ขุนเดช ตอนที่ 22
ประดับถือดาบดำเข้ามาเจอพวกลูกน้องกำนันบุญที่เข้ามาล้อมกรอบไม่ต่ำกว่า 5 คนรวมไอ้นะด้วย
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละคุณประดับ คุณมาได้สุดทางแค่นี้ ส่งดาบดำมาให้เรา”
“นี่ไอ้กำนันบุญมันคงดูถูกชั้นมาก ถึงส่งลูกน้องโง่ๆ อย่างพวกแกให้มาจัดการชั้น”
“คุณอยากพูดจาโอ้อวดอะไรก็พล่ามไปเถอะ เพราะถึงที่สุดแล้ว คุณนั่นแหละที่จะต้องเป็นขี้ข้ารับใช้ให้พ่อกำนัน...เอาดาบดำมา”
“อยากได้ก็เข้ามาเอาเอง” ประดับชูดาบดำที่อยู่ในฝักให้ดู ไอ้นะพยักหน้าสั่งให้ลูกน้องสองคนเข้าไปเอาแต่พวกมันก็ถูกประดับใช้เชิงมวย เล่นงานจนหมอบ “ถ้าไอ้กำนันมันอยากได้มันต้องมาเอาเอง ไม่ใช่ใช้ให้พวกกระจอกอย่างแก”
“คำก็กระจอกสองคำก็กระจอก..เฮ้ย...เจอลูกปืนหน่อยเป็นไง”
ไอ้นะชักปืนออกมาแล้วยิงใส่ประดับทันที...เปรี้ยง! กระสุนเจาะกลางอกประดับ
“เป็นไง...จะให้ซ้ำอีกก็ได้นะ”
ไอ้นะยิงซ้ำอีกสองนัดเข้ากลางอก ประดับล้มลงแน่นิ่ง ไอ้นะยิ้มร้ายชอบใจ
ทางด้านกำนันบุญระหว่างรออยู่แต่เกิดอาการเจ็บปวดแสบปวดร้อนที่แขนตรงแผลเกล็ดงู
“โอ๊ย...โธ่เว้ย...ข้าไม่ยอมตายเพราะกรรมอาฆาตของเอ็งหรอกไอ้งูเจ้า”
ระหว่างนั้นไอ้นะรีบเอาดาบดำที่อยู่ในฝักมาให้กำนันบุญ
“ได้ดาบดำมาแล้วจ้ะพ่อกำนัน”
กำนันบุญรีบรับดาบดำมามองอย่างดีใจแต่พอชักดาบดำออกมากลับพบว่าเป็นแค่ดาบธรรมดาเล่มหนึ่งเท่านั้น
“นี่มันไม่ใช่ดาบดำ เอ็งไปเอาอะไรมาวะ”
“แต่ชั้นเอามาจากไอ้ประดับจริงๆ นะพ่อกำนัน ชั้นยิงมันไปตั้งหลายนัดด้วย”
ไอ้นะบอก จังหวะนั้นประดับเดินเข้ามา
“ถ้าอย่างชั้นถูกลูกน้องแกฆ่าง่ายๆ แบบนั้น ชั้นคงมาไม่ถึงวันนี้หรอกไอ้กำนัน”
กำนันบุญหันไปเห็นประดับเข้ามาพร้อมเบิ้มและลูกน้องอีกสองสามคน พวกมันส่องปืนมาที่กำนันบุญกับไอ้นะและลูกน้อง ประดับโยนเสื้อกันกระสุนที่มีรอยปืนที่ไอ้นะยิงใส่ลงพื้นให้กำนันบุญเห็น กำนันบุญอึ้งเจ็บใจ
“แกเสียรู้มัน”
กำนันบุญรีบชักปืนจากเอวไอ้นะจะยิงใส่แต่ถูกประดับยิงเข้าที่มือจนปืนหลุด ส่วนพวกลูกน้องกำนันบุญคนอื่นถูกลูกน้องประดับยิงตายเกลี้ยง ไอ้นะเองก็โดนเข้าที่ไหล่หนึ่งนัด
ประดับหัวเราะร้ายกาจก่อนจะหันไปชักดาบดำออกจากฝักในมือเบิ้มที่ถือมาให้
“พ่อกำนัน…ชั้นจะช่วยพ่อกำนันเอง”
ไอ้นะบอกำแล้วควงดาบวิ่งเข้าใส่แต่ก็โดนประดับจัดการเชือดคอด้วยดาบดำตายคาที่ เหลือกำนันบุญที่ยืนตกตะลึง
“แกไม่เหลือใครอีกแล้วไอ้กำนันบุญ”
ประดับเอาดาบดำจ่อไปที่คอกำนันบุญอย่างเอาเรื่อง
“คุณประดับ…ผม…ผมขอโทษ” ประดับกดดาบลงไปที่คอกำนันบุญ “อย่าฆ่าผม…ถ้าผมตายใครจะทำพิธีให้คุณ”
ประดับจิกหน้ามองกำนันบุญอย่างครุ่นคิด
ยงยุทธมือลูบหน้าดาราอย่างทะนุถนอม ดาราจับมือยงยุทธที่แนบแก้มเธอ
“รับปากชั้นสิยงยุทธ”
“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรงๆ ผมคงรับปากไม่ได้ว่าจะรอดจากพวกมันรึเปล่า แต่อย่างนึงที่ผมจะบอกคุณได้ก็คือความรักของผมที่มีต่อคุณจะอยู่กับผมในทุกลมหายใจ”
ดาราดีใจสวมกอดยงยุทธไว้แน่นราวกับจะไม่ปล่อยเขาไปอีกตลอดชีวิต ระหว่างนั้นจ่าแท่นเข้ามา
“หมวดครับ...ชะอุ๋ย...ขอโทษครับ...ผมเข้ามาผิดจังหวะอีกแล้ว”
“มีอะไรจ่า”
“ได้เรื่องไอ้กำนันบุญมาแล้วครับ”
“ยังไงจ่า”
“พวกชาวบ้านที่ไปช่วยคณะโบราณคดีขุดแต่งโบราณสถานเห็นไอ้กำนันกับลูกน้องมันไปป้วนเปี้ยนอยู่ที่ประตูผี ก็เลยรีบมาบอกผม”
“ประตูผีเหรอ...หรือว่า...พวกมันคิดจะใช้ที่นั่นเป็นสถานที่ทำพิธีสัตตะโลหะบุรุษ”
ยงยุทธกับดาราและจ่าแท่นรีบเข้ามาตามขุนเดชในถ้ำแต่ไม่เจอเห็นแค่บัวทองคนเดียว
“ขุนเดชล่ะบัวทอง”
“พี่ขุนเดชไปแล้วค่ะ”
“ขุนเดชไปไหนเหรอบัวทอง”
“ไม่ทราบค่ะอาจารย์ พอบัวทองให้พระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำไว้คุ้มครอง พี่ขุนเดชก็รีบไป”
ดารากับยงยุทธหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย
ขุนเดชรับดาบดำหักของพ่อมาจากหลวงลุง
“เอ็งจะเอาดาบดำหักของไอ้เดื่องไปทำอะไร”
ขุนเดชยังไม่ตอบแต่ชักดาบดำหักออกมามองอย่างตั้งใจ
“ทางเดียวที่จะหยุดสัตตะโลหะบุรุษได้คือต้องใช้ดาบดำจัดการมันเท่านั้น ผมจะใช้ดาบดำของพ่อรวมกับพระร่วงนั่งเหล็กดำหล่ออาวุธเล่มใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้จัดการมันครับ”
ขุนเดชบอกหลวงพ่อไปก็มองดาบดำหักด้วยสีหน้าจริงจังเอาจริง
คืนนั้นที่ประตูผี ท้องฟ้าที่ดวงจันทร์กำลังถูกกลืนกินด้วยจันทรคราส ประดับพร้อมสำหรับการทำพิธีสัตตะโลหะบุรุษวางดาบดำลงในทิศตะวันตกเฉียงใต้(หรดี) แล้วหันไปมองกำนันบุญที่โดนเบิ้มเอาปืนจ่อหัว
“ทุกอย่างพร้อมสำหรับพิธีแล้วใช่มั้ยกำนัน”
กำนันบุญเงยหน้ามองจันทรคราส
“เมื่อราหูอมจันทร์เต็มดวง พลังและอำนาจของโลหะศักดิ์สิทธิ์ ทั้ง 7 ก็พร้อมจะถูกปลดปล่อยออกมารวมไว้ที่เดียวในทิศที่ 8”
“ซึ่งก็คือสัตตะโลหะบุรุษ”
กำนันบุญพยักหน้ารับ ประดับมองไอ้เบิ้มสั่งการด้วยสายตา เบิ้มผลักกำนันบุญให้เข้าไปหาประดับ
“อย่าได้คิดตุกติกชั้นเด็ดขาดนะกำนัน...ถ้ากำนันทำพิธีช่วยให้ชั้นได้เป็นสัตตะโลหะบุรุษได้แล้ว ชั้นจะช่วยจัดการกับเจ้ากรรมนายเวรที่ตามอาฆาตกำนันอยู่ให้”
กำนันบุญชะงัก
“นี่...คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
ประดับจับแขนกำนันบุญข้างที่พันแผลไว้มาบีบ
“หูตาของชั้นไม่ได้หนวกไม่ได้บอด ชั้นถึงได้พยายามเตือนไงว่าอย่าเสียเวลาไปเล่นงานลูกเมียให้หันมาตั้งใจช่วยทำงานให้ชั้น แต่กำนันดันคิดอยากหักหลังชั้น มันเลยต้องลงเอยแบบนี้”
“ผม...ผมขอโทษ”
“หึ...เปลี่ยนจากคำขอโทษแล้วรีบช่วยทำพิธีให้ชั้นดีกว่า”
“ครับคุณประดับ...ตอนนี้ได้เวลาแล้ว...เชิญคุณประจำที่”
ประดับยิ้มพอใจเดินไปประจำที่ทิศทักษิณซึ่งเป็นทิศสุดท้ายของสัตตะโลหะบุรุษส่วนกำนันบุญเดินเข้าไปตรง กลางวงล้อมของโลหะศักดิ์สิทธิ์แล้วเริ่มพนมมือบริกรรมคาถาทำพิธี
อีกด้านหนึ่งขุนเดชกำลังตีเหล็กหล่อหลอมเหล็กดำขึ้นมาเป็นมีดสั้นด้วยความตั้งใจ ระหว่างนั้นขุนเดชเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าเห็นจันทรคราสกำลังใกล้จะเต็มดวงไปทุกที ขุนเดชหันมาเร่งมือ
ยงยุทธมาที่ประตูผีเมื่อมาถึงหน้าทางเข้าประตูผี ยงยุทธเงยมองหน้าจันทรคราสที่กำลังเต็มดวงเหมือนกัน แต่พอจะรีบเข้าไปกลับเจอเบิ้มกับลูกน้องประดับออกมาขวาง
“หมวดยงยุทธ...เก่งมากที่รอดจากไอ้แจ็คมาได้ แต่ก็แค่นั้นแหละเพราะแกต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่แทน”
เบิ้มพร้อมลูกน้องระดมยิงใส่ ยงยุทธกระโจนหนี เบิ้มกับพวกลูกน้องถือปืนไล่ตาม
กำนันบุญบริกรรมคาถาจนทำให้ลมกรรโชกเข้ามาอย่างแรง จันทรคราสบนท้องฟ้าถูกกลืนกินจนมิดพลังอำนาจจากโลหะศักดิ์สิทธิ์แต่ละชิ้นค่อยๆ ล่องลอยออกมาแล้วพวยพุ่งเข้าหาประดับทีละชิ้นๆ ร่างของประดับสะดุ้งเฮือกเมื่อรับเอาพลังจากโลหะศักดิ์สิทธิ์แต่ละชิ้น
ยงยุทธยืนรอพวกลูกน้องประดับโผล่มาแล้วจึงกระโจนเข้าสู้จัดการปืนจากมือพวกมัน จากนั้นก็เปิดฉากใช้เชิงมวยสู้กันต่อจนเล่นงานลูกน้องประดับไปได้ ไอ้เบิ้มโผล่มายกปืนจ่อหลัง
“อย่าชะล่าใจไปหมวดยงยุทธ”
เบิ้มจะลั่นไกแต่ยงยุทธพลิกกลับหลังมาจับมือเบิ้มพลิกจนปืนหลุดมือแล้วงัดเชิงมวยมาชกกัน เบิ้มฝีมือเอาเรื่องพอจะเล่นงานยงยุทธไอ้เลือดกบปากได้
“ทางเดียวที่หมวดจะเข้าไปหยุดนายผมได้ หมวดต้องข้ามศพผมไปเท่านั้น”
ยงยุทธจิกหน้าเอาเรื่องตั้งท่าเชิงมวยพร้อมลุย ทั้งคู่เข้าปะทะกันอีกครั้ง คราวนี้ยงยุทธใช้หมัดฟ้าฟาดเข้าเล่น งาน เบิ้มโดนไปเต็มๆ จนโงนเงนล้มลงแน่นิ่ง
ยงยุทธเห็นจบแล้วกำลังจะเข้าไปขวางประดับ แต่เบิ้มกลับคลานไปคว้าปืนจากพื้นหวังจะยิงจากข้างหลัง แต่ยงยุทธรู้ตัวม้วนตัวไปคว้าปืนของลูกน้องประดับจากพื้นมายิงสวนกลับไป...เปรี้ยง
ระสุนเจาะเข้าแสกหน้าไอ้เบิ้มตายคาที่ ยงยุทธควงปืนเท่ห์จบแล้วเงยหน้ามองจันทรคราสบนท้องฟ้า ยงยุทธหน้าเสียเป็นกังวลเพราะราหูค่อยๆ คายดวงจันทร์ออกไปจนเกือบจะหมดวง
“แย่แล้ว”
อำนาจศักดิ์สิทธิ์จากดาบดำพวยพุ่งเข้าสู่ร่างของประดับเป็นชิ้นสุดท้าย ประดับส่งเสียงร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด...อ๊ากกกกกก พอสิ้นเสียงประดับก็แน่นิ่งหมดสติไป
“คุณประดับ”
กำนันบุญเข้าไปเห็นประดับนอนคว่ำหน้าไม่ไหวติงก็ฉุกคิดขึ้นมาเริ่มถอยไปหยิบดาบดำที่ใช้ทำพิธีมาแล้วคิดใช้มันฆ่าประดับ แต่ทันใดนั้นประดับพลิกตัวกลับใช้มือเปล่าขึ้นมารับคมดาบอย่างง่ายดาย
“ดาบดำเป็นอาวุธอย่างเดียวที่ใช้ฆ่าสัตตะโลหะบุรุษได้ แล้วแกคิดเหรอว่าชั้นจะยอมให้แกใช้มันฆ่าชั้น”ประดับถีบกำนันบุญจนกระเด็น ดาบดำมาอยู่ในมือประดับ กำนันบุญหน้าเสีย ประดับควงดาบดำเดินเข้าหา
“ชั้นสัญญาไว้ใช่มั้ยว่าจะช่วยให้แกพ้นจากเจ้ากรรมนายเวร…ชั้นจะทำให้ตามสัญญา”
ประดับใช้ดาบดำฟันฉับไปที่แขนข้างที่กำนันพันแผลไว้ขาดตกลงพื้น นิ้วกระดิก กำนันบุญร้องเจ็บปวดครวญ ครางลั่น...อ๊ากกกกกก
ประดับหัวเราะสะใจที่เห็นกำนันบุญแขนขาด จากนั้นประดับก็ถือดาบดำเดินไปที่โล่ห์โลหะเขียว ใช้ดาบดำฟัน ไปที่โล่ห์แรงๆ…ดาบดำหักครึ่งใช้การไม่ได้อีกต่อไป
“ทีนี้ก็ไม่เหลือศาสตราวุธอะไรที่ใช้จัดการกับชั้นได้อีกแล้ว…ฮ่าๆๆๆ”
เปรี้ยงๆๆๆ ยงยุทธโผล่เข้ามาพร้อมกับยิงปืนใส่ประดับไปหลายนัด ประดับยืนตัวแข็งแล้วระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสะใจเพราะกระสุนของยงยุทธทำอะไรประดับไม่ได้เลย ไม่มีแม้แต่รอยให้ระคายผิว
“แกมาช้าไปแล้วไอ้ยงยุทธ…ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดสัตตะโลหะบุรุษได้อีกแล้ว...ฮ่าๆๆ”
ยงยุทธไม่สนใจยิงซ้ำไปอีกหลายนัด...เปรี้ยงๆๆๆๆ จนกระสุนหมด แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ประดับหันไปคว้าปืนคาบศิลาเหล็กไหลยิงใส่ ยงยุทธกระโจนหลบแล้ววิ่งหนีออกไป ประดับยิ้มร้าย
“แกหนีไม่รอดหรอกไอ้ยงยุทธ”
ประดับไล่ตามยงยุทธไป ทิ้งกำนันบุญที่นอนครวญครางเจ็บปวดเพราะโดนตัดแขนขาดกระเสือกกระสน
อ่านต่อหน้าที่ 2
ขุนเดช ตอนที่ 22 (ต่อ)
ยงยุทธหนีประดับเพื่อถอยมาตั้งหลักเห็นศพของลูกน้องประดับนอนตายอยู่มีดาบตกอยู่ใกล้ๆ ก็รีบ เอามาเตรียมพร้อมรับมือ ประดับตามเข้ามาอย่างน่ากลัว ยงยุทธเข้าไปไล่ฟันอย่างดุเดือดแต่คมดาบก็ไม่ระคายผิวประดับแม้แต่นิดเดียว
“คืนนี้แกจะเป็นศพแรกที่สังเวยให้กับอำนาจของชั้น ฮ่าๆ”
ยงยุทธฟันอย่างแรง ประดับเอามือประกบรับคมดาบแล้วหักดาบอย่างง่ายดาย ยงยุทธอึ้งประดับถีบยอดอก ทีเดียวยงยุทธกระเด็นไปไกลเจ็บจุก แต่ก็ยันตัวลุกขึ้นมาตั้งท่าเชิงมวยแล้วลุยอีกยก
ขณะนั้นกำนันบุญกระเสือกกระสนหน้าซีดเสียเลือดจนแทบจะตายอยู่แล้ว
“ช่วย…ช่วยด้วย…ใคร…ใครก็ได้ช่วยชั้นที”
กำนันบุญล้มลงหมดแรงที่จะเดินต่อ ระหว่างนั้นขุนเดชเดินเข้ามามองกำนันอย่างสมเพชในมือถือคบไฟมาด้วย
“หึ…ร้องให้ช่วยเหรอกำนัน”
“ไอ้…ไอ้ขุนเดช”
กำนันบุญตกใจกลัวแต่ไม่มีแรงลุกหนีเลยต้องกระเสือกกระสนกระดืบคลานหนี
“นี่น่ะเหรอกำนันบุญผู้ยิ่งใหญ่ ถึงกับต้องคลานหนีเลื้อยเหมือนงูไม่มีผิด”
“อย่า…อย่าฆ่าชั้นเลยนะขุนเดช อโหสิให้ชั้นด้วย” กำนันบุญร้องขอแล้วก็รีบคลานหนีต่อแต่ระหว่างนั้นงูเจ้ากรรมนายเวรที่ตามจองอาฆาตก็เลื้อยโผล่ออกมา กำนันบุญตกใจหน้าเสีย “แก…ปล่อยชั้นไปเถอะ…ชั้นจะทำบุญกรวดน้ำไปให้”
งูเจ้ากรรมนายเวรยังจ้องเขม็งไม่ไปไหน
“กำนัน…บาปมันก็ส่วนบาป บุญมันก็ส่วนบุญ ไม่เคยมีคำสอนคำไหนที่จะบอกว่าทำบุญแล้วช่วยแก้บาป มีแต่ทำบาปต้องชดใช้บาปทั้งนั้น”
ขุนเดชพูดกับกำนันแล้วเดินไปเผชิญหน้ากับงูเจ้ากรรมนายเวร
“ขุนเดช…ให้ชั้นกราบแกชั้นก็ยอม ชั้นรู้ว่าเศียรพระศิลาอยู่ไหน แกอยากได้มันคืนไม่ใช่เหรอ ชั้นบอกให้ได้นะว่าแกจะไปเอาคืนได้ที่ไหน” ขุนเดชหันมามองกำนันบุญ “ช่วยชั้นนะขุนเดช จัดการกับไอ้งูตัวนั้นให้ชั้น แล้วชั้นจะคืนพระศิลาให้”
ขุนเดชคิดอยู่ครู่ก่อนจะหันไปมองงูเจ้ากรรมนายเวร
“บาปของมันผู้นี้ ข้าน้อยขุนเดช ขอรับหน้าที่ตัดสินลงทัณฑ์มันเอง” สิ้นคำพูดขุนเดช งูเจ้ากรรมนายเวรก็เลื้อยหายไป เหลือขุนเดชที่หันมาจ้องกำนันบุญอย่างน่ากลัว “คนบาปอย่างแก ความเจ็บปวดตอนนี้มันยังน้อยเกินไป แกทั้งตัดเศียรพระ ฆ่าคน พรากลูกพรากเมียคนบริสุทธิ์ ทำลายสมบัติของชาติ วิญญาณของแกจะต้องถูกเผา แล้วเผาอีก มันจะปวดแสบปวดร้อนไปถึงกระดูกจนชั่วกัปชั่วกัลป์”
ขุนเดชพูดจบก็โยนคบไฟลงพื้นไฟลุกพรึ่บติดลามไปหากำนันบุญอย่างรวดเร็วจนโดนไฟคลอกร้องโหยหวน
ขุนเดชยืนดูอย่างสมเพชในกรรมที่กำนันบุญกำลังชดใช้
ยงยุทธถูกประดับเล่นงานจนสะบักสะบอมเพราะสู้ความเป็นสัตตะโลหะบุรุษของประดับไม่ได้ แต่ถึงแม้จะโดนเล่นงานจนโงนเงนก็ยังฝืนสู้ง้างหมัดลุยเข้าใส่อีกจนโดนประดับจับหมัดแล้วบิดแขนจนร้องเจ็บปวด
“เลิกพยายามหาเรื่องให้ตัวเองต้องเจ็บปวดทรมานเลยไอ้ยงยุทธ…ชั้นเห็นแล้วมันอดสมเพชแกไม่ได้จริงๆ”
“ชั้นต่างหากที่สมเพชแก ต่อให้แกมีอำนาจและบารมียิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน แต่คนที่รักชาติรักแผ่นดิน จะรวมตัวกันต่อต้านคนพาลสันดานชั่ว คนทุศีล ไม่มีธรรม แกจะไม่มี วันได้อำนาจไปครองเมือง”
“หึๆๆๆ…เป็นคำพูดปลอบใจตัวเองที่สวยหรูมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วไอ้คนดีๆ หวงแหนชาติหวงแหนแผ่นดินที่แกพูดถึง มันคือพวกรักตัวกลัวตายที่สุดเวลาที่เสียงปืนดัง ฮ่าๆๆๆๆ”
ประดับจับยงยุทธหักแขนทีเดียว…เสียงกระดูกหักดัง...กร่อบ ยงยุทธร้องเจ็บปวดโหยหวน
“ปล่อยเพื่อนชั้นเดี๋ยวนี้ไอ้ประดับ”
“ไอ้ขุนเดช”
ประดับผลักยงยุทธไปทางขุนเดชที่รีบช่วยประคองเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้าง”
“เราช้าไปแล้ว มันเป็นสัตตะโลหะบุรุษไปแล้ว เราไม่มีอะไรที่จะจัดการมันได้อีก”
“หึๆๆๆ…ชั้นดีใจจริงๆ ที่วันพวกแกสองคนมายืนต่อหน้าชั้นพร้อมกัน เพราะก่อนที่ชั้นจะฆ่าพวกแก ชั้นจะทรมานให้พวกแกเข้ามากราบเท้ายอมรับว่าชั้นคือยอดคน”
“ขุนเดช ถ้าแกไม่มีอะไรดีมา แกกับชั้นได้เป็นอย่างที่มันพูดแน่ ไปเถอะ…รีบหนีไป ชั้นจะสู้กับมันเอง”
“ชั้นไม่หนีหรอก แกก็รู้ว่าชั้นคือทหารพระร่วง มีหน้าที่ตัดสินคนบาปด้วยความตาย”
“แต่ดาบดำถูกมันทำลายไปแล้ว แกจะเอาอะไรไปตัดสินมัน”
ขุนเดชยิ้มรับแล้วชวยพยุงยงยุทธขึ้นมาพร้อมตะโกนใส่ประดับ
“ชั้นจะพิสูจน์ให้เห็นว่าคนดีๆ ที่หวงแหนแผ่นดิน ไม่มีใครรักตัวกลัวตาย เมื่อหลังชนฝา หน้าสู้ดิน…ก็พร้อมยอมตายเพื่อแผ่นดิน”
ขุนเดชตั้งท่าเชิงมวยอย่างเอาจริง ยงยุทธฮึกเหิมตั้งท่าเชิงมวยพร้อมด้วย
“ได้เลยไอ้เพื่อนรัก งั้นชั้นก็พร้อมยอมตายเพื่อแผ่นดิน”
สองคนพร้อมสู้ ประดับยิ้มร้ายบิดคอชกหมัดใส่มือ
“เข้ามาเลย ชั้นจะเอาแผ่นดินที่แกรักกลบหน้าพวกแกเอง”
ทั้งสามคนวิ่งเข้าใส่กันด้วยเชิงมวย
การต่อสู้อันหนักหน่วงของทั้งสามคน ขุนเดชกับยงยุทธประสานพลังช่วยกันรุมประดับที่มีเรี่ยวแรงมากกว่าคนธรรมดา แม้จะถูกเล่นงานจนสะบักสะบอม ยงยุทธโดนซ้ำแขนข้างที่โดนหักไปแต่ก็ฝืนทนลุยต่อ
ทั้งคู่ถูกประดับซัดกระเด็นสะบักสะยอมเจียนตาย
“มันแข็งแกร่งเกินกว่าเราจะสู้มันได้แล้ว…เชื่อชั้นเถอะแกหนีไป...ชั้นจะถ่วงเวลามันให้”
“ไม่หรอกยงยุทธ เหล็กดำคืออาวุธใช้จัดการกับมันได้ เพราะฉะนั้นแกต้องใช้มัน”
“แกจะให้ชั้นไปเอาเหล็กดำมาจากไหนวะ”
“ข้างหลังชั้น”
ยงยุทธแปลกใจมองไปที่หลังขุนเดชพบมีดสั้นเหน็บอยู่
“มีด?...นี่แก”
ขุนเดชพยักหน้าให้
ก่อนหน้านี้ขุนเดชตีหล่อรวมดาบหักของพ่อรวมกับพระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำขึ้นมาเป็นมีดสั้น เมื่อตีเสร็จขุนเดชมองมีดสั้นเหล็กดำอย่างมั่นใจ
ขุนเดชกับยงยุทธมองหน้ากัน ยงยุทธดึงมีดสั้นเหล็กดำจากหลังขุนเดชแล้วปล่อยให้ขุนเดชไปลุยเดี่ยว ขุนเดชหลอกล่อประดับด้วยการสู้อย่างหนักหน่วง แม้จะรู้ว่าสู้ไม่ได้แต่ก็สู้สุดใจขาดดิ้น ยอมโดนประดับจัดการ เล่นงานจนโงนเงนเลือดเต็มหน้าแต่ก็เพื่อถ่วงเวลาให้ประดับสนใจแต่ตัวเอง
“แกเสร็จชั้นแล้วไอ้ขุนเดช”
ประดับง้างหมัดเตรียมชกแต่ทันใดนั้นยงยุทธวิ่งเข้ามาพร้อมใช้มีดสั้นแทงเข้าข้างหลังประดับทันที…ฉึก
ประดับสะดุ้งเฮือกหันมาชกยงยุทธแล้วดึงมีดสั้นออกจากหลัง
“มีด…มีดนี่มัน”
“ใช่…เหล็กดำจากดาบหักของพ่อชั้นหล่อหลอมอรวมกับพระร่วงนั่ง ชั้นตีขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ตัดสินคนบาปอย่างแกโดยเฉพาะ”
“แก..ไอ้ขุนเดช”
“แกแพ้แล้วไอ้ประดับ…พลังสัตตะโลหะบุรุษของแกถูกทำลายลงไปแล้ว”
ประดับไม่ยอมแพ้คิดจะใช้มีดสั้นสู้กับขุนเดชแต่กลับโดนขุนเดชชกหมัด เข่าศอกตอบกลับเอาคืนจนมันโงนเงน เซโรงงังไปทางยงยุทธซึ่งพร้อมจัดการขั้นเด็ดขาดด้วย…หมัดฟ้าฟาด
ประดับโดนหมัดฟ้าฟาดหมุนคว้างลงไปแน่นิ่ง ทั้งขุนเดชและยงยุทธยืนหอบมอง
“ในที่สุดก็จบกันซะที ชั้นจะลากคอมันไปเข้าคุก มันจะต้องรับโทษของมันอย่างสาสม”
“โทษของมันแค่ติดคุกคงไม่สาสมหรอกยงยุทธ”
“แกหมายความว่ายังไงวะ” ขุนเดชมองยงยุทธนิ่งแล้วชกเข้าที่ท้องน้อยทันที ยงยุทธจุกตัวงอมองเพื่อนตาค้าง
“ไอ้…ไอ้ขุนเดช…แก…แก”
ยงยุทธทรุดฮวบหมดสติ ขุนเดชหน้านิ่ง
“ชั้นคือวีรบุรุษบาป…ชั้นต้องตัดสินลงทัณฑ์มันตามหน้าที่ ขอโทษด้วยนะยงยุทธ”
ขุนเดชเก็บมีดสั้นเหล็กดำขึ้นมาแล้วเข้าไปจับเท้าข้างหนึ่งของประดับขึ้นมาลากไปตามพื้น
วันต่อมาท่ามกลางดวงอาทิตย์อันร้อนแรงแผดแสงแรงกล้า มีนกแร้ง นกกาบินโฉบไปมาประดับนอนอยู่กลางผืนดินที่แตกระแหง สภาพโดนถูกจับมัดตรึงทั้งแขนและขาอ้าซ่ากลางแสงแดด
“แก...แกจะทำอะไรชั้น…ไอ้ขุนเดช…ปล่อยชั้นนะเว้ย”
ขุนเดชเดินเข้ามายืนมองประดับอย่างสมเพช
“ที่นี่คือลานประหารสำหรับคนบาปอย่างแกไอ้ประดับ”
“ปล่อยชั้นไป…ชั้นขอร้อง...ชั้นสาบานว่าจะเลิกจองเวรพวกแก ชั้นจะไปจากแผ่นดิน จะไม่กลับมาเหยียบอีก”
“ทำชั่วแล้วคิดหนี คิดเหรอว่าบาปกรรมจะตามไปสนองแกไม่ได้”
“ขุนเดช…ชั้นผิดไปแล้วจริงๆ…ชั้นขอโทษ ให้ชั้นไปติดคุกก็ได้ ชั้นยอมแล้ว”
“คุกมีไว้สำหรับคนบาปที่พร้อมกลับใจ แต่สำหรับแก…โทษคือตายเท่านั้น” ขุนเดชเอามีดสั้นเหล็กดำออกมากรีดที่ท้องของประดับช้าๆ จนเลือดซึมออกมา ประดับร้องครวญคราง “นี่คือโทษประหารของแก…นกแร้งนกกาเมื่อได้กลิ่นเลือดมันจะลงมาจิกกินแก แกจะต้องเจ็บปวดทรมาน แม้แกจะสำนึกต่อบาปที่เคยทำไว้ แต่มันก็สายไปแล้วสำหรับคนพาลสันดานชั่ว คนทุศีลไม่มีธรรม”
ขุนเดชพูดไปก็แหงนหน้ามองนกแรงนกกาบนท้องฟ้าก่อนจะเดินออกไปช้าๆ ประดับร้องโวยวาย
“ขุนเดช…ชั้นผิดไปแล้ว…ชั้นสำนึกแล้ว…ปล่อยชั้นไปเถอะ…ชั้นขอร้อง”
“สาธุ ข้าน้อยนี้ขอเคารพนพไหว้ พระไตรรัตน์ดวงประเสริฐ พระสยามเทวาธิราช พระมหาราชแต่อดีตจนปัจจุบัน ไหว้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงทั้งสิ้น ไหว้พ่อ แม่ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ ข้าน้อยนามขุนเดช ไหว้แผ่นดินพระร่วงเจ้า”
ขุนเดินเดินจากไป เสียงประดับร้องโหยหวนเจ็บปวดทรมาน…อ๊ากกกกกกกก
ภายในโบสถ์ยงยุทธเข้ามาถามหาขุนเดช
“ขุนเดชไม่ได้มาที่นี่เลยเหรอครับหลวงลุง” หลวงลุงส่ายหน้า
“น้าว่าป่านนี้ขุนเดชคงจะเอาตัวประดับไปลงโทษ ตามหน้าที่ของวีรบุรุษบาปแล้ว” คำปันบอก
“โธ่เอย…ผมพยายามห้ามมันแล้วมันก็น่าจะฟังผมบ้าง ในเมื่อทุกคนรู้ความจริงแล้วว่ามันคือใคร มันก็ควรจะหยุดหน้าที่ของวีรบุรุษบาป ผมไม่อยากเห็นมันทำบาปอีก”
“ไม่ใช่ว่าขุนเดชไม่ฟังเธอหรอกยงยุทธ แต่ขุนเดชตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเขาต้องการ…”
ดาราพูดไปก็จุกคอขึ้นมาไม่อยากพูดต่อ
“มันต้องการให้ผมเป็นคนตัดสินความผิดมันใช่มั้ยดารา”
ดารานิ่งไม่ตอบ ระหว่างนั้นจ่าแท่นเข้ามา
“หมวดครับ…มีหนังสือด่วนจากท่านผู้การถึงหมวดครับ”
ยงยุทธรับเอกสารจากจ่าแท่นมาดูอย่างสงสัย
อ่านต่อหน้าที่ 3
ขุนเดช ตอนที่ 22 (ต่อ)
ยงยุทธอ่านเอกสารจบทุกคนอยากรู้
“ท่านผู้การว่ายังไงเหรอยงยุทธ”
“ท่านมีคำสั่งให้ผมกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม เพราะคดีของประดับกับกำนันบุญถูกคลี่คลายแล้ว สมบัติของชาติทุกชิ้นที่พวกมันปล้นไปกำลังจะถูกส่งไปให้พิพิธภัณฑ์ดูแลต่อ”
คำปันกับดาราดีใจรวมทั้งจ่าแท่นด้วย
“นั่นไง…เห็นมั้ยครับว่าคนทำกรรมดี ฟ้าย่อมมีตาเห็นถึงความตั้งใจ”
“ยงยุทธ…ชั้นดีใจด้วยนะ เธอจะได้กลับไปทำหน้าที่ของเธออย่างที่เธอภูมิใจ”
ดาราแตะมือยงยุทธดีใจด้วยแต่ยงยุทธกลับสีหน้าหนักใจ
“แต่ให้ผมกลับไปทำหน้าที่เหมือนเดิม นั่นก็เท่ากับว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่งในนี้ด้วย”
“คำสั่งอะไร”
“ผมต้องปิดคดีเรื่องวีรบุรุษบาปด้วย”
ทุกคนหน้าเครียดขึ้นมาทันที
ที่ริมน้ำตกขณะนั้นบัวทองกอดขุนเดชร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตานองสองแก้ม
“ไม่…ชั้นไม่ให้พี่ไป…เราหนีไปด้วยกันนะพี่ ตอนนี้ศรีสัชนาลัยไม่มีพวกคนบาปอีกแล้ว เราไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก”
“ใครว่าไม่มีคนบาปเหลืออยู่อีก พี่ไงล่ะบัวทอง พี่ก็คือคนบาปเหมือนพวกมัน”
“ไม่ใช่…พี่ทำหน้าที่ทหารพระร่วงปกป้องรากเหง้าของพวกเรา”
“พี่ตั้งศาลเตี้ยด้วยการฆ่าคนนะบัวทอง…มันเป็นบาปที่ต้องชดใช้”
“พี่ขุนเดช…” บัวทองสะอื้น “แต่ชั้นไม่อยากให้พี่ตาย…แค่ติดคุกก็พอไม่ได้เหรอ…ทำไมพี่ต้อง ตัดสินใจตาย เพื่อชดใช้บาปด้วย”
“กฏที่พี่ใช้กับพวกมันคือตาต่อตา ฟันต่อฟัน เป็นกฏเดียวกับที่นรกใช้ลงโทษคนบาป”
บัวทองยิ่งร้องไห้สะอื้นกอดขุนเดชเอาไว้แน่น ขุนเดชจับหน้าบัวทองมาปาดน้ำตา หอมที่หน้าผากอย่างนิ่มนวล
“พี่คิดว่านรกคงไม่ละเว้นพี่ เพราะฉะนั้นบัวทองควรยอมให้พี่ไป เมื่อพี่ชดใช้กรรมบาป หมด…วันนึงเราคงได้เจอกันในภพภูมิที่เหมาะสม”
บัวทองยิ่งร้องไห้
“พี่ขุนเดช…ฮือๆๆๆๆ”
ขุนเดชปล่อยมือบัวทองช้าๆ แล้วเดินจากไป บัวทองได้แต่ร้องไห้สะอื้นเจ็บปวดเรียกแต่ชื่อขุนเดช
“พี่ขุนเดช…พี่ขุนเดช”
ยงยุทธเดินสีหน้าเอาจริงออกมาจากโบสถ์ จ่าแท่นกับดาราตามออกมา
“หมวด…หมวดจะไปจัดการกับขุนเดชจริงๆ เหรอครับ”
“จ่าก็เห็นคำสั่งของผู้การแล้ว”
“ครับ…แต่ว่าขุนเดชทำเพื่อพวกเรา แล้วเราจะตอบแทนเขาไม่ได้เลยเหรอครับหมวด” จ่าแท่นพูดไปก็น้ำตาคลอเสียใจ ยงยุทธเองก็เจ็บปวดยืนนิ่งกำหมัดแน่นตัดสินขยับไปอีกหนึ่งก้าว “หมวด…อาจารย์ดาราครับ...ช่วยพูดกับหมวดหน่อยสิครับ”
ดารานิ่งไปแล้วมองยงยุทธอย่างตัดสินใจ
“จ่าคะ ศรีสัชนาลัยปลอดภัยแล้วเพราะขุนเดช จากนี้ไปคือหน้าที่ของยงยุทธแล้วค่ะ”
“อาจารย์”
“ถ้าอยากช่วยขุนเดช เราก็ควรมาช่วยกันสวดมนต์ให้เขา ตอบแทนที่เขายอมเสียสละวิญญาณตัวเองลงสู่นรก เพื่อให้พวกเราได้มีรากเหง้าไว้บอกเล่าให้ลูกหลานฟังว่าเราคือคนไทย”
ดาราพูดไปก็น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างสงสารขุนเดช แต่นี่คือทางออกเดียวที่ถูกต้องที่สุด
“ขอบคุณนะดาราที่เข้าใจผม”
ยงยุทธเดินจากไป ดาราปาดน้ำตาแล้วรีบกลับเข้าไปในโบสถ์
ยงยุทธมาหาขุนเดชที่ถ้ำศิลา ขุนเดชกราบพระศิลาที่ได้เศียรกลับคืนมาจนเป็นองค์ที่สมบูรณ์สวยงาม
“ในที่สุดแกก็ได้พระศิลาคืนมา”
“ใช่…พ่อชั้นยอมสละชีวิตเพื่อรักษาพระศิลาเอาไว้ วันนี้ชั้นได้แก้แค้นให้พ่อ ได้รักษาท่านให้คงอยู่กับลูกหลานต่อ ชั้นภูมิใจในสิ่งที่ชั้นทำแล้วยงยุทธ”
“แค่แกยอมให้ชั้นจับแกเข้าคุก แค่นั้นเองนะขุนเดช ทุกคนพร้อมจะรอแกกลับมา”
“ชั้นตั้งใจไว้แล้วยงยุทธ ชั้นจะไม่มีวันถูกจับ เพราะในคุกไม่ใช่ที่ให้ชั้นสำนึกผิด แต่ความตายเท่านั้นที่จะทำให้ชั้นไปในที่ๆ ชั้นควรจะต้องไป”
ขุนเดชพูดเสร็จก็ชักดาบดำออกจากฝัก เป็นดาบดำเล่มใหม่เอี่ยมสวยงามมาก
“ดาบดำ
“ใช่…ชั้นใช้ดาบดำที่ไอ้ประดับตีหักมาหลอมรวมกับมีดสั้นที่ชั้นใช้ฆ่ามัน เพื่อให้เป็นดาบดำสำหรับสังหารชั้นเอง”
ขุนเดชโยนดาบดำให้ยงยุทธ
“ใช้มันจัดการชั้นเลยยงยุทธ”
“ไม่...ชั้นไม่ฆ่าแก”
“งั้นแกก็ต้องโดนชั้นฆ่า”
ขุนเดชหันไปชักดาบอีกเล่มบุกเข้าไปไล่ฟันจนทำให้ยงยุทธต้องคว้าดาบดำขึ้นมาสู้อย่างจำเป็น
อีกด้านหนึ่งที่โบสถ์ ดารากับคำปันนั่งพับเพียบพนมมือสวดมนต์ให้ขุนเดชอยู่หน้าองค์พระประธาน จ่าแท่นเข้ามานั่งสวดตามด้วยใจมุ่งมั่น ระหว่างนั้นอาจารย์ประทีปเดินตามเข้ามาแล้วมานั่งสวดมนต์ใกล้ๆ กับจ่าแท่น ไม่นานนัก อาฮวดกับสาลี่ก็พาชาวบ้านเข้ามาช่วยกันสวดมนต์ให้ขุนเดช เป็นภาพที่เรียกความสะเทือนใจได้ไม่น้อย
ยงยุทธกับขุนเดชฟาดฟันกันด้วยเชิงดาบ ขุนเดชเล่นงานยงยุทธจริงจังจนฟันแขนยงยุทธให้ได้เลือด
“ถ้าแกออมมือเพราะเห็นว่าชั้นคือเพื่อน แกจะไม่ได้ออกไปจากถ้ำนี้”
“ไอ้ขุนเดช”
“สู้ชั้น…เพราะว่าชั้นคือวีรบุรุษบาป…ฆาตกรที่แกตามล่า”
ขุนเดชเข้าเล่นงานอีกหนักหน่วงไม่เปิดช่องให้ยงยุทธยอมออมมือจนในที่สุดยงยุทธก็ต้องตอบโต้จริงจัง
ยงยุทธตวัดดาบของขุนเดชแล้วใช้ดาบดำเสียบเข้าที่ท้องขุนเดชทันที…ฉึก! ยงยุทธอึ้ง...ขุนเดชอึ้ง
บัวทองเข้ามาร่วมสวดมนต์กับทุกคน บัวทองเข้ามานั่งใกล้ๆ กับดาราที่หันมาอย่างเป็นห่วง ดาราจับมือบัวทองมากุม น้ำตาบัวทองยังคลอเบ้า
“เรามาทำเพื่อขุนเดชกันเถอะนะบัวทอง”
“ค่ะอาจารย์”
บัวทองพนมมือสวดมนต์
ยงยุทธชักดาบดำออกจากท้องขุนเดช แล้วรีบประคองเพื่อนเอาไว้ทันที
“ขุนเดช…แกอย่าเป็นอะไรนะเว้ย”
“ขอบ...ขอบใจนะยงยุทธ...ชั้นทำหน้าที่ของชั้นแล้ว”
“ทำไมวะ...ทำไมแกถึงต้องให้ชั้นฆ่าแกด้วย”
“แกเป็นตำรวจ…เป็นคนที่ต้องรักษากฏหมายให้ศักดิ์สิทธิ์...มันคือหน้าที่ของแก”
“แต่ชั้นต้องเสียแก...เพื่อนที่ดีที่สุดที่ชีวิตชั้นมี”
“ขอบใจ…ขอบใจว่ะเพื่อน ในที่สุดแกก็โกหกปลอบใจคนอื่นเป็น”
“ชั้นไม่ได้โกหก…แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด…ที่ชั้นจะไม่ยอมเสียไปเด็ดขาด”
“แต่มันสายไปแล้ว….ยงยุทธ”
ขุนเดชมองยงยุทธตาพร่าเลือนก่อนจะค่อยๆ ปิดลงช้าๆ จนแน่นิ่งไป ยงยุทธกัดฟันแน่นตะโกนร้องลั่นถ้ำศิลา
“ขุนเดช...ขุนเดช”
ภายในโบสถ์เทียนหน้าพระพุทธรูปดับวูบ ทุกคนหยุดสวดมนต์พร้อมกันด้วยลางสังหรณ์เดียวกัน บัวทองใจคอไม่ดีน้ำตาไหลออกมา
“อาจารย์คะ”
ดาราเข้าไปดึงบัวทองมากอดแต่ตัวเองก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยเช่นกัน
“เราทำดีที่สุดแล้วบัวทอง...ฮือๆๆ”
ทุกคนต่างโศกเศร้าเสียใจ
“1 ปีผ่านไป” ดารายืนมองซากปรักหักพังตรงหน้าก่อนจะมองนิ้วนางข้างซ้ายตัวเองที่มีแหวนเพชรแต่งงานวงเล็กๆ
“เพิ่งจะแต่งงานเสร็จใหม่ๆ อาจารย์น่าจะไปเที่ยวพักผ่อนนะครับ” อาจารย์ประทีปบอก
“คงไม่ไปไหนหรอกค่ะอาจารย์ ยังมีโบราณสถานให้ต้องตามไปสำรวจอีกเยอะ”
“แล้วหมวดเขาไม่ว่าเหรอครับ”
“ยงยุทธไม่กล้าว่าหรอกค่ะ เขาเองก็งานเยอะ ทิ้งหน้าที่ไปอยู่สบายๆ ได้วันสองวันก็ร้องจะกลับมาตามล่าผู้ร้ายแล้ว”
“พูดถึงคนร้าย...ผมได้ยินพรรคพวกที่ไปสำรวจโบราณสถานที่อยุธยาคุยกันว่ามีพวกลักขุดกรุ ถูกฆ่าตายหลายรายแล้ว ที่ลพบุรีกับแถวบ้านเชียงก็ได้ยินว่ามีเหมือนกัน ลักษณะที่ตายก็เหมือนกับที่วีรบุรุษบาปเคยจัดการ”
ยงยุทธเดินเข้ามา
“อาจารย์คิดว่าเป็นฝีมือขุนเดชเหรอครับ”
“อ้าวผู้หมวด...เปล่าหรอกครับ...ขุนเดชตายไปแล้ว ทุกคนในศรีสัชนาลัยก็ไปร่วมงานฝังศพ แล้วจะลุกจากหลุมไปฆ่าใครได้”
“ครับขุนเดชจากพวกเราไปแล้ว แต่วีรกรรมของวีรบุรุษบาปไม่ได้ตายไปพร้อมกับขุนเดช ความหวงแหนรากเหง้าของบรรพบุรุษทำให้มีคนทำตาม”
“ครับ...เอาเป็นว่าผมไม่รบกวนหมวดกับอาจารย์แล้ว..เชิญข้าวใหม่ปลามันเลยครับ”
ดารายิ้มรับแล้วหันไปยิ้มกับยงยุทธ สีหน้าทั้งคู่เหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง
ยงยุทธเดินโอบไหล่ดารามาตามทางดูมีความสุข
“วันนี้บัวทองจดหมายมาหาชั้น เล่าให้ฟังว่าสบายดีแล้วก็ขอบคุณเธอมาด้วย”
ยงยุทธฟังดาราแล้วยิ้มรับก่อนจะพากันหยุดเดินแล้วหันไปมองโบราณสถาน ดาราจับมือยงยุทธขึ้นมากุม
“ขอบใจเธอมากนะยงยุทธ ที่ช่วยยื้อชีวิตขุนเดชเอาไว้”
ยงยุทธนิ่งมองดาราแล้วนึกย้อนกลับไป
“ผมว่าไม่ใช่ผมหรอกที่พยายามช่วยยื้อชีวิตขุนเดชเอาไว้ บางทีตอนนั้นขุนเดชอาจจะตกนรกและรับโทษไปแล้ว แต่เพราะขุนเดชได้เคยช่วยปกป้องคนดีส่งคนบาปลงนรก นรกเลยให้โอกาสให้กลับมาทำกรรมดี”
ท่ามกลางทุ่งนาเขียวขจี ขุนเดชกับบัวทองเดินกุมมือกันมองผืนนาอย่างมีความสุข
“พี่ดีใจนะที่ได้กลับมาอยู่กับบัวทอง หน้าที่ของพี่จบลงแล้วตั้งแต่พี่ได้รับโทษบาปในนรก จากนี้ไปพี่จะขอใช้โอกาสที่ได้มาทำกรรมดีดูแลคนที่รักพี่ และดูแลแผ่นดินของบรรพบุรุษสืบต่อไป”
บัวทองยิ้มดีใจสวมกอดขุนเดช ท่ามกลางอาทิคย์อัสดง
แด่...ซากปรักหักพังของอดีต และ จิระเดช ไวยโกสิทธิ์
ผู้ชุบชวิต ขุนเดช ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ
ให้มีชีวิตและสติปัญญา
จบบริบูรณ์