xs
xsm
sm
md
lg

ภูผาแพรไหม ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภูผาแพรไหม ตอนที่ 1

พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่บนฟ้ายามค่ำคืน เสียงเพลงลอยกระทงดังกระหึ่มทั่วบริเวณ กระทงมากมายลอยพร้อมแสงเทียนสว่างไสวเต็มแม่น้ำ ผู้คนมากมายมาร่วมงานลอยกระทงซึ่งมีเครื่องเล่นนานาชนิดและร้านค้าคึกคัก

ภูผา หนุ่มเจ้าของธุรกิจรักษาความปลอดภัยก้าวลงจากรถ เขาปิดประตูแล้วล็อครถ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ภูผากดรับ
“ถึงแล้วกำลังจะเข้าไปในงาน มองไกล ๆ นึกว่าคนยังกะหนอน มาลอยตรงที่คนน้อย ๆ ได้มั้ย”
“ถ้าจะลอยคนน้อย ๆ ลอยในอ่างบ้านแกก็ได้ ไม่ต้องถ่อมาถึงเชียงใหม่หรอก รีบมาเลย” เสียงทวีป นายตำรวจหนุ่มเพื่อนรักของภูผาดังเล็ดลอกออกมาจากปลายสาย
“เดี๋ยวเจอกัน” ภูผาบอก
ภูผาวางสายแล้วกำลังจะเดินเข้าไปในงาน แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นแพรไหม สาวสวยที่สะพายเป้วิ่งหน้าตื่นมาทางที่เขายืนอยู่พร้อมกับร้องตะโกน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย พวกมันจะจับตัวฉัน ช่วยด้วยค่ะ”
ภูผามองแพรไหมอย่างตกใจแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนร้ายสองคนก็วิ่งเข้ามา แพรไหมรีบวิ่งไปหลบหลังภูผาทันที
“หลีกไป” คนร้ายคนหนึ่งร้องบอก
“ไม่ ... ฉันไม่อยากเห็นผู้หญิงถูกทำร้าย” ภูผาบอก
“ก็ได้ .... ถ้าอยากมีเรื่อง” คนร้ายโมโห
ภูผายืนนิ่งไม่เกรง คนร้ายคนหนึ่งเหวี่ยงหมัดใส่ ภูผาหลบจากนั้นก็เข้าต่อสู้กับคนร้ายทั้งสอง แพรไหมมองภูผาที่ต่อสู้คนร้ายอย่างดุเดือด คนร้ายทั้งสองล้มระเนระนาดก่อนจะมองอย่างอาฆาดแค้นแล้ววิ่งหนีไป ภูผามองตามอย่างไม่สะทกสะท้าน แพรไหมวิ่งเข้ามาหาภูผาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“สองรุมหนึ่งยังชนะ คุณนี่เก่งจริงๆ ...ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉัน... ถ้าไม่ได้คุณ...ฉันต้องแย่แน่ ๆ”
“ไม่เป็นไร ... แล้วพวกมันตามจับตัวคุณทำไม” ภูผาถาม
“พวกมันเป็นคนของ...” แพรไหมกำลังจะบอกแต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นได้ “เอ่อ พ่อเลี้ยงของฉัน คือพ่อเลี้ยงมันหน้ามืดจะปล้ำฉัน ฉันก็เลยหนีออกจากบ้าน พ่อเลี้ยงก็เลยส่งคนมาตามจับตัวฉันกลับ”
“แล้วทำไม แม่คุณปล่อยให้พ่อเลี้ยงทำอย่างงั้นได้ล่ะ”
“คือพ่อเลี้ยงฉันเป็นคนมีอิทธิพล และก็โหดมาก แม่ฉันกลัวโดนพ่อเลี้ยงทำร้ายก็เลยไม่กล้าขัดใจ”
“คุณไปแจ้งตำรวจ หรือไม่ก็พวกมูลนิธิสิ เขาช่วยคุณได้นะ”
พูดจบภูผาก็เดินเลี่ยงไป แพรไหมนิ่งคิดสักพักแล้วก็วิ่งตามไป

ภูผาเดินมาตามทางเดิน แพรไหมวิ่งตามมาพร้อมกับร้องเรียก
“เดี๋ยวค่ะ อย่าเพิ่งไป”
ภูผาหันมามองแพรไหมอย่างงง ๆ
“ฉันแพรไหม คุณละคะ”
“ไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวเราก็แยกกันแล้ว” ภูผาตอบ
“แหมคุณ รู้จักกันไว้ ไม่เห็นเป็นไร ... ฉันจะได้จำไว้ว่า ในโลกนี้ ยังมีผู้ชายดีๆเหลืออยู่บ้าง.. อย่างน้อยคุณก็มีน้ำใจช่วยฉัน”
“ภูผา” ภูผาตอบเรียบๆ
“คุณภูผา ...ฉันขอพูดตรง ๆ แบบไม่อ้อมค้อมเลยนะคะ ฉันไปเรียนต่างประเทศมาหลายปีเพิ่งกลับเมืองไทยได้สองวัน ไม่มีเพื่อนที่ไหนเลย บ้านก็กลับไม่ได้ ขอฉันไปกับคุณด้วยคนนะคะ”
“คุณนี่เป็นผู้หญิงประเภทไหนทำไมถึงใจกล้าขอไปกับผู้ชายที่เพิ่งเจอกัน”
แพรไหมทำเสียงร่าเริง “ประเภทไม่มีที่ไปมั๊งค่ะ...นะคะคุณภูผาให้ฉันไปกับคุณนะคะ ฉันมีเซ็นส์ว่าคุณเป็นคนดีไว้ใจได้ คงไม่รังแกผู้หญิง”
“ตำรวจกับมูลนิธิก็มี ทำไมต้องผม” ภูผาย้อนถาม
“ก็เพราะพ่อเลี้ยงเป็นคนมีอิทธิพลมาก ขืนไปหาตำรวจหรือไปมูลนิธิเค้าพาฉันส่งบ้านแน่...ที่สำคัญคุณเก่ง ฉันเชื่อว่าถ้าคนของพ่อเลี้ยงฉันย้อนกลับมา...คุณจะช่วยฉันได้”
“ผมไม่ได้เก่งกาจอย่างที่คุณคิดหรอก แล้วผมก็ไม่อยากมีภาระด้วย...ขอโทษนะ ผมมีนัด”
ภูผาเดินออกไป แพรไหมมองตามอย่างไม่พอใจแล้วก็เดินตามไป

ที่บ้านของแพรไหม ศุภลักษณ์ มารดาของแพรไหมกดโทรศัพท์อย่างร้อนใจ
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” เสียงคอมพิวเตอร์ปลายสายตอบกลับมา
ศุภลักษณ์กดวางสายอย่างร้อนใจ
“ไม่ติดเหรอคะ” สมใจถามขึ้น
ศุภลักษณ์พยักหน้า “หายไปตั้งแต่เช้า โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด...ไม่รู้ป่านนี้ยัยแพรจะเป็นตายร้ายดียังไง”
“คุณแพรเป็นคนดีคุณพระคุณเจ้าต้องคุ้มครองให้คุณแพรปลอดภัยค่ะ” สมใจปลอบศุภลักษณ์
ศุภลักษณ์มองสมใจอย่างหนักใจ ทันใดนั้นพันทิญา พี่สาวต่างมารดาของแพรไหมก็วิ่งเข้ามากอดศุภลักษณ์
“คุณแม่ขา” พันทิญาเรียก
สักพักวนิดา น้าของแพรไหมก็เดินตามพันทิญาออกมา ศุภลักษณ์เห็นพันทิญาแต่งตัวสวยก็ถามอย่างไม่พอใจ
“จะออกไปข้างนอกเหรอ”
“ค่ะ...พันนัดเพื่อนไปลอยกระทง” พันทิญาตอบ
“น้องหายไปทั้งคนยังจะมีกะจิตกะใจไปเที่ยวอีก...ไม่ห่วงน้องบ้างเลยรึไง”
“ห่วงค่ะ... แต่พันรู้ว่ายัยแพรเอาตัวรอดเก่งเลยไม่ทุกข์เหมือนคุณแม่”
“ยัยพันพูดถูกนะคะ” วนิดาว่า “ยัยแพรโตแล้วแถมไปอยู่เองนอกเมืองนาคนเดียวตั้งหลายปี มีอะไรยัยแพรก็ต้องเอาตัวรอดได้ พี่ศุอย่าเครียดนักเลยค่ะ”
“พวกเธอไม่เคยเป็นแม่คนไม่รู้หรอกว่าใจคนเป็นแม่ที่ลูกหายจากบ้านมันร้อนแค่ไหน” ศุภลักษณ์บอก
วนิดากับพันทิญาหน้าเจื่อนและไม่กล้าเถียง สักพักน้อยที่แต่งหน้าแต่งตัวจัดจ้านก็เดินเข้ามา
น้อยพูดกับศุภลักษณ์ “คุณผู้หญิงคะ เจ้าฉายมาค่ะ”
ทุกคนหันไปมองก็เห็นเจ้าแสงฉายเดินเข้ามาอย่างสง่างาม พันทิญายิ้มหวานพร้อมกับมองเจ้าแสงฉายด้วยสายตามีความหมาย

แสงฉายพูดกับศุภลักษณ์
“คนของผมเจอคุณแพรในงานลอยกระทงที่เชียงใหม่ครับ”
พันทิญาได้ยินก็ร้อนใจ “แล้วคนของเจ้าได้ตัวยัยแพรมามั้ยคะ”
“ไม่ได้ครับ” แสงฉายตอบ
พันทิญาลอบมองหน้าวนิดาอย่างโล่งใจ
“คนของผมคงพาคุณแพรกลับมาได้แล้ว ถ้าไอ้นักเลงหัวไม้นั่นไม่มาทำร้ายคนของผมซะก่อน” แสงฉายบอก
“นักเลงหัวไม้...เจ้ากำลังจะบอกว่ายัยแพรอยู่กับนักเลงเหรอคะ” ศุภลักษณ์ถาม
“ตอนที่คนของผมเจอมันเป็นอย่างนั้น” แสงฉายบอก
“ไอ้นักเลงนั่นต้องเป็นแฟนยัยแพรแน่ ๆ เลยค่ะ ไม่งั้นมันคงไม่กล้าสู้กับคนของเจ้าเพื่อช่วยยัยแพรหรอก” พันทิญารีบใส่ไฟ
ศุภลักษณ์ได้ยินก็ไม่พอใจ “เพื่อนที่เมืองไทยน้องยังไม่มีเลย น้องจะมีแฟนได้ยังไง”
“แชต เฟซบุ๊ค สารพัดวีที่จะทำให้วัยรุ่นเป็นแฟนกันข้ามโลก” วนิดารีบเสริม
“แต่ไม่ใช่คุณแพร” แสงฉายขัดขึ้น “ก่อนที่ผมจะมาสู่ขอผมให้คนเช็คประวัติคุณแพรทั้งตอนอยู่ที่นี่แล้วก็อยู่เมืองนกหมดแล้ว คุณแพรไม่เคยมีแฟน”
พันทิญาลอบมองแสงฉายอย่างหมั่นไส้ก่อนจะตีสีหน้ายิ้มแย้มแล้วทำพูดดีด้วย
“ยัยแพรเป็นเด็กหัวนอกใจเร็วยังกับจรวดอาจจะไปเจอผู้ชายคนนั้นตอนเช้า ตกเย็นก็เป็นแฟนกันก็ได้นะคะ”
“อย่าดูถูกน้องนะพัน” ศุภลักษณ์ต่อว่า
“ไม่ได้ดูถูกค่ะ...พันแค่สันนิษฐานตามนิสัยยัยแพรแล้วก็สถานการณ์ที่เป็นอยู่”
“งั้นคุณก็คงไม่รู้จักนิสัยน้องสาว...เพราะถ้ารู้คุณจะรู้ว่าคุณแพรไม่ใช่คนใจเร็ว” แสงฉายบอก
พันทิญาถึงกับหน้าเจื่อน
“คุณน้าทราบข่าวคุณแพรแล้วคงสบายใจขึ้นนะครับ” แสงฉายถาม
“ก็ดีกว่าตอนไม่รู้อะไรเลย” ศุภลักษณ์ตอบ “ถ้าไม่มีเจ้า น้าคงไม่รู้จะยังไง ขอบคุณเจ้ามากนะคะที่ช่วยตามหายัยแพร”
“คุณแพรเป็นคนที่ผมรัก ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินผมก็ต้องพาคุณแพรกลับมาให้ได้ครับ” แสงฉายยืนยัน
พันทิญามองเจ้าแสงฉายอย่างเจ็บปวด วนิดาเห็นก็จับแขนปลอบใจพันทิญา

พันทิญาเดินหน้ามุ่ยออกมาหน้าบ้าน โดยมีวนิดาเดินตามมา
“ทั้งแม่ ทั้งเจ้า...เข้าข้างยัยแพรกันหมด” พันทิญาฉุน
“แน่ล่ะ...ยัยแพรเป็นลูกในไส้ยังไงพี่ศุก็ต้องรักมากกว่าลูกเลี้ยงอย่างพัน...ส่วนเจ้าก็กำลังหลงยัยแพรจนหน้ามืดตามัวขนาดหนีไม่ยอมหมั้นด้วยยังไม่ว่ายัยแพรสักคำ” วนิดาเสริม
“พันไม่ให้นังน้องนอกไส้นั่นหมั้นกับเจ้าง่าย ๆ หรอกค่ะ...พันไม่ยอมให้มันได้ดีกว่าพัน”
“งั้นพันก็ต้องหาวิธีแย่งเจ้ามาจากยัยแพรให้ได้” วนิดาบอก
“ตอนนี้พันยังจับทางเจ้าไม่ถูก พูดอะไรไปก็ดูเจ้าไม่ถูกใจไปซะหมด...ขอเวลาพันศึกษานิสัยเจ้าอีกหน่อยจับทางได้เมื่อไหร่จะจับให้อยู่หมัดให้ดิ้นไม่หลุดเลยเชียว”
“แล้วอย่าประมาทละ...ยังไงก็ต้องหาคนไว้สำรองเผื่อเจ้าหลุดมือไปพันจะได้ไม่เคว้ง” วนิดาเตือน
“คุณน้าก็รู้ว่าพันทำอย่างนั้นอยู่แล้ว คนนี้คำว่าตัวสำรองยังหรูไปต้องเรียกวว่าของเล่นค่ะ...จนจะตายมีดีที่หล่อเท่านั้นละคะพันควงเล่น ๆ หาใหม่ได้เมื่อไหร่พันจะสลัดทิ้งทันที”
“มันต้องอย่างนี้สิจ๊ะหลานน้า...สวย...รวย...ชาติตระกูลดีอย่างเราต้องเป็นฝ่ายเลือกหนูทำถูกแล้วละจ๊ะ”
“ในโลกนี้คงมีคุณน้าคนเดียวเท่านั้นละค่ะที่เข้าใจพัน”

พันทิญากอดวิดาอย่างรักใคร่ วนิดากอดตอบด้วยความรักพันทิญามากเช่นกัน

ติดตามทุกความเข้มข้น ความสนุกสนานของ "ภูผาแพรไหม" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

ภูผาเดินมาตามทางภายในงานลอยกระทง แพรไหมเดินตาม ภูผาหันไปมองอย่างไม่พอใจ

“ตามผมมาทำไม” ภูผาถาม
“ไม่ได้ตามค่ะ...นี่เป็นทางเดินสาธารณะ ฉันแค่กำลังเดินไปทางเดียวกับคุณ ไม่ดีเหรอค่ะ...เราจะได้มีเพื่อน...คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย คุยกันไป...เดินกันไป...ชิวๆ” แพรไหมพูดด้วยเสียงร่าเริง
ภูผามองแพรไหมอย่างไม่พอใจ
“หวังว่าคุณคงไม่ได้เดินทางเดียวกับผมทั้งคืนหรอกนะ”
ภูผาหันเดินไปแล้วต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงแพรไหมร้อง
“ว้าย”
ภูผาหันไปเห็นคนร้ายสองคนกำลังช่วยกันหิ้วปีกแพรไหม โดยมีคนร้ายอีกสองคนยืนคุมเชิงอยู่ ภูผาถลาเข้าไปจะช่วยแพรไหม แต่คนร้ายสองคนที่ยินคุมเชิงเข้ามาขวางพร้อมกับชักมีดออกมา ภูผามองอย่างตกใจ
แพรไหมร้องอย่างตกใจ “อย่าทำอะไรเค้านะ”
“ไม่อยากตายก็ไปซะ” คนร้ายไล่
“แน่ใจเหรอว่าจะฆ่าฉันได้” ภูผาถาม
คนร้ายที่ถือมีดวิ่งเข้าหาภูผาแล้วจะเอามีดแทง ภูผาหลบอย่างรวดเร็วแล้วต่อยสวนจนคนร้ายเซไป คนร้ายอีกคนวิ่งเข้ามาจะเอามีดแทง ภูผาเตะมีดในมือจนกระเด็นไปแล้วต่อยเข้าหน้าเต็มแรงจนคนร้ายเซไปอีกคน ภูผาวิ่งไปหาคนร้ายสองคนที่จับตัวแพรไหมพร้อมกับต่อยคนร้ายทั้งสองอย่างรวดเร็ว แพรไหมหลุดมาจากคนร้ายทั้งสองได้แล้วก็ร้องอย่างตกใจ
“ระวัง!!!”
ภูผาหันไปเห็นคนร้ายคนหนึ่งวิ่งถือมีดพร้อมจะแทง แพรไหมรีบวิ่งมาผลักคนร้ายออกไปทำให้มีดเฉี่ยวโดนแขนของเธอ
“โอ้ยยย” แพรไหมร้อง
ภูผามองแพรไหมอย่างตกใจ “คุณ!”
คนร้ายทุกคนมองแพรไหมอย่างตกใจ
ภูผารีบจับมือแพรไหมแล้วพูดกับเธอ “วิ่ง”
ภูผาพาแพรไหมวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เหล่าคนร้ายมองอย่างตกใจแล้วจึงวิ่งตามไป

ภูผาพาแพรไหมวิ่งกลับมาทางลานจอดรถ สักพักเลือดที่แผลแพรไหมไหลลงมาโดนมือภูผา
“เจ็บมากมั้ยคุณ” ภูผาถาม
แพรไหมตอบด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ฉันทนได้ขอแค่อย่าให้พวกมันจับตัวฉันไปได้ก็พอ”
ทันใดนั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงคนร้ายตะโกนขึ้นมา “อยู่นั้น”
ภูผากับแพรไหมหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นคนร้ายวิ่งมาหา ภูผามองหาที่หลบ เขาพยายามคิด แล้วบอกแพรไหม “ทางนี้”
ภูผาแพรไหมวิ่งออกไป กลุ่มคนร้ายรีบวิ่งตาม

ที่ลานจอดรถซึ่งมีรถจอดอยู่เต็มไปหมด กลุ่มคนร้ายวิ่งเข้ามามองหาภูผากับแพรไหม
“ก็เห็นอยู่ว่าวิ่งมาทางนี้...หายไปไหนแล้ววะ” คนร้ายคนหนึ่งบ่นออกมา
“หลบอยู่แถวนี้แหละ แยกย้ายกันหา” คนร้ายอีกคนสั่ง
กลุ่มคนร้ายแยกย้ายกันวิ่งหาตามซอกที่จอดรถ บางคนก้มดูใต้ท้องรถ ภูผากับแพรไหมแอบอยู่ท้ายรถของภูผา โดยแพรไหมนอนอยู่บนลังพลาสติกใส่ของ ส่วนภูผานอนคุดคู้อยู่บนพื้นที่ว่างข้างๆ
“หรือพวกมันจะแอบอยู่ในรถ...” คนร้ายคนหนึ่งตั้งข้อสังเกต
ภูผากับแพรไหมมองหน้ากันอย่างตกใจ คนร้ายคนหนึ่งฉายไฟส่องเข้ามาในรถภูผา แสงไฟฉายสาดไล่มาเรื่อย ๆ แพรไหมเห็นแสงไฟฉายที่สาดไล่มาใกล้ตัวก็หลับตาปี๋ด้วยความกลัว ภูผาครุ่นคิดสักพักก็หยิบไขควงที่อยู่ท้ายรถออกมาเตรียมสู้ คนร้ายส่องไฟมาจนเกือบถึงแพรไหม ภูผาก็เตรียมเปิดประตู
ทันใดนั้นเสียงคนร้ายอีกคนตะโกนขึ้น “มีคนวิ่งอยู่ทางโน้น”
คนร้ายที่เหลือชะงักมองหน้ากันแล้ววิ่งออกไป ภูผากับแพรไหมถอนหายใจอย่างโล่งอก แพรไหมค่อย ๆ ชะโงกไปดูกลุ่มคนร้าย
“อยู่นิ่ง ๆ ก่อน เผื่อพวกมันยังไม่ไป” ภูผาเตือน
“อยู่นิ่ง ๆ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าพวกมันไปรึยัง” แพรไหมบอก
แพรไหมยันตัวลุกขึ้นเพื่อจะดูกลุ่มคนร้าย แต่ลืมตัวจึงใช้แขนข้างที่เจ็บยันตัวขึ้นเธอจึงรู้สึกเจ็บแปลบ “โอ้ย” ทันใดนั้นแพรไหมก็เสียหลัก “ว้าย”
แพรไหมเสียการทรงตัวตกจากกล่องลงมานอนข้าง ๆ ภูผา ทำให้ปากของแพรไหมชนเข้ากับปากของภูผาอย่างจัง ทั้งสองนิ่งอึ้งเหมือนมีไฟแล่นไปทั่วร่าง แพรไหมได้สติรีบผละออกจากภูผาแต่ด้วยพื้นที่อันจำกัดทำให้ทั้งคู่หน้าเกือบชิดกัน ภูผากับแพรไหมมองหน้ากันอย่างอึ้ง ๆ ทั้งสองเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นในหัวใจ แล้วภูผาก็ได้สติจึงรีบลุกพรวดขึ้น
“พวกมันคงไปแล้วล่ะ” ภูผาบอก
ภูผารีบเปิดประตูท้ายรถแล้วเดินลงมา แพรไหมรีบลงตามทั้งคู่ไม่กล้ามองหน้ากันเพราะต่างคนต่างเขิน สักพักก็มีรถตำรวจสายตรวจวิ่งผ่านมา
ภูผาดีใจ “ตำรวจ” ภูผารีบตะโกน “คุณตำรวจครับ”
แพรไหมมองภูผาอย่างตกใจแล้วรีบวิ่งหนีออกไป ภูผามองแพรไหมอย่างตกใจ แล้วจึงรีบวิ่งตาม
“คุณ...คุณ” ภูผาร้องเรียก

แพรไหมวิ่งมาทางหนึ่งโดยที่เลือดที่แผลยังไหลไม่หยุด ภูผาวิ่งตามมาจับแพรไหมไว้แต่ก็จับไปโดนแผลของเธอทำให้แพรไหมร้องลั่น
“โอ้ย”
ภูผาตกใจรีบปล่อยมือ “ขอโทษ”
“ถ้าจะมาจับฉันส่งตำรวจก็ต่างคนต่างไปเลย” แพรไหมไล่
ภูผารำคาญ “ทำไมคุณถึงดื้ออย่างนี้นะ เชื่อผมสิ ยังไงตำรวจก็ต้องช่วยคุณได้”
“ถ้าตำรวจช่วยให้ฉันพ้นจากอิทธิพลพ่อเลี้ยงฉันได้ ฉันไปหาตั้งแต่แรกแล้วไม่มาตื้อให้คุณรำคาญหรอก...ก็ได้....คุณจะทิ้งฉันไปก็ได้ฉันจะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง”
แพรไหมแสร้งร้องไห้ ยิ่งเห็นภูผามองเธอด้วยสายตาอ่อนลง เธอก็ยิ่งทำเป็นร้องไห้หนัก พอเห็นคนเดินผ่านมา เธอก็ยิ่งร้องไห้เสียงดังขึ้น
“โอเค ... หยุดร้องได้แล้ว ผมไม่ส่งคุณให้ตำรวจก็ได้ แต่คุณต้องไปโรงพยาบาล” ภูผายืนกราน
“พ่อเลี้ยงฉันคงรู้แล้วว่าคนของเค้าทำฉันเจ็บ ป่านนี้คงส่งคนไปดักรอทุกโรงพยาบาล ฉันยอมตายดีกว่าต้องไปโรงพยาบาลแล้วโดนจับกลับบ้าน...ฮือๆๆๆๆๆ”
ภูผานิ่งคิด “แถวนี้มีคลินิกผมจะพาคุณไป”
แพรไหมมองภูผาอย่างซึ้งในน้ำใจแล้วก็คิดสักพักก่อนจะพูดกับเขา
“ฉันจะไปทำแผลที่คลินิกแต่คุณสัญญาได้มั้ยคะว่าจะอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน จนกว่าฉันจะมั่นใจว่าปลอดภัย...นะคะ....รับรองว่าไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่งอแง”
ภูผาแปลกใจ “กะอีแค่อยู่เป็นเพื่อนต้องให้สัญญากันเลยเหรอ”
“ฉันกลัวคุณหนีเลยต้องการคำสัญญาจากลูกผู้ชาย...สัญญาสิว่าจะอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
ภูผาตอบรับอย่างรำคาญ “เรื่องมาก..สัญญาก็สัญญา”
แพรไหมยิ้มหวานใส่ภูผา ภูผามีสายตากังวล เพราะว่าคิดถึงนัดหมายของเขากับปรางแก้วและทวีป

ปรางแก้วน้องสาวของทวีปกับภูผาถือกระทงอธิษฐานร่วมกันอยู่ริมแม่น้ำ
“ขอให้พระแม่คงคาเป็นพยาน ผมขอสาบานว่าจะรักแก้วตลอดไป” ภูผาสาบาน
“ขอให้เราทั้งสองครองรักกันตลอดไป” ปรางแก้วพูด
ภูผากับปรางแก้วค่อยๆ วางกระทงลงในน้ำ ทั้งสองมองตากันอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นเสียงทวีปก็ดังขึ้นทำลายภาพความคิดทั้งหลายของปรางแก้วลง “แก้ว แก้ว”
ปรางแก้วหันไปหาพี่ชายตัวเองทั้งๆ ที่ยังยืนยิ้มอยู่คนเดียว
“พี่ทวีป”
ทวีปเห็นคู่หนุ่มสาวกำลังลอยกระทงอยู่ริมแม่น้ำก็เดาความคิดของน้องสาวได้
“คิดว่าสองคนนั้น เป็นแก้วกับไอ้ภูใช่ไหม” ทวีปถาม
ปรางแก้วยิ้มเขินและไม่ปฏิเสธอะไร
“แก้วนี่แย่จังเลยนะคะ รู้ว่า พี่ภูไม่ได้คิดอะไรกับแก้ว ยังอยากให้เขามาเที่ยวด้วย” ปรางแก้วตัดพ้อ
“คนอย่างไอ้ภูมันไม่ฝืนใจตัวเองหรอก การที่มันยอมมาเที่ยวกับแก้ว แสดงว่ามันต้องมีใจบ้างล่ะ”
ปรางแก้วได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างมีความสุข

งานลอยกระทงของหมู่บ้านสุดหรูแห่งหนึ่ง มีพ่อแม่ลูกและหนุ่มสาวท่าทางไฮโซมาลอยกระทงกัน อีกด้านหนึ่งของงานมีซุ้มเล็ก ๆ ขายเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า โดยมีป้ายใหญ่ๆ ติดไว้ว่า 'ตลาดนัดไฮโซ' ชัย พี่ชายของภูผากำลังยืนอยู่ที่ริมบึง เขามองแหวนเพชรที่อยู่ในกล่องแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
เสียงพันทิญาดังขึ้น “ที่รัก”
ชัยยิ้มหวานอย่างชื่นใจ เขารีบเก็บแหวนใส่กระเป๋าแล้วหันไปมองเห็นพันทิญาที่เดินเข้ามาหาเขา
“คุณแพร”
“ขอโทษนะคะที่มาช้า...คุณแม่ไม่ชอบให้เที่ยวกลางคืนน่ะค่ะกว่าจะอ้อนคุณแม่ให้อนุญาตได้ก็ตั้งนาน” พันทิญาบอก
“ถ้าผมมีลูกสาวสวย ๆ อย่างคุณผมก็คงหวงเหมือนที่คุณแม่คุณหวงนี่ละครับ”
“ที่รักนี่ปากหวานจริง ๆ เลยนะคะ...ไปเดินทางโน้นดีกว่ามีของขายเยอะเลย” พันทิญาพูดเน้นชื่อตัวเอง “แพร!!! อยากช้อปค่ะ...นะคะ”
“ครับ”
“แพรรักคุณที่สุดเลย”
พันทิญาโผเข้าไปกอดชัยพร้อมกับหอมประจบ ก่อนจะควงแขนชัยที่ยิ้มอย่างมีความสุขเดินออกไป

ชัยถือของเต็มสองมือยืนอยู่ข้างๆ พันทิญาที่ดูของอยู่
“หมื่นห้า ต๊าย ถูกกว่าในห้างอีกนะคะ” พันทิญาร้องบอก
“งานนี้เราเอามาขายราคาพิเศษค่ะ” คนขายบอก
“เอาใบนี้ค่ะ”
ชัยหน้าเจื่อน “คุณซื้อไปสามใบแล้วนะครับ”
“แต่แพรชอบ”
“ถ้าคุณชอบ ก็ได้ครับ”

ชัยวางถุงข้าวของแล้วหยิบบัตรเครดิตในกระเป๋าออกมาส่งให้คนขาย ชัยมองคนขายที่รูดบัตรเครดิตของเขาอย่างไม่สบายใจ แต่พอมองหน้าพันทิญาแล้วเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข
 
อ่านต่อหน้า 2

ภูผาแพรไหม ตอนที่ 1 (ต่อ) 

ภูผาเดินมาตามทางภายในงานลอยกระทง แพรไหมเดินตาม ภูผาหันไปมองอย่างไม่พอใจ

“ตามผมมาทำไม” ภูผาถาม
“ไม่ได้ตามค่ะ...นี่เป็นทางเดินสาธารณะ ฉันแค่กำลังเดินไปทางเดียวกับคุณ ไม่ดีเหรอค่ะ...เราจะได้มีเพื่อน...คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย คุยกันไป...เดินกันไป...ชิวๆ” แพรไหมพูดด้วยเสียงร่าเริง
ภูผามองแพรไหมอย่างไม่พอใจ
“หวังว่าคุณคงไม่ได้เดินทางเดียวกับผมทั้งคืนหรอกนะ”
ภูผาหันเดินไปแล้วต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงแพรไหมร้อง
“ว้าย”
ภูผาหันไปเห็นคนร้ายสองคนกำลังช่วยกันหิ้วปีกแพรไหม โดยมีคนร้ายอีกสองคนยืนคุมเชิงอยู่ ภูผาถลาเข้าไปจะช่วยแพรไหม แต่คนร้ายสองคนที่ยินคุมเชิงเข้ามาขวางพร้อมกับชักมีดออกมา ภูผามองอย่างตกใจ
แพรไหมร้องอย่างตกใจ “อย่าทำอะไรเค้านะ”
“ไม่อยากตายก็ไปซะ” คนร้ายไล่
“แน่ใจเหรอว่าจะฆ่าฉันได้” ภูผาถาม
คนร้ายที่ถือมีดวิ่งเข้าหาภูผาแล้วจะเอามีดแทง ภูผาหลบอย่างรวดเร็วแล้วต่อยสวนจนคนร้ายเซไป คนร้ายอีกคนวิ่งเข้ามาจะเอามีดแทง ภูผาเตะมีดในมือจนกระเด็นไปแล้วต่อยเข้าหน้าเต็มแรงจนคนร้ายเซไปอีกคน ภูผาวิ่งไปหาคนร้ายสองคนที่จับตัวแพรไหมพร้อมกับต่อยคนร้ายทั้งสองอย่างรวดเร็ว แพรไหมหลุดมาจากคนร้ายทั้งสองได้แล้วก็ร้องอย่างตกใจ
“ระวัง!!!”
ภูผาหันไปเห็นคนร้ายคนหนึ่งวิ่งถือมีดพร้อมจะแทง แพรไหมรีบวิ่งมาผลักคนร้ายออกไปทำให้มีดเฉี่ยวโดนแขนของเธอ
“โอ้ยยย” แพรไหมร้อง
ภูผามองแพรไหมอย่างตกใจ “คุณ!”
คนร้ายทุกคนมองแพรไหมอย่างตกใจ
ภูผารีบจับมือแพรไหมแล้วพูดกับเธอ “วิ่ง”
ภูผาพาแพรไหมวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เหล่าคนร้ายมองอย่างตกใจแล้วจึงวิ่งตามไป

ภูผาพาแพรไหมวิ่งกลับมาทางลานจอดรถ สักพักเลือดที่แผลแพรไหมไหลลงมาโดนมือภูผา
“เจ็บมากมั้ยคุณ” ภูผาถาม
แพรไหมตอบด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ฉันทนได้ขอแค่อย่าให้พวกมันจับตัวฉันไปได้ก็พอ”
ทันใดนั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงคนร้ายตะโกนขึ้นมา “อยู่นั้น”
ภูผากับแพรไหมหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นคนร้ายวิ่งมาหา ภูผามองหาที่หลบ เขาพยายามคิด แล้วบอกแพรไหม “ทางนี้”
ภูผาแพรไหมวิ่งออกไป กลุ่มคนร้ายรีบวิ่งตาม

ที่ลานจอดรถซึ่งมีรถจอดอยู่เต็มไปหมด กลุ่มคนร้ายวิ่งเข้ามามองหาภูผากับแพรไหม
“ก็เห็นอยู่ว่าวิ่งมาทางนี้...หายไปไหนแล้ววะ” คนร้ายคนหนึ่งบ่นออกมา
“หลบอยู่แถวนี้แหละ แยกย้ายกันหา” คนร้ายอีกคนสั่ง
กลุ่มคนร้ายแยกย้ายกันวิ่งหาตามซอกที่จอดรถ บางคนก้มดูใต้ท้องรถ ภูผากับแพรไหมแอบอยู่ท้ายรถของภูผา โดยแพรไหมนอนอยู่บนลังพลาสติกใส่ของ ส่วนภูผานอนคุดคู้อยู่บนพื้นที่ว่างข้างๆ
“หรือพวกมันจะแอบอยู่ในรถ...” คนร้ายคนหนึ่งตั้งข้อสังเกต
ภูผากับแพรไหมมองหน้ากันอย่างตกใจ คนร้ายคนหนึ่งฉายไฟส่องเข้ามาในรถภูผา แสงไฟฉายสาดไล่มาเรื่อย ๆ แพรไหมเห็นแสงไฟฉายที่สาดไล่มาใกล้ตัวก็หลับตาปี๋ด้วยความกลัว ภูผาครุ่นคิดสักพักก็หยิบไขควงที่อยู่ท้ายรถออกมาเตรียมสู้ คนร้ายส่องไฟมาจนเกือบถึงแพรไหม ภูผาก็เตรียมเปิดประตู
ทันใดนั้นเสียงคนร้ายอีกคนตะโกนขึ้น “มีคนวิ่งอยู่ทางโน้น”
คนร้ายที่เหลือชะงักมองหน้ากันแล้ววิ่งออกไป ภูผากับแพรไหมถอนหายใจอย่างโล่งอก แพรไหมค่อย ๆ ชะโงกไปดูกลุ่มคนร้าย
“อยู่นิ่ง ๆ ก่อน เผื่อพวกมันยังไม่ไป” ภูผาเตือน
“อยู่นิ่ง ๆ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าพวกมันไปรึยัง” แพรไหมบอก
แพรไหมยันตัวลุกขึ้นเพื่อจะดูกลุ่มคนร้าย แต่ลืมตัวจึงใช้แขนข้างที่เจ็บยันตัวขึ้นเธอจึงรู้สึกเจ็บแปลบ “โอ้ย” ทันใดนั้นแพรไหมก็เสียหลัก “ว้าย”
แพรไหมเสียการทรงตัวตกจากกล่องลงมานอนข้าง ๆ ภูผา ทำให้ปากของแพรไหมชนเข้ากับปากของภูผาอย่างจัง ทั้งสองนิ่งอึ้งเหมือนมีไฟแล่นไปทั่วร่าง แพรไหมได้สติรีบผละออกจากภูผาแต่ด้วยพื้นที่อันจำกัดทำให้ทั้งคู่หน้าเกือบชิดกัน ภูผากับแพรไหมมองหน้ากันอย่างอึ้ง ๆ ทั้งสองเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นในหัวใจ แล้วภูผาก็ได้สติจึงรีบลุกพรวดขึ้น
“พวกมันคงไปแล้วล่ะ” ภูผาบอก
ภูผารีบเปิดประตูท้ายรถแล้วเดินลงมา แพรไหมรีบลงตามทั้งคู่ไม่กล้ามองหน้ากันเพราะต่างคนต่างเขิน สักพักก็มีรถตำรวจสายตรวจวิ่งผ่านมา
ภูผาดีใจ “ตำรวจ” ภูผารีบตะโกน “คุณตำรวจครับ”
แพรไหมมองภูผาอย่างตกใจแล้วรีบวิ่งหนีออกไป ภูผามองแพรไหมอย่างตกใจ แล้วจึงรีบวิ่งตาม
“คุณ...คุณ” ภูผาร้องเรียก

แพรไหมวิ่งมาทางหนึ่งโดยที่เลือดที่แผลยังไหลไม่หยุด ภูผาวิ่งตามมาจับแพรไหมไว้แต่ก็จับไปโดนแผลของเธอทำให้แพรไหมร้องลั่น
“โอ้ย”
ภูผาตกใจรีบปล่อยมือ “ขอโทษ”
“ถ้าจะมาจับฉันส่งตำรวจก็ต่างคนต่างไปเลย” แพรไหมไล่
ภูผารำคาญ “ทำไมคุณถึงดื้ออย่างนี้นะ เชื่อผมสิ ยังไงตำรวจก็ต้องช่วยคุณได้”
“ถ้าตำรวจช่วยให้ฉันพ้นจากอิทธิพลพ่อเลี้ยงฉันได้ ฉันไปหาตั้งแต่แรกแล้วไม่มาตื้อให้คุณรำคาญหรอก...ก็ได้....คุณจะทิ้งฉันไปก็ได้ฉันจะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง”
แพรไหมแสร้งร้องไห้ ยิ่งเห็นภูผามองเธอด้วยสายตาอ่อนลง เธอก็ยิ่งทำเป็นร้องไห้หนัก พอเห็นคนเดินผ่านมา เธอก็ยิ่งร้องไห้เสียงดังขึ้น
“โอเค ... หยุดร้องได้แล้ว ผมไม่ส่งคุณให้ตำรวจก็ได้ แต่คุณต้องไปโรงพยาบาล” ภูผายืนกราน
“พ่อเลี้ยงฉันคงรู้แล้วว่าคนของเค้าทำฉันเจ็บ ป่านนี้คงส่งคนไปดักรอทุกโรงพยาบาล ฉันยอมตายดีกว่าต้องไปโรงพยาบาลแล้วโดนจับกลับบ้าน...ฮือๆๆๆๆๆ”
ภูผานิ่งคิด “แถวนี้มีคลินิกผมจะพาคุณไป”
แพรไหมมองภูผาอย่างซึ้งในน้ำใจแล้วก็คิดสักพักก่อนจะพูดกับเขา
“ฉันจะไปทำแผลที่คลินิกแต่คุณสัญญาได้มั้ยคะว่าจะอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน จนกว่าฉันจะมั่นใจว่าปลอดภัย...นะคะ....รับรองว่าไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่งอแง”
ภูผาแปลกใจ “กะอีแค่อยู่เป็นเพื่อนต้องให้สัญญากันเลยเหรอ”
“ฉันกลัวคุณหนีเลยต้องการคำสัญญาจากลูกผู้ชาย...สัญญาสิว่าจะอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
ภูผาตอบรับอย่างรำคาญ “เรื่องมาก..สัญญาก็สัญญา”
แพรไหมยิ้มหวานใส่ภูผา ภูผามีสายตากังวล เพราะว่าคิดถึงนัดหมายของเขากับปรางแก้วและทวีป

ปรางแก้วน้องสาวของทวีปกับภูผาถือกระทงอธิษฐานร่วมกันอยู่ริมแม่น้ำ
“ขอให้พระแม่คงคาเป็นพยาน ผมขอสาบานว่าจะรักแก้วตลอดไป” ภูผาสาบาน
“ขอให้เราทั้งสองครองรักกันตลอดไป” ปรางแก้วพูด
ภูผากับปรางแก้วค่อยๆ วางกระทงลงในน้ำ ทั้งสองมองตากันอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นเสียงทวีปก็ดังขึ้นทำลายภาพความคิดทั้งหลายของปรางแก้วลง “แก้ว แก้ว”
ปรางแก้วหันไปหาพี่ชายตัวเองทั้งๆ ที่ยังยืนยิ้มอยู่คนเดียว
“พี่ทวีป”
ทวีปเห็นคู่หนุ่มสาวกำลังลอยกระทงอยู่ริมแม่น้ำก็เดาความคิดของน้องสาวได้
“คิดว่าสองคนนั้น เป็นแก้วกับไอ้ภูใช่ไหม” ทวีปถาม
ปรางแก้วยิ้มเขินและไม่ปฏิเสธอะไร
“แก้วนี่แย่จังเลยนะคะ รู้ว่า พี่ภูไม่ได้คิดอะไรกับแก้ว ยังอยากให้เขามาเที่ยวด้วย” ปรางแก้วตัดพ้อ
“คนอย่างไอ้ภูมันไม่ฝืนใจตัวเองหรอก การที่มันยอมมาเที่ยวกับแก้ว แสดงว่ามันต้องมีใจบ้างล่ะ”

ปรางแก้วได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างมีความสุข

ติดตามทุกความเข้มข้น ความสนุกสนานของ "ภูผาแพรไหม" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

งานลอยกระทงของหมู่บ้านสุดหรูแห่งหนึ่ง มีพ่อแม่ลูกและหนุ่มสาวท่าทางไฮโซมาลอยกระทงกัน อีกด้านหนึ่งของงานมีซุ้มเล็ก ๆ ขายเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า

โดยมีป้ายใหญ่ๆ ติดไว้ว่า 'ตลาดนัดไฮโซ' ชัย พี่ชายของภูผากำลังยืนอยู่ที่ริมบึง เขามองแหวนเพชรที่อยู่ในกล่องแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
เสียงพันทิญาดังขึ้น “ที่รัก”
ชัยยิ้มหวานอย่างชื่นใจ เขารีบเก็บแหวนใส่กระเป๋าแล้วหันไปมองเห็นพันทิญาที่เดินเข้ามาหาเขา
“คุณแพร”
“ขอโทษนะคะที่มาช้า...คุณแม่ไม่ชอบให้เที่ยวกลางคืนน่ะค่ะกว่าจะอ้อนคุณแม่ให้อนุญาตได้ก็ตั้งนาน” พันทิญาบอก
“ถ้าผมมีลูกสาวสวย ๆ อย่างคุณผมก็คงหวงเหมือนที่คุณแม่คุณหวงนี่ละครับ”
“ที่รักนี่ปากหวานจริง ๆ เลยนะคะ...ไปเดินทางโน้นดีกว่ามีของขายเยอะเลย” พันทิญาพูดเน้นชื่อตัวเอง “แพร!!! อยากช้อปค่ะ...นะคะ”
“ครับ”
“แพรรักคุณที่สุดเลย”
พันทิญาโผเข้าไปกอดชัยพร้อมกับหอมประจบ ก่อนจะควงแขนชัยที่ยิ้มอย่างมีความสุขเดินออกไป

ชัยถือของเต็มสองมือยืนอยู่ข้างๆ พันทิญาที่ดูของอยู่
“หมื่นห้า ต๊าย ถูกกว่าในห้างอีกนะคะ” พันทิญาร้องบอก
“งานนี้เราเอามาขายราคาพิเศษค่ะ” คนขายบอก
“เอาใบนี้ค่ะ”
ชัยหน้าเจื่อน “คุณซื้อไปสามใบแล้วนะครับ”
“แต่แพรชอบ”
“ถ้าคุณชอบ ก็ได้ครับ”

ชัยวางถุงข้าวของแล้วหยิบบัตรเครดิตในกระเป๋าออกมาส่งให้คนขาย ชัยมองคนขายที่รูดบัตรเครดิตของเขาอย่างไม่สบายใจ แต่พอมองหน้าพันทิญาแล้วเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข

ภูผานั่งรอแพรไหมอยู่ในคลินิกแห่งหนึ่ง สักพักหมอก็เดินออกมา โดยมีแพรไหมเดินตาม ภูผารีบไปถามหมอ
“แผลลึกมากมั้ยครับ”
“พอสมควรเย็บไป 4 เข็ม...ตอนฉีดยาชาเข้าแผลไม่ร้องสักแอะ...แฟนคุณนี่เข้มแข็งจริงๆ” หมอชม
ภูผากับแพรไหมมองหน้ากันอย่างเหวอ ๆ
“เค้าไม่ใช่แฟนผมครับ” ภูผารีบบอก
“อ้าว เหรอ...เห็นคุณพามา หมอเลยคิดว่าเป็นแฟนกัน ขอโทษนะที่เข้าใจผิด รับยาแล้วกลับบ้านได้เลยครับ” หมอบอก
หมอเดินเข้าไปข้างใน แพรไหมเดินไปจ่ายเงินแล้วรับยา ภูผามองแพรไหมเล็กน้อยแล้วจะเดินออกจากร้าน แพรไหมเห็นภูผาจะเดินไปก็รีบวิ่งไปดักหน้า
“คุณจะไปไหนคะ”
“ไม่เกี่ยวกับคุณ” ภูผาตอบ
“เกี่ยวสิคะ..ก็คุณสัญญาแล้วว่าจะอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
ภูผาเริ่มรำคาญ “ผมก็อยู่จนคุณทำแผลเสร็จแล้วนี่ไง”
“คำว่าอยู่เป็นเพื่อนของฉันไม่ได้หมายความว่าแค่ทำแผล ฉันอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าฉันจะหนีไปขึ้นเครื่องตอนเช้าได้”
ภูผาตกใจ
“นะคะ ฉันอยากจะกลับกลับกรุงเทพให้ได้ แล้วตอนนี้ ฉันก็ไม่แน่ใจว่า พวกมันจะย้อนกลับมาอีกหรือเปล่า เอางี้ ฉันมั่นใจว่า ฝีมืออย่างคุณ คงดูแลฉันได้ ไหนๆคุณก็ช่วยฉันมาแล้ว ฉันอยากขอร้องให้คุณช่วยฉัน...ให้หนีไปได้...นึกว่าเห็นแก่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึง ที่ไม่อยากตกเป็นเหยื่อของพ่อเลี้ยงเถอะนะคะ...นะคะ”
ภูผานิ่งคิด แพรไหมอ้อนต่อ
“นะคะ...นะ...”
ภูผายังคงนิ่งอยู่
แพรไหมทำท่างอน “ก็ได้...ฉันไปตามทางฉันก็ได้”
แพรไหมค่อยๆเดินไปแต่ในใจก็แอบหวัง
ภูผาโพล่งออกมา “ตกลง”
แพรไหมดีใจรีบหันไปยิ้ม
“ถ้าผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ ก็ด้วยเหตุผลเดียว...คุณเองก็ช่วยไม่ให้ผมถูกแทง” ภูผาบอก
แพรไหมดีใจรีบจับมือภูผา ภูผาเริ่มมีสายตากังวล
“กว่าจะถึงเช้า ... คงอีกหลายชั่วโมง ไปลอยกระทงกันไหมคะ” แพรไหมชวน
ภูผายังคงกังวลเพราะนึกถึงทวีปกับปรางแก้ว
“ผมนัดเพื่อนไว้” ภูผาบอก
“ฉันไปด้วยก็ได้นะ” แพรไหมรีบบอก
ภูผานิ่งคิด และตัดสินใจ “ผมโทรไปบอกเพื่อนก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องคอย” ภูผาเอามือลูบกระเป๋ากางเกง “มือถือผมคงหายไปตอนที่วิ่งหนีคนของพ่อเลี้ยงคุณ”
แพรไหมยื่นโทรศัพท์ให้

ทวีปที่อยู่ในงานรับโทรศัพท์
“อะไรวะ ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้” ทวีปโวย
“ขอโทษจริงๆว่ะ พอดีฉันมีธุระด่วนจริงๆ ไม่งั้นไม่เบี้ยวหรอกฝากขอโทษแก้วด้วย” ภูผารีบวางสาย
“ไอ้ภู....เดี๋ยวก่อนสิวะ”
“พี่ภูไม่ได้มีใจให้แก้ว เลยไม่อยากลอยกระทงกับแก้ว” ปรางแก้วตัดพ้อ
“ไม่อยากมาก็น่าจะบอกตั้งแต่แรก ไม่น่าต้องให้ขับรถมารอถึงนี่” ทวีปบ่น
“กลับที่พักกันเถอะค่ะ” ปรางแก้วบอก
“พี่หงุดหงิดจนนอนไม่หลับแล้ว ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องกลับอยู่ดี เรากลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า” ทวีปชวน
ทวีปเดินออกไปอย่างหงุดหงิด ปรางแก้วมองกระทงที่ลอยในแม่น้ำอย่างเศร้า ๆ แล้วเดินตามทวีปไป

ชัยกับพันทิญาถือกระทงอยู่ด้วยกันโดยมีข้าวของที่พันทิญาให้ชัยซื้อให้วางอยู่ข้างๆ
“พูดตามแพรนะคะ...ขอให้เรารักกันตลอดไป” พันทิญาว่า
ชัยยิ้มแฉ่ง “ขอให้เรารักกันตลอดไป”
พันทิญากับชัยวางกระทงลงบนน้ำ ชัยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พันทิญาลุกขึ้น ชัยลุกตาม พันทิญาทำท่าจะเดินไป
“คุณแพรครับ” ชัยร้องทัก
“คะ”
ชัยมองพันทิญาอย่างเขิน ๆ แล้วหยิบกล่องแหวนออกมาเปิดให้เธอดู
ชัยเขิน “เอ้อ...สุขสันต์วันลอยกระทงครับ”
พันทิญามองแหวนอย่างดีใจ “วงที่แพรอยากได้”
ชัยยิ้มแล้วพยักหน้า
พันทิญาอยากได้แต่ก็ทำเป็นเล่นตัว “วงตั้ง 3 แสน...ของมีราคาอย่างนี้แพรคงรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
ชัยทำท่าจะเก็บแหวน พันทิญามองชัยอย่างเซ็ง ๆ
พันทิญารีบยิ้มหวานแล้วเดินเข้าไปหาชัย “ถ้าการที่แพรไม่รับแหวนวงนี้แล้วทำให้คุณเสียใจ...แพรรับไว้ก็ได้ค่ะ”
ชัยยิ้มอย่างดีใจ “ขอบคุณนะครับที่ยอมรับน้ำใจของผม”
พันทิญามองชัยด้วยสายตาออดอ้อน
“สวมให้แพรหน่อยสิคะ”
ชัยยิ้มแฉ่งรีบหยิบแหวนขึ้นมาด้วยอาการมือไม้สั่น เขาสวมแหวนที่นิ้วนางช้างซ้ายให้พันทิญา พันทิญามองแหวนแล้วยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหอมแก้มชัย
“ขอบคุณค่ะ ที่รักขา”
ชัยมองพันธิญาอย่างมีความสุข “ใครจะคิดว่าผู้ชายธรรมดา ๆ อย่างผมจะมีแฟนที่เพียบพร้อมอย่างคุณ...ผมเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก”
“แพรต่างหากละคะโชคดีที่เจอคนที่รักแพร ตามใจแพรทุกอย่างอย่างคุณ แพรรักคุณนะคะ”
“ผมก็รักคุณครับ”
ชัยมองตาพันทิญาพร้อมกับยิ้มหวานสุด ๆ พันทิญามองชัยแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“แพรอยากเข้าห้องน้ำ คุณนั่งรอแพรแถวนี้ก่อนนะคะเดี๋ยวแพรมา”
ชัยตอบรับ “ครับ”

พันทิญาเดินมาหยุดที่มุมหนึ่ง เธอมองแหวนเพชรในมือแล้วยิ้มอย่างพอใจ พันทิญาถอดแหวนเก็บใส่ในกระเป๋าแล้วมองหนุ่ม ๆ ในงานตาเป็นประกาย แล้วเธอก็เดินออกไปอย่างร่าเริง

พันทิญาเดินมาตามทางแต่ตาไม่ได้ดูของเพราะมัวแต่มองหนุ่ม ๆ แล้วพันทิญาก็สะดุดตาที่หนุ่มคนหนึ่งที่แต่งตัวดีใส่เสื้อผ้า สวมนาฬิการาคาแพง พันทิญายิ้มให้ หนุ่มคนนั้นยิ้มตอบแล้วจะเดินเข้ามาหาพันทิญา แต่ก็มีสาวคนหนึ่งมาจับแขนเขาไว้
“จะไปไหน” สาวคนนั้นถาม
“เปล่าจ๊ะ” หนุ่มคนนั้นตอบเสียงหวาดๆ
หนุ่มคนนั้นมองพันทิญาอย่างเสียดายแล้วเดินไปกับแฟนของเขา พันทิญามองหนุ่มอย่างเซ็ง ๆ ก่อนจะมองหาเหยื่อรายต่อไป เธอเห็นพิพัฒน์นั่งอ่านหนังสืออยู่ในซุ้มขายเพชร
“หล่อ แถมเป็นเจ้าของร้านเพชร...ไม่ทำความรู้จักไม่ได้แล้ว” พันทิญารำพึงกับตัวเอง

พิพัฒน์นั่งอ่านหนังสืออยู่ในร้านเพชร พันทิญาเดินเข้าไปดูเพชรภายในร้าน พิพัฒน์เงยหน้าขึ้นมองพอเห็นหน้าพันทิญาก็ตะลึงในความสวยของพันทิญาขึ้นมาในทันที
“สวัสดีครับ” พิพัฒน์ทัก
พันทิญารู้ว่าพิพัฒน์สนใจก็ยิ้มหวานตอบ “สวัสดีค่ะ”
“สนใจชิ้นไหนบอกได้นะครับ”
พันทิญาเดินดูเครื่องเพชรในตู้ด้วยท่าทางสนใจ
“เพชรร้านคุณนี่น้ำง๊ามงามนะคะ...ร้านคุณอยู่ที่ไหนคะ”
พิพัฒน์ยื่นนามบัตรให้ “นี่เลยครับ...ที่ตั้งร้านพร้อมเบอร์โทรแล้วก็ชื่อเจ้าของร้าน”
พันทิญาหยิบมาอ่าน “คุณพิพัฒน์”
“ครับ...ถูกใจชิ้นไหนบ้างมั้ยครับ”
“เพชรถูกใจแต่ไม่ถูกใจแบบ...ขอกระดาษปากกาหน่อยค่ะ”
พิพัฒน์หยิบกระดาษปากกาส่งให้พันทิญาอย่างงง ๆ พันทิญาเขียนชื่อพร้อมเบอร์โทรยื่นให้เขาแล้วส่งยิ้มหวานเหมือนจงใจยั่ว
“ถ้ามีแบบใหม่ ๆ โทรบอกด้วยละกันนะคะ พันจะไปดูที่ร้าน”
“ได้ครับ” พิพัฒน์ตอบรับ
พันทิญาหมุนตัวยิ้มอย่างรู้ทันพิพัฒน์แล้วจึงเดินออกไป พิพัฒน์มองตามตาหวานแล้วก้มอ่านชื่อ
“พันทิญา กุลนันท์วงศ์”

บรรยากาศงานลอยกระทรงเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แพรไหมตื่นตาตื่นใจไปกับบรรยากาศงาน แต่ภูผามีท่าทางเซ็งเพราะไม่อยากมา ทั้งสองเดินผ่านร้านยิงปืน แพรไหมดึงแขนภูผาให้เข้าไปในร้านยิงปืน แพรไหมรับปืนมายิงแต่ก็ไม่โดน
แพรไหมยื่นปืนให้ภูผาพร้อมกับรบเร้า ภูผาจำใจยิง เขายิงเปรี้ยงเดียวโดนเป้า แพรไหมกระโดดดีใจแล้วเข้าไปรับตุ๊กตากามเทพมากอด

แพรไหมกอดตุ๊กตากามเทพโดยมีภูผานั่งชิงช้าสวรรค์ด้วยกันกับเธอ แพรไหมชี้ชวนให้ดูนู่นดูนี่อย่างตื่นเต้น ภูผามองเหม่อ แพรไหมดึงหน้าภูผาให้มองพร้อมชี้ชวนให้ดู

เวลาผ่านไป แพรไหมมาถือโคมลอยอยู่ที่หน้าร้านขายโคมเตรียมปล่อย ภูผายืนอยู่ไม่ไกล เจ้าของร้านถือกล้องโพลาลอยด์มาตั้งถ่ายรูปด้วย แพรไหมเห็นภูผาไม่ยิ้มจึงเดินเข้ามาจับแก้มของเขาให้ฉีกยิ้ม ภูผาจำต้องยิ้ม ก่อนที่ทั้งคู่จะปล่อยโคมขึ้นฟ้าไปพร้อมกัน แพรไหมกระโดดเชียร์ให้โคมลอยขึ้นฟ้า ภูผามองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน

กระทงมากมายลอยอยู่กลางแม่น้ำ มีหนุ่มสาวเวียนมาลอยกระทงกันเป็นคู่ๆ ภูผากับแพรไหมถือกระทงที่จุดไฟแล้วอธิษฐานก่อนจะวางลงน้ำ
“อธิษฐานอะไรคะ” แพรไหมถาม
“ผมขอขมาพระแม่คงคาเฉยๆ ผมไม่ชอบร้องขอจากใคร ถ้าผมอยากได้อะไร ผมจะหามาด้วยตัวของผมเอง” ภูผาบอก
“ของบางอย่างเราหาเองไม่ได้หรอกค่ะ”
“มีด้วยเหรอ สิ่งที่เราหาด้วยตัวเองไม่ได้” ภูผาถาม
“รักแท้ไงคะ... บางคน หามาทั้งชีวิต แต่ไม่เคยเจอบางคนก็ต้องฝืนใจอยู่กับคนที่ตัวเองไม่รัก ... บางคนก็รักเขาข้างเดียว แล้วคุณล่ะคะ มีความรักแบบไหน”
แพรไหมหันไปจ้องตาภูผาเพื่อค้นหาความจริง ภูผาเก้อไป เขาจึงเดินเลี่ยงแล้วซ่อนสีหน้า แพรไหมเดินตามไปดักหน้า พร้อมกับจ้องหน้าอย่างรู้ทัน
“ผู้ชายเวลาอาย ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ... ฉันว่า...แฟนคุณคงจะหวงน่าดูเลย” แพรไหมแหย่
ภูผายิ่งหน้าแดงใหญ่
“แล้วคุณล่ะ อธิษฐานอะไร” ภูผาถามกลับ
“ฉันอธิษฐานขอให้เจอเนื้อคู่ที่เกิดจากความรัก” แพรไหมตอบ
“พูดเหมือนถูกบังคับให้แต่งงาน”
“ไม่ใช่นะ... ฉันแค่อยากเจอคนที่รักฉัน แล้วฉันก็รักเขา แล้วเจ้าหญิงกับเจ้าชายก็ครองคู่กันไปตลอดกาล”
แพรไหมทำตาลอยคล้ายกำลังฝันหวานก่อนจะเดินเลี่ยงไป ภูผายิ้มอย่างขันๆ ก่อนเดินตาม
“โดนคนตามจับตัว ยังเที่ยวสนุก ...เคยทุกข์ร้อนกับเขาบ้างไหม” ภูผาถาม
“เคยค่ะ แต่ไม่บ่อย เพราะความสุขอยู่รอบตัวเรา ถ้าเรารู้จักมองในมุมที่สวยงามชีวิตก็จะมีความสุข... คุณล่ะคะ มีความสุขไหม”
“เฉยๆ” ภูผาตอบห้วนๆ
“ว้า ... คุณนี่ ... ไม่โรแมนติกเอาซะเลย”

ลูกน้องของธนาสองคนมาตามหาแพรไหม แพรไหมหันไปเห็นก็ชะงัก ภูผามองตาม
“คนของพ่อเลี้ยงฉัน” แพรไหมบอก
ภูผาเอาตัวบังแพรไหมพร้อมกับดันตัวเธอเข้าไปซุกข้างกำแพงที่ค่อนข้างมืด พร้อมกับยกแขนโอบเอวของแพรไหมไว้
“คุณทำอะไร” แพรไหมถาม
“เบาๆสิ... “ ภูผาสั่ง
แพรไหมมองจ้องตาภูผา แล้วทั้งคู่ต่างก็เก้อกันไป สักพักสมุน 2 คนเดินเลยไป แพรไหมเห็นว่า สมุน 2 คน เดินเลยไปแล้ว จึงค่อยๆเอาตัวออกมาอย่างเก้อๆ ทันใดนั้นสมุนคนหนึ่งก็สงสัยจึงหันกลับมา แล้วก็เห็นแพรไหมจึงร้องบอกเพื่อน
“อยู่นั่นไง”
ภูผาได้สติก็รีบลากแขนแพรไหมให้วิ่งหนีไป สมุนสองคนวิ่งตาม แล้วภูผากับแพรไหมก็หายไปในกลุ่มคน

พนักงานต้อนรับของโรงแรมแห่งหนึ่งกดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเช็ค ก่อนจะบอกกับภูผาและแพรไหม
“มีห้องเดียวค่ะ แขกเพิ่งจะเช็คเอ้าเมื่อซักครู่นี้เอง”
“สองเตียงไหมคะ” แพรไหมถาม
“เตียงเดี่ยวค่ะ... ถ้าจะรอห้องว่าง...เกรงว่าจะไม่มี คืนนี้ แขกเยอะด้วยสิค่ะ”
แพรไหมตัดสินใจไม่ได้ ภูผาเดินเข้ามาหาแล้วพูด
“ผมว่า... “
“ไม่ต้องว่าค่ะ” แพรไหมหันไปบอกกับพนักงาน “พักก็พัก...เช็คอินเลยค่ะ”
ภูผามองอย่างอ่อนใจในความดื้อรั้นของแพรไหม
ภูผากระชิบบอกแพรไหม “คุณไม่ควรไว้ใจคนแปลกหน้า โดยเฉพาะผู้ชาย”
แพรไหมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าต้องอยู่ข้างนอก แล้วเสี่ยงที่จะถูกจับตัวไป...ฉันยอมอยู่กับคนแปลกหน้าที่เสี่ยงชีวิตช่วยฉันดีกว่า ... แล้วฉันก็เชื่อว่า คนอย่างคุณ คงไม่ทำอะไรผู้หญิงที่ไม่เต็มใจ…จริงไหมคะ”
ภูผาอึ้งไป สถานการณ์ทั้งหมดทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกจึงต้องปล่อยเลยตามเลย

ชัยเดินมาส่งพันทิญาที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าหมู่บ้าน
“เราคบกันตั้งหลายเดือนแล้วนะครับ...เมื่อไหร่คุณจะยอมให้ผมไปรับไปส่งที่บ้านซะทีเวลาไปไหนผมจะได้ไม่ต้องห่วงที่คุณต้องขับรถ”
“คุณแม่ท่านหัวโบราณ แล้วแพรก็เป็นผู้หญิงคบผู้ชายไม่เท่าไหร่ พาเข้าบ้านคนเขาจะนินทาเอาได้ ขอเวลาอีกสักพักนะคะพร้อมเมื่อไหร่แพรจะบอกคุณแม่เรื่องคุณ” พันทิญาบอก
“เอาตามที่คุณสบายใจแล้วกันครับ”
พันทิญามองตาหวาน “ขอบคุณนะคะที่เข้าใจแพร...ถึงบ้านแล้วแพรจะโทรหานะคะ”
“ครับ” ชัยรับคำ
ชัยเปิดประตูรถให้ พันทิญาขึ้นรถแล้วกดกระจกลง
“คุณชัยคะ...มีอีกเรื่องที่แพรจะบอกคุณค่ะ”
ชัยก้มหน้าไปข้างกระจก
“อะไรเหรอครับ”
พันทิญายื่นหน้าไปหอมแก้มชัย “ฝันดีนะคะ”
พันทิญาปิดกระจกแล้วขับรถออกไป ชัยมองตามไปแล้วยิ้มอย่างมีความสุข

ประตูห้องพักเปิดออก แพรไหมเดินนำภูผาเข้ามาในห้อง เธอเดินไปมองที่ระเบียง ก็เห็นกระทงมากมายลอยเต็มแม่น้ำ
“สวยจัง” แพรไหมโพล่งออกมา
“...ผมไปอาบน้ำก่อนละกัน” ภูผาบอก
ภูผาหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป แพรไหมวิ่งเอาหูไปแนบประตูห้องน้ำจนแน่ใจว่าภูผาอาบน้ำแล้วจริงๆ เธอจึงรีบหยิบไอโฟนมาเปิดแล้ววิ่งไปที่ระเบียง


ศุภลักษณ์นั่งพับเพียบพนมมืออยู่บนเตียงในห้องนอนของเธอ
“ขอให้คุณพระ คุณเจ้า ช่วยคุ้มครองยายแพรด้วยเถิด”
ศุภลักษณ์กราบหมอน แล้วทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ศุภลักษณ์เห็นว่าแพรไหมโทรเข้ามาก็ยิ้มด้วยความดีใจแล้วรีบกดรับสาย
“แพรไหม ลูกอยู่ไหน”
“ต่างจังหวัดค่ะ การเดินทางราบรื่น ที่พักสวย แพรสบายดีค่ะคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง” แพรไหมยืนคุยโทรศัพท์กับศุภลักษณ์
“ถ้าไม่อยากให้แม่ห่วง แพรก็กลับบ้านสิลูก”
“ไม่ค่ะ... แพรไม่กลับ จนกว่าคุณแม่จะยกเลิกงานแต่งงานของแพรกับคนที่แพร เพิ่งจะเห็นหน้าไม่กี่วัน ... แพรไม่ได้รักเขา...แต่งงานกันไป ก็ไม่มีความสุขหรอกค่ะ แค่นี้นะคะ” แพรไหมรีบวางสาย
“แพร แพร”
ศุภลักษณ์จำใจวางโทรศัพท์อย่างร้อนใจ


แพรไหมกำลังจะปิดบีบีของเธอแต่สักพักเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น เธอเห็นว่าเบอร์ไม่คุ้น แต่ก็กดรับ
“ฮัลโหล“


ปรางแก้วได้ยินเสียงผู้หญิงรับสายก็ชะงักด้วยความแปลกใจ
“ขอสายพี่ภูผาค่ะ” ปรางแก้วพูดกับปลายสาย
“อ๋อ คุณภูผากำลังอาบน้ำ มีอะไรสั่งไว้ไหมคะ” แพรไหมถาม
“ถ้าพี่ภูอาบน้ำเสร็จ รบกวนบอกให้เขาโทรกลับปรางแก้วด้วยนะคะ”
“คงไม่ได้หรอกค่ะ คุณภูผาบอกว่า คืนนี้ เขาไม่อยากคุยกับใครนอกจากฉัน...แค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ”
แพรไหมวางสายด้วยความรู้สึกผิด
“ขอโทษนะคะ ที่ต้องทำแบบนี้” แพรไหมรำพึงกับตัวเอง


ทวีปขับรถไปตามทาง ปรางแก้วนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นไปตลอดทาง ทวีปมองน้องสาวอย่างเห็นใจ
“อย่าเพิ่งคิดมากเลย” ทวีปปลอบ
“แต่เขาอยู่กับผู้หญิงนะคะ” ปรางแก้วร้องไห้หนัก
“อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้....พี่เป็นเพื่อนสนิทกับไอ้ภูมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเห็นมันสนใจผู้หญิงคนไหน ถ้ามันมีผู้หญิงมาพัวพัน พี่ต้องรู้สิ”
“แต่ตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้นอยู่กับพี่ภู เขายังบอกด้วยนะคะว่าคืนนี้พี่ภูไม่อยากคุยกับใครนอกจากเขา....ผู้หญิงคนนั้น ต้องเป็นแฟนพี่ภูแน่ๆค่ะ”
ปรางแก้วร้องไห้เสียใจ ทวีปมองน้องสาวอย่างเห็นใจ แต่ก็แปลกใจเพราะไม่เคยรู้เรื่องผู้หญิงของภูผามาก่อน

ชัยเดินยิ้มเข้ามาในบ้าน เขาเห็นบุญศรีแม่ของเขายังนั่งเย็บผ้าอยู่จึงทักขึ้น
“ดึกแล้ว ทำไมยังไม่นอนอีกละครับ”
“แม่รอลูกน่ะ....ไปลอยกระทงกับเพื่อนสนุกมั๊ยลูก” บุญศรีถาม
“สนุกครับ เป็นวันลอยกระทงที่สนุกที่ผมมีความสุขที่สุดเลย”
“ท่าทางลูกแม่ไม่ได้ไปลอยกระทงกับเพื่อนแล้วล่ะมั๊ง...ไปกับแฟนใช่ไหม”
“เพื่อนครับ”
“เห็นลูกกลับมา แม่ก็สบายใจ...แม่ไปนอนล่ะ”
“ครับ”
บุญศรีเก็บอุปกรณ์เย็บผ้าแล้วจึงเดินไป ชัยเดินไปนอนเหยียดยาวฝันหวานพร้อมกับมองรูปภูผา
“ภู พี่อายว่ะ ไม่กล้าบอกแม่ว่า พี่มีแฟน ... ว่าที่พี่สะไภ้แกทั้งสวย ทั้งรวย เป็นถึงลูกเจ้าของร้านผ้าไหมชื่อดังระดับประเทศ เค้าชื่อแพรไหม กุลนันท์วงศ์”
 
ชัยพูดกับรูปภูผา

อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.

ภูผาแพรไหม ตอนที่ 1 (ต่อ) 

ณ คฤหาสน์แสงฉายยามค่ำคืน แสงฉายกระแทกตัวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างหงุดหงิด เขามองภาพแพรไหมที่ติดอยู่ที่ผนังอย่างหนักใจ สักพักก็มีมือคู่หนึ่งเอื้อมมากอดแสงฉายจากด้านหลัง แสงฉายหันไปมองทำให้เห็นว่าเป็นแสงมณี น้องสาวของเขา

“น้องหญิง” แสงฉายพูดอย่างอ่อนโยน
แสงมณีกอดแสงฉายจากทางด้านหลังแล้วพูดอย่างอ่อนโยน
“ผู้หญิงเป็นแสนเป็นล้านเต็มใจเป็นราชินีแห่งเชียงทวาย ทำไมพี่ชายต้องเลือกคนที่ไม่เต็มใจด้วยคะ”
แสงฉายมองรูปแพรไหมแล้วพูดอย่างมีความสุข
“สวย ชาติตระกูล การศึกษาดี ไม่มีประวัติด่างพร้อยคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นราชินีของพี่ทุกอย่าง....ที่สำคัญพี่รักคุณแพร”
แสงมณีมองแสงฉายอย่างหนักใจแล้วเดินอ้อมโซฟามานั่งข้างๆ
“รักจากการเห็นรูปถ่าย..พี่ชายยังไม่เคยได้พูดคุยศึกษานิสัยคุณแพรจริงจังเลย แน่ใจได้ยังไงคะว่าสิ่งที่พี่ชายรู้สึกกับคุณแพรเรียกว่าความรัก”
“โธ่น้องหญิงพูดเหมือนพี่เป็นเด็กไม่เคยมีแฟนไปได้...พี่รู้น่าว่าความรู้สึกแบบไหนที่เรียกว่าความรัก”
“แล้วถ้าคุณแพรยืนกรานว่าจะไม่แต่งงานกับพี่ชายละคะ”
“เค้าต้องแต่ง..พี่มั่นใจว่าความรักความจริงใจของพี่เอาชนะใจคุณแพรได้แน่”
แสงมณีมองแสงฉายอย่างเป็นห่วง

แพรไหเพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำในห้องพักของโรงแรม เธอเห็นภูผากำลังเอาผ้าคลุมเตียงปูพื้นอยู่
“ผมยกเตียงให้คุณ..” ภูผาบอก
แพรไหมพูดดด้วยความชื่นชม “ฉันมองคนไม่ผิดจริงๆ..คุณนี่สุภาพบุรุษที่สุดในโลกเลย”
ภูผาแอบยิ้มปลื้ม แพรไหมเอาผ้าเช็ดตัวไปแขวนแล้วหยิบตุ๊กตากามเทพจากกระเป๋าก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง
แพรไหมมองตุ๊กตากามเทพแล้วพูดกับตุ๊กตา “กามเทพจ๋า..ช่วยตามหาหัวใจอีกดวงของฉันให้ด้วยนะจ๊ะ”
ภูผาที่ปูที่นอนเสร็จแล้วมองแพรไหมอย่างขำๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน
“คนอะไรพูดกับตุ๊กตา” ภูผาพูดเบาๆ
“ฉันพูดกับเทวดาค่ะ” แพรไหมเล่าอย่างมีความสุข “มีตำนานเล่าว่า ในยุคที่มนุษย์มีหัวใจสองดวง เทวดาตัวน้อยอยากได้สิ่งบริสุทธิ์และสวยงามที่สุดของมนุษย์” แพรไหมจับตุ๊กตาให้บิน “เลยแอบบินจากสวรรค์ไปขโมยหัวใจของมนุษย์มาคนละดวง แต่นางฟ้าจับได้เลยแย่งหัวใจจากเทวดา ทำให้หัวใจร่วงโปรยปรายไปทั่วพื้นโลก หัวใจเลยถูกสลับสับเปลี่ยนเจ้าของตั้งแต่ค่ำคืนนั้น..เทวดาถูกลงโทษให้เป็นเด็กตลอดกาล ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น กามเทพ และให้อยู่บนโลกเพื่อตามหาหัวใจดวงที่หายไปอยู่กับอีกคนมาคืนให้เจ้าของด้วยการทำให้คนรักกัน”
ภูผาขำ “แค่ตุ๊กตากามเทพก็เชื่อเป็นตุเป็นตะว่าเป็นเทวดาที่ทำให้คนรักกันได้จริงๆ..วันๆคุณคิดเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องความรักบ้างมั้ย”
แพรไหมพลิกตัวมานอนคว่ำเพื่อพูดกับภูผา
“คิดสิคะ..แต่สำหรับผู้หญิงความรักเป็นเรื่องสำคัญมากฉันเลยอาจจะคิดเรื่องความรักมากกว่าเรื่องอื่นเท่านั้นเอง”
ภูผายิ้มเยาะ “ไร้สาระ”
ภูผาพลิกตัวนอนหันหลังให้แพรไหม
แพรไหมมองอย่างหมั่นไส้ “มองความรักเป็นเรื่องไร้สาระ..หยาบกระด้างที่สุด”
แพรไหมพลิกตัวกลับไปนอน เธอกอดตุ๊กตากามเทพยิ้มอย่างมีความหวัง ภูผาขำแพรไหมจนต้องแอบยิ้ม แล้วเขาก็หลับตาลงอย่างมีความสุข


ภาพในความฝันของแพรไหม ประตูห้องถูกเปิดออก คมกับเชี่ยวเดินเข้ามาในห้อง ทั้งสองตรงเข้ามาหาแพรไหม แล้วพยายามลากแขน แพรไหมดิ้นรนขัดขืน เธอหันไปมองภูผาก็เห็นว่าเขาหลับอยู่ เธอทำท่าจะร้อง
แต่ก็ถูกปิดปาก แพรไหมพยายามดิ้นรนขัดขืนสุดแรง

แพรไหมนอนดิ้นอยู่บนเตียงในห้องพัก เธอทำเสียงอึกอัก ทำมือไม้ปัดป้องไปมา สักพักแพรไหมก็กลิ้งตกเตียง ภูผารู้สึกตัวสะดุ้งตื่นรีบกลิ้งไปรับตัวแพรไหม แพรไหมตกใจตื่น เธอทำท่าจะร้อง
แต่ภูผาเอามือปิดปาก
“อย่าร้องสิคุณ เดี๋ยวคนก็แตกตื่นกันหรอก”
แพรไหมได้สติจึงพยักหน้า ภูผาค่อยๆเอามือออก แล้วทั้งคู่ก็จ้องหน้ากัน
แพรไหมถามอย่างตกใจ “คุณทำอะไรฉันหรือเปล่า”
“ถ้าผมจะทำ ผมทำไปนานแล้ว ไม่รอมาจนถึงตอนนี้หรอก”
“บ้า” แพรไหมอาย “... แต่คุณกอดฉัน แล้วไม่รู้ว่าทำอะไรไปบ้างใครรู้เข้า ฉันเสียหายนะ”
แพรไหมผลักภูผาออก ภูผาลุกขึ้นมายืนมองขำๆ
“ถ้าคุณไม่ลงมาจากเตียง มานอนข้างๆผม ผมคงไม่ได้กอดคุณหรอก... ผมต่างหากล่ะ ที่น่าจะเป็นคนโวยวาย”
แพรไหมนึกขึ้นได้ก็มองที่พื้น แล้วจึงหันไปมองที่เตียง เธอมองหน้าเขา พอเห็นว่าตัวเองเป็นคนตกลงจากเตียงมาเอง ก็รู้สึกหน้าแตก แพรไหมรีบเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียงโดยหันหลังให้แล้วแอบทำหน้ามุ่ย ภูผามองตามแล้วยิ้มขัน ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เขามองแพรไหมด้วยสายตาอ่อนโยน ส่วนแพรไหมก็แอบยิ้ม

ยามเช้า แพรไหมนอนกอดตุ๊กตากามเทพอยู่บนเตียง เธอค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น แพรไหมมองไปรอบ ๆ ห้องแล้วก็ลุกพรวดไปมองตรงที่ภูผานอน แต่เธอเห็นว่าบนพื้นว่างเปล่าแถมที่นอนยังถูกพับเก็บเรียบร้อยแล้ว แพรไหมวิ่งพรวดออกไปที่ระเบียง เธอมองหาภูผาแต่ไม่เจอ แพรไหมวิ่งพรวดไปเปิดประตูเป็นจังหวะเดียวกับที่ภูผาจะเปิดประตูเข้ามาพอดี แพรไหมจึงชนกับภูผาที่ถือถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาด้วย แพรไหมเซไปเล็กน้อย ส่วนภูผายืนนิ่ง
ภูผาถามอย่างตกใจ “คนของพ่อเลี้ยงคุณตามมาที่นี่เหรอ”
“เปล่า..”
“เปล่า..แล้วทำไมหน้าตาตื่นอย่างนี้”
“ก็ฉันตื่นมาไม่เห็นคุณเลยนึกว่าคุณหนีไปแล้ว”
ภูผาแกล้งทำเป็นเสียดาย “คุณหลับเป็นตายจนไม่ได้ยินเสียงผมตื่นมาอาบน้ำออกไปข้างนอก ผมน่าจะหนีคุณไปซะเลย..ทำไมผมไม่คิดเรื่องนี้บ้างนะ”
แพรไหมพูดด้วยความชื่นชม “เพราะคุณเป็นคนดีที่รักษาสัญญาไงคะ.. แล้วนี่คุณออกไปไหนมาแต่เช้า”
“ที่นี่ไม่มีอาหารเช้าบริการ ผมเลยไปซื้อนี่” ภูผายกถุงน้ำเต้าหู ปาท่องโก๋ให้ดู “มาทานกับคุณ”
แพรไหมมองถุงน้ำเต้าหู้แล้วยิ้มด้วยความดีใจ
“ดีเลยค่ะ..ฉันกำลังหิวเลย..”
แพรไหมเข้าไปแย่งถุงน้ำเต้าหูมาถือไว้แล้ววางถุงน้ำเต้าหู้ไว้บนโต๊ะก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างร่าเริง ภูผามองตามแพรไหมแล้วยิ้มขำ

เวลาผ่านไป ภูผานั่งอยู่ริมระเบียงที่มองเห็นแม่น้ำปิง แพรไหมยกถาดแก้วน้ำเต้าหู้กับจานปาท่องโก๋เดินเข้ามาวางบนโต๊ะหน้าภูผา ภูผามองแพรไหมอย่างชื่นชม
“หน้าตาท่าทางคุณคุณหนูจะตายไม่ยักรู้ว่า เอาใจคนอื่นก็เป็น” ภูผาพูด
“แค่นี้เอง ... ที่คุณเสี่ยงชีวิตช่วยฉัน...ฉันยังไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงเลย”
“ไม่น่าเชื่อว่าคนเอาแต่ใจอย่างคุณคิดถึงใจคนอื่นด้วย”
“ฉันไม่ได้เอาแต่ใจ ..แล้วก็ไม่ได้อยากให้ใครมาดูแลฉันฝ่ายเดียวด้วย คนเราควรจะดูแลกันและกันมากกว่า”
ภูผามองแพรไหมอย่างชื่นชม แต่ก็ไม่เอ่ยชมออกมา
“อืม..ฟังดูดีนะ..เออ..เดี๋ยวทานเสร็จแล้วอาบน้ำเก็บกระเป๋าเลยนะ..ผมจะไปส่งคุณตามที่สัญญาไว้”
แพรไหมเงียบไป เธอรู้สึกใจหายนิดๆ เพราะในใจลึกๆ เธอเริ่มรู้สึกดีกับภูผาแล้ว

ชัยนั่งอยู่ในร้านขายโทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ เขามองนาฬิกาอย่างใจจดใจจ่อ เธอเห็นว่าเป็นเวลาใกล้ 10 โมงแล้ว พอเข็มยาวเดินไปชี้ที่เลข 12 ชัยก็ยิ้มอย่างดีใจแล้วรีบกดโทรศัพท์ต่อสายไปทันที
ในห้องนอนของพันทิญา เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น พันทิญาค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นกดปิดเสียงนาฬิกา ทันใดนั้นเสียงไอโฟนของเธอก็ดังขึ้น
“มอนิ่งค่ะที่รัก...แพรคิดถึงคุณจังเลยค่ะ” พันทิญาพูดใส่โทรศัพท์
“ผมคิดถึงคุณครับ” ชัยพูดจากปลายสาย
“มีคนเคยบอกว่าถ้าตื่นมาแล้วเราคิดถึงใครเป็นคนแรกแปลว่าเรารักคนๆนั้น..แพรตื่นปุ๊บก็คิดถึงคุณปั๊บอย่างนี้แปลว่าแพรรักคุณใช่มั้ยคะ”
ชัยได้ยินคำหวานก็นั่งยิ้มอย่างมีความสุข
“คงใช่มั้งครับเพราะผมตื่นมาก็คิดถึงคุณเป็นคนแรกเหมือนกัน...วันนี้เราทานกลางวันกันนะครับคุณอยากทานร้านไหนเลือกเลย”
“แพรอยากทานอาหารญี่ปุ่นที่โรงแรมที่เราเคยไปทานด้วยกัน..แพรขออาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วเจอกันที่ร้านอาหารนะคะ”
ชัยวางสายแล้วยิ้มอย่างมีความสุข

พันทิญาบิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นจากที่นอน ทันใดนั้นเสียงไอโฟนก็ดังขึ้นอีก เธอเห็นว่าเป็นชื่อพิพัฒน์ก็ยิ้มด้วยความดีใจ
“โทรมาจริงๆ..” พันทิญารับสายด้วยเสียงเข้ม “ฮัลโหล...” พันทิญาแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ “พิพัฒน์ โทษนะคะพิพัฒน์ไหนคะ..เจ้าของร้านเพชร ค่ะ ๆพันจำได้แล้วค่ะ...มีเพชรแบบใหม่มาแล้ว..โอเคค่ะเดี๋ยวพันจะเข้าไปดูนะคะ”
พันทิญาวางสายจากพิพัฒน์แล้วยิ้มอย่างมีแผน เธอรีบกดบีบีหาชัยทันที
“ที่รักขา..แพรต้องไปธุระกับคุณแม่คงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้แล้วละค่ะ”

รูปแพรไหมในชุดผ้าไหมเหมือนที่อยู่ที่บ้านแสงฉายติดอยู่ที่ผนังร้านแพรไหม ร้านขายผ้าไหมของบ้านแพรไหม คุณหญิงเพ็ญศรีกำลังดูผ้าอยู่ในร้าน ศุภลักษณ์พูดคุยกับคุณหญิงเพ็ญศรีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยมีพนักงานยืนดูแลอยู่ห่างๆ
“ผืนนี้ก็สวยค่ะคุณหญิง..ลายละเอียดมากใช้เวลาทอตั้ง 7 เดือนเชียวนะคะ” ศุภลักษณ์แนะนำ
เพ็ญศรีจับผ้า “เนื้อละเอียดดีจริงๆ...ฉันเอาผืนนี้”
ศุภลักษณ์พยักหน้าให้พนักงาน พนักงานเข้ามาหยิบผ้าและพาคุณหญิงเดินไปทางหนึ่ง ศุภลักษณ์ยิ้มให้คุณหญิง พอคุณหญิงเดินไปสีหน้าอันยิ้มแย้มของศุภลักษณ์ก็เปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยเมื่อมองรูปแพรไหมที่อยู่บนผนังก็ยิ่งเป็นห่วง
สมใจเดินมาหาศุภลักษณ์ “คุณผู้หญิงคะ..สมใจเอาอาหารขึ้นโต๊ะให้แล้ว ทานได้แล้วค่ะ”
ศุภลักษณ์ยังมองรูปแพรไหมพร้อมกับตอบ “ฉันยังไม่หิว..เก็บไปก่อนละกันถ้าหิวฉันจะบอกให้เธออุ่นให้”
สมใจเป็นห่วงแต่ก็รับคำ “ค่ะ”
ทันใดนั้นแสงฉายก็เดินเข้ามา โดยมีธนาเดินตามมาห่าง ๆ
“คุณน้าครับ” แสงฉายเรียก
ศุภลักษณ์หันมามองเห็นแสงฉายก็เดินเข้าไปหาอย่างดีใจ
“เจ้าได้ตัวยัยแพรแล้วใช่มั้ยคะ”
แสงฉายมองศุภลักษณ์ด้วยความสงสาร “ยังครับ..ผมให้คนตามหาเต็มที่คิดว่าวันสองวันนี้ต้องได้ตัวคุณแพรแน่ครับ...”
ศุภลักษณ์หน้าเจื่อนไป แสงฉายเห็นก็พูดขึ้น
“ถ้าเดาไม่ผิดคุณน้าคงยังไม่ได้ทานข้าว”
“ไม่ผิดเลยค่ะ ถูกเผงเลย” สมใจรีบบอก “ตั้งแต่เช้าคุณผู้หญิงทานกาแฟไปแค่แก้วเดียว สมใจให้ทานข้าวก็ไม่ยอมค่ะ”
ศุภลักษณ์ปราม “สมใจ”
สมใจยิ้มเจื่อนๆ
“ผมทราบนะครับว่าคุณน้าห่วงคุณแพรมาก แต่ถ้าคุณน้าไม่ดูแลตัวเองแล้วเป็นอะไรไป คุณแพรกลับมาเธอจะเสียใจนะครับที่ทำให้คุณน้าป่วย..ไปทานข้าวกับผมนะครับ” แสงฉายชวน
ศุภลักษณ์ตอบด้วยความเกรงใจ “ไปก็ไปค่ะ”

แสงฉายประคองศุภลักษณ์พาเดินออกไป สมใจมองตามแล้วยิ้มอย่างชื่นชม

ติดตามทุกความเข้มข้น ความสนุกสนานของ "ภูผาแพรไหม" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

แสงมณีเดินมาที่แผนกเครื่องเขียนในศูนย์การค้า เด็กผู้ชายคนหนึ่งสะพายเป้วิ่งมาตามทางแล้วล้มลงก่อนจะร้องไห้โฮ แสงมณีมองเด็กคนนั้นด้วยความตกใจแล้วรีบเข้าไปอุ้มให้ลุกขึ้นพร้อมกับปลอบอย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ ไม่เป็นไร”
ทันใดนั้นแสงมณีก็ตกใจเมื่อเห็นดำวิ่งหน้าตื่นเข้ามา ส่วนทวีปวิ่งตามดำมาจากทางหนึ่ง
เด็กชายคนนั้นตะโกนเรียกดำ “พ่อ”
ดำหันมาเห็นก็รีบวิ่งมาอุ้มเด็กชายแล้วพูดกับแสงมณี
“นักเลงตามทวงหนี้ผมแต่ผมไม่มีเงินให้มันเลยจะจับตัวลูกผม..ช่วยขวางพวกมันด้วยนะครับ”
พูดจบดำก็อุ้มเด็กชายแล้ววิ่งหนีออกไป ทวีปวิ่งตามมาเห็นดำอุ้มกำลังเด็กชายวิ่งหนีไป
“ไอ้ดำอย่าหนีนะ” ทวีปตะโกน
“ยศ เลิศ” แสงมณีเรียก
ยศกับเลิศปราดเข้ามาขวางทวีปอย่างรู้หน้าที่
“หลีกไป” ทวีปไล่
ยศกับเลิศไม่หลบทั้งสองยังยืนขวางทางเอาไว้ ทวีปมองทั้งคู่อย่างโมโห แล้วเขาก็ต่อยยศ แต่ยศหลบได้แล้วต่อยสวน ทวีปหลบแล้วต่อยเข้าท้องยศเต็มแรงจนยศตัวงอ เลิศเห็นยศเสียทีก็รีบเข้ามาช่วย เลิศต่อยเข้าหน้าทวีปอย่างจัง ยศตั้งหลักได้ก็เข้ามาล็อคตัวทวีป เลิศรีบเข้ามาซ้อม
สักพักตำรวจนอกเครื่องแบบนายอื่น ๆ ก็วิ่งมาเห็นเหตุการณ์จึงรีบเข้ามาจับยศ เลิศกับทวีปสะบัดตัวหลุดจากยศ
“เป็นไงบ้างครับหมวด” ตำรวจนายหนึ่งเอ่ยถามทวีป
แสงมณีมองทวีปด้วยความตกใจ “หมวด!!”
ทวีปพูดกับแสงมณีด้วยความโมโห “ใช่..ผมร้อยตำรวจโททวีป หัวหน้าชุดปฏิบัติงานจับคนร้ายคดียาเสพติด”
แสงมณีมองทวีปด้วยความตกใจ
ทวีปพูดกับลูกน้อง “นำกำลัง 3 นาย ตามไปจับไอ้ดำ..ส่วนที่เหลือช่วยผมคุมตัวผู้หญิงกับผู้ชายพวกนี้ไปสอบสวนโรงพัก”
ทวีปสั่งลูกน้องเสร็จก็จับข้อมือแสงมณีเอาไว้ทันที
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด จับฉันทำไม ปล่อยนะ” แสงมณีโวยวาย
ยศกับเลิศที่โดนคุมตัวอยู่จะมาช่วยแสงมณีแต่ก็โดนจับตัวไว้ ทวีปจับข้อมือแสงมณีแล้วพาเดินออกไป แสงมณีพยายามขัดขืนพร้อมกับโวยวาย
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”


ทวีปดึงแสงมณีให้เดินมาทางหนึ่ง
“ปล่อยนะ..พวกฉันไม่ได้ทำอะไรผิดคุณจับพวกฉันข้อหาอะไร” แสงมณีโวยวาย
ทวีปหันไปมองแสงมณีอย่างไม่พอใจ
“ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่..เพื่อช่วยพวกพ้องให้พ้นการจับกุม” ทวีปร่ายยาว
“นี่คุณหาว่าฉันเป็นพวกค้ายาเสพติดเหรอ”
“ถ้าไม่ใช่คุณจะช่วยไอ้ดำทำไม”
“เค้าบอกฉันว่าคุณเป็นนักเลงที่ตามทวงหนี้..ฉันเลยเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิด..ผู้ร้ายก็งี้ทุกรายโดนจับได้ก็อ้างว่าเข้าใจผิดบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง”
คนในห้างมองแสงมณีเป็นตาเดียว แสงมณีมองไปรอบๆอย่างอายๆ
“พูดเบาๆหน่อยได้มั้ย..เห็นมั้ยว่าคนมองฉันทั้งห้างแล้ว”
“อายว่างั้น..ตอนขายไม่อายหรอกนะพอโดนจับละก็หน้ามียางขึ้นมาเชียว” ทวีปพูดกับคนในห้าง “ผู้หญิงคนนี้ค้ายาเสพติด มองไปเลยครับ มองให้เต็มตาแล้วจำหน้าให้ขึ้นใจ ถ่ายรูปใส่มือถือไปให้ลูกหลานดูได้ยิ่งดี ลูกหลานจะได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นตัวอันตรายได้ไม่เข้าใกล้”
คนในห้างมองแสงมณีแล้วซุบซิบนินทา บ้างก็ว่าหน้าตาท่าทางก็ดีไม่น่าค้ายาเสพติดเลย แสงมณีมองทุกคนอย่างอายๆ ก่อนจะหันมามองทวีปอย่างโกรธจัด
“กล่าวหาฉันโดยไม่หลักฐาน...ฉันจะฟ้องคุณ” แสงมณีฉุน
“กล้องวงจรปิดในห้างคงมีภาพตอนคุณสั่งลูกน้องให้ซ้อมผม..แค่นี้พอเป็นหลักฐานได้มั้ย” ทวีปย้อนถาม
แสงมณีหน้าเจื่อนลง ทันใดนั้นดวงใจก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาอย่างร้อนใจ
“คุณหญิงคะคุณหญิง” ดวงใจเรียก
ดวงใจมองทวีปที่จับมือแสงมณีอย่างไม่พอใจ เธอรีบเข้ามาปัดมือทวีปออก
“แกเป็นใครกล้าดียังไงมาจับไม้จับมือคุณหญิงของฉัน” ดวงใจโวย
“คุณหญิง...จะมาแนวอ้างว่าเป็นคนใหญ่คนโตแล้วจะให้ปล่อยตัวสินะมุกนี้มันเก่าเกินจะใช้แล้วล่ะ” ทวีปจับข้อมือดวงใจอีกคน “ไปโรงพักด้วยกันเลย”
“โรงพัก..” ดวงใจตกใจ
“ผู้หมวดคนนี้เค้ากล่าวหาว่าหญิงค้ายาเสพติดค่ะ” แสงมณีบอก
“ตายๆๆๆ...มีตาแต่ไม่มีแววเป็นถึงผู้หมวดได้ยังไง..เป็นตำรวจ สน.ไหนถึงไม่รู้จักคุณหญิงของฉัน ถึงกล้ามาหาว่าเจ้าหญิงแสงมณี ณ เชียงทวายค้ายา” ดวงใจโอดครวญ
“โห..อินเทรนนะเนี่ย รู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้เจ้าแสงฉายกำลังดังในแวดวงไฮโซเลยเอาชื่อน้องสาวเค้ามาอ้าง” ทวีปไม่เชื่อ
“ไม่ได้อ้างย่ะ..คุณหญิงของฉันคือเจ้าแสงมณี จริงๆ..ไม่เชื่อดูนี่”
พูดจบดวงใจก็หยิบนิตยสารออกจากถุงออกมาเปิดให้ทวีปดู ในหนังสือมีรูปแสงมณีที่ถ่ายคู่กับแสงฉายตอนออกงานอยู่หลายรูปพร้อมทั้งมีชื่ออยู่ใต้ภาพ
ดวงใจชี้ที่ชื่อ “อ่านซิ”
“เจ้าแสงฉายและเจ้าแสงมณี ณ เชียงทวาย” ทวีปอ่านออกเสียง
ทวีปมองแสงมณีด้วยความตกใจ
“คุณคือเจ้าแสงมณีจริงๆ”
แสงมณีมองทวีปพร้อมทั้งยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ
“ผมเชื่อแล้วว่าคุณ” ทวีปพูด
“ต้องเรียกว่าเจ้า” ดวงใจรีบแย้ง
“ผมเชื่อแล้วว่าเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับไอ้ดำ..แต่ผมก็อยากจะเตือนเจ้าไว้อย่างว่าวันหลังจะช่วยใครก็ดูตาม้าตาเรือให้ดีซะก่อน ... จะได้ไม่ทำให้คนเลวๆหลุดมือตำรวจไปอีก”
พูดจบทวีปก็เดินออกไปอย่างหงุดหงิด
แสงมณีมองตามอย่างไม่พอใจ “ใครจะไปรู้ล่ะว่าคนไหนเป็นคนดีคนเลว”

ภูผาขับรถโดยมีแพรไหมนั่งอยู่ที่เบาะข้างๆ ภูผาเลี้ยวรถไปตามทางที่จะไปสนามบิน
“บ้านคุณอยู่ไหนคะ” แพรไหมเอ่ยถามขึ้น
“กรุงเทพฯ” ภูผาตอบ
“ฉันก็ไปกับคุณได้สิ”
“ทำไม บ้านคุณอยู่กรุงเทพฯเหรอ”
“อ๋อ เปล่า...ฉันจะไปหาเพื่อนที่กรุงเทพฯ ฉันไปด้วยนะ...คุณจะได้มีเพื่อนคุยไงแล้วฉันก็ไม่ต้องเสียค่าเดินทางด้วย ...เอาเงินมาเติมน้ำมันให้คุณดีกว่า ผลประโยชน์ลงตัวเป๊ะเลย” แพรไหมรีบสรุป
“อย่าเลย...คุณหนูอย่างคุณ...นั่งรถนานๆ ไม่ไหวหรอก”
“ไหวสิ...ฉันก็ทนได้ขอแค่ให้รอดเงื้อมือคนของพ่อเลี้ยงฉันก็พอ..ฉันจะไปกับคุณ”
ภูผามองแพรไหมอย่างเซ็งๆ

พิพัฒน์เดินชะเง้อรอพันทิญาอยู่ที่หน้าร้านเพชรของเขา พิพัฒน์หันกลับจะเข้าไปในร้านแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเกือบชนพิพิธที่ยื่นหน้ามาเรียกเขาอย่างร่าเริง
“เฮีย”
“เฮ้ย” พิพัฒน์ตกใจ
พิพิธพูดอย่างร่าเริง “เรียกแค่นี้ทำตกใจไปได้”
“จู่ ๆ ก็โผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงใครจะไม่ตกใจวะ”
พิพิธโอบไหล่พิพัฒน์แล้วตบเบาๆ “ขวัญเอ๊ยขวัญมานะเฮีย..ผมเห็นเฮียชะเง้อชะแง้อยู่หน้าร้านตั้งนานแล้วรอสาวที่ชื่อคุณพันทิญาอยู่เหรอครับ”
พิพัฒน์ตอบห้วนๆ “อือ..”
พิพิธดึงพิพัฒน์เข้ามา “มาใกล้ ๆ” พิพิธพนมมือ “ขอให้สมหวังในความรัก” พิพิธเป่าหัวพี่ชาย “เพี้ยง”
“สาธุ..” พิพัฒน์คิดได้ “เฮ้ย...ไอ้นี่เป็นน้องเป็นนุ่งเล่นหัวเฮียแกนี่ลามปามใหญ่แล้ว”
“ผมอวยพรไม่ได้ลามปาม”
พิพัฒน์มองพิพิธอย่างขำ ๆ แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงพันทิญา
“คุณพิพัฒน์คะ”
พิพัฒน์ยิ้มด้วยความดีใจ เขาหันไปเห็นพันทิญายืนยิ้มหวานอยู่กับวนิดา
“สวัสดีครับคุณพัน” พิพิธทัก
“พิพิธน้องชายผมครับ” พิพัฒน์รีบบอก
พันทิญาพูดกับพิพิธ “รู้จักพันด้วยเหรอคะ”
“ตั้งแต่เมื่อคืนเฮียพูดชื่อคุณให้ผมฟังประมาณร้อยครั้งได้..ผมเลยรู้จักคุณน่ะครับ” พิพิธบอก
พิพัฒน์มองพิพิธด้วยสายตาดุๆ
พันทิญาพูดกับพิพัฒน์ “นินทาอะไรพันคะ”
พิพัฒน์อึกอัก “เอ้อ”
“นินทาว่าคุณสวยมากแล้ววันนี้คุณก็จะมาดูเพชรที่ร้านน่ะครับ” พิพิธบอก
พันทิญาหันไปยิ้มกับวนิดาอย่างมีเลศนัยแล้วเดินไปพูดกับพิพัฒน์ที่ยืนยิ้มเขิน ๆ อยู่
“นินทาอย่างนี้ให้อภัยกันได้ค่ะ..นี่น้าดา..คุณน้าของพันค่ะ”
พิพัฒน์ พิพิธไหว้วนิดาอย่างนอบน้อม วนิดามองพิพัฒน์แล้วมองร้านของพิพัฒน์ก่อนจะยิ้มพอใจ

พิพัฒน์กับพิพิธช่วยกันหยิบต่างหูเพชรหลายคู่มาวางบนตู้โชว์
“พวกนี้เป็นแบบที่มาใหม่ทั้งหมดเลยครับ” พิพัฒน์บอก
พันทิญาหยิบต่างหูคู่หนึ่งขึ้นมาดูอย่างสนใจ ก่อนจะหันมาถามวนิดา
“คู่นี้เป็นไงคะ”
วนิดามองต่างหูแบบไม่ใส่ใจแล้วตอบ “สวยดี”
พันทิญาแอบพยักพเยิดส่งซิกให้วนิดา
วนิดาเข้าใจก็พูดกับพิพัฒน์ “คุณนี่เก่งนะคะยังหนุ่มยังแน่นเป็นเจ้าของร้านเพชรแล้ว..โทษนะคะลูกชายเปิดร้านเพชรแล้วคุณพ่อคุณแม่ทำธุรกิจอะไรคะ”
“คุณพ่อคุณแม่ผมเสียไปหลายปีแล้วครับ” พิพัฒน์บอก
“อุ้ย..น้าขอโทษนะคะที่พูดเรื่องที่ทำให้คุณสะเทือนใจ” วนิดาทำเป็นเสียใจ
“ไม่เป็นไรครับผมทำใจได้นานแล้ว”
“ร้านนี้เป็นของคุณพ่อคุณแม่ครับ พอพวกท่านเสียเฮียกับผมก็มาดูแลกิจการต่อ”พิพิธเสริม
“คุณมีกันสองคนพี่น้องเหรอคะ” วนิดาถามต่อ
“ครับ”
วนิดายิ้มพอใจ
“พันเอาคู่นี้ค่ะ..เท่าไหร่คะ” พันทิญาถาม
“สองแสนครับ..แต่สำหรับคุณพันผมให้ราคาพิเศษลด 50 เปอร์เซ็นไปเลย” พิพัฒน์บอก
“ขอบคุณค่ะ”
พิพิธมองพิพัฒน์แล้วส่ายหน้าขำๆ วนิดามองพิพัฒน์แล้วยิ้มด้วยความพอใจ

ยศกับเลิศยืนคุ้มกันแสงมณีที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟในห้าง ดวงใจยกกาแฟมาให้แสงมณีอย่างหงุดหงิด
“นึกแล้วยังแค้นไม่หายคนอะไรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาซะเลย ขนาดรู้แล้วว่าเจ้าเป็นใครยังกล้าต่อว่าอีก”
“คงกลัวเสียหน้าที่จับคนผิดเลยแกล้งทำเสียงแข็งกลบเกลื่อนน่ะ” แสงมณีบอก
“ชื่อหมวดทวีปใช่มั้ยคะ..เดี๋ยวดวงใจจะฟ้องให้คุณชายไปจัดการเด้งตาหมวดปากร้ายนี่ไปอยู่ชายแดน”
“ทำอย่างนั้นคนได้นินทากันตายว่าหญิงรังแกเค้า...ดวงใจบอกว่าเป็นเจ้าหญิงต้องมีเมตตาคราวนี้หญิงจะเมตตายกโทษให้เค้าสักครั้ง แต่ถ้าคราวหน้าเจอกันแล้วเค้าปากเก่งใส่หญิงอีกหญิงไม่ยอมแน่”

แสงมณีคิดถึงทวีปแล้วก็รู้สึกแค้นใจ

อ่านต่อหน้า 4 เวลา 17.00 น

ภูผาแพรไหม ตอนที่ 1 (ต่อ) 

ปรางแก้วยังคงนั่งซึมอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ สักพักทวีปเดินเข้ามาเห็นปรางแก้วก็เดินเข้าไปหาด้วยความเห็นใจ

“ยังไม่เลิกคิดมากอีก ... เดี๋ยวมันกลับมา พี่จะเค้นคอถามมันให้”
“พี่ภูมีแฟนแล้วก็น่าจะบอก ไม่น่ารับนัดให้แก้วมีความหวังเลย” ปรางแก้วตัดพ้อ
ทวีปผละออกมามองปรางแก้วอย่างหนักใจ
“ไอ้ภูเป็นคนตรงไปตรงมาถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนมันจริงมันต้องบอกพี่แล้ว..พี่ว่าไม่ใช่หรอก”
“ทิ้งพวกเราไปอยู่ด้วยกันทั้งคืนถ้าไม่ใช่แฟนพี่ภูแล้วผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครไปได้คะ”
“มือถือมันก็หาย..โทรกลับเบอร์ผู้หญิงคนนั้นก็โทรไม่ติด..เลยไม่ได้รู้กันซะทีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“ลองเสี่ยงโทรเบอร์พี่ภูอีกทีดีมั้ยคะ..บางทีพี่ภูอาจจะหาโทรศัพท์เจอแล้วก็ได้” ปรางแก้วเสนอ

ภูผายังคงขับรถอยู่โดยมีแพรไหมนั่งอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นเสียงมือถือของภูผาที่อยู่ท้ายรถก็ดังขึ้น
“มือถือผม..” ภูผาพูด
ภูผาจอดรถเข้าข้างทางแล้วเปิดประตูไปหยิบมือถือจากท้ายรถ เขาไปยืนข้างประตูฝั่งที่แพรไหมนั่งก่อนจะกดรับโทรศัพท์
“ขอบใจนะที่โทรมาไม่งั้นฉันคงไม่รู้ว่ามือถือตกอยู่ท้ายรถ..ว่าไง” ภูผาถาม
“ผู้หญิงที่อยู่กับแกเมื่อคืนเป็นใคร” ทวีปยิงคำถามทันที
ภูผาแปลกใจ “แกรู้ได้ยังไงว่าเมื่อคืนฉันอยู่กับผู้หญิง”
ทวีปยืนคุยโทรศัพท์กับภูผาอยู่ในบ้าน
“แก้วโทรกลับเบอร์ที่แกโทรมา..ผู้หญิงคนนั้นรับสายบอกว่าแกอาบน้ำอยู่แล้วเมื่อคืนแกก็ไม่อยากคุยกับใครนอกจากเค้า”
ภูผาตกใจ “แก้วคุยกับคุณแพร”
“เออน่ะสิ..แก้วเสียใจมากร้องไห้ตั้งแต่เมื่อคืนป่านนี้ยังไม่หยุด แกก็รู้ว่าแก้วคิดยังไงกับแก มีแฟนแล้วทำไมไม่บอกกันตรง ๆ วะ” ทวีปต่อว่า
“เค้าไม่ใช่แฟนฉัน..เดี๋ยวฉันจะไปอธิบายให้แกกับแก้วฟัง..แค่นี้ก่อนนะ”
ภูผาวางสายจากทวีปแล้วหันไปมองแพรไหมด้วยความโมโห เขาเปิดประตูรถฝั่งแพรไหมออกมาทันที
“เมื่อคืนทำไมไม่บอกผมว่าปรางแก้วโทรมา” ภูผาตะคอก
แพรไหมหน้าเจื่อน “ก็..ก็ ฉันกลัวว่าถ้าคุณรู้ว่าแฟนโทรมาคุณจะทิ้งฉันไปหาเค้า”
“เห็นแก่ตัว...คุณรู้มั้ยว่าความเห็นแก่ตัวของคุณทำให้แก้วเสียใจจนร้องไห้ไม่หยุด..ในโลกนี้มีคนประเภทเดียวที่ผมเกลียดที่สุดคือคนโกหก แล้วผมก็ไม่คิดเลยว่าคนที่หน้าตาใสซื่ออย่างคุณจะเป็นคนประเภทนั้น...ลงจากรถผมเดี๋ยวนี้”
“แต่คุณรับปากแล้วว่าจะไปส่งฉัน”
“ผมโกหกเหมือนที่คุณโกหกแก้ว..ลงจากรถผมเดี๋ยวนี้”
“อย่าไล่ฉันเลยนะคะ นอกจากคุณแล้วฉันก็ไม่รู้จักใครฉันไม่มีที่ไปจริงๆ” แพรไหมเสียงเศร้า
“คนปลิ้นปล้อนอย่างคุณยังไงก็เอาตัวรอดได้” ภูผาดึงแพรไหมลงจากรถ “ลงมา”
ภูผาจับโดนแผลของแพรไหมจนเธอร้องลั่น “โอ้ย”
“ไม่ต้องสำออย ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณเจ็บจริง”
แพรไหมลงจากรถตามแรงดึงของภูผา เธอมองภูผาด้วยความตกใจ ภูผาเปิดประตูหลังหยิบกระเป๋าเป้ของแพรไหมแล้วโยนให้ แพรไหมมองภูผาอย่างรู้สึกผิด
“คุณภูผา” แพรไหมเรียก
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว..ผมไม่อยากฟังคำพูดของคนโกหก”
แพรไหมหน้าเจื่อน ภูผาเดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ แพรไหมมองภูผาแล้วครุ่นคิดก่อนจะหยิบตุ๊กตากามเทพออกมา เธอเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับออก
“ถ้าขึ้นมาผมจะพาคุณส่งตำรวจ” ภูผาขู่
แพรไหมพูดเสียงเศร้า “ฉันไม่ได้จะไปกับคุณหรอกค่ะ..ฉันขอโทษที่ไม่บอกเรื่องคุณปรางแก้ว ขอโทษที่ทำให้คุณปรางแก้วเสียใจ..คุณเอาเทวดาน้อยไปด้วยนะคะ เทวดาน้อยจะช่วยให้คุณปรางแก้วหายโกรธแล้วกลับมารักคุณเหมือนเดิม”
แพรไหมวางตุ๊กตากามเทพลงบนเบาะคนนั่ง ภูผาเอื้อมมือไปปิดประตูแล้วออกรถไปอย่างไม่สนใจแพรไหมเลยแม้แต่น้อย แพรไหมมองตามรถภูผาไปอย่างรู้สึกผิด แล้วเธอก็มองไปรอบ ๆ อย่างเคว้งคว้างเพราะไม่รู้จะไปไหน

แพรไหมเดินไปตามทางเดินอย่างเศร้าสร้อยแต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นลูกน้องของธนา3 คนยืนอยู่ตรงหน้า แพรไหมทำท่าจะวิ่งหนี แต่ลูกน้องของธนาซึ่งประกอบไปด้วย คม เชี่ยวและพลรีบเดินไปดักหน้า
“กลับไปกับเราดีๆ เถอะครับ คุณแพรไหม” คมบอก
“ไม่...ฉันไม่กลับ...ไปบอกเจ้านายของพวกแกด้วย...ยิ่งทำอย่างงี้ ฉันก็ยิ่งเกลียดเขา”
“พวกเราทำตามหน้าที่ ... ถ้าคุณไม่ยอม เราก็คงต้องใช้กำลัง” เชี่ยวพูด
แพรไหมมองซ้ายมองขวา ก่อนจะวิ่งหนี คมกับเชี่ยววิ่งตามไปจับแพรไหม
ภูผาขับรถมาตามทางเรื่อยๆ เขาคิดหนักมาตลอดทางว่าจะขับกลับไปรับแพรไหมดีหรือไม่
แพรไหมวิ่งหนี รถตู้คันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอด ลูกน้องของธนาเปิดประตูแล้วก้าวลงมา แพรไหมหันหลังกลับ คม เชี่ยวและพลเดินมาขวางไว้ ทั้งสามหิ้วแพรไหมไปขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่
ภูผาขับรถกลับมาและสวนกับรถตู้ที่กำลังแล่นออกไป แพรไหมที่อยู่ในรถตู้กำลังทุบรถร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย... ช่วยด้วย....”
รถของภูผากับรถตู้แล่นสวนกัน ภูผามองไม่เห็นแพรไหม เขาจอดรถแล้วก้าวลงมาจากรถ
“ไปไหนแล้วล่ะ...”
ภูผาตัดใจ “ไปไหนก็ช่าง ผู้หญิงหลอกลวง”


ที่บ้านของทวีป ภูผานั่งคุยกับทวีปและปรางแก้ว
“นี่แหล่ะเรื่องทั้งหมดของผู้หญิงที่ชื่อแพรไหม”
ทวีปพูดกับปรางแก้ว “รู้ความจริงหมดแล้ว เลิกร้องไห้ได้รึยัง”
ปรางแก้วรู้สึกเขินๆ “ค่ะ”
“ขอโทษด้วยนะที่ทำให้แก้วเสียใจ” ภูผาบอก
“ขอโทษแก้วทำไมคะ ไม่ใช่ความผิดของพี่ภูซะหน่อย”
“ใช่สิ..ทำไมจะไม่ใช่” ทวีปพูดกับภูผา “ถ้าแกพาคุณแพรอะไรนั่นมาเจอพวกฉัน พวกฉันก็รู้เรื่องไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วคงไม่เกิดเรื่องให้แก้วเข้าใจผิดจนต้องเสียน้ำตาอย่างนี้หรอก”
“ผู้หญิงคนนั้นเจ้าเล่ห์มาก ฉันไม่อยากให้พวกแกปวดหัวไปด้วยเลยไม่พาไปเจอ..รู้เรื่องแล้วแกเลิกหงุดหงิดฉันได้รึยัง” ภูผาถาม
“เออ..”
“งั้นฉันกลับบ้านก่อน..ต้องไปคิดงานของคุณดิเรกอีก..คิดเสร็จแล้วจะนัดคุยกับแก” ภูผาบอก
“ได้”
ภูผามองปรางแก้วอย่างหนักใจ “พี่ไปนะแก้ว”
ปรางแก้วรับคำ “ค่ะ”
ภูผาเดินออกไป ทวีปกับปรางแก้วมองตามอย่างสบายใจ
“คนไม่สนใจโลกไม่สนใจสังคมอย่างไอ้ภูแจ้นมาอธิบายเรื่องผู้หญิงคนนั้นให้แก้วฟังถึงบ้าน..แสดงว่ามันแคร์ความรู้สึกแก้วมาก ..เชื่อพี่รึยังว่าไอ้ภูก็มีใจให้แก้วเหมือนกัน” ทวีปถามน้องสาว
“ค่ะ” ปรางแก้วยิ้มอย่างมีความหวัง

แพรไหมเดินมากับลูกน้องธนาทั้ง 5 คนที่ทางเดินหน้าบ้านแสงฉาย แพรไหมหันไปมองอย่างไม่พอใจ เมื่อคนที่เดินลงมารับคือเจ้าแสงฉายและธนา
“เจ้า!!” แพรไหมรู้สึกไม่พอใจ

ที่บ้านแพรไหม แพรไหมนั่งหน้าเซ็งอยู่ที่โซฟา แสงฉายนั่งมองแพรไหมด้วยสายตาอ่อนโยน พันทิญา กับวนิดามองแพรไหมอย่างไม่พอใจ สักพักศุภลักษณ์ก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาโดยมีสมใจวิ่งตามมาด้วย
“คุณผู้หญิงอย่าวิ่งค่ะ เดี๋ยวล้ม” สมใจเตือน
ศุภลักษณ์ไม่ฟังเสียง เธอวิ่งไปหาแพรไหมแล้วกอดด้วยความคิดถึง
“ลูกแม่”
ศุภลักษณ์ร้องไห้อย่างดีใจที่แพรไหมกลับมา
“ลูกกลับมาแล้ว ลูกกลับมาแล้ว”
พันทิญากับวนิดามองศุภลักษณ์กับแพรไหมด้วยความหมั่นไส้ แล้วทั้งสองก็แอบกระซิบกัน
“ยัยแพรทำให้ร้อนใจแทบตาย..มันกลับมาคุณแม่ไม่ว่ามันสักคำ” พันทิญาบ่น
“เค้ารักของเค้า..ต่อให้ทำให้ร้อนใจกว่านี้พี่ศุก็ไม่ว่ายัยแพรหรอก” วนิดากระซิบบอก
สมใจมองศุภลักษณ์ที่กำลังกอดแพรไหมด้วยความสงสาร
“คุณผู้หญิงห่วงคุณแพรจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะคะ” สมใจบอก
แพรไหมกอดศุภลักษณ์อย่างรู้สึกผิด
“แพรขอโทษนะคะที่ทำให้คุณแม่เป็นห่วง”
ศุภลักษณ์ผละออกมามองแพรไหมด้วยความรักสุดหัวใจ
“วันหลังอย่าหนีแม่ไปอีกนะลูก”
แพรไหมเงียบไม่ตอบอะไร ศุภลักษณ์เห็นผ้าพันแผลที่แขนแพรไหมก็ถามด้วยความตกใจ
“ลูกบาดเจ็บเหรอ..ไอ้นักเลงหัวไม้นั่นมันทำร้ายลูกใช่มั้ย”
“นักเลงหัวไม้..ใครคะ” แพรไหมงง
“ผู้ชายที่ช่วยแพรจากคนของเจ้าไง..แฟนแพรน่ะ” พันทิญารีบเสริม
“ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่แฟนแพรค่ะ” แพรไหมปฏิเสธ
แสงฉายหัวเราะในลำคอเป็นเชิงเยาะ พันทิญามองแสงฉายด้วยความรู้สึกเสียหน้า
วนิดาเห็นพันทิญาหน้าเสียก็รีบช่วย “ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันใครจะเสี่ยงชีวิตมาช่วย..เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยอมรับมาเถอะไม่มีใครว่าอะไรเราหรอก”
“เค้าไม่ได้เป็นแฟนแพรจริงๆ ค่ะ..แล้วเค้าก็ไม่ได้เป็นนักเลงอย่างที่ทุกคนเข้าใจด้วย” แพรไหมบอก
“แล้วเค้าเป็นใคร” แสงฉายถาม
“เป็น” แพรไหมพูดเน้นคำ “สุภาพบุรุษที่ช่วยแพรด้วยความจริงใจ” แพรไหมพูดกับศุภลักษณ์ “เค้าไม่ได้ทำร้ายแพรนะคะ..ที่แพรบาดเจ็บเป็นเพราะฝีมือคนของเจ้า”
แสงฉายหน้าเจื่อน “คนของผมพลั้งมือไปหน่อย...ผมต้องขอโทษด้วย”
แพรไหมมองแสงฉายอย่างไม่พอใจจึงรีบอ้อนศุภลักษณ์ “แพรเจ็บแผล แล้วก็เหนื่อยมาก..แพรอยากพักแล้วค่ะคุณแม่”
“จ้ะ..ขอบคุณเจ้ามากนะคะที่ช่วยตามตัวยัยแพรกลับมาจนได้..แต่มีอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่านะคะ..วันนี้ขอยัยแพรพักก่อน” สุภลักษณ์ตัดบท
“ได้ครับ” แสงฉายรับคำ

พัณทิญากับวนิดามองศุภลักษณ์และแพรไหมด้วยความหมั่นไส้

โปรดติดตามอ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.

ติดตามทุกความเข้มข้น ความสนุกสนานของ "ภูผาแพรไหม" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

น้อยหิ้วกระเป๋าเป้ของแพรไหมพร้อมกับเปิดประตูเดินนำเข้ามาในห้อง แพรไหมเดินตามเข้ามาแล้วจะปิดประตูแต่พันทิญาที่เดินตามมากลับดันประตูเอาไว้ พันทิญาเดินเข้ามาในห้องโดยมีวนิดาเดินตามเข้ามา แพรไหมมองพันทิญากับวนิดาอย่างรู้สึกผิด

วนิดาพูดกับน้อย “ออกไปก่อน”
น้อยรับคำ “ค่ะ”
น้อยเดินออกจากห้องไปแล้วปิดประตู พันทิญาหันมามองแพรไหมด้วยความไม่พอใจ
“หน้าตาก็ฉลาดไม่คิดเลยว่าจะโง่ขนาดนี้..อุตส่าห์ช่วยให้ออกจากบ้านจนหนีไปไกลถึงเชียงใหม่ยังจะย้อนกลับมาให้โดนเจ้าจับตัวกลับมาได้” พันทิญาต่อว่า
แพรไหมมองพันทิญาอย่างรู้สึกผิด “เพื่อนแพรต้องทำงาน แพรไม่มีเพื่อนอยู่ที่โน่นเลยต้องกลับมากับเค้าน่ะค่ะ”
“กลับมาเพราะเพื่อน..คิดตื้นอย่างนี้ก็สมควรแล้วที่จะโดนถูกบังคับให้แต่งงาน” วนิดาว่า
“พี่พันกับน้าดาช่วยแพรให้หนีออกจากบ้านอีกครั้งได้มั้ยคะ” แพรไหมถาม
พันทิญาทำเป็นเล่นตัว “ช่วยให้หนีเดี๋ยวเธอก็ทำตัวโง่เซ่อจนถูกจับกลับมาได้อีก”
“แพรขอร้องละนะคะ..ช่วยแพรอีกครั้งเถอะครั้งนี้แพรจะหนีไปไกล ๆ ไม่ให้เจ้าจับตัวได้อีกแล้ว”
พันทิญากับวนิดามองหน้ากันแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“แพร..น้ากับพี่พันน่ะรักเรามากนะ” วนิดาพูด “เห็นเราทุกข์เห็นเราไม่อยากแต่งงานก็อยากช่วย..แต่ตอนนี้พี่ศุเข้มงวดถึงขั้นส่งน้อยมานอนเฝ้าเรา..น้ายังคิดไม่ออกเลยว่าจะช่วยเราได้รึเปล่า”
แพรไหมหน้าเจื่อนไป
พันทิญาทำเป็นสงสาร “เอาเป็นว่าพี่จะพยายามหาทางดูละกัน”
“ขอบคุณน้าดากับพี่พันมากนะคะ..รับรองค่ะว่าถ้าครั้งนี้แพรหนีไปได้เจ้าจะจับแพรกลับมาอีกไม่ได้แล้วเพราะแพรจะหนีไปอเมริกา”
พันทิญากับวนิดามองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างสมใจ

ภูผาขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน เขาเอื้อมมือเปิดลิ้นชักหน้ารถเพื่อหยิบปืนแล้วก็ต้องชะงักเมื่อหันไปเห็นตุ๊กตากามเทพซึ่งวางอยู่ที่เบาะคนนั่งด้านข้าง ภูผาหยิบตุ๊กตาขึ้นมาถืออย่างโมโห เขาเปิดประตูรถจะเอาตุ๊กตาทิ้งถังขยะแล้วก็ชะงักเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต...

ที่ร้านยิงปืนในงานลอยกระทง แพรไหมเล็งปืนอย่างตั้งใจแต่ยิงเท่าไหร่ก็ยิงไม่โดน ภูผายืนรออย่างเซ็งๆ แพรไหมหันไปเรียกภูผาให้มายิงให้ ภูผาส่ายหน้าเพราะไม่อยากยิง แต่แพรไหมก็รบเร้า ภูผาหยิบปืนมาถือด้วยมือข้างเดียวก่อนจะยื่นไปในซุ้มยิงเปรี้ยงเดียวก็โดนเป้า แพรไหมกระโดดอย่างดีใจเข้าไปรับตุ๊กตากามเทพจากเจ้าของร้าน...

“ก็แค่ดีใจเพราะได้รางวัล..คงไม่รักอะไรนักหนาหรอก” ภูผาคิดถึงเหตุการณ์นั้นแล้วก็บ่นกับตัวเอง
ภูผาจะทิ้งตุ๊กตาลงถังขยะแล้วก็ชะงักไปอีกเมื่อนึกถึงอีกเหตุการณ์หนึ่ง...

แพรไหมพูดเสียงเศร้า “คุณเอาเทวดาน้อยไปด้วยนะคะ เทวดาน้อยจะช่วยให้คุณปรางแก้วหายโกรธ
แล้วกลับมารักคุณเหมือนเดิม”
แพรไหมพูดจบก็วางตุ๊กตากามเทพบนเบาะคนนั่ง

ภูผานึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นแล้วก็เริ่มใจอ่อน “อย่างน้อยก็ให้ไว้ด้วยความหวังดีเก็บไว้ก่อนก็ได้”
ภูผาเปลี่ยนใจไม่ทิ้งตุ๊กตาแล้วจึงเดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าในรถ

แกงจืดเต้าหูหมูสับ ไข่เจียวกุ้งสับ และผัดคะน้าปลาเค็มวางอยู่บนโต๊ะอาหารในบ้านของภูผา ภูผา ชัย บุญศรี นั่งล้อมรอบโต๊ะกินข้าว
“มีของโปรดของทุกคนเลย” ชัยพูด
“จะได้ไม่มีใครน้อยใจว่าแม่ลำเอียงไงจ๊ะ” บุญศรีบอก
ชัย ภูผา และบุญศรีหัวเราะอย่างมีความสุข ชัยตักผัดคะน้าให้บุญศรีอย่างเอาใจ
“นี่ของโปรดแม่” ชัยตักไข่เจียวกุ้งให้ภูผา “ของโปรดภู” แล้วเขาก็ตักแกงจืดให้ตัวเอง “นี่ของโปรดพี่...เอ้าข้าวพร้อมกับข้าวพร้อมทานได้”
ภูผาและบุญศรีมองชัยอย่างขำๆ แล้วทั้งสามก็กินข้าวอย่างมีความสุข
บุญศรีถามภูผา “ไปเที่ยวกับหนูแก้วมาเป็นไงบ้างลูก”
ภูผาชะงักแล้วหน้าเจื่อน “ก็ดีครับ”
“ก็ดี..แค่นั้นเองเหรอ” ชัยถามต่อ
“ครับ”
“ไม่มีความรู้สึกพิเศษมากกว่าความเป็นพี่น้องเลยเหรอ” ชัยรุกถาม
“ไม่มีเลยครับ” ภูผาตอบ
“ผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวานเป็นคนดีอย่างแก้วหาไม่ได้ง่าย ๆ นะลูก..หมั่นไปเที่ยวกับเค้าหน่อย ได้ใกล้ชิดกันมากๆ วันนึงความรักก็จะเกิดขึ้นเอง” บุญศรีบอก
“แม่ก็รู้ว่าตอนนี้ผมยังไม่อยากคิดเรื่องแฟนผมอยากสร้างฐานะให้มั่นคงก่อน” ภูผาพูดกับชัย “ผมได้ตึกที่เราจะหุ้นกันซื้อทำโฮมออฟฟิศแล้วนะครับ แค่พี่เบิกเงินในส่วนของพี่มาให้ผมเราก็ไปทำสัญญาซื้อได้เลย”

ชัยชะงักแล้วหน้าเครียดไปทันที ภูผามองชัยที่หน้าเครียดด้วยความหนักใจ

เวลาผ่านไป ภูผากับชัยออกมาเดินคุยกันอยู่ในสวนหน้าบ้าน โดยชัยมีสีหน้าเครียดมาก
“เงินพี่หมดแล้ว” ชัยบอก
ภูผาตกใจ “หมดแล้ว..พี่บอกผมว่ามีเงินเก็บเป็นล้านผ่านไปแค่สองเดือนบอกว่าเงินหมด..เงินพี่หมดไปได้ยังไงครับ”
“ตอนนี้พี่คบกับผู้หญิงคนนึง..เค้าเป็นลูกคนรวย กินแต่อาหารดี ๆ ใช้แต่ของแบรนด์เนม..สองเดือนที่พี่คบกับเค้าพี่หมดเงินไปมาก นี่พี่ก็เพิ่งซื้อแหวนเพชรให้เค้าวงนึง 3 แสน...ตอนนี้พี่มีเงินติดบัญชีไม่กี่หมื่นเอง”
ภูผามองชัยอย่างเข้าใจ “ทุ่มเทให้ขนาดนี้พี่คงรักเค้ามาก”
“มากจนตายแทนได้” ชัยบอก
“ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นเป็นใครครับ”
“เค้าชื่อคุณแพรไหม”
ภูผาชะงัก “แพรไหม”
“ภูรู้จักเหรอ”
“พอดีผมก็เพิ่งเจอผู้หญิงคนนึงชื่อแพรไหม แต่ไม่น่าใช่แฟนพี่คงจะแค่ชื่อเหมือนกันน่ะครับ”
ชัยยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะเล่าเรื่องพันทิญาที่เขาคิดว่าชื่อแพรไหมอย่างมีความสุข
“คุณแพรเป็นคนดีมากครอบครัวเค้ามีเงินหลายพันล้านแต่เค้าก็ยอมคบกับพี่เพราะมองความรักสำคัญกว่าฐานะ..เค้าพร้อมเมื่อไหร่พี่จะพาเค้ามาเจอแม่กับแก แล้วพี่ก็จะขอคุณแพรแต่งงาน”
“ผมดีใจนะครับที่เห็นพี่มีความสุขอย่างนี้”
“แกไม่โกรธเหรอที่พี่ไม่มีเงินหุ้นซื้อโฮมออฟฟิศกับแก”
“ความสุขของพี่มีค่ามากกว่าโฮมออฟฟิศหลังนั้นหลายเท่า ผมทำงานเก็บเงินอีกสักพักแล้วค่อยหาซื้อใหม่ก็ได้”
ชัยตบไหล่อย่างรักใคร่ “ขอบใจมากนะภู ขอบใจที่เข้าใจพี่”
ภูผาพยักหน้าแล้วยิ้มให้ชัยอย่างอ่อนโยน

แพรไหมปิดกระเป๋าเดินทางเตรียมตัวที่จะหนีอีกครั้ง เธอเปิดลิ้นชักเพื่อจะหยิบพาสปอร์ตแล้วก็เห็นรูปโพลาลอยด์ที่เธอถ่ายกับภูผาตอนถือโคม แพรไหมมองรูปนั้นอย่างรู้สึกผิด
“ฉันจะไปแล้วนะคะ..ถ้าโชคดีฉันคงได้พบคุณอีกแล้วได้ตอบแทนน้ำใจที่คุณช่วยเหลือฉันบ้าง”
ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดพรวดเข้ามา แพรไหมหันไปมองด้วยความตกใจ เธอรีบเก็บรูปใส่กระเป๋ากางเกงทันที พันทิญากับวนิดาเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“เก็บของเสร็จรึยัง” พันทิญาถาม
“เสร็จแล้วค่ะ”
“น้าโทรเรียกแท็กซี่มารอหน้าบ้านแล้ว..ถ้าพี่ศุเข้านอนก็ลงไปได้เลย” วนิดาบอก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แล้วน้อยก็เปิดประตูเข้ามา
“ป้าสมใจกับคุณผู้หญิงเข้านอนแล้วค่ะ” น้อยบอก
“งั้นก็รีบไปเลย..แล้วก็ดูตาม้าตาเรือให้ดีอย่าให้ถูกจับตัวกลับมาอีกล่ะ” พันทิญาสั่ง
“ค่ะ” แพรไหมยกมือไหว้ “ขอบคุณพี่พันกับน้าดามากนะคะที่ช่วยแพร..ถึงอเมริกาแล้วแพรจะโทรมาหา”
“อย่าเสียเวลาขอบอกขอบใจกันอยู่เลยรีบไปเถอะ” วนิดาเร่ง
“ค่ะ” แพรไหมรับคำแล้วรีบไปยกกระเป๋า
พันทิญากับวนิดามองหน้ากันแล้วยิ้มสมใจ

น้อยยื่นหน้าออกไปหน้าบ้านเพื่อมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นใครก็กวักมือเรียกแพรไหม แพรไหมหิ้วกระเป๋าแล้ววิ่งมาแอบหลังน้อย น้อยยื่นหน้าออกไปมองทางหน้าบ้านพอเห็นไม่มีใครก็วิ่งนำไป แพรไหมวิ่งตาม

น้อยวิ่งมาไขกุญแจประตูหน้าบ้านอย่างระแวดระวัง พอไขเสร็จก็เปิดประตูแล้วกวักมือเรียกแพรไหม
“มาค่ะคุณแพร”
แพรไหมหิ้วกระเป๋าวิ่งมาที่ประตู
แพรไหมหยิบเงิน 2พันส่งให้น้อย “ขอบใจมากนะน้อย”
“รีบไปเถอะค่ะ” น้อยบอก
แพรไหมพยักหน้าแล้วจะเดินออกจากประตูแต่ก็มีมือมาจับไว้
“จะหนีอีกแล้วเหรอ” เสียงศุภลักษณ์ดังขึ้น
แพรไหมกับน้อยหันไปเห็นศุภลักษณ์อยู่ในชุดนอนกำลังยืนมองด้วยสายตาโมโห
“คุณแม่!!” แพรไหมตกใจ

ศุภลักษณ์ดึงพาสปอร์ตจากกระเป๋าถือของแพรไหมอย่างโมโห
“เอามานี่. ทำไมลูกถึงทำกับแม่อย่างนี้”
แพรไหมนั่งก้มหน้าอยู่ต่อหน้าศุภลักษณ์อย่างรู้สึกผิด ส่วนน้อยนั่งก้มหน้าอย่างกลัวๆ พันทิญากับวนิดามองแพรไหมอย่างไม่พอใจที่แพรไหมหนีไปไม่ได้
แพรไหมพูดเสียงอ่อย “คุณแม่ก็รู้ว่าแพรไม่อยากแต่งงานกับเจ้าแสงฉาย”
“เจ้าแสงฉายเป็นถึงเจ้าเมืองมีทรัพย์สินมหาศาลประมาณค่าไม่ได้..ลูกหายไปเค้าก็ส่งคนออกตามหา เค้าพิสูจน์แล้วว่ารักลูกมากแค่ไหนทำไมแพรถึงยังไม่ยอมรับเค้าอีก”
“แพรไม่ได้รักเค้า”
“ความรักไม่ได้ช่วยให้ชีวิตคู่มีความสุขเท่าความเหมาะสมหรอกนะ”
“ไม่จริงหรอกค่ะการได้อยู่กับคนรักกันยังไงก็มีความสุขกว่าอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก” แพรไหมยืนยัน
“คุณแม่ขา..ในเมื่อยัยแพรไม่ได้รักเจ้าก็ยกเลิกการแต่งงานไปเถอะค่ะ ยัยแพรจะได้ไม่ต้องหนี คุณแม่กับยัยแพรก็ไม่ต้องทะเลาะกัน บ้านเราจะได้กลับมาสงบสุขเหมือนเดิม” พันทิญาเสนอ
“แต่แม่รับปากเจ้าแสงฉายไปแล้ว..แม่กลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้ ยังไงยัยแพรก็ต้องแต่งงานกับเจ้า”
“บังคับกันอย่างนี้เดี๋ยวยัยแพรหนีไปแล้วไม่กลับมาคนที่ช้ำใจที่สุดจะเป็นพี่ศุนะคะ” วนิดาบอก
“พี่ไม่ปล่อยให้ยัยแพรหนีไปง่าย ๆ อีกแล้ว” ศุภลักษณ์พูดกับแพรไหม “แม่จะยึดพาสปอร์ตแพรไว้ แล้วต่อไปนี้แพรต้องไปร้านกับแม่ทุกวันต้องมานอนกับแม่ทุกคืน..ถ้าจะออกไปเที่ยวก็ไปได้แต่กับเจ้าแสงฉายเท่านั้น”
“คุณแม่จะทำอย่างนี้กับแพรไม่ได้นะคะ คุณแม่ต้องให้แพรมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง”
“ลูกทำผิดไม่มีสิทธิ์ต่อรอง...” ศุภลักษณ์หันไปหาน้อย “ส่วนเธอ”
น้อยมองศุภลักษณ์อย่างกลัว ๆ
“ฉันไล่เธอออก” ศุภลักษณ์พูดเด็ดขาด
“น้อยทำตามคำสั่งแพร..อย่าไล่น้อยออกเลยนะคะคุณแม่” แพรไหมช่วยพูด
น้อยรีบคลานไปเกาะขาศุภลักษณ์
“น้อยสาบานค่ะว่าน้อยจะไม่เห็นแก่เงินแล้วช่วยคุณแพรหนีอีกแล้ว..อย่าไล่น้อยออกเลยนะคะ” น้อยพนมมือ “น้อยกราบละคะ”
ศุภลักษณ์มองน้อยด้วยความสงสาร “ไม่ต้อง..แต่ถ้าช่วยลูกฉันทำเรื่องผิด ๆ อีก ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”
น้อยยกมือไหว้ “ขอบคุณคุณผู้หญิงมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”

พันทิญากระแทกตัวลงนั่งบนเตียงของเธอด้วยความโมโห
“วางแผนให้หนีแต่ก็ยังหนีไม่รอด...ทำไมนังแพรมันถึงได้ โง่ๆๆๆ อย่างนี้นะ”
“ครั้งนี้จะว่าแพรโง่ก็ไม่ได้เรียกว่าโชคร้ายดีกว่าที่ดันไปเจอพี่ศุที่นอนไม่หลับแล้วลงมาเดินเล่นในสวนพอดี” วนิดาพูด
“ต้องทำยังไงพันถึงจะกำจัดมันออกไปจากบ้านนี้ได้นะ” พันทิญาไม่พอใจ
“ปล่อยไปสักพักให้พี่ศุตายใจ..แล้วค่อยแอบขโมยพาสปอร์ตช่วยยัยแพรให้หนีอีกที” วนิดาเสนอ
พันทิญาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ทันใดนั้นเสียงแมสเสสจากไอโฟนของเธอก็ดังขึ้น พันทิญาหยิบไอโฟนขึ้นมาดู
“คุณพิพัฒน์”
พันทิญากับวนิดายิ้มด้วยความดีใจ
พันทิญารีบกดอ่านข้อความ “ขอโทษที่ส่งข้อความมารบกวน แต่ถ้าไม่ได้บอกคุณผมคงนอนไม่หลับ ฝันดีนะครับ”
“มีหนุ่มๆ แมสเสจมาบอกฝันดีคงช่วยให้หายหงุดหงิดเรื่องยัยแพรแล้วใช่มั้ย” วนิดาถาม
พันทิญายิ้มดีใจ “มากเลยละค่ะ” พันทิญายิ้มอย่างมีแผน

“คุณพิพัฒน์เริ่มจีบพันแล้วถึงเวลาขว้างของเล่นทิ้งซะที”

อ่านต่อตอนที่ 2 เวลา 17.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น