มาหยารัศมี ตอนที่ 3
เวลาผ่านไป ธิติรัตน์ตัดสินใจเปิดบริษัทโฆษณากับก๊วนเพื่อนลูกหลานไฮโซ ศรัณย์ แล้วก็วีระ ออฟฟิศของธิติรัตน์ ตกแต่งทันสมัย โลโก้ป้ายชื่อบริษัทออกแนว เก๋เท่ เปิดบริษัทไม่เท่าไหร่ก็เริ่มมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
เช้าวันนั้น ทีมงานส่วนหนึ่งทำงานกันอยู่ ส่วนด้านหลังวีระกับศรัณย์คุยกันหน้าเครียดอยู่ ธิติรัตน์เดินลงมาหา
“ไง? เพื่อน งานเรียบร้อยดีมั้ย”
ศรัณย์อ้อมๆ แอ้มๆ “ดี ทุกอย่างดี ออกจากผับ วีระมันก็พุ่งมาที่นี่เลย”
“ตอนนี้รอโมเดลลิ่งพาเด็กมาแคสต์อย่างเดียว” วีระบอก
เห็นหน้าเพื่อนสองคนธิติรัตน์ถามขึ้นด้วยความสงสัย “แล้วทำไม ทำหน้ากันอย่างนั้น”
“มีคนมารอนายอยู่” ศรัณย์บอก
“ใคร” ธิติรัตน์งง ไม่ได้นัดใครไว้
ดุจแขเดินออกมาจากออฟฟิศ พร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ “แขเองค่ะ”
ดุจแขทอดยิ้มหวานให้แต่ธิติรัตน์หน้าตึง
ดุจแขตามมาที่ห้องทำงานธิติรัตน์ ยื่นช่อดอกไม้ให้ พลางทำเสียงหวานออดอ้อน
“คงไม่ช้าเกินไปนะคะที่แขมาแสดงความยินดี พอดีเพิ่งทราบน่ะค่ะว่าคุณชายเปิดบริษัท”
ธิติรัตน์รับดอกไม้แล้ววางไว้อย่างไม่ยินดียินร้าย “คุณจะทราบหรือไม่ทราบบริษัทผมก็ต้องเปิดอยู่ดี”
“คุณชายยังโกรธแขอยู่หรือคะ?”
ธิติรัตน์ยิ้มเหยียด น้ำเสียงดูแคลน “คุณให้ค่าตัวเองสูงจัง”
ดุจแขยิ้มอ้อนเข้ามากอด “ก็คุณชายทำหน้าบึ้งใส่แข จะไม่ให้แขเข้าใจว่าคุณชายโกรธได้ยังไง? แขขอโทษค่ะที่ทำให้คุณชายเสียใจ ยังไงแขก็รักคุณชายเหมือนเดิม”
ธิติรัตน์ยิ้ม “คุณเหมือนเดิมเลยนะ”
ดุจแขยิ้มออกมาอย่างดีใจ “ค่ะ...แขยังเหมือนเดิม ทุกอย่าง”
“ใช่” ธิติรัตน์เน้นเสียง “ชอบคิดเข้าข้างตัวเอง แล้วก็ชอบเออออเอาเอง”
ดุจแขตกใจ “คุณชาย”
“ผมเป็นผู้ชาย ไม่อยากพูดอะไรมาก แต่เราจบกันไปนานแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณทิ้งผมไปแต่งงานกับคนอื่น เพราะฉะนั้นวันนี้ต่างคนต่างไป” ธิติรัตน์เดินหนี
“คุณชาย” ดุจแขวิ่งมากอดแขน
ศรัณย์เคาะประตูแล้วเข้ามาชะงัก “เอ่อ!!ขอโทษ พอดีจะมาบอกโมเดลลิ่งพาเด็กมาแคสต์แล้ว”
“ก็ไปสิ จะได้ทำงานกัน”
ธิติรัตน์เดินออกไปกับศรัณย์โดยไม่แยแสดุจแขเลย ดุจแขเสียหน้ามากโกรธจนตัวสั่น
“อีกอย่างที่คุณชายน่าจะรู้...คนอย่างดุจแขแพ้ไม่เป็น”
ดุจแขพูดเสียงเครือๆ แล้วสูดลมหายใจเดินออกไปพร้อมรอยยิ้มหวานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เวลาต่อมาภายในสตูดิโอ ทีมงานเตรียมการแคสติ้ง มีนางแบบสาวๆ หลายคนอยู่ในนั้น กับวีระและทีมงาน ธิติรัตน์เดินเข้าไปพร้อมศรัณย์ ทุกคนหันมามอง หนึ่งในนั้นเจ๊กอไก่ซึ่งนำเด็กในสังกัดมาแคสต์ยกมือไหว้ทันที
“สวัสดีค่ะคุณชาย...วันนี้เจ๊พาน้องๆ มาแคสต์งานหลายคนเลย” หันมาทางเด็กในเครือ “สวัสดีคุณชายเร็วๆ จ้ะ” หันมาแนะนำเด็กๆกับธิติรัตน์ “นี่...น้องมิลกี้ น้องเชอรี่ น้องเพนท์ น้องโมจิ น้องกิมจิ แล้วก็...น้องเดือนแรม”
ธิติรัตน์ชะงัก มองหน้าเดือนแรมที่ยิ้มกว้างมองอยู่แล้ว เพราะเห็นธิติรัตน์ตั้งแต่แรกเดินเข้ามา
ราชนิกูลหนุ่มหน้าเครียด คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเดือนแรม
ระหว่างนั้นดุจแขเดินเข้ามาในสตูดิโอมองเดือนแรม สลับมองหน้าธิติรัตน์ฉายแววไม่พอใจมาก
การแคสติ้งเริ่มขึ้นแล้ว สาวๆ แต่ละคนทยอยแคสต์เรียบร้อย แต่พอมาถึงเดือนแรม ไม่ว่าเดือนแรมจะโพส หรือทำท่าอะไร ธิติรัตน์ก็มองอย่างขวางหูขวางตาไปสิ้น แต่เดือนแรมยิ้ม ยิ่งเห็นธิติรัตน์อยู่ตรงหน้า เดือนแรมยิ่งฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ ดวงตาเป็นประกายสดใส และนั่นทำให้เดือนแรมก็ดูสวยและโดดเด่นมากกว่านางแบบคนอื่นๆ
ดุจแขค่อยๆ เดินออกจากห้องเงียบๆ ดวงตาวาวโรจน์โกรธจัด
เวลานั้นจันทราแต่งตัวสวยงาม เดินนวยนาดออกมา เหมือนจะออกนอกบ้าน เมินเดินเข้ามาถาม
“จะออกไปไหน?” เมินสงสัย
“พายายเพ็ญไปหาคุณชายหน่อยค่ะ”
เมินเสียงเข้มขึ้นมา “ใครอนุญาต?”
“ถึงคุณเมินไม่อนุญาต ฉันก็จะพายายเพ็ญไปค่ะ” จันทราบอกหน้าเฉย
“แค่ที่ฝั่งคุณชายเค้าทำ คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือ?” เมินบอกให้สำเหนียก
“รู้อะไรคะ”
“ก็ที่เค้าไม่ติดต่อผมเลยเป็นเวลากว่ายี่สิบปี เพราะเค้ารังเกียจที่ผมทำร้ายราศรี มีคุณเป็นเมียน้อย”
“เรื่องของเค้า สิ่งเดียวที่ฉันต้องการคือให้ยายเพ็ญในนามมาหยารัศมีแต่งงานกับคุณชายให้เร็วที่สุด และถ้าคุณไม่จัดการ ฉันก็จะจัดการเอง” จันทราพลางตะโกนเรียกลูกสาวเสียงดังลั่น “ยายเพ็ญ..แต่งตัวเสร็จหรือยัง จะได้ไปลูก”
เพ็ญประกายยังไม่มา มีแป้นที่วิ่งเข้ามา
“คุณผู้ชายขา...มีคนมาหาค่ะ”
“ใคร?” จันทราถามก่อน
“เค้าบอกว่าชื่อสุดใจค่ะ”
จันทราตกใจแทบช็อค “สุดใจ” รีบแก้เก้อ “อ้อ! ลูกหนี้ ที่ค้างค่าเช่าบ้านเรามาหลายเดือน นี่คงกะจะมาขอร้องคุณเมินให้เห็นใจ เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ”
จันทรารีบเดินออกไปด้วยหัวใจเต้นรัว
จันทราลากมือสุดใจมาพูดในสวนที่ลับตาคน สุดใจหน้าเสีย จันทราตวาดแว้ด
“แกนี่มันร้ายมาก คิดจะมาบอกคุณเมินหรือไง?”
“ค่ะ...”
“นังงูพิษ...ฉันให้เงินแกไปแล้วนะ”
“ฉันจะเอาเงินมาคืนคุณนี่แหละค่ะ” สุดใจยื่นเช็คให้
จันทราโกรธมาก “นังสุดใจ” ปัดมือทิ้ง เช็คหล่นลงพื้น
สุดใจร้องไห้โฮ ด้านหลัง เมินมาแอบมองไม่เห็นหน้าสุดใจเพราะถูกบังอยู่ แต่เมินเห็นกระดาษหล่นลงพื้น สุดใจร้องไห้คร่ำครวญกับจันทรา
“ฉันไม่อยากทำเวรทำกรรมอีกแล้วค่ะ ฉันกลัวบาป เอาเงินคุณคืนไป แล้วให้ฉันพบคุณเมิน ฉันพร้อมจะสารภาพผิดทุกอย่าง จะติดคุกติดตะรางก็ช่าง ฉันยอม”
จันทราพูดตอกหน้า ช้า ชัด เสียงเข้มขุ่น ใบหน้าเหี้ยม “แกเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ สุดใจ ถึงได้พูดอย่างนี้”
“ค่ะฉันบ้าไปแล้ว บ้าเพราะความผิดที่มันฝังอยู่กับตัว”
“ฉันจะให้โอกาสแก กลับไป แล้วอย่ามาที่นี่อีก ไม่อย่างนั้น แกคงรู้ใช่มั้ยว่าฉันจะทำอะไร?”
สุดใจมองจ้องหน้า จันทราตวาดต่อว่า
“แกพลาดไปแล้วที่มาที่นี่ แล้วอย่าได้คิด ว่าแกจะเข้ามาที่นี่ได้อีก” ตะโกนเรียกบ่าวคู่ใจ “แป้น แป้น”
แป้นวิ่งเข้ามา “ขาคุณนาย”
“เอาตัวผู้หญิงคนนี้ออกไป แล้วอย่าให้เข้ามาได้อีก”
“ค่ะ” แป้นตรงเข้ามาฉุดกระชาก
“ไม่..ฉันไม่ไป ฉันจะพบคุณเมิน”
“นังบ้านี่”
จันทราเอามืออุดปากสุดใจ สองบ่าวนายช่วยกันลากออกไป เมินมองเห็นแต่ด้านหลังสามคนฉุดกันไปถูลู่ถูกัง
ไม่นานแป้นกับจันทรา ผลักสุดใจออกนอกบ้าน “ออกไป๊”
แป้นปิดประตูดังโครม สุดใจร้องไห้โฮ
“คุณราศรี หนูมาหยารัศมี อภัยให้ฉันด้วย ฉันไม่รู้จะช่วยคุณยังไงจริงๆ”
สุดใจได้แต่ปาดน้ำตา ความรู้สึกผิดรุมเร้าขึ้นทุกวัน
ส่วนเมินเดินมายังจุดที่จันทราคุยกับสุดใจ เห็นเช็คเงินสดใบหนึ่งหล่นอยู่ เป็นแคชเชียร์เช็ค ไม่ระบุชื่อ เมินหยิบขึ้นมาดู เห็นตัวเลขจ่ายจำนวนเงิน 500,000 บาท เมินมองครุ่นคิด
“เงินอะไรห้าแสน”
เมินมองอบ่างงงๆ สงสัยครามครัน
ค่ำวันนั้นภายในห้องประชุมบริษัท ทุกคนนั่งทำงานกันอยู่ ดูภาพการแคสติ้งวันนี้เสร็จแล้ว ธิติรัตน์ถามความเห็นทีมงาน
“พวกคุณว่าไง? ใครเหมาะที่สุด จะได้ส่งให้เอเจนซี่”
ทุกคนต่างพูดเสียงเดียวกัน “แรม...เดือนแรม”
ธิติรัตน์สำลักกาแฟพรวด “เดือนแรม”
ศรัณย์เสริม “ใช่!!น้องเค้ามีเสน่ห์ น่ารัก เป็นธรรมชาติมาก”
ธิติรัตน์ท้วง “ทุกคนที่มาก็เป็นธรรมชาติทุกคน”
วีระฟังอยู่พูดแย้งขึ้นทันที “แต่น้องแรม ธรรมชาติที่สุด ไม่มีจริตจะก้าน พูดตรงๆไม่แอ๊บ”
ธิติรัตน์พูดอย่างขวางๆ “แต่คนจะอยู่ในวงการ มันก็ต้องแอ๊บบ้าง”
“นั่นเป็นเรื่องของคนอื่น เรื่องของเราคือ คัดเลือกคนที่เหมาะสมให้เอเจนซี่แล้วสำหรับฉัน น้องเดือนแรม เหมาะที่สุด” ศรัณย์บอก
“ใช่ชื่อเก๋ด้วย เดือนแรม” วีระว่า
“ตกลง ทุกคนเลือกเดือนแรม”
ทุกคนประสานสานเสียง “ฮื่อ” / “ครับ”
ศรัณย์นึกสงสัย “หรือนายจะเลือกใคร”
“ก็...เดือนแรมนั่นแหละ”
ธิติรัตน์สรุปแบบเสียไม่ได้ เขม้นมองภาพแคสติ้งของเดือนแรมในจอทีวี
คืนนั้นภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ดุจแขนั่งเครียดดื่มเหล้าอยู่ นัยน์ตากร้านโลก บอกว่าไม่มีความสุข ภาพเหตุการณ์วันนี้หลอกหลอน
ธิติรัตน์พูดคุยกับเดือนแรมอย่างเอื้อเอ็นดู อีกจังหวะเห็นธิติรัตน์มองจ้องเดือนแรม
“เธอกับฉันกระดูกคนละเบอร์ ฉันไม่คิดว่าเธอเป็นคู่แข่งหรอกเดือนแรม”
นัยน์ตาดุจแขฉายโชนมาดมั่น ไม่ยอมแพ้ กดโทรศัพท์โทร.ออก
“คุณศรัณย์คะ...แขมีเรื่องไม่สบายใจ คุณศรัณย์ออกมาหาแขหน่อยได้มั้ยคะ”
ไม่นานนัก ศรัณย์จอดรถที่ลานจอดหน้าร้านอาหาร วีระที่มาด้วยบ่นอุบ
“คุณดุจแขเค้าชวนแก แล้วแกชวนฉันมาทำไมวะ?”
“ก็ฉันกลัวนี่หว่า...คุณดุจแขเป็นแฟนเก่านายชาย มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่มั้งถ้าฉันจะไปนั่งกินข้าวกับเค้าตามลำพังน่ะ” ศรัณย์ว่า
“เลยเอาฉันมาเป็นไม้กันหมา” วีระเหน็บ
ศรัณย์ยิ้ม “ประมาณนั้น”
ระหว่างนั้นเดือนแรมเดินอยู่ที่หน้าร้าน สองหนุ่มเห็นรู้สึกดีใจ
“แรม”
เดือนแรมหันมาเห็นยิ้มดีใจ “สวัสดีค่ะคุณวีระ คุณศรัณย์”
ศรัณย์สงสัย “แรมมาทานข้าวเหรอ”
“เปล่าค่ะ เพื่อนโทร.ไปบอกว่าร้านขาดคน เลยให้แรมมาช่วยหน่อยมาทานข้าวกันเหรอคะ”
“จ้ะ”
“งั้นเชิญด้านในค่ะ เดี๋ยวแรมเปลี่ยนชุดแล้วแรมจะรีบมาดูแลค่ะ”
สองหนุ่มประสานเสียง “จ้ะ”
เดือนแรมผายมือให้วีระกับศรัณย์เดินเข้าไป เดือนแรมเดินเข้าไปในร้าน แยกไปอีกทาง
ดุจแขเห็นสองหนุ่มเดินเข้ามา ก็รีบแอ๊บทำท่าเมามายนอนฟุบคาโต๊ะ คุมสติไม่อยู่
สองคนตกใจหันมามองหน้ากัน “เฮ้ย!!คุณดุจแข” รีบเข้าไปหา
ศรัณย์เรียก “คุณดุจแขครับ”
ดุจแขเงยหน้าขึ้นมองสองหนุ่ม พูดเสียงอ้อแอแทบไม่เป็นภาษา “คุณศรัณย์ คุณวีระ”
“ทำไมถึงเมาขนาดนี้ล่ะครับ” วีระถาม
ดุจแขสั่งน้ำตาราวกับดราม่าควีน ร้องไห้ออกมา “แขเสียใจ...ทำไม ทำไมคุณชายจึงใจร้ายกับแข...แขไม่ได้ต้องการกลับไปเป็นเหมือนเดิม แข..แค่ต้องการเพื่อน...แต่คุณชายก็ให้แขไม่ได้”
ดุจแขทำคอพับคออ่อนร้องไห้ เพ้อๆ ศรัณย์ปลอบ “ใจเย็นๆก่อนครับ อาจจะไม่มีอะไร”
“มีค่ะ...คุณชายไม่ต้องการรู้จักกับแข ทั้งๆ ที่แข..แขแค่ ต้องการใครสักคน คอยรับฟัง คอยเป็นเพื่อน คอยปลอบใจ เวลาที่แขมีปัญหา และที่ผ่านมาก็มีคุณชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่เข้าใจแขมากที่สุด ห่วงใยแขที่สุด แล้วทำไมคุณชายถึงทำกับแขแบบนี้” ดุจแขพรั่งพรูอย่างขมขื่นใจสุดๆ “ทำกับแขแบบนี้” ร้องไห้สะอึกสะอื้น จนตัวโยน
วีระปลอบบ้าง “ใจเย็นๆ ก่อนครับคุณแข คงไม่มีอะไรจริงๆ คุณแขอาจจะเข้าใจนายชายผิดไปก็ได้”
ดุจแขก้มหน้าลงกับโต๊ะ พูดเสียงอ้อแอ้แบบคนเมา “ไม่..คุณชายไม่ต้องการรู้จักกับแขแล้ว”
วีระกับศรัณย์มองหน้ากันเป็นเชิงถามเอาไงดี ขณะที่ดุจแขคว้าแก้วเหล้ามาดื่มอีก
สองคนรีบห้าม “อย่าครับคุณแข” บอกพร้อมกัน
“ไม่ค่ะแขจะเมาเมาให้ตายไปเลย” ดุจแขแกล้งเพ้อ “ทำไมคุณชายถึงได้ใจร้ายกับแข”
ศรัณย์รีบบอกวีระ “โทร.ตามนายชายดีกว่า”
วีระเห็นดีด้วย “ได้ๆ” รีบโทร.ทันที รอสาย “ชาย..มาทานข้าวกันหน่อย มีเรื่องจะคุยด้วย รออยู่ที่ร้านเดิมนะ”
ดุจแขแอบลอบยิ้ม พอใจที่เป็นไปตามแผน
เวลาเดียวกันเมินกับจันทรา เดินออกมาจากโรงแรมแห่งหนึ่ง ตรงไปที่ลานจอดรถ
“ดินเนอร์ที่นี่อร่อยจังเลยนะคะคุณเมิน วันหลังเรามาทานกันอีกนะคะ จันทร์ช้อบชอบ”
เมินนิ่งเงียบไม่ตอบ เหมือนคิดอะไรอยู่
ที่แท้เมินหวนนึกค่ำนั้นในอดีตที่โรงแรมแห่งนี้ เมินมากับราศรีเดินมาด้วยกัน ตอนนั้นราศรียังไม่ท้อง
“วันหลังทานข้าวที่บ้านก็ได้นะคะ...อยากได้อะไรเดี๋ยวฉันทำให้ มาทานที่นี่บ่อยๆ...” ราศรีแอบอมยิ้ม “เปลือง”
“แต่วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของเรา ผมอยากทำอะไรพิเศษให้คุณ”
ดวงตาราศรีฉายแววตื่นเต้น “คุณจำได้”
จังหวะนั้น พนักงานเดินมาพร้อมดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่ เมินรับมายื่นให้ราศรี
“ผมรักคุณนะราศรี”
“ฉันก็รักคุณค่ะคุณเมิน”
เมินโอบกอดราศรี แสนอบอุ่นมีความสุข
พอเห็นเมินนิ่งเฉยเหมือนคิดอะไรอยู่ จันทรานึกออก วี้ดขึ้นมา
“คุณเมิน”
“อะไร”
“คุณคิดถึงคุณราศีอีกแล้วใช่มั้ย?” เริ่มทุบตีตามตัวสามี “แค่เห็นโรงแรมบ้าๆ นี่คุณก็คิดถึงเค้า อีกแล้วใช่มั้ย?”
เมินทำท่ารำคาญไม่อยากพูดด้วย เดินไปที่จอดรถ จันทราตามติด
“ถ้าคุณจะมาเพื่อรื้อฟื้นความหลัง ระหว่างคุณกับเค้า วันหลังคุณไม่ต้องพาฉันมาที่นี่”
เมินพูดน้ำเสียงเบื่อหน่าย “ก็คุณเป็นคนคะยั้นคะยอให้ผมมาไม่ใช่เหรอ จันทรา”
เมินเดินไปที่รถเลย จันทราได้แต่ยืนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด
“ขนาดไม่มีมัน ไม่มีลูกมัน คุณยังรักคิดถึงมันขนาดนี้ฉันเกลียดคุณคุณเมิน”
จันทราน้อยใจ ปนแค้นเคืองใจ
ที่ร้านอาหารเวลานั้น ดุจแขทำอ้อแอ้แกล้งเมาหนัก ศรัณย์กับวีระมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“นายชายไม่มาซักที ฉันว่าเราพาคุณดุจแขกลับก่อนเถอะว่ะ” ศรัณย์ปรารภ
ดุจแขแกล้งเมามากขึ้น “ไม่...แขไม่กลับ แขจะรอคุณชาย” พูดเสียงอ้อแอ้ “แขจะรอเคลียร์กับคุณชาย” เพื่อให้สมบทบาท ดุจแขทำท่าจะอาละวาดกวาดข้าวของบนโต๊ะ
ศรัณย์รีบห้าม “อย่าครับคุณแข” ปรึกษากับวีระ “พาคุณแขกลับดีกว่า”
สองคนตรงเข้ามาหาดุจแขประคอง ดุจแขดิ้นรนขัดขืน
“แขไม่กลับ”
ดุจแขพยายามสะบัดตัวออก แต่ถูกสองหนุ่มล็อกแขนเอาไว้คนละข้าง พาไป ดุจแขดิ้นรนโวยวายดังก้อง
“ไม่ แขไม่กลับๆๆๆ”
เดือนแรมที่ดูแลบริเวณนั้นเดินหน้าตาตื่นเข้ามาอย่างตกใจ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ศรัณย์หันมาบอก “ไม่มี..ถ้านายชายมา แรมบอกด้วยแล้วกัน ว่าพวกฉันกลับไปแล้ว
“ค่ะๆ” เดือนแรมจะเดินไป
ดุจแขหรี่ตาขึ้นมองเดือนแรม จำได้ หมั่นไส้ขึ้นมาแล้ว
“ไปครับคุณแข” วีระบอก
ดุจแขทำเนียนดิ้นใหญ่ จัดหนัก “แขไม่กลับๆๆๆ”
ดุจแขยกเท้ากระทืบใส่เท้าเดือนแรม ทำให้เหมือนว่าพลาดเมาไม่ได้ตั้งใจ
“โอ๊ย” เดือนแรมเจ็บ
ดุจแขไม่หยุดออกแรงดิ้นเหวี่ยงตัวไปมา ทั้งมือทั้งเท้าไปถูกเดือนแรมเต็มแรง แล้วยังแกล้งล้มโถมทั้งตัวมาถูกเดือนแรม จนล้มลงไป ดุจแขแกล้งเสียหลักล้มลงไปทับ โก่งคออาเจียนใส่แบบคนเมาไม่รู้ตัว
“ว้าย” เดือนแรมตกใจ
ด้านสองหนุ่มเองก็ตกใจมากเช่นกัน “แรม”
สองหนุ่มพยายามจะเข้ามาช่วย แต่ดุจแขแกล้งเอามือกางออกคร่อมร่างเดือนแรมเอาไว้ แล้วโก่งคออาเจียนใส่อีก จังหวะหนึ่งศรัณย์ตัดสินใจกระชากร่างของดุจแขขึ้นมา ขณะที่วีระประคองร่างเดือนแรมขึ้นมาเหมือนกัน ดุจแขแอบมองอย่างไม่พอใจ แกล้งอาละวาดหนักขึ้น
“ปล่อยแข อย่ามายุ่งกับแข ปล่อยๆๆๆ”
อาศัยทีเผลอดุจแขผลักศรัณย์ จนเซไปด้านหลัง แล้วก็เดินเซแซดๆ เหมือนจะล้ม
วีระเข้ามาประคอง “ระวังครับคุณแข”
ดุจแขเหวี่ยงวีระออกไปเต็มแรง หมั่นไส้ที่ไปช่วยเดือนแรมเมื่อ
ร่างวีระเซไปชนเดือนแรมตามที่ดุจแขคาดไว้ เดือนแรมร้องเสียงหลง “ว้าย”
เดือนแรมเซไปจะล้มแล้ว ธิติรัตน์เข้ามารีบรับร่างของเดือนแรมเอาไว้
เดือนแรมหันไปมองเห็นเป็นธิติรัตน์ “คุณชาย”
ทุกคนหันขวับมามอง โดยเฉพาะดุจแข ธิติรัตน์มองสภาพดุจแขไม่พอใจ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
ศรัณย์รีบบอก “คุณแขเมา”
ดุจแขอินบทแกล้งเมาต่อร้องโวยวาย “แขไม่ได้เมา..แขไม่ได้เมา คุณชาย...คุณชายต้องคุยกับแขให้รู้เรื่อง”
“ผมไม่มีอะไรจะคุย” ธิติรัตน์ไม่สนใจดุจแข หันมาทางเดือนแรม “เธอมากับฉัน”
ทุกคนมองจ้อง โดยเฉพาะดุจแขเขม้นมอง เจ็บปวดและเคืองแค้น
“แล้วคุณแข” วีระถาม
“นายมากับเค้า นายก็ดูแลเค้าด้วยแล้วกัน”
ธิติรัตน์ลากมือแรมออกไป ดุจแขโวยลั่น
“คุณชาย....กลับมา แขอยากคุยกับคนชาย”
ดุจแขโวยวายโหวกเหวก แขกในร้านหันมามองหนักเข้า จนสองหนุ่มอายรีบลากดุจแขออกไป
ธิติรัตน์ลากเดือนแรมไปทางห้องน้ำของร้านอาหาร วีระกับศรัณย์ลากดุจแขออกมาข้างนอก
สรรชัยขับรถมาจอด เห็นดุจแขพอดี สรรชัยตาวาวโกรธ รีบลงจากรถ ดุจแขตะโกนก้อง
“คุณชายๆๆ” ดิ้นรนจะไปหาธิติรัตน์ “ปล่อยแข แขจะคุยกับคุณชาย”
“คุณชายไปแล้ว กลับบ้านดีกว่าครับ” ศรัณย์บอก
“แขไม่กลับ”
ดุจแขสะบัดตัวอีก จนหลุดแต่เสียหลักล้มลง สรรชัยเข้ามารับตัวเอาไว้ทัน
ดุจแขมองอย่างคาดไม่ถึง “สรรชัย”
สรรชัยมองไปที่สองหนุ่ม “ขอโทษครับ เธอเมามาก เดี๋ยวผมพาเธอกลับบ้านเอง”
สองหนุ่มมองสงสัย ไม่รู้จักสรรชัย สรรชัยรีบบอก
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมกับคุณดุจแข เราอยู่บ้านเดียวกัน”
ดุจแขอึ้ง ลืมไปเลยว่าแกล้งเมา ยอมให้สรรชัยพาเดินออกไปที่รถโดยดี สองหนุ่ม
มองตามอย่างงงงวย
เดือนแรมเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินออกมาที่หน้าร้าน เจอธิติรัตน์รออยู่
“เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณชาย แรมกลับเองได้”
“ฉันอยากขอโทษแทนดุจแข ไป”
ธิติรัตน์เดินนำไปที่รถเลย เดือนแรมเดินตามจ๋อยๆ
ธิติรัตน์ขับรถมาเรื่อยๆ จังหวะหนึ่งถามเดือนแรมเรื่องบ้าน
“บ้านเธออยู่ไหน?”
เดือนแรมทำท่าจะตอบ แต่มีเสียงมือถือดังขัด เดือนแรมรีบกดรับ
“สวัสดีค่ะ”
เพ็ญประกายโทร.มาจากบ้าน ท่าทางเป็นห่วง ร้อนใจมาก
“แรม..ตะกี้คุณพ่อโทร.มาถาม บอกว่าแรมถึงบ้านหรือยัง? พี่บอกว่าแรมคงทำงานอยู่ แรมรีบกลับบ้านนะ ก่อนที่คุณพ่อจะกลับมา”
“ค่ะ”
เดือนแรมวางสายสีหน้าไม่สบายใจ ท่าทีหวั่นกลัว ธิติรัตน์เอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวฉันแวะเติมน้ำมันหน่อย”
รถแล่นเข้าไปจอดในปั๊ม
พอเติมน้ำมันเสร็จเด็กพนักงานรีบบอก
“เครื่องรูดบัตรที่นี่เสีย รบกวนพี่รูดบัตรด้านในนะครับ”
เด็กปั๊มพาธิติรัตน์ไป เดือนแรมนั่งรออยู่ในรถ เป็นเวลาเดียวกับที่เมินขับรถแวะเติมน้ำมัน
พร้อมจันทรา เดือนแรมเห็นพ่อตกใจมาก
“คุณพ่อ” สีหน้ากังวลหนัก “ถ้าคุณพ่อเห็นเรากลับบ้านพร้อมผู้ชาย ตายแน่ๆ”
เดือนแรมมองซ้ายมองขวา ในจังหวะที่เมินกับจันทราเผลอ เดือนแรมรีบหลบลงจากรถธิติรัตน์วิ่งไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
ธิติรัตน์กลับมา จึงไม่เห็นเดือนแรมแล้ว
“ไปไหน?” ถามเด็กปั๊มที่อยู่ตรงนั้น “น้อง เห็นเด็กผู้หญิงที่มากับฉันมั้ย?”
“เห็นลงจากรถไปแล้วครับ”
“เธอนี่...มันจริงๆ เลยเดือนแรม”
ธิติรัตน์ขับรถไปอย่างฉุนจัด จันทราหันมาเห็นพอดี
“อ้าว”
“อะไรคุณ”
“คุณชายธิติรัตน์ เสียดายจังค่ะ น่าจะได้คุยกันหน่อย ฉันจะได้เกริ่นเรื่องงานหมั้นหน่อย”
“ขืนเธอพูดตรงนี้ เค้าคงหาว่าประสาท”
จันทราค้อนขวับ เมินขับรถออกไป
คืนเดียวกันนั้น สรรชัยเหวี่ยงดุจแขเข้ามาในบ้าน แสยะยิ้มให้ สีหน้าทั้งรักและแค้น
“มารยาหญิงใช้ไม่ได้หรอก ถ้าผู้ชายมันไม่ใส่ใจ” สรรชัยแดกดัน
“ฉันมารยาอะไร”
“ก็สิ่งที่คุณทำนั่นแหละ เค้าเรียกว่ามารยา”
ดุจแขหน้าซีด สรรชัยด่าต่อ
“ดูไม่ออกรึไง ไอ้คุณชายนั่นมันหมดเยื่อใยกับคุณไปตั้งนานแล้ว”
ดุจแขตอกหน้ากลับ “คุณก็ไม่ใช่คนโง่ ดูไม่ออกหรือไง ว่าฉันก็หมดเยื่อใยกับคุณเหมือนกัน”
“แต่ผมไม่หมด” สรรชัยกระชากแขนดุจแขขึ้นมา “จำได้มั้ยว่าผมเคยบอกกับคุณว่ายังไง” เน้นเสียง “ถ้าคุณไปยุ่งกับคุณชายอะไรนั่น ผมเอาตาย”
สรรชัยผลักดุจแขลงโซฟา แล้วเดินกระแทกเท้าขึ้นห้องไปดุจแขเบ้ปาก ไม่แคร์คำขู่
“ได้แต่ขู่...พอฉันมารยาเข้าหาหน่อย ก็ใจอ่อนเหมือนเดิม ก็ให้มันรู้ไปสิว่ามารยาของฉัน จะใช้ไม่ได้”
ดุจแขยิ้มอย่างมาดมั่น
วันต่อมา ธิดาเดินมาส่งดุจแขที่หน้าบ้าน หลังจากที่ดุจแขแวะเอาของงฝากจากอเมริกามาห็
“ขอบคุณมากนะคะที่คิดถึงพี่”
“แขก็คิดถึงพี่ดาตลอดล่ะค่ะ เพียงแต่ที่ผ่านมายุ่งๆ เลยไม่ได้แวะมาหา ไว้วันหลัง แขมาหาพี่ดาอีกนะคะ อ้อ!!แล้วพี่ดาอย่าลืมทานเชอรี่ที่แขเอามาฝากนะคะ แขสั่งมาจากอเมริกาเลยค่ะ”
ธิดายิ้มหน้าเจื่อน เกรงใจ “ขอบคุณค่ะ วันหลังไม่ต้องลำบากนะคะ”
“แขเต็มใจทำเพื่อพี่ดาค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
ดุจแขขึ้นรถคันหรูขับออกไป หมอเกรียงเดินออกมาหาธิดา สองคนพากันเดินเข้าบ้าน
“ไม่เห็นหน้าตั้งหลายปี...ทำไมวันนี้คุณดุจแขถึงมาหาดาซะได้” เกรียงงง
“เรื่องเดียวล่ะคะ...คุณชาย”
หมอเกรียงเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“คุณดุจแขคงจะใช้วิชา น้ำซึมบ่อทรายมังคะ? มาเรียบๆ เงียบๆ พอเผลอ น้ำก็เจิ่งนองซะแล้ว” ธิดาเปรียบเปรยตรงเป๊ะ
เกรียงหัวเราะ “เข้าใจเปรียบ”
“ผู้หญิงกับผู้หญิงดูกันออกน่ะค่ะ ดารู้ว่าคนอย่างคุณดุจแข อยากได้อะไรต้องได้ ถ้าจะแย่งแฟนใครซักคน ผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้นก็อาจจะไม่รู้ตัว”
เกรียงอึ้ง “ขนาดนั้นเชียว”
“ดาดูคนไม่ผิดหรอกค่ะ ผู้หญิงอย่างคุณดุจแขนี่ล่ะน่ากลัว” ธิดามั่นใจ
อ่านต่อหน้า 2
มาหยารัศมี ตอนที่ 3 (ต่อ)
คืนนั้น ดุจแขอยู่ในชุดนอนแล้ว ยืนดูความสวยของตัวเองอยู่หน้ากระจกในห้องนอน ดวงหน้าสวยยิ้มพราย มองตัวเองอย่างไหลหลงและมั่นใจ เอื้อมมือไปหยิบสร้อยทองคำขาวที่มีจี้หัวใจเล็ก เก๋ เป็นหัวใจซ้อนกัน ดุจแขเพ่งมองแล้วยิ้ม นึกถึงเรื่องในอดีตที่มาของสร้อยสวยเก๋
วันนั้นสร้อยเส้นเดียวกัน อยู่ในมือของธิติรัตน์ ที่กำลังสวมให้กับดุจแข แทนความรักมากมายที่ธิติรัตน์มีต่อดุจแข
“ไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่รักคุณ”
ดุจแขยิ้มปลื้มที่ได้ครองหัวใจราชนิกูลรูปงามอย่างคนที่รู้สึกเป็นต่อ ธิติรัตน์โอบกอดดุจแขเอาไว้ แล้วยิ้มอย่างมีความสุขในบรรยากาศ สวยแสนโรแมนติก
นึกแล้วดุจแขมองสร้อยบอกกับตัวเองสุดมั่น “คืนวันเก่าๆ เหล่านั้นจะต้องกลับมาอีกครั้งค่ะ คุณชาย”
วันต่อมาธิติรัตน์แต่งตัวด้วยท่าทางหงุดหงิด มองกระจก ตาขวาง หงุดหงิดเรื่องที่ดุจแขพยายามจะกลับมาขอคืนดี
“คุณจะทำไปเพื่ออะไรดุจแข?”
ธิติรัตน์ถอนหายใจด้วยท่าทีหยามหยัน นึกรังเกียจในสิ่งที่ดุจแขทำ
หลายวันผ่านไป
เย็นวันนั้นธิติรัตน์เดินออกมาจากบริษัทพร้อมกับศรัณย์และวีระ สามหนุ่มคุยกันมาอย่างอารมณ์ดี แต่แล้ว ต้องชะงักเมื่อดุจแขเดินเข้ามา ในมือถือของ ทักทายยิ้มแย้มเป็นมิตร
“เลิกงานกันแล้วหรือคะ?”
วีระกับศรัณย์มองหน้ากัน อึกอัก เข้าใจความหมายทันที
“ครับ..กำลังจะกลับกันพอดี” ศรัณย์หันมพูดกับธิติรัตน์ “แล้วเจอกันชาย” สองคนจะเดินไป
ดุจแขพอใจรีบบอก สีหน้ายิ้มแย้ม “เดี๋ยวค่ะ..พอดี แขไปฝรั่งเศสมา เห็นนี่” ยกห่อของในมือขึ้น “เหมาะกับออฟฟิศของคุณชายมาก เลยซื้อมาฝาก”
ธิติรัตน์ทำหน้าตึง ไม่อยากยุ่ง สองหนุ่มมองหน้ากัน สีหน้าเจื่อนๆ วีระยื่นมือมารับของแทน
“ขอบคุณครับขอบคุณ” บอกธิติรัตน์ “เดี๋ยวฉันเอาไปเก็บให้นะ”
วีระกับศรัณย์เดินออกมา แต่แอบหันมามองอย่างเป็นห่วง
“ฉันว่านายชายเจอศึกหนักแล้วว่ะ” ศรัณย์บอก
วีระพูดยิ้มขำๆ ไม่อยากคิดอะไรมาก “หล่อเลือกได้ก็เงียะ”
ธิติรัตน์เดินตรงไปที่ลานจอดรถ ไม่สนใจใดๆ ดุจแขตามมาอ้อน เสียงหวาน “ยิ้มหน่อยสิคะ”
ธิติรัตน์มองหน้าเคร่ง เสียงเข้ม “แข..ผมว่าเราน่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ
ดุจแขตาใสหน้าซื่อ “ค่ะ รู้เรื่องแล้ว แขเข้าใจ วันนี้แขมาอย่างเพื่อนค่ะ”
ธิติรัตน์มองหน้าดุจแขไม่แน่ใจ ดุจแขยิ้มหวานสดใส ดวงตาบริสุทธิ์
“คนที่เลิกกันไปแล้ว กลับมาเป็นเพื่อนกันได้นี่คะ...ไม่เห็นจะต้องเกลียดกันไม่พูดไม่จากันเลย” เข้าเรื่องเนียนๆ “ไปทานข้าวด้วยกันนะคะ เพื่อนแขเปิดร้านอาหารใหม่ อยู่แถวนี้พอดี”
ดุจแขยิ้มเพื่อนจริงๆ ธิติรัตน์ยืนนิ่งตัดสินใจ
ระหว่างนั้นเดือนแรมวิ่งเข้ามา ในมือหอบแฟ้มมาด้วยพอเห็นสองคนอยู่ด้วยกัน เดือนแรมก็ชะงัก แต่ธิติรัตน์กลับยิ้มดีใจ
“อ้าว แรมมาพอดี” รีบบอกกับดุจแข “ผมนัดกับแรมไว้ ไว้เจอกันใหม่นะแขเดินมาหาเดือนแรมเร็วรี่ “เธอนี่มาช้าจริงๆ”
เดือนแรมมองงงงวย ธิติรัตน์คว้ามือเดือนแรม ดุจแขมองข่มใจไว้ ธิติรัตน์บอกเดือนแรม
“เร็ว..รีบไป เดี๋ยวก็ไม่ทันทำธุระหรอก”
พูดจบธิติรัตน์ก็ลากมือเดือนแรมเดินออกไป ดุจแขมองตาม เจ็บใจแปล๊บ กำมือแน่น ดวงตาร้ายฉายโชน ในท่าทีนิ่งเหมือนเดิม ไม่กรี๊ดกร๊าดใดๆ
ด้านศรัณย์กับวีระเอาของที่ดุจแขให้ไปเก็บ ศรัณย์เอ่ยขึ้น “วางไว้ตรงนี้แล้วกัน ไกลหูไกลตานายชายหน่อย”
วีระนึกสงสัย “นี่!!นายชายตัดคุณแขได้จริงๆ เหรอวะ”
“ไม่รู้ว่ะ แต่ฉันไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยว เดี๋ยวถูกนายชายชกหน้าคว่ำ” ศรัณย์ยิ้มขำๆ “วันนั้นก็เกือบไปทีนึงแล้ว”
“แต่ฉันสงสารคุณแขว่ะ เลิกกันแล้ว เป็นเพื่อนกันได้นี่หว่า” วีระเสียงอ่อย
“คนกระทำ กับคนถูกกระทำ ความเจ็บมันต่างกันนะ ฉันว่าเราอย่าไปยุ่งกับเค้าเลยกลับเหอะ”
วีระนึกได้ “ฉันลืมของ นายกลับไปก่อนแล้วกัน”
“งั้นพรุ่งนี้เจอกัน”
ศรัณย์เดินออกไป ดุจแขหลบมุมอยู่ ได้ยินสองหนุ่มคุยกัน ดวงตาเป็นประกายวามวาบ ทั้งโกรธทั้งเสียใจ อยากเอาชนะ ดุจแขจรดฝีเท้าตามวีระ
ดุจแขสั่งน้ำตามาคลอ เรียกเสียงเศร้า “คุณวีระคะ”
วีระหันมามองอย่างตกใจ “คุณดุจแข” ยิ่งเห็นน้ำตาก็ยิ่งสงสาร
ดุจแขน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย แอ๊บสวย ไม่ฟูมฟายสักนิด
ตะวันโพล้เพล้จวนจะตกดินแล้ว บรรยากาศทั่วบริเวณมืด อึมครึม เศร้าๆ สองคนเดินมาด้วยกันที่หน้าออฟฟิศ
ดุจแขยังร้องไห้อยู่ “แขไม่ได้ตั้งใจมาตอแยคุณชายนะคะ”
วีระมอง สงสารจับใจ “ผมเข้าใจ แล้วก็เห็นใจคุณแขมาก”
ดุจแขพูดเสียงอ้อน ยิ้มทั้งน้ำตา “งั้นก็ถือว่าแขโชคดี ที่พอมีคนเข้าใจอยู่บ้าง คุณวีระจะรังเกียจมั้ย? ถ้า...ถ้าแข” หยุด มองอ้อน รอดูท่าทีวีระ
สีหน้าวีระเห็นใจ ตั้งใจฟังจริงจัง “มีอะไรครับ?”
“แขอยากจะขอคุยด้วย....ไปทานข้าวด้วยกันนะคะ”
ดุจแขลงทุนออดอ้อน
ตามรายทางมืดแล้ว ธิติรัตน์ขับรถมาหน้าเครียด คิดเรื่องดุจแข ไม่ได้มองเดือนแรม พึมพำเบาๆ
“ลูกไม้ตื้นๆ ของผู้หญิง”
เดือนแรมที่นั่งตัวลีบหันมาถามงงๆ “ลูกไม้อะไรคะ”
ธิติรัตน์สะดุ้งไปนิดหนึ่ง “ อ้าว! เธอ” นึกได้รีบเบนรถเข้าข้างทาง
เดือนแรม งงๆ กลัวๆ “คุณชายลืมไปแล้วเหรอคะว่าแรมมาด้วย”
ธิติรัตน์เสียงดุ ตาขวาง พาลเต็มที่ รีบแก้ตัวกลบเกลื่อน “ก็....นี่แล้ววันนั้นมันเรื่องอะไร ถึงได้หนีฉันกลับบ้าน”
“เอ่อ...แรมขอโทษค่ะ พอดีแรมมีธุระ”
“ธุระอะไรจะกะทันหันขนาดนั้น แล้วนี่เธอมาทำไม”
เดือนแรมยิ่งงง “ก็...คุณชายพาแรมมาเองนี่คะ...บอกว่าจะมาทำธุระ”
ธิติรัตน์พาลพาโล บอกเสียงห้วน “ธุร้ง ธุระอะไร”
เดือนแรมงงหนักเข้าไปใหญ่ “แรมไม่ทราบค่ะธุระอะไร ก็คุณชายเป็นคนบอกแรมเอง ว่าจะพามาทำธุระ”
ธิติรัตน์มองจ้องเสียงดุ สายตาดูหมิ่น “ก็..เธออยากมาหาฉันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่งั้น เธอคงไม่ไปดักรอฉันที่ออฟฟิศ”
เดือนแรมรีบปฏิเสธ “แรมไม่ได้ไปหาคุณชายนะคะ”
ธิติรัตน์หน้าเจื่อน งงแทน เดือนแรมอธิบาย
“พอดีเจ๊กอไก่บอกว่า คนที่ออฟฟิศอยากได้ประวัติของแรมอย่างละเอียด แรมเลยเอามาให้ค่ะ”
ธิติรัตน์เบนสายตามองแฟ้มที่เดือนแรมกอดอยู่ หน้าเจื่อนนิดหนึ่ง เขินเหมือนกัน แต่ทำดุกลบเกลื่อน
“งั้นก็เอาไปให้เค้าสิ”
“ค่ะ”
เดือนแรมเปิดประตูรถลงไป ธิติรัตน์นึกได้ เหวอไป รีบลงมาถามเดือนแรมอย่างหงุดหงิด
“นี่มันมืดแล้ว เธอจะไปได้ยังไง”
เดือนแรมตอบพาซื่อ “ก็นั่งรถเมล์ไปไงคะ”
ธิติรัตน์ยิ่งโกรธ “แล้วจะเอาไปให้ใคร ป่านนี้พนักงานเค้ากลับหมดแล้ว”
เดือนแรมนึกได้ “งั้นแรมฝากไว้ที่คุณชายได้มั้ยคะ? พรุ่งนี้แรมมาไม่ได้ เรียนเสร็จแล้ว แรมต้องไปทำงานพิเศษต่อ”
ธิติรัตน์เหน็บ “กล้าฝากกับกรรมการผู้จัดการเลยเหรอ”
เดือนแรมจ๋อย “ขอโทษค่ะ..แรมลืมนึกไป...งั้น แรมกลับไปที่ออฟฟิศคุณชายดีกว่าค่ะ เผื่อยังมีคนอยู่ จะได้ฝากไว้ สวัสดีค่ะ” จะเดินไป
ธิติรัตน์เรียกไว้ “เดี๋ยว”
เดือนแรมหันกลับมา “คะ”
“เธอไม่ได้ตั้งใจมารอฉันแน่นะ?”
เดือนแรมงงอีกรอบ “ก็...แรมจะมารอคุณชายทำไมล่ะคะ?” จะเดินไปอีก
ธิติรัตน์ขวางตานักคิดเองเออเอง “ลูกไม้ผู้หญิง นี่คิดล่ะสิ พอเธอเดินไปแล้ว ฉันจะเดินตาม”
เดือนแรมหันมามองถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ “คุณชายเป็นอะไร แรมไม่ทราบ แรมรู้แค่ว่าคุณชายกำลังพาล”
ธิติรัตน์ชะงัก ฉุนกึก “ฉันน่ะหรือพาล?”
“ค่ะ...คุณชายโกรธคุณดุจแข แล้วมาลงที่แรม”
ธิติรัตน์ถูกจี้ใจดำ ยิ่งโกรธไปใหญ่ “ทำไมฉันต้องโกรธเค้าด้วย”
“แรมไม่ทราบค่ะ แรมแค่รู้สึกอย่างนั้น...ขนาดคุณชายพาแรมมาด้วย คุณชายยังไม่รู้ตัวเลย เพราะคุณชายมัวแต่คิดถึงคุณดุจแขแล้วก็มาอารมณ์เสียใส่แรม” เดือนแรมน้อยใจจน น้ำตาคลอ เสียใจที่ถูกดุ
“ไม่ต้องบีบน้ำตาเลยนะเดือนแรม อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เท่าทัน มารยาผู้หญิง”
เดือนแรมเถียงกลับทนไม่ได้แล้ว “คำก็มารยา สองคำก็มารยา เลิกพูดได้มั้ยคะ แรมไม่อยากฟัง..เพราะทุกครั้งที่ได้ยิน...” สุดจะกลั้น สะอื้นฮักๆ “แรม..คิดถึงแม่ค่ะ”
เดือนแรมพูดแค่นั้นก็หันหลังเดินแกมวิ่งออกไปตามทาง ธิติรัตน์อึ้งไปกับท่าทีของเดือนแรม
ธิติรัตน์ร้องเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อนแรม เดี๋ยว”
เดือนแรมไม่สนใจ ธิติรัตน์มองตาม รู้สึกผิดไม่น้อย ตัดสินใจเรียกดุ กลัวเสียฟอร์ม
“แรม! กลับมาเดี๋ยวนี้นะแรม แรม”
เดือนแรมไม่หยุด ธิติรัตน์ยิ่งโกรธ เกลียดเหลือเกินคนขัดใจ
เดือนแรมร้องไห้เดินฉับๆไปตามทาง ธิติรัตน์ตามมา เรียกดุ “แรมกลับมาเดี๋ยวนี้ แรม”
เดือนแรมไม่ตอบ รู้สึกโกรธ ธิติรัตน์รีบเดินตามมาขวางหน้า “อย่ามาอวดดี”
“แรมไม่ได้อวดดีค่ะ แต่แรม...แรมไม่อยากได้ยินใครพูดว่าผู้หญิงมารยา”
ธิติรัตน์มองจ้องอย่างดูถูก “แล้วที่เธอทำอยู่นี่ ไม่ได้เรียกว่ามารยาเหรอ?”
เดือนแรมทั้งเสียใจ ทั้งโกรธ “แรมเสียใจมากค่ะที่ได้ยินคุณชายพูดอย่างนี้ ต่อไปแรมคงไม่กล้าที่จะยุ่งเกี่ยวกับคุณชายอีก เพราะแรมไม่อยากได้ยิน คุณชายว่าแรมมารยา” ร้องไห้หันหลังกลับ
ธิติรัตน์ยิ่งโกรธ รู้สึกว่าเดือนแรมขัดคำสั่ง ขัดใจ “เดือนแรม มานี่” กระชากแขนเดือนแรม
เดือนแรมตกใจ “คุณชาย”
มองหน้าธิติรัตน์ ที่หน้าตาธิบึ้งตึง โกรธน่ากลัวมาก
“กล้าดียังไงมาขัดคำสั่งฉัน มานี่”
ธิติรัตน์ลากแขนเดือนแรมกลับไปที่รถ เดือนแรมสู้แรงไม่ไหว ได้แต่ร้องขัดขืน
ธิติรัตน์ลากเดือนแรมเดินกลับไปที่รถ ดุอย่างไม่พอใจ
“คนอะไร ยืนเถียงผู้ใหญ่ฉอดๆๆ ฉันต้องอบรมเธอแล้วล่ะเดือนแรม”
ธิติรัตน์ผลักร่างเดือนแรมเข้าไปในรถแล้วปิดประตูดังโครม เดือนแรมสะดุ้ง เห็นในรถที่แคบทึบ มองข้างทางที่มืดๆ ทุกอย่างรอบตัวมืดไปหมด ยิ่งนึกไปถึงตอนที่ตัวเองถูกขังในห้องเก็บของ เดือนแรมเนื้อตัวสั่น กลัวมาก
“อย่า..อย่าทำแรม แรมกลัว อย่า”
ธิติรัตน์เข้ามานั่งตรงคนขับ เห็นอาการ panicของเดือนแรมก็ตกใจ ธิติรัตน์เรียกสติ
“แรม แรม”
ธิติรัตน์เอื้อมมือมาแตะเดือนแรม แต่เดือนแรมกลับสะดุ้งเหมือนจะถูกทำร้าย หน้าตาของ
ธิติรัตน์เวลานี้กลับกลายเป็นดวงหน้าถมึงทึงของจันทรา เดือนแรมยิ่งกลัวไปใหญ่
“อย่า..อย่าทำแรม แรมกลัว อย่า”
เดือนแรมหมดสติ ลงตรงนั้น ธิติรัตน์ตกใจมาก
“แรม... แรม”
เวลาเดียวกัน ดุจแขเอาอกเอาใจวีระสุดฤทธิ์ในร้านอาหารแห่งนั้น
“ขอบคุณนะคะที่มาทานข้าวเป็นเพื่อนแข” ตักอาหารให้เอาใจ บอกพร่ำ นี่ก็อร่อย นั่นก็อร่อย
ไก่อ่อนอย่างวีระไม่เคยเจอผู้หญิงเอาใจขนาดนี้ก็เป๋ๆ ยิ้มเขิน “ไม่เป็นไรครับคุณแข”
“คุณวีระดีกับแขขนาดนี้ ให้แขดูแลคุณวีระบ้างสิคะ” หันไปเรียกบริกร “ขอน้ำสับปะรดค่ะ”
“คุณแขชอบน้ำสับปะรดหรือครับ”
“เปล่าค่ะแขสั่งมาให้คุณวีระน้ำสับปะรดจะช่วยย่อยทำให้เรารู้สึกสบายขึ้นค่ะ”
“คุณแขรู้ใจคนขนาดนี้ นายชายไม่น่าจะ..” วีระสงสารดุจแข
“อย่าโทษคุณชายเลยค่ะ ที่ผ่านมาแขผิดเอง ...แล้วคุณชายกับเด็กคนนั้น...”
วีระสวนคำออกมา “เด็กคนไหน? อ๋อ!!เดือนแรม ไม่มีอะไรหรอกครับ เป็นเด็กที่มาทำงานกับเราตั้งแต่เลิกคบกับคุณแข...ผมก็ไม่เห็นนายชายคุยกับใคร”
ดุจแขหน้าระรื่นดีใจ “จริงเหรอคะ”
“จริงครับ ที่นายชายออกไปกับแรม ผมยังงงอยู่เลย มีธุระอะไรกัน”
“งั้นถ้าแข..ขอโทร.มาหาคุณวีระ ถามข่าวคราวคุณชายบ้าง เพราะจริงๆแล้ว แขยังรักคุณชาย...หวังว่า คุณวีระคงไม่รังเกียจแขนะคะ”
“ได้ครับ คุณแขมีอะไรโทร.มา”
“ขอบคุณคุณวีระมากค่ะ”
ดุจแขยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ ไก่ออ่อนวีระมองแบบเขินๆ
ดุจแขคิดในใจ “ให้มันรู้ ว่าคุณชายจะหลบไปจากแขได้”
ดุจแขยิ้มพลางเอาอกเอาใจวีระอย่างอ่อนหวาน
ธิติรัตน์ขับรถพาเดือนแรมมาตามทาง กวาดตาหาคลินิก โรงพยาบาล
“แถวนี้ทำไมไม่มีคลินิกไม่มีรพ.เลย” มองเดือนแรม “เธออย่าเป็นอะไรนะแรม”
เดือนแรมค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้น ลืมตามอง สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือ ธิติรัตน์
“คุณชาย”
ธิติรัตน์รีบจอดรถเข้าข้างทาง ถามอย่างเป็นห่วง “แรมเป็นยังไงบ้าง”
“เปล่าค่ะ แรมไม่เป็นไร”
ธิติรัตน์ยิ้มกว้างอย่างโล่งใจ “ตอนนั้นฉันตกใจหมดเลย...” สีหน้าห่วง ถามเสียงอ่อนโยน “เธอยังคิดเรื่องพ่ออยู่ใช่มั้ยแรม”
เดือนแรมน้ำตาคลอแล้ว น้ำตาจะไหลออกมา ธิติรัตน์ตัดบทเสียงอ่อนโยน
“บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ แรมกลับเองได้”
ธิติรัตน์ดุใส่อีก “แรม”
เดือนแรมเสียงอ่อนลง “แรมไม่ได้ตั้งใจขัดคำสั่ง ทำให้คุณชายโกรธ คุณชายโมโหนะคะ...แรมแค่อยากอยู่คนเดียว แรมขอบคุณคุณชายมากค่ะ”
เดือนแรมยกมือไหว้แล้วหยิบข้าวของลงจากรถไป ธิติรัตน์มองตามรู้สึกผิด ก่อนนึกได้
“เอกสารของเธอ แรม เฮ้อ”
ธิติรัตน์ได้แต่พูดกับตัวเอง เดือนแรมไปลิบแล้ว
เดือนแรมเดินร้องไห้มาตามทาง รู้สึกเจ็บปวด เดียวดายอย่างเหลือเกิน
เมินยังอยู่ที่บริษัทเรียลเอสเตรทของตน ทำงานอยู่ พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา
“แบบบ้านโครงการใหม่เสร็จแล้วค่ะบอส” ยื่นแฟ้มแบบบ้านให้
“ขอบใจ”
พนักงานเดินออกไป เมินมองดูแบบ เห็นเป็นแบบบ้านหลังเล็กๆ น่ารัก แต่รูปทรงทันสมัย คล้ายบ้านพักตากอากาศตามต่างจังหวัด
เมินมองแบบบ้านนั้นซ้อนเห็นเป็นหน้าราศรีขึ้นมา
“ถ้าเรามีบ้านตากอากาศหลังเล็กๆ อย่างนี้ก็ดีนะคะ”
เมินบอกน้ำเสียงอ่อนโยน “ถ้าคุณชอบ ผมจะทำให้”
“ขอบคุณค่ะ วันไหนที่มีลูก เราจะได้พาลูกไปเที่ยวด้วยกัน”
นึกเรื่องนี้แล้วเมินนั่งนิ่ง ดวงตาขื่น
“ฉันควรจะลืมผู้หญิงเจ้ามารยาอย่างเธอได้แล้ว ราศี”
เมินปิดแฟ้มลงท่าทางเหนื่อยๆ เบลอ แล้วคว้ากระเป๋าทำงานเดินออกไป
เดือนแรมเดินเข้ามาในบ้าน ยืนนิ่งทอดสายตามองไปที่บ้านหลังใหญ่ รู้สึกเจ็บปวดเดียวดายจน น้ำตาไหลออกมา เมื่อคิดถึงคำพูดของพ่อที่ด่ากระทบถึงแม่
“ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้ทุกคน มารยาสาไถย์ ตีหน้าซื่อบริสุทธิ์ ที่แท้ก็เจ้าเล่ห์เพทุบาย ชั่วร้ายเหมือนแม่ของแก”
เดือนแรมน้ำตาไหลพราก สะอื้นจนตัวโยน แม้นเทพในชุดเครื่องแบบนายทหารยศร้อยโทเพิ่งกลับมา พอเห็นเดือนแรมร้องไห้ก็ตกใจ
“แรม..แรมเป็นอะไรแรม? บอกพี่มา แรมเป็นอะไร”
“แรมคิดถึงคุณแม่ค่ะพี่ต้อม...แรมคิดถึงคุณแม่ แล้วแรมก็ไม่เข้าใจ คุณแม่ทำอะไร? ทำไมคุณพ่อต้องว่าแม่ของแรมด้วย”
แม้นเทพกอดเดือนแรมปลอบประโลม เหมือนพี่ห่วงน้อง “เพราะคุณพ่อของแรม รักคุณแม่มาก”
“รักกันมาก แล้วทำไมต้องว่ากันขนาดนี้ด้วยคะ”
“ความหึงหวงมั้งแรม...ความหึงหวงทำให้คนเราขาดสติ” แม้นเทพว่า
“ความหึงหวง...ทำให้คนเราขาดสติ?” เดือนแรมครุ่นคิด พึมพำเบาๆ “งั้นที่คุณชาย...”
“ทำไม? คุณชายทำอะไรแรม”
เดือนแรมรีบบอก “เปล่าค่ะ คุณชายไม่ได้ทำอะไรแรม...” พูดเสียงแผ่วๆ “คุณชายกำลังหึงคุณดุจแข”
สีหน้าของเดือนแรมมีแต่ความน้อยใจ โดยไม่รู้ตัว
วันต่อมาดุจแขนั่งคุยกับจารุณีด้วยท่าทางนิ่งสงบอยู่ที่บ้าน แต่ดวงตาไหวระริกไม่พอใจ จารุณีเอ่ยขึ้น
“แสดงว่าคุณชายกับเด็กคนนั้น”
ดุจแขรีบบอก “ไม่ได้มีอะไรกัน”
“แล้วทำไม คุณชายถึงต้องออกไปกับเค้าด้วยล่ะ”
ดุจแขขัดขึ้น...ปลอบใจตัวเอง “คุณชายแค่ประชดฉัน....” น้ำเสียงมั่นใจ มาก “อยากให้ฉันโกรธ ฉันหึง”
“แล้วเธอหึงหรือเปล่าล่ะ”
ดุจแขยิ้มบอกอย่างมั่นใจ “ไม่..เพราะฉันรู้ดี ไม่มีผู้ชายคนไหน ลืมผู้หญิงที่เค้ารักมากที่สุดได้หรอก โดยเฉพาะ ฉัน คือ...รักครั้งแรก ของคุณชาย”
จารุณียิ้มขำ “มั่นขนาดนั้นเชียว”
“ก็เด็กคนนั้นมีอะไรสู้ฉันได้” ยิ้มเยาะ “ทั้งความสวย ความรวย ความเก่ง ไม่เห็นมีอะไรที่ฉันจะต้องแคร์ซักอย่าง”
สรรชัยยืนแอบฟังนิ่งอยู่ ดวงตาแดงก่ำเจ็บช้ำขมขื่น
ครู่ต่อมาสรรชัยเปิดประตูเข้ามาในห้องดวงตาแดงก่ำ
“ไอ้คุณชาย ฉันเกลียดแกไอ้คุณชาย...” มองรูปดุจแขที่ตั้งอยู่แล้วคว้ามา “ผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้ดุจแข”
สรรชัยกำรูปของดุจแขแน่น
ที่บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าในวังศิลาลายเวลาเดียวกัน ธิติรัตน์ครุ่นคิดถึงเดือนแรมโดยไม่รู้ตัว
“ฉันขอโทษ ต่อไป ฉันจะดีกับเธอให้มากกว่านี้ เดือนแรม”
ธิติรัตน์พึมพำกับตัวเองก่อนเดินตรงไปที่รถ
วันต่อมาเมินอยู่ในชุดเตรียมไปทำงาน นั่งทานข้าวอยู่ พอเสร็จ จันทราก็เดินเอายามาให้เมินกิน ทันทีที่กินยาเสร็จเมินก็หยิบเช็คคืนให้จันทรา
“เช็คของเธอ”
จันทราหน้าซีดตกใจ ลืมสนิท
“จริงๆ ฉันจะเอามาให้เธอตั้งหลายวันแล้วแต่ลืม งานยุ่ง”
จันทราเงียบ ไม่รู้ว่าเมินจะมาไม้ไหน คิดยังไง เมินมองจ้องถาม
“เธอบอกว่าคนที่ชื่อสุดใจมาขอร้องเรื่องค่าเช่า แล้วทำไมเธอต้องให้เงินเค้า”
“เอ่อ...จันให้เป็นค่าจ้างซ่อมบ้านน่ะค่ะ พอดี ประตูหน้าต่างมันชำรุด”
เมินพูดเสียงเรียบ แต่เย็น “ตั้งห้าแสนนี่นะ??!” ยาเริ่มออกฤทธิ์ ตาเมินเริ่มปรือๆ
จันทราเบิกตากว้างขึ้นไปอีก มองหน้าเมิน พอเห็นตาของเมินปรือๆ ก็พูดขึ้นทันที
“ห้าแสนที่ไหนคะ?
เมินชูเช็คขึ้น “ก็นี่ไง”
จันทราดึงเช็คมา “ไหนคะ? ฉันเขียนห้าพัน คุณเมินดูสิคะ ดู”
จันทราเอาเช็คให้เมินดู เมินก้มลงมามอง เห็นตัวเลขเลือนๆ
“แค่ค่าซ่อมบ้านใครจะให้ตั้งห้าแสน ห้าพันก็หรูมากแล้วค่ะ” แกล้งทำท่าตกใจ “คุณเมินไม่สบายอีกแล้ว..งั้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ อย่าเข้าออฟฟิศเลย”
จันทรารีบประคองเมินเดินไปทางห้องนอนทันที แต่สีหน้าวิตกกังวล
เมินนอนหลับสนิทแล้ว มองเมินท่าทางไม่สบายใจ
จันทราคิดในใจ “นังสุดใจ แกกำลังนำความมายุ่งยากมาให้ฉัน...ที่ผ่านมา ฉันไม่น่าใจดีกับแกเลย”
จันทราผุดลุกผุดนั่ง มองเมินอีกที ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา ค่อยๆ ย่องเดิน
ออกไป กดโทร.ออก รอสายครู่หนึ่ง แล้วบอกเสียงแผ่วเบา
“ได้...ฉันจะพาลูกออกไปหาพี่....พรุ่งนี้เจอกัน”
จันทรามองไปทางเมิน เห็นเมินหลับสนิทไม่รู้ตัว
ไม่นานนัก จันทราเดินมากับชุติมา ในห้างสรรพสินค้า จันทรากวาดตามองหาชำนิ
ชุติมาร่าเริงมาก “นึกยังไงคะวันนี้คุณน้าถึงได้ชวนชุมาเดินเล่นด้วย”
“ก็เบื่อๆ”
“ชุก็เบื่อค่ะ มาเดินห้างทั้งที ไม่มีเงินเลย”
จันทราค้อนเล็กๆ “อยากได้อะไรล่ะ เดี๋ยวน้าซื้อให้”
ชุติมาดีใจมาก “จริงเหรอคะ?...งั้นชุจะซื้อหมดเลยทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ผ้าพันคอ เครื่องประดับ”
ชุติมามองจันทราแบบหยั่งเชิง จันทรายิ้มเอ็นดู
“ก็เอาสิ” จันทราว่า
“คุณน้าใจดีจัง ชุรักคุณน้าจังเลยค่ะ”
ชุติมากอดแขนจันทรา สองคนเดินไปทางอื่น จันทรากวาดสายตามองหาชำนิ
ชำนิเดินตามมามองอยู่ สายตาที่มองชุติมามีแต่ความชื่นใจ ดีใจ ในมือถือถุงหนึ่งที่ซื้อมาจากตลาดนัด “ลูก...ลูกพ่อ”
ชำนิรีบเดินตามไปทันที ในจังหวะกับที่เดือนแรมในชุดนักศึกษาเดินมาอย่างเร่งรีบ ถือแก้วน้ำมาด้วย พอถึงทางเลี้ยว ชำนิเดินมาพอดี สองคนชนกัน ถุงในมือของชำนิหล่นลง เสื้อชุดสวยสีชมพูร่วงออกมา พร้อมกับแก้วน้ำในมือของเดือนแรม
“อุ๊ย!!ขอโทษค่ะ” เดือนแรมรีบเก็บเสื้อที่เปื้อนน้ำแล้ว
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“แต่เสื้อของคุณลุงเลอะ”
ชำนิมองเสื้ออย่างเสียดาย เดือนแรมรีบบอก
“เดี๋ยวหนูเอาไปซักให้ก่อนนะคะ ที่ทำงานหนู อยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
ชำนิมองอย่างชั่งใจ เดือนแรมรีบบอก “เดี๋ยวเดียวเองค่ะ นะคะ”
“ขอบใจจ้ะ งั้นลุงรบกวนหน่อยนะ พอดีลุงจะซื้อเป็นของขวัญลูกสาว ตั้งแต่เกิดมา ลุงไม่เคยให้ของขวัญลูกซักอย่างเดียว” ชำนิบอก
“ได้เลยค่ะ”
“ขอบใจมากหนู ขอบใจ”
ชำนิกับเดือนแรมเดินไปด้วยกัน โดยไม่รู้ว่าที่ด้านหลังธิติรัตน์ยืนมองเดือนแรมอยู่
ธิติรัตน์หน้านิ่ว เขม้นมองไม่พอใจ “อยู่กับผู้ชายอีกแล้ว”
ธิติรัตน์นึกโกรธ จะเดินหนีไปอีกทาง แต่แล้วเปลี่ยนใจเดินตามเดือนแรมไป
อ่านต่อหน้า 3
มาหยารัศมี ตอนที่ 3 (ต่อ)
เวลาต่อมาชำนิเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย รออยู่ที่หน้าร้าน สักครู่หนึ่งเดือนแรมเดินออกมาพร้อมกับกล่องของขวัญ แม้เป็นกระดาษของร้าน แต่ก็ห่ออย่างสวยงาม เดือนแรมมีฝีมือด้านประดิดประดอยอยู่แล้ว
ธิติรัตน์ที่นั่งหันหลังเป็นลูกค้า ก้มหน้าหลบ ชำนิมองห่อของขวัญอย่างงงๆ ถามขึ้น “อะไรจ๊ะหนู?”
“เสื้อของคุณลุงไงคะ? ที่คุณลุงบอกจะซื้อไปเป็นของขวัญให้ลูกสาว หนูเลยห่อเป็นของขวัญมาให้ ชนิดที่สวยสุดฝีมือหนูเลย แต่คุณลุงไม่ต้องห่วงนะคะ หนูซักแล้วก็เป่าลมให้แล้ว ไม่สกปรกหรอกค่ะ”
“ขอบใจมากหนู..ขอบใจจริงๆ” ชำนิน้ำตาคลอ “ตั้งแต่เค้าเกิดมา ลุงไม่เคยให้อะไรเค้าเลย นี่คงเป็นของขวัญชิ้นแรก เป็นชิ้นพิเศษสุดที่ลุงจะให้กับเค้า”
เดือนแรมยิ้มกว้าง ประทับใจนัก “ตั้งแต่เกิดมา...หนูก็ไม่เคยได้ของขวัญอะไรจากพ่อเหมือนกันค่ะ”
ชำนิมองหน้าเดือนแรมอย่างซาบซึ้ง ตื้นตันเข้าใจ “งั้นลุงก็ขอให้หนูได้ของขวัญจากพ่อเหมือนกันนะ”
“ขอบคุณค่ะ แล้วก็ขอให้ลูกของคุณลุงชอบเสื้อตัวนี้ด้วยนะคะ”
“ลุงจะถือว่าเป็นคำอวยพร ขอบใจมากจ้ะหนู ขอบใจ”
ชำนิเดินไปด้วยความดีใจ เดือนแรมมองตามยิ้มดีใจไปด้วย
ธิติรัตน์ก็อมยิ้มเหมือนกัน พูดกับตัวเองเบาๆ “มีน้ำใจเหมือนกันนี่”
เดือนแรมจะเดินกลับเข้าร้านเห็นธิติรัตน์ “คุณชาย”
ธิติรัตน์รีบแก้เก้อ กลบเกลื่อนทันที “ทำไม? ฉันมากินไอศกรีมแปลกมากหรือไง”
“เปล่าค่ะ....เพียงแต่ แรมนึกไม่ถึงว่าจะเจอคุณชายที่นี่ ..จะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ”
ธิติรัตน์พาล “รับทำไม นี่ยังไม่ได้กินเลยสักคำ”
“งั้นรีบทานนะคะ...เดี๋ยวจะละลาย”
“ฉันไม่ชอบไอศกรีม” ธิติรัตน์ว่า
เดือนแรมงง “อ้าว!!แล้วคุณชายสั่งทำไมคะ”
“ถ้าเข้ามานั่งเฉยๆ มันน่าเกลียด” ธิติรัตน์แถ แล้วรีบตัดบท “ไหนเอกสารที่เธอจะเอาไปให้ออฟฟิศ เดี๋ยวฉันเอาไปให้”
เดือนแรมเดินเลี่ยงไป “แรมเอาไปฝากไว้ที่ออฟฟิศแล้วค่ะ”
“ฉันถามพนักงานแล้ว เค้าบอกไม่มี”
“เลิกงานแล้ว แรมว่า แรมจะเอาเข้าไปเองค่ะ”
ธิติรัตน์พูดเสียงเข้มดุอยู่ในที “ก็วันนี้เธอบอกว่ามีงาน มีเรียน ไม่ว่าง นี่..เธออย่าโยกโย้หน่อยเลยเดือนแรม รีบเอาเอกสารมา เร็ว”
เดือนแรมมองธิติรัตน์งง ในขณะที่ธิติรัตน์ทำดุต่อ
“เร็ว!! ชักช้าฉันเปลี่ยนใจ ถอดเธอออกจากพรีเซ็นเตอร์ไม่รู้ด้วย”
เดือนแรมรับคำรวดเร็ว “ค่ะ”
เดือนแรมหยิบเอกสารที่วางตรงเคาน์เตอร์มาส่งให้ธิติรัตน์ทันที
ระหว่างนั้นเจ๊กอไก่ที่จะเดินเข้ามา รีบหยิบมือถือขึ้นถ่ายรูปคู่ของเดือนแรมกับธิติรัตน์ แล้วหันมาทักเสียงใส
“แรม..แรม อ้าว!!คุณชาย สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
“เจ๊มีอะไรคะ”
“ก็เจ๊โทร.ไปที่ออฟฟิศ เค้าบอกแรมยังไม่ได้เอาประวัติไปให้ เจ๊เลยแวะมาเอาให้น่ะจ้ะ”
“คุณชายมาเอาแล้วค่ะเจ๊”
เจ๊กอไก่ตาโต “คุณชายมาเอาเอง”
“พอดี ผมผ่านมาพอดีน่ะครับ ขอตัว”
ธิติรัตน์หยิบเงินวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินลิ่วออกไป เจ๊กอไก่แกล้งตะโกนแซว
“คุณชายต้องไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ค่ะ ไม่ใช่วางไว้ตรงนี้”
ธิติรัตน์เดินลิ่วออกไป เจ๊กอไก่หัวเราะขำคิกคัก เดือนแรมสะกิด ทำท่าให้เพลาๆ ลง
“ทำไมคุณชายต้องมาเอาเอกสารเองด้วย...มันชักจะยังไงแล้วแรม” เจ๊กอไก่ว่า
เดือนแรมทำหน้าซื่อใส ไม่รู้เรื่องจริงๆ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แรมไปทำงานก่อนนะคะ”
เดือนแรมเดินกลับเข้าไปในร้าน เจ๊นักปั้นยิ้มกริ่ม ควักมือถือออกมา
เจ๊กอไก่เดินยิ้มไปตามทางในห้าง คุยโทรศัพท์ไป
“พี่แชมป์ ซุบซิบดาราเหรอค้า? กอไก่มีข่าวจะบอก..เรื่องของคุณชายธิติรัตน์ กับเด็กของกอไก่ น้องเดือนแรมค่า!!” หัวเราะคิกคักๆ ฟังทางปลายสาย “คร่า...คุณชายมาหาน้องเดือนแรมถึงที่ร้านเลยคร่า” ฟังอีก “จริงๆ ก็ไม่ได้อยากเป็นข่าวอะไรนะคะ แค่อยากเมาท์มอยตามประสาพี่ๆ น้องๆ กับพี่แชมป์เท่านั้นเองค่า”
นักปั้นมือทองเดินหัวเราะคิกๆ อย่างมีความสุขไป
ทางด้านจันทราเดินหน้าหงิกงอมา เพราะหาชำนิไม่เจอ ชุติมามองสงสัย
“คุณน้ามองหาใครเหรอคะ”
จันทราสะดุ้ง “เปล่า.. น้าคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นเพื่อน”
ชำนิเดินถือกล่องของขวัญมาในระยะห่าง ในมุมที่ชุติมาไม่เห็น
จันทราเห็นแล้ว รีบหยิบเงินให้ชุติมา “ชุไปซื้อของเองแล้วกัน เดี๋ยวน้าจะไปหาเพื่อนหน่อย”
“ค่ะๆ”
ชุติมางง ไม่ทันค้านอะไร เพราะจันทราเดินลิ่วไปแล้ว ชุติมามองตามอย่างรู้ทัน
“คุณน้าต้องแอบนัดใครเอาไว้แน่ๆ”
ชุติมาจะเดินไป แต่เห็นธิติรัตน์เดินมา ชุติมายิ้ม ลืมจันทราซะสนิท
“คุณชาย”
ธิติรัตน์ถามหน้าตาเฉย “คุณเพ็ญประกายล่ะครับ”
ชุติมาทำหน้าเซ็งไปทันที พอหันไปมองก็เห็นแม้นเทพชุดธรรมดามองขำอยู่ ชุติมาอายแทบแทรกแผ่นดิน ได้แต่ตอบอ้อมแอ้ม
“อยู่ที่บ้านน่ะค่ะ”
ธิติรัตน์ตัดบท “งั้น มีโอกาส คงได้เจอกัน ขอตัวก่อนนะครับ”
ธิติรัตน์เดินเลี่ยงไป ชุติมาทำหน้าเซ็ง แม้นเทพหัวเราะขำ
“ตลกมากมั้ย?”
“มาก” แม้นเทพพูดแค่นั้น แล้วเดินหนีไปเลย
ชุติมาอยากกรี๊ด แต่กรี๊ดไม่ออก แม้นเทพมองตามธิติรัตน์ไปอย่างสนใจ
“เพิ่งเห็นหน้าชัดๆ ก็วันนี้เอง คุณชายธิติรัตน์”
ขณะที่ธิติรัตน์เดินออกจากห้าง ตรงไปยังลานจอดรถ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นจันทราคุยกับชำนิ ธิติรัตน์จ้องมองชำนิกับจันทราไปมาอย่างแปลกใจ จำชำนิได้
“คุณลุงที่แรมห่อของขวัญให้นี่ รู้จักกับคุณจันทราได้ยังไง”
ธิติรัตน์มองสงสัย ชำนิบอกจันทราเสียงดุดัน
“เธอจะลากฉันมาคุยตรงนี้ทำไม ฉันอยากเห็นลูก”
“ก็เห็นแล้วไง”
ชำนินิ่วหน้า “ฉันเพิ่งเห็นนิดเดียว แล้วตอนที่เห็นก็อยู่ตั้งไกล”
“ยังไงฉันก็ถือว่าพี่เห็นแล้ว”
ชำนิเข่นเขี้ยว “จันทรา”
“วันนี้ฉันให้พี่ได้แค่นี้ แต่ถ้าพี่ช่วยฉัน ฉันจะให้พี่ได้คุยกับลูกเลย”
“เธอจะให้ฉันทำอะไร?”
จันทรามองซ้ายมองขวา ธิติรัตน์หลบวูบ จันทราไม่เห็นใคร กระซิบชำนิ
ธิติรัตน์ไม่ได้ยินว่าสองคนคุยอะไรกัน?
“เรื่องแค่นี้เอง พี่ช่วยฉันได้นะ”
“ได้สิ...ถ้าได้คุย ได้อยู่กับลูก ฉันยอมทุกอย่าง”
จันทรายิ้มอย่างพอใจ “แล้วเจอกัน” จะเดินไป
ชำนิร้องเรียกไว้ “เดี๋ยว”
จันทรานิ่วหน้ายุ่งสงสัย “อะไร?”
“ฉันมีของขวัญให้ลูก ฝากเธอเอาไปให้ลูกหน่อย”
จันทราเหลือบมองสายตาดูถูก ก่อนกระชากไปถือไว้ ชำนิย้ำ ราวกับรู้ใจจันทรา
“ฉันตั้งใจซื้อให้ลูก เธอต้องเอาไปให้ลูกให้ได้ อย่าทิ้ง” ชำนิเน้นท้ายประโยค
“เออไม่ทิ้งหรอก” จันทราเดินหนีไป
ธิติรัตน์มองสองคนย่างสงสัย ชำนิมองตามสายตาเป็นห่วง ไม่ไว้ใจจันทราเอาซะเลย
ธิติรัตน์คาใจเรื่องจันทรานัก คืนนั้นจึงมาถามหม่อมรัตนา สองแม่ลูกคุยกันอยู่ในวังศิลาลาย
“แม่ไม่รู้ประวัติของคุณจันทราจริงๆ ชาย...ก็รู้แค่ว่า เค้าเข้ามาแทรกกลางระหว่างคุณเมินกับคุณราศี แล้วก็ได้เป็นภรรยาอย่างออกหน้าออกตาของคุณเมิน อย่างที่เรารู้นั่นแหละ...ชายเห็นอะไรผิดปกติหรือลูก”
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ เพียงแต่ผมเห็นท่าทางคุณจันทราแปลกๆ ดูมีลับลมคมนัยยังไงชอบกล”
“ชาย...แม่ยืนยันคำเดิมนะลูก ถ้าลูกไม่สบายใจ แม่จะเข้าไปคุยกับคุณเมินเอง”
ธิติรัตน์มีสีหน้าหนักใจ นิ่งไปนิดหนึ่งก่อนบอกผู้เป็นแม่
“ไม่ดีกว่าครับคุณแม่ อย่างที่บอก ผมไม่อยากให้เสียผู้ใหญ่ ผมจะแต่งงานกับมาหยารัศมี ไม่ว่าเธอจะเป็นคนยังไงก็ตาม”
ธิติรัตน์พูดสีหน้าเครียด
คืนเดียวกันนั้น เพ็ญประกายเดินหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เราไม่เห็นอยากจะเป็นมาหยารัศมีเลย ทำไมคุณแม่ต้องให้เราเป็นด้วย”
เพ็ญประกายมีสีหน้าไม่สบายใจ
จันทราขับรถเข้ามาจอด ชุติมาขนข้าวของในรถลง ท่าทางเหนื่อยอ่อนแต่ร่าเริงสองคนไม่รู้ว่าที่ด้านนอก ชำนิลงจากแท็กซี่แอบมองชุติมาอยู่นอกรั้ว ดวงตารักใคร่เอ็นดู
“ขอบคุณคุณน้ามากๆ เลยนะคะ ที่พาชุไปเที่ยว ซื้อของให้ชุเยอะแยะเลย แล้วก็ยังพาชุไปทานอาหารอร่อยๆ” ชุติมาแซวๆ “วันนี้คุณน้านึกใจดีอะไรขึ้นมาคะเนี่ย”
จันทราหลุดพลั้งปาก อย่างลืมตัว “จะใจดีอะไร ก็แกเป็นลูก”
ชุติมาตะลึง “ลูก”
จันทรารู้สึกตัว “ก็แกเป็นลูกเป็นหลานฉันนี่ ฉันก็ต้องดูแลเป็นธรรมดา”
.อ้อ!!ค่ะ ชุเป็นลูกเป็นหลาน” ชุติมามองเห็นกล่องของขวัญในรถ “อ้าว!!แล้วนั่นกล่องของขวัญอะไรคะ”
ชุติมาคว้ากล่องของขวัญมาถือเอาไว้ ชำนิเห็นประกายตาลิงโลด
จันทราอึกๆ อักๆ “ของแกน่ะแหละ ฉันซื้อให้”
ชุติมา(ดีใจ) ซื้อให้ชุ (ทำท่าคิด) อ๋อ!!คุณน้าแกล้งแว่บออกไปหาเพื่อน ที่แท้คุณ
น้าไปซื้อของมาเซอร์ไพร้ส์ชุนั่นเอง ขอบคุณค่ะขอบคุณ ว่าแต่..คุณน้าซื้อให้
ชุเนื่องในโอกาสอะไรคะ?
จันทราไม่ถามซักเรื่องได้มั้ยแก ? เอาๆไป (สะบัดหน้าเดินเข้าบ้านไป)
ชุติมา ค่ะๆๆ
- ชุติมารีบคว้าข้าวของเดินตามเข้าไป รับภาพชำนิมองตามดีใจเห็นของขวัญอยู่ในมือชุติมา เดินกลับออกไป ตัดรับภาพชุติมาที่จะเดินเข้าบ้านมองกล่องของขวัญอีกที
ชุติมาเบ้ปาก “ดูซิ..คุณน้าจะให้ของขวัญเราทั้งทีก็ให้ของกระจ๊อก กระจอก” อมยิ้ม “แต่ก็ดีกว่าไม่ได้”
ชุติมาหอบของเข้าบ้าน ลึกๆ รู้สึกดีใจ แต่อารามที่หอบของขวัญถุงเสื้อผ้ามากมาย จึงทำกล่องของขวัญหล่นโดยไม่รู้ตัว
เดือนแรม กลับมาถึงบ้านท่าทางเหนื่อยอ่อน กำลังจะเดินเข้าบ้าน ต้องชะงักเมื่อเห็นกล่องของขวัญหล่นอยู่ เดือนแรมคว้าขึ้นมามอง แปลกใจ
“นี่กล่องของขวัญที่เราห่อให้คุณลุงนี่ มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”
เดือนแรมถือกล่องของขวัญเดินเข้าบ้านไป
ส่วนชุติมานั่งดูข้าวของที่ซื้อมาอยู่อย่างชอบใจนั่นก็สวยนี่ก็สวยแต่แล้วก็นึกได้
“เอ๊ะ!!ของขวัญที่คุณน้าให้เราล่ะ อยู่ไหน”
ชุติมารื้อของในกองที่วางพะรุงพะรังอยู่บนโซฟา หน้าหงิกหน้างอ
“ก็เราถือมาเองกับมือ มันจะหายไปได้ยังไง?”
เดือนแรมเดินเข้ามาพร้อมกล่องของขวัญ ชุติมาหันไปเห็น
“เดือนแรม เธอเอาของขวัญของฉันไปได้ยังไง”
“เปล่านะคะ แรมเก็บได้ที่หน้าบ้าน”
“นั่นล่ะมันของๆ ฉัน”
เดือนแรม แปลกใจมาก “ของคุณชุ”
“ใช่!! เอามา”
ชุติมากระชากกล่องของขวัญมาจากมือเดือนแรม มองหน้าเอาเรื่อง “ทำไม แกข้องใจ”อะไร??
“เปล่าค่ะ แรมแค่แปลกใจ เพราะแรมจำได้ มันเป็นกล่องที่แรมห่อให้คุณลุงคนหนึ่งน่ะค่ะ ข้างในเป็นเสื้อสีชมพู” เดือนแรมอธิบาย
“แค่กระดาษห่อของขวัญ มันก็เหมือนๆ กันได้” หยิบเสื้ออกมาโชว์ “นี่เป็นของที่คุณน้าให้ฉันย่ะ แล้วข้างในก็ไม่มีทางเป็นเสื้อเสร่อๆ อย่างที่แกว่าอย่างแน่นอนย่ะ”
ชุติมามองเดือนแรมอย่างท้าทาย ฉีกกระดาษห่อของขวัญออกอย่างไม่ทะนุถนอมเลย
กล่องของขวัญถูกเปิดออก ชุติมามั่นใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ในขณะที่เดือนแรม มั่นใจจำได้ กล่องของขวัญถูกเปิดออก ชุติมาเห็นเป็นเสื้อสีชมพูอย่างที่เดือนแรมว่าเปี๊ยบ ชุติมาหน้าซีด
ชุติมาถือเสื้อสีชมพูหน้าตาตกใจมาทุบประตูห้องของจันทรา ปังๆๆๆ
“คุณน้าคะคุณน้า”
เพ็ญประกายวิ่งออกมาจากห้องของตัวเอง ถามงงปนตกใจ “มีอะไรคะพี่ชุ”
ชุติมาไม่สนใจเพ็ญประกาย ทุบต่อ “คุณน้าคะคุณน้า”
ภายในห้องจันทราเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำ หน้าหงิก
“แกจะพังประตูห้องฉันทำไมชุติมา”
ชุติมาละล่ำละลัก “ไหนคุณน้าบอกว่าคุณน้าซื้อเสื้อตัวนี้ให้เป็นของขวัญชุแล้วทำไม นังแรมมันบอกว่า มีลุงคนหนึ่งให้มันห่อ”
จันทราใจหายแว้บ มองหน้าเดือนแรมที่ตามมายืนข้างหลังชุติมาแบบงงๆ
“แล้วไง? ก็ฉันซื้อของขวัญ แล้วฉันก็ให้คนขายมันห่อ มันน่าแปลกใจ มันน่าตกใจตรงไหนฮึเดือนแรม”
“แรมไม่ได้ตกใจค่ะ แค่แปลกใจเฉยๆ ...คุณชุต่างหากที่เป็นคนตกใจ แล้ววิ่งมาหาคุณน้า”
“ก็ถ้าคุณน้าบอกว่า คนขายเป็นคนห่อ แล้วนังแรมมันจะห่ออีกได้ยังไง”
“ก็นังแรมมันบ้า พูดอะไรเพ้อเจ้อ ...” จับเสื้อขยะแขยง “เสื้อแบบนี้กล่องของขวัญแบบนี้ ใครก็ซื้อได้ทั้งนั้น เออ..ถ้าของแบรนด์เนมก็ว่าไปอย่าง”
เพ็ญประกายรีบเสริม “จริงด้วยค่ะพี่ชุ ของขวัญมันอาจจะซ้ำกันก็ได้ค่ะ”
ชุติมานิ่ ครุ่นคิดอย่างแปลกใจ จันทราหันไปด่าเดือนแรม
“ไปได้แล้วนังแรมแล้วก็ไม่ต้องเสนอหน้าพูดอะไรอีก แค่ของขวัญซ้ำกันก็พากันตกใจ ยัยชุก็เหมือนกัน บ้าหรือเปล่าพวกเธอ”
เดือนแรมเดินออกไป จันทราปิดประตูดังปัง
“แค่ของขวัญซ้ำกันเท่านั้นค่ะพี่ชุ ไม่มีอะไรหรอก”
เพ็ญประกายปลอบ ทว่าชุติมามีสีหน้าไม่สบายใจ
ห้องชุติมานอนไม่หลับ กระสับกระส่ายผุดลุกผุดนั่ง คว้าเสื้อสีชมพูมาถือไว้มา นึกตอนที่ชำนิมาบอกขอให้จันทราพาลูกออกไปหาบ้าง และจู่ๆ จันทราก็พาไปเที่ยวห้าง ตอนที่จันทราหลุดปากเรียกชุติมาว่าลูก ชุติมาก้มลงมองเสื้อ
“มันต้องมีอะไรแน่ๆ?”
ชุติมานอนไม่หลับทั้งคืน
เช้าวันต่อมา ธิติรัตน์แต่งตัวเตรียมเข้าออฟฟิศ แต่ใจกลับคิดไปถึงจันทรา
ตอนที่จันทราอยู่กับชำนิ ท่าทางลับๆ ล่อๆ ส่อพิรุธ ตอนที่ที่ดุจแขบอกน้องคุณเพ็ญประกายเป็นบ้า ตอนที่จันทราพูดชื่อเดือนแรม และตอนที่เดือนแรมเล่าว่าถูกพ่อ และน้ารังแก
“หวังว่าคงไม่ใช่เธอนะแรม”
ธิติรัตน์ท่าทางกังวลใจมาก เดินพรวดออกมาจากห้องทันที
รุ่งเช้าวันเดียวกัน เดือนแรมอยู่ในชุดนักศึกษา จะเดินออกไปเรียน แต่ต้องสะดุ้งร้องว้ายเมื่อชุติมาเดินพรวดออกมาดักหน้า
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะนังแรม”
เดือนแรมงง “บอกอะไรคะ”
“เรื่องไอ้ลุงบ้า ที่ให้แกห่อของขวัญให้น่ะ มันเป็นใคร ชื่ออะไร รูปร่างหน้าตามันเป็นยังไง”
“แรมไม่รู้หรอกค่ะว่าเค้าเป็นใคร ชื่ออะไร รู้แต่ว่าเค้าเป็นคนรูปร่างสูงๆ ใหญ่ๆ” เดือนแรมอธิบาย
ชุติมาร้อนใจ “แล้วแกไปห่อของขวัญให้มันได้ยังไง”
“แรมทำน้ำหกใส่เสื้อคุณลุงน่ะค่ะ เลยเอาไปซักให้ เพราะคุณลุงบอกว่า เสื้อตัวนั้นตั้งใจจะเอาไปให้ลูกสาว ตั้งแต่เค้าเกิดมา คุณลุงไม่เคยให้อะไรเค้าเลยแม้แต่อย่างเดียว”
ชุติมาหน้าซีดเผือด เดือนแรมมองแปลกใจ “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณชุ”
“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นแก ไม่ต้องมาตั้งยี่สิบคำถาม เวลาของฉันเป็นเงินเป็นทอง จะไปไหนก็ไปเลยไป”
“งั้นต่อไป อยากรู้อะไรก็ไม่ต้องเรียกแรมมาถามอีกนะคะ เวลาของแรมก็เป็นเงินเป็นทองเหมือนกัน” เดินออกไปทันที
ชุติมาเบ้ปากด่าตาม “แค่ยืนขายไอติมจะได้วันละกี่บาทเชียว??!!ชิส์” ครุ่นคิดเรื่องตัวเอง “มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ เราต้องรู้ความจริงให้ได้”
ชุติมาครุ่นคิดหน้าเครียด
ธิติรัตน์ขับรถมาจอดบริเวณรั้วหน้าบ้านเมิน บอกกับตัวเอง
“วันนี้เราต้องรู้ให้ได้ ว่าแรมที่คุณจันทราพูดถึง เป็นคนเดียวกับแรมหรือเปล่า”
ธิติรัตน์เดินตรงไปที่บ้านของเมิน
บริเวณทางเดินในบ้าน เดือนแรมเจอแม้นเทพในชุดนายทหาร แม้นเทพทักอาสาไปส่ง
“จะไปเรียนเหรอ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“แรมไปเองดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพี่ต้อมทำงานสาย”
“ยังพอมีเวลาอยู่ ขึ้นรถเร็ว”
“ค่ะ”
เดือนแรมเดินไปกับแม้นเทพตรงไปยังรถที่จอดอยู่
ที่หน้าบ้าน ขณะที่ธิติรัตน์กำลังจะยกมือกดออด คุณลุงที่ธิติรัตน์เคยไปช่วยเลื่อนรถ ก็เดินผ่านมา
“อ้าว!!คุณ”
“ครับ”
“เจอคุณพอดี โทษที ลุงไม่รู้จะวานใครจริงๆ มีคนมาจอดรถขวางหน้าบ้านลุงอีกแล้ว ช่วยหน่อยเถอะ”
“ได้ครับได้”
ธิติรัตน์เดินไปกับลุง โดยไม่รู้ว่าที่ด้านหลังเวลานั้น แม้นเทพขับรถออกมาจากบ้านพร้อมเดือนแรม เดือนแรมก็ไม่เห็นรถของธิติรัตน์ เพราะหันไปยิ้มให้แม้นเทพพอดี
ธิติรัตน์เข็นรถพ้นหน้าบ้านลุง “เรียบร้อยครับคุณลุง”
“ขอบคุณมากๆ”
“ผมไปก่อนนะครับ” จะเดินไป
“เดี๋ยวคุณ”
ธิติรัตน์หันมา “ครับ”
“วันหลังเจอกันอีกนะ”
ธิติรัตน์ยิ้มขำไม่ทันตอบ ลุงพูดต่อ
“ลุงไม่ให้คุณช่วยเข็นรถอีกแล้วล่ะ จะเอาป้ายติดไว้แล้ว ว่าอย่าจอดรถขวางทางชาวบ้าน เจอกันคราวหน้าจะชวนดื่มอะไรกันหน่อย”
“ยินดีครับคุณลุง”
สองคนยิ้มให้กัน ธิติรัตน์หันหลังกลับ เดินมาแถวบ้านเมิน
ธิติรัตน์ กำลังจะกดกริ่งหน้าบ้านเมิน เสียงมือถือดัง ธิติรัตน์หน้านิ่วกดรับ นิ่งฟัง
“ได้...ฉันจะเข้าออฟฟิศเดี๋ยวนี้”
ธิติรัตน์มองเข้าไปในบ้านเมินอย่างเสียดาย ตัดสินใจขึ้นรถ ขับออกไปทันที
ธิติรัตน์ขับรถมาจอดที่หน้าบริษัท เดินเข้าออฟฟิศ เห็นส้ม และผลไม้อื่นเป็นเข่งๆ เยอะมาก วางอยู่หน้าออฟฟิศ ธิติรัตน์มองงง
“ใครสั่งผลไม้มาเยอะแยะ”
ดุจแขเดินมาด้านหลังพร้อมรอยยิ้ม
“แขเองค่ะ พอดีเมื่อเช้าแขไปตลาดซื้อของทำบุญ เห็นส้มส้วย..สวย เลยซื้อมาเผื่อเด็กในออฟฟิศของคุณชายด้วย”
“แขไม่ใช่คนที่นี่เลยไม่รู้กฎระเบียบว่าห้ามเอาของเข้ามาทานในสำนักงาน”
ดุจแขเบ้หน้าจะร้องไห้แล้ว “คุณชายพูดเหมือนหักหน้าแข”
“ผมไม่ได้เจตนา เพียงแค่พูดเรื่องกฎระเบียบให้ฟัง”
“แขไม่ใช่พนักงาน ไม่จำเป็นต้องรับรู้กฎระเบียบ แค่คุณชายรับไว้ก็ถือว่ายอมรับในไมตรี แต่คุณชายก็ไม่...” ดุจแขแย้ง
ธิติรัตน์สวนคำออกมา “พูดตรงๆ นะ ผมไม่อยากให้คุณเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตผมอีก ไม่ว่าในฐานะใดๆ ก็ตาม”
ดุจแขยืนน้ำตาร่วง วีระกับศรัณย์ที่ยืนอยู่ด้วยหน้าเสีย
“เฮ้ย! ชายฉันว่านายเกินไปว่ะ” วีระบอก
“บางเรื่องนายไม่ต้องยุ่งก็ได้วีระ”
วีระฉุนกึก “ชาย”
สองคนมองจ้องหน้ากัน ศรัณย์รีบเข้ามาห้าม “ใจเย็นๆ ก่อนว่ะ ทั้งสองคนเลย ใจเย็นๆ”
ดุจแขร้องไห้ออกมาอีก “อย่าทะเลาะกันเพราะแขเลยค่ะ ถ้าคุณชายรังเกียจแข ต่อไปแขก็จะไม่มาที่นี่อีก”
ดุจแขพูดแค่นั้นก็ร้องไห้วิ่งออกมา วีระหันไปต่อว่าธิติรัตน์
“มันไม่แมนเลยนะชาย ที่นายจะมาแสดงความก้าวร้าวกับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น เค้ารักนาย”
วีระวิ่งตามดุจแขไป ศรัณย์ได้แต่ยืนนิ่ง ไม่สบายใจที่เพื่อนทะเลาะกัน
ดุจแขวิ่งมาที่รถหน้าบริษัท วีระวิ่งตามมา ร้องเรียก “คุณแขครับ”
ดุจแขหันมามอง วีระบอก
“คุณแขจะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะที่นี่ไม่ใช่ของนายชายคนเดียว เป็นของผมด้วย ผมยินดีต้อนรับคุณแขเสมอ”
“ขอบคุณค่ะขอบคุณ”
ดุจแขเดินเข้ามาหาวีระ ทำเป็นสวมกอดขอบคุณแบบฝรั่ง แต่จริงๆ ตั้งใจอ่อยแบบเนียนๆ
วีระทำหน้าไม่ถูก แต่เป็นไก่อ่อน สงสารจับจิตนึกว่าดุจแขเสียใจจริงๆ
ธิติรัตน์ยืนกับศรัณย์ เห็นลงไปเห็นดุจแขกอดวีระ
ในห้อง สองหนุ่มมองหน้ากันนิ่งๆ ก่อนที่ธิติรัตน์จะพูดออกมาขรึมๆ
“นายเห็นแล้วใช่มั้ยศรัณย์ ทำไมฉันถึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับดุจแข”
ศรัณย์พยักหน้าเข้าใจ ยิ้มนิดๆ “แต่เห็นอย่างนี้..ฉันเป็นห่วงวีระแทนนายว่ะ”
ธิติรัตน์นึกหวาดหวั่น “ความอ่อนแอและน้ำตา..เป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดของผู้หญิง และฉันก็ไม่อยากเจ็บปวดเพราะอาวุธชนิดนี้อีกศรัณย์
ศรัณย์พยักหน้าเข้าใจ
สายวันนั้นจันทราแต่งตัวรัดกุมขับรถออกนอกบ้าน ชุติมาที่แอบซุ่มอยู่ รีบวิ่งออกไป
ชุติมาเรียกแท็กซี่หน้าบ้าน สั่งอย่างเร็ว “ตามรถคันนั้นไปเลย”
แท็กซี่ตามรถของจันทราไปอย่างรวดเร็ว
อ่านต่อหน้า 4
มาหยารัศมี ตอนที่ 3 (ต่อ)
เห็นจันทราจอดรถตามทางที่ค่อยข้างเปลี่ยว ชุติมารีบบอกแท็กซี่จอดตาม
“จอดๆๆๆๆ” แท็กซี่จอด ชุติมาจ้องมอง เห็นเหมือนจันทรารอใครซักคน
สักครู่หนึ่ง ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างทาง ชุติมาเบิกตากว้าง จำได้
“คนที่ชื่อชำนิ” ชุติมาอุทานด้วยความตกใจ
ชำนิขึ้นรถ แล้วจันทราขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ชุติมารีบบอกแท็กซี่แบบร้อนใจมากๆ “ตามไปเร็ว” แท็กซี่จัดให้ ตามไปรวดเร็ว
ด้านสุดใจหิ้วกระเป๋าเดินทางกำลังจะออกนอกบ้าน แต่ต้องชะงัก ตกใจเมื่อจันทราปราดเข้า
มาขวางหน้า
“คุณจันทรา”
“ความจำแกนี่มันดีจริงๆ งั้นฉันว่า น่าจะมีอะไรทำให้แกความจำเสื่อมแล้วล่ะสุดใจ แกจะได้ไม่ต้องจดจำอะไรอีก”
สุดใจหวาดกลัว “คุณจะทำอะไรฉัน”
ชำนิยิ้มเหี้ยมเกรียมเดินออกมา สุดใจตกใจกลัว ถอยผงะ
“มานี่”
ชำนิกระชากร่างของสุดใจเข้าไปในบ้าน จันทราตามเข้าไปแล้วปิดประตู โดยไม่รู้ว่าอีกมุมหนึ่งชุติมาที่แอบมองอยู่ตาโตตกใจ รีบตามไปด้วยอยากรู้
ชำนิผลักสุดใจอย่างแรง ร่างของสุดใจซเถลาล้มลงกับพื้น ถอยหลังกรูด
“อย่า..อย่าทำอะไรฉัน ฉันกำลังจะไปแล้ว” รีบคว้ากระเป๋าที่หล่น จะออกไป
ชำนิเข้าไปขวาง “ยังไปไม่ได้” มองจ้องสายตาเหี้ยมโหด
ชุติมาที่แอบมองอยู่ ตาโตเบิกกว้าง
สุดใจยกมือไหว้ปลกๆ “อย่าทำอะไรฉันเลยนะ” กลัวลนลาน “ฉันไหว้ล่ะ ฉันสาบาน ฉันจะไม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีก”
จันทราน้ำเสียงเยาะหยัน “คำๆ นี้ แกก็เคยบอกฉัน” จันทราปราดเข้าไปบีบคางสุดใจ “แต่แกก็ยังเข้าไป คนอย่างแกมันเชื่อไม่ได้นังสุดใจ”
จันทราควักมีดขึ้นมาจ่อที่คอหอยของสุดใจ ชุติมาตกใจกลัวยิ่งกว่าเดิม หันรีหันขวางจะทำยังไงดี เห็นสุดใจเนื้อตัวสั่น
“ฉันไหว้ล่ะ คราวนี้ฉันจะไปจริงๆ ฉันจะไม่ แล้วจะไม่กลับมาอีก ฉันสัญญา ฉันสาบาน”
ชำนิสวนออกมา “มีแต่คนตายเท่านั้น ที่เชื่อคำสาบานได้”
ชำนิคว้ามีดจากมือของจันทราขึ้นมา ทำท่าจะเงื้อมือแทงเอง ไวเท่าความคิดชุติมา
เป่าปากเลียนเสียงนกหวีด ตำรวจ พร้อมดัดเสียงตะโกน
“ตำรวจๆๆๆ”
จันทรากับชำนิ ตกใจ สุดใจฉวยโอกาสนั้นผลักจันทราเซถลาใส่ร่างชำนิ สองคนล้มลง สุดใจรีบคว้ากระเป๋า ฟาดใส่ร่างจันทราและชำนิอย่างแรงแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว จันทราลุกขึ้นโกรธจัด
“นังสุดใจ”
จันทรากับชำนิ ตามสุดใจไปอย่างเร็วรี่ ชุติมาโล่งอก ความผูกพันบางอย่าง ชุติมาไม่อยากให้จันทราทำผิด
สุดใจกระเสือกกระสนวิ่งหนีออกไป พอดีมีรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านมา สุดใจรีบโบก
และขึ้นไป มอเตอร์ไซค์รับจ้างวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว จันทรา กับชำนิ เพิ่งออกมาจากบ้าน ตามไม่ทัน เห็นสุดใจไปต่อหน้าต่อตา
“ปั๊ทโธ่เว้ย!!มันหนีไปแล้ว” จันทราแว้ดใส่ชำนิ “เพราะพี่คนเดียว”
“มาโทษอะไรฉัน ก็แล้วทำไม เธอไม่แทงมันเองล่ะ”
“ก็พี่นั่นแหละ แย่งมีดจากฉัน”
“ที่ฉันแย่ง เพราะฉันไม่อยากให้เธอทำผิด ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะได้ยอมรับผิดแทนเธอ”
จันทรานิ่งอึ้ง ชำนิพูดต่อเสียงจริงจัง “เพราะยังไง เธอยังต้องอยู่ดูแลลูกของเรา”
ชุติมาที่แอบฟังอยู่ด้านหลัง ใจเต้นระรัว ยิ่งอยากรู้ ชำนิพูดต่อ
“เรื่องนังสุดใจ เธอไม่ต้องห่วง ฉันจะไปตามล่ามันเอง ถ้าเห็นว่ามันอยู่ที่ไหน ฉันจะจัดการมันทันที” ชี้หน้าจันทรา พูดเสียงเหี้ยม “แต่เธอห้ามลืมสัญญา เธอต้องพาชุติมามาหาฉัน ถึงเค้าจะไม่รู้ว่าฉันเป็นพ่อ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น เค้าต้องรู้ ว่าคน คนนี้ .....ยอมทำเพื่อเค้าได้ทุกอย่าง”
จันทรารับปากส่งๆ ”เออ” แล้วเดินลิ่วออกไป ชำนิตามติด
ชุติมาหน้าซีดเผือด ตกใจ คาดไม่ถึง พึมพำเบาๆ “พ่อ...ไม่”
ชุติมาหันหลังกลับวิ่งออกไปทันที
ชุติมาวิ่งมาอย่างคนสติแตก น้ำตากบลูกตา “ทำไมต้องโกหกกันด้วย ทำไม.....”
รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งมา ชุติมาไม่ทันดู รถเกือบชน “ว้าย”
ชุติมาล้มลง แม้นเทพในชุดเครื่องแบบทหารขับรถมาด้านหลัง เห็นตกใจ
“ชุติมา” แม้นเทพจอดรถปราดลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่มอเตอร์ไซค์ด่าชุติมา
“อยากตายรึไงวะ”
แม้นเทพประคองชุติ หันมาบอกมอเตอร์ไซค์ “ขอโทษครับ ขอโทษ”
มอเตอร์ไซค์ขับออกไป ชุติมานั่งร้องไห้แบบไม่ใส่ใจโลก แม้นเทพเรียก “ชุติมา ๆ”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ออกไป..ออกไป๊” ชุติมาขวัญเสีย
“ไปได้ยังไงล่ะ เธอเล่นนั่งขวางถนน คนมองขนาดนี้”
ไทยมุง มุงดูตามประสา แม้นเทพฉุดแขนแรง “ลุก”
แม้นเทพลากชุติมาขึ้นรถพร้อมบอกไทยมุง “ขอโทษครับๆ”
วีระเดินเข้ามา เห็นธิติรัตน์ก็ทำหน้าบึ้งอยู่ เดินเลี่ยงไปอีกทาง
ศรัณย์เห็นรีบบอกธิติรัตน์ “เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ศรัณย์เดินตามวีระออกไป
วีระชงกาแฟอยู่ ศรัณย์เดินตามเข้าไปบอก
“ฉันรู้ว่านายหวังดี แต่เรื่องส่วนตัวของเพื่อน เราเข้าไปก้าวก่ายมากมันก็ไม่ดี”
“แต่คุณแขขอร้องให้ฉันช่วย”
“แค่รับฟังก็ถือเป็นการช่วยคุณแขแล้ว ส่วนนายชายจะตัดสินใจยังไง เราก็ต้องยอมรับ”
“ฉันแค่อยากให้นายชายรับฟังคุณแขบ้าง” วีระว่า
“ฉันเข้าใจ...แต่อย่าให้ความปรารถนาดีของนาย สร้างความลำบากใจให้นายชายเลยว่ะ”
วีระนิ่งก่อนพยักหน้าเข้าใจ”
ชุติมาร้องไห้เสียขวัญอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แม้นเทพแปลกใจ
“นี่เธอจะเอาแต่ร้องไห้ ไม่พูดอะไรเลยใช่มั้ย”
คราวนี้ชุติมานิ่ง เงียบ ปล่อยให้น้ำตาไหลเป็นทาง แม้นเทพพยายามแหย่
“เพิ่งจะเห็นเธอไม่พูดก็คราวนี้แหละ สบายหูชะมัดเลย”
ชุติมาเงียบอีก แม้นเทพเหล่ตามองอย่างห่วงใย แต่ปากแหย่อีก
“ใครทำให้เธอร้องไห้ได้น้อ...คงไม่ใช่แรมแน่ๆ ...เพ็ญประกายยิ่งไม่ใช่ใหญ่ อืมห์ !!...หรือว่าเธอจะเข้าประกวดนางงาม แต่เค้าไม่ให้เธอสมัคร เธอเลยมานั่งร้องไห้ เออ..มันก็สมควรนะ เพราะหน้าตาอย่างเธอ แค่คิดก็ผิดแล้ว!”
แม้นเทพเหล่ตามองอีก ชุติมาก็ยังนิ่งอีก มีเพียงน้ำตาไหลออกมา แม้นเทพห่วงจริง
“กลับบ้านดีกว่าป่ะ” แตะแขนชุติมาจะพากลับ
ชุติมาตวาดแว้ด “ไม่กลับ”
“เอ้า! แล้วเธอจะนั่งร้องไห้ทำมิวสิกวิดีโออย่างนี้เหรอ? มะ...ถ้าอยากร้องไห้ ขึ้นรถมา เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปทำมิวสิกวีดีโอเอง...” แม้นเทพทำท่าไปด้วย “แบบนี้เลยนะ ฉันขับรถไป เธอร้องไห้ไป ลดกระจกลงนิดๆ พอให้ลมตีหน้า..ภาพจะได้ออกมาสวยๆ ไง..โอเคมะ.? ไป”
แม้นเทพฉุดมือชุติมาขึ้น ชุติมายอมขึ้นรถแต่โดยดี แม้นเทพหัวเราะแหย่
“เอ้อ...อยากเล่นมิวสิกวีดีโอก็ไม่บอกตั้งแต่แรก”
ชุติมานิ่งงัน แม้นเทพมองสายตาห่วง เดินอ้อมไปยังคนขับ ขับออกไป
เดือนแรมดูแลบริการลูกค้าในร้านไอศกรีม เพื่อนพนักงานบางส่วนเปิดหนังสือพิมพ์บันเทิงอ่านข่าวซุบซิบ แล้วร้องเสียงดัง
“เฮ้ แรมมีข่าวลงหนังสือกับเค้าด้วย”
เดือนแรมงง “ข่าวอะไร”
เพื่อนคนนั้นชี้ “ก็นี่ไง” อ่านช่าว “ยังไม่เป็นดาวรุ่ง แต่รุ่งจนฉุดไม่อยู่ เมื่อหนูเดือนแรมควงแขนคุณชายธิติรัตน์ ทำน้ำตาลพุ่งเกลื่อนห้าง”
เพื่อนอีกคนว่า “มีรูปเธอด้วยนะแรม”
เดือนแรมตกใจ “ไหน”
เดือนแรมคว้าหนังสือมาจากเพื่อน ก้มลงไปมองแบบตกใจ เห็นตัวเองกับธิติรัตน์ ยืนมองหน้ากัน เดือนแรมหน้าซีดเผือด
“คุณชาย”
แน่นอนธิติรัตน์โกรธมาก เหวี่ยงหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ หน้าดุ “หนังสือพิมพ์บ้าๆ ลงข่าวอย่างนี้ได้ยังไง”
ศรัณย์หยิบหนังสือขึ้นมา “จะโกรธทำไมวะชาย ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย”
“ทำไมจะไม่เสียหาย ฉันกับเด็กนั่นไม่ได้เป็นอะไรกัน” ธิติรัตน์โวยลั่น
“โหย จะเอาสาระอะไรกับเรื่องแบบนี้ มันก็แค่ข่าวซุบซิบ ดีซะอีก คนจะได้รู้จักแรมตั้งแต่สินค้ายังไม่เปิดตัว เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินโปรโหมตคุณชาย หน้าที่ของเราคือถ่ายโฆษณา ไม่จำเป็นต้องโปรโหมต” ศรัณย์ว่า
“แต่ถ้ามีข่าว นางแบบเปรี้ยง คนจำสินค้าได้ มันก็หมายถึงผลงานของเราเหมือนกันนะชาย” วีระบอก
“แต่ฉันไม่ชอบวิธีการทำงานแบบนี้ แล้วก็ไม่ได้ชอบมีข่าวมักง่ายแบบนี้” คว้าหนังสือพิมพ์มามองโกรธ “และคนที่จะให้ข่าว ก็คือคนอยากดังอย่างง่ายๆ เท่านั้น เดือนแรม”
เย็นนั้นเดือนแรมเอาเมนูมาวางที่เคาน์เตอร์ มือธิติรัตน์กระชากแขนเดือนแรมอย่างแรง
“มานี่”
เดือนแรมงง “อะไรคะคุณชาย”
“เธอให้ข่าวทำไม เดือนแรม ในเมื่อฉันกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย” ธิติรัตน์ตะคอก
“แรมไม่ได้เป็นคนให้ข่าวนะคะ แรมไม่รู้เรื่อง”
ธิติรัตน์มองเหยียดหยัน น้ำเสียงเยาะ “อ้อ!!ไม่รู้เรื่อง แต่สามารถโต้ตอบฉันได้ทันที” เสียงดังขึ้น “เธอนี่มันไว้ใจไม่ได้จริงๆ อยากโด่งอยากดัง”
“แรมไม่เคยอยากโด่งอยากดัง” เดือนแรมแย้ง
“แล้วทำไมกล้าให้ข่าวทั้งๆที่มันไม่ได้ เป็นเรื่องจริง เธอรู้มั้ย ฉันเสียหาย ฉันเสียหาย”
เดือนแรมอึ้งไป น้อยใจนัก เสียงสั่นเครือ “การมีข่าวกับแรมทำให้คุณชายต้องเสื่อมเสีย แรมขอโทษค่ะ แต่แรมยืนยันว่าแรมไม่ได้เป็นคนให้ข่าว แรมไม่เคยคิดที่จะทำให้ตัวเองโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน เพราะข่าวที่เกิดขึ้นแรมก็เสียหายเหมือนกัน”
เดือนแรมน้ำตาคลอเดินออกมาอย่างน้อยใจ ธิติรัตน์โมโห
“หยุดนะเดือนแรม หยุด”
เดือนแรมเดินน้ำตาคลอออกมา ธิติรัตน์เดินตามมา กระชากเสียงถาม
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะเดือนแรม เธอเสียหายยังไง?”
เดือนแรมหยุด หันมามอง “อย่างน้อยก็ถูกคุณชายด่า ว่าเป็นผู้หญิงหน้าไม่อาย”
“คำไหน ตอนไหนที่ฉันว่าเธอหน้าไม่อาย”
“คุณชายไม่ได้พูดค่ะ แต่ที่คุณชายด่ามาทั้งหมด มันมีความหมายว่าแรมหน้าไม่อาย แรมหน้าด้าน เกาะกระแสคุณชายธิติรัตน์ หนุ่มไฮโซชื่อดัง ทั้งๆ ที่คุณชายไม่เคยชายตามอง”
ธิติรัตน์อึ้งไป รู้สึกตัวว่าเดือนแรมแรง เดือนแรมเดินต่อ ธิติรัตน์ตามมากระชากแขน
“หยุดนะเดือนแรม”
“คุณชายทำอย่างนี้ไม่กลัวเป็นข่าวอีกหรือคะ?” เดือนแรมเยาะมองมือธิติรัตน์ที่จับอยู่ “และครั้งนี้ คุณชายก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย เพราะคุณชายเป็นฝ่ายจับมือเดือนแรมเอง”
ธิติรัตน์เสียหน้าถูกเดือนแรมย้อน สีหน้าเดือนแรมน้อยใจจริงจัง ธิติรัตน์ยิ้ม แกล้ง
“ก็ไหนๆ มันก็จะเป็นข่าว งั้น..ทำข่าวให้มันแรงขึ้นกว่าเดิมแล้วกัน”
ธิติรัตน์ออกแรงดึงจนเดือนแรมเซถลา “อะไรคะคุณชาย”
“ขึ้นรถ ไปด้วยกันอย่างนี้นี่แหละ จะได้ดังสมใจ”
เดือนแรมมองหน้า ธิติรัตน์มองยั่ว พูดล้อเลียนแบบข่าว
“ยังไม่เป็นดาวรุ่ง แต่รุ่งจนฉุดไม่อยู่ เพราะหนูเดือนแรม พุ่งขึ้นรถกับผู้ชาย”
ธิติรัตน์เปิดประตู ดันเดือนแรมขึ้นรถ เดือนแรมงง “อะไรคะคุณชาย คุณชาย”
ธิติรัตน์ไม่ตอบ เดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับ ขับรถออกไป
คืนนั้นจันทรากระวนกระวาย มองไปทางหน้าบ้านตลอดเวลา “ยัยชุไปไหน ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก? นังแป้นๆๆ”
“ขา” แป้นวิ่งเข้ามา
“คุณชุออกไปตั้งแต่กี่โมง แกเห็นมั้ย”
“ไม่ทราบค่ะ แป้นไม่เห็น”
เพ็ญประกายเดินเข้ามา “เพ็ญโทรฯหา พี่ชุก็ไม่รับสายค่ะคุณแม่”
“อย่าเป็นอะไรไปนะยัยชุ” จันทราพึมพำ
ท่าทางของจันทราห่วงชุติมามาก ระหว่างนั้นรถของแม้นเทพวิ่งเข้ามา ชุติมาลงไป จันทรามองงง
“ยัยชุมากับคุณแม้นเทพ? เป็นไปได้ยังไง”
ชุติมาขอบคุณแม้นเทพ “ขอบคุณมากค่ะคุณต้อมที่อยู่เป็นเพื่อนฉัน”
“แล้วเจอกัน”
แม้นเทพมองหน้าชุติมาสลับจันทรา เห็นชุติมาไม่มองหน้าจันทรา แม้นเทพเดินไป เพ็ญประกายถามชุติมาเป็นห่วง
“พี่ชุไปไหนกับพี่ต้อมมาคะ”
“ไปไหนก็ได้ เค้าไม่พาฉันไปตายหรอก”
“ยัยชุ คุณเพ็ญอุตส่าห์เป็นห่วง แกพูดอย่างนี้กับคุณเพ็ญได้ยังไง” จันทราว่าเอา
“พูดมากกว่านี้ก็ยังได้ ถ้าอยากจะพูด” ชุติมาของขึ้น
จันทราตวาด “ยัยชุ”
“หนูมีเรื่องจะคุยกับคุณ” ลำบากใจจะเรียก Wน้า กรุณาตามหนูมาด้วยค่ะ”
ชุติมาพูดแค่นั้นก็สะบัดหน้าเข้าบ้านไป จันทรามองไม่พอใจ
“ชุติมา เด็กบ้า ถือดียังไงมาสั่งฉัน”
จันทราก็เดินตามชุติมาไปอยู่ดี
จันทราเปิดประตูเข้ามา แต่แล้วต้องผงะ เมื่อเสื้อสีชมพูของชำนิ ปามาถูกโดนหน้า จันทราแว้ด “แอร้ยยย !!แกชักจะกำเริบมากขึ้นทุกวันแล้วนะชุติมา”
ชุติมาเสียงเครือ “ที่ด่าว่าชุกำเริบ เพราะชุเป็นหลานใช่มั้ยคะ? เพราะถ้าเป็นลูก” ลดเสียงลง “คุณน้า คงไม่ว่าชุขนาดนี้”
จันทรามองอย่างแปลกใจ “แกเป็นบ้าอะไรของแก”
“ค่ะชุมันบ้า บ้าเพราะแม่ แม่ที่คลอดมันมา ไม่ยอมรับ บอกว่ามันเป็นหลาน แล้วแม่ของมันก็ยังร่วมหัวกับพ่อมัน จะฆ่าคนอีก”
จันทราตกใจ “ชุติมา”
“ชุได้ยิน ได้เห็นมาหมดแล้ว ...ว่าแม่ทำอะไร?” คว้าเสื้อที่ตกพื้นขึ้นมา “เสื้อตัวนี้ มันเป็นของของใคร” ร้องไห้โฮ “ทำไมคะแม่..ทำไมแม่ต้องปิดบังชุด้วย ทำไมแม่ต้องผลักไสไล่ส่งให้ชุเป็นแค่หลานทำไม?”
จันทราร้องไห้ออกมา “ก็เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะพ่อของแกมันไม่ได้เรื่อง พ่อของแกมันเป็นคนขี้คุก ติดตะราง ที่ฉันทำทุกอย่างก็เพื่ออนาคตของแก”
“อนาคตของคนอาศัยน่ะเหรอคะ? ชุอยากเป็นลูก ไม่ได้อยากเป็นคนอาศัย”
“แต่คนอาศัยอย่างแกนั่นแหละ จะได้ทุกอย่างเหมือนกับลูกสาวคุณเมิน” จันทราบอก
ชุติมามองจ้องหน้าถามเยาะหยัน”ได้ทุกอย่างเหมือนกับลูกสาวคุณเมิน งั้น...ชุขอได้มั้ย?? ขอเป็นคู่หมั้นคุณชายธิติรัตน์ กมเลศ”
จันทราจ้องหน้าชุติมา
หม่อมรัตนายืนคุยโทรศัพท์อยู่ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก “ค่ะ...ยินดีค่ะ....สวัสดีค่ะ”
หม่อมรัตนาวางสาย ก่อนหันมาสั่งละเอียด
“ละเอียด พรุ่งนี้จะมีแขกมาบ้าน จัดอาหารไว้ต้อนรับด้วย”
“ค่ะ” ละเอียดออกไป
รัตนากดโทรศัพท์ โทรหาลูกชาย “ตาชาย พรุ่งนี้...คุณจันทรากับคุณเมินจะมาที่บ้านเรา พร้อมมาหยารัศมีนะลูก”
ธิติรัตน์คุยโทรศัพท์ ท่าทางหน้าเครียด “ครับคุณแม่”
ธิติรัตน์วางสายหน้าเครียด เดือนแรมนั่งตัวลีบมองดูธิติรัตน์อยู่
ธิติรัตน์รีบยิ้มกลบเกลื่อน “นั่งตัวลีบอยู่ได้ ทำไมไม่กินข้าว”
เดือนแรมหน้าจ๋อยๆ “แรมไม่กล้าค่ะ”
“กลัวฉันจะวางยาเธอหรือไง”
“เปล่าค่ะ แรมไม่ได้กลัวคุณชายวางยา...แต่แรมกลัว จะทำอะไรไม่ถูกใจคุณชาย แล้วคุณชายจะอารมณ์ไม่ดีอีก แรมไม่อยากเห็นคุณชายอารมณ์เสีย”
ธิติรัตน์เขม้นมอง สายตาเดือนแรมเป็นห่วง น้ำเสียงจริงจัง
“แรมไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าวจริงๆ นะคะ”
“ฉันรู้แล้วไง ถึงได้พาเธอมาทานข้าว เอ้า! ทานซะ ทานให้เยอะๆ สมกับที่ฉันพามาเลี้ยงหน่อย แล้วก็ขอโทษ ที่ฉันอารมณ์ไม่ดีใส่เธอ”
ธิติรัตน์ตักอาหารให้ เดือนแรมยิ้มน้อยๆ ดีใจที่ธิติรัตน์หายโกรธ แต่ชั่วขณะธิติรัตน์ก็ทำหน้านิ่ว ครุ่นคิด เดือนแรมมองธิติรัตน์
“คุณชาย ทานอะไรหน่อยนะคะ” ตักอาหารให้
“ขอบใจ”
สองคนไม่รู้ว่าจารุณีนั่งอยู่อีกมุมในร้านอาหารเห็น รีบคว้ามือถือขึ้นมา
“แขเหรอ?”
ดุจแขนั่งหน้าหงิก ในมือถือหนังสือพิมพ์ รับโทรศัพท์กระแทกเสียงใส่
“มีอะไรจารุณี?”
“ว้า!!ทำเสียงรำคาญใส่ฉันอย่างนี้ งั้นฉันไม่คุยดีกว่า
“ไม่คุยก็ไม่คุย คนยิ่งอารมณ์เสียๆ อยู่”
“งั้นวันหลัง ถ้าเธอได้ข่าวคุณชาย ธิติรัตน์ นั่งทานข้าวกับเด็กสาวหน้าใส เธอก็ไม่ต้องมาถามฉันแล้วกัน”
ดุจแขสนใจทันที “ว่าไงนะจารุณี? คุณชายไปทานข้าวกับใคร”
“กับเด็กคนนั้น คนที่เธอไม่เคยเห็นว่าหล่อนอยู่ในสายตา แต่ตอนนี้ ฉันว่า เด็กคนนั้น กำลังอยู่ในสายตาคุณชายแล้วล่ะ”
จารุณีวางสาย ปรายตามองยิ้มไปทางธิติรัตน์นั่งทานข้าวกับเดือนแรม
ด้านดุจแข กำหนังสือพิมพ์ในมือแน่น เป็นรูปเดือนแรมกับธิติรัตน์ที่เป็นข่าว นัยน์ตาดุจแขวาวโรจน์ กดโทรศัพท์ทันที พร้อมแอ๊บเสียงหวาน
“คุณณัฐวัฒน์คะ...ดุจแขนะคะ....ได้ข่าวว่า คุณณัฐวัฒน์กำลังจะมีสินค้าตัวใหม่ แขมีดาราสาวสวย และกำลังดังมาก....มาเสนอเพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับคุณณัฐวัฒน์ค่ะ”
ดุจแขยิ้มเจ้าเล่ห์
ค่ำนั้นลูกค้าร้านไอศกรีมทยอยออกแล้ว เดือนแรมและพนักงานเริ่มทำความสะอาดโต๊ะ เดือนแรมบอกผู้จัดการ
“ผจก.คะ วันนี้แรมขอลาครึ่งวันนะคะ”
“ไม่ได้จ้ะแรม ช่วงบ่ายเราจะปิดร้านเลี้ยงฉลองวันเกิดให้ลูกสาวคุณยาหยี คุณยาหยีสั่งพนักงานทุกคนให้อยู่ร่วมงาน”
“แต่แรมมีธุระด่วน”
“ถ้าพ่อแม่ไม่ตาย ญาติไม่เสีย พี่ถือว่าไม่สำคัญ เพราะคุณหยีคือนายของเรา ในฐานะผจก. ใครลา ใครขาด พี่ให้ออก เพราะพี่ถือว่าไม่ให้เกียรติคุณหยี”
ผู้จัดการ เดินไปทำงาน เดือนแรมหน้าซีด เพื่อนเดินมาถาม
“เธอจะทำยังไงแรม”
บริเวณสตูดิโอเอาท์ดอร์ของบริษัทธิติรัตน์ ทีมงานเบื้องหลัง ไฟ กล้อง อุปกรณ์ประกอบฉาก เตรียมพร้อม
เดือนแรม นั่งแต่งหน้าทำผมอยู่ ทีมงานแต่งหน้าอย่างสวย ธิติรัตน์ยืนคุมงานอยู่อีกฝั่งกับวีระ ศรัณย์ แอบมองเดือนแรม
เจ๊กอไก่อวยไม่ขาดปาก “สวยมากค่า..น้องแรมสวยมาก”
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะ น้องแรมจะได้สวยกว่านี้” ฝ่ายคอสตูมบอก
“ค่ะ” เดือนแรมยิ้มเข้าไปกับทีมงาน เจ๊กอไก่เมาท์มอยกับทีมงาน
“ตั้งแต่เจ๊ทำงานมา เจ๊ไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้ สวยๆๆๆๆ สวยเริ่ดเกิดแน่ น้องแรมของเจ๊ เธอว่ามะ?”
ระหว่างนั้นศรัณย์รับโทรศัพท์ “ครับ”
ศรัณย์นิ่งฟังสีหน้าเครียด ขณะที่ธิติรัตน์มองแต่เดือนแรม ที่ทีมงานแต่งตัวสวยออกมา
เจ๊กอไก่เห็น กรี๊ดแตกอีก “น้องแรมสวยเว่อร์ เวอร์ๆๆๆๆๆ เลยค่า”
“ใช่! เวอร์คนเดียวจริงๆ คือเจ๊...อวยอยู่ได้” ทีมงานแซว
“แรมเป็นเด็กของเจ๊ เจ๊ก็ต้องจัดเต็มสิยะ..พูดมากจังเธอนี่ เคยถูกกะเทยงาบมั้ยยะ เดี๋ยวฉันก็งาบหัวเธอหรอก”
เจ๊กอไก่ค้อนขวับ ธิติรัตน์บอก “แรม..ถ้าพร้อมแล้วก็มาทำงานได้เลย จะได้เสร็จเร็วๆ”
“ค่ะคุณชาย”
เดือนแรมเดินไปหาธิติรัตน์ แต่แล้วศรัณย์ที่เพิ่งวางสายลูกค้าหันมาเรียก “เดี๋ยวชาย”
“มีอะไร”
“คุณณัฐวัฒน์ เจ้าของสินค้า สั่งเปลี่ยนตัวพรีเซ็นเตอร์...” ศรัณย์บอก
เดือนแรม หน้าซีดเผือด เจ๊กอไก่ใบ้กินนะจังงัง ธิติรัตน์ถามเร็วปรื๋อ
“ทำไม”
“เค้าจะเอาดาราดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์แทนแรม” ศรัณย์บอก
ธิติรัตน์หันไปมองเดือนแรม เดือนแรมแทบล้มทั้งยืน
ดุจแขนั่งมองในรถ ยิ้มอย่างพอใจ
พอรู้เรื่องเจ๊กอไก่กรี๊ดลั่น
“อ๊ายๆๆ เจ๊ไม่ยอม เกิดมากะเทยเพิ่งถูกเคยปฏิเสธ เจ็บๆๆๆ ยิ่งกว่าถูกผู้ชายหลอกซะอีก ทำไมมายกเลิกงานกลางคันอย่างนี้”
“นั่นน่ะสิ ทำไมจู่ๆ คุณณัฐวัฒน์ถึงได้เปลี่ยนใจ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเค้าชอบแรมมาก” ศรัณย์งง
วีระนึกได้ “เพราะข่าวหรือเปล่า”
ศรัณย์ฉงน “ข่าว”
“ก็ที่แรมเป็นข่าวกับนายชายไง? บางทีคุณณัฐวัฒน์เค้าอาจจะไม่ต้องการพรีเซ็นเตอร์ที่มีข่าวฉาวๆก็ได้นะ” วีระบอก
เจ๊กอไก่นิ่ง เอามืออุดปากหิ้วกระเป๋าย่องออกไปทำไม่รู้ไม่ชี้ เนียนเป็นที่สุด
“แล้วแรมล่ะ” ศรัณย์นึกเป็นห่วงขึ้นมา
เดือนแรมเดินร้องไห้เสียใจมาตามทาง ธิติรัตน์ตามมา
“ไหนว่าไม่อยากโด่ง ไม่อยากดัง แล้วทำไมถูกเปลี่ยนตัวแค่นี้ต้องร้องไห้ด้วย?”
เดือนแรม เซ็งๆ “ก็...” พูดไม่ออก
ธิติรัตน์งง “ทำไม”
“ตอนนี้แรมกลายเป็นคนตกงานแล้วค่ะ”
“ตกงาน”
ธิติรัตน์มองเดือนแรมงงๆ ไม่เข้าใจ
อ่านต่อตอนที่ 4