xs
xsm
sm
md
lg

สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 2

รุ่งเช้าวันต่อมา ยินเสียงตำพริกดังโป๊กๆ ขึ้นในโรงครัว พร้อมกับเสียงใครคนหนึ่งร้องเพลงตามวิทยุอยู่ เป็นเพลงสนุกสนานจังหวะมันส์ๆ โจ๊ะๆ เนื้อหาเกี่ยวกับสาวโสดอยากมีแฟน

ภายในครัวของบ้านพักวงดนตรียามนั้น เจ๊จุ๊ ช่างแต่งหน้าซึ่งรวบตึงตำแหน่งแม่ครัวประจำวง สาวใหญ่ร่างอวบที่แต่งหน้าและแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีเจ็บ และฉูดฉาดอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว กำลังทำกับข้าวและร้องเพลงอย่างมีความสุข
จังหวะนั้นเจ๊เนาว์กำลังจะเข้ามาในครัว ได้ยินเสียงเจ๊จุ๊กำลังครวญเพลง ด้วยอารมณ์บรรเจิด เจ๊เนาว์ก็หยุดกึก ออกสเต็ปวาดลวดลายสะดีดสะดิ้งตามอยู่ตรงหน้าประตู โดยที่เจ๊จุ๊ยังไม่เห็น
และบังเอิญว่าระหว่างนั้น เจ๊จุ๊จะเอาน้ำล้างผักมาเททิ้ง พอหันมาเห็นเจ๊เนาว์เต้นอยู่หน้าประตูก็ตกใจ! สาดน้ำใส่เจ๊เนาว์เข้าเต็มๆ!
เจ๊เนาว์กรี๊ดด้วยความโมโห “ว๊ายยย อีจุ๊! เอาน้ำมาสาดชั้นทำไม”
“อีเจ๊! มาทำไม่ให้ซุ่มให้เสียงเล่า มาเต้นยึกยือๆ อยู่หน้าประตู ก็นึกว่าผีน่ะสิ” เจ๊จุ๊บอก
“ผีอะไรจะสวยอะไรขนาดนนี้ยะ…ดูสิเปียกหมดเลย”
“มีอะไรเจ๊” เจ๊จุ๊เปลี่ยนเรื่อง
“จะมาเตือนว่าอย่าลืมทำกับข้าวเผื่อสองคนที่มาใหม่ด้วยนะ” เจ๊เนาว์บอก
“ไม่ลืมหรอก….เออ แล้วเป็นไงบ้างอ่ะเจ๊ สองคนนั้นได้ทำงานต่อหรือเปล่า”
“ไม่รู้…รอดูวันนี้”
เจ๊จุ๊งง “ทำไมต้องรอดูวันนี้ล่ะ”
“เห็นสายฟ้าบอกยังงั้น…เอาเหอะเรื่องของเค้าเราไม่เกี่ยว”

ที่เรือนพักคนงานและลูกวงเช้าวันเดียวกัน สำลีเดินมาเคาะประตูลูกวงตามทางเดิน
“ตื่นได้แล้ว ทำงานได้แล้ว”
ระหว่างนั้นสายฟ้าเดินเข้ามาหาสำลีชี้ห้องสมหวังกับกุหลาบ “ใช่ห้องสองคนที่มาใหม่หรือเปล่า”
“ใช่…ทำไมเหรอพี่สายฟ้า”
สายฟ้ายิ้มกริ่ม อย่างมีแผน “ปอยฝ้ายมานี่”
สายฟ้าเรียกปอยฝ้ายมากระซิบบางอย่าง ปอยฝ้ายยิ้มแหยๆ พลางถาม
“จะดีเหรอพี่!”
“เอาน่า…ไปได้แล้ว” สายฟ้าว่า
ปอยฝ้ายเดินออกไป

ที่หน้าห้องพักของสมหวังกับกุหลาบเวลาต่อมา สายฟ้าตบมือเพื่อเป็นสัญญาณ ปอยฝ้าย เป่าทรัมเป็ต เสียงแปร๋นขึ้นมาคนแรก จากนั้นทั้งกลอง ฉิ่ง ฉาบ ร่วมบรรเลงดังลั่น พร้อมสำลีร้องเพลงอย่างกวนอารมณ์ อยู่หน้าห้องสมหวัง
ส่วนในห้อง สมหวังกำลังนอนคลุมโปงอยู่ พอได้ยินเสียงเพลงก็เปิดผ้าออก
“ใครมาเล่นดนตรีแต่เช้าเนี่ย”
สมหวังงัวเงียลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อออกไปดู
สมหวังกับกุหลาบ เปิดประตูหน้าบูดออกมา
“นี่ๆ อะไรกัน…หยุดได้แล้ว” สมหวังบอกอย่างฉุนเฉียว
สายฟ้ายิ้มเย้ย
สมหวังโมโห “ที่นี่เค้าปลุกคนงานกันแบบนี้เหรอ”
“ใช่ วิธีการปลุกของที่นี่...และโทษฐานที่เธอให้ชั้นไปรอที่ห้องเก็บชุดเกือบยี่สิบนาทีแล้ว! ชั้นนัดกี่โมง ดูนาฬิกาสิว่านี่มันกี่โมงแล้ว”
สมหวังหันกลับไปมองนาฬิกา เห็นว่าเพิ่ง 7โมงเช้าเอง
“นี่มันเพิ่งเจ็ดโมงเอง”
“ก็เจ็ดโมงไง…คนที่นี่เค้าตื่นกันแต่ตีห้าไม่รู้หรือไง หกโมงเค้าเริ่มทำงานกันแล้ว” สายฟ้ากวน
“นี่มันวงดนตรีลูกทุ่งหรือค่ายทหารห๊ะ ชั้นว่าทำงานแปดโมงมันก็ยังเช้าไปด้วยซ้ำ นี่อะไรทำตั้งแต่หกโมง” สมหวังยัวะ
“อย่าบ่นมาก…รีบแต่งตัวแล้วไปเจอชั้นข้างบน ให้เวลายี่สิบนาที” สายฟ้าสั่ง

ไม่นานนัก สายฟ้าเดินยิ้มสะใจออกมาหน้าห้องเก็บชุดแดนเซอร์
เจ๊เนาว์ครวญ “จะไหวเหรอ ชุดมันตั้งเยอะนะนั่น”
“ไม่ไหวสิดี จะได้ออกไปเลย” สายฟ้าบอก
บาสเดินผ่านมาได้ยินก็สงสัย “ใครจะออกไปไหนพี่สายฟ้า”
“ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปสนใจเลย”
“อย่าบอกนะ ที่พี่พูดเมื่อคืนว่าน้องสมหวังเค้าจะไม่ได้อยู่ที่แล้ว เพราะพี่จะไล่เค้าออกใช่มั้ย” บาสซัก
“ชั้นไม่ได้ไล่ แต่มันก็ต้องผ่านบททดสอบอะไรบางอย่างก่อน ถ้าไม่ผ่าน ก็ต้องออกไป” สายฟ้าบอก
“ทำไมพี่ใจร้ายแบบนี้ สมหวังเค้าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ น่าสงสารจะตาย พี่ให้เค้าทำอะไร เดี๋ยวผมจะไปช่วยเค้าเอง” บาสด่าเอา
“หยุดเลยไอ้บาส แกไม่ต้องไปยุ่ง! งานของแกจะเริ่มทำเมื่อไหร่ รีบไปทำเลยดีกว่า”

ท่วงทำนองเพลงจังหวะสนุกครื้นเครงดังไปทั่วทั้งห้องเก็บชุด สองสาวเริ่มลงมือช่วยกัน แยกชุดออกมา
กุหลาบลองเอาชุดแดนเซอร์มาลองใส่เล่น สมหวังทำตามบ้างใส่ชุดสวยๆ ทำท่าเป็นนักร้อง...แล้วนั่งลงไปซ่อมชุดต่อ
นาฬิกาบอกเวลาว่าผ่านไปเป็น 11 โมงแล้ว กองผ้าที่ยังไม่ได้ซ่อม เหลือเพียงนิดเดียว
สมหวังยังคงนั่งทำขะมักเขม้น แต่กุหลาบงีบหลับไปแล้ว

เจ๊จุ๊ จัดเตรียมอาหารเที่ยงอยู่ในครัว สายฟ้ากะบาสเดินเข้ามา โดยสายฟ้าแอบย่องเข้ามากอดเจ๊จุ๊
เจ๊จุ๊ตกใจร้อง “อุ้ย” หันมาเห็นเป็นสายฟ้า
“แหม…สายฟ้าเล่นแบบนี้ เจ๊คิดนะ”
“บอกแล้วอย่าเล่นแบบนี้พี่สายฟ้าเดี๋ยวผีผลัก” บาสกัดขำๆ
เจ๊จุ๊มองบาสท่าทีโลมเลีย ยั่วยวน “ปากคอเราะร้ายนะ…เจ๊บอกไว้ก่อนเด็กๆ เจ๊ก็ไม่ปล่อยนะบาส
บาสรีบเอามือป้องทุกส่วนของร่างกายพัลวัน “ชะอุ่ย..สยิว”
สายฟ้าขำๆ ก่อนจะถาม “หอมจังเลยเจ๊ วันนี้ทำอะไรกินเนี่ย”
“ผักบุ้งหมูกรอบ”
“โหน่ากินจัง” บาสยิ้ม
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยเจ๊” สายฟ้าถาม
“ไม่เป็นไร ใกล้เสร็จแล้ว…เมื่อวานได้ยินว่าถูกคนงานใหม่เล่นงานเอาเหรอจ๊ะ”
“อย่าพูดถึงดีกว่าเจ๊ ตัวเล็กจี๊ดเดียวแต่ด่าได้เป็นปืนกลเลย ผมงี้หน้าชาไปหมด” สายฟ้าเม้าท์
บาสติอีก ที่สายฟ้าว่าสมหวัง “พี่ก็เว่อร์ไป สมหวังเค้าน่ารักจะตาย แต่อีกคนน่ะสิใช้ไม่ได้เลยเจ๊เจอกันวันแรกก็อัดผมซะน่วมเลย” ลงท้ายด้วยการเม้าท์กุหลาบซะเอง
“เอ่อ เจ๊…ทำกับข้าวเผื่อสองคนอีกแค่มื้อเดียวพอนะ” สายฟ้าบอกอย่างมั่นใจ
เจ๊จุ๊งง “อ้าว ทำไมล่ะ!”
“ถ้าก่อนเที่ยงวันนี้ไม่ผ่านการทดสอบ ก็ต้องออกอย่างเดียว” สายฟ้ายิ้มกริ่ม
“จะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ คนเค้าลำบากมาขอที่พึ่งนะ” เจ๊จุ๊ว่า
บาสเห็นด้วย “ใช่เจ๊! พี่สายฟ้าใจร้ายมาก คิดจะไล่ได้แม้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ”
“นั่นน่ะสิสายฟ้า ไล่ไปแล้วเค้าจะไปอยู่ไหนล่ะนั่น” เจ๊จุ๊ปรารภ
“ผมไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นนะเจ๊ คนเพิ่มมาอีกตั้งสองคน เจ๊ก็รู้ว่าวงเรากำลังจะแย่ ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ วงเราก็ต้องลำบากไปกว่านี้อีก”

ที่ห้องเก็บชุดแดนเซอร์ นาฬิกาบอกเวลา เที่ยงตรง สายฟ้า เจ๊เนาว์ และบาสเดินมาหน้าห้องเก็บชุด
งง ที่เห็นห้องปิดสนิท
“ทำไมห้องปิดเงียบแบบนี้ล่ะ”
บาสบอกเสียงเศร้า “โธ่...หรือว่าน้องสมหวังหนีออกจากบ้านไปแล้ว”
“ชั้นก็ว่าอยู่ สงสัยจะยอมแพ้ไปแล้ว” สายฟ้าหยัน
“ไม่ต้องพูดเลย พี่มันใจร้าย”
ทั้งlสามเปิดประตูเข้ามาในห้อง สายฟ้าต้องตะลึง เมื่อชุดถูกซ่อมเรียบร้อย และแขวนเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ
เจ๊เนาว์อึ้ง ทึ่ง “ไม่น่าเชื่อ”
บาสยิ้มร่า “เห็นมั้ยล่ะ น้องสมหวังของชั้นทำได้”
สายฟ้าไม่ยอมแพ้ “ต้องตรวจงานก่อน ถ้าไม่เรียบร้อยก็ไม่ผ่านการทดสอบอยู่ดี”
สายฟ้าเดินเข้าไปจับๆ ชุด แล้วก็ต้องทึ่ง เมื่อแต่ละชุดซ่อมแซมอย่างดี

ทุกคนกำลังล้อมวงกินข้าว อยู่ที่โรงครัว ต่างกำลังหัวเราะเฮฮา
ปอยฝ้ายที่งสมหวังสุดๆ “เธอนี่สุดยอด กล้าต่อปากต่อคำกับพี่สายฟ้า ชั้นขอคาราวะ”
“ทำไมหรอ ปกติดุมากนักเหรอ” สมหวังถาม
“ใครโดนด่านะ ขี้หูกระพือ” ปอยฝ้ายบรรยายสรรพคุณจนเห็นภาพ
เจ๊จุ๊ปราม “แกก็เวอร์เกินไป ไม่มีใครดีเท่าสายฟ้าแล้ว”
สำลีเสริม “ใจดีกว่ายักษ์นิดเดียว”
สายฟ้าเดินมาได้ยินพอดี “อยากโดนนยักษ์กระทืบมั้ยไอ้สำลี”
สำลีสะดุ้ง เสียงสั่น “อย่าทำหนูเยย...หนูอ่อนแอ”
สมหวังถาม “ชุดที่ซ่อมไว้ พอใช้ได้มั้ย”
กุหลาบเสริม “อึ้งในฝีมือไปเลยน่ะสิ”
สายฟ้าทำไก๋ “ก็งั้นๆ เอาเป็นว่าผ่าน”
ทุกคนเฮดีใจกับสมหวังและกุหลาบ
“เก่งมากเลยจ้ะ..น้องสมหวัง” บาสยิ้มหน้าบาน
“ใครน้องนายห๊ะ…สมหวังเป็นน้องชั้น” กุหลาบแว๊ด
บาสเสียฟอร์ม “ชั้นเป็นคนมารยาทดี..น้องสมหวังเค้าอายุน้อยกว่าชั้น ชั้นเรียกว่าน้องมันผิดตรงไหน” หันมาจ๊ะจ๋ากับสมหวัง “จริงมั้ยจ๊ะน้องสมหวัง”
สมหวังยิ้มตอบ แต่หุบยิ้มแทบไม่ทัน

“กินข้าวเสร็จแล้วตามไปหาชั้นด้วย เราจะเริ่มงานกันวันนี้เลย” สายฟ้าสั่งเสียงเข้ม

ในเวลาต่อมา สมหวังนั่งหน้าหงิกอยู่ตรงลานซักผ้า สายฟ้ากำลังสั่งงานอยู่

“งานวันนี้ก็คือ ซักชุดหางเครื่องที่จะต้องไปออกงานให้เรียบร้อย”
ชุดหางเครื่องกองโต วางอยู่บนพื้น
“อะไรเนี่ย!...ทนไม่ไหวแล้วนะ!...จะแกล้งกันไปถึงไหน!” สมหวังฉุน
“ใจเย็นสมหวัง ไหนๆ ก็ได้ทำงานที่นี่แล้ว เค้ามันเจ้าของวง รามันลูกจ้าง ไปสู้รบปรบมือกับเค้าก็เสียเปรียบเปล่าๆ เค้าจะแกล้งก็ปล่อยให้เค้าแกล้งไป เดี๋ยวเบื่อเมื่อไหร่ เค้าก็เลิกแกล้งไปเองแหละ” กุหลาบปราม
“ชั้นไม่ยอม” สมหวังฮึดฮัด
“ถ้าทำไม่ได้ก็ออกไป” สายฟ้าเสียงดัง
บาสปรามสายฟ้า “พอเถอะพี่สายฟ้า” หันมาหวานใส่สมหวัง “น้องสมหวังไม่เป็นไรนะเดี๋ยวพี่ช่วย”
กุหลาบไม่พอใจ “ไม่ต้องยุ่ง…พวกชั้นทำได้”
บาสแยกเขี้ยวใส่กุหลาบ
“บาส แกไปทำงานของแกเถอะไป ตรงนี้ชั้นจัดการเอง” สายฟ้าบอก
“ยังไงก็ขอบใจนะพี่บาส คนมีน้ำใจกับคนแล้งน้ำใจมันต่างกันอย่างเห็นได้ชัด!
บาสมองสมหวังแล้วยิ้มกริ่ม ที่สมหวังชม
“งานแรก ตั้งใจทำกันหน่อย ซักเสร็จแล้วก็ไปตากให้ด้วย และถ้าไม่เสร็จนะเธอต้องทำงานให้ชั้นฟรีสามเดือน เข้าใจมั้ย!”
สมหวังนิ่ง
สายฟ้าย้ำ “ชั้นถามว่าเข้าใจมั้ย”
สมหวังสะบัดเสียง “เข้าใจ”
สายฟ้าเดินขำๆ ออกไป

ส่วนชูชนะกำลังโปรยข้าวเลี้ยงไก่โต้งลานหน้าบ้าน เห็นสายฟ้าเดินหัวเราะอย่างสะใจ
“หัวเราะอะไรของเอ็งวะไอ้สายฟ้า”
สายฟ้ายิ้มอยู่อย่างนั้น บอก “ไม่มีเหตุผล”
สายฟ้ายักคิ้วให้แล้วเดินยิ้มกริ่มจากไป...ชูชนะมองตามอย่างงๆ
“อะไรของมันวะ ไอ้ลูกคนนี้”

สมหวังกับกุหลาบเริ่ม ซักชุดแดนเซอร์ “ไม่นึกเลยว่าชีวิตต้องมาทำอะไรแบบนี้”
กุหลาบปลอบ “อดทนไว้”

ส่วนลานซ้อมเต้นข้างๆ ปอยฝ้ายและนักดนตรีกำลังซ้อมเพลงกันอยู่ สมหวังได้ยินเสียงดนตรี จึงร้องเพลง “อย่างนี้มันต้องขยี้” คลอไปกับดนตรี เป็นทำนองเพลงสนุกสนาน เนื้อเพลงว่ากระทบสายฟ้า
ครู่หนึ่งแดนเซอร์ หลายคน ก็เอาผ้ามาซักด้วย สมหวังเหลือไปเห็นสายฟ้าเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน
สมหวังตั้งใจร้องเพลงให้ดังขึ้น วงดนตรีเห็นสมหวังร้องเพลงได้จึงเล่นดนตรีให้สมหวังร้อง สมหวังร้องเพลง “อย่างนี้มันต้องขยี้” ด่ากระทบสายฟ้าอย่างสะใจ
กุหลาบกับแดนเซอร์ก็ลุกขึ้นมาเต้นเป็นหางเครื่องให้ ขนาดชูชนะที่อยู่ใกล้ๆ ก็พลอยขยับแข้งขยับขาตามไปด้วย

เช่นเดียวกับเจ๊เนาว์กำลังนั่งทำงานอยู่ก็โยกตัวตามจังหวะเพลง บาสเองดูเทปการแสดงอยู่ที่โซฟา ได้ยินเสียงสมหวังก็ลุกพรวดออกไปดู
“สมหวังนี่ก็เสียงดีเหมือนกันนะ” เจ๊เนาว์ชม
“ร้องด่าผมชัดๆ”
พูดไม่ทันขาดคำสายฟ้าก็เดินออกมายืนมองสมหวัง คิ้วขมวดอยู่หน้าบ้าน!

สมหวังยังคงร้องเพลงยั่วอย่างได้อารมณ์ ยิ่งเห็นสายฟ้าออกมายืนมองอยู่ก็ยิ่งร้องยั่ว สายฟ้ามองตาเขียว เข่นเขี้ยวอยู่หน้าบ้าน
บาสเต้นตามสมหวังอยู่ข้างๆ สายฟ้า พอสายฟ้าหันไปมอง บาสก็ชะงัก!
แดนเซอร์หันไปเห็นสายฟ้า พากันแว๊บหายไปทีละคนสองคน กุหลาบรีบสะกิดเตือนแต่สมหวังไม่ฟัง และร้องดังกว่าเดิม กุหลาบเกาหัวยิกๆ แล้วทำเป็นนั่งซักผ้าเหมือนเดิม
นักดนตรี เริ่มหยุดตี หยุดเป่า เสียงกระปอดกระแปด จนเงียบสนิท
สมหวังหันกลับมาไม่เห็นมีใครแล้ว แถมสายฟ้าก็มองไม่ละสายตา สมหวังเริ่มหวั่นๆ และร้องเบาลงเรื่อยๆ ก่อนที่จะหยุดร้อง แล้วนั่งลงซักผ้าต่อ

ด้านชูชนะซึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟารับแขก เงยหน้าขึ้นมองเมื่อ...เจ๊เนาว์นำเสี่ย “เจ้าภาพงานต่อไป” เข้ามา
“อ้าว เสี่ยชัย…สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อนครับ”
“หวัดดีๆ” เสี่ยชัยทักทายกลับ ชูชนะกุลีกุจอขึ้นต้อนรับ เสี่ยนั่งลงที่โซฟา
“แหม่…วันนี้มาเองเลยเหรอครับ”
“มาติดต่อจอมขวัญ ก็ต้องมาเองซิ…จะได้ตกลงกันว่าจะเล่นกี่เพลง”
“แล้วจะติดต่อจอมขวัญไปเล่นงานไหนล่ะครับวันนี้” ชูชนะถาม
“งานกาชาดจังหวัด”
ชูชนะหันไปบอกสายฟ้าที่นั่งงานอยู่ที่โต๊ะ
“สายฟ้าโทร.ถามจอมขวัญสิลูก ว่าอยู่ไหนแล้ว”
“ครับพ่อ...” สายฟ้าหันไปต่อโทรศัพท์
สำลีเดินเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟ
ชูชนะบอก “ดื่มน้ำก่อนนะครับ จะได้ใจเย็น ๆ เดี๋ยวจอมขวัญก็มา”
เสี่ยชัยดื่มน้ำนั่งรอ
โทรศัพท์มือถือจอมขวัญดัง แต่มีมือชุ่มเหงื่อข้างหนึ่งเอื้อมมากดปิดเสียงเงียบลง...จากนั้นมีแต่เสียงออดอ้อน สองแง่สามง่าม เหมือนคนกำลังมีอะไรกันในรถ
“ออกเหรอยัง...” เสียงผู้ชายถาม
“ยังค่ะ มันติดไม่ถนัด” สาวเจ้าตอบ
“ออกแรงอีกหน่อยซิ”
สาวเจ้าร้องขึ้นพร้อมกับเสียงดังกุกกัก รถไหว “ฮ้า อุ้ย อ้า” ถอนใจยาว “ออกซะที”
ที่แท้ในรถ...จอมขวัญนั่งอยู่ข้างๆ เฮียตี๋ และเพิ่งจะปลดเข็มขัดนิรภัยซึ่งฝืดออกได้สำเร็จ
“รถเฮียนะชอบเป็นแบบนี้ทุกที” จอมขวัญบ่น
“แล้วเมื่อกี้โทรศัพท์ใคร” เฮียตี๋สงสัย
“ที่วงนั่นแหละ โทร.มาตาม”
“แล้วหนูจะไปแล้วเหรอ” เฮียตี๋อ้อนไม่ให้ จอมขวัญไป “อย่าเพิ่งไปสิ”
จอมขวัญเลยไม่ไป “ช่างเค้า…ให้รอกันซะบ้าง ทีเวลาอยู่ไม่เคยสนใจ ทีนี้จะมาเร่งชิ! ว่าแต่เฮียให้หนูอยู่ เฮียมีอะไรเหรอ”
“ปิดประตูก่อนสิแล้วเฮียจะบอก”
“แหม..เอะอะก็บอกว่าจะมาคุยเรื่องทำเพลงให้หนู สุดท้ายก็เอยแบบนี้ทุกที” จอมขวัญกระเง้ากระงอด
“แหมหนู จะทำเพลงออกขายทั้งที มันก็ต้องลองเสียงกันหน่อยว่าเสียงยังดีอยู่หรือเปล่า”
“แล้วเป็นยังล่ะคะ…เสียงยังโอเค.หรือเปล่า”
เฮียตี๋บอกด้วยสายตาโลมเลียหน้าอย่างหื่น “ทุกครั้งก็ยังรักษาคุณภาพได้อยู่…แต่วันนี้ไม่รู้ว่าคุณภาพมันจะตกลงไปหรือเปล่า”
จอมขวัญดึงประตูรถปิด เฮียตี๋โน้มตัวจอมขวัญลงไป มีเสียงกุกกัก หัวร่อต่อกระซิก

ส่วนที่โรงพักในห้องหมวดวันชาติบ่ายนั้น วันชาติกำลังทำงานเอกสารบนโต๊ะ ยอดชายเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีครับหมวด”
“สวัสดีครับคุณยอดชาย เชิญนั่งก่อนครับ”
ยอดชายนั่งลงทีเก้าอี้ตรงข้าม “มีอะไรเหรอครับ ถึงได้ตามผมมาถึงที่นี่”
“คือเราพอจะทราบรูปพรรณสันฐานของคนร้ายที่เข้าไปฆาตกรรมคุณนายแล้ว ก็เลยอยากจะให้คุณยอดชายมาดูว่าเคยเห็นหน้าหรือเปล่า”
ยอดชายตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น หมวดวันชาติหยิบรูปแดนขึ้นมาให้ยอดชายดู ยอดชายยิ่งตกใจ มองตาโต เมื่อเห็นรูป
“เคยเห็นคนๆ นี้หรือเปล่าครับ”
วันชาติถาม ยอดชายกำลังตกใจ รีบเปลี่ยนสีหน้า
“ไม่เคยเห็นเลยนะครับ แล้วแน่ใจเหรอว่าใช่คนนี้”
“เรามีพยานเห็นว่าคนในรูปนี้เป็นคนฆ่าคุณนายนะครับ จากแฟ้มประวัติ ระบุว่าเป็นพวกมือปืนซุ้มเมืองเพชร” วันชาติบอก
ยอดชายยิ่งตกใจ ถามเร็วๆ “แล้วพยานอยู่ไหนครับตอนนี้”
“อยู่ในความคุ้มกันของตำรวจครับ”
“ผมขอพบได้มั้ยครับ ผมจะได้ขอบคุณที่เป็นพยานชี้ตัวคนร้าย” ยอดชายบอก
“คงไม่ได้ครับ มันอาจทำให้พยานมีอันตราย” วันชาติปฏิเสธ
“ผมอยากขอบคุณเค้าจริงๆ ถ้าผมไม่ได้ขอบคุณกับเขาด้วยตัวผมคงไม่สบายใจ”
เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะขึ้น หมวดวัยชาติหันไปรับสาย
“สวัสดีครับ ครับสารวัตร” บอกกับยอดชาย “วันนี้รบกวนคุณยอดชายแค่นี้ก่อน ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกทีนะครับ”
ยอดชายถามคะยั้นคะยอ “สรุปผมขอพบพยานไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ได้ครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
“ครับ”

ลับหลังหมวดวันชาติ ยอดชายหงุดหงิด และเครียดหนัก

สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 2 (ต่อ)

เวลาเดียวกันนั้น ถ้วยกาแฟวางเกลื่อนโต๊ะรับแขกบ้านชูชนะ เสี่ยชัยคนเดิมนั่งคอยนานมากแล้ว ชักโมโห

“อะไรกันเนี่ย นัดมาคอยตั้งแต่บ่ายโมง นี่บ่ายสองกว่าแล้วยังไม่มาอีก หรือถือว่าเป็นนักร้องดังแล้วเล่นตัว”
“รออีกแป๊ปนะครับ ไหนๆ เสี่ยก็มาแล้ว” สายฟ้าบอก
“อั๊วว่าอั๊วใจเย็นสุดแล้วนะ ถ้าเป็นคนอื่นชั่วโมงครึ่งอียังไม่มา เค้าก็ไปกันหมดแล้ว ไม่เอาแล้ว อั๊วจะกลับ”
เสียงจอมขวัญดังแทรกขึ้น “จะรีบไปไหนละคะ”
จอมขวัญเดินเข้ามาพูดเสียงหวาน “เสวัสดีค่ะเสี่ย ต้องขอโทษเสี่ยจริงๆ นะคะที่ทำให้รอนาน คืออย่างนี้ค่ะ พอดีจอมขวัญเห็นเด็กถูกรถเฉี่ยว ไม่มีใครพาไปส่งโรงพยาบาล หนูก็เลยช่วยไปส่งที่โรงพยาบาล ก็เลยมาช้า ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
เสี่ยชัยยิ้มแย้ม เชื่อที่จอมขวัญตอแหล “ลื้อนี่เป็นคนดีจริงๆ อั๊วไม่น่าใจร้อนเลย มาแล้วยังดีกว่าไม่มา”
“ขอบคุณค่ะเสี่ยที่เข้าใจ”
“มาแล้วก็เซ็นสัญญาว่าจ้างกันเลยไหมครับเสี่ย จะได้เสร็จๆ” ชูชนะบอก
“ได้ๆ” เสี่ยยิ้มย่อง
เสี่ยชัยกับจอมขวัญเซ็นสัญญาจ้างงานเรียบร้อย
“อั๊วกลับก่อนล่ะ”
“ขอบคุณค่ะ แล้วเจอกันวันงานนะค่ะ รับรองจอมขวัญจะเล่นให้เต็มที่เลยค่ะ”
เสี่ยชัยยิ้มแย้ม “ดีมากๆ”
“เดี๋ยวผมไปส่ง”
ชูชนะบอก และลุกเดินออกไปกับเสี่ยชัย

จอมขวัญเห็นสายฟ้ายืนอยู่ ปรี่เข้าไปหา “เป็นไง คอยชั้นนานมั้ย”
สายฟ้าหงุดหงิดเบี่ยงหนี สองคนเริ่มโต้เถียงกัน
“ทำไมถึงมาช้า”
“สนใจด้วยเหรอว่าชั้นจะมาช้าหรือมาเร็ว”
“แล้วไปไหนมา”
“ก็ชั้นบอกแล้วไงไปส่งเด็กโดนรถเฉี่ยวเข้าโรงพยาบาล”
“จะให้พี่เชื่อเหรอ!…มันไม่ดีรู้มั้ยให้แขกเค้ามารอนานๆ…”
จอมขวัญสวนออกมา “ถ้าพี่ไม่อยากให้เกดเหตุการณ์แบบนี้อีก พี่ก็รู้นี่ว่าต้องทำยังไง”
“คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกเข้าใจมั้ย” สายฟ้าฉุนๆ
จอมขวัญยั่วสายฟ้า ทำเป็นเข้าไปกอดสายฟ้า “เวลาพี่โกรธ ก็น่ารักไปอีกแบบนะ”
สายฟ้าเบี่ยงออกอีกครั้ง
สมหวังเดินเข้ามาพอดี จอมขวัญมองสมหวังหัวจรดเท้า “เข้ามาทำไม!”
สายฟ้าแทรกขึ้น “มีอะไรสมหวัง”
สมหวังอึกอัก “คือ....”
จอมขวัญจ้องสมหวัง “มาใหม่เหรอไม่เคยเห็นหน้า”
“ค่ะ” สมหวังบอก
สายฟ้าถาม “มีอะไรก็ว่ามา”
“ชั้นจะมาบอกว่าชุดที่ให้เอาไปซักมันมีชำรุดต้องซ่อมแต่ไม่มีของ”
จอมขวัญขัดขึ้น ไม่พอใจ “ไม่เห็นหรือไงว่าชั้นคุยกับพี่สายฟ้าอยู่ เสียมารยาท”
สมหวังหันขวับ จ้องหน้าจอมขวัญเป็นเชิงบอกให้หยุดพูด
“งั้นแยกตัวที่ชำรุดออกมา แล้วพรุ่งนี้ไปซื้อกัน”
สมหวังเดินเชิ่ดออกไป
จอมขวัญแขวะ “พี่สายฟ้า...พี่รับคนงานผู้หญิงเข้ามาทำงานอีกแล้วเหรอ ระวังเถอะ!หล่อๆแบบพี่ สักวันจะต้องเสร็จใครสักคนในวง!”
สายฟ้าพูดกระทบกระแทกจอมขวัญ “เรื่องนั้นไม่ต้องบอกพี่หรอก…พี่ระวังอยู่แล้ว”
สายฟ้าเดินออกไป
จอมขวัญผุดยิ้มร้ายออกมา “คอยดูสักวันพี่ต้องเป็นของชั้น!”

สมหวังกลับห้อง แต่งตัวเสร็จกำลังจะออกจากห้อง เสียงโทรศัพท์สมหวังดังขึ้น สมหวังรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
ป้าชวนคุยโทรศัพท์แบบระวังตัว! “สมหวัง…นี่ยายเองนะลูก”
สมหวังดีใจสุดๆ “ยาย...ยายเป็นยังไงบ้าง”
“ยายสบายดี…เอ็งไม่ต้องห่วงยายนะ หมวดวันชาติเค้าแวะมาดูยายเกือบทุกวัน…ว่าแต่เอ็งเถอะอยู่โน่นเป็นไงบ้าง”
“อยู่ได้จ้ะ…ไม่ลำบากอะไรมาก”
“เอ็งต้องระวังตัวให้มากๆ นะ…อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวนะลูก”
“จ้ะยาย…แล้วที่ร้านยุ่งหรือเปล่าจ๊ะ”
“ไม่เลย…ยายรับงานน้อยลง”
ทันไดนั้น ป้าชวนเหลือบไปเห็นมีคนเดินผ่านไปมาอยู่ตรงหน้าประตูก็ตกใจ
“แค่นี้ก่อนนะสมหวัง…ดูแลตัวเองด้วยนะลูก”
ป้าชวนวางโทรศัพท์แล้วค่อยๆ เดินไปที่ประตู สอดส่องมองไปข้างนอกเห็นไม่มีใคร ป้าชวนค่อยๆ เปิดประตูออกไปดู
เด็กชายคนหนึ่งก็โผล่ออกมาเรียก “ยาย”
ป้าชวนตกใจร้อง “ตาเถร”
เด็กบอก “ยายแม่ให้เอาแกงมาให้”
ป้าชวนบ่น “ตกใจหมด นึกว่าใครไอ้น้องไมค์นี่เอง ฝากขอบใจแม่เอ็งด้วยนะ”
“ครับ” เด็กชายวิ่งออกไป
ป้าชวนถอนหายใจ โล่งอก

เช้าวันต่อมา ยอดชายกำลังคุยกับแดนที่ตึกร้าง ที่นัดหมายประจำ
แดนนั้นอยู่ในอาการตาลอย ใต้ขอบตาคล้ำดำ ทำจมูกฟื๊ดๆ เหมือนคนอยากยา
“ตำรวจเค้ารู้แล้วนะว่าแกเป็นคนทำ” ยอดชายบอก
แดนตกใจ “อะไรนะ! แล้วตำรวจมันรู้ได้ไง”
“ก็ไอ้พยานที่เห็นแกนะมันไปชี้ตัว แล้วเห็นรูปแกในแฟ้มมือปืน ซุ้มเมืองเพชร อะไรสักอย่าง”
แดนแทบไม่อยากเชื่อ “ไม่น่าเป็นไปได้ ผมเคยถ่ายรูปกับพวกซุ้มเมืองเพชร แค่ครั้งเดียว ไม่น่าจะหลุดไปถึงมือตำรวจได้”
“ก็ไอ้รูปนั้นแหละที่มันเอาให้ตำรวจดู”
“โธ่...เว้ย แล้วทีนี้จะทำไงล่ะ”
“ก็ต้องรีบเก็บไอ้พยานคนนั้นให้เร็วที่สุด ไม่งั้นชั้นกับแกจบชีวิตแน่!” ยอดชายบอกหน้าเคร่ง
“ไม่ต้องห่วง ผมจะรีบจัดการมันให้เร็วที่สุด”
“แล้วอย่าให้พลาดอีกล่ะ”
ยอดชายคาดโทษแล้วกำลังจะเดินออก
แดนเรียกไว้ “เดี๋ยวครับคุณยอดชาย”
ยอดชายหันกลับมาหา
“ผมจะขอเบิกเงินล่วงหน้าสักก้อนนึง”
“อะไรวะ! งานยังไม่เสร็จ จะมาเอาเงินแล้ว” ยอดชายฮึดฮัด
“ผมจำเป็นใช้เงินจริงๆ” แดนยังคงทำจมูกฟื๊ดๆ
ยอดชายเหลือบไปเห็นอุปกรณ์เสพยาอยู่มุมข้างห้อง
“นี่แกติดยาใช่มั้ย!”
“เถอะน่า ผมรับรองไม่ทำให้งานคุณเสียหรอก!”
“ตอนนี้ชั้นไม่มีเงินสด ต้องไปที่ธนาคาร”
“งั้นผมขอติดรถคุณไปเอาเลยนะครับ”

“เออ” ยอดชายหงุดหงิดส่ายหัวเดินออกไป แดนเดินตามไป

เช้าเดียวกันนั้น สายฟ้าพูดสมหวังขณะเดินไปขึ้นรถด้วยกัน

“เธอจดรายการมาหมดแล้วนะว่าต้องซื้ออะไรบ้าง”
“จดหมดแล้ว”
บาสออกมาเห็นสมหวังกับสายฟ้าเดินไปที่รถด้วยกันพอดี
“จะไปไหนกัน”
สายฟ้าบอก “จะไปซื้อของมาซ้อมชุดหน่อย”
“ผมไปด้วยดิ”
“จะไปทำไมเกะกะ เดี๋ยวชั้นก็กลับมาแล้ว” สายฟ้าว่า
บาสงอน “ไม่ไปก็ได้...อุตส่าห์จะไปช่วยสมหวังถือของซะหน่อย”
“ขอบใจนะพี่บาส...แต่คุณสายฟ้าเค้าไปคนเดียว ชั้นไม่ได้ไปกับเค้าหรอก” สมหวังว่าพลางยิ้ม
“ไม่ไปได้ยังไง เธอเป็นคนซ่อมชุด เธอก็ต้องไปซื้อของกับชั้นสิ” สายฟ้าตำหนิ
สมหวังอึกอัก “เอ่อ...คือชั้นออกไปข้างนอกไม่ได้”
“ทำไมถึงออกไปข้างนอกไม่ได้” สายฟ้าจ้องหน้า
“คือ....”
“หรือว่าเธอ....” สายฟ้ามองจับผิด สมหวังอึ้งกลัวความแตก “...ขี้เกียจ”
สมหวังโล่งอก “ใช่ๆๆ แหมรู้ทันอีก”
“ไม่ต้องอู้เลย ไปกับชั้น!!” สายฟ้าบังคับ
สายฟ้าจับสมหวังขึ้นรถ แล้วขับออกไป กุหลาบเดินมาเห็นพอดี ตกใจ รีบวิ่งตามรถสายฟ้า
“สมหวัง! ไปไหนกัน พี่ไปด้วย”
กุหลาบวิ่งมาไม่ทันมอง ชนเข้าบาสอย่างจัง ทั้งคู่ล้มกลิ้งไปนอนที่พื้น
“โอ๊ย! ยัยบ๊องเอ๊ย...วิ่งมาไม่ได้ดูคนเลย ทำไมเวลาชั้นเจอเธอต้องมีเรื่องเจ็บตัวตลอด”
กุหลาบรีบลุกขึ้น ผละจากตัวบาส
“ชั้นว่านายนั่นแหละตัวซวย…ที่หลังเห็นคนวิ่งมาก็หลบสิ!”
บาสพึมพำ “เอ้า!...กรูผิดซะงั้น”
กุหลาบสีหน้าหนักใจ “แล้วนี่พี่สายฟ้าเค้าพาสมหวังไปไหน”
“เห็นบอกว่าไปซื้อของมาซ่อมชุด”
กุหลาบตกใจตาค้าง “ห๊ะ…ออกไปซื้อของ!!แล้วไปได้ยังไง ออกไปข้างนอกมันก็ต้องมีคนพลุกพล่าน คนพลุกพล่านแสดงว่าคนมันต้องก็เยอะ คนเยอะแล้วมันก็ไม่ปลอดภัย แล้วที่นี้จะทำยังไง ตายแล้วววว!!...สมหวังจะเป็นอะไร...” พอนึกได้ว่าพูดมากไปแล้ว ก็ชะงัก
บาสงงๆ “เป็นอะไร”
กุหลาบแถ “เป็นคนบ้านนอกไง แล้วถ้าสมหวังหลงจากคุณสายฟ้าแล้วจะทำยังไงสมหวังรู้ทางซะที่ไหน!!”
กุหลาบโล่งอกที่แถไปได้

ส่วนภายในรถสายฟ้าขับรถอยู่ สมหวังนั่งนิ่งๆ ไม่สนใจสายฟ้า
“แล้วจะไปซื้อกันที่ไหน”
สมหวังบอกส่งๆ “สำเพ็ง พาหุรัด ประตูน้ำ”
สายฟ้าบ่น “โห...ทำไมไปหลายที่จัง”
“ถ้าคุณขี้เกียจไป งั้นพาหุรัดที่เดียวพอ”
“เออดีแฮะ..คิดจะลดก็ลดฮวบเหลือที่เดียว” สายฟ้าส่ายหน้า

ที่ตลาดพาหุรัด ตอนกลางวัน สมหวังกับสายฟ้าเดินเข้าไปในร้านแห่งหนึ่ง
“เธอแน่ใจนะว่าชื้อเป็น”
“เอาน่า เป็นไม่เป็นเดี๋ยวคอยดูแล้วกัน”
คนขายรีบออกมาต้อนรับ “รับอะไรดีครับ”
สมหวังยื่นรายการให้ “พี่คะเอาตามรายการที่จดมา”

สมหวังกำลังเลือกเลื่อม ลูกปัด และอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างชำนาญ...เลือกดูชิ้นนั้นชิ้นนี้ สายฟ้าคอยสังเกตมองแบบทึ่งๆ
คนขายถาม “น้องคะ ดิ้นแบบที่น้องจะเอาไม่มี”
“แล้วมีอย่างอื่นหรือเปล่า” สมหวังถาม
“มีอันนี้ราคาใกล้กัน” หยิบมาให้ดู
สมหวังหยิบขึ้นดู แล้วไม่ชอบ จึงมองหาในชั้น ก็ไปสะดุดเข้าอีกแบบหนึ่ง
“พี่ เอาแบบนั้นล่ะ”
คนขายหันไปหยิบให้
“เนี่ยมันของอิตาลี เวลาถูกไฟแล้วมันวาวกว่า แบบนี้แพงกว่าแต่สวยกว่าลงทุนหน่อย สงสัยเคยใช้แต่ของถูกๆ ล่ะสิท่า”
สายฟ้ายิ่งทึ่งในความเก่งของสมหวัง
แล้วของทุกอย่างวางไว้บนโต๊ะคิดเงิน
“สามพันเจ็ดร้อยหกสิบ”
“สามพันห้าแล้วกันน้อง” สายฟ้าต่อ
“ไม่ได้ขาดทุน สามพันเจ็ดแล้วกัน” คนขายบอก
สายฟ้าต่ออีก “สามพันหกน่านะ”
คนขายคิดๆ ยังไม่ตอบ สมหวังช่วยเสริมทับ
“น่านะพี่...ต่อไปจะได้มาเป็นลูกค้าประจำ”
คนขายยอม “ก็ได้ๆ”
สายฟ้ามองสมหวังยิ้มๆ พอใจที่สมหวังช่วยในการต่อของ
“นี่” ส่งเงินให้ “เก็บไว้ที่เธอ”
สมหวังรับเงินแล้วจ่ายให้กับคนขาย พลางบอก “รอรับของนะ เดี๋ยวชั้นมา”
“ไปไหน” สายฟ้างง
“ร้อน...หิวน้ำ”
สายฟ้าบอก “งั้นรอตรงนี้นะ รีบๆ มา”

รถยอดชายแล่นมาจอดเทียบฟุตบาท ที่หน้าถนนพาหุรัด
ยอดชายและแดนนั่งอยู่บนรถ “แกรออยู่ในรถนี่แหละ...เดี๋ยวชั้นไปกดเงินมาให้”
แดนพยักหน้า ยอดชายลงจากรถไป
จู่ๆ แดนคอแห้งหิวน้ำ หยิบขวดน้ำที่เสียบไว้ข้างๆ เบาะขึ้นมาจะดื่ม แต่น้ำในขวดหมดพอดี แดนเซ็ง มองหาร้านน้ำแถวนั้น

ครู่หนึ่งแดนหันไปเห็นร้านขายน้ำดื่ม แดนใส่แว่นดำ คว้าหมวกแก๊บมาใส่พรางหน้า แล้วลงไปจากรถ เดินตรงไปยังร้านขายน้ำ

ส่วนสมหวัง เข้ามาซื้อน้ำร้านเดียวกับแดนแต่เป็นคนละด้านกัน
สมหวังกับคนขายคนหนึ่ง “น้ำสองแก้วค่ะ”
แดนยืนเยื้องกับสมหวัง ที่อีกด้านหนึ่ง แดนบอกคนขายอีกคน “น้ำแก้วนึง”
แดนหันมองไปรอบๆ อย่างระวังตัว จึงคลาดสายตากับสมหวังไป
คนขายบอก “น้ำสองแก้วได้แล้วค่ะ”
สมหวังยังไม่เห็นแดน จ่ายตังค์หยิบน้ำแล้วกำลังจะหันกลับ
แดนหันกลับมาจ่ายเงินพอดีเหลือบไปเห็นสมหวังเข้า แดนร้องจำได้ “เอ้า..เฮ้ย”
สมหวังหันมาตามเสียงมาเจอเข้ากับแดน สมหวังจำแดนได้ก็ตกตะลึง! น้ำร่วงลงจากมือ!

แดนก็จำสมหวังได้ วิ่งมาทางสมหวังทันที!

สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 2 (ต่อ)

สมหวังวิ่งเตลิดออกจากประตูห้างสู่ลานจอดด้านนอก มีแดนวิ่งไล่กวดจี้หลังมาติดๆ สมหวังพยายามเร่งฝีเท้า จังหวะนั้นแดนไม่ทันระวังชนกับเด็กเข็นรถส่งของเข้าอย่างจัง ซวนเซเสียหลักไป

สมหวังสบโอกาสวิ่งข้ามถนนในลานจอดรถสู่ลานจอดอีกด้าน แดนกวดไล่หลังมาห่างออกไปหน่อย
พอสมหวังหันกลับไปมองก็ไม่เห็นแดนแล้ว หญิงสาวจึงหลบข้างรถตู้พักเหนื่อยยืนหอบลิ้นห้อย
ครู่หนึ่ง แดนวิ่งมาตรงหน้ารถตู้ที่สมหวังนั่งแอบอยู่พอดี แดนสอดส่ายสายตามองหาสมหวัง แต่ไม่เห็น
“เห็นหลังไวๆ หายไปไหนแล้ววะ” แดนหัวเสีย
ส่วนสมหวังเห็นเงียบๆ นึกว่าแดนไม่ตามมาแล้ว จึงลุกขึ้นยืน ระหว่างที่ยืนขึ้น สมหวังก็ป๊ะเข้าจังกับแดนที่หันหลังอยู่ และแดนหันกลับมาพอดีเกือบเห็นสมหวัง โชคดีสมหวังหลบทัน!
สายตาแดนเหมือนเห็นอะไรแว๊บๆ จึงเดินตรงเข้ามาทางสมหวังที่แอบอยู่
แดนชะโงกหน้าดูแต่ไม่เห็นสมหวังแล้ว เพราะสมหวังหลบไปแอบทำตัวลีบเล็กที่เสาข้างๆ

ที่หน้าถนนหน้าพาหุรัด ยอดชายเดินกลับเข้ามาที่รถ ไม่เห็นแดน
“อ้าวเฮ้ย! มันไปไหนของมันวะ” ยอดชายส่องสายตาหาแดนแต่ไม่เห็น
จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาแดน แต่โทรศัพท์แดนสั่นอยู่ที่เบาะข้าง
“โธ่เว้ย!...โทรศัพท์ก็ไม่เอาไป มันไปไหนของมัน!”

สายฟ้านั่งรับของที่ซื้อและนั่งรอสมหวังที่ไปซื้อน้ำ คนขายเดินเข้ามาบอกเมื่อเอาของใส่ถุงเสร็จแล้ว
คนขายเอาของมาวางกองตรงแคชเชียร์
“ของได้แล้วนะคะ”
“ครับ...รอแป๊ปนึงนะครับ น้องเค้าไปซื้อน้ำ เค้าเอาเงินไปด้วย”
“ได้ค่ะ”
สายฟ้ายิ้มแทนคำขอบคุณ

สมหวังหลบอยู่หลังเสาด้วยใจระทึก! ระหว่างนั้นหญิงสาวก็มองหาช่องทางที่จะวิ่งไปหลบ
สมหวังหันไปเห็นเสาอีกต้นถัดออกไป สมหวังเตรียมจะวิ่งไปหลบ
เจ้ากรรม! แดนดันมายืนดักอยู่ตรงหน้า สมหวังตกใจ แล้วแดนก็จะเข้าไปคว้าตัวสมหวัง แต่สมหวังหลบได้ทัน แล้ววิ่งอ้อมเสาไปอีกทางหนึ่ง แดนวิ่งไล่กวดตามไป
สมหวังวิ่งออกมาหน้าลานจอดรถ เห็นรถส่งของจอดอยู่จึงวิ่งไปหลบ
แดนวิ่งตามมา และมองไปที่รถส่งของ แดนคิดว่าสมหวังต้องหลบอยู่ที่รถคันนั้นแน่ๆ แดนก้มลงมองหาสมหวังจากใต้ท้องรถ...เป็นจังหวะเดียวกับที่สมหวัง ปีนขึ้นไปบนหลังกระบะพอดี แดนจึงมองไม่เห็น
คนขับรถกับเด็กยกของเดินมาพอดี เห็นแดนจ้องมองรถอยู่
“พี่ทำอะไรอ่ะ”
“น้อง…เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมสั้นๆ ใส่เสื้อสีฟ้า เดินมาทางนี้มั้ย”
“ไม่เห็นอะพี่”
แดนไม่เห็นสมหวังอยู่บนรถก็หงุดหงิด “มันหายไปไหนของมันวะ”
คนขับ ขับรถออกไป แดนเหลือบไปเห็นกำไลข้อมือผู้หญิงตกอยู่ แดนคิดได้ แล้วมองไปที่รถคันที่เพิ่งขับออกไป
“มันอยู่ในรถคนนั้น”
แดนจะวิ่งตามรถแต่ตามไม่ทัน
แดนโมโหมาก “โธ่เว๊ย”

รอนานจนทนไม่ไหว สายฟ้าออกมาตามหาสมหวัง ถามร้านที่อยู่บริเวณนั้น 2-3 ร้าน จนมาถึงร้านน้ำที่สมหวังซื้อเมื่อครู่นี้
“โทษนะครับ…เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมสั้นๆ สูงประมาณนี้…” สายฟ้าทำมือให้ดู “ใส่เสื้อสีฟ้า หน้าตาบ้านๆ น่ารักๆ มาซื้อน้ำหรือเปล่าครับ”
แม่ค้าคิดๆ
สายฟ้าบอกต่อ “เสียงเหน่อๆ ด้วยครับ”
แม่ค้านึกออก “อ๋อ!!...เห็นๆ วิ่งไปทางนี้” ชี้ทางที่สมหวังวิ่งหนีแดนไป “แต่เห็นไปสักพักนึงแล้วนะ”
สายฟ้าหงุดหงิด เข่นเขี้ยว “วิ่งไปทางนี้เหรอครับ!! ยัยตัวแสบ”

ส่วนที่ถนนหน้าห้างพาหุรัดเวลานั้น ยอดชายยังคงเดินหงุดหงิดโมโหมองหาแดนอยู่บริเวณนั้น
“ไปไหนของมันว๊า! บอกให้รออยู่ในรถ ไม่ต้ององต้องเอามันแล้ว ช่วยไม่ได้เสือกหายไปเอง!”
ยอดชายหงุดหงิดหนัก เปิดประตูขึ้นไปสตาร์ทรถ ขณะกำลังจะออกรถ แดนวิ่งมาขวางไว้ ยอดชายเบรครถดังเอี๊ยดดด!
แดนเปิดประตูขึ้นมานั่ง ด้วยอาการหอบๆ
“แกไปไหนมา” ยอดชายถามอาการฉุนเฉียว
“ผมไปตามฆ่านังพยานที่เห็นผมฆ่าคุณนายมาน่ะสิ”
ยอดชายชะงักกึก “แกว่ายังไนะ แกเจอกับไอ้พยานนั่นเหรอ!! แล้วแกจัดการมันได้หรือเปล่า”
แดนพูดอย่างโมโห “มันหนีไปได้ซะก่อน”
ยอดชายโมโหกว่า “โธ่เว้ย! พลาดอีกแล้ว! แกทำงานยังไงของแกวะ”
แดนชักฉุน “คุณจะให้ผมทำยังไง นังนั่นมันเร็วยิ่งกว่าจรวดอีก แว๊บๆ หายไปไหนไม่รู้”
ยอดชายต่อว่า “ทำงานพลาดแบบนี้ แล้วมีหน้าจะมาขอเงิน!”
แดนของขึ้น ชักสีหน้าไม่พอใจ “มันมีปัญหามากนักใช่มั้ย ผมไม่ทำก็ได้ คุณจัดการเองแล้วกัน!” พลางกำลังจะลงจากรถ
ยอดชายตกใจ ใจเย็นลง “เฮ้ย...เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นก่อน”
แดนชะงักแล้วหันกลับมา
“อย่าถือสาชั้นเลยน่า...ช่วงนี้ชั้นเครียดๆ..ชั้นกลัวว่าเกิดพลาดบ่อยๆแบบนี้ มีหวังเราไม่รอดมือไอ้พวกตำรวจแน่!” ยื่นเงินให้แดน “นี่..เงินที่แกขอไว้ แกจำเป็นต้องใช้มันไม่ใช่เหรอ”
แดนรับเงินใจเย็นลงเช่นกัน “คิดจะลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก็ต้องไว้ใจกันหน่อย ผมบอกคุณแล้วยังไงว่าผมไม่ปล่อยนังนั่นไว้แน่ คุณไม่ต้องห่วง อีกไม่นาน คุณเตรียมไปเสวยสุขกับเงินมรดกของคุณได้เลย!”

ชายคนขับรถพร้อมเด็กยกของ ขับรถแล่นมาตามบนถนนได้สักระยะ สมหวังค่อยๆ โผล่มาจากลังใส่ของ แล้วเอื้อมมือไปเคาะกระจกหน้า
“จอดด้วยค่ะ…จอดด้วย”
คนขับมองทางกระจกหลัง เห็นสมหวังเคาะกระจกอยู่ ก็ตกใจ
“เฮ้ย! ใครวะ”
คนขับเบี่ยงรถเข้าจอดตรงข้างทาง แล้วลงมาดู สมหวังยิ้มแหยๆ
“ขอบคุณนะคะพี่”
สมหวังลงจากรถแล้วรีบเดินไป คนขับกับเด็กยกของมองกันงงๆ
เด็กยกของบ่นพึมพำ “ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
ทั้งคู่ยังคงงงๆ เกาหัวแกรกๆ ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป

สายฟ้าเดินหน้าเหวี่ยง อารมณ์หงุดหงิดกลับเข้ามาในร้าน พอเห็นคนขายก็ต้องฝืนยิ้ม สายฟ้าเดินตรงเข้าไปหาคนขาย ยิ้มแห้งๆ พูดอ้อมแอ้มอึกอัก “เอ่อ…ค่าของเท่าไหร่นะครับ”
“สามพันหกค่ะ” คนขายบอก
สายฟ้าหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา หยิบเงินออกมาหมดกระเป๋า แต่มีอยู่แค่สามพันกว่าบาทคนขายมองตาเขม็ง สายฟ้ายิ้มเจื่อนๆ
สายฟ้าล้วงหาเศษตังค์กระเป๋าซ้าย กระเป๋าขวา กระเป๋าหลัง ได้แบงค์ย่อย และเศษสตางค์มาอีกกำเบ้อเร่อ!
สายฟ้านับเศษให้คนขาย
“สามพันห้าร้อยแปดสิบเจ็ด…สามพันห้าร้อยแปดสิบแปด…สามพันห้าร้อยแปดสิบเก้า”
เหรียญหมดมือสายฟ้าแล้ว สายฟ้ายิ้มแหยๆให้คนขาย
“ขาดอีกสิบเอ็ดบาท! รอแป๊ปนะครับ เดี๋ยวผมไปเอาที่รถให้” ทำท่าจะไป
คนขายมองเซ็งๆ บอก “ไม่เป็นไรค่ะ…สิบเอ็ดบาทลดให้”
“ขอบคุณนะครับ…เออ…ขอบิลด้วยนะครับ”
คนขายหันไปเขียนบิลให้ สายฟ้าสีหน้าแค้นสมหวังมาก ชายหนุ่มคำรามในลำคอ
“ทำชั้นแสบมากนะ ยัยกะเปี๊ยก”

ที่โรงพักเจ้าของคดีฆาตกรรมคุณนายศรีสมร ภายในห้องทำงานสารวัตรยามนั้น สารวัตรกำลังง่วนกับการอ่านเอกสารอยู่ ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้อง
“เข้ามา” สารวัตรเงยหน้าบอก
เป็นหมวดวันวันชาติ เปิดประตูเดินเข้ามา
“เชิญนั่งหมวด”
“ขอบคุณครับ” วันชาตินั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“คดีคุณนายศรีสมรไปถึงไหนแล้ว” สารวัตรถาม
“กำลังให้สายสืบตามรอยคนร้ายอยู่ครับ” หมวดวันชาติรายงาน
“ผมอยากสอบปากคำเพิ่มพรุ่งนี้…คุณช่วยจัดการให้ผมด้วยนะ”

หลังหมวดวันชาติเดินออกมาจากห้องสารวัตร ก็เดินไปสั่งการจ่าเวรที่กำลังทำงาน
“จ่า ช่วยนัดคุณยอดชายให้ผมหน่อย สารวัตรจะสอบปากคำเพิ่ม”
“ครับ…แล้วพยานที่พาไปซ่อนล่ะครับ” จ่าเวรถาม
“ทางนั้นเดี๋ยวผมจัดการไปรับเอง ผมไม่อยากให้พยานออกไปไหนมาไหนเองตามลำพัง มันอันตราย”
วันชาติพูดจบก็เหลือบไปเห็นสมหวังที่หน้าตาตื่นเข้ามา หอบแฮกๆ อยู่
“หมวดคะ…ช่วยด้วยค่ะ”

วันชาติตกใจ “เฮ้ย!!! มาได้ไงคุณสมหวัง”

สองคนอยู่ในห้องทำงานแล้ว พอหมวดวันชาติพอรู้จากสมหวังก็ยิ่งตกใจ

“ห๊า!!!...อะไรนะ…คุณเจอกับไอ้มือปืนงั้นเหรอ”
สมหวังพยักหน้า “ค่ะ…ชั้นหนีมันมาได้….ก็บึ่งตรงมาหาหมวดนี่เลยค่ะ”
วันชาติเครียดจัด “โอ๊ย!...ผมจะบ้าตาย…คุณสมหวัง คุณเป็นพยานคดีฆาตกรรมกำลังซ่อนตัวอยู่นะ…คุณออกมาเดินข้างนอกได้ยังไง ผมบอกแล้วว่าไอ้มือปืนแก๊งนี้มันร้ายกาจมาก ดีนะที่คุณหนีรอดมันมาได้”
สมหวังฉุนนิดๆ “แล้วหมวดจะให้ชั้นทำยังไง…ก็คุณสายฟ้าเค้าให้ชั้นมาซื้อของกับเค้า ขืนชั้นไม่ออกมาเดี๋ยวเค้าก็สงสัย เค้ายิ่งเขม่นๆ ชั้นอยู่”
“แล้วจ่ากุหลาบล่ะ”
“ไม่ได้มาด้วย”
“คราวหน้าคราวหลังถ้าจะไปไหน ก็พาจ่ากุหลาบไปด้วย” วันชาติกำชับ
สมหวังนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก็หน้าเสีย “โอ๊ย!!...ตายแน่ๆ เลยเรา”
“อะไรคุณสมหวัง”
“คุณสายฟ้ายังอยู่ที่พาหุรัดอยู่เลย เงินที่ต้องจ่ายค่าของก็อยู่ที่ชั้นหมดเลย! ป่านนี้คงหาชั้นให้ควั่ก ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง กลับไปต้องโดนเล่นงานแน่ๆ”
สมหวังยิ่งนึกยิ่งสยอง

ที่โรงซ้อมเต้น บ้านพักวงดนตรีวทัญญู บาสกำลังออกลวดลายเต้นท่ายากๆ เป็นท่าที่เขาคิดขึ้นมาใหม่ โดยเป็นแนวโมเดิร์นแด้นซ์ผสมกับลีลาหางเครื่องลูกทุ่ง ให้บรรดาแด้นเซอร์ในวงดู
บาสอธิบายพร้อมเต้นให้ดู “หมุนสามรอบนะ 1..2..3 หมุนพร้อมกางแขนและหุบตาจังหวะ…. พอจังหวะที่ 4 และ 5 ให้กระโดดแล้วฉีกขากางอากาศแบบนี้” บาสสาธิตให้ดู “พอ 6 ให้ลงมานั่งคุกเข่า 7 และ 8 ให้กระแทกหน้าอกสองที ดึ๋งๆ แบบนี้!”
บรรดาแด้นเซอร์ยืนดูแบบตาค้าง เพราะไม่เคยเห็นท่ายากและแปลกประหลาดล้ำแบบนี้มาก่อน
“พี่บาส!...พี่แน่ใจเหรอว่ามันท่าเต้นลูกทุ่ง นี่มันท่าเชียร์ป๋อมแป๋มที่เด็กมหาวิทยาลัยเค้าเต้นกันชัดๆ” แด้นเซอร์สาวคนแรกนำร่อง อีกคนเยาะเพื่อนพลางหัวเราะคุยข่ม
“ไม่รู้จักแล้วยังกระแดะจะเรียก เค้าเรียกว่าลีดปอนปอนโว้ย”
บาสส่ายหัว “เค้าเรียกว่าหลีดปอมปอม!”
แดนซ์เซอร์รายแรกหน้าแตก บ่นขำๆ “อีแม่รู้รอบทิศ”
แดนเซอร์อีกรายบ่น “พี่บาส ท่ายากขนาดเนี้ยพวกชั้นเต้นไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะ…ต้องเต้นได้สิ พยายามหน่อย” บาสบิ้วท์
“ขนาดท่าเจ๊เนาว์แค่ยกมือสลับกันไปมา ถอยหน้าถอยหลัง ที่ว่าง่ายๆแล้ว อีพวกนี้ยังสะดุดขาตัวเองล้มระนเระนาดเลย ชั้นว่าวันนี้เอาท่าง่ายๆก่อนเถอะ พรุ่งนี้ก็จะแสดงแล้ว อีกอย่างอีแม่นางฟ้านางสวรรค์นักร้องอันโด่งดังของวงเราก็ยังไม่เสด็จมา รับรองนังนั่นมันจำท่าไม่ได้แน่ๆ” แดนเซอร์รายแรกว่า เหน็บจอมขวัญไปด้วย
บาสอึ้ง “อ้าว…ไหนบอกว่าพี่จอมขวัญจะมาซ้อมไง”
“จะเอาอะไรกับนังจอมขวัญ ไม่แน่วันนี้มันไม่มาด้วยซ้ำ เจอกันอีกทีคงจะวันงานเลยชั้นว่า!” หนึ่งในนั้นบอก
“แล้วเค้าจะเต้นได้เหรอ…” บาสงง
“โอ้ย!! ไม่ต้องสนใจหรอก นังนั่นเอาตัวรอดเก่ง…เรามาซ้อมกันต่อเถอะ” แด้นเซอร์คนแรกบอก
“งั้น…เต้นท่าเก่าไปก่อนล่ะกัน ถ้าท่าไหนพอจะเปลี่ยนได้เดี๋ยวพี่จะเปลี่ยนให้” บาสยิ้มบอก
แดนซ์เซอร์พยักหน้า และตั้งแถวซ้อมกันต่อ บาสช่วยจัดแพทเทิร์นให้ใหม่

กุหลาบเดินถือตะกร้าชุดแด้นเซอร์มาตากที่ราวตรงอีกมุมข้างโรงซ้อมเต้น เห็นบาสกำลังสอนเต้นอยู่ก็พึมพำ เบ้ปากใส่
“โธ่เอ๊ย...เต้นก็งั้นๆ แหละ ชิ!”
กุหลาบหันไปหยิบชุดตากบนราว ครู่หนึ่ง ก็ขยับแข้งขยับขาเต้นตามจังหวะดนตรีที่เค้าซ้อมกันอยู่ บางครั้งก็หันมามองท่าเต้น แล้วเต้นตามแด้นเซอร์อย่างอารมณ์ดี
บาสเหลือบมาเห็นกุหลาบกำลังเต้นอย่างออกรสออกชาติ บาสถึงกับหัวเราะออกมา แล้วค่อยๆ ย่องมาข้างหลังกุหลาบ
บาสแกล้งทำเสียงดังให้กุหลาบตกใจ “ทำอะไร”
กุหลาบตกใจ! หันไปหยิบตะกร้าครอบหัวบาสแล้วถีบบาสกระเด็นไปกองที่พื้น
“โอ๊ย”
กุหลาบหันมาเห็นเป็นบาสก็ตกใจอีกรอบ นึกเป็นห่วง
“บาส!!! เป็นอะไรหรือเปล่า” กุหลาบเข้าไปช่วยพยุง
“ก็เจ็บน่ะสิถามได้….ต่อไปชั้นจะไม่เข้าใกล้เธออีกแล้ว…คนอะไรวะใช้ แต่ความรุนแรงตลอด”
กุหลาบยิ้มเยาะ “สมน้ำหน้า…อยากทำให้ชั้นตกใจเองช่วยไม่ได้”
บาสลุกขึ้นมาได้ก็หัวเราะ “เมื่อกี้ชั้นเห็นเธอเต้น…รู้มั้ยเต้นเหมือนอะไรเหมือนนกน้ำกำลังจับปลาอ่ะ”
“ชั้นก็เต้นเล่นๆ…อย่าให้ชั้นจัดเต็มนะ นายเห็นแล้วจะหนาว” ยักคิ้ว
“ไหนๆ ลองเต้นให้ดูหน่อยดิ”
“ไม่เอาเสียเวลา ไม่อยากโชว์ความสามารถให้ใครเห็นตอนนี้…นายไปซ้อมเต้นของนายต่อเถอะ!”
บาสคิดอะไรขึ้นได้ “เอางี้…มาแข่งเต้นกัน ให้พวกแด้นเซอร์เป็นคนตัดสิน ถ้าเธอชนะ
ชั้นเลี้ยงข้าว”
กุหลาบคิดๆ แล้ววางชุดลง “ก็ได้!...ชั้นอยากกินอะไร นายต้องเลี้ยงทุกอย่างเลยนะ”
“ไม่มีปัญหา…แต่ถ้าเธอแพ้ เธอต้องช่วยเป็นแม่สื่อให้ชั้นกับน้องสมหวัง!”
กุหลาบหมั่นไส้ ฮึดสู้ “ก็ได้”
กุหลาบยืนอยู่ตรงวิทยุและหยิบแผ่นซีดีใส่ในเครื่องเล่น เป็นแผ่นเพลงลูกทุ่งจังหวะแด้นซ์ บาสตั้งท่าเตรียมตัวที่จะเต้นอย่างมั่นใจ
กุหลาบเปิดเพลง บาสเริ่มเต้น งัดท่าเจ๋งๆ มาเต้นข่มกุหลาบ แด้นเซอร์ส่งเสียงและปรบมือให้
กุหลาบยิ้มเยาะ “แค่เนี้ย! นึกว่าแน่สักแค่ไหน”
บาสผายมือโยนให้กุหลาบเต้น กุหลาบเริ่มเต้น แค่เต้นท่าแรกก็ดูงามสง่า ทรวดทรงองเอวอ่อนช้อย บาสถึงกับจ้องตาค้าง
เสียงปรบมือและเสียงเชียร์จากแด้นเซอร์ดังสนั่น
บาสขัดใจไม่ยอมแพ้ ลงไปเต้นประชันกับกุหลาบ ทั้งสองต่างไม่ยอมกันและกัน เต้นกันอย่างดุเดือด ลีลาระดับเท้าไฟ

ทั้งคู่วาดเท้าเต้นสวนกันไปมา และแล้วก็เกิดพลาด ขาของกุหลาบไปเกี่ยวกับขาบาส จนทั้งคู่ล้มลงไป ปากจุ๊บกัน! ทั้งสองคนตาเหลือก กุหลาบจ้องบาสอย่างเขินๆ
แด้นเซอร์ โห่ฮิ้ววววววว! โห่เชียร์กันให้ดังสนั่นไปทั้งบริเวณ

ระหว่างนั้น เจ๊เนาว์ กับ ชูชนะเดินเข้ามาพอดี
“อ้าว…เฮ้ยยยย ทำอะไรกัน ทำไมไม่ซ้อมเต้น”
แด้นเซอร์ตกใจ สลายโต๋ วงแตกออกไป พอแด้นเซอร์สลายตัวออกไป ชูชนะกับเจ๊เนาว์ก็เห็นภาพกุหลาบกับบาสนอนทับกันอยู่ ชูขนะกับเจ๊เนาว์ตาโต!!!
กุหลาบกับบาสรีบผละตัวออกจากกัน
ชูชนะตวาด “เอ็งสองคนทำอะไรกันวะนั่นน่ะ”
บาสกะกุหลาบอึกอักกันไปมา ต่างคนต่างเขิน
“เปล่าทำอะไรสักหน่อยลุง….ก็เต้นกันอยู่ดีๆ แต่เกิดพลาดกันนิดหน่อย” บาสว่า
เจ๊เนาว์ยังจดจ้องมองกุหลาบ ด้วยสายตาไม่เชื่อ
กุหลาบรีบบอก “จริงๆ เจ๊ ก็แค่ล้มทับกันเฉยๆ”
ชูชนะถามบาสเรื่องซ้อมเต้น “แล้วนี่พวกเอ็งไม่ซ้อมกันหรือไงวะ”
“ซ้อมไปแล้วรอบหนึ่ง” บาสบอก
“ซ้อมไปแล้ว…แล้วไหนนังจอมขวัญล่ะ” ชูชนะถามอีก
“ยังไม่เห็นเลยลุง…นี่ก็รออยู่”
ชูชนะฟังแล้วหงุดหงิด “อะไรของมันวะ…อยากได้ท่าเต้นใหม่ๆ กูก็หาคนมาช่วยสอนท่าใหม่ๆให้ มันยังไม่คิดจะไม่มาซ้อมอีก”
“เรื่องนั้นมันไม่ใช่ประเด็นแล้วหละพ่อ” เจ๊เนาว์บอก
ชูชนะโมโห “แล้วมันจะเอายังไงของมันวะ! อีกแค่วันเดียวจะออกงานแล้ว มันไม่มาซ้อม ถ้าไม่ถูกใจเดี๋ยวก็มาโวยวาย กูเอาใจมันไม่ถูกแล้วนะโว้ย!”
“เดี๋ยวชั้นลองโทรตามมันอีกทีนะจ๊ะพ่อ” เจ๊เนาว์
ชูชนะถอนใจ “เฮ้อออ…กูละเหนื่อยใจ!”
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงรถสายฟ้าแล่นปราดเข้ามา ทุกคนตกใจ! หันไปมองที่หน้าบ้าน
“ใครมันมาขับรถซิ่งหน้าบ้านกูวะ” ชูชนะบ่นงึมงำ

ทุกคนรีบวิ่งออกไปดู

เป็นสายฟ้านั่นเอง ซึ่งก้าวลงมาจากรถด้วยใบหน้าบึ้งตึงและอารมณ์ฉุนเฉียว สำลีวิ่งทะเร่อทะร่าออกมารับ

“มีอะไรให้น้องสำลีช่วยถือมั้ยครับ”
สายฟ้าไม่สนใจสำลีสักนิด แถมเดินชนจนร่างสำลีหมุนติ้วกระเด็นออกไป
สำลีเซ็ง “อารายแว๊…ไม่น่าเป็นคนดีเลยกรู!”
ชูชนะ เจ๊เนาว์ บาส และกุหลาบ วิ่งออกมาดู
สายฟ้าพูดแทบเป็นคำราม “ยัยตัวแสบกลับมาหรือยัง”
“ใครเหรอสายฟ้า” ชูชนะงง
“ก็ยัยสมหวังตัวดีของพ่อไง”
กุหลาบทั้งตกใจ และเป็นห่วง “สมหวัง!…สมหวังทำไมคะ…แล้วนี่สมหวังหายไปไหน”
“เพื่อนเธอทำชั้นแสบมากนะ” สายฟ้าจ้องหน้ากุหลาบ
“เกิดอะไรขึ้นกับน้องสมหวังเหรอพี่!” บาสสงสัย
“ก็ยัยตัวแสบน่ะสิ ซื้อของอยู่ด้วยกัน…อยู่ดีๆ ก็หนีหายไปไหนเฉยเลย เชิดเงินค่าของไปอีกสี่พัน!”
ทุกคนตกใจร้องประสานเสียง “เฮ้ยย!!!”
“ไม่หรอกมั้ง…สมหวังมันจะทำแบบนั้นทำไม” เจ๊เนาว์ว่า
ชูชนะบอก “พลัดหลงกันหรือเปล่า?”
“พลัดหลงอะไรล่ะพ่อ ผมรอตั้งนาน พอไปถามร้านขายน้ำแถวนั้น เค้าก็บอกว่าเห็นยัยนั่นมาซื้อน้ำแล้วก็วิ่งออกไป”
กุหลาบได้ยินว่าสมหวังวิ่งหนีก็ยิ่งตกใจ หน้าเสีย บ่นพึมพำ “วิ่งหนีด้วย!…อย่าบอกนะว่าสมหวังเจอกับไอ้พวกนั้น! ตายแล้ว!! ซวยแน่ๆ”
บาสเห็นกุหลาบหน้าเสียก็แซว “นี่…หน้าซีดเป็นผีดิบเลย…ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นว่าเดี๋ยวน้องสมหวังก็ต้องกลับมา”
กุหลาบยืนนิ่งอึ้ง มัวแต่กังวล ไม่ได้สนใจที่บาสพูด
“กลับมาล่ะน่าดู ยังไม่ทันไรก็ออกลายซะแล้ว” สายฟ้าขู่
ชูชนะเอาน้ำเย็นลูบ “ใจเย็นๆ ลูก!”
ระหว่างนั้น รถหมวดวันชาติก็แล่นเข้ามา

หมวดวันชาติปลอบสมหวังที่มีท่าทางหวั่นๆ
“ไม่ต้องกลัวนะครับ….เดี๋ยวพูดตามที่เราเตี๊ยมกันไว้แล้วกัน ที่เหลือผมจัดการเอง...”
จากนั้นทั้งสองลงจากรถ….เดินเข้าไปในบ้าน

กุหลาบเหลียวไปเห็นสมหวังเดินเข้ามา “สมหวังกลับมาแล้ว”
แล้วก็เห็นหมวดวันชาติก็เดินตามหลังมาด้วย
กุหลาบถึงกับชะงัก หมวดวันชาติมองกุหลาบเขม็ง
กุหลาบยิ้มแหยๆ “หมวดก็มาด้วย”
สายฟ้ารีบเดินเข้าไปหาทันที หน้าตาเอาเรื่องมาก
“พี่ชาติ…เด็กพี่ทำผมแสบมากเลยนะ ผมขอแจ้งความจับยัยสมหวังข้อหายักยอกเงินสี่พัน”
“เดี๋ยวๆ สายฟ้า เข้าใจผิดกันแล้ว คืออย่างนี้…” วันชาติพูดไม่ทันจบ สายฟ้าขัดขึ้น
“พี่ชาติไม่ต้องมาพูดเลย”
“ฟังชั้นอธิบายก่อนซิ”
สายฟ้านิ่ง รอฟังคำอธิบาย
“พอดีชั้นไปเจอสมหวังเข้า ก็เลยพาตัวไปสอบคำเพิ่มเติมที่โรงพัก…ก็เรื่องคดีที่ถูกบริษัทจัดหางานหลอกมานั่นแหละ”
สมหวังยื่นเงินคืนให้ “นี่ค่ะ…เงิน”
สายฟ้ารับเงินกลับมา “แล้วจะไปไหนมาไหนทำไมไม่บอกชั้นก่อน…โทรศัพท์ก็มี”
สมหวังมองหน้าหมวดเลิกลั่ก ว่าจะแถยังไงดี เพราะไม่คิดมาก่อน
“คือ…คือชั้นลืมน่ะ”
สายฟ้าปรี๊ดเสียงดัง “ลืม” สมหวังสะดุ้งเฮือก “พูดมาได้ว่าลืม เธอปล่อยให้ชั้นรอเป็นชั่วโมงๆ เนี่ยนะ”
สมหวังจ๋อย “ขอโทษค่ะ”
“คราวหน้านะชั้นจะให้เธอรอนานๆ แบบนี้บ้าง แล้วชั้นก็จะอ้างว่าลืม ดูสิว่าเธอจะโกรธมั้ย” สายฟ้าฟาดงวงฟาดงา
ชูชนะตัดบท “เอาน่าสายฟ้า…มันก็เรื่องเข้าใจผิดกัน นังสมหวังก็ขอโทษแล้ว ก็แล้วๆ กันไปก็แล้วกัน”
สายฟ้าคลายขมวดคิ้วแล้ว แล้วอยู่ๆ ก็คิดอะไรได้ แกล้งโมโหขึ้นมาอีก
“ผมไม่ยอมหรอกพ่อ…ทำให้ผมเสียเวลาแบบนี้ มันต้องมีบทลงโทษ!”
หมวดวันชาติ สมหวัง และกุหลาบ มองหน้ากันไม่รู้จะทำยังไงดี
“ข้าไม่รู้จะช่วยเอ็งยังไงแล้ววะนังหวัง ไอ้สายฟ้ามันคงเอาเอ็งออกแน่ๆ…” ชูชนะบอกหมวดวันชาติจ๋อยๆ “ไอ้ชาติเอ็งเตรียมไปหาที่อยู่ใหม่ให้นังสองคนนี้เถอะ”
สายฟ้าสะดุ้ง! ที่ชูชนะเข้าใจผิดคิดว่าตนจะไล่สมหวังออก
สายฟ้ารีบกระซิบชูชนะ “พ่อ…ผมยังไม่ได้บอกว่าจะไล่ออก”
“ก็เมื่อกี้เอ็งพูดอยู่แหมบๆ ว่าจะลงโทษนังหวัง ข้าก็คิดว่าเอ็งจะไล่มันออก…เอ็งจะเอายังไงของเอ็งวะ”
สายฟ้ากลัวเสียฟอร์ม
“ครั้งนี้ผมจะคาดโทษไว้…หากมีปัญหาขึ้นมาอีกล่ะก็ ผมให้ออกอย่างเดียว” จ้องหน้าสมหวัง “ตกลงมั้ย!”
สมหวังมองตาหมวดเหมือนจะปรึกษา หมวดขมิบตาให้สมหวังยอมรับข้อเสนอ สมหวังพยักหน้าตกลง
“แล้วก็ ต้องตัดค่าแรงสองวัน ว่าไง”
“ค่ะ” สมหวังรับคำ
“งั้นเรื่องนี้ถือว่าเลิกแล้วกันไป” สายฟ้ายิ้มย่อง ทำท่าจะเดินออก
วันชาติเรียกไว้ “เดี๋ยวๆ สายฟ้า”
“อะไรพี่ชาติ” สายฟ้าหันมาหา
“พรุ่งนี้ ชั้นต้องพาสมหวังไปสอบปากคำอีก ก็เลยบอกแกไว้ก่อน เดี๋ยวเห็นสมหวังหายไปจะมีปัญหาอีก”
“ก็ได้…งั้นตัดค่าแรงอีกหนึ่งวันก็แล้วกัน รวมเป็นสามวัน”
บาสไม่ไหวแล้ว “โหดจังพี่สายฟ้า”
“แกไม่ต้องพูดมากเลย..ไปช่วยชั้นขนของลงจากรถ”
สายฟ้าเดินนำไป บาส เจ๊เนาว์เดินตาม
“ไอ้ลูกคนนี้เป็นอะไรของมัน เอ็งไม่ต้องไปถือมันหรอกนะ” ชูชนะบอกหมวดแหยๆ
“ไม่เป็นไรครับ…เดี๋ยวผมขอคุยกับสองคนนี้แป๊ปนึงนะครับ”
“ตามสบาย”
 
ชูชนะบอก แล้วเดินเข้าบ้านไป

ทุกคนช่วยกันยกของมาวางในบ้านคนละไม้ละมือ สายฟ้าชี้บอกไปมา

“เออๆ…วางไว้ตรงนั้นแหละ”
“ไม่โหดไปหน่อยเหรอสายฟ้า ถึงขั้นตัดเงินเดือนกันเลยเหรอ” เจ๊เนาว์อ้อมแอ้มถาม
“ก็ขู่ไปอย่างงั้นแหละเจ๊ ช่างฝีมือดีๆ ถูกๆ อย่างนี้หายากจะตาย ไปจ้างคนอื่นแพงกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า” สายฟ้าว่า
“แล้วเมื่อกี้ล่ะ” เจ๊เนาว์แปลกใจ
สายฟ้ายิ้มกริ่ม “แกล้งเด็กนะเจ๊…โดนเข้าบ้างเป็นไง จ๋อยไปเลย…รู้จักผมน้อยไป”
บาสผสมโรง “พี่สายฟ้าอะ ชอบแกล้งน้องสมหวังของผม น้องสมหวังเค้าขวัญเสียหมด”
“นี่..ไอ้บาสชั้นอยากจะรู้ว่ายัยกะเปี๊ยกนั่น ไปเป็นของของแกตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
บาสเพ้อใหญ่ “น้องสมหวังเค้าขโมยหัวใจผมไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ประสบพบเจอ เจอะหน้ากันแล้วพี่ สวรรค์ส่งให้เราสองคนมาเป็นของกันและกัน”
“ไอ้เว่อร์” สายฟ้าหัวเราะ ส่ายหัวแล้วเดินออกไป
บาสตะโกนไล่หลัง “คนนี้ผมจริงใจนะพี่”

สมหวัง กุหลาบ เจ๊จุ๊ บาส สายฟ้า ปอยฝ้าย ชูชนะ เจ๊เนาว์
ค่ำนั้นขณะที่เจ๊จุ๊ทำกับข้าวเพิ่งเสร็จ นำสำรับออกมาวางที่โต๊ะ บาส สำลี และปอยฝ้าย กำลังนั่งเล่นเกมต่อเพลงกันอยู่ สายฟ้าจำเป็นช่วยเคาะจังหวะให้ ส่วนเจ๊จุก็เต้นเข้าจังหวะ อย่างสนุกสนาน
“ช่างเถอะคนงาม ขอปล่อยตาม ตามวาสนาพี่ไม่มี ปริญญา ขวัญตามองหน้าก็เมิน ลืมได้ลืมไป ลืมไปลืมได้ก็เชิญ พี่…”
สำลีค้างคำ ปอยฝ้ายงง “พี่…อะไรล่ะ ร้องให้จบเพลงสิไอ้สำลี”
“ก็ชั้นอยากร้องแค่นี้อ่ะ…ต่อให้ได้ๆ อย่าคิดนานๆ พ...” สำลีว่า
ปอยฝ้ายหงุดหงิด “ไอ้ขี้โกงอะ….ก็ได้ พ...ใช่มั้ย” คิดๆ แล้วร้องต่อ “พอทราบอายุขวัญตา
น้องเอ่ย พี่มานั่งทำตาปริบปริบน้องอายุ สามสิบ สามสิบ ทำไมยังสวย”
ปอยฝ้ายยักคิ้วให้บาส “ส…เว้ยไอ้บาส ให้เวลาสามวิ”
“อะไรว๊ายากอะ!”
บาสบ่นอุบ เจ๊จุ๊ยืนเชียร์อยู่ข้างๆ
สำลี ปอยฝ้าย ช่วยกันเร่งนับเวลา บาสคิดๆครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้มออก
บาสยืนตั้งท่าอย่างดี ดัดเสียงเป็นแม่ผ่องศรี “เสียงรถด่วนขบวนสุดท้ายแว่วดัง ฟังแล้วใจหาย หัวใจน้องนี้แทบขาด พี่จ๋าลาแล้ว น้องแก้ว ต้องจำนิราศ ดั่งถูกสายฟ้าฟาด หัวใจน้องจะขาดแล้ว”
เจ๊จุ๊ปรี่เข้าไปกอดบาส “เยี่ยมที่สุดเลย! น่ารักที่สุด มาให้เจ๊หอมที่นึง”
สายฟ้ายิ้มขำ “เจ๊ ทีไอ้สองคนนั้นมันร้องได้เจ๊ไม่เห็นกอดมันบ้างเลย”
เจ๊จุ๊เหลือบไปมองปอยฝ้ายกับสำลี “จะให้ไปกอดแย้เจ๊กอดไม่ลงหรอกนะสายฟ้า”
สายฟ้าหัวเราะร่วน
สมหวังกับกุหลาบ เดินเข้ามากำลังจะร่วมวง สายฟ้ารีบหยุดหัวเราะ แล้วทำหน้าขรึม พูดหาเรื่องทันที!
“ก็รู้ๆ อยู่ว่าต้องกินข้าวพร้อมกัน หัดทำอะไรให้มันว่องไวหน่อย เธอไม่หิวแต่คนอื่นเค้าหิว! เห็นมั้ยเค้ารอเธอกันอยู่เนี่ย”
สมหวังกับกุหลาบที่กำลังจะนั่งถึงกับสะอึก สำลี บาส กะเจ๊จุ๊ มองหน้ากันแบบงงๆ ว่าสายฟ้าเป็นอะไร ทั้งหมดเลยเงียบตาม
เจ๊จุ๊บอก “ดุทำไมง่ะสายฟ้า…ชะนีน้อยสองนางมาช้าแค่นิดเดียวเอง”
“ไม่ได้หรอกเจ๊ คนเราอยู่ด้วยกัน ก็ต้องหัดเกรงใจคนอื่น ไม่ใช่นึกอยากทำอะไรก็ทำ นึกอยากไปไหนก็ไป”
สมหวังกับกุหลาบมองหน้ากัน…เอายังไงดี
“ขอโทษนะคะ…คราวหน้าจะไม่ช้าอีกแล้วค่ะ”
กุหลาบสะกิดให้สมหวังรีบขอโทษ “ขอโทษค่ะ” สมหวังบอกเสียงเศร้า
ชูชนะ เจ๊เนาว์ เดินเข้ามา….แปลกใจ
“เป็นอะไรกันเงียบเชียว”
“พ่อมาแล้ว…กินข้าวกันเลย” สายฟ้าตัดบท
เจ๊จุ๊เอ่ยขึ้น “ทำไมเอ็งไม่ด่าพ่อเอ็งกับอีเนาว์ด้วยวะ…มาช้าเหมือนกัน”
“กินข้าวกันเถอะๆ ชั้นหิวแล้ว” สายฟ้าเริ่มกินข้าว แล้วก็แอบยิ้มชอบใจ
สายฟ้าหันไปมองสมหวังแล้วเห็นสมหวังจ้องอยู่ สะดุ้ง! แล้วรีบหุบยิ้มหันกลับมา
สมหวังเห็นสายฟ้ายิ้มก็รู้ทันที่ว่าโดนแกล้ง! สมหวังแค้น!


คืนนั้น เจ๊เนาว์คุยโทรศัพท์อยู่ห้องรับแขกบ้านชูชนะ ปลายสายเป็นจอมขวัญ
“นี่จอมขวัญ…อยู่ไหนทำไมวันนี้ไม่มาซ้อมเต้น!”
จอมขวัญอยู่ที่ออฟฟิศเฮียตี๋ “ชั้นติดธุระ”
“แล้วทำไมไม่โทร.มาบอกก่อน โทรศัพท์ก็ปิด อีกแค่วันเดียวจะออก งานแล้วนะ แล้วเธอจะเต้นได้เหรอ”
จอมขวัญสวน “เจ๊…ชั้นระดับไหนแล้ว ดูท่าแป๊ปเดียวก็จำได้หมด พวกเจ๊นั่นแหละซ้อมกันให้ดีๆแล้ว…ไม่ต้องพูดมาก ….อ่อ แล้ววันหลังจะให้ชั้นทำอะไรก็แล้วแต่ ให้พี่สายฟ้าเค้าโทรมาหาชั้นเองนะ”
เจ๊เนาว์ยังพูดไม่จบจอมขวัญวางสายไปเสียก่อน เจ๊เนาว์สีหน้าเซ็งๆ หงุดหงิด

ด้านจอมขวัญ วางโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด เฮียตี๋เข้ามาสวมกอดมานัวเนียกันต่อ ทันที
“อย่าหงุดหงิดเลยนะหนู…เดี๋ยวแก่เร็วไม่รู้ด้วยนะ”
“ก็มันน่ามั้ยล่ะ โทร.มาตามอยู่ได้น่ารำคาญ เห็นหนูเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบหรือไง!”
เฮียตี๋เคลิ้ม พูดไม่ทันคิด “ก็มันจริงไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
จอมขวัญหันขวับ! “ว่ายังไงนะเฮีย!”
เฮียตี๋รู้ตัวชะงัก! “อุ่ย” แถ “เฮียหมายความว่าก็จริงอย่างที่หนูพูดน่ะจ้ะ คนที่โน่นมันน่ารำคาญจริงๆ”
เห็นจอมขวัญยังหงุดหงิดอยู่ เฮียตี๋รีบเปลี่ยนเรื่อง เอาใจ
“เรามาคุยเรื่องของเราดีกว่า…เพลงของหนูเฮียแต่งให้เสร็จแล้วนะ”
จอมขวัญอารมณ์ดีขึ้น “จริงเหรอคะเฮีย”
“จริงๆสิจ๊ะ” เดินไปหยิบเนื้อเพลงให้
“ทีนี้แหละ…ชั้นก็จะได้ออกมาจากวงลูกทุ่งกระจอกๆ นั่นซะที”
จอมขวัญยิ้มอย่างสะใจ

ขณะที่สมหวังกำลังจะเข้าห้องพัก เห็นสายฟ้ายืนเก็กท่ามองอยู่
“นี่คุณ!..มายืนมองอะไรแถวนี้ ไม่เคยเห็นคนสวยหรือไง”
“เคยสิ…คนสวยๆ เยอะแยะไป แต่เธอไม่สวยชั้นเลยต้องมองไง จะได้ช่วยดูว่าจุดสวยมันอยู่ตรงไหนบ้าง” สายฟ้าว่า
สมหวังไม่พูดต่อ เชิดใส่และจะก้าวเข้าห้อง
“เดี๋ยวสิ…ชั้นยังพูดไม่จบเลย”
“ถ้าคิดจะมาหาเรื่องชั้น ชั้นไม่มีเวลาจะมีเรื่องกับคุณหรอกนะคะ คุณสายฟ้าแสนสะท้าน พอดีชั้นง่วง พรุ่งนี้ก็ต้องทำงานแต่เช้า” สมหวังประชด “เพราะที่นี่เค้าใช้แรงงานยิ่งกว่าทาส ต้องนอนพักเอาแรงเยอะๆ”
“ชั้นจะมาย้ำกับเธออีกครั้งว่า ต่อไปนี้จะออกไปไหนต้องมาบอกชั้นก่อน แล้วเวลาไปไหนกับชั้นก็ต้องอยู่กับชั้นตลอดเวลา ชั้นจะไม่ปล่อยเธอไปไหนคนเดียวเหมือนวันนี้อีก มันเสียเวลาเสียงานชั้น เข้าใจมั้ย”
สมหวังเถียง “ชั้นเป็นลูกจ้างนะ ไม่ใช่นักโทษ”
“คนอย่างเธอต้องทำวิธีนี้แหละ โก๊ะๆ กังๆ เดี๋ยวไปก่อเรื่องให้ชั้นเดือนร้อนอีก” สายฟ้าแขวะ
“แค่นี้ใช่มั้ย…ชั้นจะไปนอน!”
“อ่อ…แล้วเธอน่ะมีแฟนหรือเปล่า?”
“ถามทำไม!” สมหวังง
สายฟ้ากวนๆ “ขอโทษๆ ไม่น่าถาม…ลืมไปคนอย่างเธอคงยังไม่มีหรอก…แต่ถ้าต่อไปเกิดมีใครหน้ามืดหลงกลมาจีบเธอก็อย่าเอามาวุ่นวายในวงชั้นล่ะ ชั้นไม่ชอบให้คนภายนอกมาวุ่นวายในวงของชั้น เรื่องที่จะพูดก็มีเท่านี้แหละ”
สายฟ้าเดินผิวปากออกไป
สมหวังเข้นเขี้ยว “คนบ้า…น่าเอาสากกระเบืออุดปากจริงๆ”

สมหวังอยู่บนเตียงนั่งคิดถึงคำพูดสายฟ้าแล้วโมโห ตีหมอนอย่างอารมณ์เสีย
“สมหวังเป็นอะไรหรือเปล่า” กุหลาบได้ยินก็สงสัย
สมหวังกระเด้งตัวขึ้นมา
“พี่กุหลาบเราต้องอยู่อย่างนี้อีกนานมั้ย”
“ก็จนกว่าจะจับผู้ร้ายได้นั่นแหละ”
“แล้วถ้าจับไม่ได้ล่ะ”
“อันนี้ก็คงขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่เค้าจะสั่ง…อย่าคิดมากเลยนอนเถอะ”
สมหวังยังครุ่นคิดอย่างกังวล
“มีเรื่องอะไร….บอกพี่ได้นะ”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“นี่…ถ้านอนไม่หลับนะ พี่แนะนำให้คิดถึงแฟน… สมหวังมีแฟนหรือเปล่าล่ะ รับรองหลับฝันหวานแน่ๆ” จ่าจอมเปิ่นแนะนำราวกับผู้เชี่ยวชาญ
สมหวังคิดตาม…ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นพรวดออกไป
“พี่กุหลาบเดี๋ยวชั้นมานะ…แป๊ปเดียว”
“อ้าว..สมหวังจะไปไหน”
สมหวังลุกออกไปแล้ว

สมหวังเดินออกมาที่สวนหน้าบ้านพัก กำลังกดโทรศัพท์หาใครสักคน โดยไม่รู้ว่าอีกมุมสายฟ้ามาเอาของที่รถ เหลือบมาเห็นสมหวัง จึงเข้ามาแอบฟัง

“ฮัลโหล…ค่ะ… ขอสายคุณยอดชายหน่อยค่ะ”

โปรดเอาใจช่วยสมหวัง ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น