะป๋า”
สเลอปี้ป้อนไอศกรีมอเนกคำโต อเนกกินไปยิ้มไป อเนกกับสเลอปี้หันไปเห็นอรทัยยืนอยู่ อเนกถึงกับสำลักไอติม
“อร่อยมากมั๊ย” อรทัยถามด้วยน้ำเสียงโหด
อเนกตกใจกลัว
“แม่ป๋าเหรอคะ” สเลอปี้ถาม
อรทัยหันขวับ “เมียเว๊ย!! ไม่ใช่แม่!”
สเลอปี้สะดุ้ง อรทัยโกรธสุดๆ เธอควักปืนออกมาจากกระเป๋า ผู้คนแถวนั้นแตกตื่น ร้องกรี๊ดกร๊าดและรีบวิ่งหนีออกไป อเนกหลบหลังสเลอปี้ สเลอปี้เหวอสุดๆ
“วันนี้ถ้าฉันไม่ได้เอาเลือดหัวแกกับนังนี่ออก ฉันไม่ใช่อรทัย!”
อรทัยหน้าเหี้ยมสุดๆ อเนกกับสเลอปี้ตื่นตระหนก
เอมิกาเดินตามหาอรทัยมาตามทางด้วยสีหน้าวิตกมาก
“คุณอรทัยอยู่ไหน?”
แล้วเอมิกาก็เห็นผู้คนวิ่งหน้าตาตื่นมาตามทาง เอมิกาแปลกใจและเริ่มเอะใจจึงหันไปจับแขนผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้แล้วถาม
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“มีผู้หญิงเอาปืนมายิงผัวค่ะ”
เอมิการู้ทันทีว่าเป็นอรทัย ผู้หญิงคนนั้นรีบเดินออกไป เอมิกาเอามือถือออกมากดโทรออก
“คุณตั้ม...ฉันเจอคุณอรทัยแล้ว”
สเลอปี้หน้าซีดหน้าเซียว ส่วนอเนกยืนขาสั่นเพราะทำอะไรไม่ถูก อรทัยถือปืนด้วยแววตามุ่งมั่นเอาจริง
“เจ๊อย่าทำอะไรหนูเลยนะ หนูไม่รู้ว่าป๋ามีเมียแล้ว หนูเพิ่งอายุ 20 ยังเรียนหนังสืออยู่ และที่สำคัญหนูยังสาวและสวย ถ้าเกิดหนูตายไปตอนนี้ เสียชาติเกิดตายเลย”
อรทัยสุดทน “เงียบ!”
“เจ๊ปล่อยหนูไปเหอะนะ” สเลอปี้ยกมือไหว้ “หนูไหว้ล่ะ”
“ฉันจะปล่อยแกสองคนไป ก็ต่อเมื่อพวกแกเป็นศพแล้ว”
อเนกกับน้องสเลอปี้ตกใจมาก อรทัยมองอเนกด้วยความเสียใจและโกรธแค้น มือที่ถือปืนสั่นเทา อรทัยขึ้นไกปืนดังกริ๊ก! อเนกตาเหลือกแล้วคิดในใจว่าตายแน่ ทันใดนั้นเอมิกากับวเรศก็เข้ามา
“อย่านะคะคุณอรทัย!”
อรทัยยืนนิ่ง อเนกกับน้องสเลอปี้โล่งอก เอมิกากับวเรศรีบเดินมาหาอรทัย
“คุณอย่าเอาอนาคตมาแลกกับคนเฮงซวยพรรณนี้เลยนะคะ” เอมิกาบอก
อเนกเหวอที่โดนด่า “อ้าว?”
“ผู้ชายมักมาก เจ้าชู้ หน้าตาหาส่วนดีไม่เจอแบบนี้ คุณอย่าไปนึกเสียดาย”
อเนกเหวอหนักที่โดนด่าเป็นชุด
“คุณอาอรทัย เอาปืนมาให้ผมนะครับ” วเรศขอ
วเรศยื่นมือออกไป อรทัยลังเล วเรศอาศัยจังหวะนี้เข้าไปแย่งปืน
“อย่านะตั้ม!! หยุด!” อรทัยร้องออกมา
วเรศบิดข้อมืออรทัยทำให้ปืนหล่น วเรศรีบเตะปืนออกไปให้พ้นแต่ปืนกลับไปหยุดใกล้ๆ สเลอปี้ สเลอปี้เห็นปืนชัดๆก็เอะใจ เธอหยิบขึ้นมาแล้วก็ผงะ
“ปืนปลอม!”
ทุกคนหันไปมอง อรทัยหน้าเสีย ส่วนอเนกโมโห สเลอปี้โกรธมาก เธอขว้างปืนทิ้งแล้วเข้ามาตบหน้าอรทัยดังเพี๊ยะ! ทุกคนตกใจ แล้วอรทัยกับสเลอปี้ก็ตบกันด้วยความเมามันส์ เอมิกากับวเรศแทบช็อค อเนกเห็นท่าไม่ดีก็รีบคลานหนีออกไป เอมิกาหันไปเห็น
“คุณอเนก!! คุณจะไปไหน?” เอมิกาถาม
อเนกหันมามองเอมิกาด้วยหน้าตาตื่นแล้วก็รีบวิ่งออกไป เอมิกาหัวเสีย
“ช่างเค้า รีบห้ามทางนี้ก่อน” วเรศบอก
วเรศกับเอมิการีบเข้าไปห้ามอรทัยกับสเลอปี้ วเรศเข้าไปดึงอรทัย ส่วนเอมิกาเข้าไปดึงสเลอปี้
“หยุดได้แล้ว..หยุด..หยุด!!” เอมิกาห้าม
แต่ทั้งวเรศและเอมิกาสู้แรงของทั้งสองไม่ได้ อรทัยสลัดหลุดออกมาจากวเรศได้ก็เงื้อมือจะตบสเลอปี้ แต่สเลอปี้หลบได้ทัน ทำให้ไปตบหน้าเอมิกาเต็มๆ
เอมิการ้อง “โอ๊ย!!”
วเรศเป็นห่วง “ชะเอม!!”
“ฉันไม่เป็นไร”
วเรศเข้ามาจับตัวอรทัยเอาไว้ สเลอปี้โกรธมากจึงสลัดหลุดจากเอมิกาแล้วเข้าไปเงื้อมือตบอรทัย อรทัยหลบทำให้ตบโดนหน้าวเรศไปเต็มๆ เอมิกาผงะ
“คุณตั้ม!!”
“ฉันไม่เป็นไร”
เอมิการีบเข้ามาล็อคแขนสเลอปี้
“พอได้แล้วครับคุณอา..กลับบ้าน!!” วเรศบอก
“ปล่อยอานะตั้ม อาจะตบมัน!!” อรทัยโวยวาย
วเรศไม่ปล่อย เขาพยายามจะลากอรทัยออกไป สเลอปี้จะตามมาตบอรทัย แต่เจอเอมิกาจับแขนเหวี่ยงออกไปจนล้มไปบนพื้น สเลอปี้หันมาด้วยความโมโหแล้วลุกขึ้นจะเข้ามาเอาเรื่อง เอมิกาจึงตั้งการ์ด
“อย่านะ!! ไม่งั้นแกหน้าแหกแน่”
เอมิกาทำหน้าขู่ วเรศอึ้งกับท่าทางของเอมิกา สเลอปี้ไม่กล้า วเรศรีบพาอรทัยออกไปจากตรงนั้น โดยมีเอมิกาเดินตามไปติดๆ
เวลาผ่านไป เอมิกาประคองอรทัยมานั่งบนเตียง อรทัยมีสภาพแย่มาก ทั้งหน้าบวมแดงเป็นรอยฝ่ามือและมีรอยข่วน เอมิกามองด้วยความเห็นใจ
“ฉันว่าคุณน่าจะไปหาหมอนะคะ” เอมิกาเสนอ
“หาหมอไปเท่านั้น ฉันจะเป็นจะตายยังไง ก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว” อรทัยตัดพ้อ
เอมิกาถอนหายใจ แล้วอรทัยก็หันมาพูดกับเอมิกา
“ฉันมันน่าเกลียดมากใช่มั๊ย”
เอมิกานิ่ง
“ตอบฉันมาสิ ฉันมันน่าทุเรศ น่าขยะแขยง มากใช่มั๊ย!!”
อรทัยก้มหน้าร้องไห้ เอมิกาถอนหายใจแล้วก็เหลือบไปเห็นรูปแต่งงานของอรทัยกับอเนกที่วางอยู่บนชั้นข้างเตียง ในรูปนั้นอรทัยสวยมาก เอมิกามองแบบไม่อยากจะเชื่อ แล้วเธอก็เดินมาหยิบรูปก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้นตรงหน้าอรทัย แล้วยื่นรูปไปให้อรทัย อรทัยเห็นรูปแล้วก็ชะงัก
“คุณเป็นคนสวยมากนะคะคุณอรทัย” เอมิกาบอก อรทัยเห็นตัวเองในรูปก็อึ้ง “แต่เพราะคุณมัวแต่ตามหึงหวงสามี จนทำให้คุณลืมว่าครั้งหนึ่งคุณเคยเป็นยังไง ผู้ชายที่ทำร้ายจิตใจคุณครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ได้มีค่าให้คุณต้องเสียใจนะคะ หลังจากวันนี้ไป คุณต้องทำเพื่อตัวเองได้แล้ว”
อรทัยนิ่งงัน เอมิกาพูดจบก็เอารูปวางตรงหน้าอรทัยแล้วก็เดินออกไป อรทัยมองรูปถ่ายของตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิดตามคำที่เอมิกาพูด
เอมิกาเดินออกมาเจอวเรศยืนรออยู่หน้าห้อง
“คุณอาอรทัยเป็นไงบ้าง” วเรศถาม
“ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานมาก กว่าจะทำใจได้” เอมิกาบอก
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ คงเกิดเรื่องใหญ่มากกว่านี้”
เอมิกาหันไปมองวเรศ วเรศมองเอมิกา
“จะว่าไปเธอมันก็ร้ายเหมือนกัน” วเรศบอก
“อะไรกัน!! เพิ่งชมฉันแหมบๆ ก็ว่าฉันต่ออีกแล้ว”
“ฉันไม่ได้ว่า” วเรศเลียนเสียงของเอมิกา “อย่าเข้ามา! ไม่งั้นแกหน้าแหกแน่”
วเรศมองหน้าเอมิกาพร้อมยักคิ้ว เอมิกายิ้มแหยเพราะรู้สึกเขิน
“เธอคงมีเรื่องกับชาวบ้านบ่อยสิท่า” วเรศถาม
“ชีวิตฉันไม่ได้โรยด้วยกุหลาบนี่คะ ฉันเป็นคนจน ต้องปากกัดตีนถีบ ไปทำงานที่ไหนก็โดนคนรังแก ฉันก็ต้องตอบโต้ เรื่องอะไรจะปล่อยให้โดนรังแกฝ่ายเดียว”
“เธอก็เลยตอบโต้คนพวกนั้นด้วยการไปเป็นอีหนู”
เอมิกาผงะ “วกเข้าเรื่องจนได้ ผูกเรื่องเก่งจริงนะเรา” วเรศจ้องตาดุ เอมิกาพูดต่อ “ฉันพูดเล่น”
“ฉันจะมาตกลงกับเธอเรื่องนี้” วเรศบอก เอมิกาแปลกใจ เธอมองวเรศว่าจะมาไม้ไหน “ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ แต่ฉันอยากขอให้เธอเลิกซะ!! เพราะว่าสิ่งที่เธอทำ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”
เอมิกาถอนหายใจ
“คุณฟังฉันให้ดีนะคุณตั้ม” เอมิกาพยายามทำหน้าจริงจัง “ฉันรู้จักกับท่านผู้ว่าอุทยาน แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับท่าน” วเรศชะงัก “เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ฉันกำลังมีปัญหาเรื่องเงิน ฉันบังเอิญเจอคุณอัมพรภรรยาท่านผู้ว่าฯ ท่านสองคนสงสารและเห็นใจฉันมาก ก็เลยช่วยฉัน จนกระทั่งการเงินฉันดีขึ้น ฉันก็เลยไม่อยากพึ่งพาท่านอีก”
วเรศมองเอมิกาแล้วนิ่วหน้า
“แล้วเธอรู้จักกับภรรยาท่านผู้ว่าฯได้ยังไง?”
เอมิกาผงะ “เออ ฉันเป็นคนใช้บ้านข้างๆท่านผู้ว่าฯ”
วเรศคิดต่อ “ในเมื่อเธอมีปัญหา แล้วทำไมเจ้านายของเธอเค้าไม่ช่วยเธอ”
เอมิกาอึกอัก “ก็..เจ้านายฉันเป็นคนไม่ดีไง เค้าเบี้ยวไม่จ่ายเงินเดือนให้ฉัน ฉันก็เลยโวยวายจะเอาเรื่อง เสียงฉันดังไปเข้าหูคุณอัมพรเข้า ท่านก็เลยมาช่วยไกล่เกลี่ย หลังจากนั้นฉันก็ลาออกจากบ้านนั้น แล้วคุณอัมพรก็ช่วยเหลือฉันช่วงที่ฉันยังหางานทำไม่ได้”
“แล้วทำไมเธอถึงไม่มาเป็นคนใช้บ้านท่าน” วเรศถามต่อ
เอมิกาเริ่มทนไม่ไหว “แล้วทำไมคุณถึงถามมากจัง?”
“ก็ฉันสงสัย”
“นี่คุณตั้ม...คุณเชื่อฉันเถอะ ฉันไม่สิ้นคิดขนาดไปเป็นอีหนูของใครหรอก”
วเรศยังลังเล “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะชะเอม” วเรศถามเสียงแข็ง
“ฉันไม่ได้โกหก ฉันพูดจริง” เอมิกาทำมืออุ๊บอิ๊บไว้ข้างหลัง
“ฉันจะเชื่อเธอก็ได้ แต่ขอให้เธอรู้ไว่ว่า ฉันเกลียดคนโกหกมากที่สุด และถ้าฉันมารู้ทีหลังว่าเธอหลอกฉันล่ะก้อ ฉันจะเล่นงานเธอให้ถึงที่สุด”
เอมิกาทำหน้าไม่ถูกแล้วเธอก็รีบเปลี่ยนเรื่อง
“ค่าคุณเลขาจอมโหด” เอมิกาตอบ วเรศผงะ “ถ้าคุณหมดข้อสงสัยในตัวฉันแล้ว ขอตัวนะคะ จะรีบไปทายาที่หน้า” เอมิกาแกล้งทำเป็นเจ็บ “ระบมไปหมดแล้วเนี่ย”
เอมิการีบเดินออกไป
วเรศร้องทัก “เดี๋ยว!!”
เอมิกาหยุดเดินแล้วหันมาทางวเรศอย่างลุ้นๆ
วเรศยื่นยาไปให้เอมิกา เอมิกามองวเรศอย่างแปลกใจ
“คุณพกยาหม่องไว้ในรถด้วยเนี่ยนะ” เอมิกาพึมพำ “แก่มาก”
“ฉันได้ยิน” วเรศบอก
เอมิกาชะงักแล้วก็ยิ้มเจื่อน
“เมื่อวานฉันไปเปิดงานโอทอปกับคุณลุง ก็เลยซื้อเก็บไว้ รีบทาซะ”
“คุณก็ต้องรีบทาด้วยเหมือนกัน เริ่มบวมแล้ว”
วเรศจับหน้าตัวเองแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าโดนตบเหมือนกัน “ฉันไม่ค่อยเจ็บ เธอเอาไปใช้ก่อนเหอะ”
เอมิการับยามาเปิดแต่กลิ่นแรงมาก “อื้อหือ..เหม็นสุดยอด ไม่ไหวล่ะ” เอมิกายื่นยาหม่องคืน
วเรศรับยาหม่องมาพร้อมทั้งมองเอมิกาด้วยความหมั่นไส้ “เหม็นที่ไหน ยาสมุนไพรดีดีทั้งนั้น ทาแล้วรับรองพรุ่งนี้กลับมาหน้าใสเหมือนเดิม”
“งั้นคุณก็ทาก่อนสิ”
“ไม่..”
“คุณก็เหม็นจนไม่อยากทาเหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ”
วเรศหน้าถอดสีแต่ทำเป็นเก็ก เขาเปิดยาหม่องแล้วป้ายหน้าเอมิกาทันที เอมิกาตกใจก่อนจะทำหน้าปุเลี่ยนๆ เพราะเหม็น
“คุณตั้ม!!”
เอมิกาเอามือป้ายยาหม่องที่หน้า วเรศขำหน้าตาของเอมิกาแล้วก็พยายามจะป้ายยาที่หน้าเอมิกาให้ได้ แต่เอมิกาหลบแล้วจับแขนวเรศเพื่อยื้อเอาไว้
“ไม่นะคุณตั้ม ไม่เล่นแบบนี้” เอมิกาบอก
วเรศหัวเราะแกมสะใจแต่ก็ไม่ยอมหยุด เอมิกาพยายามขืนตัวทำให้มือวเรศมาป้ายโดนตาเอมิกา
เอมิกาแสบ “โอ๊ย!!”
วเรศตกใจ “ฉันขอโทษ”
“เห็นมั๊ย..เป็นเรื่องจนได้ อุ๊ยยย!! แสบอ่ะ”
“ฉันดูสิ”
วเรศค่อยๆจับตาเอมิกาแล้วเป่าให้ เอมิกาผงะเพราะหน้าวเรศอยู่ใกล้มาก แต่วเรศไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมัวแต่เป่าตาให้เอมิกา ปองเทพเห็นวเรศกับเอมิกาก็อึ้งไปและรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาทันที
ปองเทพย่องมาตามทางด้วยท่าทางลับๆล่อๆ แล้วเขาก็เห็นเอมิกาเดินมา
ปองเทพเรียก “เอม...”
เอมิกาได้ยินเสียงก็หันไปพอเห็นปองเทพเธอก็ตกใจรีบหันไปมองรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็รีบเดินมาหาปองเทพ
เอมิกาดึงปองเทพมาหลบมุม “มาที่นี่ทำไม?”
“เรามีเรื่องอยากถาม” ปองเทพบอก
“โทรมาถามก็ได้”
“เราอยากคุยต่อหน้า ไม่อยากคุยทางโทรศัพท์” เอมิกานิ่วหน้า ปองเทพอึกอัก “เออ...เราเห็น...เห็นเอมกับคุณตั้มในสวน เอมกับคุณตั้มทำอะไรกัน?”
เอมิกาเล่าแบบไม่ได้คิดอะไร “เราไปช่วยคุณอรทัยตบกับกิ๊กมา..ก็เลยโดนลูกหลง คุณตั้มก็เลยเอายาหม่องมาให้ แต่ยาอะไรไม่รู้โคตรเหม็นเลยอ่ะ”
“เหรอ” ปองเทพยังลังเลเพราะไม่ค่อยเชื่อ “แล้วเอมเจ็บมากมั๊ย”
“ดีขึ้นแล้วล่ะ” เอมิกาบอก
“เอม..” ปองเทพทำหน้าจริงจัง “เราพูดตรงๆ เราหึงเอมกับคุณตั้ม”
เอมิกาตกใจ “ห๊ะ!! หึงเนี่ยนะ”
“ก็หึงสิ เรากับเอมเป็นแฟนกันนะ” ปองเทพจับมือเอมิกา
เอมิกาตีมือปองเทพ ปองเทพสะดุ้งแล้วเอามือออก เอมิกาพูด “บอกแล้วไงว่าที่นี่เราห้ามสนิทกัน”
“แต่เราใจจะขาดอยู่แล้ว เอมเป็นแฟนเราแท้ๆ แต่เรากลับบอกใครไม่ได้ เมื่อไหร่เอมถึงจะหาข้อมูลเสร็จซักที”
“ใจเย็นสิป่อง มันไม่ใช่ลวกบะหมี่นะ จะได้แป๊บเดียวเสร็จ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา” เอมิกาว่า ปองเทพหน้าเศร้า “แยกย้ายกันได้แล้ว เดี๋ยวมีคนเห็น”
ปองเทพมองเอมิกาแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะเดินคอตกออกไป เอมิกาหันไปก็ตกใจสุดขีดเพราะบรรจงยืนมองอยู่ เอมิกาทำหน้าตามีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด
“แกคุยอะไรกับคนใช้บ้านคุณแป๊ะ” บรรจงถาม
“เค้ามาขอยืมน้ำตาล” เอมิกาบอก
“ขอยืมน้ำตาลอะไรต้องจับมือกันด้วย!” บรรจงถาม เอมิกาสะดุ้ง “ฉันไม่ได้ตาบอดนะ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่เห็นแกจะเอาน้ำตาลไปให้เค้าเลย”
“ก็เผอิญว่าเค้าไม่ต้องใช้แล้ว”
เอมิการีบเดินหนีออกไปทันที บรรจงมองตามแล้วนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
“นังชะเอม..ฉันรู้ว่าแกโกหก แต่วันนี้ฉันจะปล่อยแกไปก่อน เพราะฉันไม่มีหลักฐาน”
บรรจงหรี่ตาพร้อมทำหน้าร้าย
เอมิกาคุยโทรศัพท์กับปองเทพ
“ต่อไปนี้ป่องห้ามมาหาและคุยกับเราเด็ดขาด”
ปองเทพตกใจ “ทำไมอ่ะ”
“บรรจงเห็นเรากับป่องน่ะสิ แล้วบรรจงก็จ้องจับผิดเราอยู่แล้ว เค้ากัดเราไม่ปล่อยแน่ ตกลงตามนี้นะ”
เอมิกาวางสาย ปองเทพเซ็งมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น อรทัยนอนซมอยู่บนเตียงอย่างคนสิ้นหวังกับชีวิต สักพักแป๊ะกับเอมิกาก็เดินเข้ามา
“พี่อรทัย” แป๊ะเรียก อรทัยหันไปเห็นก็แปลกใจ “เลิกทำตัวเป็นช้างนอนตายซากแบบนี้ซักที ลุกขึ้นมาได้แล้วครับ”
อรทัยงงมาก เธอค่อยๆลุกขึ้นมานั่งด้วยสีหน้างงจัด
“นี่มันอะไรกัน?!”
แป๊ะกับเอมิกาหันมายิ้มให้กันแล้วก็หันไปมองอรทัย
อรทัยถูกจับให้มานั่งตรงหน้าแป๊ะ แป๊ะถอนขนคิ้วให้อรทัย
“โอ๊ย!!” อรทัยรีบผละออกมา “เดี๋ยวก่อนได้มั๊ยเนี่ย มาถึงก็ถอนเอาถอนเอา ยังไม่มีใครบอกฉันเลยว่าจะทำอะไร?”
“พวกเราจะทำให้คุณอรทัยกลับมาสวยอีกครั้งยังไงล่ะคะ” เอมิกาบอก
อรทัยเหวอ แป๊ะยิ้มอย่างมั่นใจ
เวลาผ่านไป อรทัยโดนแวกซ์ขนที่ขาและที่แขนจนร้องลั่น แป๊ะแต่งหน้าให้อรทัย พวกคุณยายมาแอบดู เอมิกาหันไปยกมือถามว่าโอเคมั๊ย พวกคุณยายยกมือบอกโอเค เอมิกายิ้มชอบใจ
แป๊ะเอาชุดให้อรทัยใส่ แป๊ะทำผมให้อรทัย อรทัยแต่งตัวสวยออกมาในสภาพนมตู้ม เชพบ๊ะเหมือนเดิมอีกครั้ง แป๊ะกับเอมิกาหันมาตีมือกันด้วยความดีใจ
อรทัยมองเอมิกากับแป๊ะด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ
“แน่ใจว่าวิธีนี้จะทำให้คุณอเนกหันกลับมาสนใจฉันอีกครั้ง” อรทัยถาม
เอมิกาตอบทันที “แน่ใจที่สุดค่ะ”
“พี่อรทัยพร้อมแล้วใช่มั๊ยครับ” แป๊ะถาม
อรทัยดูตื่นเต้นแต่ก็พยักหน้ารับ
เสียงเคาะประตูห้องในโรงแรมดังขึ้น อเนกเดินมาเปิดประตูก็เห็นอรทัยควงมากับบอย ชายหนุ่มหน้าตาน่าเอ็นดู อเนกถึงกับตะลึงในลุคใหม่และหน้าอกหน้าใจที่ตู้มมากของอรทัย
อเนกพูดติดอ่างด้วยความตื่นเต้น “ค่ะ.ค่ะ..คุณ..คุณอรทัย!!!”
บอยผายมือให้อรทัยเข้าไปในห้อง
“เชิญครับคุณพี่”
อรทัยจับแก้มบอย “ขอบใจนะจ๊ะดาร์ลิ่ง “
อเนกเหวอ อรทัยเดินชนไหล่อเนกเข้ามาในห้องกับบอยแล้วก็หันไปทางอเนก
“ฉันต้องการหย่า!!” อรทัยเชิดใส่
อเนกตกใจมาก อรทัยยิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่า
แป๊ะ เอมิกา และอรทัยหัวเราะร่วนด้วยความสะใจ
“สรุปว่าเค้าไม่ยอมหย่า”
อรทัยพยักหน้า “อือฮึ..แถมยังบอกด้วยนะว่าที่ผ่านมา ผมมันหน้ามืดตามัว ผมขอโทษ”
“ลองเค้าติดเบ็ดเราแล้วแบบนี้ เราต้องทรมานเค้าให้สุดๆไปเลยนะคะ”
“ต๊ายชะเอม เธอนี่ก็ซาดิสต์เหมือนกันนะ”
เอมิกา แป๊ะ อรทัยหัวเราะชอบใจ แล้วอรทัยก็หันไปทางเอมิกาพร้อมกับจับมือเธอ เอมิกาอึ้ง
“ขอบใจเธอมากนะชะเอม เธอเหมือนให้ชีวิตใหม่กับฉันอีกครั้ง”
อรทัยดึงเอมิกาเข้ามากอด เอมิกายิ้มด้วยความดีใจ แป๊ะมองทั้งสองด้วยความซาบซึ้ง
เอมิกาเดินออกมา พวกคุณยายกำลังเตรียมอาหารทำครัว
“คุณยายคะ” เอมิกาเรียก
พวกคุณยายหันไปมองเอมิกา
“พอมีเวลาซักแป๊บนึงมั๊ยคะ หนูมีเรื่องอยากถาม”
พวกคุณยายทำหน้าสงสัย เอมิกายิ้ม
เอมิการีบเอาไอแพดออกมานั่งพิมพ์ขณะที่นั่งอยู่บนโถส้วม
“อรทัย...ผู้หญิงที่สิ้นหวัง ให้ความสำคัญกับชีวิตคู่แบบผิดๆ คิดว่าความรักคือการครอบครอง และบังคับให้คนที่เรารักเป็นไปตามที่เราต้องการ จนทำให้ชีวิตคู่เกือบพัง แต่สำหรับการเป็นนายจ้าง คุณอรทัยกลับเป็นเจ้านายที่ดี ใจกว้าง ให้ความช่วยเหลือ และใส่ใจกับคนใช้ทุกคน ไม่ได้ใช้แรงงานคนแก่ อย่างที่เราเห็น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณยายถึงยังรับใช้คุณอรทัยมาจนถึงทุกวันนี้”
เอมิกาพิมพ์เสร็จแล้วก็ยิ้ม ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เสียงบรรจงดังเข้ามา “ใครอยู่ในนั้น!!”
เอมิกาตกใจ เธอรีบปิดไอแพดแต่ไม่มีที่ซ่อน เอมิกาคิดว่าจะทำยังไงดี
เอมิกาตอบออกไป “ฉันเอง”
“เสร็จเหรอยัง ฉันจะใช้ห้องน้ำ” บรรจงถาม
เอมิกาครุ่นคิด เธอมองไอแพดว่าจะเอายังไงดี
เอมิกาเปิดประตูออกมา เธอซ่อนไอแพดไว้ในเสื้อ บรรจงค้อนตาแทบกลับ
“รีบออกมาสิ ยืนเฉยอยู่ทำไม!” บรรจงว่า
เอมิการีบเดินออกมา ในเสื้อเอมิกาเห็นชัดว่ามีอะไรตุงๆ บรรจงกำลังจะเข้าไปในห้องน้ำ เอมิกาคิดว่ารอด แต่อยู่ดีๆ บรรจงก็หยุดเดินหันมา “เดี๋ยว!!”
เอมิกาหน้าซีดเพราะคิดในใจว่าซวยแล้ว แต่แล้วก็ทำใจดีสู้เสือก่อนจะหันไป
“แกนึกว่าบ้านนี้มีโรงงานผลิตน้ำใช้เองเหรอไง ใช้น้ำเสร็จ ก็ปิดด้วยสิยะ” บรรจงว่า
เอมิกาเหวอเมื่อเห็นว่าก๊อกน้ำไม่ได้ปิด แล้วบรรจงก็ปิดประตูใส่ดังปัง เอมิกาโล่งอกสุดๆ
นากกำลังเอาอาหารมาวางบนถาด เอมิกาเดินเข้ามาเห็น
“จะเอาไปให้บ้านคุณศรีโพยมเหรอพี่นาก” เอมิกาถาม
“จ๊ะ” นากตอบ
“ฉันช่วยนะ”
เอมิกาช่วยยกจานมาวางบนถาด แล้วนากก็รู้สึกปวดท้องอึขึ้นมากระทันหัน
“น้องชะเอม..” นากเรียก เอมิกาหันไป “ช่วยเอาอาหารไปให้คุณนายทีนะ ข้าศึกประชิดด่านจะแตกแล้ว
นากพูดจบก็รีบวิ่งออกไป เอมิกายิ้ม
เอมิกาเอาอาหารมาวางบนโต๊ะ กิจจานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะและกำลังนั่งกินข้าวโดยไม่สนใจใคร เอมิกาหันไปเห็นศรีโพยมจ้องอยู่นานก็แปลกใจ แล้วเธอก็นึกขึ้นมาได้ คำพูดของนากย้อนมาในหัว
“คุณหญิงแกเป็นอัลไซเมอร์ จำได้แต่เรื่องเก่าๆ เรื่องใหม่ๆจำได้แป๊บเดียวก็ลืม”
เอมิกาจึงรีบแนะนำตัว
“หนูชื่อ ชะเอม เป็นคนใช้คนใหม่บ้านคุณชื่นค่ะ”
ศรีโพยมมองซักพักแล้วก็ก้มหน้ากินข้าวต่อก่อนจะพ่นข้าวออกมาใส่จาน เอมิกาตกใจ กิจจาหัวเสีย
“คุณศรี คุณทำอะไรของคุณ!! ไม่เห็นเหรอว่าผมทานอยู่” กิจจาถาม
“ข้าวคนหรือข้าวหมา รสชาติไม่เป็นสัปปะรด” ศรีโพยมว่า
“มันจะเป็นสัปปะรดได้ยังไง ก็มันไม่ใช่สัปปะรด”
“คุณกิจจา คุณอย่ามายอกย้อนฉัน ฉันคุยกับนังถั่วฝักยาว ไม่ใช่คุณ”
กิจจาส่ายหัวแล้วก็กินกินกินต่อ
“หนูชื่อชะเอมค่ะ ไม่ใช่ถั่วฝักยาว”
ศรีโพยมเหวี่ยง “นังถั่วฝักยาวเอาอาหารไปทิ้งให้หมด”
เอมิกาตกใจ “ชะเอมค่ะ”
“ถั่วฝักยาว” ศรีโพยมพูด
เอมิกาถอดใจ “ถั่วฝักยาวก็ได้ค่ะ แล้วคุณนายจะให้หนูทิ้งทำไมคะ น่าเสียดาย ของอร่อยทั้งนั้น”
“แต่ฉันไม่อร่อย..ไม่อยากกิน” ศรีโพยมเริ่มโวยวายและงอแง “ฉันอยากกินพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ สปาเก็ตตี้ สุกี้ ชาบู หมูย่างเกาหลี”
“ของที่คุณอยากทาน มันไม่มีค่ะ” เอมิกาบอก
“ฉันไม่สน ฉันอยากกินก็ต้องได้กิน”
กิจจารีบบอก “คุณศรี!! เงียบซักที”
“ฉันไม่เงียบ จนกว่าจะได้กินของที่ฉันต้องการ!”
กิจจาหงุดหงิด “หมดอารมณ์กินแล้ว”
กิจจาลุกเดินออกไปทันที เอมิกาหันไปมองศรีโพยมที่กำลังยืนตาเขียวปั๊ด
“เธอต้องพาฉันออกไปกินข้างนอก ฉันเบื่อบ้านจะแย่อยู่แล้ว วันๆได้แต่กินๆนอนๆ ไม่เคยออกไปเห็นแสงสี ฉันว้าเหว่ ฉันเหงา”
ศรีโพยมแบะปากแล้วก้มหน้าเหมือนจะร้องไห้ เอมิกามองศรีโพยมด้วยความเห็นใจ
“คุณนาย...” เอมิกาจะพูดปลอบใจ
ศรีโพยมเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าดุ “ถ้าเธอไม่ทำตามที่ฉันบอก ฉันจะฟ้องแม่ชื่นว่าเธอรังแกฉัน แม่ชื่นจะได้ไล่เธอออก!”
เอมิกาตกใจ “อ้าว!! ไหงเป็นงี้ล่ะคะ เมื่อกี๊ยังเศร้าอยู่เลย” ศรีโพยมจ้องหน้า “ตกลงค่ะตกลง ฉันพาคุณไปกินข้างนอกก็ได้”
ศรีโพยมยิ้มออกมาทันที เอมิการู้สึกอยากจะบ้าตาย
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 6 (ต่อ)
เอมิกาหน้าเสียพร้อมกับบ่นพึมพำ
“คุณชื่น คุณอร คุณพี ไม่อยู่ แล้วจะพาคุณนายออกไปข้างนอกได้ยังไง?”
เอมิกาหันไปเจอศรีโพยมยืนอยู่ในระยะประชิดก็ตกใจ
“คุณนาย! หนูตกใจหมด”
“เมื่อไหร่จะได้ไปซักที..ฉันหิว” ศรีโพยมบอก
“แป๊บนึงนะคะ ไม่มีใครอยู่บ้านเลย”
เอมิกาชะโงกหน้ามองที่ไปบ้านแป๊ะกับบ้านอรทัยจากทางหน้าต่าง
“คุณแป๊ะ คุณอรทัยก็ไม่อยู่”
ระหว่างนั้นบรรจงก็เดินออกมาพอเห็นศรีโพยมบรรจงก็ตกใจมาก
“ชะเอม” บรรจงเรียก เอมิกาหันไป “เธอพาคุณนายเข้ามาบ้านนี้ทำไม?!”
เอมิกามองบรรจงด้วยสีหน้าไม่ดี
เวลาผ่านไป บรรจงรู้เรื่องทั้งหมดจากเอมิกา
“คุณนายให้เธอพาออกไปทานข้าวข้างนอก” บรรจงพูดทวน
เอมิกาตอบรับ “อือ...”
บรรจงหันไปมองศรีโพยมแล้วก็หรี่ตาอย่างร้ายกาจเพราะนึกอะไรออก
“ฉันจะโทรเรียกแท๊กซี่ให้” บรรจงบอก
“แล้วไม่ต้องบอกคุณๆเค้าก่อนเหรอ?” เอมิกาถาม
“ฉันจะบอกให้เอง” บรรจงว่า เอมิกามองอย่างไม่ไว้ใจ “ไม่เชื่อใจฉันเหรอ”
“ใช่”
บรรจงสะดุ้งไปนิดนึง “อ่ะถ้าอย่างนั้นฉันโทรบอกให้ตอนนี้เลยก็ได้”
บรรจงทำเป็นกดมือถือ
“คุณชื่นขา จงนะคะ ชะเอมจะขออนุญาตพาคุณนายออกไปทานข้าวข้างนอกค่ะ” บรรจงนิ่งฟัง “ค่ะ สวัสดีค่ะ” บรรจงทำเป็นวางสายแล้วหันมาทางเอมิกา “คุณชื่นอนุญาต แล้วก็บอกให้เธอออกเงินไปก่อน แล้วค่อยเอาบิลมาเบิก”
เอมิกาพยักหน้าโดยไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่บรรจงลอบทำหน้าร้าย
บรรจงหัวเราะด้วยความสะใจ
“ครั้งนี้แกโดนไล่ออกแน่นังชะเอม ฮึๆๆ”
บรรจงหันไปเห็นนากเดินออกมาจากห้องน้ำก็รีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“จง..น้องชะเอมกลับจากบ้านคุณนายเหรอยัง” นากถาม
“ไม่รู้ ไม่เห็น”
บรรจงเชิดใส่แล้วเดินออกไป นากยืนงง
ศรีโพยมเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจมากก่อนจะหันมายิ้มให้เอมิกา แล้วก็เดินเข้ามาจับมือเอมิกา
“เร็วเข้านังถั่วฝักยาว”
เอมิกาถอนหายใจ ศรีโพยมพาเอมิกาเดินเข้าไป เอมิกาเห็นศรีโพยมมีความสุขก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เอมิกากับศรีโพยมเดินออกมาด้วยกันจากร้านอาหาร ศรีโพยมเรอเสียงดัง
“เอิ๊กกก!!” เอมิกาผงะ ศรีโพยมรีบปิดปากแล้วบอก “ขอโทษ”
เอมิกายิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ คุณนายเล่นทานพิซซ่าไปตั้งหนึ่งถาด”
“ไปกินไอติมกัน”
“นี่ยังกินได้อีกเหรอคะเนี่ย”
“ได้สิ..กินได้...”
ศรีโพยมจับแขนเอมิกาแล้วพาเดินไปตามทาง
ศรีโพยมรับไอติมจากพนักงานมาสองโคน เธอส่งโคนหนึ่งให้เอมิกา
เอมิกาแปลกใจ “ให้ฉันเหรอคะ”
“ใช่..ตอบแทนที่เธอพาฉันออกมาทานข้าวนอกบ้าน”
ศรีโพยมยิ้มแล้วก็เดินถือไอติมออกไป เอมิกากำลังจะเดินตามแต่พนักงานเรียกเอาไว้
“คุณคะ..ยังไมได้จ่ายตังค์ค่ะ”
เอมิกาเหวอแล้วก็ยิ้มพร้อมกับส่ายหัวก่อนจะหันมาหยิบเงินจ่ายให้กับพนักงาน
เอมิกาเดินออกมาจากร้านไอติมแล้วก็ตกใจเพราะศรีโพยมหายไปแล้ว
เอมิกาหน้าเสีย “คุณนายหายไปไหน? หลงกันแบบนี้ แล้วถ้าคุณนายจำทางกลับบ้านเองไม่ได้ขึ้นมา เราต้องตายแน่ๆ???”
เอมิกาหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นศรีโพยม เอมิกาหน้าเสียมาก เธอทำไอติมร่วงลงพื้น เอมิกาตัดสินใจเดินไปอีกทาง ในขณะที่ศรีโพยมเดินออกมาจากร้านๆหนึ่งทางด้านหลังเอมิกา
เอมิกาเดินมาตามทางด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อยพลางมองหาศรีโพยมไปด้วย
“คุณนาย..คุณหายไปไหนของคุณ!!” เอมิกากังวลใจ “นี่ถ้าคุณชื่นรู้เข้า มีหวังโดนไล่ออกแน่” เอมิกาคิด” ทำไงดี..” เอมิกาหยุดเดินเพราะนึกออก “คุณแป๊ะ”
เอมิการีบกดโทรออกไปหาแป๊ะ แต่ปลายสายปิดเครื่อง
เอมิกาหน้าเสีย “ปิดเครื่อง” เอมิกาคิดต่อ “คุณอรทัย”
เอมิกากดโทรหาอรทัยแล้วก็ติด เอมิกาดีใจมาก อรทัยรับสาย
“คุณอรทัย..” เอมิกายังไม่ทันพูดอะไรอรทัยก็รีบตัดบท
“ชะเอมฉันยังคุยไม่ได้ กำลังจะเข้าคลาสโยคะ แค่นี้นะ”
อรทัยวางสายทันที เอมิกาโทรกลับไปอีกทีก็ไม่ติดแล้ว เอมิกาเครียดสุดๆ
“ซวยแล้วไงเอมิกา..ซวยซวยซวย!!” เอมิกาเดินไปเดินมาแล้วก็นึกออกอีก “ตัวช่วยสุดท้าย”
เอมิกากดโทรออกทันที
วเรศรีบเดินมาหาเอมิกาที่นั่งรออยู่ที่ม้านั่ง เอมิกาหน้าเครียดสุดๆ
“คุณตั้ม! ฉันให้เจ้าหน้าที่เค้าประกาศหาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววคุณนาย” เอมิกาน้ำตาคลอ “ถ้าเกิดคุณนายเป็นอะไรขึ้นมา ฉันคงรู้สึกผิดไปจนชั่วชีวิต”
เอมิกากำลังจะร้องไห้
“อย่าเพิ่งร้องไห้ชะเอม” วเรศบอก เอมิกาแทบจะหยุดร้องไห้ไม่ทัน “แล้วก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย คิดอะไรที่มันยังไม่ทันเกิดขึ้น เธอต้องมีสติ ไม่อย่างนั้นเธอจะคิดหาทางแก้ปัญหาไม่ได้” เอมิกาอึ้งกับความเป็นผู้นำของวเรศ “คุณยายเป็นคนรักสวยรักงาม เพราะฉะนั้นฉันว่าคุณยายอาจจะไปที่แผนกขายเสื้อผ้า หรือไม่ก็แผนกขายเครื่องสำอางค์”
เอมิกาพยักหน้าเห็นด้วย แล้วทั้งสองก็รีบเดินออกไป
บรรจงชะเง้อคอยาวรอชื่นฤทัย ระหว่างนั้นนากเดินออกมาเห็นก็แปลกใจ
“จง..” นากเรียก บรรจงสะดุ้งแล้วหันไป “แกมองอะไร?”
“ฉันมารอเปิดประตูให้คุณชื่น” บรรจงบอก
“รอ?” นากทวนคำ บรรจงมีพิรุธ นากสงสัย ไฉันว่าแกไม่ได้มารอเปิดประตูหรอก คิดจะทำอะไร?!”
บรรจงกอดอกแล้วเชิดใส่ “ฉันก็จะฟ้องคุณชื่นน่ะสิว่านังชะเอมมันพาคุณนายศรีโพยมออกไปข้างนอก”
นากตกใจ “ห๊ะ!!!”
บรรจงเดินจ้ำออกไป นากหันไปมองตามด้วยความตกตะลึง
เอมิกากับวเรศเดินอยู่ในแผนกเสื้อผ้าผู้หญิง ทั้งสองสอดส่ายสายตามองหาศรีโพยมแต่ก็ไม่เห็น เอมิกากับวเรศเดินแยกกันหา พลันเสียงมือถือเอมิกาก็ดังขึ้น เอมิกาหยิบออกมากดรับสาย
“จ๊ะพี่นาก..” เอมิกาฟัง “ใช่จ๊ะ” เอมิกาฟัง “แล้วตอนนี้คุณนายก็หายตัวไป พี่นากต้องช่วยฉันนะ อย่าให้คุณชื่นรู้เด็ดขาด ตอนนี้ฉันกับคุณตั้มกำลังช่วยกันตามหา”
เอมิกาเห็นคนลักษณะเหมือนศรีโพยมยืนหันหลังอยู่ก็ตกใจ
“แค่นี้ก่อนนะพี่นาก”
เอมิการีบวางสายหันมาทางวเรศ
“คุณตั้ม! ฉันเจอคุณนายแล้ว”
วเรศกับเอมิการีบเดินไป
เอมิกาจับไหล่คนที่เธอคิดว่าเป็นศรีโพยม
“คุณนาย..”
พอหญิงคนนั้นหันมากลับไม่ใช่ เอมิการีบปล่อยมือ
“ขอโทษค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นงงๆแล้วก็รีบเดินออกไป เอมิกาหันไปทางวเรศแล้วส่ายหัว
“ไม่เป็นไร รีบไปหากันต่อ” วเรศบอก
ผู้หญิงรอบๆ พากันมองวเรศ วเรศแปลกใจว่ามองอะไร สักพักวเรศถึงรู้ตัวว่ากำลังยืนอยู่ที่แผนกชุดชั้นในสตรี วเรศหน้าแดงซ่าน
“เออ...ฉันออกไปก่อนนะ”
วเรศเขินมาก เขารีบเดินจนสะดุดทำให้มือไปคว้าราวยกทรงที่แขวนอยู่จนยกทรงติดมือออกมา วเรศตกใจมากเขารีบแขวนไว้ที่เดิมแล้วจ้ำเดินออกไปทันที เอมิกามองแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้แม้จะยังกังวลเรื่องศรีโพยมอยู่
ชื่นฤทัยเดินเข้ามาในบ้าน
“นาก...” ชื่นฤทัยเรียก
นากรีบวิ่งออกมา
“เอาน้ำเย็นๆมาให้ฉันแก้ว ข้างนอกร้อนมาก”
“ฮะ”
นากกำลังจะเดินเข้าไปแต่บรรจงเดินออกมา นากผงะและระแวงทันที บรรจงกำลังจะเดินเข้ามาหาชื่นฤทัยที่กำลังกดรีโมทเปิดทีวีเลยไม่ได้หันมาสนใจมองด้านหลัง
นากเรียกเสียงเบา “นังจง..” นากจับแขนบรรจง บรรจงหันมา “ไม่ต้องสาระแนไปฟ้องคุณชื่นเลยนะ”
บรรจงพูดเสียงเบา “ฉันจะฟ้อง พี่จะทำไม?!! ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ปล่อย!”
ชื่นฤทัยเปิดทีวีเสียงดังเลยไม่ได้ยินนากกับบรรจงที่เถียงกันอยู่ด้านหลัง
“ฉันบอกให้ปล่อย!”
“ไม่มีทาง!!”
นากจับแขนบรรจงแน่น บรรจงจิกผมนาก นากตกใจ
“นังจง! เดี๋ยวนี้แกกล้าทำแบบนี้กับฉันเหรอ?!”
“เออ”
นากไม่ยอมจึงจิกผมบรรจง ทั้งสองดึงผมกันไปมาแบบไม่มีเสียง ชื่นฤทัยรู้สึกว่านากไปนาน เลยหันไปพอเห็นนากกับบรรจงก็ผงะ
“ทำอะไรกัน!”
นากกับบรรจงชะงักค้างอยู่ในท่าจิกผม แล้วทั้งสองก็รีบปล่อยออกจากกัน
“เราแหย่กันเล่นๆน่ะฮะ” นากบอก
“แหย่กันเสร็จเหรอยัง ถ้าเสร็จก็รีบไปเอาน้ำมาให้ฉันได้แล้ว” ชื่นฤทัยบอก
“ฮะ..”
“คุณชื่น..” บรรจงจะฟ้อง นากรีบตบปากบรรจง บรรจงร้องลั่น
“โอ๊ย!!” บรรจงหันไปมองนากตาเขียว
“ยุงกัดปากแก..อุ๊ย!! บวมตุ่ยเลย รีบไปทายาเร็ว”
นากหันไปยิ้มแหยให้ชื่นฤทัยแล้วปิดปากบรรจงก่อนจะลากออกไป บรรจงได้แต่ร้องอู้อี้ๆ ชื่นฤทัยงงมาก
นากปิดปากและลากบรรจงออกมา บรรจงกัดมือนาก นากร้องลั่นและรีบปล่อยมือ
“อ๊าก!! นังจง! คนหรือหมาวะ กัดโคตรเจ็บเลย” นากว่า
“พี่นั่นแหละหมา..หมาลอบกัด!” บรรจงด่ากลับ
“ใครกันแน่ที่ลอบกัด ตอนนี้น้องชะเอมกับคุณตั้มกำลังตามตัวคุณนายอยู่” นากนึกได้ว่าหลุดปากก็รีบปิดปากตัวเอง
บรรจงผงะ “ตามหาคุณนาย?”
นากรีบแก้ตัว “หมายถึง..กำลังเดินตามคุณนายแล้วก็พาคุณนายกลับมาบ้าน”
“ไม่ต้องโกหก คุณนายหายตัวไปใช่มั๊ย” นากพูดไม่ออก บรรจงทำหน้าสะใจ “คราวนี้นังชะเอมตายแน่!”
บรรจงจะเดินออกไปหาชื่นฤทัย นากคิดหาทางแล้วก็ตัดสินใจรวบตัวบรรจงเอาไว้
“พี่นากจะทำอะไร?!! ปล่อยฉัน!!”
สมพิศเข้ามาเห็นนากกับบรรจงก็แปลกใจ
“พวกเอ็งเล่นอะไรกัน?!!”
“ป้าอย่าเพิ่งถาม มาช่วยฉันก่อน เร็วสิป้า!” นากบอก
“อย่านะป้าพิศ”
“ถ้าป้าช่วยฉัน ฉันยกหนี้ให้สองงวดเลยเอ้า”
สมพิศตาโตและรีบเข้ามาช่วยนากลากบรรจงออกไป
“อ๊ายยย!!”
นากรีบเอากุญมาคล้องประตูห้องน้ำ เสียงบรรจงโวยวายดังลั่นออกมาจากด้านใน
“ปล่อยฉันออกไปนะ ปล่อยฉัน!!”
นากโล่งอก แล้วหันไปทางสมพิศ
“เล่ามาให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?!!” สมพิศบอก
นากหน้าเสีย
ชื่นฤทัยเริ่มหัวเสีย
“ทำไมนังนากมันไปเอาน้ำนานขนาดนี้?!!”
ชื่นฤทัยโมโหแล้วก็ลุกเดินออกไป
สมพิศรู้เรื่องจากนากก็แทบช็อค
“เวรกรรม แล้วถ้าเกิดนังชะเอมมันหาตัวคุณนายไม่เจอ จะทำยังไง?”
“ฉันก็ไม่รู้” นากบอก
“ข้าว่าต้องบอกคุณนายก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้”
นากหน้าเสียแล้วครุ่นคิดตามที่สมพิศบอก
ชื่นฤทัยเดินมาที่เรือนคนใช้
“หายหัวไปไหนกันหมด”
เสียงบรรจงโวยวายดังออกมา
“ปล่อยฉันออกไปนะพี่นาก..ป้าพิศ”
ชื่นฤทัยแปลกใจมาก เธอเดินไปที่หน้าห้องน้ำก็เห็นกุญแจคล้องประตูเอาไว้
“นั่นบรรจงเหรอ?” ชื่นฤทัยถาม
บรรจงผงะ
“คุณชื่นเหรอคะ” บรรจงถาม
“ใช่ ฉันเอง ใครขังแกเอาไว้ในนั้น” ชื่นฤทัยถาม
บรรจงยิ้มแฉ่งออกมาทันที
นากยังยืนอยู่กับสมพิศ
“ฉันขอโทรถามความคืบหน้าจากน้องชะเอมอีกทีนะป้า บางทีน้องชะเอมอาจจะเจอคุณนายแล้วก็ได้”
สมพิศพยักหน้า แล้วนากก็นึกออก
“เฮ้ย! ตายล่ะ ฉันลืมเอาน้ำไปให้คุณชื่น”
นากกับสมพิศออกมาจากห้องแล้วก็หยุดเพราะตกตะลึง เนื่องจากเห็นชื่นฤทัยยืนอยู่หน้าห้องน้ำ
“เปิดประตูให้บรรจงออกมาเดี๋ยวนี้!” ชื่นฤทัยสั่ง
นากหน้าเสีย สมพิศอึ้ง
บรรจงทำเป็นร้องไห้ฟูมฟายแทบเท้าชื่นฤทัย นากกับสมพิศนั่งอยู่ด้วย
“จงจะบอกคุณชื่นตั้งแต่คุณชื่นกลับมาถึงบ้าน แต่พี่นากห้ามไม่ให้จงบอกค่ะ” บรรจงสะอื้น
นากมองบรรจงอย่างไม่พอใจที่บรรจงตอแหล
“จงเป็นห่วงคุณนายม๊ากมาก ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง”
ชื่นฤทัยโมโหมาก “นาก..!” นากสะดุ้ง “ต่อสายหาชะเอม”
นากหน้าซีดสุดๆ ส่วนบรรจงลอบยิ้มสะใจ
เสียงมือถือของเอมิกาดังขึ้น เอมิกาหยุดเดินแล้วหยิบมือถือออกมากดรับ วเรศหันไปมอง
“จ๊ะพี่นาก” เอมิกาตกใจมาก “คุณชื่น!!”
วเรศอึ้ง เอมิกามองวเรศด้วยสีหน้าแย่สุดๆ เสียงชื่นฤทัยแว๊ดออกมาจากมือถือจนเอมิกาต้องยกมือถือออกห่างจากหู
“ฉันขอโทษค่ะ ฉันอยู่ที่..” เอมิกาบอกชื่นฤทัย
เอมิกากดวางสายแล้วหันไปทางวเรศ
“คุณชื่นกำลังจะมาที่นี่ ชีวิตฉันจบแล้ว” เอมิกาถอนหายใจ
วเรศคิด “เอาอย่างนี้ เธอพาฉันกลับไปตรงที่ที่คุณยายหายตัวไปสิ”
เอมิกามองหน้าวเรศ
เอมิกาพาวเรศเดินกลับมายังจุดที่ศรีโพยมหายตัวไป ทั้งสองพบศรีโพยมนั่งรออยู่ที่หน้าร้าน เอมิกากับวเรศดีใจสุดๆ ศรีโพยมหันไปเห็นเอมิกาก็ลุกขึ้นยืนแล้วทำหน้างอ
“นังถั่วฝักยาว หล่อนหายไปไหนมา!”
เอมิกาวิ่งเข้าไปกอดศรีโพยม “คุณนาย!!”
วเรศเดินตามมา ศรีโพยมแปลกใจจึงเอ่ยถาม
“เอ้า!! ร้องไห้ทำไม?!”
เอมิกาผละออกมาจากศรีโพยม
“ไอติมฉันหมดแล้ว ฉันอยากกินอีก รีบไปซื้อมาให้ฉัน” ศรีโพยมบอก
“ค่ะ...” เอมิกาหันไปทางวเรศ “คุณตั้ม..ฝากดูคุณนายด้วยนะคะ”
วเรศพยักหน้า “ฉันจะโทรบอกคุณอาชื่นว่าเราจะพาคุณยายกลับบ้าน”
เอมิกายิ้มทั้งน้ำตาแล้วเธอก็รีบเข้าไปในร้านไอติม วเรศถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เวลาผ่านไป เอมิกานั่งก้มหน้างุดอยู่ที่พื้น นาก บรรจง และสมพิศนั่งอยู่ด้วย บรรจงมองเอมิกาด้วยแววตาสมน้ำหน้า วเรศ ชื่นฤทัย และศรีโพยมนั่งอยู่บนโซฟา
“ความผิดของเธอในครั้งนี้มันมหันต์นักชะเอม” ชื่นฤทัยบอก “พาคุณแม่ฉันออกไปข้างนอก แล้วยังถือวิสาสะไปรบกวนหลานตั้มอีก เค้าเป็นญาติเธอเหรอไง ถึงได้ไม่มีความเกรงใจ”
เอมิกาจ๋อย นากกับสมพิศมองด้วยความเห็นใจ ส่วนบรรจงมองอย่างสะใจ
“ไม่เป็นไรครับคุณอา คุณยายก็ถือเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือ เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ ผมก็ต้องช่วย ชะเอมเค้าทำถูกแล้ว” วเรศบอก
เอมิกามองวเรศด้วยความซาบซึ้งแล้วเธอก็หันไปทางชื่นฤทัย
“ขอฉันพูดอะไรหน่อยจะได้มั๊ยคะ”
“ว่ามา”
“ก่อนที่ฉันจะพาคุณนายออกไป ฉันพาคุณนายมาที่นี่ เพราะจะมาขออนุญาตคุณ”
บรรจงผงะแล้วหุบยิ้มแทบไม่ทัน เพราะรู้ว่าเอมิกาจะพูดอะไร
เอมิกาพูดต่อ “แต่ฉันเจอบรรจง”
บรรจงหน้าถอดสี “โอ๊ย..ปวดหัวกะทันหัน”
นากกระซิบพร้อมจับแขนบรรจงแน่น “ไม่ต้องมาสตอเบอรี่เลยนังจง!!”
“บรรจงโทรหาคุณชื่นบอกว่าคุณชื่นอนุญาตให้ฉันพาคุณนายออกไปได้” เอมิกาบอก
บรรจงเหวอ ชื่นฤทัยหันไปถามบรรจง
“เธอโทรหาฉันตอนไหนบรรจง ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”
เอมิกาและทุกคนหันไปมองบรรจง บรรจงสีหน้าแย่สุดๆ แล้วก็แกล้งหน้ามืดหมดสติไปทันที ทุกคนตกใจ
“น่าน...เป็นลมไปซะงั้น ไม่เป็นไรฮะคุณนาย รอมันฟื้นแล้วค่อยซักมันต่อก็ได้” นากว่า
บรรจงทำนิ่งไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวความผิด
ชื่นฤทัยประคองศรีโพยมเดินออกมาพร้อมกับเอมิกาและวเรศ
“เดี๋ยวชื่นไปส่งคุณแม่ที่บ้านนะคะ”
ศรีโพยมหันไปทางเอมิกา
“นังถั่วฝักยาว” ทุกคนชะงักกับชื่อที่ศรีโพยมเรียกเอมิกา “วันหลังพาฉันออกไปเที่ยวอีกนะ ลูกๆฉันเค้าไม่ว่าง เค้าต้องทำงาน ก็เลยไม่มีเวลาพาฉันออกไปไหน”
ชื่นฤทัยอึ้งเพราะรู้สึกผิด เอมิกากับวเรศมองศรีโพยมด้วยความเห็นใจ เอมิกายังไม่ทันตอบชื่นฤทัยก็พูดขึ้น
“คุณแม่คะ” ชื่นฤทัยยิ้ม “ต่อไปนี้ถ้าคุณแม่อยากออกไปข้างนอก บอกชื่นนะคะ ชื่นจะพาคุณแม่ออกไปเอง ชื่นขอโทษที่ชื่นละเลยในการดูแลคุณแม่” ชื่นฤทัยหันไปพูดกับเอมิกา “ชะเอมถ้าวันหลังจะพาคุณแม่ชั้นออกไป ก็มาบอกชั้นให้เป็นเรื่องเป็นราว ชั้นจะได้ไปด้วย เข้าใจมั้ย”
เอมิกายิ้มอย่างโล่งใจ “ค่ะ”
ชื่นฤทัยยิ้มแล้วก็ประคองศรีโพยมเดินออกไป เอมิกาถอนหายใจออกมาแล้วก็หันไปทางวเรศ
“สบายใจแล้วนะถั่วฝักยาว” วเรศทัก
“คุณตั้ม!” เอมิกาเขิน วเรศยิ้ม “ชื่อนี้ฉันให้คุณนายเรียกได้คนเดียวค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณมาช่วย ฉันตายแน่”
เอมิกาพูดแล้วน้ำตาก็คลอเบ้า
“เรื่องมันจบแล้ว ยังจะร้องไห้ทำไมอีก” วเรศถาม
“ก็มันซึ้ง” เอมิกาบอก
วเรศยิ้มน้อยๆออกมา เอมิการ้องไห้ วเรศหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นให้เอมิกา
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เอมิกายกแขนเสื้อจะขึ้นมาเช็ดน้ำตา วเรศเลยยื่นผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดให้ เอมิกาผงะ
“รับไป...แล้วค่อยซักมาคืนให้ฉัน”
เอมิการับผ้าเช็ดหน้าวเรศมา แล้ววเรศก็เดินออกไป เอมิกาหันไปมองตามวเรศ เธอก้มมองผ้าเช็ดหน้าในมือแล้วก็รู้สึกดีอย่างประหลาด
ปองเทพยกอาหารมาเสิร์ฟแป๊ะ แป๊ะหันไปทางปองเทพด้วยหน้าตาอยากเม้าท์มอยมาก
“เมื่อกี๊ฉันเข้าไปบ้านพี่ชื่น ได้ยินพวกคนใช้มันเม้าท์กัน ว่าชะเอมทำวีรกรรมเอาไว้จนเกือบโดนพี่ชื่นไล่ออก”
ปองเทพตกใจ “เหรอครับ??!”
ปองเทพมองแป๊ะด้วยความสงสัย
เอมิกาเดินออกมาจากห้องน้ำ ทันใดนั้นมีมือใครบางคนมาจับแขนเอมิกาแล้วดึงเข้าไปหลบมุม เอมิกาตกใจมากและกำลังจะหันไปต่อย แต่ก็เห็นว่าเป็นปองเทพ
“ป่อง..”
ปองเทพรีบพูด “เรารู้ว่าเราไม่ควรมาหาเอมที่นี่ แต่เราร้อนใจ เรารู้เรื่องเอมจากคุณแป๊ะ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเอมไม่บอกให้เราไปช่วย”
“ตอนนั้นมันตกใจมาก ก็เลยคิดอะไรไม่ออก”
“คิดอะไรไม่ออก แต่โทรบอกให้คุณตั้มไปช่วยเนี่ยนะ” ปองเทพมีแววตาน้อยใจ “พอมีปัญหา เอมกลับนึกถึงคนอื่น แทนที่จะเป็นเรา”
เอมิกาผงะ “ป่อง..เราว่าป่องคิดมากไปแล้ว”
“มันอดคิดไม่ได้หรอกเอม คุณตั้มทั้งหล่อทั้งรวย หน้าตาที่การงานก็มั่นคง เราเทียบไม่ติดซักนิด”
“เรากับเค้าเนี่ยนะ!! โอ๊ย..เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเค้าคิดว่าเราเป็นคนใช้”
“แต่เอมไม่ใช่คนใช้ ถ้าเกิดวันหนึ่งเค้ารู้ความจริงว่าเอมเป็นใคร เอมกับเค้าก็ดูเหมาะสมกันดี”
เอมิกาอึ้ง “ไปกันใหญ่แล้ว ยังไงเรากับเค้าก็ไม่มีทางเป็นไปได้ล้านเปอร์เซนต์” ปองเทพเงียบ “ป่องพูดแบบนี้ เหมือนป่องไม่ไว้ใจเราเลย”
ปองเทพหน้าเสีย “เรา...เราขอโทษ เราหวงเอม ก็เลยพูดแบบนี้ออกไป ถ้าเอมว่าไม่มีอะไร เราก็จะเชื่อ เรากลับล่ะ”
เอมิกาพยักหน้า ปองเทพเดินออกไปแต่หน้าตาของเขาก็ยังดูไม่สบายใจ เอมิกาเองก็หน้าเครียด
ที่เรือนคนใช้ นากนอนหลับไปแล้ว เหลือแต่เอมิกาที่นั่งหน้าเครียดเพราะครุ่นคิดอย่างหนักกับคำพูดของปองเทพ
“พอมีปัญหา เอมกลับนึกถึงคนอื่น แทนที่จะเป็นเรา”
เอมิกาหยิบผ้าเช็ดหน้าของวเรศขึ้นมาดูด้วยสีหน้าและแววตาที่เริ่มสับสน
ณ บ้านชื่นฤทัยยาม เช้า เอมิกากำลังพับผ้าเช็ดหน้าของวเรศด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มและครุ่นคิด
เอมิกาพึมพำ “ต่อไปนี้เราต้องพยายามไม่เจอคุณตั้มอีก”
เอมิกาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น วเรศที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตาขึ้น แต่เขารู้สึกว่าเปลือกตาหนักมากจนแทบจะลืมตาไม่ไหว วเรศหันไปเอื้อมมือปิดนาฬิกาปลุกแล้วพยายามจะลุก แต่ก็หน้ามืดและเวียนหัวเหมือนจะเป็นไข้
พีรพลกำลังคุยโทรศัพท์มือถือกับวเรศ โดยที่มีชื่นฤทัย อรวิลาส และหนูอ้อยนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วย เอมิกากับนากคอยยืนรับใช้อยู่ข้างๆ
“ตั้มไม่สบาย?!” พีรพลทวนคำ
เอมิกากับนากผงะ เอมิกาเป็นห่วงวเรศขึ้นมาทันที
ชื่นฤทัยกับอรวิลาสหันไปมองพีรพล หนูอ้อยก็มองด้วยความสนใจ
“อาพาไปหาหมอเอามั๊ย” พีรพลนิ่งฟัง “งั้นก็ตามใจ ทานยาแล้วก็นอนพักซะ เรื่องที่กระทรวงไม่ต้องห่วง อาจัดการให้เอง”
พีรพลวางสาย เอมิกาอยากรู้มากว่าเกิดอะไรขึ้น
“หลานตั้มเป็นอะไรมากรึเปล่า?” ชื่นฤทัยถาม
“เป็นไข้...แต่ดื้อ ไม่ยอมไปหาหมอ บอกว่าจะทานยาเอง นี่เดี๋ยวผมต้องเข้าอีเมล์หลานตั้ม พริ้นต์งานออกมา แล้วเอาไปส่งที่กระทรวงฯให้”
ชื่นฤทัยคิดเล็กน้อย
“คุณไม่ต้องไปที่กระทรวงฯ ให้น้องอรไปแทน”
อรวิลาสตกใจ เธอหันขวับไปมองแม่
“อรเนี่ยนะคะคุณแม่?” อรวิลาสถามย้ำ
“อย่าเลยคุณ ตั้มเค้าวานให้ผมช่วย” พีรพลบอก
“งานง่ายๆแค่นี้ ให้น้องอรทำก็ได้” ชื่นฤทัยยืนยัน
พีรพลจะอ้าปากพูดต่อแต่ชื่นฤทัยรีบตัดบทด้วยการหันไปทางเอมิกา
“ชะเอม..เดี๋ยวเธอสั่งป้าพิศทำข้าวต้มให้หลานตั้ม” ชื่นฤทัยหันมาพูดกับอรวิาส “พอกลับจากกระทรวงลูกก็เอาข้าวต้มไปให้พี่เค้า แล้วก็อยู่ดูแลพี่เค้าซะนะลูกนะ”
อรวิลาสพูดไม่ออก ชื่นฤทัยหันไปทางพีรพล
“ส่วนคุณ..ขับรถให้ฉันกับหนูอ้อย เราจะไปชอปปิ้งกัน”
หนูอ้อยดีใจมาก “เย้!!!” หนูอ้อยหันมายิ้มให้ชื่นฤทัยด้วยความดีใจ
อรวิลาสไม่ยอม “อรอยากไปกับคุณแม่ด้วย”
“ไม่ได้..” ชื่นฤทัยจิกตาใส่ทำให้อรวิลาสไม่กล้าพูด “ชะเอม เดี๋ยวเธอไปเป็นเพื่อนคุณอร”
เอมิกาหันขวับไปมองชื่นฤทัยด้วยความตกใจ
สมพิศเอากระติกใส่ข้าวต้มให้เอมิกา นากก็ยืนอยู่บริเวณนั้นด้วย
“ข้าวต้มที่คุณชื่นสั่งให้ทำให้คุณตั้ม” สมพิศบอก
เอมิการับกระติกมาถือเอาไว้ด้วยสีหน้าลำบากใจจนนากสังเกตเห็น
“ทำไมน้องชะเอมทำหน้าอมทุกข์อย่างนี้ล่ะจ๊ะ”
เอมิกาอึ้ง “หน้าฉันมันฟ้องขนาดนี้เลยเหรอพี่นาก”
นากกับสมพิศพยักหน้าพร้อมกัน
“เอ็งเป็นอะไรรึเปล่าห๊ะ!” สมพิศถาม
เอมิกาฝืนยิ้ม “เปล่าจ๊ะ คงเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ฉันไปก่อนนะ”
เอมิกาเดินออกไป นากกับสมพิศมองตามด้วยความสงสัย
วเรศแปลกใจที่เห็นอรวิลาสมากับเอมิกาที่ถือกระติกข้าวต้มมาด้วย
“พอดีคุณอาพีต้องพาคุณแม่กับหนูอ้อยไปทำธุระด่วน”อรวิลาสบอก “อรก็เลยเป็นคนเอางานของพี่ตั้มไปยื่นที่กระทรวงฯให้ แล้วก็นี่” เอมิกายื่นกระติกข้าวต้มให้อรวิลาส “คุณแม่ฝากมาให้พี่ตั้ม อรวางไว้บนโต๊ะให้นะคะ”
อรวิลาสเดินไปวางกระติกข้าวต้มบนโต๊ะ
“ฝากบอกคุณอาชื่นว่าพี่ขอบคุณมาก” วเรศบอก
“ค่ะ แล้วนี่พี่ตั้มดีขึ้นเหรอยัง” อรวิลาสถาม
“ไข้ลดแล้ว แต่ก็ยังมึนๆอยู่”
“ถ้าอย่างนั้นอรจะอยู่เฝ้าพี่ตั้มเองค่ะ”
“ไม่เป็นไรอร พี่อยู่ได้”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณแม่สั่งอรเอาไว้ ให้ดูแลพี่ตั้มอย่างดีที่สุด ถ้าอรไม่ทำตามที่คุณแม่บอก อรถูกคุณแม่ดุแน่”
วเรศพูดไม่ออก เขาได้แต่มองอรวิลาสด้วยความเห็นใจ แล้วเขาก็หันไปเห็นว่าเอมิกามองเขาอยู่ด้วยความเป็นห่วง เอมิกาตกใจที่สบตาวเรศเลยรีบหันหน้าไปทางอื่น วเรศแปลกใจกับท่าทางของเอมิกา