สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 4
กุหลาบเดินมาหยิบชุดให้จอมขวัญ มองหาอะไรบางอย่างรอบๆ ตัว และเหลือบไปเห็นจิ้งจกที่เกาะอยู่เสา กุหลาบรีบตะครุบจิ้งจกมาใส่ในเสื้อของจอมขวัญ แล้วเขย่าๆให้จิ้งจกลงไปเกาะอยู่ข้างในเสื้อ
“เรื่องเยอะนักใช่มั้ยยัยจอมขวัญ…ต้องเจอไม้ตายของชั้น...จิ้งจกสยบมาร”
กุหลาบยิ้มสะใจ
ไม่นานต่อมา จอมขวัญขึ้นมาร้องเพลงบนเวทีแล้ว ในลีลายั่วยวนเซ็กซี่ตามสไตล์ แม่ยก พ่อยก คนดูต่างลุกขึ้นมาเต้นกันอย่างสนุกสนาน
สักครู่หนึ่ง ขณะร้องเต้นจอมขวัญเริ่มรู้สึกแปลกๆ เริ่มร้องเพลงตะกุกตะกักแล้วบิดตัวไปมาเหมือนมีอะไรอยู่ในเสื้อ จอมขวัญหน้าเหยเก พยายามเอามือจับตรงที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอยู่
ส่วนกุหลาบ สมหวัง และบาส ยืนดูอยู่ข้างเวที กุหลาบเห็นจอมขวัญบิดไปมาจึงขำออกมา
สมหวังแปลกใจ “ขำอะไรพี่กุหลาบ”
กุหลาบหัวเราะชี้ให้ดู “ดูยัยจอมขวัญสิ…บิดไปมายังกะเป็นง่อย”
“จริงด้วย!...เค้าเป็นอะไรของเค้า” บาสงง
“โปรดติดตามตอนต่อไป!” กุหลาบพูดเป็นนัย
ด้านจอมขวัญ เริ่มอยู่ไม่สุข เดินไปเดินมาทั่วเวที บรรดาแม่ยก พ่อยก มาออกันหน้าเวทีจะคล้องพวงมาลัย จอมขวัญมานั่งคุกเข่ารับพวงมาลัยจากบรรดาแม่ยกพ่อยก
ระหว่างนั้นเอง ไอ้สิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในเสื้อก็ไต่มาถึงที่คอเสื้อ จอมขวัญได้โอกาสหยิบออกมา พอเห็นเป็นจิ้งจก! จอมขวัญกรี๊ดแตก แล้วรีบปัดออก….จังหวะที่จอมขวัญจะลุกขึ้นยืน รองเท้าส้นสูงเกิดพลิกขึ้นมาอีก ทำให้ตัวจอมขวัญพลาดตกลงจากเวที
พ่อยกแม่ยกต่างรับตัวจอมขวัญไว้ และรุมทึ้งจอมขวัญพัลวัน
สมหวังกับบาสต่างตกใจ ส่วนกุหลาบอดไม่ไหวยืนหัวเราะขำอยู่คนเดียว สายฟ้าและทีมงานรีบเข้าไปช่วยจอมขวัญขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง
จอมขวัญหน้าแหยๆ แต่ต้องร้องต่อจนจบเพลง!
สายฟ้า เจ๊เนาว์นั่งนับเงิน ค่าจ้างที่ได้จากเสี่ยอยู่
“เสี่ยนี่มันไม่ครบนี่ ขาดไปตั้งหมื่นนึง” สายฟ้าถาม งงๆ
“ได้เท่านั้นแหละ จะให้ครบได้ยังไง นักร้องมาก็สาย ดูซิแถมเล่นยังตกเวทีอีก” เสี่ยชัยว่า
“มันเป็นมุขการแสดง คืนกำไรให้คนดู ดูสิแฟนคลับชอบจะตาย” เจ๊เนาว์บอก
เสี่ยชัยไม่สน “อั๊วไม่สน ให้แค่นี้ จะเอาก็เอา ถ้าไม่เอางานหน้าก็ไม่ต้องมาพูดกัน”
ขณะที่เสี่ยชัยกำลังจะเดินไปสายฟ้าเดินไปฉุดแขนไว้
“ไม่ได้นะเสี่ย…เราตกลงกันไว้เท่าไหนก็ต้องได้เท่านั้นสิ นี่อะไรหักกันตั้งเป็นหมื่น ไม่มากไปหน่อยเหรอ”
“อั๊วว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ดูวงลื้อสิทำงานไม่เป็นมืออาชีพเลย อะไรๆ ก็ไม่พัฒนาสักอย่าง นี่เห็นว่านักร้องดังหรอกนะ อั๊วถึงจ้างมาหรอก จะเอามั้ยเงินน่ะ ถ้าไม่เอาก็เอาคืนมา”
สายฟ้าฉุน “เฮ้ย!...แบบนี้มันโกงกันนี่หว่า”
ชูชนะอยู่ด้วยร้องปราม “เอาน่า สายฟ้า…ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น”
“พ่อ” สายฟ้าขัดใจ
เสี่ยชัยสะบัดมือสายฟ้าออกจากแล้วเดินออกไป
เจ๊เนาว์ด่าไล่หลัง “ไอ้เจ๊กหน้าเลือด! ไอ้เจ๊กขี้โกง! งกนักใช่มั้ย!เช็งเม้งปีนี้กูจะเผากงเต็กไปให้…”
สายฟ้า หยิบเงินครึ่งหนึ่งให้ให้เจ๊เนาว์
สายฟ้าบอก “เจ๊เอาเงินนี่ไปให้แด้นเซอร์กับนักดนตรีก่อนนะ”
เจ๊เนาว์สะท้อนใจ “ครึ่งเดียวเองนะสายฟ้า”
“ที่เหลือให้ไปเอาที่ออฟฟิศ”
สายฟ้าถอนหายใจเฮือก สีหน้าเครียดเคร่ง เจ๊เนาว์ มองอย่างเห็นใจ
ตรงมุมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หลังเวที สมหวัง และกุหลาบ ช่วยกันเก็บชุด โดยมีบาสมาช่วยสมหวังเป็นการเฉพาะ
พวกบรรดาแด้นเซอร์เต้นเสร็จ ก็ทยอยลงมาจากเวที กุหลาบยืนหัวเราะอยู่
บาสสงสัย “เป็นอะไรของเธอห๊ะ…เห็นหัวเราะไม่หยุดสักที”
“ชั้นสะใจยัยจอมขวัญน่ะสิ…หน้าทิ่มลงมาจากเวทีไม่เป็นท่าแบบนั้นอ่ะ”
ทันทีที่กุหลาบพูดจบ บาสก็หัวเราะตาม
“เออ..นึกแล้วก็ขำ…สงสัยพี่แกคงนึกว่าเล่นบันจี้จัมพ์อยู่ ถลาลงมาสุดตัวเลย!”
“ดีนะที่ยังมีพวกแฟนคลับรอรับอยู่ข้างล่าง ไม่งั้นมีหวังดั้งหักแน่ๆ” สมหวังว่า
เจ๊เนาว์ กะเจ๊จุ๊ เดินเข้ามา เห็นสามคนขำคิกคักเจ๊เนาว์เลยสงสัย “ขำอะไรกันย่ะ”
กุหลาบรีบบอก “ก็ขำยัยจอมขวัญน่ะสิ…เจ๊ไม่ขำเหรอ”
“ขำสิ…นานๆ จะสะใจแบบนี้สักที” เจ๊เนาว์ว่า
จู่ๆ เจ๊จุ๊เอ่ยขึ้น “เสียดาย”
เจ๊เนาว์จ้องหน้า “เสียดายอะไรของแก”
“เสียดายที่วิ่งไปหน้าเวทีไม่ทัน ไม่งั้นนะจะแฝงเป็นแฟนคลับแล้วกระทืบๆ ให้จมดินเลย”
ทุกคนหัวเราะฮาแตกไปกับเจ๊จุ๊
ระหว่างนั้น จอมขวัญเดินเข้ามา เจ๊จุ๊เห็นเป็นคนแรกชะงัก หยุดขำทันที เจ๊เนาว์หยุดขำเป็นคนต่อมา! แต่กุหลาบ บาส สมหวัง ยังหัวเราะค้างอยู่ เจ๊เนาว์ชี้นิ้วไปข้างหลังให้รู้ว่าจอมขวัญมาแล้ว สมหวังกับบาสเห็นก็หยุดขำ กุหลาบไม่ทันเห็นที่เจ๊เนาว์ชี้นิ้วยังคงขำอยู่
“ขำกันมากนักใช่มั้ยที่เห็นชั้นตกเวทีน่ะ!”
จอมขวัญหันไปประจันหน้ากับกุหลาบเข้าพอดี กุหลาบชะงัก!
กุหลาบแถ “เปล่า…พวกชั้นหัวเราะดีใจที่งานใกล้เสร็จแล้วต่างหาก”
“หัวเราะไปเหอะ…ชั้นไม่ถือสาหรอก คิดว่าเล่นตลก” จอมขวัญไม่เชื่อ พูดกระแทกเสียงใส่ “ให้หมาแมวมันดูแล้วกัน!”
จอมขวัญเดินเชิดดดดออกไป
ทุกคนยังหัวเราะกันต่อคิกคัก
เจ๊เนาว์เรียกแด้นเซอร์มารับเงิน “นี่หล่อนๆ ทั้งหลายมาเอาเงินกันเร็วๆ”
แด้นเซอร์กรี๊ดดีใจ วิ่งกรูกันเข้ามาหาเจ๊เนาว์
“ไม่ต้องเบียดกันได้กันทุกคน”
เจ๊เนาว์ยื่นเงินให้แด้นเซอร์ พอนับเงินต่างก็โวยวาย
“เจ๊…ทำไมได้ครึ่งเดียวเองล่ะ”
“ใช่…ไหนบอกว่าจะจ่ายเต็มไง!”
แด้นเซอร์ทุกคนต่างโวยวาย
เจ๊เนาว์เสียงดัง “หยุด!...จะเอาหรือไม่เอา”
แด้นเซอร์ทุกคนเงียบกริบ ก่อนจะประสานเสียงขึ้นมา “เอา”
“เอาไปครึ่งเดียวก่อน…ยังเคลียร์บัญชีไม่เสร็จ ที่เหลือไปเอาที่ออฟฟิศ”
เจ๊เนาว์บอก และท่องวลีนี้เอาไว้จนขึ้นใจ
สายฟ้าดูเครียดอยู่ ก่อนจะหันไปหยิบเงินส่วนหนึ่งมาแบ่งใส่ซอง จอมขวัญเดินคิ้วขมวดเข้ามา เห็นสายฟ้านั่งอยู่คนเดียว ก็คลายขมวดคิ้ว แล้วทำสำออยเดินขากระเผลกๆ ไปนั่งตักสายฟ้า
จอมขวัญอ้อน “พี่สายฟ้า…ดูสิชั้นเจ็บไปหมดเลย”
สายฟ้าดันจอมขวัญออก แล้วให้จอมขวัญนั่งเก้าอี้แทน จอมขวัญอารมณ์เสีย ทำหน้าหยีใส่!
“ทีหลังก็ระมัดระวังให้มากกว่านี้หน่อย”
“พี่สายฟ้า! นี่ไม่เป็นห่วงกันเลยเหรอ” จอมขวัญปรี๊ด
“เป็นห่วง…”
จอมขวัญหงุดหงิด “ชั้นจะกลับแล้ว…ค่าตัวชั้นล่ะ”
สายฟ้ายื่นซองให้ จอมขวัญหยิบเงินขึ้นมานับ
“นี่มันไม่ครบนี่! ก็ตกลงกันว่างานนี้จะเพิ่มให้อีกหมื่นนึงไง”
“ไว้เพิ่มงานหน้านะ..ครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ”
“ไม่ได้! ก็ตกลงกันไว้แล้ว ชั้นทำงานเหนื่อยนะ ไม่เห็นใจชั้นบ้างเหรอ!”
“ก็เพราะเธอมาช้าเจ้าภาพเค้าก็เลยตัดเงิน จะให้พี่ทำยังไง”
“อย่ามาโทษชั้นนะ…มาช้าแค่นิดหน่อยเองจะมาตัดเงินอะไรกัน เล่นก็เล่นให้แล้ว” จอมขวัญเถียง
“ถ้าพี่เพิ่มให้เธองานนี้ แล้วพี่จะเอาที่ไหนไปจ่ายคนอื่นล่ะ”
จอมขวัญไม่สน “นั่นมันเรื่องของพี่!...ไม่รู้ล่ะ ยังไงครั้งนี้ชั้นต้องได้เงินเพิ่มอีกหมื่นนึง”
สายฟ้าขอร้องดีๆ “คราวหน้านะจอมขวัญ”
“ถ้าไม่มีคราวนี้ก็ไม่มีคราวหน้า! ถ้าคราวหน้าชั้นเล่นเสร็จเดี๋ยวพี่ก็เลื่อนไปเป็นคราวนู้นอีก ถ้าชั้นไม่ได้วันนี้ อย่าหาว่าชั้นแล้งน้ำใจแล้วกัน…ชั้นขอลาออก”
จอมขวัญเดินออกไป
“จอมขวัญ” สายฟ้าเรียก จอมขวัญไม่ยอมหันมาแล
ระหว่างนั้นสำลีเดินสวนเข้ามา ถามทันที “พี่สายฟ้า…ทำไมผมได้ครึ่งเดียวเองล่ะ”
สายฟ้าที่เหลือไปเอาที่ออฟฟิศ
“ไม่ได้นะ…พี่สัญญากับผมไว้แล้วว่าจะให้เต็มไง ผมต้องเอาเงินไปใช้เค้าคืนนี้” สำลีโวย
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไงบอกให้ไปเอาที่ออฟฟิศ!”
สายฟ้ากำลังจะตามจอมขวัญออกไป ปอยฝ้ายและบรรดานักดนตรีก็เดินเข้ามาดักหน้าสายฟ้า
“พี่สายฟ้าทำไมเงินไม่ครบล่ะ”
สายฟ้ายิ่งเครียด
“เอาไปแค่นี้ก่อน ที่เหลือให้ไปเอาที่ออฟฟิศ ถ้าอยากรู้รายเอียดอย่างอื่นให้ไปถามเจ๊เนาว์”
ปอยฝ้ายโวย “ไม่ได้นะพี่…ผมไม่ได้ส่งเงินให้แม่หลายเดือนนะ”
นักดนตรีอีกคนโวย “จ่ายแค่ครึ่งเดียว แบบนี้โกงกันนี่ คนอื่นเค้าเดือดร้อนเป็นเหมือนกันนะพี่!”
“ใช่!...โกงกันเห็นๆ เฮ้ย!..พวกเรา ถ้าได้เงินไม่ครบ งานหน้าไม่ต้องเล่น วงนี้มันใกล้เจ๊งแล้ว เตรียมย้ายไปอยู่วงอื่นได้เลย” หนึ่งในนักดนตรีในกลุ่มบอกอย่างขุ่นมัว
พูดเสร็จทุกคนก็ยกพวกเดินออกไป สายฟ้าเครียด!
ขณะที่สมหวัง กุหลาบ และบาส กำลังเก็บของกันอยู่ บาสหันไปเห็นแด้นเซอร์รับเงินกันอยู่
“เค้าได้เงินกันแล้ว เราไปเอาค่าแรงกันบ้างมะ” บาสชวน
“พี่บาสไปเอาก่อนเถอะจ้ะ…เดี๋ยวขอเก็บของตรงนี้ให้เสร็จก่อน” สมหวังว่า
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปเอาให้”
กุหลาบบอกบาส “ของชั้นด้วยนะ”
บาสเดินเข้ามาหาเจ๊เนาว์ “เจ๊ เงินของพวกผมสามคนอ่ะ”
เจ๊เนาว์เปิดรายชื่อบัญชีดู หาไม่เจอ
“ของพวกเธอสามคนไม่มีนะ ลองไปถามสายฟ้าดูสิ”
“อ้าว…ไม่มีได้ยังไงอ่ะ”
“บอกให้ไปถามสายฟ้าดูไง”
บาสเดินเกาหัวแบบงงๆ ย้อนมาหากุหลาบกับสมหวัง
“เจ๊เนาว์บอกว่าเรายังไม่ได้เงิน”
“อ้าว…ทำไมอ่ะ” กุหลาบงง
“ไม่รู้…เจ๊เนาว์บอกให้ไปถามพี่สายฟ้าเอาเอง” บาสว่า
“พวกพี่รออยู่ที่นี่แหละเดี๋ยวชั้นถามเอง”
สมหวังเดินออกไป
สายฟ้าแกะยาพารากิน ดื่มน้ำตาม แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ สมหวังเดินเข้ามา เห็นสายฟ้าฟุบหน้าอยู่
“คุณ”
สายฟ้าเงยหน้าขึ้นมามอง
“เงินค่าแรงพวกชั้นสามคนล่ะ”
สายฟ้าหยิบเงินจากสมุดบัญชี ยืนให้ดู สมหวังรับเงินจากสายฟ้าแล้วนับเงิน เห็นเป็นแบงค์ร้อยสามใบ
“สามคนนะคะ…ไม่ใช่คนเดียว”
สายฟ้าดูเครียด พูดท่าทีนิ่งๆ ไม่กวนเหมือนวันก่อนๆ
“เอาไปแบ่งกันก่อนนะ..ที่เหลือไปเอาที่ออฟฟิศนะ”
สมหวังมองสายฟ้าที่ดูสีหน้าไม่ดีและพูดจาอ่อนโยนเป็นคนละคน สมหวังกำลังจะอ้าปากถามว่าสายฟ้าว่าเป็นอะไร
“เออ…”
ระหว่างนั้นสายฟ้าล้วงเงินเงินจากกระเป๋าทั้งสองข้าง มีทั้งแบงค์ยี่สิบ แบงค์ร้อย รวมกันประมาณสามร้อย รวบรวมแล้วยื่นให้สมหวัง
“ถ้าไม่พอเอานี่ไปแบ่งกันก่อนนะ”
สมหวังงง “เออ…ไม่เป็นไร…เก็บไว้ก่อนก็ได้”
“ทำไม…เอาไปสิ ทำงานก็ได้เงิน”
“แล้วคุณมีติดตัวหรือเปล่า?”
สายฟ้าชะงัก นิ่งงันไป! เพราะเงินที่ตัวไม่เหลือแล้วจริงๆ
สายฟ้าอึกอัก “มีสิ!...ไม่ต้องห่วงชั้นหรอก”
“ชั้นไม่ได้ห่วงสักหน่อย…ชั้นก็แค่ถามดู”
“นั่นแหละเอาไปแบ่งกันก่อนนะ…ที่เหลือก็อย่างที่บอก ไปเอาที่ออฟฟิศ”
พูดจบสายฟ้าเดินเศร้าๆ ออกไป สมหวังได้แต่มองตามอย่างงงๆ ปนแปลกใจ
สมหวัง กะกุหลาบเตรียมตัวกำลังนอน กุหลาบบ้นไม่เลิก
“ทำงานทั้งวัน ร่างจะแตกได้เงินแค่ร้อยห้าสิบ พี่สายฟ้านะพี่สายฟ้า ทำร้ายกันได้ลง”
“พี่ยังมีเงินเดือนตำรวจอยู่แล้วจะไปกลัวอะไร”
“ทำงานหนักขนาดนี้ ได้เงินแค่นี้ พี่ไม่เคยเห็นนี่ ตอนสมัยม.ปลายพี่ช่วยแม่ขายขนมยังได้มากกว่านี้เลย พี่สายฟ้านี่เค็มไม่ใช่เล่นนะเนี่ย!”
“เค้ามีความจำเป็น…ก็ถูกตัดเงินไปเป็นหมื่น … เห็นนายสายฟ้าขรึมๆแบบนั้น ก็มีด้านอ่อนแอเหมือนกันนะพี่ ตอนที่ชั้นไปเอาเงินนะดูสีหน้าไม่สู้ดีเลยลอยๆเบลอๆ และที่สำคัญดูอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย นึกว่าผีสิง” สมหวังว่า
“คิดแล้วก็เห็นใจเหมือนกันเนอะ อย่างเราก็เข้าใจได้และไม่เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่ แต่คนอื่นๆ ในวงน่ะสิไม่รู้จะคิดยังไงกันบ้าง”
สายฟ้านั่งเหมอลอย คิดอะไรอยู่คนเดียว ที่ศาลาหน้าบ้าน บาสเดินเข้ามาหา
“พี่สายฟ้า…ผมจบตั้งปริญญาตรี ทำไมผมได้ค่าแรงแค่ร้อยห้าสิบเองละ นี่ยังได้ไม่ถึงค่าแรงขั้นต่ำเลยนะ”
สายฟ้าหันมาตอบนิ่งๆ “เดี๋ยวชั้นให้เพิ่มนะ”
บาสเห็นสายฟ้าเครียดๆ ก็อึกอัก “พี่…ผมพูดเล่นนะ…ผมถามตรงๆ นะพี่สายฟ้า วงเรากำลังมีปัญหาเรื่องเงินใช่มั้ย”
สายฟ้าพยักหน้าแทนคำตอบ
“ผมได้ยินพวกแด้นเซอร์พูดกันว่าพี่จอมขวัญลาออกแล้ว…จริงเหรอพี่”
“จริง….เค้าขอเงินค่าตัวเพิ่มแต่ชั้นไม่มีให้เค้า ชั้นกำลังคิดอยู่ว่าจะหาเงินที่ไหนมาเพิ่มให้เค้าดี”
“พี่จอมขวัญก็ใจดำเกินไป เงินที่ถูกหักวันนี้ก็เพราะว่าเค้า แล้วยังจะมาขอเงินเพิ่มอีก ไม่ช่วยกันเลย นี่ถ้าผมเสียงดีผมขอสมัครเป็นนักร้องแล้ว พี่จะได้ไม่ต้องไปคอยง้อเค้า…แล้วนี่พี่จะทำยังไงต่อไปล่ะ”
“มันไม่มีทางอื่นนอกจากตัดเงินคนในวงมาเพิ่มให้”
บาสตกใจ “แล้วพวกนั้นเค้าจะยอมเหรอพี่”
“ชั้นไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะ แต่จะทำไงได้ มันเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยรักษาวงนี้ไว้ได้ เพื่อจะได้มีงานทำกันต่อไป”
สีหน้าสายฟ้าในยามนี้มีแต่ความหนักใจ!
สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 4(ต่อ)
สายฟ้า กับเจ๊เนาว์ นั่งปรับทุกข์กันอยู่ในห้องรับแขก หารือเรื่องจอมขวัญ ชูชนะอ่านหนังสือพิมพ์ข้างๆ
ชูชนะตกใจ “หมื่นนึง! นังนี่มันปล้นกูชัดๆ แล้วเอ็งจะเอาเงินที่ไหนให้มันวะ”
“มีทางเดียวต้องตัดเงินคนอื่นไปให้จอมขวัญ”
“พวกมันจะยอมหรือวะ” ชูชนะไม่พอใจเท่าไหร่
เจ๊เนาว์ไม่เห็นด้วย “ไม่ได้นะสายฟ้า! ขนาดเมื่อคืนจ่ายไปครึ่งเดียวยังโวยวายกันใหญ่ แล้ว
วันนี้จะมาบอกว่าตัดเงินอีก พวกนั้นต้องไม่ยอมแน่ๆ”
“แล้วจะทำยังไง…เพื่อความอยู่รอดของวงและของทุกๆคน ถ้าไม่มีจอมขวัญก็ไม่มีใครมาดู”
ชูชนะ เจ๊เนาว์ มองหน้าสายฟ้าทีกำลังครุ่นคิดอย่างหนักด้วยความเห็นใจ.
สามคนไม่รู้ว่าสำลี แอบได้ยินอยู่หน้าประตู
“จะตัดเงินพวกกูไปให้พี่จอมขวัญเหรอวะ”
ที่บ้านศรีสมร แจ่มยกถาดกาแฟมาเสิร์ฟให้ทนายความที่นั่งอยู่กับเฉิดฉายในห้องรับแขก
“วันนี้ผมมาหาคุณยอดชาย ด้วยเรื่องพินัยกรรมนะครับ”
ยอดชายออกท่าทางตื่นเต้น “ผมว่ารีบเปิดดีกว่าครับ”
“ครับ”
ทนายความเตรียมอ่านพินัยกรรม…ยอดชายนั่งฟัง ด้วยท่าทางตื่นเต้นลุ้นสุดขีด
“ข้าพเจ้านางสาวศรีสมร รุ่งเจริญกิจ ได้กระทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นในขณะที่สติสัมปชัญญะยังสมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการดังนี้ ข้าพเจ้ายกทรัพย์สินอันประกอบไปด้วย หนึ่ง หุ้นส่วนอสังหาริมทรัพย์ โครงการบ้านและคอนโด จำนวนแปดโครงการ สอง ธุรกิจทางด้านความงาม ย่านทองหล่อ สาม บ้านพร้อมที่ดินซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยปัจจุบัน สี่ เงินฝากธนาคารทั้งหมด รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น แปดร้อยสิบเอ็ดล้านบาท ให้ตกเป็นของนายยอดชาย บารมีส่ง ตามเจตนารมณ์ของข้าพเจ้าทุกประการ
ยอดชายดีใจ ยิ้มหน้าบาน “มีเท่านี้เหรอครับ”
“ยังไม่หมดครับ!...คุณนายยังระบุในพินัยกรรมต่อว่า…ถ้าในกรณีที่ข้าพเจ้าเสียชีวิตเนื่องจากถูกฆาตกรรม ผู้รับผลประโยชน์จะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าผู้รับผลประโยชน์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของข้าพเจ้า ให้ยกทรัพย์สินของข้าพเจ้าเป็นสาธารณกุศลทั้งหมด”
ยอดชายโมโหขึ้นมาทันที ไม่คิดว่าศรีสมรจะไม่ไว้ใจตน เผลอตัวหลุดปากเสียงดัง
“เฮ้ย..อะไรวะ”
ทนายมองงงๆ “ทำไมเหรอครับ…คุณจะกลัวอะไรครับ คุณไม่เกี่ยวข้องกับคดีสักหน่อย ยังไงคุณต้องได้รับมรดกทั้งหมดอยู่แล้ว”
ยอดชายแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน “จริงด้วยผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรสักหน่อย ผมจะกลัวทำไม….เออ…แล้วนี่ผมต้องรออีกนานเท่าไหร่ครับ”
“ต่อเมื่อตำรวจปิดสำนวนคดีเสร็จแล้วทำหนังสือมายืนยันกับทางสำนักงานทนายความ ผมก็จะรีบเดินเรื่องให้เลยครับ” ทนายว่า
ยอดชายชักเซ็ง “งั้น…ก็อีกนานเลยนะสิ”
“อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับทางตำรวจครับ”
ยอดชายเซ็งสุดๆ มองทนายอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ยอดชายอยู่ในห้องนอน คุยโทรศัพท์กับแดน
“เรื่องจัดการไอ้พยานไปถึงไหนแล้ว”
“ตอนนี้มีทางเดียวที่จะรู้ได้ว่ามันอยู่ไหน” แดนอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ตึกร้าง
ยอดชายยัวะ “ทางไหนก็ได้!..ที่กำจัดมันให้เร็วที่สุด! แกรู้มั้ยถ้าแกไม่รีบกำจัดมันนอกจากจะไม่ได้มรดกยังต้องติดคุกหัวโตอีก”
“ทำไมเหรอครับเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก”
“ก็อีแก่นั่นมันฉลาด…ในพินัยกรรมมันระบุไว้ว่าชั้นจะได้รับมรดกก็ต่อเมื่อชั้นไม่มีส่วนรู้เห็นในกรณีที่มันถูกฆาตกรรม!”
“งั้นผมจะรีบกำจัดมันให้เร็วที่สุด”
ยอดชายสงสัย “แกจะทำยังไง? ถึงจะรู้ได้ว่ามันอยู่ไหน”
“เราต้องสะกดรอยตามไอ้หมวดที่ดูคดีนี้ครับ” แดนบอกแผน
ยอดชายฉุน ไม่เอาด้วย “ไอ้บ้า! สะกดรอยตามตำรวจเนี่ยนะ”
“ถึงมันจะเสี่ยงหน่อยแต่ก็เหลือวิธีเดียวแล้วจริงๆ” แดนโน้มน้าว
ยอดชายเครียดขึ้นมาอีกครั้ง!
ขณะเดียวกัน หมวดวันชาติอยู่ในห้องทำงานที่โรงพัก และกำลังโทรศัพท์อยู่
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กุหลาบรับโทรศัพท์ จ่ากับหมวดคุยเรื่องสมหวัง
“ฮัลโหลค่ะ…หมวด”
“เป็นยังไงบ้าง มีปัญาอะไรบ้างมั้ย”
“ไม่มีค่ะ…ปกติดีทุกอย่าง ไว้ใจกุหลาบได้”
“ไม่มีใครสงสัยว่าคุณสองคนเป็นใคร”
“ก็ไม่มีอีกแหละค่ะ สมหวังกับกุหลาบเล่นละครได้เนียนสุด ไม่มีใครจับได้สักคนว่ากุหลาบเป็นตำรวจและสมหวังเป็นพยาน”
วันชาติเอ็ด “นี่คุณ! จะพูดออกมาทำไมเล่า”
กุหลาบตกใจ รีบเอามือปิดปาก มองซ้ายมองขวาไม่มีใคร ค่อยโล่งใจ
“ระวังให้มากกว่านี้เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ…งั้นแค่นี้ก่อนนะคะหมวด เดี๋ยวใครมาเห็นพอดี”
กุหลาบวางสาย มองซ้ายมองขวาอีกที เพื่อความแน่ใจว่าไม่มีใครมาได้ยิน
ตรงที่พักหลังโรงครัวเวลานั้น สำลีกำลังคุยกับพวกแด้นเซอร์และนักดนตรี โดยมีสมหวัง นั่งฟังอยู่ด้วย
“นี่…พวกเอ็งรู้มั้ยพี่สายฟ้าจะตัดเงินพวกเราไปให้ไปให้พี่จอมขวัญ”
ปอยฝ้ายโวย “อะไรวะเงินยังให้ไม่ครบเลย จะมาตัดเงินอีกแล้ว”
แด้นเซอร์หนึ่งในนั้นไม่เชื่อ “ไอ้สำลีแกอย่ามั่ว”
“ข้าไม่ได้มั่ว ได้ยินมาสองรูหูเลย” สำลียืนยัน
แด้นเซอร์คนหนึ่งโวย “โหย…อะไรวะ แบบนี้ไม่ยอมนะเว๊ย”
ปอยฝ้ายเอาด้วย “ใช่! พวกเรายอมมามากแล้ว เพราะฉะนั้นต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องบ้าง”
สำลีปลุกระดม “จริงอย่างที่ไอ้ปอยฝ้ายพูด ถ้าไม่เรียกร้อง ไอ้ปัญหาเก่าๆก็จะเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเอ็งจะยอมเหรอวะ”
นักดนตรีตอบเสียงเดียวกัน “ไม่ยอม!”
“เราต้องทำให้พี่สายฟ้าหน้าเลือด รู้ว่าเราจะไม่ยอมถูกเอาเปรียบอีกแล้ว!”
สมหวังเห็นท่าไม่ดี ลุกไปหาเจ๊จุ๊ที่ทำกับข้าวอยู่
เจ๊จุ๊กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว สมหวังเข้ามาช่วย
“เจ๊มาชั้นช่วย”
กุหลาบเข้ามาสมทบ
“มีอะไรให้ชั้นช่วยมั้ย…โห..เจ๊นี่ทำของน่ากินๆทุกวันเลยนะ”
“ไม่ใช่น่ากินอย่างเดียวนะ อร่อยด้วย” เจ๊จุ๊ฟุ้ง
กุหลาบไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่โต๊ะ
สมหวังช่วยยกกับข้าวขึ้นโต๊ะ เจ๊จุ๊ได้ยินสำลีพูดกับนักดนตรี แด้นเซอร์อยู่หลังครัว แว่วมา
“ไอ้สำลีมันโม้อะไรของมัน”
“เห็นบอกว่าคุณสายฟ้าจะตัดเงิน” สมหวังบอก
“ไอ้นี่หาเรื่องอีกแล้ว เรื่องยุแยงตะแคงรั่วชอบจริงๆ หาเรื่องให้หนักใจอยู่เรื่อย” เจ๊จุ๊ส่ายหัว
กุหลาบแหลมขึ้นมา “แล้วเค้าจะตัดจริงมั้ยเจ๊”
“ไม่หรอก…จะไปเชื่ออะไรกับไอ้สำลี เดี๋ยวก่อน ทำกับข้าวเสร็จก่อนจะไปแพ่นกบาลมัน…สายฟ้าเค้าก็เครียดอยู่แล้ว ต้องมาเจอไอ้คนแบบนี้อีก สงสารสายฟ้าอุตส่าห์ร่ำเรียนมหาวิทยาลัย”
สมหวังอึ้ง คาดไม่ถึง “คุณสายฟ้าจบมหาลัยด้วยเหรอเจ๊”
“เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจ้ะ! ตอนจบใหม่ๆ บริษัทมาจองตัวกันให้พรึบ แต่ก็ไม่ได้ไปทำ ต้องมาคุมวงแทนพ่อ เฮ้อออ! น่าสงสาร น่าจะได้ทำงานที่ดีกว่านี้ จะได้ไม่ต้องต้องมารับฟังปัญหาบ้าๆ บอๆ พวกนี้”
ทันใดนั้น เสียงกุหลาบก็ดังสวนขึ้นมา
“มีข่าวจอมขวัญด้วย”
สมหวังถามทันที “ข่าวอะไรพี่กุหลาบ”
กุหลาบอ่านข่าวเสียงดัง “เฮียตี๋…เสียใหญ่เจ้าของตี๋มิวสิค ประกาศปั้น “จอมขวัญ” นักร้องเสียงหวาน มาแรงแห่งปี ให้เป็นราชินีเพลงลูกทุ่งของวงการเพลงคนต่อไป”
เจ๊จุ๊กะสมหวังตกใจร้อง “เฮ้ย” พร้อมกัน
สายฟ้าเองก็อ่านข่าวเดียวกันในหนังสือพิมพ์อยู่ สีหน้าชายหนุ่มตกใจมาก
“ทำอย่างนี้ได้ยังไง”
พลางสายฟ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาจอมขวัญ
ชูชนะสงสัย “อะไรวะ”
เจ๊เนาว์หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน ร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“คุณพระช่วย!...” หันมาทางชูชนะ “พ่อนังจอมขวัญจะย้ายค่าย”
“ย้ายได้ไง”
ชูชนะปรี่เข้ามาดูหนังสือพิมพ์อีกคน ในขณะที่สายฟ้าพยายามโทร.หาจอมขวัญอยู่
“ติดหรือเปล่าวะสายฟ้า” ชูชนะถาม
“ปิดเครื่อง” สายฟ้าบอก
เจ๊เนาว์นึกได้ “ลองโทร.ไปที่คอนโดสิ”
“ไม่ต้องโทร.แล้ว ผมไปเองดีกว่า จะได้ไปถามให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไงกันแน่”
สายฟ้าเดินออกไป อย่างร้อนใจ
สายฟ้าเดินนออกมาหน้าบ้าน สมหวัง กุหลาบ และเจ๊จุ๊ วิ่งเข้ามาจะมาบอกเรื่องข่าวจอมขวัญ แต่สมหวังยังไม่ทันอ้าปาก สายฟ้าก็ขึ้นรถขับออกไป
“อ้าว…ยังไม่ทันจะได้บอกเลย” กุหลาบเซ็ง
“ท่าทางแบบนั้นสงสัยรู้แล้วล่ะ” สมหวังว่า
สายฟ้าเดินดิ่งเข้ามาตรงล็อบบี้คอนโดที่พักของจอมขวัญ ตรงไปหาพนักงานที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ
“ห้อง7013 อยู่หรือเปล่าครับ”
“อยู่ค่ะ”
“ขอใช้โทรศัพท์หน่อยนะครับ”
“เชิญค่ะ”
ส่วนจอมขวัญกับเฮี่ยตี๋กำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียง ยินเสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น จอมขวัญเอื้อมมือไปรับสาย
“ฮัลโหล….ว่ายังไงจ๊ะ…รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวชั้นลงไปหาข้างล่าง”
“ใครโทร.มาน่ะ” เฮียตี๋สงสัย
“พนักงานส่งของน่ะค่ะ เดี๋ยวหนูมานะ”
“รีบไปไปรีบมานะจ๊ะ เดี๋ยวมันขาดตอน” เฮียตี๋เสียงเยิ้ม
จอมขวัญยิ้มหวาน “จ้ะ”
จอมขวัญเดินออกมา ทำหน้าแหวะ แขยงเฮียตี๋!
ไม่นานต่อมา ที่โซฟาตรงล็อบบี้คอนโด สายฟ้ายื่นหนังสือพิมพ์ให้จอมขวัญ พลางถาม
“นี่มันหมายความว่ายังไง พี่บอกแล้วไงว่าจะเพิ่มให้ แต่เมื่อคืนมันไม่พอจ่ายคนงานก็เลยให้มาแค่นั้นก่อน”
จอมขวัญบอกไม่ยี่หระ “จะไปเชื่ออะไร ก็รู้ๆ อยู่ว่าหนังสือพิมพ์ ชอบลงเกินความจริง”
“ถ้ามันไม่มีมูล เค้าคงไม่เอามาเขียนหรอก”
“ชั้นเคยเจอกันในงาน พูดกันไม่กี่คำ เค้าแค่ลองมาทาบทามเฉยๆ”
สายฟ้าคาดคั้น “แน่นะ”
จอมขวัญเดินเข้ามาใกล้สายฟ้า ยกมือเกาะแขน ลูบไล้ตามตัว
“แหม…เห็นชั้นเป็นคนไม่รู้จักบุญคณคนไปได้ พ่อชูอุ้มชูชั้นมาเหมือนลูกแท้ๆ และดังได้ขนาดนี้ ชั้นจะทิ้งวงไปได้ยังไง ถึงไม่เห็นแก่พ่อ ชั้นก็ต้องเห็นแก่พี่ ชั้นจะใจร้ายใจดำทิ้งพี่ไปได้ยังไง”
จอมขวัญซบที่หน้าอกสายฟ้า
สายฟ้ากลัวคนมาเห็น รีบผละตัวออก
“ตกลงยังเป็นนักร้องให้วงเราใช่มั้ย” สายฟ้าย้ำ
“เป็นสิจ๊ะ” จอมขวัญยิ้มหวานให้สายฟ้า
สายฟ้าหยิบเงินส่งให้จอมขวัญ “นี่อีกหมื่นที่เธอขอไว้”
จอมขวัญหน้าระรื่น “ขอบคุณค่ะ”
จอมขวัญจะหอมแก้ม แต่สายฟ้าเบี่ยงตัวออก
“พี่ขอตัวกลับก่อน”
สายฟ้าเดินออกไปทันที จอมขวัญมองตามหน้าคว่ำ...อารมณ์เสีย
สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 4(ต่อ)
ที่แท้จอมขวัญหลอกสายฟ้า เพราะสัญญาวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง ในขณะที่เฮียตี๋นอนรออย่างกระวนกระวาย ชะเง้อมองไปทางประตู รอจอมขวัญตลอดเวลา มือก็กดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ไม่มีกระจิตกระใจดู จอมขวัญเดินเข้ามา
“ทำไมลงไปนานจัง”
“เด็กส่งของมันเอาของมาผิด ให้มันกลับไปเอามาส่งใหม่”
“ของอะไร”
“น้ำหอม…หนูสั่งน้ำหอมจากในเว็บไว้”
ว่าแล้วจอมขวัญโผลงไปซบเฮียตี๋ทันที เฮียตี๋เอื้อมมือไปหยิบสัญญาบนหัวเตียง
“นี่สัญญา เดี๋ยวหนูเซ็นเลยนะ”
“แหม…มาคุยเรื่องการเรื่องงานอะไรตอนนี้ เสียบรรยากาศหมด”
“จริงด้วยเนอะ…เสียบรรยากาศ งั้นมาคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า”
เฮียตี๋โน้มตัวจอมขวัญเข้าหาตัว ทั้งสองหัวร่อต่อกระซิก ก่อนจะเล่นจ้ำจี้ตามเคย
เวลานั้นสำลีกำลังปลุกม๊อบ นักดนตรี แด้นเซอร์ อยู่หลังบ้านพัก
“สวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกคน ที่มาร่วมชุมนุมกันในวันนี้ พวกท่านทั้งหลายก็รู้อยู่แล้วว่าที่เรามาชุมนุมกันในวันนี้เนื่องด้วยอะไร ตอนนี้เรากำลังถูกเอาเปรียบจากพวกจักรวรรดินายทุน ที่เกื้อกูลแต่พวกพ้องตัวเอง ด้วยการตัดเงินค่าแรงพวกเราที่ได้กันเพียงน้อยนิด แทบไม่พอประทังชีวิตอยู่แล้ว”
“ไอ้สำลี อย่าเยอะๆ ขอสั้นๆได้ใจความ!” ปอยฝ้ายหมั่นไส้
“เอ็งไม่เคยดูเค้าประท้วงในทีวีเหรอวะ แกนนำเค้าก็ต้องพูดเยอะๆแบบนี้แหละ มันจะได้น่าเชื่อถือ”
แด้นเซอร์คนหนึ่งตะโกน “ขอแบบเข้าประเด็นเลยดีกว่า”
ทุกคนโห่ร้อง เห็นด้วย
สำลีพึมพำ “กำลังเท่เลย นานๆ จะได้เป็นแกนนำสักที มาขัดความฝันกูซะหมดเลย” หันไปบอกกับทุกคน “โอเคๆ เข้าประเด็นกันเลย พี่สายฟ้ากำลังเอาเปรียบพวกเราให้เงินก็ไม่ครบตามสัญญา แล้วยังจะมาตัดเงินพวกเราอีก แบบนี้ยอมได้มั้ย”
“ไม่ยอม…ไม่ยอม” ทุกคนตะโกน
สำลีปั่นหนัก ซึ่งทุกคนก็พร้อมใจเอาด้วย
“เราต้องลุกสู้ใช่มั้ย”
“ใช่!...”
“พวกเราต้องเรียกร้องความเป็นธรรมกลับคืนมาใช่มั้ย”
“ใช่!...”
เจ๊จุ๊ยืนมองอยู่ใจคอไม่ดีรีบเข้าไปบอกชูชนะ
ยินเสียงม๊อบดังเอ็ดตะโรมาจากหลังบ้าน มาถึงห้องรับแขก
“อีเนาว์ มันส่งเสียงเอะอะอะไรกันวะข้างหลังบ้าน” ชูชนะสงสัย
“ไม่รู้เหมือนกันจ้ะพ่อ เห็นมันซุบซิบอะไรกันตั้งแต่ตอนกินข้าวแล้ว”
“อะไรของพวกมันวะ ไอ้พวกนี้ ไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจเดี๋ยวชาวบ้านชาวช่องเค้าก็รำคาญเอาอิฐขว้างหลังคาเอาอีก”
เจ๊จุ๊วิ่งเข้ามาหน้าตื่น “พ่อแย่แล้ว”
“อะไรของมึงอีกวะอีจุ๊”
“ไอ้สำลีน่ะสิ มันเป็นแกนนำยกพวกประท้วงไม่พอใจที่สายฟ้าไปตัดค่าแรงพวกมัน”
เจ๊เนาว์กะชูชนะร้อง “ห๊ะ” พร้อมกัน
และไม่ทันขาดคำ ขบวนประท้วงก็เคลื่อนมาที่หน้าบ้าน ทุกคนตะโกนว่า “เราไม่ยอมๆ…!” โดยมีสำลีเป็นแกนนำ
“เฮ้ย!! มันอะไรกันวะไอ้ พวกนี้จะเอาอย่างตามในทีวีหรือไง เอะอะประท้วงๆ” ชูชนะตะโกนขึ้นมา
แต่ไม่มีใครฟังเสียงชูชนะ
“พวกเอ็งจับพ่อไว้เป็นตัวประกัน!” สำลีสั่งการ
นักดนตรี 2-3 คน เข้าไปจับชูชนะไว้
“ปล่อยกู จะจับกูทำไม…มีอะไรก็พูดกันดีๆ ใช้สมองแก้ปัญหาสิวะอย่าใช้กำลัง” ชูชนะบอก
เจ๊เนาว์พยายามช่วยชูชนะ ดึงแขนนักดนตรีออก
“ปล่อยพ่อเดี๋ยวนี้นะ…ชั้นบอกให้ปล่อย”
นักดนตรีสลัดเจ๊เนาว์สุดแรง ลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น กะเทยถึงร้อง “โอ๊ย”
“ขอโทษนะพ่อ พวกผมไม่อยากทำแต่มันจำใจ” นักดนตรีคนหนึ่งบอก
ชูชนะถูกมัดด้วยเชือกแล้วถูกพาเข้าไปในบ้าน
“อีเนาว์ อีจุ๊ ช่วยกูด้วย!!”
เจ๊จุ๊พยายามกล่อม “พวกแกใจเย็นๆสิวะ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน เดี๋ยวสายฟ้ากลับมาละเรื่องใหญ่!”
“เรื่องใหญ่น่ะดีชั้นชอบ! จะได้รู้ซะบ้างอย่ามาโกงพวกชั้น” สำลีตอกกลับ
ปอยฝ้ายถามสำลี “แล้วเจ๊จุ๊จะเอายังไง”
“จับไปด้วย เอาไว้เผื่อต่อรอง” สำลีบอก
เจ๊จุ๊ตั้งการ์ดมาดนักมวยรุ่นเฮฟวี่เวท “อยากเจองวงฟาดก็เข้ามา”
ปอยฝ้าย นักดนตรี และแดนเซอร์เข้ามาช่วยจับเจ๊จุ๊
“อย่าจับกู…จับกูไป แล้วใครจะทำกับข้าวให้พวกมึงกิน”
ทุกคนชะงักกึก สำลีคิดๆ
“คิดๆ …เห็นค่ากูขึ้นมาแล้วใช่ม๊า!”
ผิดคาดสำลี ไม่ง้อ “จับไป! กับข้าวซื้อกันกินเองได้”
เจ๊จุ๊ตาเหลือก “อ้าวเฮ้ย! ปล่อยกู ไอ้ปอยฝ้าย”
นักดนตรีลากเจ๊จุ๊เข้าไป
สำลีมองไปที่เจ๊เนาว์ อย่างเอาเรื่อง
เจ๊เนาว์กรี๊ด “อย่าข่มขืนเจ๊นะ…เจ๊ยอมแล้วว”
สำลีหงุดหงิด อารมณ์เสีย “โว้ยย! จะบ้าเหรอเจ๊ ใครจะเอาลง!”
สำลีเข้าไปลากเจ๊เนาว์ด้วยตัวเอง
“มานี่ เข้าไปอยู่รวมกัน”
เจ๊เนาว์กรี๊ดแตก แหกปากร้องลั่น “ว้าย... ช่วยด้วย...”
[ต่อจากตอนที่แล้ว]
ในเวลาเดียวกัน สมหวัง บาส และกุหลาบพากันปั่นจักรยานมาซื้อของหน้าปากซอยบ้าน และกำลังปั่นกลับบ้าน กุหลาบปั่นอยู่คนเดียว บาสปั่นจักรยานเหงื่อเต็มหน้า แต่หันมาหวานใส่สมหวังซึ่งนั่งซ้อนท้าย
“เหนื่อยมั้ยจ๊ะน้องสมหวัง”
“เหนื่อยอะไรเล่า ชั้นไม่ได้ปั่นสักหน่อย ดูพี่บาสเถอะเหงื่อโชกขนาดนั้น ยังมาถามชั้นอีก”
กุหลาบหมั่นไส้ “หันมาถามชั้นนี่ ว่าเหนื่อยมั้ย”
ใบหน้ากุหลาบซีดเป็นไก่ต้ม ในตะกร้าจักรยานมีข้าวของเต็มไปหมด แถมยังมีห้อยแขวนอยู่ที่แฮนด์อีกพะเรอ
“โอ๊ย! เหนื่อย”
บาสเหน็บ “ผู้หญิงแกร่งอย่างเธอไม่น่าเหนื่อยนะ”
กุหลาบค้อนปะหลับปะเหลือก “เหรอยะ”
ระหว่างนั้นรถสายฟ้าแล่นมาด้านหลัง สายฟ้าแกล้งบีบแตรใส่
บาสตกใจเสียหลัก จักรยานส่ายไปมา
“เว๊ย”
สมหวังพลอยตกใจไปด้วย หลับตาปี๋ รีบกอดเอวบาสไว้แน่น!
สายฟ้ามองจากในรถเห็นสมหวังกอดบาสแน่น ก็อึ้ง รู้สึกหึงโดยไม่รู้ตัว
กุหลาบก็มองอึ้งไปเช่นกัน ส่วนบาสยิ้มแฉ่งดีใจที่สมหวังกอดซะแน่น
สายฟ้าขับรถรถแซงหน้าไป
บาสบ่นอย่างหงุดหงิด “พี่สายฟ้าเล่นอะไรไม่รู้ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ” หันมาหาสมหวัง “โอ๋ๆๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมา ปลอดภัยแล้วจ้ะ…ดีนะพี่เป็นคนปั่นจักรยานแข็ง ไม่งั้นต้องพาน้องสมหวังถลาลงไปกับพื้นแน่ๆ”
กุหลาบเขม่น “ขี้คุย”
ที่ด้านในบ้าน บรรดานักดนตรี กับแด้นเซอร์ กำลังช่วยกันมัดชูชนะ เจ๊จุ๊ และเจ๊เนาว์ ติดเสา
“มึงจะมัดกูทำไมวะ” ชูชนะโมโห
เจ๊เนาว์ร้องโวยวาย “ปล่อยชั้น จะจับไว้ทำไม”
สำลีหัวหน้าม็อบวางก้าม “ก็อยากตัดเงินพวกเราก่อนทำไมล่ะ”
“รอไอ้สายกลับมาแล้วพูดดีๆ กับมันสิ” ชูชนะเอ่ยขึ้น
“ชั้นดีมามากแล้ว…ถ้าวันนี้เราได้ในสิ่งที่เราต้องการเราจะมาปล่อย”
บรรดาหมู่มวลลูกวง ทั้งหมดคาดหัวถือป้ายประท้วงเต็มกำลัง โดยมีสำลี และปอยฝ้ายเป็นแกนนำ
โดยใช้ผ้าดิบเขียนข้อความประท้วงต่างๆ ยังคงตะโกนและปรบมือเสียงดัง
“เราไม่ยอมๆๆๆ”
สำลีเดินออกมา ชูมือให้ทุกคนเงียบ “ขณะนี้ เราได้ยึดวงไว้ได้แล้ว”
ทุกคนเฮลั่น
“เราจะต่อสู้ไปด้วยกัน…เราจะปักหลักอยู่ตรงนี้ จนกว่าเราจะได้สิ่งที่เราต้องการ” ปอยฝ้ายบอก
ทุกคนเฮอีก
“เราจะไม่กิน…เราจะไม่นอน…เราจะไม่อาบน้ำ…เราจะอยู่ตรงนี้”
ฟังแล้วทุกคนเงียบกริบ สำลีกลอกตามองเลิกลั่ก
ปอยฝ้ายท้วง “ถึงกับไม่กินไม่นอนนี่ไม่ไหวมั้งไอ้สำลี”
“ที่พูดมาเมื่อกี้แค่เผื่อไว้ก่อน…แต่ชั้นรับรองว่าข้อเสนอของเราต้องผ่านวันนี้แน่นอน” สำลีเปลี่ยนใหม่
ทุกคนเฮ ชอบใจ
รถสายฟ้าแล่นเข้ามาที่รั้วหน้าบ้าน สามคนปั่นจักรยานตามมาติดๆ
บาสแปลกใจที่เห็นชาวบ้านมามุงดูเต็มไปหมด “ทำไมคนมามุงเต็มบ้านอย่างนั้น”
“นั่นสิ…หรือว่าลุงชูเป็นอะไร”
สมหวังสังหรณ์ใจ บาส กุหลาบ ตกใจ รีบปั่นจักรยาน ตามสายฟ้าเข้าไป
สายฟ้าเห็นมีคนมามุงอยู่เต็มบ้าน ก็รีบลงจากรถ เข้าไปด้านใน บาส กุหลาบ สมหวังตามเข้ามา
เสียงลูกวงทุกคนยังส่งเสียง “เราไม่ยอมๆ”
สายฟ้าตวาด “เฮ้ย..หยุด”
หมู่มวลค่อยๆ เงียบ เหลือเพียงสำลีที่ยังคงพูดอยู่
สายฟ้าหันไปหาสำลีอย่างเอาเรื่อง
“ไอ้สำลี ไอ้ปอยฝ้าย …นี่มันอะไรวะ”
“พวกเราขอประท้วงเรื่องที่พี่สายฟ้าจะตัดค่าตัวพวกเราไปให้พี่จอมขวัญ”
“ใช่…แบบนี้มันไม่ยุติธรรม” หมู่มวล
“พวกเราทั้งหมดจะไม่ยอมให้พี่สายฟ้าตัดเงิน….เราไม่ยอมๆ” สำลีบอกขึงขัง
ทั้งหมดร้องประสานเสียง ใส่สายฟ้าอีกครั้ง
“เราไม่ยอมๆๆๆ”
สายฟ้าตะคอก “พอได้แล้ว! แล้วนี่พ่อกับเจ๊เนาว์อยู่ไหน”
ทุกคนเงียบ สายตามองไปในบ้านเป็นตาเดียวกัน
สายฟ้ารีบวิ่งเข้าไป บาส สมหวัง และกุหลาบตามติด
สายฟ้าแทบช็อก ที่เห็น ชูชนะ เจ๊จุ๊ และเจ๊เนาว์ถูกมัดอยู่กับเสาบ้าน
“พ่อ” สายฟ้าตกใจ
บาสเองก็ตกใจ “เจ๊จุ๊!...เจ๊เนาว์”
สายฟ้าพุ่งเข้าไปแก้มัดให้ชูชนะ ส่วนสมหวัง กุหลาบ บาส ช่วยแก้มัดเจ๊เนาว์กับเจ๊จุ๊
“พ่อเป็นอะไรหรือเปล่า” สายฟ้าถามอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไร” ชูชนะบอก
สายฟ้าโมโหมาก “แบบนี้มันทำกันเกินไปแล้ว”
ชูชนะปราม “ค่อยพูดค่อยจากันนะ พวกมันคงไม่อยากทำแบบนี้หรอก”
สายฟ้าไม่ฟัง วิ่งออกไป
บรรดานักดนตรี แด้นเซอร์ยังประท้วงกันไม่เลิก สำลียังคงเป็นแกนนำ
ทุกคนร้องตะโกน “เราไม่ยอมๆ”
สายฟ้าเดินออกมาด้วยความโมโห ตรงเข้าไปชกหน้าสำลีเต็มแรง สำลีหงายเงิบลงไปกองที่พื้น
สายฟ้าจะหันไปต่อยปอยฝ้าย ทว่าปอยฝ้ายหลบฟุบลงไปที่พื้นแล้ว
สมหวัง บาส กุหลาบ ชูชนะ เจ๊เนาว์ ลุกตามออกมาเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ
ทุกคนเงียบกริบ คล้ายจะสลายตัว
“มึงจะมากไปแล้วนะไอ้สำลี” สายฟ้าคำราม
สำลีสลัดความมึนแล้วลุกขึ้น ตาเขียวทั้งเบ้า
“พี่สายฟ้า ทำไมถึงต้องลงไม้ลงมือกันด้วย”
“ถ้าพ่อเป็นอะไรไปจะทำยังไง”
สำลีนิ่ง เงียบกริบ
สายฟ้าถามออกมา “พวกแกจะเอายังไงว่ามา”
“ชั้นก็แค่อยากได้เงินของชั้น มันมาจากน้ำพักน้ำแรงของพวกเรานะ” สำลีหันไปทางหมู่มวล
“ใช่!” ทุกคนบอก
“ได้! ในเมื่อทุกคนยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ชั้นทำ จะได้ไม่ต้องยื้อกันต่อไป”
ทุกคนเงียบกริบ มองอย่างงๆ หวั่นๆ ว่าสายฟ้าจะทำอะไร
“ไอ้บาส สมหวัง กุหลาบ เข้ามาช่วยชั้นหน่อย”
สายฟ้า บาส สมหวังและกุหลาบเดินตามเข้าไปในบ้านอย่างงงๆ
สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 4(ต่อ)
สักครู่หนึ่ง ทั้งสามก็เดินตามสายฟ้าออกมาพร้อมเครื่องดนตรี และของมีค่าอีกหลายชนิด
สายฟ้าถามปอยฝ้าย “เป็นหนี้แกเท่าไหร่”
ปอยฝ้ายบอก “แปดพัน”
สายฟ้าหยิบแซก กับ ทรัมเป็ตแล้วยื่นให้ปอยฝ้าย
สายฟ้าหันมาหาสำลี “ของแกเท่าไหร่”
“แปดพันเหมือนกัน”
สายฟ้าหยิบกีร์ต้ายื่นให้ พร้อมฉาบอีกหนึ่งคู่
“เผื่อไม่พอ” สายฟ้าว่า ก่อนจะหันมาทางแดนเซอร์นางหนึ่ง “ของเธอเท่าไหร่”
“สองพัน”
สายฟ้าหันไปหยิบเครื่องดนตรีอีกชิ้นส่งให้
ปอยฝ้ายงง “นี่มันอะไรพี่สายฟ้า”
“ก็ชั้นเป็นหนี้พวกแกไง ชั้นก็ใช้หนี้ไง พวกแกก็เอาไปขายแล้วก็เอาเงินไปแบ่งกัน ใครยังไม่ได้ไปเอาในบ้านนะ อยากได้อะไรก็เอาไปให้หมด!”
สำลีทะแม่งๆ หู “ขายแล้วคราวหน้าจะเอาอะไรเล่นล่ะ”
“เลิก! ไม่ต้องเล่น”
สายฟ้าประกาศก้อง แล้วเดินผ่านหน้าสมหวังเข้าบ้านไป
สมหวังมองสายฟ้าอย่างเป็นห่วง
ทุกคนพากันอึ้ง และมองสำลีกับปอยฝ้ายเป็นตาเดียว
“แล้วทำไงละคราวนี้” ปอยฝ้ายถามเสียงอ่อยๆ
สำลีหันมาทางชูชนะ “พ่อ จะเลิกวงจริงๆ เหรอ”
“เดี๋ยวข้าไปคุยกับไอ้สายฟ้ามันเอง”
ชูชนะรีบตามสายฟ้าเข้าไปในบ้าน
แดนซ์เซอร์นางหนึ่งลุกขึ้นโวยใส่สองสหาย “แกสองคน หาเรื่องจนพวกชั้นตกงานจนได้”
สำลีอึ้ง “อ้าว…ไหงเป็นงี้”
ปอยฝ้ายด่า “เสียงมึงอ่ะดังที่สุดเลยอีเป็ด!”
“ทำอะไรไม่คิด แล้วคราวนี้จะทำยังไง” เจ๊เนาว์ด่าซ้ำ
“อยู่ดีไม่ว่าดี เป็นไงคราวนี้ ได้ตกงานกันทั่วหน้า” เจ๊จุ๊จัดให้อีกดอก
สำลีทำเป็นกร่าง “กลัวอะไร อย่างมากก็หางานใหม่!”
เจ๊จุ๊แว๊ดใส่ “ทำเป็นปากดี ขี้เกียจก็อย่างเอ็ง ใครเค้าจะจ้าง”
สำลีจ๋อย หน้าสลดลง
สายฟ้าเดินเข้ามานั่งสงบสติอารมณ์ในบ้าน นั่งเอามือกุมหน้า แบบหมดอาลัยตายอยาก ชูชนะตามมา ส่วนสมหวังเดินตามมายืนฟังอยู่ตรงหน้าประตู
“ไอ้สายฟ้า ทำอย่างนี้ได้ไงวะ อยู่ดีๆ จะเลิกวง พ่อไม่ยอมนะโว๊ย”
สายฟ้าเงยหน้าขึ้นมามองพ่อ ตาแดงๆ เหมือนคนร้องไห้
“พ่อก็เหมือนกัน เมื่อไหร่ถึงจะเข้าใจ วงเรากำลังจะเจ๊ง ที่ผ่านมาขาดทุนตลอด พ่อเลิกฝันลมๆ แล้งๆ ซะที ว่าวงเราจะกำไรมหาศาล เหมือนสมัยพ่อยังเป็นนักร้อง มันเป็นไปไม่ได้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด พอคิดว่าผมสนุกนักเหรอ ที่ผมต้องไปตามง้อจอมขวัญทุกวันๆ ผมทำงานตรงนี้มาเจ็ดปี นึกว่าพ่อจะนึกได้ว่าผมไม่มีความสุขเลย แต่เปล่าเลย พ่อไม่เคยสนใจผมเลย พ่อยึดติดกูกับสิ่งเดิมๆ ยึดติดอยู่กับอดีตอยู่นั้นแหละ พ่อเข้าใจมั้ย ว่าวงเรามันตกยุคไปแล้ว”
ชูชนะอึ้งในสิ่งที่สายฟ้าพูด ชูชนะลงนั่งที่เก้าอี้อย่างหมดแรง นึกสะท้อนใจ
“เอ่อ…พ่อรู้ว่าพ่อตกยุคไปแล้ว พ่อมันแก่ มันหมดความหมายมานานแล้ว…พ่อผิดด้วยเหรอที่พ่ออยากรักษาวงลูกทุ่งนี้ไว้ เอ็งเป็นลูกพ่อแท้ๆ เอ็งยังไม่รู้เลยว่าพ่อรักและศรัทธาลูกทุ่งมากขนาดไหน แล้วจะให้ใครมาเข้าใจ เอ็งอย่าลืมสิ ว่าเรามีวันนี้ได้ก็เพราะวงลูกทุ่ง มันเป็นสิ่งล้ำค่าสิ่งสุดท้ายที่พ่อเหลืออยู่ พ่ออยากให้เอ็งรักษามันเอาไว้ให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน คนที่รักลูกทุ่งก็เหลือน้อยเต็มที ที่ผ่านมาพ่อหวังว่าเอ็งจะรักมันเหมือนที่พ่อรัก ที่ไหนได้ มันก็เป็นแค่สิ่งที่เอ็งฝืนทำ! ต่อไปนี้เอ็งจะทำอะไรก็เรื่องของเอ็ง ข้าเหนื่อยมามากแล้ว มันคงถึงเวลาของมันแล้ว ที่จะสิ้นสุดวงลูกทุ่งชูชนะ วทัญญูเสียที!”
สายฟ้านั่งฟังอย่างสะเทือนใจ
สมหวังมองดูสองพ่อนั่งซึมอยู่คนละด้านแล้วยิ่งเห็นใจ
สมหวังเดินเข้ามาหาเจ๊เนาว์ที่หน้าบ้าน
“เจ๊เนาว์ขอยืมโน๊ตบุ๊คหน่อย”
“โน๊ตบุ๊คเหรอได้ๆ”
เจ๊เนาว์เดินไปหยิบโน๊ตบุ๊คให้
“พี่บาส ชั้นวานเอาจอโปรเจคเตอร์ไปติดให้ชั้นในโรงซ้อมเต้นหน่อย”
“ได้จ้ะ…สำหรับน้องสมหวังพี่ทำได้ทุกอย่าง”
กุหลาบงง “สมหวังจะทำอะไรน่ะ”
“เดี๋ยวพี่กุหลาบไปกับชั้นที่โรงซ้อมเต้น”
เจ๊เนาว์เอาโน๊ตบุ๊คมาให้สมหวัง
สมหวังบอกกับทุกคนที่นั่งจ๋องกันอยู่ “พี่ๆ ทุกคนจ๊ะ เดี๋ยวช่วยรบกวนตามชั้นไปที่โรงซ้อมเต้อนหน่อยนะ”
สมหวังเดินนำไป ทุกคนงงๆ แต่ก็เดินตามสมหวังไป
บาส กุหลาบ และสมหวัง กำลังช่วยกันต่อโน๊ตบุ๊คเข้ากับจอโปรเจคเตอร์
“สมหวังเอ็งจะเปิดอะไรให้พวกชั้นดูวะ” ปอยผ้าสงสัย
สำลีบ่น “จะให้ดูอะไร ตอนนี้ไม่มีอารมณ์หรอกนะ”
“เอาน่า…ชั้นรบกวนพวกพี่แป๊ปเดียว”
สมหวังเปิดคลิปการแสดงชุดหนึ่งของยูทูปให้ทุกคนดู เป็นการแสดงของต่างประเทศ ที่ดูอลังการ ทั้งแสงสี เสื้อผ้า ขึ้นบนจอ
จากที่ทุกคนไม่ค่อยสนใจ ก็เริ่มสนใจ และเริ่มวิจารณ์การแสดงว่าสวย
ครู่ต่อมา ขณะที่ทุกคนกำลังดูเพลินๆ สมหวังก็กดสต๊อป ทุกคนหันมามองสมหวัง แล้วโวยวาย
“หยุดทำไมวะสมหวัง…กำลังดูเพลินๆ” แด๊นเซอร์นางหนึ่งโวย
นักดนตรีอีกคนบ่นตาม “นั่นสิกำลังสนุกเลย”
“รู้มั้ยว่าทำไมวงเราถึงไม่พัฒนาแบบวงอื่นเค้า” สมหวังเริ่มตั้งคำถาม
ทุกคนส่ายหัว
“ก็เพราะเราไม่มีแบบนี้ไง” สมหวังบอก
“อีกกี่ปีถึงจะทำแบบนั้นได้ นั่นมันฝรั่งเรามันคนไทย จะเทียบกันได้ยังไง” สำลีว่า
ปอยฝ้ายเห็นด้วย “อีกอย่างมันต้องลงทุนอีกเยอะ แล้วดูสภาพวงเราตอนนี้”
เจ๊จุ๊หมั่นไส้ “ก็มันปากดีอย่างนี้ไง…เค้ากำลังคิดหาทางออกให้ ก็มาขัดเค้า เอาอีกสักผัวะมั้ย”
ไม่พูดเปล่า เจ๊จุ๊ง้างหมัด สำลีหลบวูบ
สมหวังพูดต่อ “ฝรั่งแล้วยังไงไม่ใช่คนเหรอ เราก็มีหนึ่งสมอง สองมือ สองเท้า เท่าเค้า ทำไมเราจะทำไม่ได้ ส่วนเรื่องลงทุนก็อย่าเพิ่งไปพูดถึงเราค่อยเป็นค่อยไปก็ได้”
ทุกคนอึ้ง! บาสกะกุหลาบมองสมหวังอย่างภูมิใจ
“ถ้าวงเราทำได้แบบนี้ จะเรียกค่าตัวเป็นแสนก็ได้ เค้าต้องยอม พอวงเรามีเงิน ทุกคนก็จะได้เงินเพิ่มไปด้วย นี่เป็นหนทางเดียวที่เราจะรอด”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย เจ๊เนาว์ที่ยืนฟังปลีกตัว เดินดิ่งไปยังบ้าน
“เพราะฉะนั้นเราทุกคนก็ต้องร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันทำให้มันดียิ่งขี้น”
ทุกคนยิ้มอย่างมีความหวัง
ขณะเดียวกันสายฟ้ากับชูชนะ ยังคงนั่งเงียบงันอยู่คนละด้าน เจ๊เนาว์เดินเข้ามาหา
“สายฟ้า…ไปกับเจ๊หน่อย”
“มีอะไรอีกล่ะเจ๊ ใครจะเอาอะไรก็ให้เอาไป ผมไม่ยุ่งแล้ว”
“เอาน่าลงไปก่อนเถอะน๊า” เจ๊เนาว์ดึงแขนสายฟ้าลงไป บอกขณะจะผ่านชูชนะ “พ่อด้วย”
เจ๊เนาว์คว้าแขนชูชนะให้ลุกตามมาอีกคน
“อะไรของมึงวะอีเนาว์” ชูชนะตามแรงลากของเจ๊เนาว์ไปแบบงงๆ
ที่โรงซ้อมเต้น สมหวังยังคงพูดปลุกใจลูกวงทุกคนอยู่
“แล้วที่พวกเราไปต่อว่าคุณสายฟ้าว่าเป็นนายทุนคอยเอาเปรียบพวกเรา ลองคิดดูดีๆ ซิว่าใครกันแน่ที่เป็นคนเอาเปรียบ ทุกคนลองถามใจตัวเองซิว่า ที่ทำงานกันอยู่ทุกวั้นนี้เคยให้ใจเต็มร้อยกับวงมั้ย”
สมหวังกวาดตามองทุกคน…ซึ่งเริ่มท่าทีที่สลด บาสหันไปพูดกับกุหลาบ
“น้องสมหวังนี่เจ๋งจริงๆ เลยเนอะ…ตัวเล็กแค่เนี้ย แต่ดูมีพลัง สามารถทำให้พวกคนงานสงบได้”
กุหลาบได้ทีคุยฟุ้ง “น้องชั้นเก่งปะละ”
“เก่งสิ…เก่งกว่าเธอเป็นร้อยเท่า”
กุหลาบเชิดใส่ บาสหัวเราะ
เจ๊เนาว พาสายฟ้ากับชูชนะเข้ามา เห็นสมหวังกำลังพูดกับลูกวง
“ทุกคนเอาแตถามว่าวงจะให้อะไรเรา แต่เราเคยถามตัวเองบ้างมั้ย เราให้ใจกับวงหรือยัง เราทำงานเต็มกำลังเพื่อวงเราหรือยัง ทุกคนลองนึกกลับไปวันที่พวกเราเข้ามาในวันแรกว่าเราเข้ามาเพราะอะไร เพราะเรารักที่จะทำอาชีพนี้ใช่มั้ย รักที่จะเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ใช่มั้ย แล้วทำไมเราไม่กลับมาสู้ด้วยใจเหมือนวันแรกที่เราเข้ามากันอีกครั้ง”
ทุกคนต่างมองกัน และจับมือกัน เหมือนว่าจะเริ่มต้นกันใหม่
ระหว่างนั้น สมหวังเหลือบไปเห็นสายฟ้า
“ถ้าคุณสายฟ้าเอาเปรียบพวกเรานะ…เค้าคงไม่ปล่อยตัวให้โทรมขนาดนี้” ทุกคนหันไปมองสายฟ้า สายฟ้าทำตัวไม่ถูก “เสื้อผ้าทั้งเชยทั้งเก่า นึกว่าชาวไร่ชาวนา หน้าก็เริ่มเหี่ยว ขอบตาดำ ผมก็กระเซอะกระเซิง เป็นลุงแก่ๆ คนนึง”
ทุกคนยิ้มๆ
สายฟ้าสะอึก เริ่มไม่มั่นใจตัวเอง พยายามเอามือลูบหน้า เช็คเสื้อผ้า ว่าเป็นอย่างที่สมหวังพูดหรือเปล่า
“ถ้าเป็นเจ้าของวงคนอื่นป่านนี้แต่งตัวหล่อ คอยนั่งนับเงิน มีผู้หญิงมาคอยปรนนิบัติไปนานแล้ว ไม่ต้องมาคอยจ้ำจ้ำไชกับพวกเราอย่างนี้”
สายฟ้าปลื้มสุดๆ สมหวังเรียก “เชิญคุณสายฟ้าตรงนี้ดีกว่าค่ะ”
หมู่มวลแหวกทางให้สายฟ้าเดินไปข้างหน้า ท่ามกลางสายตาอันสำนึกผิดของทุกคน
“ชั้นคิดว่า พี่สำลีกับพี่ปอยฝ้ายมีอะไรจะพูดกับคุณสายฟ้านะ” สมหวังบอก
สำลีกับปอยฝ้ายหันขวับ ไม่รู้ตัวว่าจะมีคิวที่ต้องพูดด้วย ทำอะไรไม่ถูก หน้าตาเลิ่กลั่ก
“ชั้นเหรอ”
“มึงอ่ะไปคนเดียว ไอ้ตัวต้นคิด” ปอยฝ้ายชิ่งเห็นๆ
สำลีโวย “มึงก็คิด”
สมหวังร้องบอก “ทั้งสองคนนั่นแหละ”
สำลีกับปอยฝ้ายเดินหน้าละห้อย เข้ามาหาสายฟ้า
สำลีนิ่ง ยกมือไหว้ชูชนะ “พ่อผมขอโทษที่ผมล่วงเกินพ่อในวันนี้” ไหว้สายฟ้า “พี่สายฟ้า ผมสองคนขอโทษ”
ปอยฝ้ายยกมือไหว้ขอโทษด้วย
“เรื่องวันนี้ไอ้สำลีเป็นคนคิดคนเดียวผมไม่เกี่ยว”
สำลีจ้องหน้า “ไอ้เพื่อนชั่ว! มึงด้วย!”
“ครับ…ผมด้วย! ผมสองคนผิดเอง ที่ไปยุยงพวกนี้ให้มาประท้วง ต่อไปนี้ผมสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาขึ้นอีกแล้ว และจะช่วยกันพัฒนาวงของเราให้มันดีขึ้น”
สายฟ้ายังคงนิ่งๆ อยู่ ไม่ได้พูดอะไร ปอยฝ้ายกับสำลีรอลุ้นว่าสายฟ้าจะให้อภัยหรือเปล่า
“เรื่องแล้วก็ให้มันแล้วไป…เราจะช่วยกันพัฒนาวงให้มันดีขึ้น ใช่มั้ยพวกเรา”
ทุกคนร้องพร้อมกัน “ใช่”
ทุกคนยิ้มและปรบมือด้วยความปลาบปลื้ม
สายฟ้าหันไปสบตาสมหวังแล้วยิ้มให้เป็นเชิงขอบคุณ
สมหวังเห็นบรรยากาศชื่นมื่น จึงเริ่มร้องเพลง “สมหวังนะจ๊ะ” ท่วงทำนองสนุกสนานร่าเริง ทุกคนดีใจลุกขึ้นมาเต้น รวมใจเป็นหนึ่งเดียวที่จะเริ่มพัฒนาวงกันใหม่
สมหวังกดโทรศัพท์หาป้าชวน สองป้าหลานคุยโทรศัพท์ตัดสลับกับยายชวน
“ฮัลโหล…ยาย”
ป้าชวนทาแป้งหน้าขาววอก นั่งดูทีวีอยู่
“นังสมหวัง….เป็นยังไงบ้างวะ”
“สบายดีจ้ะยาย…แล้วยายล่ะเป็นไงบ้าง”
“สบายสุดๆ นั่งกินนอนกิน …ยายโทรไปหาเอ็งทีไร ทำไมปิดโทรศัพท์ทุกที”
“ก็เค้าไม่ให้ใช้โทรศัพท์นี่”
“เออ…ลืมไป”
สมหวังนิ่งไปแล้วจู่ๆ ตาแดงๆ “ยาย….ชั้นคิดถึงยายนะ”
ป้าชวนน้ำตาคลอเช่นกัน “ยายก็คิดถึงเอ็ง”
“เมื่อไหร่จะได้กลับบ้านสักทีก็ไม่รู้”
“คงอีกไม่นานหรอก…เอ็งอดทนไปก่อนนะ…อยู่ที่นั่นน่ะมันปลอดภัยดีแล้ว”
“จ้ะยาย”
“อยู่ที่นั่น มีเรื่องลำบากใจบ้างมั้ย”
“ไม่มีเลยจ้ะ คนที่นี่น่ารัก”
“ดีแล้ว…ส่วนยายเอ็งไม่ต้องห่วงเลยนะ หมวดวันชาติเค้าแวะมาดูยายอยู่เสมอ”
“เดี๋ยวชั้นจะลองขอให้หมวดวันชาติพาไปชั้นไปหายายนะ”
ป้าชวนยิ้มร่า “ดีๆ ถ้าเอ็งมาไม่ได้ เดี๋ยวยายให้หมวดพาไปหาเอ็งเลย”
สมหวังหันไปเห็นกุหลาบเดินเข้ามา
“ยาย…แค่นี้ก่อนนะ ว่างๆเดี๋ยวชั้นโทรหาใหม่”
สมหวังวางโทรศัพท์ กุหลาบเดินมาถึงตัวสมหวังพอดี
“มายืนทำอะไรตรงนี้…แม่ฮีโร่ของพี่” กุหลาบแซว
“ฮีโร่อะไรกันพี่กุหลาบ…”
“ถ้าวันนี้ไม่ได้สมหวัง…ไม่รู้ว่าเรื่องจะจบยังไง มีหวังต้องยุบวงแน่ๆ”
“ชั้นสงสารพ่อชูกับคุณ….” สมหวังอึกอัก
“สายฟ้า” กุหลาบต่อให้
“อืม…ชั้นเห็นพ่อกับคุณสายฟ้าทำเพื่อทุกคน แต่ทุกคนไม่เคยเห็นใจพวกเค้าเลย”
“คนเราก็คิดแต่เรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่เคยคิดถึงส่วนร่วมเลย อย่างน้อยวันนี้พวกนั้นคงคิดได้บ้าง..และต้องหันกลับมาร่วมมือกัน…เก่งมากน้องพี่ …ไปกันเถอะ คุณสายฟ้าให้มาตามไปในบ้าน”
“ไปทำไมอีกอ่ะ” สมหวังแปลกใจ
กุหลาบส่ายหน้า...บ่ฮู้
ภายในห้องรับแขก โน๊ตบุ๊คเป็นภาพโชว์ที่สมหวังเปิดให้ดู และกำลังจบพอดี
สมหวัง สายฟ้า เจ๊เนาว์ บาส ชูชนะ กุหลาบ นั่งดูอยู่ด้วยกัน
“เป็นอันว่าเราตกลงจะปรับปรุงให้มันเป็นแนวนี้ใช่มั้ย” สายฟ้าถามขึ้น
“มันก็ดีนะ แต่เราจะทำแบบนี้ได้ยังไง…เจ๊ยังห่วงอยู่” เจ๊เนาว์บอก
“ได้สิเจ๊ ถ้าทุกคนรวมกัน” บาสว่า
สายฟ้าหันมาทางสมหวัง “เธอคิดว่าเราจะปรับปรุงอะไรก่อนดี”
สมหวังสบตากับสายฟ้า
“ชั้นคิดว่ามีเรื่องใหญ่ๆ ที่เราต้องปรับปรุงคือ เสื้อผ้ากับการแสดงหน้าเวที”
“ชั้นเห็นด้วยกับเธอ”
สมหวังบอกต่อ “เรื่องเสื้อผ้าชั้นกับพี่กุหลาบจะเป็นคนจัดการเอง”
บาสรีบบอก “ส่วนเรื่องการแสดง ผมกับเจ๊เนาว์จะเป็นคนจัดการ”
ชูชนะงง “แล้วข้าต้องทำอะไรวะ”
เจ๊เนาว์บอกขำๆ “พ่อก็นั่งเฉยๆ คอยเป็นคอมเม้นเตเตอร์”
สายฟ้านั่งคิดไปคิดมา แล้วจู่ๆ สีหน้าก็เหมือนจะหนักใจขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าเราจะปรับปรุงกันขนาดนี้ ยังไงก็ต้องใช้เงินอยู่ดี ตอนนี้เงินในวงก็เหลือแค่ซื้อกับข้าวเลี้ยงทุกคนไปวันๆ เท่านั้นเอง”
ทุกคนนิ่ง เงียบงันกันไป
“เป็นอะไรกัน”
ทุกคนหันมามองชูชนะเป็นตาเดียว
สายฟ้าบอก “ก็เราไม่มีเงินไงพ่อ”
“ใครบอกเอ็งว่าไม่มี”
ทุกคนยิ่งเพ่งมองชูชนะอย่างงๆ
สักครู่หนึ่ง ชูชนะเดินถือกล่องอะไรบ้างอย่างเข้ามา
“อะไรนะพ่อ” สายฟ้าสงสัย
“นี่แหละโว้ย…เงินที่จะเอามาพัฒนาวง”
พอชูชนะเปิดกล่องเล็กๆ ออก ก็เห็นสร้อยคอทองคำเส้นโต 4-5 เส้น แต่ละเส้นหนัก ไม่ต่ำกว่า 5 บาทขึ้นไป
ทุกคนตาโตร้อง “ว้าว”
“ตอนแรกข้าจะเก็บไว้เป็นมรดกให้เอ็ง ในเมื่อมันจำเป็นก็เอามาใช้ก่อน” ชูชนะว่า
“พ่อ…ขืนรอถึงตอนนั้นรับรองหนี้ท่วมหัวแน่”
บาสคันมือ หยิบเอาเส้นหนึ่งขึ้นมาดู
“อู้หู้…เกิดมายังไม่เคยเห็นทองเส้นใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลยอ่ะ…” บาสจับพระที่ห้อยอยู่กับสร้อย “พ่อ…นี่หลวงพ่ออะไร”
“ไหนดูสิ…อ๋อ..สมเด็จวัดปากน้ำรุ่นสอง หายากแล้วนะเว๊ย”
“อย่างนี่อย่าว่าแต่ปรับปรุงวงเลย ตั้งวงใหม่ก็ยังได้” บาสว่า
“เฮ้ยๆๆ ข้าให้แต่สร้อยกับกรอบ….หลวงพ่อท่านไม่ธุดงค์!” ชูชนะพูดจบยกพระขึ้นเหนือหัว
“ลูกช้างขอยืมจีวรหลวงพ่อไปต่อชีวิตก่อนนะหลวงพ่อ ต่อเมื่อมีเมื่อไหร่แล้วลูกจะเลี่ยมคืนให้กรอบใหญ่กว่าเดิม…สาธุ”
ทุกคนมองชูชนะแล้วหัวเราะ อย่างตื้นเต้น เห็นทางออกของวงแล้ว
โปรดเอาใจช่วยสายฟ้าและสมหวัง ตอนต่อไป