xs
xsm
sm
md
lg

ทองประกายแสด ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทองประกายแสด  ตอนที่ 9 

ค่ำนั้น...ทองดีแต่งหน้าอยู่ นรินทร์เปิดประตูเข้ามา เธอเหลือบมอง แล้วแต่งหน้าต่ออย่างไม่สนใจ นรินทร์ทำหน้าเอือมๆ ไม่ค่อยอยากพูดด้วยนัก
 
“วันนี้เต้นด้วยนะ”
ทองดีหันมามอง
“เต้นอะไร”
“ก็เต้นแทนจูนไง ฉันยังหาคนมาแทนไม่ได้ จะปั้นใครมาเป็นดาวแทนก็คงไม่ทันมีก็แต่เธอ คืนนี้ทำสองจ๊อบไปก็แล้วกัน”
ทองดีวางเครื่องสำอางในมือลงอย่างแรงเหมือนไม่พอใจ แล้วเดินเข้าไปหานรินทร์เหมือนจะเอาเรื่อง นรินทร์ตกใจนิดๆ ค่อยๆถอยหลังไป แต่ก็ยังต่อว่าเธอ
“เธอจะทำอะไร ทำงานแค่นี้มีปัญหาอะไร อย่าถือว่ากำลังดังนะ”
ทองดียิ้มกวน
“พูดมากน่า ฉันแค่จะบอกว่าไม่ต้องห่วง จะร้องจะเต้นให้เกินค่าตัวแน่”
ทองดีเดินออกไป ปิดประตูปั้ง นรินทร์พ่นลม พลางบ่น
“ยัยบ้า”

บุญเทียมยืนมองเข้าไปด้านในอย่างมองหาใครอยู่ เห็นเด็กดริ๊งค์นั่งป้อนเหล้า เอาใจแขกอยู่ 2-3โต๊ะ บุญเทียมบ่นงึมงำ
“ทำไมต้องมานัดที่นี่ด้วยนะ มันใช่ไหมเนี่ย”
วิไลเดินมาเห็นก็เข้ามาต้อนรับอย่างดี
“สวัสดีค่า...เชิญด้านในเลยค่ะพี่”
บุญเทียมหันมาเจอวิไลที่ยิ้มหวานให้ ก็ยิ้มเจื่อนๆ
“มันใช่ไหมเนี่ย มันใช่ที่ของฉันไหมเนี่ย”
“ใช่สิคะ ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับผู้ชายทุกคน” วิไลเข้าไปคล้องแขนบุญทียม “พี่จะอ๊อฟด้วยไหมคะ”
บุญเทียมทนไม่ไหว
“ว้าย นี่หล่อน ตาไม่มีแววหรือไงยะ มาชวนฉันอ๊อฟเนี่ย โอ๊ย...ฉันอยากจะกรี๊ด”
วิไลอึ้งไปนิด แล้วหัวเราะ
“อ้าว...พี่ เป็นกะเทยก็ไม่บอก”
“แล้วฉันต้องป่าวประกาศด้วยเหรอว่าฉันเป็นกะเทยค่า ฉันเป็นกะเทย เฮ้อ...”
“แล้วพี่มาเที่ยวที่นี่ทำไมอ่ะ จะกลับใจเหรอ”
“อ๊าย...ฉันมาคุยธุระที่โต๊ะวีไอพี 1อยู่ตรงไหนล่ะ ฉันจะได้รีบคุยให้มันจบๆ แล้วจะ
ได้ไปจากที่นี่ซะที”
“อ๋อ หนูกำลังจะไปโต๊ะนั้นพอดี งั้นเชิญค่ะ”
วิไลผายมือให้ บุญเทียมเดินเชิดเข้าไปพร้อมกับบ่นอุบ
“ทำไมไม่นัดฉันที่บาร์เกย์นะ มันใช่ไหมเนี่ย...”
วิไลยิ้มขำ แล้วเดินตามไป

ที่โต๊ะวีไอพี บุญเทียม คุยงานกับผู้ใหญ่วัยกลางคน โดยมีวิไลนั่งดื่มด้วย
“ตกลงว่าพรุ่งนี้บีบีให้น้องจีบี้มาทานข้าวกับเสี่ย แล้วก็พาไปเซ็นต์สัญญาเป็นนางเอกของช่องนะฮะ”
ผู้ใหญ่คนนั้นพยักหน้า
“โอเค...แต่ขอเตือนก่อนนะ ว่าไม่ใช่พอดังแล้วเสี่ยเรียกไม่มานะ”
“รับรอง บีบีจะสั่งสอนเป็นอย่างดีเลยฮ่ะ”
บุญเทียมจะหยิบแก้วน้ำมาดื่ม แต่วิไลก็หยิบพอดี มือของเธอไปจับมือเขาพอดี
“อ๊ายหล่อน ปล่อยนะ โอ๊ย...มันใช่ไหมเนี่ย มันใช่ที่ของฉันไหม”
วิไลค้อน
“แหมเจ๊...หนูไม่ได้ตั้งใจ เห็นน้ำแข็งมันละลาย เลยจะเติมให้ใหม่”
“ขอบใจ แต่ไม่ต้อง ฉันจะกลับแล้ว” บุญเทียมหยิบน้ำมาดื่มหมดแก้ว “ลานะคะเสี่ย”
บุญเทียมไหว้แล้วลุกขึ้นจะไป ทันใดนั้นเสียงเพลงของทองดีก็เริ่มต้นขึ้น บุญเทียมได้ยินเสียงก็ชะงัก หันไปมอง ยิ่งตะลึงค้าง ร่วงลงนั่งบนโซฟาตามเดิม ยิ้มพอใจในหัวคิดเรื่องการค้าทันที ทองดีทั้งร้องทั้งเต้นได้อย่างประทับใจ วิไลมองบุญเทียมงงๆ
“ใครเนี่ย”
วิไลจ้องหน้า
“เจ๊...อย่าคิดอัปรีย์กับเพื่อนหนูนะ”
“สวยขนาดนี้ไม่คิดไม่ได้แล้วล่ะย่ะ”
วิไลหน้าผงะหน้าตื่น
“ฮ้า...มิน่าเขาถึงว่าปีหน้าโลกจะแตก”
“น้องเขาชื่ออะไรน่ะ” บุญเทียมถามอย่างสนใจมากๆ

ทองดีร้องเพลงเสร็จ เดินมาหลังเวที บุญเทียมมาดักเจอยืนทำเท่
“สวัสดีจ้ะ น้องทองประกาย”
ทองดีงงๆ มองบุญเทียมหัวจรดเท้า มองแล้วมองอีก จนบุญเทียมทนไม่ไหว หลุดจากเก๊ก
“นี่หล่อน สงสัยอะไรนักหนา นึกว่าฉันสังเคราะห์แสงได้หรือยังไง”
ทองดีโพล่งขึ้น
“นึกแล้วว่าต้องเป็นกะเทย เดี๋ยวนี้ฉันดูออกแล้วนะ เอ๊ะ...แล้วกะเทยเข้าได้เหรอที่นี่”
“กรี๊ด...ทำไมยะ เขากั้นสายสิญจน์ไว้หรือไง โอ๊ย...ผู้หญิงบาร์นี้ทำไมปากเก่งกว่ากะเทยอีก”
ทองดีขำ
“พี่นี่น่ารักดีนะ”
บุญเทียมยิ้ม
“ย่ะ”
“แล้วนี่พี่มีธุระอะไรกับฉันเหรอ”
“นอกจากเป็นนักร้องแล้ว อยากทำงานพิเศษอย่างอื่นอีกไหม”
“โห...ชมไม่ทันขาดคำ ฉันไม่ขายตัวเว้ย”
ทองดีเดินหนี บุญเทียมรีบตาม
“ว้าย ไม่ใช่ๆ จะให้ไปเป็นนางแบบถ่ายหนังสือ สนใจไหม”
ทองดีได้ยินก็ตาโตทันที
“นางแบบ...”
ทองดีหันมา ยิ้มดีใจสุดๆ บุญเทียมยิ้มเชิดๆ

วันใหม่...มนตราพาทองดีมาที่บ้าน เธอเอานามบัตรของ บุญเทียมให้เขาดู
“บีบี...ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“กะเทย”
“แล้วไปเจอที่ไหน เจอได้ยังไง”
“เจอที่ผับ เมื่อคืนนี้”
มนตราแปลกใจ
“เจอที่ผับ กะเทยเข้าผับแบบนั้นด้วยเหรอ ปกติดีหรือเปล่าเนี่ย”
“เขามาคุยธุระกับลูกค้า พอเห็นฉันร้องเพลง เขาก็สนใจ” ทองดียิ้มปลื้ม “อยากให้ฉันไป
เป็นนางแบบ”
“แล้วไปเชื่อเขาได้ยังไง เดี๋ยวนี้พวกสิบแปดมงกุฎเยอะแยะจนเกือบจะยั้วเยี้ยแล้ว”
ทองดีชักสีหน้า
“ก็เขาบอกว่าปั้นดาราดังๆมาตั้งหลายคนแล้ว ก็น่าจะเชื่อถือได้ แล้วอีกอย่างนี่เป็นความฝันของฉันเลยนะ ฉันไม่อยากปล่อยโอกาสให้ลอยไป”
“แต่ผมไม่อยากให้ทองไปเสี่ยงเลย”
ทองดีรำคาญ
“แล้วจะให้ฉันดักดานเป็นโคโยตี้กับนักร้องในผับแค่เนี้ยนะ ไม่เอาหรอก”
ทองดี ดึงนามบัตรบุญเทียมมา แล้วลุกออกไป มนตราตกใจ
“ทอง จะไปไหน”
มนตราลุกตามไป...ทองประกายฟึดฟัดออกมา มนตรารีบตามมาดึงไว้
“ทอง จะไปไหน ยังไม่ได้ซ้อมร้องเพลงเลย”
“จะกลับ ไม่ซ้งไม่ซ้อมแล้ววันเนี้ย เซ็ง”
“โกรธที่ผมไม่อยากให้ทองไปถ่ายแบบเหรอ”
“ใช่...อุตส่าห์มาปรึกษาก็แย้งโน่นแย้งนี่ตลอด รู้งี้ไม่บอกซะก็ดีหรอก”
“ทองไม่เข้าใจผมบ้างเลย”
ทองดีงง
“ฉันจะต้องเข้าใจคุณเรื่องอะไร คุณสิต้องเข้าใจฉัน ฉันมาปรึกษาคุณ ก็ต้องการการสนับสนุน แต่นี่กลับมาขัดขากันซะงั้น คิดจะดับอนาคตฉัน ให้อยู่แต่ในวงคุณใช่ไหม”
มนตราเศร้าสลดลง
“ผมแค่เป็นห่วง กลัวทองจะโดนหลอก ทำไมคุณมองไม่เห็นความหวังดีของผมบ้างเลย”
ทองดีอึ้ง อ่อนลง
“ให้ฉันได้ลองเถอะ ฉันอดทนรอโอกาสนี้มานานแล้ว”
“แล้วหนังสือที่จะไปถ่ายเป็นแบบไหนล่ะ” มนตราจำต้องอ่อนลง

มนตราพา ทองดีไปที่ร้านหนังสือ เธอหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาส่งให้กับมนตราดู
“หนังสือแบบนี้ไง”
มนตรามอง รูปนางแบบในชุดวาบหวิวบนปกหนังสือสำหรับผู้ชาย ก็อารมณ์เสีย
“หนังสือแบบเนี้ยนะ ไม่ๆ” มนตราวางหนังสือคืนแผง “แบบนี้ผมไม่ให้ถ่าย”
ทองดีงงๆ
“ทำไมล่ะ ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย”
“ถ่ายโป๊ๆแบบนี้น่ะเหรอไม่เสียหาย อยากให้คนอื่นเขามาดูนักเหรอ”
ทองดียังดื้อ
“ฉันจะถ่าย”
มนตราชักโมโห
“ถ้าถ่ายก็ออกจากวงไปเลย หนังสือแบบนี้แหละที่คนเขาจะมองว่าทองขายตัว”
ทองดีอึ้ง
“ขายตัวเหรอ…”
“คิดเอาเองก็แล้วกัน คิดให้ดีๆด้วย”
มนตราเดินหน้าบึ้งออกไปเลย ทองดีสับสน ลังเล มนตราเดินดุ่มๆมาด้วยความโกรธ ทองดีวิ่งตามมา
“คุณมนตรา หยุดก่อน”
ทองดีจับแขนแต่เขายังไม่ยอมหยุดเดิน
“ก็ได้ๆ ฉันไม่ถ่ายก็ได้”
มนตราหยุดเดิน หันมามองอย่างดีใจ
“จริงเหรอ”
เสียงมือถือทองดีดังขึ้นก่อนที่เธอจะตอบ เธอหันไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล...” ทองดีมองมนตราอย่างเกรงๆ “พี่บีบีเหรอคะ”
บุญเทียมเริงร่าเดินออกมาจากออฟฟิศหนังสือที่จะให้ทองมาถ่ายแบบ
“นี่หนู พี่เอารูปหนูให้บก.หนังสือที่จะถ่ายแบบดูแล้วนะ เขาชอบกันมากอยากนัดดูตัวจริงพรุ่งนี้จ้า”
ทองดีดีใจมาก
“...ทอง...จริงเหรอคะ”
เสียงบุญเทียมกรี๊ดจนเธอตกใจ ดึงโทรศัพท์ออกจากหู
“มาเลย...มาคุยกันเดี๋ยวนี้เลย”
ทองดีอึกอัก มนตรามองหน้า
“เขาว่ายังไง”
ทองดีไม่กล้าตอบ

มนตรานั่งจ้องหน้าบุญเทียมอย่างไม่ไว้ใจ บุญเทียมเคืองๆ หันไปหาทองดี
“เอาแฟนมาด้วยทำไม”
“ไม่ใช่แฟนค่ะ เป็นหัวหน้าวงดนตรีหนูเอง หนูกำลังจะฝึกเป็นนักร้อง”
บุญเทียมมองมนตรา
“หืม...เดี๋ยวก็มาสอนให้ตัดสินใจอะไรผิดๆหรอก”
“ทองไปทำงานกับคุณน่ะสิ ถึงจะเรียกว่าตัดสินใจผิด” มนตราย้อน
“ผิดยังไงคุณ ฉันน่ะแมวมองตาเพชรนะยะ โอ๊ย...เบื่อจริงๆพวกหล่อเสียเปล่าเนี่ย” บุญเทียมหันไปโน้มน้าวทองดี “หนูทอง หนังสือเล่มนี้เขาติดอันดับขายดีมาเป็นสิบปีแล้วนะ โอกาสสำหรับเด็กหน้าใหม่มาขึ้นปกน่ะ มันยากนะจ๊ะ”
ทองดีมองมนตราอย่างเกรงๆ
“เอ่อ...แต่หนูไม่อยากให้ใครมองว่าขายตัว”
“ว้าย...ขายตัวอะไรกันจ๊ะ” บุญเทียมหันมาค้อนมนตรา “เธอสอนให้คิดแบบนี้ล่ะสิ นี่มันงานอาร์ต งานศิลปะ เขาเน้นสวยงาม ไม่ได้เน้นปลุกใจเสือป่าซะหน่อย”
“แล้วทำไม่หาหนังสือดีๆ ที่ไม่ต้องใส่ชุดโป๊ๆมาให้ถ่าย”
“แหม...ทองประกายเขาเป็นนักร้อง เป็นโคโยตี้ จะให้ถ่ายแบบชุดไทยหรือไงยะ”
“งั้นก็ไปหาคนอื่นมาถ่ายเถอะ” มนตราฉุดมือทองดี “ไปทอง กลับ”
มนตราดึงไปแต่ ทองดีพยายามรั้งไว้
“เดี๋ยวสิ ยังคุยไม่เสร็จเลย”
บุญเทียมยืนขึ้น พูดอย่างเด็ดขาด
“ถ้าหนูถ่าย พี่จะดันให้ดัง”
ทองดีตาวาว
“จริงเหรอ”
ทองดีสะบัดมือจากมนตรา ไปหาบุญเทียม มนตราอึ้ง
“ทอง!”
ทองดีมองบุญเทียม
“พี่รับประกันนะ”
มนตราไม่พอใจ
“ดูก็รู้ว่าเป็นกะเทยหลอกลวง”
บุญเทียมโกรธ
“ว้าย นี่มันจะมากไปแล้วนะ พอกันที ไม่คุยแล้วโว้ย” บุญเทียมหันไปบอกทองดีเสียงเข้ม “ถ้าจะถ่ายก็โทรมาบอกเย็นนี้แล้วกัน ถ้าไม่ถ่ายก็เรื่องของเธอ” บุญเทียมคว้ากระเป๋า เดินออกไป พร้อมกับบ่น “ทำไมฉันต้องมาเจอแบบนี้นะ มันใช่ไหมเนี่ย...”
ทองดีมองค้อนมนตรา

มนตราขับรถด้วยอารมณ์หงุดหงิดโมโห ทองดีหน้าหงิกพอกัน
“เป็นไรมากป่ะเนี่ย ตกลงจะเป็นหัวหน้าวงหรือจะเป็นพ่อ ยุ่งไปหมดเลย”
มนตราโกรธ แต่ไม่พูดอะไร เร่งความเร็วจนทองดีตกใจ
“นี่ หยุดนะ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง...ถ้าไม่ขับดีๆ ก็จอด”
มนตราจอดรถเอี๊ยด ทองดีรีบลงจากรถด้วยความโมโห มนตรารีบตามลงไป จับมือเธอไว้
“ทองประกาย”
ทองดีสะบัด
“ปล่อย ไม่ต้องมายุ่ง”
“ทองจะโกรธผมไปจนตายก็โกรธไป ยังไงผมก็ไม่อยากให้ทองไปถ่ายแบบ”
“ทำไม”
มนตราหลุดปาก
“ก็หวงอ่ะ”
ทองดีอึ้ง มนตราสงบลง แล้วจ้องตา
“ผม...ชอบคุณ”
ทองดียิ่งอึ้ง มนตรามองด้วยสายตานุ่มนวล
“ผมชอบคุณนะ” มนตราเห็นทองดียังนิ่งก็พูดอีก “ผมชอบคุณ ๆ ๆ”
ทองดีใจเต้นพูดเสียงแผ่ว
“ได้ยินแล้ว”
มนตรายิ้ม
“แล้วคุณล่ะ รู้สึกเหมือนผมไหม”
ทองดีไม่แน่ใจ
“ฉัน...ไม่รู้สิ”
“ไม่เป็นไร คุณยังไม่ต้องตอบผมตอนนี้ก็ได้ แต่สิ่งที่ผมอยากให้ตอบ ก็คือคุณจะไม่ไปถ่ายแบบนั่น”
ทองดี ก้มหน้าหลบตา ตัดสินใจว่ายังไงก็จะไปถ่าย

ค่ำคืนนั้น ทองดีนั่งดูนามบัตรบุญเทียมอยู่บนเตียง คิดไม่ตก
“เอาไงดีวะ จะหาทางโกหกตาบ้า มนตรายังไงดี”
วิไลที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกถือถุงขนมเข้ามา
“อ้าว...เลิกซ้อมร้องเพลงแล้วเหรอ กินหนมป่ะ”
วิไลยื่นถุงขนมให้
“ไม่อ่ะ กลุ้ม”
“กลุ้มเรื่องอะไร”
“ก็พี่บีบีเขาจะให้ฉันไปถ่ายแบบ แต่คุณมนตราไม่ให้ บอกว่าโป๊ เถียงกันแทบตายแล้วอยู่ๆก็ดันบอกว่าชอบฉัน”
วิไลดีใจมาก
“กรี๊ด ฉันดีใจด้วยนะแก”
ทองดีตกใจ
“เฮ้ย...กรี๊ดทำไม ดีใจอะไร ฉันจะอดถ่ายแบบอยู่แล้วเนี่ย คุณมนตราดันไปด่าพี่บีบีเขาด้วย”
“ดีใจที่มีผู้ชายมาหลงรักแกต่างหาก แล้วแกรับรักเขาเลยป่ะ”
ทองดีเบะปาก ส่ายหน้า จะล้มตัวลงนอน แต่วิไลดึงขึ้นมาก่อน
“อ้าว...ทำไมล่ะ ทั้งหล่อทั้งดี ยังจะเลือกอีกเหรอ”
“มันก็ดีแค่ตอนแรกทั้งนั้นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้ต่างจากผู้ชายคนอื่นหรอก”
“แน่ใจ คิดให้ดีๆสิว่าคุณมนตราน่ะเหรอไม่ต่าง ทั้งไม่เคยแต๊ะอั๋ง ไม่เคยดูถูกแกแถมยังให้คำปรึกษา ช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่ใช่พวกที่คิดจะมาเอาแต่ตัว แต่พอเรามีปัญหามันบอกไม่ยุ่ง แบบนี้ต่างไหม”
ทองดีเริ่มคิดตาม
“อือ...แต่ฉันก็ยังอยากไม่ปักใจ เพราะฉันไม่คิดว่าจะเอาชีวิตไปฝากใครได้จริง ตอนนี้น่ะ คิดแค่ทำยังไงที่จะไปถ่ายแบบ แล้วเขาไม่รู้”
ทองดีครุ่นคิด ยังไม่เชื่อใจผู้ชายนัก

ค่ำนั้น...วงของมนตรากำลังเล่น ซึ่งเป็นเพลงรักๆ ทองดียืนฟังอยู่เหลือบมองเขาที่เล่นเปียโน เห็นเขามองมาอยู่แล้วเธอก็เขินๆ แต่ก็ทำเป็นเฉย สักเดี๋ยวก็เหลือบมองอีก ก็เห็นเขามองอยู่ก่อน แล้วก็ยิ้มให้ ทองดีรู้สึกประดักประเดิด จนเพลงจบ แขกปรบมือให้มนตรา
ทองดีกำลังหาโทรศัพท์ มนตรายื่นแก้วน้ำมาให้ เธอไม่รับ
“โทรศัพท์ฉันหาย”
“อ้าว...หายที่ไหน ยังไงล่ะ”
“ก็ฉันเอาไว้ในกระเป๋า อย่างอี่นก็อยู่ครบ”
“แล้วจะทำยังไงล่ะ”
“นั่นสิ ฉันกลุ้มใจมากเลยอ่ะ จะโทรติดต่อพี่บีบียังไงล่ะเนี่ย”
มนตราหน้านิ่ง
“ติดต่อเรื่องจะไปถ่ายแบบเหรอ”
ทองดีอึกอัก
“ก็ใช่น่ะสิ โอ๊ยจะทำยังไงดีเนี่ย”
ทองดียังมองหาอยู่ มนตราเจ็บปวดใจ
“ตกลงคุณเลือกที่จะเป็นนางแบบวาบหวิวใช่มั๊ย”
ทองดีมองหน้าเขาที่ดูผิดหวังในตัวเธอ
“ฉันฝันมาทั้งชีวิต ที่จะเป็นนางแบบ เป็นดารา เป็นนักร้อง แต่ฉันจะต้องมาหยุดฝันเพราะคุณไม่ชอบเหรอ คุณเป็นอะไรกับฉันล่ะ คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉันเหรอ”
มนตราเริ่มโกรธและงอน
“คุณรู้แล้วว่าผมเป็นห่วง”
ทองดีอ้ำอึ้ง มนตราถามย้ำ
“ชอบผมมั๊ย”
ทองดีอมยิ้ม เขิน
“ไม่รู้...”
“ยังไงก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ไปกับผม”
ทองดีแปลกใจ
“ไปไหนล่ะ”
“ก็ไปซื้อโทรศัพท์ไง เดี๋ยวผมซื้อให้”
ทองดีมองหน้า
“เนี่ยนะจะให้ฉันชอบคุณ...นิสัยพวกคนรวย”
“อะไรอีกล่ะ”
ทองดีโมโหสุดๆ
“ฉันอยากได้เครื่องเก่าไม่ได้อยากได้เครื่องใหม่”
“ตามใจ งั้นก็หาไปคนเดียวแล้วกัน ดื้อนัก”
มนตราเดินออกไป
“ใจดำ โอ๊ย...ทำไงดี...ทำไงดี พี่บีบีต้องคิดว่าฉันไม่สนใจจะโทรหาแน่ๆเลย”
ทองดีค้นหาต่อไปอย่างกังวล

เช้าวันใหม่ มนตรากับ ทองดีเข้ามาคุยกับนรินทร์ในห้องทำงาน นรินทร์ร้องเสียงหลง
“ขอให้มีวันหยุด ! ตายๆๆ อย่างนี้ผมก็เจ๊งน่ะสิ คนนั้นออก คนที่เหลือขอวันหยุด”
“ไม่ถึงกับเจ๊งหรอกครับ แค่หยุดงานอาทิตย์ละวัน คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะติดต่อวงดังเพื่อนผมมาแทน ตกลงไหมครับ”
นรินทร์ตาโต
“วงดังเหรอ เออดีๆ ได้วงดังมาอย่างนี้กำไรอื้อแน่ๆ ได้ งั้นคุณกับวงลาได้ แต่ทองประกายต้องอยู่”
มนตราส่ายหน้า
“ไม่...ทองประกายต้องไปกับผม”
“ก็ทองเขาก็ไม่ใช่คนของวงคุณเต็มตัวนี่ มันเรื่องอะไรที่จะต้องให้เขาลาด้วย”
ทองดีอยากแกล้งมนตรา
“ฉันก็เห็นด้วยกับคุณนรินทร์นะ”
“ไม่ได้ครับ ต้องหยุดเหมือนกันหมด”
นรินทร์ชักโมโห
“เฮ้ย...คุณนี่ ได้คืบจะเอาศอก ผมไม่ยอมหรอก เงินเข้าเป็นกอบเป็นกำกันเห็นๆ ผมให้ทองหยุดงานไม่ได้หรอก”
มนตราแรงกลับ
“แต่คุณต้องให้เขาหยุด ไม่งั้นผมกับวงจะไม่เล่นให้ที่นี่อีก”
ทองดีกับนรินทร์เหวอไปเลย

ทองดีนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่กับมนตรา
“คุณนี่ เอาแต่ใจ ขู่คุณนรินทร์ซะหงอเลย ต่อไปเขาต้องมาเขม่นฉันน่าดู”
“ถ้าเขาทำงั้น คุณก็มาบอกผม เดี๋ยวผมจัดการให้”
“ใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบ”
มนตราหัวเราะ แล้วทำเป็นแกล้งถาม
“แล้วพรุ่งนี้คุณคิดหรือยังว่าจะทำอะไร”
“ยังเลย”
มนตรายิ้มๆ
“ดี”
“หมายความว่าไง”
“เปล่า” มนตราทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง มองลูกชิ้นในชามของเธอ “ไม่เห็นกินลูกชิ้นเลย ผมจิ๊ก
ละนะ”
เขาคีบขึ้นมากินเลย เธอโวยวายลั่น
“เฮ้ย...คุณ ฉันเก็บไว้กินทีหลังต่างหากเล่า”
ทองดีงอน แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินที่เหลือไป มนตราหัวเราะชอบใจ มองทองดีอย่างหลงใหล
 
อ่านต่อหน้า 2




ทองประกายแสด  ตอนที่ 9 

ทองดีรีดเสื้ออยู่ในห้อง ขณะที่วิไลก็นั่งตะไบเล็บ คุยอยู่ใกล้ๆ
 
“ดีแล้วที่แกได้วันหยุดกับเขามั่ง”
“ดีตรงไหน หยุดไปก็เสียรายได้ เซ็งหนักเลย ฝันจะได้ถ่ายแบบ ต้องมาจบหมดแล้วเพราะโทรศัพท์หาย โอ๊ย...อะไรกันเนี่ย”
“ก็ดีแล้ว หยุดพักให้หายเซ็ง อย่างกนักเลย ไม่ต้องหงุดหงิดแล้วด้วย เดี๋ยวก็หน้าแก่ก่อนวัยหรอก เดี๋ยวพี่บีบีเขาก็คงมาอีก ถ้าเข้าตาเขาจริง”
“พี่วันนี้ไปเดินห้างกับฉันมั๊ย ฉันเบื่อ”
“ไม่ได้หรอก นัดนิคไว้แล้ว”
“แหวะ หมั่นไส้ มาได้ทุกวี่ทุกวัน ไม่บอกให้เขาเหมาจ่ายรายปีเลยล่ะ”
“อย่ามาอิจฉา แกก็นัดคุณมนตรานี่”
“บ้า...ไม่เกี่ยวกันเลย มาหาเรื่องให้ฉันมีวันหยุด ใครอยากจะได้ รู้งี้ทำงานดีกว่า”
“ตอนกลางวันนี้นิคเขาจะพาฉันไปเที่ยวก่อน แกไปด้วยกันสิ”
“ไม่ไปหรอก กลัวเป็นก้างขวางคอ ฉันไปเดินห้างดูหนังคนเดียวก็ได้”
“ตามใจ” วิไลแกล้งแหย่ “แต่อย่าให้รู้นะว่าปากแข็ง นัดใครไว้แล้วบอกไม่ได้นัดอ่ะ”
วิไลเอาเสื้อคลุมหัว แลบลิ้นล้อ ทั้งสองหัวเราะกัน

มนตรากลับมาบ้านด้วยท่าทีมีความสุข เจอละเอียดกวาดบ้านอยู่ก็เข้าไปแกล้งจี๋เอว
“พี่เอียด”
ละเอียดสะดุ้ง
“ว้ายๆๆ”
มนตราหัวเราะ
“พรุ่งนี้ผมจะไม่อยู่บ้านนะ”
“อ้าว...จะไปไหนล่ะคะ”
มนตรากำลังเดินไปหันมาบอก
“จะไปต่างจังหวัด แค่ใกล้ๆนี่แหละ”
“จังหวัดไหน ไปกี่โมง กลับกี่โมง แล้วก็ไปกับใคร ถ้าไม่บอกให้ละเอียด พี่จะช่วยโกหกคุณพ่อคุณแม่คุณมนลำบากนะคะ คราวที่แล้วพี่เอียดโดนซักจนเกือบจนมุม”
“ก็...จะไปแค่ชะอำ ไปเช้า ค้างคืนนึง ไปกับ...”
“ทองประกาย”
มนตราพยักหน้า
“นึกแล้วเชียว เฮ้อ...ค่ะๆ พี่เอียดจะไม่บอกคุณๆหรอกค่ะ”
“ทำไมพี่เอียดถึงเปลี่ยนมาเป็นพวกเดียวกับผมล่ะครับ”
“พี่อยากเห็นคุณมนมีความสุข”
ละเอียดรู้ว่ามนตรารักผู้หญิงคนนี้มาก และรู้นิสัยเขาดี ถ้าขวางมากก็ประชดเลย อย่างตอนเรียนก็เหมือนกัน ที่บ้านส่งไปเรียนธุรกิจ แต่เขาแอบเปลี่ยนประเทศไปเรียนดนตรีเฉยเลย
“ขอบคุณนะครับพี่เอียด”
ละเอียดถอนใจเบาๆก่อนจะเอ่ยเตือน
“คุณมน จะรักใครก็ดูดีๆนะคะ เอียดเป็นห่วง”
มนตราพยักหน้ารับ
“ครับ”
มนตราเดินเข้าห้องไปอย่างอารมณ์ดี ละเอียดมองตามอย่างเป็นห่วง...มนตราวางโทรศัพท์ของทองดีไว้บนโต๊ะ มองอยู่นานแล้วยิ้ม ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เดินเข้าห้องน้ำไป

ค่ำนั้น...ทองดีเต้นลิปซิ้งค์อย่างเต็มที่ เธอกับเขาแอบมองกันบ่อยๆ ยิ้มให้กันทุกครั้ง ที่หันไปเจอ มนตรายิ้ม ทองดีอายๆ งอนๆ วิไลที่นั่งอยู่ตรงโซฟารอแขกเรียก มองมา ชี้ทองดีอย่างล้อๆ ทองดียิ้มแล้วค้อน วิไลหัวเราะ
ทองดีร้องเพลงเสร็จมานั่งดื่มน้ำที่บาร์ วิไลรี่เข้ามาหา
“นั่นแน่ เห็นนะ”
ทองดีอมยิ้ม หันหน้าหนี
“เห็นอะไร”
วิไลหมุนเก้าอี้ทองดีหันมา
“อย่ามาทำไก๋ ใจอ่อนกับเขาแล้วใช่มะ”
มนตราได้ยินก็เข้ามานั่งข้างหลังทองดี วิไลเห็น ก็ยิ้มๆ แล้วทำเป็นแกล้งถามต่อ
“ว่าไง ใจอ่อนหรือยัง”
“ก็แค่รู้สึกดีๆ”
วิไล ยักคิ้วยิ้มให้มนตรา
“แค่นั้นจริงอ่ะ เห็นยิ้มให้กันบนเวที แหม หวานเว่อร์”
“ถ้ามากกว่านั้น ฉันก็กลัวเจอเหมือนที่ผ่านๆมา”
“แล้วเธอคิดว่าเขาดีกว่าไอ้คนที่ผ่านมาหรือเปล่าล่ะ”
“ก็เพราะดีกว่าทุกคนนั่นแหละ ถึงได้ยิ่งต้องห้ามใจ กลัวออกลายตอนที่ทุ่มให้หมดใจ”
“พูดงี้ แปลว่าชอบเขาชัวร์ ใช่ป่ะ”
ทองดีเขิน
“ไม่รู้ ขี้เกียจบอกแล้ว เปลี่ยนเรื่องๆ”
“ขี้เกียจบอกฉัน ก็บอกเขาสิ”
วิไลหมุนเก้าอี้ทองดีให้หันไปเจอมนตรา เธอตกใจเมื่อเห็นเขานั่งอยู่
“เฮ้ย...มานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่”
มนตรายิ้ม
“ก็ตั้งแต่คุณวิไลถามคุณว่าใจอ่อนกับผมหรือยัง”
“โห ก็ได้ยินตั้งแต่แรกเลยสิ” ทองดีหันไปหยิกวิไล “มาทำเป็นหลอกถามฉันนะ”
“โอ๊ย เจ็บนะ เขินแล้วมาทำเป็นหยิกเพื่อน ไปเต้นดีกว่า”
“รีบๆไปเลย ไป”
ทองดีดันหลังเพื่อนไป วิไลหัวเราะคิกคัก ทองดีอมยิ้มเขิน มนตรายิ้มชอบใจ
“แล้วตกลงใจอ่อนกับผมหรือยัง”
ทองดีเขิน เลี่ยงไป
“ฉันไปเตรียมขึ้นเวทีก่อนนะ”
ทองดีเดินหนีไปเลย มนตรามองตาม ยิ้มตาเป็นประกาย

เมื่อผับเลิก นิคโอบวิไลออกมา ทองดีเดินตามหลังมา วิไลหันมาบอก
“ทอง...คืนนี้ฉันไม่กลับนะ”
“ไม่บอกก็รู้ย่ะ”
ทองดียิ้มให้ นิคยิ้มตอบ วิไลโบกมือบ๊ายบายแล้วพากันไปขึ้นรถ ทันใดนั้นเสียงมนตราดังขึ้น
“ให้ผมไปส่งนะ”
ทองดีหันมาเจอเขาที่ยืนยิ้มเท่อยู่ข้างหลัง เธอเขินอาย
“ที่พักพนักงานอยู่ใกล้แค่นี้ ฉันกลับเองได้”
“ดึกๆ ที่ไหนก็อันตราย ให้ผมเดินไปเป็นเพื่อนนะ”
ทองดีอมยิ้ม
“ตามใจ”
ทองดีเดินลิ่วไป มนตรารีบเดินตามมาถึงหน้าตึก
“ไปได้แล้ว”
“อะไรกัน ผมมาส่งนี่ จะขอบใจสักคำก็ไม่มี”
“ฉันไม่ได้บอกให้มาส่งนี่ คุณอยากมาเองต่างหาก ไปได้แล้ว ฉันจะขึ้นห้องแล้ว”
“ครับๆ” มนตรายิ้มเจ้าเล่ห์ “พรุ่งนี้เจอกัน”
ทองดีงง
“พรุ่งนี้เราหยุดงานกันนี่ จะเจอกันได้ไง”
มนตรายิ้มๆ
“งั้น ผมไปนะครับ...บาย”
มนตราโบกมือให้ก่อนจะหันหลังเดินไป ทองดีมองตาม แล้วเรียก
“คุณมนตรา”
มนตราหันมา
“ขอบคุณนะที่เดินมาส่ง”
มนตรายิ้มดีใจ แล้วหันหลังเดินไปอย่างมีความสุข ทองดียิ้ม แล้วเดินขึ้นตึกไป

6 โมงเช้า...ทองดียังนอนหลับอยู่ทันใดนั้น เสียงมือถือดังขึ้น ทองดีต้องสะดุ้งตื่น งัวเงียรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล ใครอ่ะ”
เสียงมนตราดังมาจากปลายสาย
“ผมเอง”
ทองดีตกใจ เด้งขึ้นมานั่งโดยอัตโนมัติ
“โทรมาทำไมเนี่ย” เธอหันไปมองนาฬิกา “โห เพิ่งจะหกโมงเช้าเองนะ อยากโดนด่าหรือไง แค่นี้นะ”
ทองดีจะกดวาง มนตรารีบร้องห้าม
“เดี๋ยว...อย่าเพิ่งวาง ลงมาหาผมหน่อยนะ ผมรออยู่ข้างล่างแล้ว”
ทองดีตกใจ
“เฮ้ย มาทำไม จะให้ไปตักบาตรหรือไง”
“ทำไมรู้ล่ะ ใจตรงกันเลย”
“ไม่อยากลง จะนอน”
“ต้องลง เร็วๆด้วย ไม่งั้นบุกถึงห้อง”
“นี่ ฉันชักโมโหแล้วนะ คนอะไรชอบบังคับจังเลย”
“คนอะไร บอกบุญไม่รับ เดี๋ยวชาติหน้าไม่สวยเหมือนชาตินี้นะ”
ทองดีถือโทรศัพท์ รีบลุกขึ้น
“ยุ่งชะมัดเลยคุณนี่” ทองดีเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว เข้าห้องน้ำ “ฉันไม่เห็นจะอยากไปเลย แค่นี้นะ”
ทองดีวางแล้วยิ้มๆ เดินไปเข้าห้องน้ำ

ทองดีแต่งตัวเสร็จแล้ว มานั่งที่กระจก หยิบผ้าคาดผม กิ๊บ และที่คาดผมมาคาดมาติด แล้วก็ถอด เลือกไปเลือกมาก็ฉุกคิดขึ้นมา
“จะสวยเพื่อนายนี่ทำไมวะ” ว่าแล้วก็เสยผมลวกๆ “บ้าหรือเปล่าเนี่ยเรา ยอมตื่นตามเขาทำไมเนี่ย”
ทองดีเดินหาวหวอดๆลงมาที่ลานจอดรถ เห็นมนตรายืนหันหลังพิงรถรออยู่
“คุณ”
มนตราหันมายิ้ม
“ขึ้นรถสิ”
“พาไปใส่บาตรจริงอ่ะ”
มนตราขำ
“ก็จริงน่ะสิ คุณคิดว่าผมจะพาคุณไปทำมิดีมิร้ายตั้งแต่ไก่โห่อย่างนี้น่ะเหรอ”
“จะไปรู้ได้ไง ก็ทำอะไรแปลกๆ อยู่ๆก็มา ใครจะไปอยากไว้ใจ”
“อยู่ๆก็มาที่ไหนกัน เมื่อวานบอกแล้วนี่ว่าเจอกันพรุ่งนี้เช้า ความจำเสื่อมนี่”
“นี่คุณ”
“น่า อย่าเสียเวลาเถียงกันเลย ไปเถอะ”
มนตราเปิดประตูรถให้ ทองดีค้อน แต่ก็ขึ้นรถโดยดี มนตรายิ้มพอใจ ปิดประตูให้ แล้วไปขึ้นรถขับออกไป

มนตราพา ทองดีมาใส่บาตรให้พระสงฆ์รูปนึ่งที่หน้าตลาด เมื่อใส่เสร็จเธอก็ยิ้มให้เขา
“ขอบคุณนะ ฉันไม่ได้ใส่บาตรมานานแล้ว รู้สึกดีจังเลย”
มนตรายิ้มกริ่ม
“ยังมีที่ที่ทำให้รู้สึกดีกว่านี้อีกนะ”
ทองดีแปลกใจ
“อะไร จะไปไหนอีก ไม่เอาแล้ว จะกลับไปนอน”
“โธ่คุณ ได้หยุดทั้งวัน คิดจะนอนอย่างเดียวหรือไง ไปขึ้นรถเร็ว”
“โอ๊ย คุณ ไปคนเดียวเหอะ จะไปไหน ทำอะไรก็ไม่บอก อยู่ๆก็บังคับให้ไปโน่นไปนี่”
“ก็จะพาไปเที่ยว ทีคุณเหงาผมยังอยู่เป็นเพื่อนเลย”
“แต่คุณก็เคยให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนแล้วนี่ หายกันแล้ว”
“แต่ผมช่วยคุณมากกว่า ทั้งเป็นที่ปรึกษา เป็นครู เป็นคนแก้เหงา แล้วก็ยังทำให้คุณได้หยุดงานด้วย”
“ทวงบุญคุณกันนี่”
“จะว่างั้นก็ได้ ไปเร็วเถอะคุณ”
ทองดีค้อน แล้วเดินไป มนตราเดินตามยิ้มๆ

ขณะที่มนตราขับรถไป ระหว่างทาง ทองดีเห็นป้ายบอกทางไปสมุทรสาคร
“จะพาไปไหน ทำไมมันไกลอย่างนี้”
“อดใจรออีกนิด เดี๋ยวได้เห็นของดี”
“ก็ที่ไหนล่ะ เมื่อไหร่จะถึงซะที”
“เลิกถามซะทีน่า เดี๋ยวถึงก็รู้เอง”
ทองดีโมโหนอนหลับเลยเพราะรำคาญ มนตราเห็นเธอนอนหลับก็ยิ้มเอ็นดู

ทองดีหลับอยู่ โดยมีแจ็คเก็ตของเขาคลุมอยู่ เสียงคลื่นดังแว่วมา เธอสลึมสลือตื่นขึ้น มองไปข้างหน้าเห็นมนตรายืนวาดทรายเล่นอยู่ที่หาด ทองดีตื่นตะลึงกับทะเล เดินลงจากรถไปหาเขา
“นอนพอแล้วเหรอ”
“ที่นี่ที่ไหน”
“ชะอำ”
“สวยจัง เกิดมาฉันไม่เคยเห็นทะเลของจริงเลย”
ทองดีมองบรรยากาศรอบๆตัวที่สวยงามมาก มนตราอึ้งไป
“จริงเหรอ คุณไม่เคยเห็นทะเล”
“ฉันไม่เคยได้ไปไหนนอกจากช่วยแม่กับเตี่ยทำงานอยู่ที่ร้าน พอมากรุงเทพฯ ก็อย่างที่คุณเห็น ทำแต่งานมาตลอด”
มนตราสงสาร
“ผมดีใจที่ได้พาคุณมา ผมชอบที่นี่มา เคยมากับครอบครัวบ่อยๆ” มนตราจ้องตา “ผมตั้งใจไว้ว่าถ้าผมมีคนรัก ผมจะพาเขามาชื่นชมบรรยากาศที่นี่เหมือนกัน”
ทองดีอึ้ง หลบตา แอบหวั่นไหวมากขึ้น
“คุณชอบที่นี่ไหม”
“ฉันชอบทะเลที่สุด”
“แล้วผมล่ะ”
ทองดีไม่ตอบได้แต่ยิ้ม
“คุณก็เป็นคนดีนะ”
“ว้า แต่ไม่เป็นไร ผมจะทำให้คุณชอบผมให้ได้”
ทองดีเลี่ยงไป
“แล้วเราจะกลับกี่โมงล่ะเนี่ย”
“ผมว่าจะค้างสักคืนนึง”
ทองดีตกใจ
“หา...จะค้างได้ไง ไม่ได้เอาเสื้อผ้าอะไรมาสักอย่าง”
มนตรายิ้มๆ

มนตราพาทองดีมาที่หน้ารีสอร์ทหรู เธอเห็นก็ชอบมาก มีความสุขมาก
“โห...สวยอย่างกับสวรรค์แน่ะ”
มนตรายิ้มดีใจ
“เข้าไปข้างในกันเถอะ”
มนตราเดินนำเข้าไป...มนตราเซ็นชื่ออยู่ที่เคาน์เตอร์ ทองดีมองไปรอบๆอย่างตื่นตา พนักงานบอกราคากับมนตรา
“สองห้อง หนึ่งหมื่นหกพันบาทค่ะ”
ทองดีหันขวับ ตาลุก ถามทันที
“หา...หมื่นหกเลยเหรอ ห้องละเท่าไหร่เนี่ย”
มนตรายิ้มเจื่อนๆกับพนักงาน
“ห้องละแปดพันค่ะ”
ทองดีหันไปบ่นกับมนตรา
“ห้องบ้าอะไรตั้งเกือบหมื่นแน่ะ สองห้องก็เกือบสองหมื่นเลยเหรอแพงเว่อร์ไปมั้งคุณ”
“ไม่เป็นไร ผมจ่ายได้”
ทองดีคิดนิดนึง
“เอาห้องเดียวก็พอ นอนด้วยกันก็ได้”
มนตราอมยิ้มดีใจ

มนตราพาทองดีเข้ามาในห้อง เธอก็ต้องตะลึงที่เห็นเสื้อผ้าหลายชุดแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่เปิดอยู่ จึงเข้าไปดู
“โอ้โห เสื้อผ้าใครเนี่ย สวยๆทั้งนั้นเลย คุณ เราเข้าผิดห้องหรือเปล่า ห้องนี้เขามีคนอยู่แล้วนี่”
มนตรายิ้ม
“ไม่ผิดหรอก ห้องเรานี่แหละ จริงๆผมเตรียมห้องนี้ให้คุณ แต่พอคุณบอกจะอยู่ห้องเดียวกัน ผมก็เลยคืนห้องของผมไป”
“แล้วตอนแรกทำไมถึงจองสองห้องล่ะ”
“ผมไม่อยากให้คุณเห็นผมเป็นคนฉวยโอกาส ถึงผมจะอยากอยู่ใกล้ๆกับคุณแค่สองคนก็เถอะ”
ทองดียิ้มๆ แกล้งต่อว่า
“ที่แท้ก็แอบคิดไม่ดีเหมือนกัน”
“โธ่คุณ ผมก็ห้ามใจสุดๆแล้วนะ…คืนนี้ยังไม่รู้จะเป็นยังไงเลย”
ทองดีทุบอกเขา
“บ้า เห็นไหม ผู้ชายก็อย่างนี้”
เธอเดินหนีไปทางระเบียง มองไปที่ทะเล เขามองเธอขำๆ แล้วเดินตามไป
“ไปเล่นน้ำทะเลกันไหม”
ทองดียิ้ม พยักหน้า

ทั้งสองคนเล่นน้ำทะเล เล่นเรือใบและไปเที่ยวตามที่ต่างๆอย่างสนุกสนาน มนตราไม่มีทีท่าแม้แต่จะจับมือหรือเอาเปรียบเธอ จากนั้นทั้งสองก็มาที่ร้านอาหาร มนตราแกะกุ้งให้ ทองดีพยายามแกะปู เขาสอนให้แกะตรงกระดองก่อน แล้วจิ้มน้ำจิ้มป้อน ทองดีคุยโน่นนี่นั่นอย่างมีความสุขทั้งสองกินเสร็จแล้วดื่มน้ำ
“อิ่มจนแน่นเลย”
“คุณนี่กินเก่งเหมือนกันนะ ถ้าอ้วนนะ...”
“ทำไม อ้วนแล้วทำไม”
“ก็ยังน่ารักอยู่น่ะสิ คุณจะผอมหรือจะอ้วน คุณก็ยังเป็นคุณ ที่ผมมองว่าน่ารักเสมอ”
“คุณก็พูดเก่งขึ้นเยอะเหมือนกัน ตั้งแต่ไปเที่ยวจนกินข้าว คุณพูดไม่หยุดเลย”
“คงเป็นเพราะมีความสุขที่มีคุณอยู่ใกล้ๆมั้ง”
มนตราสบตา ทองดียิ้มเขิน

ค่ำนั้นพระจันทร์ลอยเด่นบนท้องฟ้า ทองดีนั่งเล่นอยู่ที่ชายหาด แล้วมนตราก็มานั่งข้างๆ
“ไม่กล้าเข้าห้องหรือไงคุณ ถึงได้มานั่งอยู่นี่”
ทองดีค้อนนิดๆ
“นี่ ฉันขอถามตรงๆนะ คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา”
มนตราครุ่นคิด
“ผมขอจับมือคุณได้ไหม”
ทองดีอึ้ง ไม่ตอบ
“แค่จับมือ”
ทองดีพยักหน้า มนตราจับมือเธออย่างแผ่วเบามากุมไว้
“ผมรู้ว่าคุณคงเจออะไรที่ไม่ดีมาเยอะ คนอื่นอาจจะอยากได้แค่ตัวคุณ แต่ผมไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องระหว่างผมกับคุณ มันเป็นเรื่องของใจ ถ้าคุณไม่รักผม ผมก็จะไม่บังคับ แค่ได้รักคุณฝ่ายเดียว ผมก็มีความสุขแล้ว”
ทองดีมองเข่อย่างซาบซึ้งใจ
“แต่ถ้าผมโชคดี คุณยอมรับรัก แล้วในอนาคตคุณอยากให้เราแต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราว ผมก็โอเคนะ”
ทองดีตะลึง
“คุณพูดจริงเหรอ”
“ด้วยความเต็มใจ และจากใจ”
ทองดีแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ รีบเช็ดน้ำตา แล้ววิ่งหนีไป มนตราตกใจ
“ทองประกาย...”
มนตรารีบตามไป
ทองดีวิ่งสุดแรงมาตามริมหาด เหมือนจะปลดปล่อยความอัดอั้นในใจ จนสะดุดล้มลง มนตราวิ่งตามมาหยุดตรงหน้า
“ทองประกาย คุณโกรธผมเหรอ ผมพูดอะไรไม่ดีเหรอ”
ทองดีส่ายหน้า
“เปล่า”
มนตราทรุดลงนั่ง
“แล้วคุณวิ่งหนีผมมาทำไม”
“ฉันไม่ได้วิ่งหนีคุณ แต่ฉันวิ่งหนีความรู้สึกตัวเอง”
“ทำไมต้องหนี คุณรักผมใช่ไหม”
ทองดีร้องไห้โฮ ส่ายหน้า
“ไม่...ฉันไม่อยากรักใคร เวลาที่เสียใจ มันเจ็บมาก กว่าจะฮึดสู้ ให้มันผ่านพ้นไป มันต้องใช้พลังอย่าง มหาศาลเลยนะคุณ ฉันไม่อยากเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว”
“ผมรู้ แต่ถ้าคุณกลัว คุณก็จะไม่เจอกับความสุข ความรักมันไม่น่ากลัวเสมอไปนะ ให้โอกาสผม แล้วก็ให้โอกาสตัวเองบ้างนะครับ”
ทองดีสะอื้น

สองหนุ่มสาวนั่งกันคนละเตียงอยู่ในห้องพัก ทองดีหันไปถาม
“คุณจะทิ้งฉันไปเหมือนจูนกับวิไลหรือเปล่า”
“ถ้าคุณอยากให้ผมดูแลทั้งชีวิต ผมก็จะอยู่ด้วยทั้งชีวิต”
ทองดียิ้ม มนตรามองหน้า
“ตกลงว่าไงล่ะ”
ทองดีพยักหน้ารับ มนตราดีใจ แต่ก็ยังอยากให้เธอยืนยัน
“พยักหน้านี่อะไร พูดด้วยสิ ผมอยากฟัง”
“ฉันก็อยากให้คุณอยู่กับฉัน...ตลอดไป”
“ทองประกาย...ผมรักคุณ...”
มนตราเข้าไปจูบอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ทั้งคู่จะกอดกันล้มตัวลงบนเตียง
 
อ่านต่อหน้า 3




ทองประกายแสด  ตอนที่ 9 
ทองดีนอนอยู่บนเตียงเดียวกับมนตรา เขาพลิกตัวมากอดเธอไว้ ทองดีลืมตาตื่น
 
“คุณมนตรา”
ทองดีเอื้อมมือไปจะลูบหน้าเขาแต่ไม่กล้า มนตราพลิกตัวอีกครั้ง เธอขยับตัวออกลุกขึ้นนั่งมองเขาตรงๆ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย เราจะมีโอกาสอยู่กับคนดีๆอย่างนี้”
ทองดีขยับตัวลงนอนซุกกับอกเขา
“เราต่างกันมากเหลือเกิน...ไม่รู้พรุ่งนี้อะไรจะเกิดขึ้น...แต่ฉันรู้ว่า วันนี้ฉันมีความสุขที่สุด คุณมนตรา”
ขณะเดียวกันนั้นมนตราละเมอออกมา
“ทองประกาย ผมรักคุณ”
ทองดียิ้มอย่างมีความสุข มนตราพลิกตัวกลับมากอดเธอไว้ในอ้อมแขน

เช้าวันใหม่...ทะเลยามเช้า ทองดีอยู่ในเสื้อเชิ้ตของมนตรายืนมองทะเลใกล้เตียง มนตราพลิกตัวตื่นขึ้น ไม่เห็นทองดีก็ตกใจ
“ทองประกาย คุณอยู่ที่ไหน”
ทองดีได้ยินเสียงเรียก รีบกลับเข้ามาในห้องทันที
“คุณไปไหนมา ทำไมไม่ปลุกผมล่ะ”
“ฉันไปยืนดูทะเล สวยจังเลย”
มนตราดึงร่างของเธอมาไว้ในอ้อมกอด
“ทีหลังจะไปไหนต้องบอกผมนะ ห้ามไปคนเดียวเด็ดขาด”
“ได้ยังไงคะ เดี๋ยวเราก็ต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน”
“ไม่ต้องแล้ว ต่อไปนี้คุณต้องไปอยู่กับผม เราจะแต่งงานกัน คุณต้องเป็นแม่บ้านให้ผม”
ทองดีอึ้ง
“คุณมนตรา คุณล้อฉันเล่นหรือเนี่ย”
มนตราจ้องหน้าแล้วพูดอย่างหนักแน่น
“ผมพูดจริง ทุกคำ คุณโอเคหรือเปล่า”
ทองดีพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้า
“ฉันนึกไม่ถึงว่า คนอย่างฉันจะมีโอกาสแบบนี้”
มนตราดึงทองดีมากอดไว้
“อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้น คุณสมควรได้รับโอกาสนี้”
“แต่ว่ามีข้อแม้นะ”
ทองดีงงๆ
“คุณต้องลาออก มาเป็นแม่บ้านให้ผมเพราะอีกหน่อย ผมคงต้องเลิกทำงานแล้วก็กลับไปทำธุรกิจที่เชียงใหม่ คุณต้องไปอยู่กับผมด้วย”
ทองดีนิ่งคิด
“แต่ฉันไม่มีความรู้อะไรสักอย่าง จะทำได้หรือ”
“ไม่จำเป็น แค่มีคุณอยู่ใกล้ๆ เป็นกำลังใจให้ผม เท่านั้นผมก็พอใจแล้ว”
ทองดีสบตากับเขาอย่างตื้นตันแล้วโผเข้ากอดแน่น
“ผมรักคุณทองประกาย ต่อไปนี้ คุณต้องอยู่ข้างผมตลอดไป”
ทองดีน้ำตาซึมทั้งมีความสุข ทั้งกังวลลึกๆ

มนตรากำลังขับรถ ส่วนทองดีนั่งเหม่อ สักครู่เขาเอื้อมมือมากุมมือของเธอไว้ เธอหันไปยิ้มให้เขา
“ขอบคุณนะคะ คุณมนตรา ฉันมีความสุขมาก รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน มากกว่าความจริง”
“งั้นหรือ”
เขาหยิกแก้มเธอเบาๆ เธอเบี่ยงตัวหนี
“เล่นอะไรคะ เจ็บนะ”
“อ้าว...ก็คุณบอกว่า กำลังฝันไง ผมก็ลองหยิกคุณดู เจ็บหรือเปล่า”
“คนบ้า...ไม่พูดด้วยแล้ว”
“โอ๋..โอ๋..อย่าโกรธเลยนะคนดี แต่ช้าแต่ ยิ้มหน่อยสิ น่านะ ไม่งั้นผมไม่กลับ จะอยู่กับคุณที่นี่แหละไม่ต้องทำงานทำการกันแล้ว”
“คุณนี่ เซี้ยวจังเลย” ทองดียิ้มให้ “อ่ะ...พอใจหรือยังคะ”
“พอใช้ได้ แล้วตรงนี้ด้วย” มนตราชี้แก้มตัวเอง “ต้องจุ๊บกันก่อน”
ทองดีเขิน มองซ้ายมองขวา แล้วยื่นจมูกไปชนแบบเขินๆ มนตราดึงเธอไว้แล้วจูบอย่างหวานซึ้ง เธอผละออกจากเขาอย่างเขินๆ
“ไปดีกว่า ขืนอยู่แบบนี้พรุ่งนี้ก็คงไม่ถึงกรุงเทพฯ”
“ก็ได้ครับ แล้วแต่คุณผู้หญิงจะบัญชา”
มนตราออกรถไป แต่มือนึงกุมมือของเธอไว้

รถของมนตราวิ่งเข้ามาจอดหน้าคลับของนรินทร์ ทองดียังนิ่งเหม่อ มนตรามองแล้วยิ้ม
“คุณโอเคนะ ทองประกาย”
เธอยิ้มตอบเขา
“โอเคค่ะ”
“อย่าวิตก ทุกอย่างต้อง ยิ้มหน่อยนะ”
ทองดีพยายามยิ้ม มนตราส่ายหน้า
“ไม่เอา อย่างนั้นเรียกแยกเขี้ยว เอาใหม่ ยิ้มหวานๆ”
ทองดียิ้มใหม่ มนตราพอใจ
“อย่างนั้น นั่นแหละ น่ารักจัง ทองประกายของผม คุณรักผมบ้างมั๊ยเนี่ย”
ทองดีชะงัก
“คุณเป็นคนดีที่สุด เท่าที่ฉันเคยรู้จัก”
“ว๊า...แล้วรักหรือเปล่าล่ะ”
ทองประกายนิ่ง มนตรามองอย่างเข้าใจ
“ผมจะรอให้คุณเต็มใจ จะพูดคำนั้น”
ทองดียืนโบกมือให้มนตราที่ขับรถออกไปจนลับตา
“ซักวันนึง...ฉันจะบอกว่ารักคุณ”

ทองดีเดินกลับข้ามาในห้องนั่งลงบนเตียงนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา
“นี่เราฝันไปหรือเปล่าเนี่ย”
วิไลเดินกลับเข้าห้องมาหน้าสดชื่น หันมายิ้มแย้มถาม
“อ้าว...กลับมาแล้วหรือ เร็วจังเลย”
“อืมม...ต้องทำงานนี่นา ไม่เหมือนใครบางคนหรอก”
“อย่ามาเม้าธ์กันหน่อยเลย ขอกินน้ำก่อน”
วิไลเดินไปหยิบน้ำกิน ทองดีมองวิไลอย่างลังเล หาจังหวะบอกเรื่องมนตรา วิไลดื่มน้ำเสร็จหันมาจะบอกเรื่องตัวเองแต่ทองดีพูดขึ้นก่อน
“ฉันมีเรื่องจะบอก...”
วิไลขำ
“งั้นแกพูดก่อน”
“ฉันกับคุณมนตรา เราเอ่อ...”
“ยังไงก็ว่าไปสิ...”
ทองดีเขิน
“เค้าบอกให้ฉันไปอยู่ด้วย เป็นแม่บ้านให้เค้า”
วิไลดีใจกับเพื่อน
“กรี๊ด...จริงหรือ...ฉันดีใจกะแกด้วยจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย นิคก็บอกให้ฉันลาออก ไปอยู่กับเค้าเหมือนกัน”
“จริงหรือ” ทองดีโล่งอก “ฉันกลัวแทบแย่ว่าจะต้องเป็นฝ่ายทิ้งแกไปก่อน...เป็นอย่างนี้ก็ค่อยโล่งใจหน่อย”
“แล้วนี่แกจะลาออกเมื่อไหร่ละเนี่ย”
“วันนี้แหละ คุณมนตราเค้า...ไม่อยากรออีก”
“แหม...ใจร้อนเหมือนกันนะเนี่ย ดีงั้นวันนี้เราไปลาออกพร้อมกัน”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน แล้วหนักใจเมื่อนึกถึงนรินทร์

นรินทร์ยืนโวยวายอารมณ์เสียอยู่ในห้องทำงาน
“อะไรกันนี่...ฉันยังหาคนมาแทนจูนไม่ได้เลย แล้วเธอสองคนก็มาลาออกอย่างนี้ฉันก็แย่น่ะสิ ไม่ได้ ต้องอยู่ช่วยกันก่อน”
วิไลเกรงใจ
“แต่นิคเค้าต้องไปต่างประเทศอาทิตย์หน้า เค้าให้ฉันตามไป ด้วย ฉันคงอยู่ช่วยคุณนรินทร์ไม่ได้แล้วละ”
“รอให้ฉันหาคนมาแทนก่อนไม่ได้หรือ ถึงสิ้นเดือนก็ยังดี ทองประกายก็เหมือนกัน อยู่ช่วยกันไปก่อน เอางี้ ฉันเพิ่มเงินให้เธอสองคนเป็นพิเศษด้วยนะ 3 เท่าเลยก็ได้”
ทองดีส่ายหน้า
“คงไม่ได้หรอกค่ะ คุณนรินทร์ ฉันว่ามันถึงเวลาแล้ว”
“แล้วเธอจะทิ้งฉันไปทั้งคู่แบบนี้ ฉันจะหาใครมาแทนได้ทันล่ะ ฝึกคนน่ะไม่ใช่ใช้เวลาวันสองวันหรอกนะ”
มนตราที่นั่งเงียบๆอยู่ด้านข้างกระแอมขึ้นทันที
“ไว้ผมจะช่วยๆดูอีกแรงนึงนะครับ รับรอง ไม่ด้อยไปกว่าทองประกายแน่นอนครับ คุณนรินทร์”
“ก็แหงละ ผลงานคุณทั้งนั้นเลยนี่ บอกแล้วไง...ไงๆผมก็รับเละ เธอสองคนไปให้พ้นหน้าฉันเลย”
นรินทร์เซ็งมาก ไม่อยากพูดกับสองสาว มนตรารีบส่งสายตาให้ออกไป ทองดีกับวิไลรีบยกมือไหว้ลานรินทร์แล้วรีบเดินออกไปทันที

ทองดีและวิไล ยืนล่ำลากัน มนตรายืนมองอยู่ห่างๆ
“ฉันไปนะ มีอะไรก็โทรไปหาฉันบ้าง อย่าหายไปเลยล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ลืมพี่แน่นอน รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยนะพี่วิไล”
สองสาวกอดกันร้องไห้ สักพักวิไลผละออกมาเช็ดน้ำตา ก่อนจะพูดกับมนตรา
“ฝากทองด้วยนะคะ คุณมนตรา รักใคร่ดูแลอย่าทอดทิ้งทองประกายเป็นน้องสาวของฉัน ถ้าคุณไม่ดูแลให้ดี ฉันจะกลับมาเอาเรื่องคุณ”
วิไลส่งมือทองดีให้ มนตรารับมือทองดีมากุมไว้อย่างอบอุ่น
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ คุณวิไล ผมจะดูแลทองประกายอย่างดีที่สุด”
“คุณรับปากอย่างนั้น ฉันก็วางใจ ฝากด้วยนะคะ” วิไลหันไปมองรถของนิคที่จอดรออยู่ “ฉันไปก่อนนะทอง มาขอกอดอีกที”
ทองดีกับวิไลกอดกันแน่นอีกครั้ง
“ไปละ...ฉันไปนะคะคุณมนตรา โชคดีนะ”
วิไลหยิบกระเป๋าเดินหันหลังไปขึ้นรถของนิค ทองดีเช็ดน้ำตา โบกมือลา มนตราหันไปหยิบกระเป๋าของทองดีแล้วโอบเอวเธอไว้
“คราวนี้ถึงตาคุณแล้ว พร้อมหรือยังที่จะพบกับชีวิตใหม่”
“ค่ะ...ขอให้มีคุณ ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
มนตราจูบที่หน้าผากแล้วประคองกันไปที่รถ...รถของนิคกับมนตรา ขับแยกย้ายกันไปคนละทาง

รถมนตราวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน เขาเปิดประตูจะลงจากรถ ทองดียังนั่งนิ่ง
“อ้าว...ทำไมนั่งเฉยล่ะ ลงมาสิ”
“ฉันกลัว...ขอเวลาหน่อยสิ”
“จะกลัวอะไร บ้านผม คุณเคยมาตั้งหลายครั้งแล้วนี่นา”
“แต่มันไม่เหมือนกันนี่ คราวนี้ฉันจะต้องมาอยู่เลย ไม่ใช่มาเที่ยว”
“ไม่ใช่แค่อยู่เลยเท่านั้นนะ คุณต้องเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ ตลอดไปด้วย มาเถอะ เข้าไปในบ้านของเรา”
ทองดีทวนคำช้าๆ
“บ้านของเรา...บ้านของเราหรือคะ”
“ใช่สิ...บ้านของผม ก็เหมือนบ้านของคุณ คุณเป็นเมียผมนี่นา ทองประกาย”
มนตราเดินลงจากรถ อ้อมไปเปิดประตูให้ ทองดีพึมพำ
“เราจะมีบ้านเป็นของตัวเองแล้วหรือนี่...”
ทองดียิ้มอย่างยินดี มนตราเปิดประตูให้แล้วผายมือ
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
ทองดียิ้มแล้วยื่นมือส่งให้เขา ก่อนจะลงจากรถ พอทองดีลงมายืน มนตราคว้าตัวเธอมาอุ้มไว้ เธอร้องวี๊ด
“ทำอะไรน่ะ วางลงนะ ฉันกลัว”
“ไม่ต้องกลัว คู่แต่งงานใหม่น่ะ เจ้าบ่าวต้องอุ้มเจ้าสาวเข้าประตูบ้าน เค๊าบอกว่า จะมีความสุขตลอดไปไงล่ะ”
มนตราไม่ฟังเสียงอุ้มเธอเข้าประตูบ้านไป

มนตราอุ้มทองดีเข้ามาในบ้าน เธอกลัวตกกอดคอเขาไว้แน่น ละเอียดเดินออกมากับสาวใช้ชื่อแอน ละเอียดมองอย่างไม่พอใจ
“อะไรกันเนี่ย คุณมนตรา ชักจะมากเกินไปแล้วนะคะ”
มนตราชะงัก ค่อยวางทองดีลงที่พื้น
“นี่ถ้าใครมาเห็นเข้า เค้าจะเอาไปพูดว่ายังไง เห็นแก่หน้าคุณพ่อคุณแม่คุณบ้างสิคะ คุณมนตรา”
“จะว่ายังไง ก็ช่าง ผมกับ ทองประกายเป็นสามีภรรยากัน ไม่เห็นจะผิดตรงไหน”
“นั่นแหละค่ะ มันก็ไม่เหมาะอยู่ดี” ละเอียดนึกได้ “อะไรนะ ไม่จริ๊ง...พี่เอียดหูฝาดใช่มั๊ยคะ คุณมนตรา”
“ไม่ฝาดหรอกครับ ทองประกายเป็นเมียผม ต่อไปนี้ ทองจะเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ฐานะคุณผู้หญิง” มนตราหันไปบอกแอน “รู้จักไว้นะแอน นี่คุณทองประกาย”
แอนรีบยกมือไหว้ทองดีทันที
“แหม...คุณทองประกายสวยเหมือนดาราเลยนะคะ”
ละเอียดทำหน้าไม่ชอบใจ มนตราเห็นเข้าพอดี
“แอน ยกของของคุณทองขึ้นไปไว้ที่ห้องฉันด้วย แล้วแกคอยรับใช้คุณทองด้วยเข้าใจมั๊ย” มนตราหันไปหาทองดี “คุณขึ้นไปข้างบนก่อน ประเดี๋ยวผมตามไป”
แอนรีบยกข้าวของของทองดีเดินนำขึ้นไปข้างบน ทองดีขยับจะตามไป แล้วหันมาทางมนตรา
“อย่านานนะคะ ทองคิดถึงคุณ”
ทองดีทิ้งหางตาให้ ละเอียดแล้วเดินขึ้นไปทันที ละเอียดถอนหายใจเฮือก
“คุณมนตรานะคุณมนตรา พี่เอียดผิดเอง ไม่น่าตามใจคุณเล๊ย...ดูสิบานปลายใหญ่โตขนาดนี้ คิดว่าคุณจะคบแม่นั่นเล่นๆ สนุกๆไปตามประสา ที่ไหนได้ คิดแล้วมันเจ็บใจจริง...จริ๊ง”
“เธอชื่อทองประกายครับพี่เอียด อย่าเรียกเธอว่าแม่คนนั้น ผมขอร้อง”
ละเอียดค้อน
“ค่ะ แม่คนนั้น เอ๊ย...แม่ทองประกาย แล้วทีนี้พี่เอียดจะบอกกับคุณแม่คุณยังไงละเนี่ย โอ๊ย...งานนี้คุณผู้หญิงฉีกเอียดเป็นชิ้นๆแน่เลย”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ พี่เอียดก็ร่วมมือกับผมต่อไป”
“ร่วมมือ...คุณมนตราจะให้พี่เอียดทำยังไงอีกล่ะคะ ไม่น่าเล๊ย...”
“พี่เอียดต้องคอยฝึกฝนทองประกาย ให้เป็นที่ยอมรับของคุณพ่อคุณแม่ให้ได้ งานนี้ พี่เอียดเท่านั้นที่ทำได้ เพราะพี่เอียดรู้ใจคนในบ้านผมดีที่สุด”
ละเอียดถอนใจ
“จะไหวมั๊ยเนี่ย...ถ้าทางจะยากไม่ใช่เล่น ให้เอียดทำอย่างอื่นไม่ได้หรือคะ คุณมนตรา”
“นี่เป็นวิธีเดียวที่พี่เอียดจะช่วยผมได้ เพราะอีกไม่นาน ผมจะพาทองประกายไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่เชียงใหม่ พอเราแต่งงานกันถูกต้องแล้ว คราวนี้ก็ไม่มีใครสนใจว่าที่แล้วมาพี่เอียดเคยโกหกอะไรไว้”
ละเอียดตกใจ
“แต่งงานหรือ โอ๊ย...อกพี่เอียดจะระเบิด...คุณมนตรานะคุณมนตรา ฆ่าพี่เอียดทิ้งเลยดีกว่า”
ละเอียดรำพันไปเรื่อย มนตราส่ายหน้าเดินหนีขึ้นข้างบนไป

ทองดีนั่งอยู่บนเตียง แอนคุกเข่าเก็บเสื้อผ้าข้าวของทองดีเข้าไปในตู้
“เพิ่งมาทำงานหรือ เมื่อก่อนไม่เห็นเธอเลยนี่นา”
“นานแล้วค่ะ ปกติแล้วหนูจะอยู่หลังบ้าน พี่เอียดสั่งห้ามไม่ให้มาวุ่นวายบนบ้าน คุณก็เลยไม่เห็นหนู อยู่มาเป็น3-4 เดือนแล้วค่ะ”
ทองดีหน้าเหวอ
“3-4 เดือนเนี่ยนะ เรียกนานแล้วหรือ”
“นานสิคะ ส่วนมาก เค้าอยู่ได้อาทิตย์เดียว ก็ลาออกค่ะ ทนพี่เอียดไม่ได้”
“ทำไมล่ะ พี่เอียดใจร้ายมากหรือ”
“เปล่าหรอกค่ะ เธอเป็นคนเจ้าระเบียบ แถมปากคมยังกะกรรไกร ข้าวของทุกอย่างต้องอยู่ในระเบียบ กระเด็นออกนอกที่ทางไม่ได้เลย แกด่าเปิง...ไม่ได้ด่าหยาบคายนะคะ แต่ฟังแล้วสะอื้นเลย”
ทองดีพยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ...ด่าแบบผู้ดีว่างั้นเหอะ อ้าว...แล้วเธอล่ะ ทำไมทนอยู่ได้”
“หนูเป็นญาติห่างๆของพี่เอียดค่ะ ไม่มีใครยอมมา คุณผู้หญิงเลยส่งหนูมาแทน”
มนตราเดินเข้ามาในห้อง ส่งเสียงกระแอม แอนรีบก้มหน้าก้มตาเก็บของให้เสร็จแล้วรีบออกจากห้องไป
“คุยอะไรกัน คุณอย่าไปเชื่อแอนมันมากนักนะ รายนั้นน่ะ ช่างพูดช่างคุย ขาเม้าท์”
“คุยเรื่องพี่เอียดค่ะ เฮ้อ...คุณแน่ใจนะ ว่าฉันจะเข้ากับพี่เลี้ยงของคุณได้”
มนตรากอดทองประกายไว้
“แน่ใจที่สุด ทองของผมน่ารักขนาดนี้ ใครเห็นใครก็ต้องรัก เชื่อผมสิ”
มนตรายิ้มอย่างมีความสุข ทองดียิ้มแต่เริ่มหนักใจ

เช้าวันใหม่...มนตรานอนหลับหันหลังให้ ทองดีเอานิ้วเขี่ยจมูก มนตราทำจมูกยุกยิกแล้วจามก่อนจะหันไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ดึงผ้าห่มมาคลุม เล่นผีผ้าห่มตอนเช้า...
ทองดีกำลังยืนแปรงฟัน มนตราเข้ามายืนเบียดแปรงใกล้ๆกัน เขาเอื้อมมือไปกุมมือของเธอไว้

บ่ายวันนั้น...ทองดีกับมนตราเดินเข้ามาในบ้าน ถือถุงข้าวของมาเต็มมือ ทั้งสองหน้าระรื่น ละเอียดยืนมองอย่างหนักใจ
ทองดีระกายนั่งบนเตียงหยิบข้าวของที่ซื้อออกมาดู เธอหยิบผ้าพันคอผืนสวยมากอดไว้อย่างถูกใจ เลือกชิ้นโน้นหยิบชิ้นนี้มาดู แล้วล้มตัวลงนอนท่ามกลางข้าวของอย่างมีความสุข

ทองดีกับมนตรานั่งมองพระอาทิตย์ตกบนระเบียงหน้าต่างห้อง ทั้งคู่กุมมือกันไว้ เธอเอียงหัวลงซบไหล่เขาอย่างมีความสุข
“ผมมีความสุขที่สุดเลย แล้วคุณล่ะ ทองคุณรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า”
“ค่ะ...ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ไม่อยากลืมตาเลย กลัวทุกสิ่งทุก อย่างจะหายวับไป”
“ลืมตาเถอะ มองดูผม ผมอยู่ตรงนี้”
ทองดีลืมตาขึ้นมา สบตากับมนตรา ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม

วันต่อมา...มนตรานั่งทำงานอยู่ ทองดีนั่งเปิดหนังสืออ่านแก้เบื่อ
“วันนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีคะ ไปดูหนังกันดีมั๊ยเอ่ย”
“ผมมีงานค้าง ต้องเร่งทำให้เสร็จ”
“ว้า...แล้วฉันจะทำอะไรล่ะ เบื่อจังเลย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้คุณยุ่งทั้งวันแน่”
ละเอียดเดินหน้าหงิกเข้ามาในห้อง
“มาพอดีเลย วันนี้พี่เอียดจะเริ่มต้นสอนงานในบ้านคุณทุกอย่าง”
ทองดีแปลกใจ
“งานบ้านหรืองานอะไร ซักผ้าถูกบ้านฉันทำเป็นแล้ว และอีกอย่าง ก็มีพี่เอียดกับแอนทำอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ทำไมฉันต้องเรียนด้วย”
“แหม...ดีจัง งั้นเอียดขอตัวก่อนนะคะ”
มนตรารีบคว้าแขนละเอียดไว้
“รอก่อนครับ” มนตราหันมาบอกกับทองประกาย “ผมหมายถึง มารยาทบนโต๊ะอาหาร การจัดโต๊ะ จัดดอกไม้ อะไรพวกนั้น รวมทั้งบัญชีรายรับรายจ่าย แม่ผมค่อนข้างพิถีพิถันมาก เป็นพิเศษ ถ้าเรากลับไปอยู่เชียงใหม่ คุณต้องเป็นคนดูแลเรื่องพวกนี้”
“จ้างคนมาทำไม่ได้หรือคะ ฉันทำไม่เป็นหรอก”
“พ่อกับแม่ผม ค่อนข้างมีระเบียบครับ ท่านจะไว้วางใจคนในบ้าน ให้ จัดการเรื่องพวกนี้แทน ซึ่งหมายความว่า ต้องเป็นลูกสะใภ้ของท่าน ก็คือ คุณ”
ทองประกายถอนหายใจยาว ละเอียดทำหน้าเบื่อ มนตราหนักใจ
 
จบตอนที่ 9
อ่านต่อตอนที่ 1 วันพรุ่งนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น