ไฟมารตอนที่ 9
สรวงขับรถมาตามทางด้วยความกลัดกลุ้ม กดมือถือโทร.ออก เห็นเป็นชื่อของนายพลอารักษ์ผู้เป็นบิดา แต่อารักษ์ไม่ได้รับสาย
เวลาเดียวกันที่ชายทะเล กรรณนรีเดินทอดอารมณ์เหมือนคนอกหัก อารักษ์เดินตามคอยเอาอกเอาใจ ถามเสียงอ่อนโยนอย่างห่วงใย
“ไงจ๊ะหนู?...สบายใจขึ้นรึยัง”
กรรณนรีทอดเสียง แววตาออดอ้อน “คนโดนทิ้งจะให้สบายใจได้ยังไงล่ะคะ”
“ก็ฉันบอกแล้วไง...ว่าฉันจะทำให้หนูสบายใจ ต่อไป ฉันจะดูแลหนูเอง”
กรรณนรียิ้มให้ ก่อนจะเมินหน้าหนี “ผู้ชายพูดอย่างนี้ทุกคน”
“แต่ฉันเป็นคนพูดจริง แล้วก็ทำจริงๆ” อารักษ์บอกด้วยแววตากรุ้มกริ่ม
กรรณนรียิ้มชายตาให้ท่า “หนูไม่เชื่อท่านหรอกค่ะ” เดินหนีไปบริเวณริมทะเล
อารักษ์เดินแกมวิ่งตามติด “เชื่อฉันเถอะนะหนู...เชื่อฉันเถอะ”
กรรณนรีหัวเราะ ใส่จริต “หนูไม่เชื่อ” แล้ววิ่งหนี
“ฉันจะทำให้หนูเชื่อให้ได้”
อารักษ์วิ่งไล่ตามกรรณรี ท่าทางกระชุ่มกระชวยเหมือนกลับเป็นหนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง
ท่ามกลางแดดเปรี้ยง นิคกับมะยมเดินเล่นกันที่ชายทะเล
“สุดท้ายน้องฟ้ากับเสี่ยวินัย ก็หลบพวกเราอีกจนได้ สงสัยต้องเปลี่ยนสายงานแล้ว ตามข่าวไม่ได้เลยซักที” มะยมบ่น
“เรื่องแบบนี้ใครเค้าจะให้ตามจับได้ง่ายๆ ล่ะแก เอาน่าถือว่ามาเที่ยวแล้วกัน
แก” นิควิ่งลงทะเลไป “เฮ้! มาเล่นด้วยกันเร็วมะยม”
“ได้เล้ย” มะยมวิ่งลงทะเลไปเล่นกับนิค อย่างสนุกสนานเบิกบานใจ
กรรณนรีวิ่งหนีมา...อารักษ์วิ่งตาม แกล้งทำท่าเป็นลม
“โอ๊ย”
กรรณนรีตกใจจริงๆ “ท่าน” รีบวิ่งกลับมาดู เผลอจับแขน “ท่านเป็นยังไงคะ”
อารักษ์จับมือกรรณนรี พูดเสียงอ่อนโยน ทำตาเจ้าชู้ “หนูห่วงฉันด้วยเหรอจ๊ะ”
กรรณนรีรู้ว่าอารักษ์แกล้ง เผลอชักสีหน้า แล้วรีบปรับเป็นมีจริตดีดดิ้นดึงมือออก “ท่านแกล้งหนู”
“ไม่ได้แกล้ง แต่แค่รู้ว่าหนูห่วง...ฉันก็ดีขึ้นทันทีเลยจ้ะ หนูจ๊ะ”
กรรณนรีหลบตา แสร้งทำเป็นเอียงอาย “คะ”
“เป็นไปได้มั้ย...ที่หนูจะอยู่ คอยห่วงฉันตลอด”
“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะคะ? ในเมื่อท่านมีภรรยาอยู่แล้วตั้งสองคน แต่ละคนก็หวงท่านทั้งนั้น”
“ฉันจะจัดการเค้า ไม่ให้มายุ่งกับหนู”
“ท่านทำไม่ได้หรอกค่ะ นอกจากไม่มีเค้า”
“ฉันจะเลิกกับภาพิศอย่างเด็ดขาด”
แม้กรรณนรีจะทำทุกอย่างตามแผนแต่ก็อดตกใจเสียใจไม่ได้ กรรณนรีเผลอตัวยื่นคำขาดเสียงแข็ง
“ท่านต้องเลิกกับคุณหญิงสุดาด้วยค่ะ”
อารักษ์หน้าเจื่อน อ้ำอึ้ง นิ่งงันไปในทันที กรรณนรีมองจ้องหน้าจริงจัง
อีกฝั่ง มะยมกับนิคเห็นเหตุการณ์สองคนหยุดชะงัก เพ่งมอง ตะลึงงันไปตามกัน
กรรณนรีมองอารักษ์ อย่างไม่เชื่อใจ
“ท่านทำไม่ได้”
“ทำได้สิ..ทุกวันนี้ฉันก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับคุณหญิงสุดาแล้ว”
“แต่สิ่งที่หนูต้องการคือใบหย่า ถ้าท่านไม่มีใบหย่ามาให้หนูเห็น...หนูคงรับความหวังดีจากท่านไม่ได้ค่ะ”
กรรณนรีเดินหนี อารักษ์ร้องตะโกนเรียกไว้
“หนู....หนู โธ่เอ๊ยหนู” รีบตามไป
สายตาของมะยม และนิค เห็นท่าทีของกรรณนรีที่สะบัดสะบิ้ง โดยมีอารักษ์ตามงอนง้อเหมือนคนจีบกัน มะยมกับนิคมองหน้ากันเลิกลัก
“นิค...เราไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย” มะยมถาม
“หรือจะเป็นคนหน้าเหมือนไอ้กาว” นิคว่า
“เฮ้ย! ถ้าเหมือนขนาดนี้ฝาแฝดแล้ว ไหนจะท่านอารักษ์อีก... ฉันว่ากาวกับท่านอารักษ์ชัดๆ”
“ที่กาวลาออกจากงาน แล้วติดต่อไม่ได้...”
นิคพูดไม่ทันจบคำ มะยมสวนออกมาทันที “กาวมากับท่านอารักษ์”
สองนักข่าวหัวเห็ดมองหน้ากัน ต่างคนต่างตกใจมาก
ขณะที่กรรณนรีจะเดินเข้ารีสอร์ต อารักษ์ตามมา
“หนูจ๊ะ...”
“หนูจะไม่คุยเรื่องนี้กับท่าน จนกว่าท่านจะได้ใบหย่ามาให้หนูดู” กรรณนรียืนกราน
“ฉันเอามาให้หนูดูแน่ๆ แต่ตอนนี้...ฉันจะเลิกกับภาพิศให้หนูก่อนเลย”
กรรณนรีอึ้ง อารักษ์อ้อน
“นะหนูนะ..หนูให้โอกาสฉันนะ”
กรรณนรีตัดบท น้ำเสียงเย็นชา “หนูอยากอยู่คนเดียว”
อารักษ์ใจหล่นวูบ ร้องคราง “หนู”
กรรณนรีย้ำเสียงเย็นชากว่าเดิม “หนูขออยู่คนเดียวค่ะ”
อารักษ์นิ่งไม่กล้าตอแย “ได้จ้ะได้...”
อารักษ์เดินออกไปลับตัวแล้ว กรรณนรีทำท่าจะเปิดประตูบ้านพักเข้าไป
แต่ต้องชะงักเมื่อยินเสียงเครือสั่นของมะยมแทรกเข้ามา
“ฉันกับนิคก็หลงเป็นห่วง นึกว่าแกเป็นอะไรที่ไหนได้แกมาอยู่กับท่านอารักษ์”
นิคเองก็เสียใจและผิดหวังมาก “ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะเป็นคนแบบนี้กาว ไปมะยม” จับมือมะยมเดินไป
กรรณนรีร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ “นิค มะยม อย่าเพิ่งไป ฟังฉันก่อนๆ”
ก่อนจะรีบตามสองเพื่อนไป
มะยมเสียใจมากวิ่งร้องไห้ลงทะเลไป นิคตามมาฉุดเอาไว้
“อย่ามะยมอย่า”
มะยมสะบัดออก “ปล่อยนิค แกปล่อยฉัน ฉันอยากลืม ลืมว่ามีเพื่อนอย่างไอ้กาว”
มะยมตีน้ำทะเลด้วยความโมโห “ทำไมมันถึงเป็นคนแบบนี้ไปได้ ทำไม”
กรรณนรีวิ่งตามมาฉุดมะยมไว้ “ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิด นะมะยม”
มะยมผลักออกอย่างรังเกียจ “งั้นแกบอกฉันมาสิ..ว่ามันเป็นยังไง? แกถึงได้มากับสามีคนอื่น”
กรรณนรีอึ้ง ก่อนจะร้องไห้ออกมา “ฉันมีความจำเป็น”
มะยมจับต้องเสื้อ ผ้ากระโปรงของกรรณนรี “จำเป็นที่จะต้องใส่เสื้อผ้าแพงๆ แบบนี้เหรอ?” จับสร้อย นาฬิกา แหวนเครื่องประดับ “จำเป็นที่แกจะต้องมีของแพงๆแบบนี้เหรอกาว”
กรรณนรีอึ้ง มะยมผลักออกอย่างแรง จนล้มลงในน้ำ มะยมตามไปกระชากตัวขึ้นมา
“แกตอบฉันมาสิ ตอบฉันมา”
กรรณนรีเอาแต่ร้องไห้โฮๆ ส่ายหน้า มะยมยิ่งมองยิ่งโกรธ ยิ่งหมั่นไส้
“แกตอบไม่ได้..สุดท้ายแกก็ไม่พ้นกับพวกผู้หญิงราคาถูก ที่ซื้อได้ด้วยเงิน” มะยมเสียใจ กรีดเสียงร้องดัง เขย่าตัวกรรณนรี “ฉันเกลียดแกกาว ฉันเกลียดแก”
มะยมผลักกรรณนรีลงน้ำไปอีก แล้วจะตามไปซ้ำ
“แกก็รู้ว่าฉันเกลียดพวกเมียน้อย ครอบครัวฉันต้องแตกก็เพราะพวกเมียน้อยแล้วแกที่เป็นเพื่อนรักของฉันมาทำแบบนี้อีก? แกทำได้ยังไงกาว”
มะยมตรงเข้าผลักอีก กรรณนรีเอาแต่ร้องไห้
“ฉันจำเป็นมะยม ฉันจำเป็น”
“จำเป็นต้องแย่งท่านอารักษ์ ทั้งๆ ที่แกก็รู้ว่า…” เสียงแผ่วลง “คุณภาพิศกำลังท้อง แกทำลายครอบครัวคนอื่น ฉันมองแกผิดจริงๆ กาว ฉันมองแกผิดไปจริงๆ” มะยมเดินร้องไห้หนีไป
กรรณนรีโผเข้าจับมือมะยมรั้งไว้ “มะยม”
มะยมผลักออกอย่างรังเกียจ “อย่ามายุ่งกับฉัน นับตั้งแต่วันนี้เธอกับฉันจบสิ้นกัน ฉันไม่อยาก
มีเพื่อนเลวๆ ไปนิค” คว้ามือนิคเดินออกไป
กรรณนรีตามมาฉุดมือนิค “นิค..แกฟังฉันก่อนนะ นิค แกฟังฉันก่อน”
นิคมองด้วยสายตาผิดหวัง “ฉันก็เหมือนมะยมแหละกาว ....ฉันไม่อยากมีเพื่อนเลวๆ”
นิคปลดมือกรรณนรีออก แล้วเดินไปกอดไหล่มะยมพากันเดินไป กรรณนรีร้องไห้โฮ เสียใจเอามากๆ
เวลาเดียวกันอารักษ์ ทำหน้าครุ่นคิดหนักใจ ก่อนยกมือถือขึ้นมา
ภาพิศนั่งกึ่งนอน ท่าทางเศร้าและแพ้ท้องหนัก ภาพิศน้ำตาคลอ ยินเสียงโทรศัพท์ดัง
น้อยเอามือถือมาให้ “ท่านโทร.มาค่ะ”
ภาพิศยิ้มได้ “ท่านอยู่ที่ไหนคะ ภาเป็นห่วง”
“ขอบใจ ฉันสบายดี”
ภาพิศยิ้ม “ลูกเริ่มดิ้นแล้วนะคะ คงอยากเล่นกับพ่อ...เมื่อไหร่ท่านจะกลับมาคะ”
“ฉันไม่กลับแล้วภา”
ภาพิศฉงน “ท่านหมายความว่ายังไงคะ”
“ถึงเวลาที่เราควรจบกันซักที”
“ท่าน” ภาพิศช็อก พูดรัวเร็ว “แต่ในท้องภามีลูกของท่านนะคะ เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน” น้ำเสียงอ้อนวอน “ท่านอย่าทิ้งภากับลูกนะคะภาไม่เหลือใครอีกแล้วภาไม่เหลือใคร”
“อย่างที่เคยบอก ถึงฉันจะเลิกกับเธอ แต่ฉันจะรับผิดชอบลูก แค่นี้นะ”
อารักษ์ตัดสายทิ้งทันที ภาพิศใจจะขาดรอนๆ กรีดเสียงร้องคร่ำครวญ
“ท่านคะ ท่านอย่าทิ้งภา อย่าทิ้งลูกนะคะ ภาไม่เหลือใคร” จู่ๆ ภาพิศเกิดหายใจไม่ทัน “ภาไม่เหลือใคร” หมดสติล้มลงไป
“คุณหญิง” รีบวิ่งมาหารวดเร็ว
ยามเย็น ขณะทำงานอยู่ มือถือดังขึ้น สรวงกดรับ
“ครับ”
น้อยบอกละล่ำละลัก “คุณสรวงคะ....คุณภาพิศเป็นลมหมดสติค่ะ”
สรวงตกใจ
ภาพิศนอนหมดสติ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ทันทีที่เห็นสรวงภาพิศก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น อีก
“คุณสรวง ท่านทิ้งพี่แล้ว ท่านทิ้งพี่แล้ว”
สรวงตกใจ พยายามปลอบ “ใจเย็นๆ ก่อนครับ ใจเย็น”
“พี่เย็นไม่ไหว ท่านโทร.มาบอกเลิกพี่ ท่านทิ้งลูกทิ้งพี่ เพราะผู้หญิงคนใหม่” น้ำเสียงกราดเกรี้ยว “พี่อยากรู้จริงๆ ว่ามันเป็นใคร” พูดพร่ำโดยไม่ได้นึกถึงตัวเอง “มันถึงได้หน้าด้านมายุ่งกับท่าน”
ภาพิศคว้ามือสรวงมาจับ “คุณสรวงไปกับพี่นะ ไปทุกหนทุกแห่งที่ท่านเคยอยู่ พี่จะไปตามไล่ล่า นังผู้หญิงคนนั้น” ทำท่าจะไป
สรวงฉุดมือภาพิศเอาไว้ “หยุดคุณภาพิศ”
“ไม่..พี่จะไป...พี่จะไป” ภาพิศจะไปให้ได้
“ไป...ให้เหมือนกับวันที่คุณพ่อทิ้งแม่ผมไปหาคุณเหรอครับ”
ภาพิศหยุดกึก หันมามองสรวงอาการอึ้ง สรวงมองมาทั้งเห็นใจ สงสาร และสาแก่ใจ
“วันที่ผู้ชายมีผู้หญิงคนใหม่ ผู้หญิงคนเก่าทุกคนมีสภาพไม่ต่างกันหรอกครับ” สรวงเสียงเครือๆ “เป็นเหมือนของเล่นที่ถูกทิ้ง และที่หนักหน่อย ของเล่นชิ้นนั้นก็อาจเป็นได้แค่ขยะ”
ภาพิศสะเทือนใจร้องไห้โฮออกมา “คุณสรวง” ร้องไห้อย่างหมดสภาพ พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งหมดแรง
สรวงเสียงอ่อนลง “ผมอยากให้คุณใจเย็นๆ วันไหนที่คุณพ่อเบื่อผู้หญิงคนนั้น ท่านก็คงจะกลับมา” ภาพิศไม่ตอบ นั่งร้องไห้อย่างน่าเวทนา
กรรณนรีนั่งร้องไห้อยู่ชายทะเลเสียใจมากที่เรื่องบานปลาย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตดี ก่อนปาดน้ำตาออก บอกตัวเองให้เข้มแข็ง
“ชีวิตมันต้องเดินต่อไปกาว..จะเจ็บแค่ไหน เธอก็ต้องเดินต่อไป”
กรรณนรียกแขนปาดน้ำตาทิ้งแรงๆ ลุกเดินออกไปอย่างมุ่งมั่น
คืนนั้นขณะที่กรรณนรีเดินมาที่บ้านพัก แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นอารักษ์รออยู่แล้ว อารักษ์ตกใจที่เห็นสภาพกรรณนรี
“หนูร้องไห้”
กรรณนรีแกล้งสวมรอย “หนูเสียใจ หนูอยากอยู่คนเดียว”
“โธ่! หนูจ๋า...อย่าเสียใจนะ ฉันรับปาก ฉันจะทำทุกอย่างที่หนูต้องการ...หนูอย่าร้องไห้นะ...นะ”
กรรณนรีนิ่ง อารักษ์เอ่ยต่อ
“ถ้าหนูไม่เชื่อ เรากลับกรุงเทพ.วันนี้เลย ฉันจะไปหย่ากับคุณหญิงสุดา”
กรรณนรีมองอารักษ์นิ่งเฉย ยังไม่วางใจ คิดว่าอารักษ์ก็คงเหมือนผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไป รับปากเพราะ...อยากได้
คืนเดียวกัน สองมารร้ายนั่งชนแก้วไวน์กันอยู่ริมทะเล
“กลับมาทะเลคืนนี้พระจันทร์สวยจังเลยนะคะคุณหญิงแม่” สุขหฤทัยว่า
“แต่มันอาจจะเป็นคืนเดือนมืดสำหรับคนบางคน” สุดาเปรียบเปรย
สองคนหัวเราะสะใจ ท่าทีมีความสุขมาก
ส่วนอีกฟากของชายทะเล มะยมกับนิคเดินมาด้วยกัน มะยมร้องไห้ไม่เลิก นิคเดินตาม มะยมพูดแผ่ว
“สุดท้ายกาวก็เป็นทาสของเงิน ฉันไม่เข้าใจเลยนิค ฉันไม่เข้าใจจริงๆ”
“แกไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกเรื่องหรอกมะยม แค่เข้าใจตัวเองก็พอ...ฉันไม่อยากเห็นแกร้องไห้”
“จะไม่ให้ฉันร้องไห้ได้ยังไงนิค กาวเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุด แต่กาวกลับทำตัวแบบนี้” มะยม ร้องไห้ไป อารมณ์เริ่มแรงขึ้น “แกรู้บ้างมั้ยหัวอกลูก ที่พ่อมีเมียน้อยเป็นยังไง”
“รู้สิ....เพราะมันไม่ต่างจากหัวอกของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเมียน้อย”
มะยมมองจ้องนิค คาดไม่ถึง นิคบอกเสียงข่มขื่น
“ฉันถึงบอกแกไง ว่าชาตินี้ ฉันจะรักเดียวใจเดียว ฉันจะไม่ทำให้ผู้หญิงที่ฉันรักเสียใจ...เพราะฉันจำได้” น้ำตาคลอๆ ขึ้นมาอีกคน “ถึงน้ำตาของแม่ ผู้หญิงที่ถูกพ่อทิ้ง น้ำตาของเมียน้อยที่ไม่เคยมีค่า” ก้มหน้าร้องไห้ “ลูกเมียน้อยอย่างฉัน มันก็เจ็บไม่ต่างจากลูกที่พ่อมีเมียน้อยอย่างแกหรอกมะยม....มันไม่ต่างกันเลยจริงๆ”
นิคร้องไห้ มะยมมองจ้องอย่างตกตะลึง คาดไม่ถึงที่เห็นนิคร้องไห้ มะยมดึงนิคเข้ามากอดพูดปลอบ
“อย่าร้องไห้นิค แกอย่าร้อง” มะยมปลอบเพื่อนทั้งที่ตัวเองก็ร้องไห้อยู่อย่างนั้น
นิคพยายามกลั้นก้อนสะอื้น ขืนน้ำตา “งั้นแกก็อย่าร้อง...ฉันรักแก ฉันไม่อยากเห็นแกร้องไห้รู้มั้ยมะยม” ปลอบมะยมแต่ตัวเองก็ดันร้องไห้เหมือนกัน
“ฮื่อ! ฉันจะไม่ร้องไห้” มะยมเช็ดน้ำตาให้นิค
“ฉันก็จะไม่ร้องไห้เหมือนกันมะยม” คราวนี้นิคเช็ดน้ำตาให้มะยม “แกเลิกคิดเรื่องกาว...ได้แล้ว ถึงต่อไปเราจะไม่มีกาว แต่เราก็ยังมีกันและกัน”
“เราจะมีกันและกันนิค..สัญญาแกจะไม่ทำให้ฉันเสียใจ”
“ฉันสัญญา..ฉันจะไม่ทำให้แกเสียใจมะยม”
สุดท้ายเพื่อนรักสองคนก็เอาหัวชนกันร้องไห้เหมือนเดิม
สรวงขับรถมาตามทาง มุ่งหน้าสู่บ้านกรรณนรี พลางกดมือถือ โทร.ออก
ขณะเดียวกันอารักษ์ขับรถมาส่งกรรณนรีที่บ้าน อารักษ์เอื้อมมือจะกุมมือกรรณนรี แต่กรรณนรีชักมือออกขยับตัว กลัวปนรังเกียจแต่ควบคุมสีหน้าและอารมณ์ อารักษ์ยิ้มพอใจ เห็นท่าทางของกรรณนรียิ่งรู้สึกเอ็นดูกระชุ่มกระชวย
เสียงมือถือกรรณนรีดัง กรรณนรีหยิบมาดู พอเห็นเป็นสรวงก็หน้าถอดสี อารักษ์ถามอ่อนโยน
“ใครโทร.มาจ๊ะ”
“เพื่อนค่ะ”
อารักษ์ถามเสียงหวาน “ผู้หญิงหรือผู้ชาย...ถ้าเป็นผู้ชายอย่ารับนะ..ฉัน หึง”
กรรณนรีตัดสินใจปิดมือถือ ด้านสรวงยิ่งรู้สึกเป็นห่วง
“ปิดมือถือทำไม?” มองมือถือห่วงกรรณนรีมากขึ้น
กรรณนรียิ่งเขยิบตัวถอยห่างอารักษ์ นายพลสูงวัยหัวเราะอย่างเอ็นดู
“ไม่ต้องกลัวฉันแล้ว บอกแล้วไง ฉันจริงใจกับหนู... ภาพิศฉันก็เลิกกับเค้าแล้ว หนูก็รู้”
กรรณนรียิ้มมีจริต “งั้น....หนูรอให้ท่านหย่ากับคุณหญิงก่อนนะคะ หนูถึงจะคุยเรื่องเราสองคนต่อ”
“ได้จ้ะ....ฉันตามใจหนูทุกอย่าง”
กรรณนรียิ้มหวาน หยอด “หนูจะรอท่านค่ะ”
อารักษ์ขับรถไปอย่างเบิกบานกระชุ่มกระชวย
ครู่ต่อมาสรวงเลี้ยวรถเข้ามาในซอยบ้านกรรณนรี เห็นรถอารักษ์อยู่หน้าบ้าน ชายหนุ่มเขม้นตามอง ไม่อยากเชื่อสายตา
“คุณพ่อ” สรวงขับตาม
กรรณนรีบอกอารักษ์ “ท่านจอดให้หนูลงข้างทางก็ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ ฉันอยากรู้จักบ้านหนู”
กรรณนรีอ้อน “แต่หนูกลัวพ่อจะว่า...รอให้เรื่องของเราเรียบร้อยก่อนแล้วกัน ท่านจอดให้หนูลงตรงนี้แหละค่ะ”
“ได้จ้ะ”
อารักษ์จอดรถข้างทาง กรรณนรีรีบลงจากรถทันที สรวงที่ขับรถตามมาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“กรรณนรี”
อารักษ์ ยื่นหน้าบอกกรรณนรียิ้มแย้ม ทำท่าบอกจะโทรศัพท์มาหา “เดี๋ยวฉันโทร.หานะ”
“ค่ะท่าน” กรรณนรียิ้มหวานโบกมือบ๊ายบาย
สรวงขบกรามแน่น ชาดิกไปทั้งร่าง
พออารักษ์ขับรถลับตาไปแล้ว สีหน้ากรรณนรีเปลี่ยนเป็นหม่นเศร้าน้ำตาคลอ เดินตรงไปยังทางกลับบ้าน
สรวงมองตามอย่างคั่งแค้น
ไฟมารตอนที่ 9 (ต่อ)
กรรณนรีเดินมาจะเข้าบ้าน ล้าไปทั้งกายและแสนเหนื่อยใจ ขณะกำลังเปิดประตู แต่ทันใดนั้นร่างของกรรณนรีก็ถูกดันเข้าไปภายในบ้าน จนกรรณนรีล้มลง ร้อง “ว๊าย” หันหน้ากลับมา ในจังหวะที่ประตูปิดลงและเห็นสรวงยืนหน้าถมึงทึงอยู่
“คุณสรวง” กรรณนรีตกใจแทบช็อก
สรวงคำรามกระชากแขนกรรณนรีขึ้นมาถาม “เธอไปกับพ่อฉันได้ยังไง”
“ปล่อยคุณสรวง ฉันเจ็บ”
สรวงขย้ำแรงขึ้น คาดคั้นเสียงดุดัน “ตอบฉันมา” กรรณนรีเฉย คราวนี้สรวงตะคอกใส่ “เธอไปกับพ่อฉันได้ยังไง”
กรรณนรีกับสรวงมองหน้ากัน ดวงตาของสรวงสั่นระริก
“เธอเป็นผู้หญิงคนใหม่ของพ่อฉันใช่มั้ย?” กรรณนรีเริ่มร้องไห้ “ใช่มั้ย กรรณรี เธอเป็นผู้หญิงคนใหม่ของพ่อฉันใช่มั้ย”
สรวงแทบคลั่งน้ำตาลูกผู้ชายไหลริน ยิ่งโกรธยิ่งออกแรงขย้ำ ในขณะที่กรรณนรีก็ร้องไห้โฮพูดไม่ได้
“เธอเคยพูดเองไม่ใช่เหรอ? เธอเกลียดผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน แล้วทำไมเธอถึงทำอย่างนี้”
สรวงผลักกรรณนรีอย่างแรง จนกรรณนรีล้มลงไปกองกับพื้น ขณะที่สรวงเอามือทุบข้างฝาระบายอารมณ์
สรวงหันขวับตะคอกใส่ “แม่เธอถูกพ่อฉันซื้อด้วยเงิน เธอเองก็ถูกพ่อฉันซื้อด้วยเงิน” ปรี่มากระชากอีก “เธอคิดอะไรอยู่ ทำไมเธอไม่คิดถึงใจพ่อเธอบ้างเลย ทั้งๆ ที่ตอนนี้พ่อเธออยู่ โรงพยาบาล”
กรรณนรีหน้าซีดเผือด ตกใจแทบช็อก “อะไรนะ พ่ออยู่โรงพยาบาล”
เวลาต่อมาสรวงขับรถมาหน้าตาบูดบึ้งถมึงทึง มีกรรณนรีนั่งข้างๆ และเปิดมือถือโทร.ออก
ส่วนกาวินทร์กำลังขับรถกลับบ้าน ข้างๆ ที่นั่งคนขับคือเกริกที่ท่าทางอิดโรย กาวินทร์รับสาย กรรณนรีถามทันที
“พี่แก้วพ่อเป็นยังไงบ้าง”
“ปลอดภัยแล้ว พี่กำลังจะพากลับบ้าน แล้วกาวหายไปไหนมาตั้งหลายวัน”
“กาวไปทำงานที่ต่างจังหวัด” สีหน้าสรวงโกรธจัด ที่กรรณนรีโกหก
“แล้วทำไมไม่เปิดมือถือ ไม่รับโทรศัพท์ รู้มั้ยพี่กับพ่อเป็นห่วงแกจะแย่”
“พอดี...กาวลืมเอามือถือติดตัวไป” สรวงฟังก็ยิ่งโมโห
“ทำงานเสร็จแล้วก็รีบกลับมาแล้วกัน รู้ไว้..พ่อรู้เรื่องกาวกับคุณสรวงแล้ว” กาวินทร์บอก
กรรณนรีหน้าซีด “พ่อรู้ได้ยังไง”
“ก็ถามคุณสรวงเองสิ...ว่ารู้ได้ยังไง เพราะวันนั้นคุณสรวงอยู่กับพ่อ”
กาวินทร์วางสายไป
กรรณนรีหันขวับไปมอง สรวงตกใจ เย้ยขึ้นมาทันที
“ใช่...พ่อเธอรู้เรื่องเธอกับฉันแล้ว”
“คุณบอก...”
สรวงฉุนขาดเบนรถเข้าจอดชะลอข้างทาง หันมาตะคอก “ฉันจะบอกหรือไม่บอก มันไม่ใช่สำคัญแล้ว เพราะสิ่งที่พ่อเธอยังไม่รู้ก็คือ เธอเป็นผู้หญิงคนใหม่ของพ่อฉัน”
กรรณนรีหน้าซีดตกใจ “คุณสรวง
สรวงมองจ้องหน้ากรรณนรีอย่างเหยียดหยาม ด่าทอต่อว่าอีก “ไม่ต้องทำดัดจริต คนอย่างเธอมันก็แค่ผู้หญิงใจง่าย ฉันไม่ปล่อยเธออีกแล้วกรรณรี
สรวงเร่งเครื่องรถขับออกไปรวดเร็ว กรรณนรีได้แต่ร้องออกมาด้วยความตกใจ
“จอดคุณสรวง จอด”
ไม่นานหลังจากนั้น สรวงกำลังฉุดลากกรรณนรีลงไปในทะเล กรรณนรีร้องลั่น
“คุณสรวง ปล่อยฉันปล่อย”
“ฉันปล่อยแน่ เพราะฉันไม่ต้องการแตะต้องผู้หญิงสกปรกอย่างเธอ”
สรวงเหวี่ยงกรรณนรีลงทะเลอย่างแรง ร่างกรรณนรีอยู่กลางน้ำ สรวงเดินเข้าไปหา กรรณนรีถอยหลังร้องไห้ด้วยความกลัว จนเสียหลักล้มลงในน้ำ สรวงตามไปกระชาก
กรรณนรีร่ำร้อง อ้อนวอน “คุณสรวง..ปล่อยฉัน..ฟังฉันก่อน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนที่ฉันรักก็คือคุณได้ยินมั้ยคนที่ฉันรักคือคุณ”
สรวงได้ยินยิ่งขมขื่นใจ จนแทบจะร้องไห้ออกมา “เธอรักฉันเหรอกรรณรี?” ตะโกนก้อง “เธอรักฉันแต่เธอไปกับพ่อฉัน เธอจะให้ฉันเข้าใจว่ายังไง”
กรรณนรีร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น สรวงร้องไห้พูดเสียงแผ่วเหมือนคนจะขาดใจ
“เธอรู้บ้างมั้ย ว่าฉันเจ็บปวดเสียใจมากแค่ไหน? ที่พ่อทำร้ายหัวใจแม่ด้วยการมีผู้หญิงคนแล้วคนเล่า แต่ที่ฉันคาดไม่ถึง ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นเธอ ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นเธอ” สรวงผลัก กรรณนรีออกให้จมอยู่ในทะเลแล้วหันตัวเดินหนีขึ้นฝั่งไป
กรรณนรีผวาตัวกอดสรวงจากด้านหลังแน่น “คุณสรวง...อย่าไปจากฉัน ฉันรักคุณ...ได้โปรดเถอะ ฉันรักคุณ”
สรวงพูดโดยไม่ยอมหันกลับมา “ความรักของเธอคืออะไร?” กรรณนรีเงียบ สรวงหันมาหา พูดแดกดัน “แบ่งปันร่างกายให้ทั้งพ่อทั้งลูกอย่างนั้นเหรอ? เสียแรงที่ฉันรัก ฉันทะนุถนอมอยากให้ถึงวันของเรา แต่สุดท้าย เธอก็ยอมขายตัวเองได้เพื่อเงิน ฉันเกลียดเธอกรรณรี ฉันเกลียดเธอ”
สรวงผลักกรรณนรีอีก ร่างกรรณนรีจมลงในน้ำ ผวาตัวขึ้นมากอดสรวงใหม่ คราวนี้กอดแน่น
“แต่ฉันรักคุณ คุณจะด่าจะว่าฉันยังไง ฉันก็รักคุณ ฉันต้องการคุณ..คุณอย่าทิ้งฉันไปนะคะคุณสรวง อย่าทิ้งฉันไป”
สรวงหันมามองจ้องโกรธราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “รักฉันนักใช่มั้ย? เธอต้องการฉันมากใช่มั้ย ได้ มานี่”
ขาดคำสรวงฉุดกระชากลากถูกรรณนรีขึ้นจากทะเล กรรณนรีดิ้นรนขัดขืน
สรวงไม่สนฉุดกระชาก ร่างของกรรณนรีแทบจะปลิวไปตามแรงขึ้นฝั่งไป
สรวงเปิดประตูห้องบ้านพักรีสอร์ต ผลักกรรณนรีเข้าไปสุดแรง ดวงตาของสรวงดุดันราวกับอสูรร้าย
กรรณนรีถอยหลังกรูด “คุณสรวง..อย่าทำอะไรฉันนะ..ฉันกลัว”
“กลัวเหรอ? ผู้หญิงอย่างเธอกลัวเป็นด้วยเหรอ?” สรวงกระชากร่างกรรณนรีเข้ามา “มันก็แค่มารยาแบบหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายมันหลงมันคลั่งเท่านั้น กรรณนรี”
กรรณนรีร้องไห้ ส่ายหน้า “ไม่นะ...ไม่”
สรวงเหยียดเย้ย “ไม่... ไหนบอกว่าต้องการฉันไง...” กราดสายตามองทั่วตัว “เธอบอกว่าต้องการฉันไง ได้..เมื่อเธอเสนอ ฉันก็จะสนอง อยากรู้เหมือนกันว่ารสชาติของเธอมันเป็นยังไง ถึงทำให้พ่อทิ้งทั้งแม่ทั้งภาพิศได้”
สรวงผลักกรรณนรีลงบนเตียง โถมร่างลงไปทาบทับ ปลุกปล้ำกอดจูบด้วยโทสะ กรรณนรีดิ้นรนขัดขืน
“ปล่อยฉันนะคุณสรวง ปล่อย”
กรรณนรีกรีดร้องสุดเสียง แต่สรวงไม่ฟัง
ด้านภาพิศเดินลงบันไดมาแบบคนไม่มีแรง อีกสองขั้นจะถึงพื้นห้องโถงแล้ว จู่ๆ ภาพิศเห็นโลกหมุนคว้าง เท้าเหยียบขั้นบันไดพลาด ร่างร่วงลงมาโชคดีที่เป็นบันไดเพียงแค่สองขั้น
ภาพิศร้อง “ว๊าย”
“คุณหญิง” รีบวิ่งถลาเข้ามาหาด้วยความตกใจ
ขณะที่สรวงปล้ำกรรณนรีอย่างเดือดดาล กรรณนรีผลักไส และตบหน้าสรวงเต็มแรง
“อย่ามาหยาบคาย ป่าเถื่อนกับฉันนะ” ถอยตัวออก
“คนอย่างเธอมันต้องป่าเถื่อน หยาบคายมันถึงจะสาแก่ใจ จะหนีไปไหน? มานี่” ลากตัวกรรณนรีมาอีก “ผู้หญิงสกปรกโสมมอย่างเธอ มันต้องเจออย่างฉัน”
สรวงปล้ำจูบกรรณนรีระบายแค้น เสียงมือถือดังจังหวะ กรรณนรีผลักสรวงออก
“ว่าไงน้อย” สรวงรับสาย
“คุณภาพิศตกบันไดค่ะ” น้อยบอกเสียงตื่น
“ภาพิศตกบันได รีบพาส่งโรงพยาบาลเร็ว”
สรวงลุกขึ้นจากเตียง กราดสายตามองกรรณนรีอย่างดูแคลน
“ดีแล้วที่โทรศัพท์มา ไม่งั้นฉันก็ต้องตกหลุม ผู้หญิงใฝ่ต่ำราคาถูกอย่างเธอ”
สรวงเดินออกจากห้องไป กรรณนรีร้องไห้วิ่งตาม
สรวงดิ่งตรงมาที่รถ กรรณนรีวิ่งตามมา
“ฉันไปด้วยค่ะฉันไปด้วย”
“ยังจะตามมาให้ท่าฉันอีก หน้าด้าน”
“ฉันเป็นห่วงคุณภาพิศ”
“กล้าพูดว่าเป็นห่วง ก็เธอนั่นแหละเป็นคนทำให้เค้าเป็นอย่างนั้น”
“ฉันไม่ได้ทำ”
“เธอนั่นแหละเป็นต้นเหตุ”
สรวงเปิดประตูก้าวขึ้นรถ กรรณนรีเปิดที่นั่งอีกด้านขึ้นไปนั่ง สรวงตะคอก
“เธอนี่ยังไง ? ฉันไม่ให้เธอไปด้วย ลงไป”
“ฉันไม่ลง ฉันจะไปด้วย ฉันเป็นห่วงคุณภาพิศ”
“ฉันไม่ให้ไป”
สรวงลงจากรถเดินมากระชากกรรณนรีลงจากรถ กรรณนรียื้อตัวไว้ พูดดีๆ ด้วย
“คุณสรวง อย่าทำฉัน...ฉันเป็นห่วงคุณภาพิศจริงๆ”
สรวงเยาะ “น้ำหน้าอย่างเธอ สมควรอย่างเดียว คือเป็นผีเฝ้าทะเล มานี่”
จากนั้นสรวงก็ลากกรรณนรีไปด้วยความโกรธ และแค้นใจ
สรวงลากกรรณนรีมาแล้วเหวี่ยงลงไปในทะเล ร่างบอบบางของกรรณนรีเหนื่อยอ่อนจมลงไปสรวงยืนมองอย่างเจ็บปวด “เราจบกันแค่นี้กรรณรี
กรรณนรีแทบไม่มีแรง “คุณสรวง...อย่าทิ้งฉันไป คุณสรวง”
สรวงเดินหนีไปไม่ยอมหันมามอง โกรธ ในขณะที่ร่างของกรรณนรีค่อยๆหมดแรง สรวงรับรู้ถึง
ความผิดปกติ หันกลับไปมอง เห็นร่างของกรรณนรีหมดสติแล้ว ลอยไปตามแรงคลื่น
“กรรณนรี”
สรวงตกใจ รีบว่ายน้ำตามออกไป ควานคว้าร่างหมดสติของกรรณนรีเข้ามา
สรวงอุ้มกรรณนรีมาวางไว้ที่ชายฝั่งเป็นห่วงใย และทะนุถนอม ตบแก้มเบาๆ เรียกสติ
“กรรณนรี ๆ”
ทว่ากรรณนรีไม่รู้สึกตัว สรวงสุดจะเป็นห่วง
“เธออย่าเป็นอะไรนะกรรณรี”
สรวงก้มลงผายปอดให้กรรณนรี ชั่วครู่กรรณนรีก็ฟื้นได้สติ พ่นน้ำออกมา สรวงมีสีหน้าโล่งใจ
กรรณนรีพึมพำแบบคนยังไม่ได้สติ “คุณสรวง...ฉันรักคุณ...”
สรวงมองกรรณนรีอย่างเจ็บปวด แววตาเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายใจ
“ทำไมต้องเธอ....กรรณนรี”
ที่บ้านพักริมชายหาด สองคนเดินมาที่ห้องพัก นิคถามขึ้น
“แกจะบอกเรื่องกาวกับคุณภาพิศหรือเปล่า”
มะยมส่ายหน้า “บอกแล้วได้อะไร? นอกจากมีคนเจ็บเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน บอกแค่ตัวเองก็พอ ชีวิตนี้อย่าทำความเดือดร้อนให้ครอบครัวใครเป็นเด็ดขาด”
สองเพื่อนซี้มองหน้ากันด้วยความเห็นใจ และเข้าใจ
สรวงขับรถมาส่งกรรณนรีที่หน้าบ้านด้วยใบหน้าบึ้งตึงในตอนรุ่งเช้า ขณะที่กรรณนรีนั่งซุกตัวอยู่กับเบาะ ท่าทีสรวงรังเกียจและดูห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด จอดรถโดยไม่ยอมมองแม้แต่หน้ากรรณนรี
สรวงปรายหางตามองเหยียด “ไม่ต้องทำท่าอย่างนั้น คิดเหรอว่าฉันอยากแตะต้องตัวคนสกปรกอย่างเธอ” ชายหนุ่มสะเทือนใจจนน้ำเสียงเครือ “ไม่มีอีกแล้ว กรรณนรี ไม่มีอีกแล้ว...”
สรวงไม่มองหน้ากรรณนรีอีกเลย กรรณนรีค่อยๆ เปิดประตูรถลงไป ทั้งหวาดกลัวและเสียใจ
ทันทีที่เสียงประตูรถปิดลง สรวงมองตามร่างของกรรณนรีด้วยสายตาเจ็บปวดและเสียใจไม่ต่างกัน
สรวงเดินเข้ามาในห้องพักส่วนตัว ในห้องทำงาน ภาพหวานระหว่างกรรณนรีกับตัวเองผุดขึ้นมาหลอกหลอน สรวงขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวดร้าวราน นพเดินเข้ามาหาหน้าเครียดขึ้ง
“อ้าว!มาตั้งแต่เมื่อไหร่” สรวงหันมา “แล้วเป็นไรหน้าตาเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน”
สรวงมองหน้านพจับสังเกต “พี่เองก็เหมือนกัน มีอะไรรึเปล่าพี่”
สองหนุ่มอยู่ในร้านกาแฟข้างออฟฟิศ นพยกถ้วยกาแฟซดเหมือนดื่มเหล้ารวดเดียวหมด บอกอย่างกลัดกลุ้ม
“กลุ้มใจว่ะ คุณนาด่าพี่ตลอด”
สรวงยิ้มขื่น “ผู้หญิงเค้าก็บ่นไปอย่างงั้นแหละพี่”
นพถอนหายใจ “บ่นน่ะพี่ชิน แต่เค้าด่าพี่สรวง เค้าดูหมิ่น เหยียดหยาม ทำเหมือนพี่มาเกาะเค้ากิน ทั้งๆ ที่เงินเดือน พี่ก็ให้เค้าทุกบาท เงินเค้าพี่ก็ไม่เคยแตะ พูดตรงๆ ถึงพี่จะรักเค้าแค่ไหน แต่ตอนนี้พี่ล้าแล้วว่ะ”
“ใจเย็นๆก่อนพี่ ใจเย็นๆ”
นพไม่ทันพูดอะไรอีก เสียงมือถือก็ดัง แต่นพไม่รับ มือถือก็ดังอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดนพต้องรับ
ทันทีที่รับเสียงนาก็แผดออกมาดังก้อง
“กล้าดียังไงคุณถึงไม่รับโทรศัพท์ฉัน” นพเอามือถือออกห่าง “ฉันสั่งเอาไว้ไม่เคยจำใส่หัวรึไง ฉันโทร.มาให้รับทันที”
นพตัดสายทิ้งแล้วปิดมือถือทันที
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย พี่ไม่ไหวว่ะ ยิ่งอยู่ ยิ่งไม่มีศักดิ์ศรี พี่จะเลิกกับเค้า”
สรวงพูดไม่ออก ได้แต่ทำหน้าเห็นใจแทน
ที่บ้านพัก นิคสะพายกระเป๋าพร้อมกลับ หันมาถามย้ำกับมะยม
“แกอยู่คนเดียวได้แน่นะ”
“ได้สิ....ตั้งแต่พ่อแม่ตาย ฉันก็อยู่คนเดียว”
นิคโยกหัว “น้อยใจอีกแล้ว...” พลางกอดไหล่มะยมปลอบ “จำไม่ได้รึไง ถึงตัวจะไม่ได้ติดกัน แต่แกมีฉันตลอดเวลามะยม” เอามือออก “แล้วจะให้บอกพี่จ๋ายังไง”
“ขอลาพักร้อน สบายใจเมื่อไหร่จะกลับ”
“แล้วเจอกัน ดูแลตัวเองด้วยนะเว้ย”
“เออ..ขอบใจ”
นิคเดินออกไป มะยมมองนิคจนลับตา ก่อนเดินเรื่อยเปื่อยเลาะไปตามชายหาด
มะยมเดินเล่นมาเรื่อยๆ แต่แล้วต้องชะงักเมื่อเจอนพยืนเหม่ออยู่ที่ริมทะเลเบื้องหน้า มะยมเรียกอย่างไม่เชื่อสายตา
“คุณนพ”
นพเองก็แปลกใจ “คุณมะยม”
“ไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณนพที่นี่”
นพหน้าหมอง “พอดีเบื่อๆ นะครับ....คุณมะยมล่ะ”
“มะยมก็...เบื่อๆ เลยถือโอกาส ลางานซะเลย”
“คนเบื่อสองคนมาเจอกัน จะยิ่งไม่เบื่อเหรอครับ” นพสัพยอก
มะยมเย้า “ก็คง เบื่อกำลังสองมั้งคะ”
สองคนหัวเราะขำๆ บรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย
ที่ริมทะเล สองคนเดินคุยกันอย่างมีความสุข
“นังภาพิศมันตกบันได สมน้ำหน้า ขนาดโทร.ไปอ้อนตาสรวง ตาสรวงก็ไม่สนใจ”
“มันคงทำใจไม่ได้ ขนาดมีลูกอยู่ในท้อง ท่านยังทิ้งมันไปได้ บาปกรรมทันตาจริงๆ”
สุดาหัวเราะ “กลับกรุงเทพฯคราวนี้ แม่จะฉลอง”
“อย่าเพิ่งสิคะคุณหญิงแม่..ใจเย็นๆ รองานเสร็จก่อนค่ะ เพราะฤทัยยังมีไม้เด็ดที่จะจัดการพวกมันค่ะ”
สองคนหัวเราะชอบใจ
เย็นนั้นสุขหฤทัยโทรศัพท์คุยกับกรรณนรี
“เธอทำดีมาก....จำไว้....แผนสำเร็จเร็วเท่าไหร่....คลิปพี่ชายเธอก็จะถูกทำลายเร็วเท่านั้น”
กรรณนรีเกาโทรศัพท์แน่น “คุณจะให้ฉันทำยังไงต่อ”
สุขหฤทัยยิ้มสะใจ
ไม่นานต่อมา กรรณนรีในชุดเดรสสั้น สวยเซ็กซี่ โดดเด่นเป็นสาวทรงเสน่ห์ เดินนำหน้าอารักษ์เข้ามาในโรงแรมหรู ในลักษณะพ่อแง่แม่งอน กรรณนรียามนี้ใส่จริตแพรวพราว อารักษ์เดินตามพะเน้าพะนอ เอาอกเอาใจ
“หนู...หนู..รอฉันก่อนสิจ๊ะ”
“หนูไม่อยากรอแล้วท่านแก้ปัญหาให้หนูไม่ได้”
อารักษ์เงียบกริบ กรรณนรีหันไปมองในลักษณะชายตาสะบัดสะบิ้งใส่
“ท่านยังไม่ได้ไปพูดเรื่องหย่ากับคุณหญิงใช่มั้ยคะ?” ประกายตาวาววับน่ากลัว
อารักษ์อึกอัก “ฉันยังไม่มีโอกาส....แต่ฉัน...ฉันบอกเลิกภาพิศไปแล้วนะ”
กรรณนรีหันหน้ากลับมามองดวงตาโกรธ “ท่านบอกหนูแล้วเป็นรอบที่ 199” หันมามองอารักษ์พูดอ้อนเสียงหวาน “แต่สิ่งที่หนูอยากได้คือใบหย่า”
อารักษ์อึกอัก กรรณนรีออดอ้อน
“เพราะถ้าไม่มีใบหย่า หนูต้องถูกตราหน้าว่าแย่งสามีคนอื่นเหมือน...” เสียงเครือ “กับคุณภาพิศ อีกอย่าง พ่อแม่หนูไม่ยอมแน่ๆ ถ้ารู้ว่าหนูมาคบกับคนมีครอบครัว”
อารักษ์เอื้อมมือจะแตะตัวกรรณนรี แต่กรรณนรีเบี่ยงออก “น่า..หนูก้าง หนูรออีกนิดนะ ฉัน
จะเอาใบหย่าจากคุณหญิงสุดามาให้หนูให้ได้ นะ...”
กรรณนรีหน้างอ อารักษ์ยิ้ม
“ป่ะ!เข้าไปหาอะไรทานก่อน จะได้ใจเย็นๆ”
กรรณนรีเดินนำอารักษ์เข้าไปข้างใน
สุดาเห็นภาพอารักษ์เข้าไปในโรงแรมกับกรรณนรีก็ยิ้มพอใจ
ไฟมารตอนที่ 9 (ต่อ)
คืนนั้นเสียงโทรศัพท์ดังแหวกความเงียบขึ้น ภาพิศกดรับ
“ว่าไงคะคุณหญิงพี่?”
สุดายิ้มย่อง แต่แสร้งทำเสียงตกใจ “พี่เจอผู้หญิงคนใหม่ของท่านแล้วนะคะ”
ภาพิศเบิกตากว้าง อยากรู้เต็มทน “ใครคะ”
“เป็นคนที่รับรองว่าคุณน้องคาดไม่ถึง อยากรู้ก็รีบมาดูให้เห็นกับตาเองดีกว่าค่ะ”
สุดาพูดเป็นนัยก่อนจะวางสายยิ้มสะใจ ในขณะที่ภาพิศแทบขาดใจ
ภาพิศก้าวฉับๆ เข้ามายังโรงแรมแห่งนั้นอย่างร้อนใจ สุดาที่รออยู่ ลอบยิ้มหยัน แต่ครั้นพอภาพิศเดินมาใกล้ก็ทำสีหน้าร้อนรนใจ ภาพิศถามอย่างกราดเกรี้ยว
“นังนั่นมันอยู่ไหนคะคุณหญิงพี่”
“อยู่กับท่านข้างในน่ะสิ ป่านนี้ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วก็ไม่รู้”
ภาพิศโกรธจนตัวสั่น สุดาสะใจ ก่อนบอก
“ไปเร็ว” สุดารีบเดินนำเข้าไปข้างใน
สุดาเดินนำภาพิศเข้าไปด้านใน ภาพิศเห็นกรรณนรีนั่งอยู่กับอารักษ์ด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด ภาพิศตะลึงงัน ตกใจ คาดไม่ถึง
“หนูก้าง!”
สุดาน้ำเสียงเหี้ยม “คาดไม่ถึง อย่างที่พี่บอกเลยใช่มั้ยคะ”
ใบหน้าภาพิศซีดเผือดราวไข่ต้ม ดวงตาเบิกกว้างราวกับจะถลนออกมา ทั้งเจ็บทั้งปวด
เสียใจ ผิดหวัง หลากหลายความรู้สึกปนกัน
“ภาจะไปตบมัน” ถลาจะเข้าไป
สุดารีบคว้ามือเอาไว้ “อย่าค่ะคุณน้อง ขืนเข้าไปตอนนี้ ตกกระป๋องเร็วกว่าเดิมแน่ๆ” เย้ยหยันอยู่ในที “เหมือนที่ท่านเคยทำกับพี่ ตอนที่หน้ามืดหลงคุณน้องนั่นแหละ”
มือไม้ของภาพิศที่ถูกสุดากุมไว้อ่อนลงไปทันที มองอารักษ์กับกรรณนรีด้วยความ
เจ็บปวด แค้นใจ
ส่วนกรรณนรียังนั่งหน้างอแบบงอนๆ มีอารักษ์นั่งข้างๆ เอาอกเอาใจ
“น่า..หนูก้าง เลิกงอนฉันได้แล้ว...หนูดูนี่ ฉันซื้อคอนโดหรูให้หนูด้วยน้า”
อารักษ์ยื่นโบชัวร์คอนโดใหม่หรูให้ดู กรรณนรีไม่มอง นั่งกอดอก อารักษ์ยื่นมือมาแตะ
“หนูก้าง หันมามองฉันหน่อยนะ” อารักษ์วาดลีลาคนแก่เจ้าชู้จีบเด็ก
“หนูไม่คุย ไม่มองค่ะ จนกว่าหนูจะได้ใบหย่าของท่าน” ลุกเดินหนีไป
อารักษ์รีบตามไป “หนูก้างๆๆ”
ภาพิศหัวใจปวดหนึบมองตามด้วยสายตาเจ็บใจ สุดายิ้มพอใจ
ภาพิศเดินร้องไห้ออกมา ทำท่าจะเป็นลม จนต้องเกาะผนังเอาไว้ สุดาเดินตามยิ้มอย่างพอใจ ปราดเข้าไปประคอง พูดดเวยน้ำเสียงเห็นใจ
“คุณน้องขา อย่าเพิ่งตายนะคะ คุณน้องต้องแย่งท่านคืนมาให้ได้”
ภาพิศแทบไม่มีแรงจะพูด “แน่นอนค่ะ ยังไงฉันก็ไม่ยอมเสียท่านไป”
สุดาทำทีเป็นเห็นใจ “แต่มันคงลำบากเหมือนกันนะคะ เพราะแม่ศุภาวีร์ ทั้งสาวทั้งสวย ยิ่งถ้าเทียบกับคุณน้องแล้ว คุณน้องดูแก่ไปเลยล่ะค่ะ”
ภาพิศหันขวับมามองตาวาววับ “ฉันก็เหมือนขิงล่ะค่ะ ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด..” นัยน์ตาวาวโรจน์ “วิธีของฉัน รับรองไม่ธรรมดา”
สุดาแอบยิ้มเยาะ สายตาดูแคลนว่าไม่มีทางเป็นไปได้
รุ่งเช้าสรวงแต่งตัวเสร็จจะไปทำงาน เสียงโทรศัพท์ดัง สรวงรับสาย เป็นภาพิศโทร.มา
“คุณสรวงคะ...พี่รู้แล้วนะคะ” แววตาวาววับน่ากลัวขณะพูด “ผู้หญิงคนใหม่ของท่านคือใคร”
สรวงใจเต้นรัว แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเป็นกรรณนรี
ภาพิศพูดน้ำเสียงอ้อนวอน “คุณสรวงออกมาพบพี่...ได้มั้ยคะ”
ที่ร้านกาแฟภายในห้างยามนั้น ภาพิศร้องไห้ สะอึกสะอื้นทั้งเสียใจจริง และใส่จริตมารยา
“จริงๆ พี่ไม่อยากรบกวนคุณสรวงเลยนะคะ..แต่มีคุณสรวง มีคุณสรวงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะเข้าใจพี่ เห็นใจพี่ถ้าคุณสรวงรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”
สีหน้าสรวงสลดลง เข้าใจความรู้สึกภาพิศ ภาพิศมองหน้าสรวง ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ภาพิศถามเสียงสั่น “อย่าบอกนะคะว่าคุณสรวงรู้จักผู้หญิงคนนั้นแล้ว”
สรวงนิ่งไปนิดก่อนตอบ “ครับผมรู้แล้ว”
ภาพิศตกใจ “แล้วทำไมคุณสรวงถึงนิ่งเงียบอยู่ได้ ทั้งๆที่คุณสรวงถูกหักหลัง ถูกทำร้าย”
“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรล่ะครับ ในเมื่อเค้าเลือกทางเดินแบบนั้น ทางที่มีคุณพ่อเป็นคนเสนอ”
ภาพิศร้องไห้สะอึกสะอื้น “พี่ไม่คิดจริงๆ ว่าหนูก้างจะเป็นคนแบบนี้ เสียดายที่พี่ทั้งรักทั้งเอ็นดู สุดท้ายคนที่พี่ไว้ใจ กลับมาหักหลังทำร้ายพี่เอง” ก้มหน้าร้องไห้ “พี่เสียใจจริงๆ ค่ะคุณสรวง เสียใจจริงๆ” จังหวะนั้นภาพิศแสร้งทำทีเป็นหายใจไม่ออก
สรวงตกใจ “คุณภาพิศครับ..คุณภาพิศ” รีบเข้ามานั่งใกล้ๆ ทำท่าจะประคอง
ภาพิศแกล้งเอามือดันออก พูดเสียงแผ่ว “พี่ไม่เป็นไรค่ะคุณสรวง...พี่ไม่เป็นไร...” แผ่วลงอีก “อย่างน้อย หัวใจของพี่ก็ยังเต้นอยู่ พอให้พี่รู้ว่า...คนที่พี่รัก...ทำร้ายพี่เอง”
จากนั้นภาพิศแกล้งเป็นลมหมดสติซบลงที่อกสรวงอย่างได้จังหวะ สรวงตกใจ บอกคนในร้าน
“ช่วยด้วยครับคนเป็นลม”
พนักงานกรูกันเข้ามาเอายาลม เอาพัด ผ้าเย็นมาให้ สรวงเอาผ้าเย็นซับหน้าซับตาภาพิศอย่างห่วงใย
โดยไม่ทันสังเกตว่ามีกล้องมือถือของใครคนหนึ่งที่อยู่แถวนั้นถ่ายภาพช็อตดังกล่าวเอาไว้
รุ่งเช้าผู้คนตามสถานที่ต่างๆ อ่านข่าวพาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์ และข่าวออนไลน์ในเน็ต เห็นเป็นรูปสรวงประคองภาพิศ พร้อมพาดหัวหวือหวา สร้างกระแส
หลักฐานคาตาแม่เลี้ยงสาว ลูกเลี้ยงหนุ่ม โอบประคอง ท่าจะโอละพ่อ
เข้ากันได้ดีเกินคาด ลูกเลี้ยงหนุ่ม-แม่เลี้ยงสาว อย่างนี้มีเฮ
บนดาดฟ้าตึกสูงแห่งนั้น ภาพิศยืนนิ่ง ลมพัดจนผมปลิวไปตามแรงลม ดวงตาที่มองออกไปเบื้องหน้า เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ภาพิศยามนี้ดูราวกับรูปสลักที่น่ากลัว
มะยมนั่งอยู่ชายหาดกับนพ นพดีดกีตาร์ร้องเพลง “ทำไมต้องเธอ” จังหวะหนึ่งมะยมเปิดNotebook เช็คข่าวตามแระสา สีหน้าตกใจ ซีดเผือด
“มีอะไรครับ”
มะยมไม่ตอบ เลื่อนคอมพ์ให้นพดู นพอ่านสีหน้าตกใจ
“จะเป็นไปได้ยังไง นายสรวงกับคุณภาพิศ”
“หัวข้อข่าวเท่านั้นมังคะ...เรียกให้คนสนใจ แต่อย่างว่าค่ะ..” มะยมพูดเป็นนัย “อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น .....ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน”
นพเองก็มีความนัยเหมือนกัน ถอนหายใจ “ใช่ครับ...อะไรๆก็เป็นไปได้ ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน มีพบก็มีจาก มีรักก็มีหมดรักเช่นกัน”
สองคนมองหน้ากัน รู้ดีว่าต่างคนต่างมีเรื่องในใจแน่ๆ แต่ต่างกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม
“ไปเล่นน้ำดีกว่าครับ”
“ดีค่ะ”
สองคนวิ่งเล่น เริงทะเลเหมือนจะเป็นสุข ทั้งที่สีหน้ายังมีร่องรอยของความทุกข์ใจ
สองคนเล่นน้ำ วักน้ำใส่กัน นพ ร้องเพลงฮิต อยากรักต้องไม่กลัว
“เมื่อเค้าไม่รัก หัวใจก็ช้ำ น้ำตาก็ไหล เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อคนมันไม่ใช่ ก็คงไม่ใช่อยู่ดี ไม่ต้องทู่ซี้ ให้ชีวิตเสียเวลา” นพตะโกนก้อง “ถ้าอยากรัก ต้องไม่กลัวคำว่าเสียใจปวดใจ ก็แค่ขั้นตอนแห่งความรัก และอย่างน้อย ชีวิตนึงก็ได้เคยรู้จักยิ่งเจ็บยิ่งทำให้เราเข้าใจ”
สองคนหัวเราะสนุกประสานเสียงดังก้อง แต่แล้วมะยมกลับทรุดตัวร้องไห้เสียใจ แบบกลั้นไม่อยู่ นพตกใจมาก
“คุณมะยม ..คุณมะยม” รีบไปประคอง
มะยมทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ กลบเกลื่อนความทุกข์ในใจ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นไร”
“แต่คุณ...”
“ฉัน...ฉัน” มะยมทรุดตัวลงกับพื้นทรายอย่างหมดแรง สะอื้นฮักๆ ออกมา
นพถามด้วยน้ำเสียงอาทร “คุณเป็นอะไร”
“กาว..กาวกับท่านอารักษ์” มะยมร้องไห้โฮ
นพมองอย่างงุนงงสงสัย ตกใจ ระคนแปลกใจ
สองคนอยู่ที่คอนโดสวยหรูหราแห่งหนึ่ง อารักษ์เปิดประตูจะกอดพากรรณนรีเข้าไป แต่กรรณนรีขืนตัวเอาไว้
อารักษ์ยิ้มเอ็นดูพูดเสียงหวาน “เข้ามาสิจ๊ะ นี่ไงคอนโดที่ฉันซื้อให้หนู มันเป็นของหนู”
กรรณนรีบ่ายเบี่ยงอย่างมีจริต “ไม่เอา..หนูไม่อยากได้คอนโด...” มองออดอ้อน “หนูอยากได้ท่านมาเป็นของหนูคนเดียว”
อารักษ์แทบละลาย พยายามจะกอดชื่นใจแต่กรรณนรีเบี่ยงตัวออก “ฉันก็บอกแล้วไง...ให้หนูรออีกแป๊บหนึ่งนะคนดี เข้ามาดูคอนโดใหม่ของหนูก่อน ฉันซื้อให้ ตั้งหลายล้านเลยน้า”
กรรณนรียืนหน้างอ ในใจคิดว่าจะทำยังไงต่อดี อารักษ์แตะมือกรรณนรีเบาๆ
“มะ..เข้ามาดูคอนโดของหนูเร็ว”
“คอนโดของหนูใช่มั้ยคะ”
“ก็ใช่น่ะสิจ้ะ” อารักษ์ยื่นกุญแจชูขึ้นล้อไปมา
“งั้นหนูขอ” กรรณนรีแบมือขอ อารักษ์อึ้ง “ถ้าท่านไม่ให้แสดงว่าท่านไม่ได้รักหนูจริงๆ”
อารักษ์จำต้องตามใจ “จ้ะๆๆๆ ฉันให้หนูจ้ะ ฉันเต็มใจให้หนูจ้ะ” ยื่นกุญแจให้
กรรณนรีรับกุญแจมา “ขอบคุณค่ะ”
“เข้ามาดูได้รึยัง”
กรรณนรียิ้มมีจริตเดินผ่านอารักษ์เข้าไปด้านใน พออารักษ์จะตามเข้ามา กรรณนรีก็ดันประตู
ขวางไว้ อารักษ์หน้าเหลอหลา กรรณนรียิ้ม
“หนูจะให้ท่านเข้ามาได้..ก็ต่อเมื่อ...ท่านเอาใบหย่าจากคุณหญิงสุดามาให้หนูดูก่อนค่ะ” ปิดประตูทันที
อารักษ์ทุบประตูเรียก “หนูก้าง..หนูศุ.....ศุภาวีร์ เปิดประตูให้ฉันก่อน”
กรรณนรีเปิดออกมาอีกครั้ง อารักษ์ยิ้มได้ใจ จะเข้าไป กรรณนรีย้ำคำเดิมอีก
“หนูบอกแล้วไงคะ...ท่านจะเข้ามาได้ก็ต่อเมื่อ ท่านเอาใบหย่าจากคุณหญิงสุดามาให้หนูดูก่อน สวัสดีค่ะ”
กรรณนรีปิดประตูล็อกอย่างแน่นหนา ดวงตามีแต่ความเกลียดชัง ขยะแขยง
ส่วนที่ด้านนอกอารักษ์หัวเสียเป็นอย่างมาก
อารักษ์เดินหน้ามุ่ยขึ้นรถขับกลับไปแล้ว ภาพิศที่นั่งซ่อนตัวอยู่ในรถแอบมอง พอรถอารักษ์ผ่านไปแล้ว ภาพิศจึงก้าวลงจากรถด้วยท่วงท่านางพญา แววตาน่ากลัว
สิ่งของเครื่องใช้ เครื่องเรือนทุกอย่างในห้องสวยงามและหรูหรา เพียบพร้อมชนิดที่ทั้งชาติกรรณนรีคงหาไม่ได้อีกแล้ว
กรรณนรีกวาดสายตามองด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ได้มีความชื่นชมหลงใหลอยากได้สักน้อย มันมีแต่ความสลดหดหู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก กรรณนรีทำหน้าไม่พอใจ
“จะมาทำไมอีก”
กรรณนรีเดินไปเปิดประตู แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นภาพิศยืนอยู่ตรงนั้น
“คุณภาพิศ”
ดวงตาของภาพิศวาววับ สีหน้าเยือกเย็นแต่ดูน่ากลัว
สรวงขับรถอยู่ เสียงมือถือดังสรวงรับ
“ว่าไง? รู้แล้วเหรอว่าคอนโดที่คุณพ่อซื้ออยู่ที่ไหน?” นิ่งฟัง “ขอบใจมาก”
สรวงวางสายก่อนจะขับรถไป เป้าหมายคือคอนโดเมียน้อยคนใหม่ของอารักษ์
ภาพิศกับกรรณนรีมองจ้องหน้ากัน ภาพิศถามน้ำเสียงเย็นชา
“จะไม่เชิญฉันเข้าไปในห้องหน่อยเหรอ”
กรรณนรีเสียงสั่น ท่าทีหวาดกลัว “เชิญค่ะ”
ภาพิศเดินเข้าไปในห้องกวาดสายตามองขมขื่น
“ห้องสวยดีนะ....สวยมาก สวยจนไม่น่าเชื่อ” กราดตามองทั่วตัวกรรณนรี หัวจรดเท้า น้ำเสียงเหยียดหยาม “ว่าน้ำหน้าอย่างเธอ ท่านจะทุ่มได้ขนาดนี้
“คุณภาพิศคะ...มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ ฉันอธิบายได้”
ภาพิศตวัดสายตามองกรรณนรี ก่อนกระชากผมอย่างแรง แววตาเกรี้ยวกราด และน่ากลัว
“แล้วมันยังไงหรือจ๊ะ ศุภาวีร์...มันยังไง?...ท่านถึงได้ซื้อคอนโดให้เธอ น่ะ...” น้ำเสียงภาพิศสั่นเครือ แต่แววตาดุดันน่ากลัว “เธอตอบฉันมาสิก้าง เธอบอกฉันมา”
กรรณนรีเจ็บ “ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับท่านจริงๆ นะคะ”
“ไม่ได้เป็นแล้วท่านจะซื้อคอนโดเป็นสิบล้านให้เธอนี่นะ ตอแหล” จิกผมแรงกว่าเดิมร้องไห้ “ถ้าเป็นคนอื่น ฉันยังไม่เจ็บ แต่นี่เป็นเธอ เธอทำกับฉันได้ยังไง ก้าง? เธอทำกับฉันได้ยังไง”
ภาพิศตบหน้ากรรณนรีอย่างแรง เขย่าตัวทั้งโกรธและเสียใจ ก่อนจะผลักออก
“เสียแรง ที่ฉันไว้ใจ แต่เธอกลับทำร้ายฉัน ทำไมฮึก้าง?ฉันไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่เธออดทนรออีกหน่อย เธอก็จะได้เป็นภรรยาของคุณสรวงแล้ว เธอมาเป็นเมียน้อยท่านทำไม? เธอแย่งสามีฉันทำไม”
ภาพิศกระชากกรรณนรีเข้ามาตบอีก
กรรณนรีที่นั่งอยู่ที่พื้นพยายามจะจับตัวภาพิศ เพื่ออธิบาย “คุณภาพิศ...คะ..ฉัน”
ภาพิศสะบัดออก “อย่ามาถูกตัวฉัน” เสียงดังยิ่งขึ้น “ฉันรังเกียจเธอ ฉันขยะแขยงเธอ”
กรรณนรีร้องไห้ “คุณภาพิศ....ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับท่านจริงๆ นะคะ”
“งั้นเธอก็ไปสิ ไปจากท่าน...ถ้าฉันยังเห็นเธออยู่ที่นี่อีก เธอคงรู้ ว่าเธอจะเจออะไร”
ภาพิศเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูดังปัง กรรณนรีร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก
ภาพิศหน้าตาบูดบึ้ง ก้าวฉับๆ ไปที่รถแล้วขับออกไป คล้อยหลังภาพิศแค่ไม่กี่อึดใจ สรวง
ขับรถเข้ามาหน้าตาเต็มไปด้วยความสงสัย ว้าวุ่นใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนคอนโด
ในขณะที่กรรณนรีร้องไห้เสียใจ ปิ่มว่าจะขาดใจ จู่ๆ มีเสียงเคาะประตูดังปังๆๆ ติดๆ กัน
กรรณนรีเหลียวขวับ “คุณภาพิศ”
กรรณนรีรีบวิ่งไปเปิดประตู แต่แล้วกลับตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นสรวงอยู่ตรงหน้า
“คุณสรวง”
สรวงมองจ้องหน้ากรรณนรี แม้จะรู้อยู่แล้ว แต่ก็เจ็บปวดแทบขาดใจ
ไฟมารตอนที่ 9 (ต่อ)
ออกจากคอนโดกรรณนรี ภาพิศขับรถมาตามทางสักระยะก็จอดที่ข้างทางแล้วร้องไห้ออกมา ดวงตามีความเสียใจ แค้นใจ และอาฆาตมาดร้าย ก่อนจะหยิบมือถือกดโทร.ออก
ปลายสายเป็นคุณหญิงสุดา ซึ่งยังอยู่ที่บ้าน “ว่าไงคะคุณน้อง”
“ฉันเห็นคอนโดที่ท่านซื้อให้นังศุภาวีร์แล้วนะคะ”
สุดาแสร้งทำเสียงเป็นตื่นเต้น “เป็นไงมั่งคะ”
ภาพิศบอกด้วยน้ำเสียงทั้งเสียใจและเจ็บใจ “สวย หรู...อยู่กลางใจเมือง”
สุดาร้องอย่างโอเว่อร์แอ็ค “โห! งั้นแสดงว่าท่านหลงนังเด็กนั่นมากกว่าตอนที่หลงคุณ
น้องอีกนะคะ ขนาดของขวัญชิ้นแรกยังจัดเต็มซะขนาดนั้น นี่ถ้ามันมีลูกกับท่านอีก ลูกของคุณน้องต้องกลายเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ”
ภาพิศแม้จะเศร้าเสียใจแต่ก็พูดตอบกลับเสียงกร้าว “ฉันจะสู้เพื่อลูกของฉัน...ลูกของฉันต้องได้ทุกอย่างไม่ใช่มัน”
ภาพิศวางสายสุดาเบ้ปาก พูดคนเดียวตาวาวโรจน์
“ตาสรวงต่างหากที่จะเป็นคนได้ทุกอย่าง ไม่ใช่พวกแก”
ทางด้านสรวงยังคงมองจ้องกรรณนรีราวกับเห็นสิ่งแปลกประหลาด เพราะถึงจะรู้มาก่อน แต่พอมาเห็นอีกคั้งคาตา ก็ถึงกับช็อก ที่กรรณนรีมาอยู่คอนโดกับพ่อตนเลยหรือ?
สรวงมองกรรณนรีอย่างรังเกียจ ขยะแขยงอยู่อย่างนั้น ก่อนสะบัดตัวหันหลังกลับเดินลิ่วออกประตูไป
กรรณนรีนั้นตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเจอสรวงที่นี่ “คุณสรวง...” เสียงดังขึ้นใจจะขาดรอนๆ
“คุณสรวงๆๆๆ”
กรรณนรีเรียกสรวงไม่หยุดหย่อน วิ่งตามมาคว้าตัวสรวงกอดเอาไว้ ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ สรวงปัดออกทว่ากรรณนรีไม่ยอม ยื้อไว้สุดชีวิต
“คุณสรวง ได้โปรด อย่ามองฉันด้วยสายตารังเกียจอย่างนี้”
สรวงผลักออกอีก “ขนาดสายตาฉันยังรังเกียจ เธอก็คิดเองแล้วกัน ว่าฉันจะรังเกียจแค่ไหนที่เธอมากอดฉันอย่างนี้ ปล่อย”
สรวงผลักออกเต็มแรง กรรณนรีล้มลง สรวงมองสมเพช ก่อนจะทำท่าปัดเนื้อปัดตัวออก “สกปรก..เธอสกปรกที่สุด กรรณนรี” สรวงเดินหนีอย่างขุ่นเคือง
กรรณนรีใจจะขาด “คุณสรวง” ลุกขึ้นได้ก็วิ่งตามไป
สรวงออกจากลิฟท์เดินลิ่วไปที่จอดรถ ขณะจะเปิดประตู กรรณนรีวิ่งมาจนทันตรงเข้าไปปัดมือสรวงออก ไม่ยอมให้กลับ
สรวงโมโหสุดขีด “เอ๊ะ!เธอนี่ยังไง อย่ามายุ่งกับฉัน”
กรรณนรีบอกเสียงรัวเร็วไม่สน ผู้คนที่เดินผ่านไปมามองเป็นตาเดียว “ฉันผิดไปแล้วที่ฉัน
คิดตื้นๆ ทำอะไรโง่ๆ แต่ฉันอธิบายได้นะ ฉันอธิบายได้” กรรณนรีคว้ามือสรวงมาจับ ยึดเหนี่ยวรั้งเอาไว้ “คุณอยู่ฟังฉันก่อนนะ ฉันจะบอกความจริงคุณหมดทุกอย่างเลย”
“ความจริงที่เธอมักง่าย ใจง่าย มาเป็นเมียน้อยพ่อฉันน่ะเหรอ?...” สรวงมองจ้องกรรณนรีอย่างสมเพช “รถ คอนโด ข้าวของเงินทอง อะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง” ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเยาะเย้ย ถากถาง “เงิน..เงินทั้งนั้น ต่อให้เธอลากร้อยเหตุผล พันเหตุผล มาบอก ก็ไม่มีใครรับได้” สรวงผิดหวังมาก “มันไม่ใช่แค่เธอทำร้ายฉัน ทำร้ายพ่อเธอ แต่เธอยังทำร้ายแม่เธอด้วย” สรวงผลักกรรณนรีออก “ออกไป๊” ร่างกรรณนรีเซ สรวงขับรถออกไปทันที
กรรณนรีกรีดร้องตาม “คุณสรวง..คุณสรวง อย่าเพิ่งไป กลับมาฟังฉันก่อน กลับมา”
สรวงไม่กลับ กรรณนรีร้องไห้โฮ ผู้คนเดินผ่านไปมามองดูกรรณนรีกับสรวงราวกับดูละครหลังข่าวอยู่
กรรณนรีเดินกลับเข้าไปในคอนโด ในลักษณะหมดแรง ยึดผนังคอนโด ร้องไห้ โดยไม่สนใจผู้คนที่เดินสวนไปมาจะเหลียวมอง ได้แต่ตะโกนก้องในใจ
“พลาดไปแล้ว เธอพลาดไปแล้วกรรณรี”
กรรณนรีร้องไห้ใจจะขาดรอนๆ
คืนนั้น สุขหฤทัยแวะมาถามข่าว พอได้ยินก็ตาโตย้อนถามคุณหญิงสุดา
“นังภาพิศมันตกลงพรางของเราจริงหรือคะคุณหญิงแม่.....?”
สุดาเดินออกนอกบ้านยิ้ม “มันก็โง่ตกหลุมพรางเราทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ นี่แม่นัดทานข้าวกับนังภาพิศอีกนะ จะไปเสี้ยมต่อ ให้แม่ลูกมันตีกันตายไปเลย สะใจ”
“ดีค่ะ...แต่คุณหญิงแม่ต้องระวังสรวงด้วยนะคะ ฤทัยกลัวว่าสรวงจะใจอ่อน”
“ไม่มีทาง..ตอนนี้แม่ว่าสรวงเกลียดนังกรรณนรี จนแม้แต่หน้าก็ไม่อยากมอง”
ยินดังนั้น สุขหฤทัยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
ท่ามกลางแสงสลัวรางข้างสระน้ำ สรวงนั่งดื่มเหล้าอยู่อย่างเดียวดาย ท่าทางกลุ้มหนัก ก่อนที่สรวงจะกระโดดลงไปในสระ แหวกว่ายน้ำอย่างรุนแรง รวดเร็ว ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก่อนที่จะตีน้ำกระจายสุดแรง เหมือนจะแค้นใจมาก แล้วจากนั้นหนุ่มรูปงามก็นอนกางแขนแผ่มือนอนหงายตัวอยู่กลางผืนน้ำ มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นทั่วแผ่นฟ้ามืดสนิทไร้ดวงดาว มืดมิดเหมือนหัวใจตัวเองยามนี้
ระหว่างนั้นสุขหฤทัยเดินเข้ามาแอบมอง ไม่เข้าไปหา แต่สายตาจดจ้องมองสรวงอยู่อย่างนั้น
สรวงเดินขึ้นมาจากสระคว้าเสื้อคลุมมาสวมก่อนเดินเข้าไปภายในบ้าน ร่างสูงโปร่งเดินไปในอาการโงนเงนนิดๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ สุขหฤทัยตามไปติดๆ
ท่ามกลางความมืดในห้องนอน สรวงทิ้งตัวนอนแผ่หราลงบนเตียง หลับตาด้วยความกลัดกลุ้มใจ
โดยไม่รู้ว่ามีแมวขโมยตามขึ้นมาบนเตียง
สุขหฤทัยขยับตัวไปนอนข้างๆ สรวง ยกมือลูบไล้ที่แผ่นอกของสรวงอย่างแผ่วเบา สรวงรู้สึกตัวหันมา มอง แต่เห็นเป็นกรรณนรี
“นี่เธอจริงๆหรือกรรณรี?”
แมวขโมยสุขหฤทัยชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วรีบสวมรอยทันควัน “ค่ะคุณสรวง”
สรวงมองจ้อง เห็นเป็นใบหน้ากรรณนรีกำลังยิ้มให้ สรวงยกมือประคองดวงหน้านั้นไว้ พร่ำบอกออกมาอย่างเต็มตื้น หวนไห้ และถวิลหาสุดหัวใจ
“ถึงฉันจะโกรธ จะเกลียดเธอ แต่ทุกวินาทีที่ฉันหายใจ ฉันคิดถึงแต่เธอ”
สรวงก้มลงจูบที่ริมฝีปากของสุขหฤทัยอย่างละมุนละไม สุขหฤทัยจูบตอบด้วยความเต็มใจ สรวงกอดกระหวัดรัดร่างของคนที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาอีก กอดจูบด้วยแรงเสน่หา ในสายตาของสรวงยามนี้ ร่างนั้นคือกรรณนรี ผู้หญิงที่สรวงรักหมดใจ
ส่วนกรรณนรีเดินหน้าเศร้าเสียใจอยู่ริมน้ำที่พักใจอย่างเหนื่อยล้า มองไปทางไหนก็เห็นแต่
ใบหน้าสรวงตามหลอกหลอน เพราะเป็นที่ๆ สองคนมีความสุขด้วยกัน
กรรณนรีน้ำตาไหลริน คิดถึงวันคืนเก่าๆ ที่คงไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้อีก
สุขหฤทัยเพริดอยู่ในห้วงสิเน่หา กอดรัดสรวงแรงขึ้นจนสรวงรู้สึกตัว ได้สติ สรวงเพ่งมองอย่างมึนเมา เห็นเป็นสุขหฤทัยก็ตกใจแทบสร่างเมา “ฤทัย” ผลักสุขหฤทัยอย่างแรงจนตกเตียง
สุขหฤทัยอารมณ์ค้างเติ่งร้องเสียงดัง “ว๊าย! ทำไมสรวงทำกับฤทัยอย่างนี้คะ”
สรวงเปิดโคมไฟ “ก็คุณเข้ามาในห้องผม ..กอดจูบผมทำไม”
“สรวงต่างหาก...กอดจูบฤทัย”
สรวงหลุดปาก “ก็ผมนึกว่าคุณเป็น...”
สุขหฤทัยสวนคำขึ้นมาทันควัน “นังกรรณนรี” สรวงอึ้ง สุขหฤทัยว่าต่อ “รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นเด็กของคุณพ่อ สรวงจะไปอาลัยอาวรณ์มันอีกทำไมคะ”
สรวงฉุนกึก “เรื่องของผม”
“ไม่ใช่เรื่องของสรวงค่ะ เรื่องของคุณพ่อ....เรื่องของคุณหญิงแม่..ท่านจะคิดยังไง ถ้าสรวงคว้านังกรรณนรีมาเป็นสะใภ้”
สรวงแค้นจัด “ผมไม่มีทางเอาผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นสะใภ้ของอริยะวรรตโดยเด็ดขาด”
“จำคำพูดนี้ไว้ให้ดีนะคะ สรวงจะได้ไม่กลืนน้ำลายตัวเอง”
สุขหฤทัยเดินสะโพกครากออกไปเพราะตกเตียง
ขณะที่สรวงขมขื่นใจเหลือล้น
ผู้หญิงสองคนของนายพลอารักษ์ นั่งอยู่ในร้านอาหารด้วยกัน ภาพิศนั้นเครียดอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่สุดายิ้มเยาะเหน็บต่อ
“จะห้ามไม่ให้คุณน้องทุกข์อกทุกข์ใจก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกใช่มั้ยคะเพราะตอนที่ท่านหลงคุณน้อง ขนาดพี่ปลอบใจตัวเอง แค่ผู้ชายหลงของเล่นใหม่ๆก็ยังอดบอกตัวเองไม่ได้ว่า แหงละ...เรามันเป็นของแค่เก่า เค้าจะทิ้งจะขว้างตอนไหนก็คงห้ามเค้าไม่ได้”
“ตอนนี้ฉันก็ตกอยู่ในสภาพ ของเก่าเหมือนคุณหญิงพี่”
“คิดซะว่ากรรมตามทันแล้วกันค่ะ จะได้ไม่เจ็บไม่ปวดใจ” สุดาพูดเหมือนปลง แต่จริงๆ กำลังเขี่ยไฟริษยา
ภาพิศมองสุดาอย่างเสียใจ “ถึงจะคิดยังไง ฉันก็เจ็บก็ทุกข์อยู่ดี
“งั้น..ก็เอาคืนสิคะ....คุณน้องเป็นคนฉลาด น่าจะรู้ว่าต้องเอาคืนยังไง?ถ้าทุกข์มากจนคิดไม่ได้...ก็ทำเหมือนที่คุณน้องเคยทำ ตอนแย่งท่านไปจากพี่สิค่ะ ง่ายดี”
คุณหญิงสุดาเสี้ยม
วันต่อมา ภาพิศเดินเข้ามาที่หน้าออฟฟิศสตาร์ อินเทรนด์ด้วยท่าทีปกติ แต่ดวงตาเหมือนมีแผนการ พอไปถึงจุดที่มีผู้คนก็แกล้งเป็นลมล้มลงไปทันที
ผู้คนแถวนั้น รปภ.ตกใจวิ่งหน้าตื่นมาหา
ส่วนด้านใน จ๋า มะยม ทำงานกันอยู่หน้ายุ่ง สายตามะยมอยู่กับต้นฉบับที่หน้าคอมพ์ ขณะถามจ๋า
“จะให้ใบ้เพิ่มมั้ยคะพี่จ๋า...ว่านักร้องสาวที่วิ่งเข้าหาพระเอกคิ้วดก เป็นใคร”
จ๋าอ่านแล้ว เอ่ยขึ้น “พอหอมปากหอคอแบบนี้ดีแล้วล่ะ หยิกแกมหยอกเบาๆ พอให้เค้ารู้ตัว จะได้ไม่ทำอะไรที่มันน่าอายอีก”
จู่ๆ นิควิ่งหน้าตื่นเข้ามา “คุณภาพิศเป็นลมอยู่หน้าออฟฟิศเรา”
ทุกคนตกใจมองนิคเป็นตาเดียว
ตรงโซฟา ภายในห้องรับแขกของสตาร์ อินเทรนด์ มะยมกับจ๋า กำลังช่วยกันให้ยาลม ยาหม่อง บีบนวด พัดวีภาพิศที่แกล้งนอนหมดแรงอยู่ตรงหน้า
“ท่าทางคุณภาพิศไม่ดีเลย...พาส่งรพ.ดีมั้ยครับพี่จ๋า” นิคว่า
จ๋ายังไม่ทันตอบ ภาพิศก็แกล้งลืมตาขึ้น พูดเหมือนคนอ่อนแรงเต็มที
“พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่แพ้ท้องหนัก อาเจียนบ่อยจนหมดแรง..แล้วก็กลุ้มใจ”
ทุกคนมองภาพิศเป็นตาเดียว อย่างสนใจใคร่รู้ ว่ากลุ้มเรื่องอะไร จู่ๆ ภาพิศถามขึ้น
“หนูก้างอยู่มั้ยคะ? ฉันอยากคุยด้วย”
จ๋ามองงงๆ ว่าใครกันคือก้าง มะยมตอบ
“ลาออกไปแล้วค่ะ”
ภาพิศแสร้งทำเป็นตกใจ “ลาออก” เปลี่ยนท่าทีเป็นข่มขื่น ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ “ท่านอารักษ์คงดูแลน้องเค้าเป็นอย่างดี...น้องเค้าถึงได้ลาออก”
คราวนี้นิคกับมะยมหน้าเสีย มองกันเลิ่กลั่ก ขณะที่จ๋างงไปใหญ่ ภาพิศพูดต่อ
“พี่ก็ไม่ได้มาเพื่อต่อว่าอะไรหรอกนะคะ..พี่เข้าใจ...ว่าน้องเค้าอยากสบายแต่พี่อยากให้เห็นใจเด็กในท้องของพี่บ้าง ยังไงฝากบอกน้องเค้าด้วยนะคะปล่อยท่านกลับมาหาพี่กับลูกหน่อย ขอบคุณค่ะ”
ภาพิศเดินออกไปในอาการของคนหมดแรง มะยม กะจ๋าวิ่งเข้าไปประคองอย่างสงสาร
“ฉันช่วยค่ะ” สองคนประสานเสียง
ภาพิศยิ้มหวานอ่อนโยนและแสนดี “พี่ไม่เป็นไร...อย่าลืมนะคะ...บอกน้องเค้า อย่าทำร้ายพี่
กับลูกนักเลย ปล่อยท่านกลับมาหาพี่ด้วยค่ะ” พูดจบก็เดินโผเผออกไป
ภาพิศลับตัวไปแล้ว บอกอจ๋าปวดตับ หน้าเมื่อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจ
“นี่กาวลาออกไปเป็นเมียน้อยท่านอารักษ์ ตาย! ฉันวิ่งรอกหาแต่ข่าวคนอื่น จนไม่รู้เลยว่าลูกน้องตัวเอง ไปเป็นเมียน้อยชาวบ้านเค้า เป็นไปได้ยังไง”
นิคกับมะยหน้าเจื่อน
เวลาต่อมามะยมเดินพรวดๆๆ ออกมาจากออฟฟิศ ใบหน้าถมึงทึงโกรธ และเหวี่ยงมาก นิคตามมาเป็นห่วงเพื่อน
“ใจเย็นๆ ก่อนมะยม”
“ต่อให้เย็นเป็นน้ำแข็งขั้วโลกยังไงก็ต้องละลาย” มะยมหยุดกึก หันขวับไปจ้องหน้านิค “หรือแก
ไม่อายวะนิค..คุณภาพิศเค้ามาด่าถึงที่ เค้ามาทวงสามีเค้าคืนถึงที่” ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ “กาวนะกาวทำได้ยังไง”
มะยมควักมือถือมากดโทร.ออก
“แกจะทำอะไร?”
“บ๊ะไอ้นี่..ไม่เห็นหรือไง ว่าโทรศัพท์”
นิคโล่งพ่นลมหายใจออกมา มองมะยมเป็นเชิงถาม มะยมบอก
“ฉันจะโทรฯหาตัวต้นเหตุ”
ขณะนั้นกรรณนรีกราดสายตามองข้าวของทุกสิ่งอย่างในห้อง ก่อนจะคำรามในลำคออย่างคั่งแค้น
“ฉันจะล้างผลาญมันให้หมดเลย ท่านอารักษ์”
เสียงมือถือดัง กรรณนรีสะดุ้ง พอเห็นเป็นเบอร์มะยมก็ดีใจมากรีบรับ
“ว่าไงมะยม”
“แกอยู่ไหน? ฉันจะไปหาแก”
สีหน้ากรรณนรีดีใจมาก ขณะที่มะยมเสียงแข็งเป็นมะนาวไม่มีน้ำ
ไม่นานต่อมา กรรณนรีอยู่ในห้อง ยินเสียงเคาะประตูดัง กรรณนรียิ้มดีใจวิ่งออกมาเปิด แต่ทันทีที่จับลูกบิดเปิด ประตูก็ถูกผลักเข้ามา พร้อมร่างมะยมที่หน้าบึ้งตึงอย่างเอาเรื่อง โดยมีนิคตามหลังมากรรณนรีเห็นหน้าเพื่อนก็มองอย่างสงสัย
“ทำไมทำหน้ากันอย่างนี้”
มะยมเยาะหยัน “มาหาคนที่เป็นเมียน้อย ต้องทำหน้ายังไง”
กรรณนรีหน้าเสีย แล้วเปลี่ยนเป็นโกรธ ทั้งเสียใจ และน้อยใจ ประชดออกไป
“ฉันก็หลงดีใจ ว่าแกมาดี”
มะยมเสียงสั่นเครือ มองกรรณนรีอย่างเจ็บปวด เสียงอ่อนลง “ฉันก็อยากมาหาแกดีๆ เหมือนกันกาว แต่พอนึกภาพคุณภาพิศเค้าอุ้มท้องไปทวงสามีของเค้าคืน” เสียงมะยมเครือหนัก “ฉันทำไม่ได้”
กรรณนรีเสียงสั่นตกใจ แทบจะเป็นลมทั้งยืน “อะไรนะคุณภาพิศ...”
นิคแทรกขึ้นน้ำเสียงเข้ม “แกฟังไม่ผิดหรอกกาว? เค้าอุ้มท้องไปหาพวกฉันถึงออฟฟิศ” นิคเน้นชัดๆ ทุกถ้อยคำ “ขอท่านอารักษ์คืน จากแก”
กรรณนรีหน้าซีดขาวราวกระดาษ “ถอยกรูดเข้าไปด้านใน ร่างแทบทรุดลง มะยมอ้อนวอนอย่างมีหวัง
“แกเลิกยุ่งกับท่านอารักษ์นะกาว...นะฉันขอร้อง”
กรรณนรีนิ่งนึกเสียใจ แวบหนึ่งนั้นก็ฮึดขึ้นมา “ไม่...ฉันทำไม่ได้”
มะยมมองจ้องด้วยสีหน้าผิดหวังมาก “ทำไมกาว” มะยมจับไหล่กรรณนรีเขย่าๆ “ทำไม”
กรรณนรีจับมือมะยมเอาไว้ “ฉันเสียอะไรไปแล้วตั้งมากมาย” กรรณนรีเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเข้มเคร่ง “ฉันจะปล่อยท่านไปได้ง่ายๆ ได้ยังไง”
ในความหมายของกรรณนรี หญิงสาวหมายถึง สูญเสียหลายสิ่งอย่างในชีวิตให้อารักษ์
มะยมมองอย่างผิดหวังหนัก คิดไปอีกอย่าง บอกเสียงเครือสั่น พูดช้าๆ ชัดๆ สะเทือนใจเอามากๆ
“ที่ฉันมาที่นี่ตอนแรกเพราะฉันยังหวังว่าจะได้ยิน...คำปฏิเสธจากแก ว่าแกไม่ได้มีอะไรกับท่านอารักษ์ แต่นี่...แกมันเลวจริงๆกาว เลว” มะยมของขึ้นเต็มที่ ตรงเข้าไปขย้ำกรรณนรี “แกทำร้ายคนที่แกรักได้ยังไง ทั้งคุณสรวง คุณภาพิศ พ่อแกจะรู้สึกยังไงที่แกเป็นเมียน้อยคนอื่น” มะยมจับร่างกรรณนรีเขย่าๆ อย่างกราดเกรี้ยว
นิคตกใจ เข้ามาห้ามเสียงหลง “เฮ้ย! มะยม หยุด”
มะยมสะบัดนิคออกสุดแรง “ฉันไม่หยุด” กระชากกรรณนรีต่อ “ฉันจะตบเรียกสตินังกาว”
มะยมตบตีกรรณนรีไม่ยั้ง ตบเพื่อเรียกสติเพื่อน ไม่ใช่เพราะเคียดแค้นชิงชังแต่อย่างใด
เวลาเดียวกันนั้น อารักษ์ขับรถมาจอดที่หน้าคอนโด ก้าวลงมาพร้อมรอยยิ้มละไม แหงนหน้ามองขึ้นไปยังห้องกรรณนรีบนคอนโด ด้วยแววตาของเสือร้ายหมายขย้ำเหยื่อ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหน้าลิฟท์
ภายในห้อง มะยมทั้งร้องไห้ ทั้งกระชากลากถู จับตัวกรรณนรีเขย่า ในขณะที่กรรณนรีเอาแต่ร้องไห้
“ปล่อยฉันมะยม ฉันเจ็บ อย่าทำฉัน ปล่อย”
นิคดึงมะยมออกร้องไห้เหมือนกัน “หยุดมะยม หยุด..ฉันขอ หยุด”
มะยมบันดาลโทสะไม่ยอมปล่อยแต่ไม่ตี ร้องไห้ถาม เหมือนคนใจจะขาด
“แกบอกฉันมาสิกาว มันเรื่องอะไร? แกถึงต้องขายศักดิ์ศรีตัวเอง มาเป็นเมียน้อยเค้า แกบอกฉันมาสิกาว”
กรรณนรีอ้ำอึ้ง น้ำท่วมปาก “ฉัน...ฉัน”
“บอกมานะกาว...ฉันพร้อมรับฟัง เหตุผลจากแกทุกอย่าง” นิคว่า
กรรณนรีมองเพื่อนอย่างตื้นตัน ในขณะที่อารักษ์กำลังมุ่งหน้าตรงมาหน้าห้อง
กรรณนรีอึกอัก “ฉัน..ฉัน...”
มะยมถามรัวเร็ว อ้อนวอนอยู่ในที “ฉันมั่นใจแกเป็นคนดี...แกต้องมีเหตุผล แกบอกฉันมานะกาว”
“บอกพวกเรานะกาว...แกก็รู้ ยังไงพวกฉันก็ไม่ทิ้งแก” นิคเสริม
กรรณนรีใจชื้น มองสองเพื่อนซี้อย่างเต็มตื้นพยักหน้าให้ “ฮื่อ...ฉันจะบอก...พวกแกจะได้ช่วยฉัน”
จู่ๆ ประตูห้องถูกเคาะดังปังๆ พร้อมกับยินเสียงอารักษ์แทรกเข้ามา เสียงหวานสะท้านจิต
“หนูจ๋า...ฉันมาหาหนูแล้วจ้ะ”
สามคนมองหน้ากันอย่างตื่นตะลึง กรรณนรีหน้าเสีย คิดในใจว่าทำไมต้องมาตอนนี้ นิคกะมะยมมองหน้ากันด้วยความผิดหวัง
สรวงทำงานอยู่ในห้องไม่รู้เรื่อง หยิบมือถือมากด โทร.หากรรณนรี
บรรยากาศเงียบกริบ สามคนนั่งอึ้ง เสียงมือถือกรรณนรีดัง นิคกับมะยมมองมาที่มือถือ เห็นเป็นชื่อสรวง
“คุณสรวง” มะยมคราง
กรรณนรีหน้าเสีย กำลังจะคว้าโทรศัพท์ แต่ประตูก็ถูกเปิด พร้อมอารักษ์ก้าวเข้ามา ในมือมีกุญแจ
สรวงรอสายอย่างมีหวัง ก่อนจะถอนหายใจอย่างเจ็บปวดที่กรรณนรีไม่รับสาย
ขณะที่อารักษ์มองกราดไปที่นิคกับมะยม ถามอย่างแปลกใจ
“พวกเธอมาที่นี่ทำไม?” มองกรรณนรี พอเห็นกรรณนรีร้องไห้รีบเข้าไปโอ๋ “หนู…
หนูเป็นอะไร” อารักษ์มองนิคกับมะยมอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเค้าทำร้ายหนูใช่มั้ย” นายพลสูงวัยลุกขึ้นชี้หน้าไล่ตะเพิด “ออกไปเลยนะ พวกเธอสองคนออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
กรรณนรีตกใจรีบห้าม “อย่าค่ะท่าน”
อารักษ์เสียงแข็ง “ไม่ต้องห้าม ดูก็รู้ว่าพวกเค้ามาเพื่อทำร้ายหนู” พูดพลางกอดกรรณนรีอย่างปกป้อง ออกไป”
มะยมมองอารักษ์อย่างรังเกียจ และไม่ให้เกียรติอีกต่อไป “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเพื่อนฉัน”
อารักษ์ตะคอก “คุยเหรอ? เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ? ออกไป..ฉันบอกให้ออกไป”
กรรณนรีตัดบทเพื่อตัดปัญหา “กลับก่อนเถอะ”
นิคกับมะยมบอกเป็นเสียงเดียวกัน “แต่แกมีเรื่องจะบอกฉัน”
อารักษ์สงสัย “เรื่องอะไร”
“ไม่มีค่ะ...” กรรณนรีหันไปพูดกับสองเพื่อน “ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับพวกแก กลับไปก่อน เร็ว”
นิคกับมะยมมองกรรณนรีอึ้งๆ ทั้งผิดหวัง และเข้าใจผิดไปใหญ่ โดยไม่รู้ว่ากรรณนรีกลัวมีเรื่อง จึงรีบตัดบท
“กลับไปสิ”
มะยมกับนิคมองกรรณนรี เสียใจมาก
“ได้...ฉันจะกลับ”
อารักษ์ขึ้นเสียง “ก็กลับไปเลย มายืนจ้องหน้าอะไร ไม่มีมารยาท ไป๊”
มะยมกับนิคมองกรรณนรี ทั้งผิดหวัง เสียใจ และเจ็บปวดร้าวราน มะยมร้องไห้สะบัดหน้าไป นิคเหลียวมามองกรรณนรี ด้วยความรู้สึกผิดหวังเสียใจไม่ต่างกัน ก่อนจะวิ่งตามมะยมออกไป
มะยมวิ่งร้องไห้มาตามทางหน้าคอนโด นิคตามมาทันคว้าไหล่เพื่อนรักมากอด มะยมน้ำตาคลอ เจ็บปวดผิดหวังกรรณนรีเหลือแสน
“แกเห็นแล้วใช่มั้ยนิค กาวกับท่านอารักษ์...กาวมันเปลี่ยนไปจริงๆ”
“ใช่...กาวเปลี่ยนไป”
“ต่อไปฉันจะไม่ยุ่งกับมันอีก ฉันจะไม่คบกับมันอีก”
นิคพยักหน้าเอาด้วย “ฉันเข้าใจ...” นิคเหลียวมองกลับไปที่คอนโดกรรณนรี “ความเป็นเพื่อนของเรา คงจบกันแค่นี้กาว ไป”
นิคกอดคอมะยมเดินออกไป สองคนเสียใจมากที่ต้องเสียกรรณนรีไปในสภาพที่คาดไม่ถึง
ส่วนภายในห้อง อารักษ์พยายามกอดหมายจะปลอบกรรณนรี ทว่าถูกกรรณนรีผลักออก อารักษ์มอง สีหน้าระแวง
“พวกมันสองคนมาเป่าหูหนูใช่มั้ย”
กรรณนรีงง “เป่าหูอะไรคะ”
“ก็ทำให้หนูรังเกียจฉันไง...” อารักษ์ระแวงผสมกังวล “ใช่....มันสองคนต้องมาว่าหนู ต้อง
มาทำให้หนูเสียใจ” นายพลนักรักอ้อนวอน “หนู...ฉันยังไม่แก่นะ...ฉันยังสมาร์ท ฉันยังอยู่ดูแลหนู คอยปกป้องหนูได้อีกนาน”
กรรณนรีมองอย่างสมเพช แต่ในขณะเดียวกันก็คิดแผนในใจ โต้ตอบอารักษ์ทันที
“ปกป้องได้เหรอคะ? แล้วทำไมท่านถึงปล่อยให้คุณภาพิศไปด่าหนูถึงสำนักพิมพ์”
อารักษ์ตกตะลึง “ว่าไงนะ? ภาพิศไปด่าหนูถึงสำนักพิมพ์”
“ค่ะ...เค้าทำให้หนูอับอาย เพื่อนๆ รังเกียจหนู....” กรรณนรี บีบน้ำตาตีหน้าเศร้า ใส่จริต “ตอนนี้ ใครๆ เค้าก็เข้าใจผิดไปหมดแล้วว่าหนูเป็นเมียน้อยท่าน”
เบื้องแรกอารักษ์ยิ้มอย่างดีใจ กรรณนรีเห็นสีหน้าอารักษ์ก็ยิ่งนึกรังเกียจ
“แต่หนูไม่ยอมนะคะ หนูไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าหนูว่าเป็นเมียน้อยเด็ดขาด ท่านต้องจัดการให้หนู”
อารักษ์เสียงเข้ม “ได้..ฉันจะจัดการให้หนู.....รับรองภาพิศจะไม่กล้ามายุ่งกับหนูอีกเป็นอันขาด” หน้าตาอารักษ์ดุดัน และจริงจังมากขณะคว้ากรรณนรีมากอด
กรรณนรียืนนิ่งคิดในใจ “แล้วแม่จะได้รู้....ผู้ชายคนนี้มันเลวแค่ไหน? แม่จะได้หลุดพ้นจากมันซะที”
สายตาที่กรรณนรีมองอารักษ์ มีแต่ความเคียดแค้นชิงชัง แต่อารักษ์ไม่ทันสังเกตเห็นเพราะมัวแต่โกรธภาพิศ
ค่ำคืนนั้น ภาพิศถามย้ำกับอารักษ์ ในอาการตกใจสุดขีด หน้าซีดเผือด
“อะไรนะคะ ท่านจะให้ภาออกจากบ้าน”
“ใช่!” ภาพิศมองจ้องพูดไม่ออก อารักษ์พูดต่อ “ตอนแรกฉันยังคิด ถึงจะเลิกรากันไป แต่ฉันยังจะให้เธออยู่ที่นี่ มีความสุขสบายเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่เธอฉีกหน้าฉัน เธอไม่ไว้หน้าฉัน”
ภาพิศงุนงง ย้อนถามอย่างตกใจ “ภาฉีกหน้าท่าน ภาไม่ไว้หน้าท่านยังไงคะ”
“แล้วการที่เธอบุกไปหาหนูศุ ไปอาละวาดตบตีหนูศุ มันแปลว่าอะไร”
ภาพิศหน้าถอดสี ขมขื่น และเจ็บปวดรวดร้าวในใจ ขณะที่อารักษ์ด่าว่าต่ออีก
“ขนาดคุณหญิงสุดา เค้ายังไม่ทำ แต่เธอทำ เธอกล้ามาก ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย ภาพิศ” นายพลนักรักชี้ไปทางประตู ภาพิศร้องไห้โฮ
เช้าวันต่อมา ในขณะที่สรวงทำงานอยู่ เสียงโทรศัพท์ดัง สรวงรับ
“ครับ..คุณภาพิศ”
ภาพิศดวงหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ ท่าทางเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืนคุยสาย
“ท่านไล่พี่กับลูกออกจากบ้าน”
สรวงตกใจมาก “ว่าไงนะครับคุณพ่อไล่คุณออกจากบ้าน”
“ค่ะ...นี่พี่ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน มัวแต่คิด กลุ้มใจ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร พี่รบกวนขอไปหาคุณสรวงนะคะ”
“ครับ” สรวงรับคำ ในอาการกลัดกลุ้มมาก
ภาพิศวางสายดวงตาวาวโรจน์อย่างคนไม่ยอมแพ้ ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับกรรณนรีแน่นอน
อ่ า น ต่ อ ไ ฟ ม า ร ต อ น ที่ 10