xs
xsm
sm
md
lg

อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 4

สิ้นเสียงสั่งของแนนนี่ดังขึ้นว่า “ไปเมืองเวทมนตร์” ร่างของแนนนี่ก็ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศพร้อมกับหลับตาปี๋ ร่างของแนนนี่ขณะนั้นหมุนคว้าง ค่อยๆ เลือนหายเหมือนหลุดเข้าไปในอุโมงค์

แนนนี่หล่นตุ๊บ ลงบนเตียง แต่ยังหลับตาอยู่ ขณะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แนนนี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แสงไฟจากด้านนอกสาดเข้ามาทำให้พอมองเห็นอะไรอยู่บ้าง แนนนี่มองไปรอบๆ ห้อง
“ว้าว เหมือนเมืองมนุษย์เลย เมืองเวทมนตร์...เนี่ยเหรอเมืองเวทมนตร์ เย้ๆๆ”
แนนนี่ร้องออกมาอย่างดีใจ พอพลิกตัวหันหน้าไปอีกด้านเจอกับภวัตที่พลิกตัวกลับมาทางแนนนี่พอดี หน้าเกือบชน ต่างคนต่างจ้องหน้ากัน
ภวัตส่งยิ้มหวานให้แนนนี่ “อ้าว แนนนี่นั่นเอง”
“ค่ะ แนนนี่เอง” แนนนี่บ้าจี้ยิ้มตอบ
แล้วพอรู้ตัวต่างคนต่างพลิกตัวหนีจากกันไป และพอนึกขึ้นได้ก็พรวดพราดลุกขึ้นนั่ง ชี้หน้าพูดขึ้นพร้อมกัน
“แนนนี่!” / “พี่ภวัต!”
แนนนี่กระโดดผลุงไปอยู่ที่พื้นข้างเตียง ส่วนภวัตผงะไปอีกฝั่งตรงข้าม แนนนี่ชี้หน้าภวัต ร้องเอะอะโวยวาย
“อ๊าย” แนนนี่ก้มมองตัวเอง สลับกับภวัต หน้าแดงก่ำ “ม..ม..ไม่จริงนะ ไม่จริ๊ง”
ภวัตตกใจตาลุกวาว รีบคว้าตัวแนนนี่มา แล้วเอามือปิดปากไว้
“เบาสิแนนนี่ เดี๋ยวก็แห่กันมาทั้งบ้าน”
แนนนี่พยักหน้าหงึกหงักแบบยอมจำนน ภวัตจึงยอมละมือ ออกจากปาก
“แนนนี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“พี่ต่างหากต้องตอบแนนนี่”
แนนนี่พูดพลางกรอกตาไปทั่วห้อง แล้วรำพึงถามภวัต
“พี่ภวัตก็มาที่เมืองเวทมนต์ได้เหมือนกันเหรอค่ะ หรือว่าพี่ภวัตเป็น...พ่อมด” แนนนี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ
ภวัตส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ส่งสายตาดุใส่แนนนี่
“เพ้อเจ้อ...นี่มันดึกมากแล้วนะแนนนี่ พรุ่งนี้พี่มีงานแต่เช้า”
ภวัตเข้าประคองไหล่แนนนี่ แนนนี่ยอมเดินไป แต่ไม่วายถามพลางกวาดตามองไปทั่ว
“ที่นี่ห้องพี่ภวัตจริงๆ เหรอคะ”
แทนคำตอบภวัตกดสวิทช์ เปิดไฟในห้องสว่างจ้า
“โอเคมั้ย จะเลิกเล่นได้ยัง”
แนนนี่มองไปทั่วห้องยิ้มแหยๆ ออกมา
“จริงด้วย นี่มันห้องพี่...ภวัตแหะๆ”
แนนนี่เขิน ทำตัวไม่ถูกได้แต่ส่งยิ้มให้ภวัต
“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กๆ หืมเรา แล้วเดี๋ยวนี้ชักเก่งนะ เข้ามาในห้องพี่ได้ยังไงหืม” ภวัตนึกขึ้นได้จึงถามออกมา
“หายตัวมาค่ะ” แนนนี่ตอบตามตรง
ภวัตไม่เชื่อประชดขึ้นมา “อ้อเหรอ เก่งยังกับแม่มดเลยนี่ เอ้าไหนเสกให้พี่เป็นกบซิ” ภวัตพูดพลางส่ายหน้า
แนนนี่โกรธ ทำเม้มปากแน่น
“ หืมพี่ภวัตอ่ะ ล้อเลียนแนนนี่เหรอคะ ดีละ แนนนี่จะเสกพี่ภวัตให้เป็นกบจริงๆ เลย” ว่าแล้วแนนนี่ก็วนนิ้วชี้ไปที่ภวัตท่องมนตร์งึมงำ “ซูปารา.. อูปารา...”
แต่ภวัตคว้ามือนั้นไว้หมับ
“ ยอมแพ้แล้วจ้ะแม่คุณ จะกลับไปห้องตัวเองได้รึยัง”
แนนนี่มองมือภวัตที่กุมมือตัวเอง อายจนหน้าแดง
“ยังค่ะ อยู่แบบนี้ดีจะตาย” มองที่มือ “...โรแมนติก ฮิๆ”
ภวัตมองมือตัวเอง แล้วรีบปล่อย ก่อนจะเขกหัวแนนนี่
“แก่แดด ยัยเด็กบ๊อง”
“เจ็บนะ” แนนนี่เอามือจับหัวตัวเอง
แนนนี่ช้อนตามองภวัต จังหวะนั้นภวัตเผลอประสานสายตากับแนนนี่ แต่แล้วพอตั้งสติได้ก็รีบเฉไฉ
“ไปออกไปได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

ขณะนั้นรัดเกล้าหนีบโทรศัพท์มือถือคุยไปด้วย พร้อมกับเช็คแผ่นงานบนโต๊ะเขียนแบบไปพลาง จึงเหมือนไม่ค่อยได้ใส่ใจสิ่งที่ธานีคุยอยู่ในสาย
“พี่ภวัตกับน้องดาจะหมั้นกัน พี่ธานีก็เลยเปลี่ยนใจไม่อยากให้กล้าเล่าเรื่องแม่ของน้องดา อืม..ก็ดีนี่คะ” รัดเกล้าพลันคิดได้ “ห๊า! พี่ภวัตกับน้องดาเนี่ยนะ” รัดเกล้าเสียงดังลั่น
ผละจากงานที่โต๊ะ กระชับมือถือในมือแน่น

เวลาเดียวกันนั้นธานีเอาโทรศัพท์มือถือออกห่างตัว เพราะเสียงรัดเกล้าปลายสายที่ดังลั่น
“โอย เบาสิยัยเกล้า ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น”
ส่วนรัดเกล้า ยังหน้าตื่น ระล่ำระลักถาม แล้วตัดสลับธานีไปตลอด
“พี่ธานีกล้าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นงั้นเหรอคะ”
“โฮ้ยใครจะไปกล้า เราน่ะดุยังกับเสือ เรื่องจริงจ้ะ เจ้าภวัตพี่ชายเรากำลังจะต้องหมั้นหมายกับน้องดา”
รัดเกล้าฟังแล้วนิ่งงัน ไม่โต้ตอบอะไร
“เพราะงั้นเรื่องจดหมายของน้องดาที่เราสองคนได้อ่านก็ให้เงียบๆ ไปก่อน พี่ไม่อยากให้ภวัตรู้สึกไม่ดีกับน้องดา”
รัดเกล้างึมงำ งุนงง
“อันที่จริงก็เป็นเรื่องน่ายินดีนะคะ แต่ทำไมเกล้ากลับไม่รู้สึกดีใจเอาซะเลย” รัดเกล้าว่า
ธานีทอดถอนใจด้วยสีหน้าเป็นกังวลไม่ต่างจากรัดเกล้า

ขณะที่โป่งเดินฮึมฮัมร้องเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดี มือข้างหนึ่งถือแก้วใส่นมเดินขึ้นบันใดมาถึงหน้าห้องภวัต แต่แล้วโป่งก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“คุณภวัต.. อาจารย์?!”
ภวัตจูงมือแนนนี่ออกมาจากห้อง พอทั้งคู่มองมาที่โป่งก็ตกใจ โป่ง อ้าปากค้าง ยกนมขึ้นซดรวดเดียวหมดแก้ว พร้อมกับเรอเสียงดัง
“คือ...ผมคิดว่าคุณภวัตยังไม่นอนเลยจะเอานมมาให้ดื่มก่อนนอน นี่ครับ”
โป่งยื่นแก้วเปล่าให้ภวัต ตามองไปที่แนนนี่ ฉีกยิ้มฝืด และแห้ง แล้วหันไปทางภวัต ฉีกยิ้มฝืดอีก
“แกจะให้ชั้นกินอะไรโป่ง” ภวัตถาม
โป่งได้สติ มองแก้วในมือ ชักแก้วกลับ
“อูย..หมดแล้ว ดื่มไวนะครับคุณภวัต ผมไปก่อนดีกว่า”
โป่งทำท่าจะหันหลังกลับ แต่ภวัตเรียกไว้
“โป่งมันไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิด แล้วก็ไม่ต้องคิด ไม่ต้องพูด ไม่ต้องถาม เข้าใจมั้ย”
โป่งเอามือปิดปากตัวเอง ภวัตจูงมือแนนนี่ออกไป แนนนี่เหลียวกลับมาที่โป่ง พลางเป่าลมเบาๆ ร่ายมนตร์ให้โป่งเอามือออกจากปากไม่ได้
โป่งพยายามเอามือออกจากปาก แต่ไม่สำเร็จ ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้

ภวัตเดินนำแนนนี่มาหยุดที่รั้ว หันกอดอกพูดกับแนนนี่สีหน้าเอาจริง
“แล้วทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกเข้าใจมั้ย เดินออกจากบ้านมาได้ยังไงมืดๆ”
“ค่ะ”
ภวัตงง ที่แนนนี่จอมซนชอบเถียงมีข้ออ้างได้ตลอดกลับรับปากได้ง่ายดาย
“เป็นอะไรรึเปล่า” ภวัตถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
แนนนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่กลุ้มใจ
“บอกพี่มาซิเป็นอะไร มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย”
“พี่ภวัตช่วยแนนนี่ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะใครๆ ก็คิดว่าแนนนี่เป็นคนทำ”
“รู้ได้ไงว่าพี่ช่วยแนนนี่ไม่ได้ เรายังไม่เล่าอะไรให้พี่ฟังเลย”
แนนนี่มองภวัตตาปริบๆ ก่อนจะเปิดปากเล่าเสียงเนือยๆ
“เงินในสมุดบัญชีร่วมของพี่ดากับแนนนี่หายไป ทุกคนคิดว่าแนนนี่เป็นคนเอาไป”
“แล้วแนนนี่เอาไปรึเปล่าล่ะ”
“อ้าว ไหงพูดงั้นล่ะคะพี่ภวัต” แนนนี่ถามกลับงอนๆ
“บัญชีร่วม ก็มีอยู่แค่สองคนที่จะเอาไปได้ก็คือแนนนี่กับน้องดา”
“พี่ภวัตก็เลยเชื่อว่าเป็นแนนนี่อย่างงั้นน่ะเหรอคะ ใช่ซิเพราะแนนนี่มันนางร้าย นิสัยไม่ดี ส่วนพี่ดาเป็นนางเอก ภาพ
ดี ทุกอย่างดีๆๆ ดีไปหมดเลยใช่มั้ย”
แนนนี่พร่างพรู ความรู้สึกอย่างอัดอั้น หน้าเริ่มเหยเกจะร้องไห้ แต่เม้มปากสะกดอารมณ์ไว้
ภวัตเอามือขึ้นลูบหัวแนนนี่เบาๆ
“พี่ไม่เคยคิดแบบนั้นนะ ก็แค่ถาม ไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไงพี่ก็เชื่อแนนนี่”
แนนนี่ช้อนสายตามองภวัต
“จริงนะคะ”
ทั้งคู่ไม่รู้ว่าเวลานั้นที่หน้าต่างห้องนอนดารกา ดารกายืนอยู่ในความมืด สายตามองลงไปที่แนนนี่กับภวัต
ดารกามองเห็นภาพที่แนนนี่เอาหน้าผากซุกลงกับไหล่ภวัตเครียด ๆ
ดารการ้อนผ่าว ด้วยความหึงหวงแนนนี่

ชิกเก้นได้ฟังเรื่องราวก็นอนตีลังกาหัวเราะเสียงดังลั่น แนนนี่หันไปมองค้อนชิกเก้น
“หยุดได้แล้วชิกเก้น คนกำลังกลุ้มใจนะ”
“จะไม่ให้ขำได้ยังไง นี่ถ้าเมืองเวทมนตร์ไปง่ายขนาดนั้น คนคงแห่กันไปหมดโลกแล้ว อีกอย่างดันไปคิดได้ไงว่าห้อง
ของพี่ภวัตของเธอเป็นเมืองเวทมนตร์”
ชิกเก้นพูดจบก็หัวเราะต่อ
แนนนี่หันไปทำมือสะบัดร่ายมนตร์ใส่ชิกเก้นให้หยุดหัวเราะ ชิกเก้นตัวแข็งนิ่งอ้าปากค้างกลอกตาไปมา
“คราวนี้หยุดได้แล้วใช่มั้ย ถ้าหัวเราะอีกจะเสกให้เป็นแมลงสาบเลย”
แนนนี่ทำปากขมุบขมิบแกล้งจะเสกชิกเก้น ชิกเก้นทำตาเว้าวอนขอร้องแนนนี่ จังหวะนั้นแนนนี่ เขยิบหน้าเข้ามาใกล้ชิกเก้น
“ชิกเก้น ช่วยพาแนนนี่ไปเมืองเวทมนตร์หน่อยนะ นะ นะ นะ” แนนนี่อ้อนชิกเก้น
ชิกเก้นขยับปากจะพูดแต่พูดไม่ได้
“อ๋อ....ลืมไป”
แนนนี่สะบัดมือคลายมนตร์ ชิกเก้นขยับกราม อ้าปากไปมาเพราะเมื่อย
“ชิกเก้น นะ พาแนนนี่ไปนะ”
“จะพาไปได้ไง นายทาฮิร่ารู้เข้าชั้นตายกลายเป็นแมลงสาบแหงแก๋ แล้วอีกอย่างลูกแก้วนั่นมันไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน
นอกจากประธานแม่มดอาวุโส”
“แต่พี่ตะเกียงแก้วบอกว่ามีอยู่ที่ตึกเวทย์ไฮเทค ใช่มั้ยพี่ตะเกียงแก้ว”
แนนนี่หันไปทางตะเกียงแก้ว เห็นใบหน้าตะเกียงแก้วซึ่งบัดนี้ปรากฏอยู่ที่ด้านข้างตะเกียง แกล้งอ้าปากหาวทำเป็นหลับไม่รู้เรื่อง
“ตะเกียงแก้วจะไปรู้เรื่องอะไร ไร้สาระทั้งนั้น วันๆ ก็อยากแต่จะสวย แล้วก็ขี้โมโห พูดมากไปวันๆ” ชิกเก้นว่า
“ชิกเก้นอย่ามาว่าชั้นซิ แล้วนายวันๆทำอะไรบ้าง เอาแต่เดินทำหน้าแมวขี้เหร่ไปๆ มาๆ” ตะเกียงแก้งสวนกลับ
“แมวขี้เหร่ เธอว่าใครหายัยตะเกียงแก้วสติเสื่อม”
ตะเกียงแก้วกับชิกเก้นเริ่มทะเลาะกัน
“หยุดทั้งคู่เลย ไม่รู้ล่ะชิกเก้น ลูกแก้วจะมีหรือไม่แนนนี่ต้องเห็นกับตา ชิกเก้นต้องพาแนนนี่ไป”
“มันไม่ใช่แค่นั้น ที่นั่นน่ะมันเสี่ยงสำหรับเธอ”
“ไม่ต้องมาอ้างโน่นอ้างนี่เลย ทำไม ถ้าแนนนี่เป็นแม่มดแนนนี่ก็ต้องไปได้ แต่ถ้าไปไม่ได้ก็แสดงว่าแนนนี่เป็นอสูร
ใช่มั้ยชิกเก้น”
“พูดคำต้องห้ามอีกแล้วนะ จำไม่ได้เหรอว่านายทาฮิร่าห้ามพูดคำนี้”
“คำว่าอสูรน่ะเหรอ” แนนนี่พูดอีกหน้าตาเฉย
“อะเย้ยแล้วพูดทำไมอี๊ก จริงๆ เล้ยแนนนี่ เธอไม่ใช่อสูร ท่องให้ขึ้นใจว่าเธอไม่ใช่อสูร”
“ถ้าไม่ใช่ก็ต้องพาไปเพื่อพิสูจน์ว่าแนนนี่เข้าเมืองเวทมนตร์ได้รึเปล่า แต่ถ้าไม่พาไปแนนนี่ก็จะเป็นอสูรใจร้ายฆ่าคน
ล้างโลกไปเลย”
ว่าพลางแนนนี่ทำหน้าตาท่าทางหน้ากลัวใส่ชิกเก้น ชิกเก้นกระโดดหนี
“ก็ได้ก็ได้ พาไปก็ได้”
แนนนี่ยิ้มดีใจ เข้าไปอุ้มชิกเก้นมากอด
“รักชิกเก้นที่สุดในโลกเลย น่ารักที่สุด”
สีหน้าชิกเก้นหวั่นๆ

แนนนี่กับชิกเก้นขี่ไม้กวาดบินอยู่บนท้องฟ้าเมือมนุษย์ยามค่ำคืน ท่ามกลางหมู่ดาวสวยงาม พอผ่านพระจันทร์ดวงโต ทั้งสองค่อย ๆ หายไปท่ามกลางหมู่ดาว

แนนนี่ร่อนไม้กวาดลงมาหน้ากระท่อมร้างกลางป่า ชิกเก้นกระโดดลงจากไม้กวาด
“ถึงแล้น... ดินแดนแห่งแม่มด เมืองเวทมนตร์ที่สุดจะเพอร์เฟค ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในเมืองเวทมนตร์”
ชิกเก้นอวดสรรพคุณเมืองเวทมนตร์ ขณะที่แนนนี่อึ้ง มองกระท่อมร้าง
“นี่อ่ะนะเมืองเวทมนตร์ เหลือเชื่อจริงๆ”
ชิกเก้นกอดอกอย่างภาคภูมิใจ
“อื่อฮึ สุดยอดใช่มั้ยล่า”
แนนนี่หันขวับ ตาเขียวใส่ชิกเก้น
“สุดยอดกะผีอะไรล่ะ ชิกเก้นหลอกแนนนี่ใช่มั้ย ทำไมทำแบบนี้ แนนนี่ไม่น่าเชื่อชิกเก้นเลยชิกเก้นใจร้าย คิดว่า
หลอกๆ พาแนนนี่ไปที่ไหนสักแห่ง แล้วก็มั่วว่าเป็นเมืองเวทมนตร์งั้นสิ ดีละ! แนนนี่จะเสกให้ชิกเก้นเป็นแมลงสาบเลย” แนนนี่กางนิ้วทั้งสิบ ทำท่าจิกกรงเล็บ
“หยะ..เย้ยอย่านะ” ชิกเก้นกระโดดหนี “ฉันไม่ได้มั่ว ที่พาแวะมาที่นี่น่ะ เพราะยังเข้าเมืองตอนนี้ไม่ได้ เธอรู้มั้ยว่า
ตอนกลางคืนน่ะเวรยามพ่อมดแม่มดหนาแน่นขนาดไหน ขืนเข้าไปตอนนนี้ก็โดนจับได้กันพอดี รอจนพระอาทิตย์ขึ้น ฉันจะพาเข้าไป อยู่ในที่คนเยอะๆ ปะปนกับพวกพ่อมดแม่มด ก็จะไม่มีใครสงสัย เฮ้อ...ไม่เข้าใจอีกละสิเนี่ย” ชิกเก้นอธิบายยาวเหยียด
“เข้าใจ!”
“เง้อ! อะไรของเธอ บทจะเข้าใจก็ง่ายเกิ๊น อ้าวๆ แล้วนั่นจะไปไหน”
แนนนี่ตรงเข้าในกระท่อม ชิกเก้นรีบตามไป พลางมองซ้ายขวาระแวดระวังตัวเต็มที่
“เดี๊ยว”

ชิกเก้นเดินวนไปรอบๆ ห้องในกระท่อมร้าง ของเมืองเวทมนตร์ แนนนี่มองตามชิกเก้นจนปวดหัว
“โอ้ย...ทำไม ทำไมชิกเก้นต้องมาตกระกำลำบากแบบนี้ ดูซิสกปรก ฝุ่นเยอะขนาดนี้ ทำไมทำไม แว้ก”
แมลงสาบโผล่มาที่เท้าชิกเก้น ชิกเก้นกระโดดหนี เกาะอยู่บนหลังคา แนนนี่หัวเราะชิกเก้น พลางปัดมือกับลม แมลงสาบหายไป
“ลำบากนักก็กลับ แล้วมาใหม่ตอนกลางวัน”
“แล้วรู้เหรอว่าตอนไหนเป็นกลางวันตอนไหนเป็นกลางคืน”
“เออนั่นสินะ ถ้ามีนาฬิกาเมืองเวทมนตร์ก็คงจะดี”
“เพ้อเจ้อ นอนกันเหอะ ง่วงแล้ว”
ชิกเก้นก้าวลงจากที่เดิม แล้วพลันเจอแมลงสาบเข้าอีก ร้องลั่น แนนนี่มองชิกเก้นอย่างแสนสงสาร
“โถ ชิกเก้น ..ต้องมาลำบากเพราะแนนนี่แท้ๆ เลย”
แนนนี่ร่ายมนตร์ กวาดมือไปทั่วห้อง
“บลาลาชูบลาชู๊ บลาลาชูบลาชู๊ ...เอมเปรร่า....”
จากกระท่อมร้างแปรเปลี่ยนเป็นห้องสวยงาม สะอาดตา
“คราวนี้เลิกบ่นได้รึยัง”
“แบบนี้ค่อยโอเคหน่อย ง่วงแล้วละนอนดีกว่า”
ชิกเก้นทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนกลางห้อง ตามด้วยแนนนี่ ทั้งสอนนอนหัวชนกัน แนนนี่สายตามองเหม่อไปที่เพดาน
“แนนนี่ต้องพิสูจน์ความจริงให้ได้ แนนนี่ไม่ได้เป็นคนเอาเงินไป แล้วไหนๆ ก็ไหนๆ ทุกคนจะได้รู้ด้วยว่า แนนนี่ไม่ได้
เป็นอสูร”
ชิกเก้นเคี้ยวปากจ๊อบแจ๊บหลับสนิท แมลงสาบตัวหนึ่งไต่มาใกล้ใบหน้าชิกเก้น
ส่วนแนนนี่ยังคงมองจ้องที่เพดานอย่างมุ่งมั่น สักพักเหลือบมองชิกเก้นที่เคี้ยวปากหมุบหมับ
“หลับยังละเมอเรื่องกินอีกน๊าเจ้าแมวตะกละ ฮะ..เฮ้ย” เสียงแนนนี่เปลี่ยนเป็นตกใจมาก
เพราะที่ปากชิกเก้นเวลานั้น เห็นเป็นแมลงสาบครึ่งตัวดิ้นกระแด่วๆ

เช้าวันต่อมาปัทมน ธานี และดารกา นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“ทานเลยมั้ยคะคุณปัท” ผาดถามขึ้น
“คุณแนนนี่ทำไมยังไม่ลงมา พรไปตามลงมาซิ สายแล้วเดี๋ยวไปมหาวิทยาลัยไม่ทัน” ปัทมนหันไปสั่งพร
“ค่ะ” พรรับคำแล้วเดินขึ้นไปชั้นสอง
คล้อยหลังพรเดินออกไปตามแนนนี่ ดารกามองตามพรไป
“ตักเลยก็ได้จ๊ะผาด เดี๋ยวจะหิวกันไปใหญ่ โดยเฉพาะตาธานี”
“คุณแม่รู้ใจผมจริงๆ กลิ่นข้าวต้มป้าผาดทำท้องผมร้องทนไม่ไหวแล้ว”
“งั้นก็ตักให้ธานีก่อนเลยละกัน”
ผาดตักข้าวต้มให้ธานี ปัทมนหันถามดารกาด้วยความรู้สึกอึดอัดใจแต่พยายามกลบเกลื่อนไว้
“ลูกดาก็ทานเลยนะ เดี๋ยวตาภวัตมารับเหมือนเดิมใช่มั้ย”
ธานีกำลังเลื่อนจานรับอาหารจากผาดอย่างอารมณ์ดี ถึงกับชะงักไว้ เหลือบตามองไปที่ดารกา เห็นดารกายิ้มอ่อนโยนตอบปัทมน
“ค่ะ พี่ภวัตมารับน้องดาเหมือนเดิมค่ะคุณแม่”
ธานีมีสีหน้าครุ่นคิดใคร่ครวญและหนักใจ วี่แววความอยากทานอาหารเมื่อครู่หายไปสนิท

พรอยู่หน้าห้องแนนนี่เคาะประตูเรียก
“คุณแนนนี่คะ คุณแนนนี่ ได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่า คุณแนนนี่”
ไม่มีเสียงตอบรับพรเลยเปิดประตูเข้าไปดูห้องว่างเปล่า
“อ้าว...”
พรชะงัก เมื่อเห็นในห้องว่างเปล่า ไม่มีใคร เตียงนอนยังอยู่ในสภาพเก็บพับเรียบร้อย พรเกาหัวแกรก
“ไปไหนละเนี่ย”

ปัทมนเหลียวไปที่ทางเข้า
“แค่ไปตามแนนนี่แค่นี้ทำไมนานจังนะพร”
“คุณแนนนี่อาจจะยังไม่ตื่นก็ได้ค่ะ ผาดเห็นไฟที่ห้องเปิดอยู่จนดึก”
ดารกาฉุกคิดถึงภาพแนนนี่กับภวัตเมื่อคืน

ที่เธอมองจากหน้าต่างห้อง สายตามองลงไปที่แนนนี่กับภวัต เห็นแนนนี่เอาหน้าผากซุกลงกับไหล่ภวัตเครียด ๆ
ดารการ้อนผ่าว ด้วยความหึงหวงแนนนี่
นึกถึงตอนนี้ดารกาตีหน้ายิ้มแย้มกับปัทมน
“น้องดาว่าแนนนี่นอนดึก เพราะอ่านหนังสือสอบน่ะค่ะ”
ปัทมนฟังแล้วรู้สึกผิด
“อ้าว น้องมีสอบหรอกเหรอ แย่จริง แม่ไม่น่าเอาเรื่องไปรกสมองแนนนี่เลย”
“เรื่องเงินสองแสนที่หายไปน่ะเหรอคะ” ดารกาแกล้งพูดให้ทุกคนได้ยิน
ทั้งผาดและธานีหันมองดารกา ตกใจ ผาดเลี่ยงไปจัดข้าวของที่มุมหนึ่งอย่างมีมารยาท
“เกิดเรื่องอย่างนี้ทำไมผมไม่รู้เลยล่ะครับ”
“เอาไว้ให้แม่สบายใจแล้วแม่จะเล่าให้ฟังนะ ทานต่อเถอะ” ปัทมนตักอาหารให้ธานี และดารกา
ดารกาพูดต่อ สีหน้าสงบเฉย
“วันนี้น้องดาว่าจะขอเอาสมุดบัญชีไปให้ธนาคารตรวจสอบ”
“ลูกดาพูดอย่างนี้เท่ากับว่าแม่กำลังสงสัยลูกงั้นเหรอ” ปัทมนว่า
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่น้องดาแค่อยากทำให้คุณแม่สบายใจว่าทั้งแนนนี่และน้องดาไม่ใช่คนที่เอาเงินในบัญชีไป”ปัทมนมีสีหน้าทุกข์ใจฉายชัด
“นะคะคุณแม่ ให้น้องดาได้พิสูจน์ตัวเอง”
“ให้มันจบไปเถอะ แม่สบายใจกว่าถ้าเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย”
สีหน้าดารกามีแววพอใจ พลันธานีเอ่ยขึ้น
“แต่ผมว่าเช็คหน่อยก็ดีนะครับ”
ดารกาปราดสายตามองไปที่ธานี
“ครั้งนี้สองแสน ถ้าคราวหน้าหายไปเป็นล้านล่ะฮะจะว่ายังไง”
ดารกาปั้นหน้ายิ้ม “น้องดาเห็นด้วยค่ะ แล้วน้องดาจะจัดการตรวจสอบเรื่องนี้กับแบงค์นะคะ”
“ไม่ต้องหรอก พี่ทำเอง” ธานีอาสา
ดารกาฝืนยิ้มให้ธานี สุดจะหาคำพูดมาคานต่อไปได้อีก จังหวะนั้นพรก็เดินเข้ามา
“คุณแนนนี่ไม่อยู่ในห้องค่ะ”
“ไม่อยู่ในห้อง แล้วไปไหน”
“เมื่อคืนพรเห็นคุณแนนนี่ครั้งสุดท้ายก็ตอนออกจากห้องคุณปัทน่ะค่ะ คุณแนนนี่ทำหน้าหงุดหงิด พรยังคิดเลยค่ะว่าท่าจะถูกคุณปัทดุมาอีกแล้ว”
ผาดแทรกขึ้นแบบสุดแสนรำคาญ
“พอเลยนังพร คุณท่านเค้าถามแกเหรอ ไปทำงาน”
พรเลี่ยงไปเก็บจานที่มุมหนึ่ง ผาดเอ่ยต่อกับปัทมน
“เดี๋ยวผาดจะไปตามดูที่บ้านคุณภวัตนะคะ เผื่อคุณแนนนี่จะเที่ยวเล่นอยู่กับนายโป่งเหมือนเคยๆ”
ปัทมนยังคงนิ่งงัน สีหน้าเป็นกังวล รู้สึกใจคอไม่ดีอย่างแปลกๆ
ดารกายกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ลุกขึ้น
“น้องดาไปเรียนก่อนนะคะ เจอพี่ภวัตแล้วน้องดาจะถามหาแนนนี่ให้ด้วยค่ะ”
ปัทมนพยักหน้าเครียดๆ ดารกาเดินออกไป
ธานีมองความเป็นไปในครอบครัวด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

ภายในกระท่อมร้างกลางป่า เสียงชิกเก้นตะโกนลั่นแหวกขึ้นมา
“แนนนี่”
ชิกเก้นวิ่งเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ ภายในกระท่อม จนหอบแฮ่กๆ
“แนนนี่ แนนนี่ แนนนี่”
ชิกเก้นทรุดตัวนั่งลง สีหน้าเป็นกังวล
“หายไปไหนแนนนี่ รึว่า...”
ชิกเก้นกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นก่อนเอ่ยขึ้นน้ำเสียงหวาดหวั่น
“แนนนี่ถูกแม่มดจับตัวไป”

บนท้องฟ้าเมืองเวทมนตร์เวลานั้น แนนี่เห็นกลุ่มนักเรียนแม่มดวัยมัธยมกำลังขี่ไม้กวาด ทั้งหมดอยู่ในชุดเสื้อคลุมเครื่องแบบเหมือนกัน
แนนนี่ขี่ไม้กวาดผ่านไป มองกลุ่มนักเรียนอย่างชื่นชม
“น่ารักจังเลย ไปไหนกันแต่เช้าจ๊ะสาวๆ”
“ไปโรงเรียนค่ะ”
กลุ่มนักเรียนแม่มดเด็กตอบพร้อมเพรียงกัน
“ไปโรงเรียน? แม่มดต้องมีโรงเรียนด้วยเหรอนี่”
แนนนี่พึมพำ แล้วบังคับไม้กวาดยูเทิร์นเข้าร่วมกลุ่มกับแม่มดเด็ก
“ที่โรงเรียนสอนอะไรมั่งเหรอจ๊ะ”
“มีแต่วิชาน่าเบื่อๆ รู้ๆ กันอยู่แล้ว” แม่มดวัยใสว่า
“แปลงร่าง” แม่มดน้อยอีกคนบอก
แนนนี่ตาลุกวาว
“ร่ายมนตร์เสกของ” อีกคนว่า
แนนนี่อ้าปากค้าง
“หายตัว” อีกคนบอก
“ว้าว ขอฉันไปเรียนด้วยคนสิ” แนนนี่เอ่ยขึ้น
“ได้สิ แต่เธอแน่ใจเหรอว่ากล้าเรียน” แม่มดน้อยนางนั้นถาม
“รีบไปกันเหอะ เดี๋ยวสาย ครูพิเศษเอาตายเลย”
แม่มดเด็กเออออ สีหน้าหวาดผวา ทั้งหมดเร่งความเร็วไม้กวาด
“เดี๋ยวสิ ก็บอกว่าฉันไปด้วย!”

บาบาร่าฟาดไม้เรียวลงบนโต๊ะนักเรียนเสียงดังเพี้ยะ สีหน้ากราดเกรี้ยว ไทเกอร์ร้องเงี้ยว กระโดดถอยหลัง
“สวัสดี ฉันบาบาร่า ครูพิเศษวิชานี้” บาบาร่าฟาดไม้เรียวอีกที “ไง แบบนี้โหดพอมั้ย”
“สุดยอดไปเลยนาย จะให้นักเรียนเชื่อฟังมันต้องโหดเข้าไว้ ฮ่าๆๆ”
บาบาร่ากับไทเกอร์หัวเราะกังวาน
กลุ่มนักเรียนแม่มด พร้อมใจกันมาหยุดยืนที่หน้าประตู
“พวกเรามากันแล้วค่ะ”
“นี่มันกี่โมงแล้ว ทำไมมาสาย!”
กลุ่มนักเรียนอึกอัก หนึ่งในนั้นคือแนนนี่ที่ปลอมตัวรวมเข้ามา ชะเง้อตอบเสียงใส
“รถติดค่ะ”
บาบาร่าหันขวับ
“รถติด!? เมืองเวทมนตร์มีรถติดด้วยเหรอ ก้าวออกมา ใครที่ตอบเมื่อกี้ ครูบอกให้ก้าวออกมา”
เพื่อนๆ หันไปที่แนนนี่เป็นตาเดียวกัน แนนนี่ก้าวออกมา มองบาบาร่าตาแป๋ว บาบาร่าขมวดคิ้วมองแนนนี่ แล้วถามเสียงกร้าว
“ชื่ออะไร”

เมื่อไม่เจอแนนนี่ และคิดเอาเองว่าอาจถูกจับตัวไป ชิกเก้นตัดสินใจพาตัวเองมายืนป้วนเปี้ยน กล้าๆ กลัวๆ อยู่หน้าบ้านทาฮิร่า
“เอาไงดี ...เอาไงดี” ชิกเก้นมองไปที่ตัวบ้าน “บอกนายทาฮิร่ามีหวังชิกเก้นโดนฆ่าตายแหง”
ชิกเก้นเดินวนไปวนมา ทาฮิร่าในชุดเตรียมจะออกนอกบ้าน ในมือมีไม้กวาดก้าวออกมามองชิกเก้น โดยที่ชิกเก้นยังไม่รู้ตัว
“จะบอกนายทาฮิร่ายังไงดีหน๊อ” ชิกเก้นพึมพำ
ทาฮิร่าเพ่งสายตามองชิกเก้นอยู่ด้านหลัง
“ก็บอกไปตามความจริงนั่นละ”
ชิกเก้นฟังแล้วดีดนิ้วเปาะ
“ใช่! บอกไปตามความจริง! แต่ฮืออ...นี่มันเป็นเรื่องความเป็นความตายเลยนะ”
พลันชิกเก้นเปลี่ยนใจในที่สุด
“ไม่ดีกว่า เป็นตายร้ายดียังไงชิกเก้นก็ไม่บอกนายทาฮิร่า” พอก้าวไปแล้วร้องออกมา “แว้ก!”
เพราะทาฮิร่าดึงหางชิกเก้นไว้
“เจ้าชิกเก้น”
ชิกเก้นหน้าสยอง ค่อยๆ เหลียวหลังมาที่ทาฮิร่า
“แหะ ๆ แฮ่ ๆ นายทาฮิร่า...”
ส่วนเหตุการณ์ที่โรงเรียนเมืองเวทมนตร์ นักเรียนเวทมนตร์ทยอยประจำที่นั่งภายในห้อง บาบาร่ายืนดูความเรียบร้อย แนนนี่กวาดตามองรอบห้อง ที่ฝาผนังห้องแปะรูปสัตว์สำหรับทำยาต่างๆ เช่นตุ๊กแก คางคก งู ไดโนเสาร์ ประดับเอาไว้
“ประจำที่แล้วก็หยิบอุปกรณ์ส่วนตัวของใครของมันขึ้นมา ส่วนเธอ..”
บาบาร่าหันขวับไปทางแนนนี่ ที่ยิ้มแต้ให้ และทำท่าจะก้าวตามเพื่อนๆ ไป แต่แล้วชะงักหัวเกือบทิ่ม
“หยุดอยู่ตรงนั้น! ใครอนุญาตให้เธอไป ยัย..แนนนีมิต..มิต..”
“มิตราค่ะ แนนนี่มิตรา”
“เออนั่นละ ชื่อบ้าอะไรก็ไม่รู้ อยู่นิ่งๆ ตรงนี้!” บาบาร่าชี้นิ้ว “ฉันยังมีเรื่องต้องถามเธออีกเยอะ”
บาบาร่าว่าแล้วตรงไปหานักเรียนอื่นๆ พลางสั่งงาน
“เอ้าไหน มีอุปกรณ์อะไรกันบ้าง เปลือกทุเรียน? เธอจะเอาเปลือกทุเรียนมาทำอะไร อ้าวแล้วนี่ก็อีก..รองเท้าฟองน้ำ” บาบาร่าอย่างฉุน “ไหนบอกซิว่า วันนี้เราจะเรียนวิชาอะไรกัน”
“ปรุงยาค่า” ทั้งห้องตอบพร้อมเพรียง
“นั่นน่ะสิ แล้วเอามาทำม๊ายไอ้ของพวกนี้..พวกนี้..พวกนี้น่ะ มันจะเอามาปรุงยาได้มั้ย จริงๆ เลยน๊าแต่ละคน”
แนนนี่มองตามบาบาร่าอย่างสนอกสนใจ พลางรำพึงกับตัวเอง
“ว้าววิชาปรุงยาเหรอ น่าสนใจสุดๆ”
บาบาร่าเดินตรวจอุปกรณ์จากเด็กๆ ต่ออีก พร้อมกับสาธยายไป
“จิ้งจกยาง? ใช้อะไรได้ ที่ครูบอกน่ะหมายถึงจิ้งจกจริงๆ หรือไม่ก็คางคกพิษ กบภูเขาไรงี้สิเข้าใจมั้ย”
บาบาร่าบ่นเด็กๆ พลางตรงไปที่กรง ซึ่งเป็นกล่องใสๆ ใส่สัตว์เลื้อยคลานต่างๆ เช่นคางคก แมงมุมยักษ์ ตุ๊กแก อยู่
“เฮ้อ!จะเป็นเติบโตมาแม่มดเต็มตัวกันได้ยังไงเนี้ย ฉันละกลุ้ม”
บาบาร่าหันมองหม้อยาแบบโบราณที่มีน้ำตั้งอยู่บนเตา ควันขาวลอยพล่าน
“โอเค น้ำเดือดเกือบได้ที่แล้ว เด็ก ๆเตรียมคิดกันเลยว่าจะทำยังไงกับของที่เตรียมมา ครูขอตัวแป๊บเดียว”
บาบาร่าหมุนตัว ปราดสายตาไปที่แนนนี่ แนนนี่มองบาบาร่าตาแป๋ว
“เอาละ ฉันพร้อมแล้ว ..บอกชื่อสกุลเธอมา”
“แนนนี่มิตรา”
“ฉันถามถึงสกุล ชื่อน่ะรู้แล้ว บอกมา...เธอสืบเชื้อสายมาจากสกุลอะไร ฉันไม่คุ้นหน้าเธอเอาซะเลย ...รอนอยรินนิอุส หรือปรีโตรนานซุส”
แนนนี่กรอกตาไปรอบห้อง หน้าเหวอ
“หรือว่าจะเป็นสกุล...”
พลันสายตาแนนนี่ไปหยุดอยู่ที่รูปไดโนเสาร์ไทราโนซอรัส
“ไทราโนซอรุสค่ะ”
บาบาร่าชะงัก ทวนคำพูดแนนนี่
“ไทราโนซอรุส?”
“ค่ะ คุ้นหน้าหนูแล้วใช่มั้ย” แนนนี่จะเดินไป
แต่บาบาร่าดึงเสื้อแนนนี่ไว้ “...ไทรา...” สายตาเหลือบไปเห็นภาพไดโนเสาร์ “เอ๊ะ”
แนนนี่มองปฏิกิริยาบาบาร่า หน้าตาเลิ่กลั่ก จังหวะที่บาบาร่าหันขวับมานั้นเอง ก็เจอกับตุ๊กแกยักษ์ที่แนนนี่ชูขึ้นอย่างจังๆ ใกล้สองลูกตา
“อ๊าย อะไรของเธอ ยัยเด็กบ้า”
แนนนี่ตีหน้าซื่อ
“หนูแค่จะถามว่ามันใช้ทำยาได้มั้ยคะ”
แนนนี่โยนใส่บาบาร่า บาบาร่ารับไว้ ตะลึงงัน
พอบาบาร่าตั้งสติได้ก็ร้องลั่น “ว้าย”
บาบาร่าเผลอโยนตุ๊กแกใส่เด็กๆ เด็กๆ ร้องวี้ดว้าย โกลาหล กรงสัตว์ที่ขังสัตว์เลื้อยคลานถูกชนล้มระเน
ระนาด สัตว์หลุดออกมา ทั้งแมงมุม งู คางคก และตุ๊กแก

แนนนี่อึ้งตะลึงงัน หน้าเหวอ

อ่านต่อหน้า 2





อสูรน้อยในตะเกียงแก้วตอนที่ 4 (ต่อ)

ทางด้านทาฮิร่ากำลังกอดอกมองชิกเก้นอย่างคาดโทษ หลังพยายามซัก แต่ชิกเก้นยังอมพะนำไม่ยอมเปิดปากว่าแนนนี่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

“ตกลงจะบอกรึไม่บอก ทำไมแกมีท่าทางพิลึก รุกรี้รุกรน”
“ไม่บอกจ้ะ”
“เจ้าชิกเก้น” คราวนี้ทาฮิร่าเริ่มเสียงดัง
“อย่าดุชิกเก้นเลยนาย ยิ่งดุ ชิกเก้นก็ยิ่งพูดไม่ออก” ชิกเก้นเสียงอ่อยๆ
“เรื่องแนนนี่รึเปล่า”
“จ้ะ” ทาฮิร่าได้ยินก็ตาลุก ชิกเก้นรู้ตัวรีบปฏิเสธ “เอ้ยไม่ใช่!จ้ะ ไม่ใช่”
ทาฮิร่าจ้องตาชิกเก้นอย่างไม่ไว้วางใจ
“ไม่ใช่แน่นะ ฉันกำลังรีบซะด้วย ถือเป็นโชคของแกไป แล้วจะรีบกลับมาคุยกับแก”
ทาฮิร่าคว้าไม้กวาดตรงไปที่ประตู ชิกเก้นกลายเป็นฝ่ายลังเล เรียกทาฮิร่าไว้
“เดี๋ยวสินาย”
“อะไรของแกอีก ฉันสายมากแล้ว ต้องไปช่วยยัยบาบาร่าสอนที่โรงเรียนเวทมนตร์”
ชิกเก้นพยักหน้ารับฟัง แต่พอทาฮิร่าจะขี่ไม้กวาดออกไปก็เรียกไว้อีก
“นาย”
คราวนี้ทาฮิร่าหันมาดุใส่
“ชิกเก้น ถ้าขืนแกเรียกฉันไว้อีกครั้งเดียว ฉันจะไม่ไปไหน แล้วจะเค้นคอแกพูดออกมาให้ได้ว่าแกมีอะไรกันแน่”
“โอเคจ้ะโอเค ชิกเก้นไม่กวนนายแล้วก็ได้ นายไปเถอะ”
ชิกเก้นมองทาฮิร่าออกไปตาละห้อย
“เอาไงดี...ฮื้อ”

ทันใดนั้นเองไทเกอร์กระโดดผลุงเข้ามา
“ว่ายังไง ไม่เจอกันนานเลยนะชิกเก้น”
“ไทเกอร์!” ชิกเก้นประหลาดใจ
“หน้าตาท่าทางกำลังมีปัญหา อยากให้ฉันช่วยอะไรมั้ย” ไทเกอร์พูดดักคอ
“ช่วยไปไกลๆ ดีที่สุด เจ้าแมวเจ้าเล่ห์” ชิกเก้นว่า
“ใครกันแน่ที่เจ้าเล่ห์ ฉันได้ยินที่แกกับทาฮิร่าพูดกันเมื่อกี้นะ เรื่อง...ใครสักคนที่ชื่อ...”
“แนนนี่?” ชิกเก้นกำลังกังวลเรื่องแนนนีอยู่ จึงพลั้งปาก แต่พูดไปแล้วก็รีบปิดปาก
“ใช่ ...แนนนี่ ใครกันเหรอแนนนี่”
ไทเกอร์ตาคมกริบ จ้องชิกเก้นอย่างคาดคั้นรอคำตอบ
ชิกเก้นหน้าเสีย คิดหาทางออกอย่างหนัก

สภาพห้องเรียนเวลานี้กำลังอยู่ในสภาพโกลาหลวุ่นวาย เพราะนักเรียนต่างร้องวี้ดว้าย บ้างปีนขึ้นอยู่บนโต๊ะ บ้างกอดกันกลม หลบหลีกสัตว์เลื้อยคลานประเภทต่างๆ ที่หลุดจากที่ขัง เดินเพ่นพ่านยั้วเยี้ยะอยู่ตามมุมโน้นมุมนี้ เต็มไปหมด
บาบาร่าพยายามคุมสถานการณ์บอกนักเรียนให้อยู่ในความสงบ แต่ดูจะไม่ได้ผล
“นี่ ๆๆ พวกเราทุกคนเป็นแม่มดนะ ลืมรึยังไง ช่วยกันจับสัตว์กลับคืนที่ มนตร์สยบสัตว์ก็สอนกันไปแล้วนี่ ทำไมไม่ใช้ห๊า อ๊าย” บาบาร่าร้องลั่นพลางเอามือปัดแมงมุมยักษ์ที่หัวตัวเอง
แนนนี่ยืนหน้าเหวอเป๋อเหลออยู่ท่ามกลางความโกลาหลนั้น แล้วพลันสะดุ้งเฮือก เพราะเสียงกราดเกรี้ยวของบาบาร่า
“เพราะเธอ! เพราะเธอคนเดียว”
บาบาร่าก้าวฉับๆ มาที่แนนนี่
“ทำให้ห้องเรียนกลับสู่ความสงบ ไม่อย่างนั้นเธอถูกฉันจับส่งฝ่ายเวทย์ธุรการแน่!”
“คะ? หนูคนเดียวจะทำได้ยังไงล่ะคะ” แนนนี่เถียง
“ได้ไม่ได้ก็ต้องทำ ไม่งั้นก็ไปรอฉันที่ห้องเวทย์ธุรการได้เลย”
แนนนี่เบิ่งตามองความเป็นไปในห้องอย่างสิ้นหวัง
“มันไม่ง่ายเลยนะคะครู”
แต่แล้วเพียงแค่แนนนี่ยื่นมือ เริ่มตั้งจิตร่ายมนตร์พลันสัตว์ต่างๆ เหมือนถูกดูดกลับเข้ากรงที่เก็บอย่างง่ายดาย นักเรียนทั้งห้องพากันฮือฮา รวมทั้งบาบาร่าที่งุนงงกับอาการของแนนนี่
“เวทมนตร์เธอไม่ธรรมดาเลยนะ”
แนนนี่เองก็งุนงงไม่แพ้บาบาร่า
“ใช่ค่ะ ไม่ธรรมดาเลย”
“นี่เธอทำอะไรได้อีก ทำให้ครูดูซิ เคลื่อนย้ายของได้มั้ย”
แนนนี่ลองชี้นิ้วในอากาศลากของสิ่งหนึ่งไปอีกที่หนึ่ง นักเรียนแม่มดทั้งห้องพากันปรบมือให้ หลังจากนั้นแนนนี่ก็ชักสนุก โชว์เวทมนตร์ที่ยากขึ้น เช่นเสกเพื่อนให้เป็นคนแก่ เสกเพื่อนที่ขี้เหร่ให้สวย เสกอาหารให้แม่มดอ้วน แต่เพียงครู่เดียวเวทมนตร์เหล่านั้นก็คลายลง คืนสู่ปรกติ
บาบาร่ามองแนนนี่อย่างได้คิด ก้าวฉับไปนอกห้อง
“นักเรียนเดี๋ยวครูมา”

บาบาร่าเดินออกมาแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์กลางอากาศ ซึ่งปรากฏเป็นแป้นคีย์บอร์ดโทรศัพท์ มีเสียงทาฮิร่ารับสาย พร้อมกับภาพทาฮิร่าที่ขี่ไม้กวาดอยู่บนท้องฟ้าค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าบาบาร่า
“โทรมาทำไม เดี๋ยวก็เจอกันแล้ว”
“รอไม่ไหว เธอรู้มั้ย ฉันได้ดาวรุ่งที่เราจะดันเข้าประกวด “แม่มดยังบลัด” แล้วนะ” บาบาร่ามีน้ำเสียงตื่นเต้นมากๆ
“อะไรมันจะเจอง่ายดายขนาดนั้น แม่มดสาวที่สวย เก่งเวทมนตร์ หน้าใหม่ไม่เคยประกวดอะไรมาก่อน” ทาฮิร่าไม่เชื่อ
“แนนนีมิตรามีคุณสมบัติตรงทุกอย่าง” บาบาร่าบอก
“แนนนี่มิตรา?” ทาฮิร่าอุทาน
“ใช่ แนนนีมิตรา อ้าวหายไปไหนแล้วล่ะ”
ภาพทาฮิร่าเลือนหายไป บาบาร่าหันมาอีกทีเจอทาฮิร่ายืนอยู่ที่ข้างหลัง
“ว้าย! ยัยทาฮิร่า! มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”
ทาฮิร่าติดใจกับชื่อประหลาดนั้น ไม่สนท่าทีตกอกตกใจของบาบาร่า
“แนนนีมิตรา ชื่อแปลก แต่เหมือนเคยได้ยิน”
“เจอตัวจริงแล้วจะทึ่ง ไปเหอะ เข้าไปดู”
บาบาร่าลากแขนทาฮิร่า พูดออกมาด้วยอาการเนื้อเต้น
“ฮิๆ ยิ่งเราสร้างสังกัดแม่มดได้ใหญ่เท่าไร อำนาจการออกเสียงในสภาแม่มดก็อยู่ในมือเรามากเท่านั้น ทีนี้ละ ตำแหน่งประธานสภาของฉันก็ไม่หนีไปไหนฮ่าๆๆ” บาบาร่าหัวเราะชอบใจ
“ทั้งปี ไม่พ้นการเมืองอีกละ ชักไม่อยากเห็นหน้าแม่มดยังบลัดอะไรนั่นของเธอซะแล้วละ”
ทาฮิร่าบ่นกระปอดกระแปดแล้วหมุนตัวจะเดินหนี บาบาร่าไล่คว้าไว้
“ฮึ้ย เดี๋ยวสิ โอเคๆ ไม่พูดเรื่องการเมืองก็ได้ เข้าไปดูหน่อย นะๆ ชั้นเชื่อสายตาเธอ”
ทาฮิร่าขืนตัวไว้ มองบาบาร่าเอือม ๆ

ทางด้านแนนนี่กำลังสนุกสนานกับการสอนเพื่อนนักเรียนใช้เวทมนตร์
“การใช้เวทมนตร์ไม่มีอะไรมาก ทำทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก ใส่ความเชื่อเข้าไปว่าเราทำได้ แค่นี้ก็จบ ที่สำคัญอย่าตื่นเต้นเด็ดขาด”
เพื่อนคนหนึ่งกำลังเอานิ้ววน ๆที่กบในมือ พร้อมทำปากก็พึมพำ ๆ
“ว้าไม่เห็นได้เรื่องเลย” เพื่อนคนนั้นบ่นอุบ
“เธอจะเสกกบนี่ให้เป็นอะไร” แนนนี่ถาม
“ไดโนเสาร์”
เพื่อนๆ พากันหัวเราะอย่างขบขำ
“แล้วเธอเชื่อเปล่าว่ามันเป็นไปได้”
“ไม่เชื่อ”
“เพราะอะไร”
“ฉันยังไม่อยากให้ห้องนี้พัง พวกเราก็อาจจะแบนแต๊ดแต๋อยู่ในซากตึก”
“นั่นยังไง เป็นเพราะเธอมีทั้งความกลัวแล้วก็ความไม่เชื่อ ลองใหม่ เสกในสิ่งที่เธอเชื่อดู”
เพื่อนคนนั้นร่ายมนตร์ใส่คางคกใหม่ พลันคางคกนั้นกลายเป็นไก่ย่าง แม่มดวัยใสร้องอย่างดีใจ
“เย้ๆๆ ทำได้แล้ว กินมั้ยๆ”
เพื่อนๆ เบ้หน้า แนนนี่หัวเราะขำ แต่แล้วต่อมาแนนนี่ก็ต้องหน้าซีดเผือดเมื่อเหลียวไปจ๊ะเอ๋กับทาฮิร่าที่เดินเข้ามากับบาบาร่า
“เหอ... มาไงเนี่ย”
ทาฮิร่าตามหลังบาบาร่าเข้ามา ยังไม่เห็นแนนนี่ บาบาร่าปรบมือเรียกความสนใจจากห้อง
“เอ้าเด็กๆ ทำความเคารพท่านครูทาฮิร่า”
แนนนี่หูผึ่ง รีบย่อตัวหลบอยู่ข้างหลังเพื่อน หน้าเหวอสนิท

ไทเกอร์ตามจิกชิกเก้น กระโดดไปรอบๆ ดมตัว ทั้งคู่เดินอยู่ในตัวเมืองเวทมนตร์
“ตกลงแกจะบอกฉันได้รึยังว่าใครคือแนนนี่”
“ก็บอกแล้วไงว่าแนนนี่น่ะเป็นลูกหมาที่มีคนทำหาย แล้วเค้าก็ให้ฉันตามหา”
“ฉันไม่เชื่อ ถ้าแค่ลูกหมา แล้วทำไมแกต้องทำท่าลับ ๆล่อ ๆ ริอ่านมีความรักงั้นเหรอ”
“ความรัก? ฉันเนี่ยนะมีความรัก ฮ่าๆๆๆ เจ้าแมวบ้องตื้นไทเกอร์เอ้ย ฮ่าๆๆๆ แต่จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องจริง! ฉันกำลังมีความรัก”
“เห็นมั้ยล่ะ ทายผิดซะที่ไหน พักหลังฉันไม่ค่อยเห็นหน้าแกในเมืองเวทมนตร์”
“ก็ถูกอีก เวลามีความรักเราก็ต้องอยากอยู่ใกล้ ๆใครที่เรารัก”
“งั้นแนนนี่ก็เป็นชื่อแมวที่แกไปหลงรักงั้นสิ”
“ใช่”
“เป็นแมวที่ไหน ไม่ยักกะเคยได้ยินชื่อ”
“น้องโดเรม่อน แต่ก่อนชื่อโดเรมีมันเชยเลยเปลี่ยนเป็นแนนนี่”
“อ๋อนึกออกแล้ว โดเรมีแมวสีเหลืองน้องเจ้าโดเรมอนแมวสีฟ้า”
“เออ นั่นละๆ หายสงสัยแล้ว ฉันไปนะ ป่านนี้คงงอนฉันแย่แล้ว”
ชิกเก้นกระโดดเร็วๆ หนีไปทันที
“แต่เอ๊ะ โดเรมี.. แล้วก็โดเรมอน .. นั่นมันแมวหุ่นยนต์นี่ เฮ้...หยุดนะ เจ้าชิกเก้น! แกหลอกฉันนี่!”

แนนนี่พยายามร่ายมนตร์วนนิ้วเสกหน้าตัวเอง
“เปลี่ยน จงเปลี่ยน” แต่ไม่ได้ผลแนนนี่ปาดเหงื่อ “อย่าตื่นเต้นสิ อย่าตื่นเต้น ว้า!ไม่ได้เรื่องเลย”
บาบาร่ากวาดตามองหาแนนนี่
“เอ๊ะ แล้วแนนนีมิตราล่ะ”
เพื่อนๆ ต่างหันไปที่แนนนี่ ขยับเบิกทาง เห็นแนนนี่งอตัว ก้มหน้าอยู่ บาบาร่าหันยิ้มให้ทาฮิร่า
“นี่ยังไงแนนนีมิตราที่ฉันว่า”
ทาฮิร่าเพ่งมองแนนนี่อย่างสนใจ บาบาร่าเรียกแนนนี่
“เธอควรทำความเคารพท่านครูทาฮิร่านะแนนนีมิตรา”
แนนนี่โบกไม้โบกมือปฏิเสธ และยังงอตัว ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
“เป็นอะไรของเธอ”
“ หนู... หนูปวดท้องค่ะ” แนนนี่ดัดเสียงแหลมเล็ก
“อ้าว... งั้นครูจะร่ายมนตร์รักษาให้นะ” ทาฮิร่าบอก
แนนนี่หน้าซีดเผือด
“ก็ดีเหมือนกันนะ”
บาบาร่าเอ่ยขึ้น ในขณะที่ทาฮิร่าตรงเข้ามาหาแนนนี่
“อย่าเข้ามาค่ะ หนูปวดท้อง”
ทาฮิร่าชะงักเท้าอย่างงงๆ
“ก็นี่ไง ครูจะรักษาให้”
“หนูปวดท้องอึ” แนนนี่ดัดเสียงบอก
ทาฮิร่าหยุดเท้าในทันที บาบาร่าทำหน้าเหย
“ราดแล้วด้วย” แนนนี่สำทับอีก
นักเรียนทั้งห้องบีบจมูก แนนนี่งอตัวก้มหน้า วิ่งจู๊ดออกไป
“หนูขอตัวนะคะ”
พอแนนนี่เดินผ่านตัวทาฮิร่าไป ทาฮิร่าได้กลิ่นแปลกๆ ชักเอะใจ แต่เสียงนักเรียนในห้องหัวเราะทำให้ทาฮิร่าหันดุเด็กๆ
“หัวเราะเยาะเพื่อนทำไม เตรียมตัวไปเรียนขี่ไม้กวาดกันได้แล้ว”
บาบาร่าตรงมาหาทาฮิร่า
“ไม่เป็นไรเนอะ เดี๋ยวค่อยเจอแนนนีมิตราที่คลาสขี่ไม้กวาดก็ได้”
ทาฮิร่าพยักหน้า ใคร่ครวญครุ่นคิด เหมือนมีบางอย่างติดค้างในใจ

แนนนี่เดินมาด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ มาถึงมุมหนึ่งในโรงเรียน กวาดตามองซ้ายขวาหน้าหลังขณะหลบเข้ามาในห้องสมุด จังหวะหนึ่งแนนนี่จามชิ้วๆ แล้วหัวไปโขกเข้ากับชั้นหนังสือ จนหนังสือจากชั้นหนังสือร่วงกราวลงมาทับแนนนี่
“นั่นใครมาส่งเสียงดังในนี้”
บรรณารักษ์จอมเฮียบส่งเสียงมาก่อนตัว ขณะเดินอาดอาดมาทางแนนนี่ และถึงกับตกใจที่เห็นหนังสือกองเละเทะ
“นี่ใครทำอะไร ทำไมมันถึงได้เละเทะขนาดนี้”
แนนนี่ค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากกองหนังสือ ยิ้มแหยๆ ให้
“นี่มันห้องสมุด ต้องอยู่ในความสงบแต่เธอ…”
บรรณารักษ์ส่งเสียงดังขึ้นจนแม่มดในห้องเริ่มหันมามอง แนนนี่ได้ทีทำยกนิ้วขึ้นจุ๊ปาก
“จุ๊จุ๊ ห้องสมุดห้ามส่งเสียงดังค่ะ”
แม่มดบรรณารักษ์บ้าจี้ กระซิบบอก
“เธอจัดชั้นหนังสือทั้งหมดนี้ให้เรียบร้อย แล้วเชิญออกไป วันนี้ทั้งวันเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องสมุด!”
พูดสั่งจบบรรณารักษ์ก็ก้าวฉับๆ ออกไป แนนนี่เริ่มร่ายมนตร์ให้หนังสือกลับเข้าที่
“ชาปาลาบลาชาลาลา ชาปลาดา”
ทันทีที่แนนนี่ลืมตาขึ้น ก็ตกใจตาแทบถลน เมื่อเห็นหนังสืออีกชั้นทั้งแผงกำลังทยอยตัวหล่นลงมาจากชั้นบรรณารักษ์ซึ่งกำลังก้าวไปหยุดเท้ากึก ทั้งเสียงแนนนี่ เสียงหนังสือหล่นดังเข้ามา บรรณรักษ์หันขวับ
“เธอ”
ในอ้อมแขนของแนนนี่เวลานั้นเต็มไปด้วยหนังสือ แม้แต่ปากก็คาบพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มหนึ่งคาไว้ บรรณารักษ์หอบหายใจแรงอย่างเหลืออด
“เธอ... ออก...ไป!”
แนนนี่วิ่งหนีออกไปทั้งที่ปากยังคาบหนังสือเล่มหนึ่งอยู่

แนนนี่วิ่งมาหยุด หอบแฮ่กๆ ฉวยหนังสือออกจากปาก เอามาโบกไปมาไล่ความร้อน แล้วพลันนึกขึ้นได้
“ฮึ้ย! นี่มันหนังสือห้องสมุดนี่”
แนนนี่ทำท่าจะกลับเข้าไป แต่แล้วชะงักเท้าไว้
“เข้าไปมีแต่ตายกับตาย เอาไงดีล่ะ”
แนนนี่กรีดหนังสือพลางครุ่นคิด แต่แล้วสายตาต้องหยุดอยู่ที่ปกหนังสือ
“ตำราเวทมนตร์” แนนนี่ขยี้ตา “ไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ยเนี่ย”
แนนนี่กรอกตามองรอบตัวซ้ายขวาหน้าหลัง แล้วซุกหนังสือเข้าใต้เสื้อฉับ

ส่วนเหตุการณ์ทางเมืองมนุษย์ ภวัตกดโทรศัพท์มือถือหาแนนนี่หลายสิบครั้งหลังจากที่รู้จากดารกาว่าแนนนี่หายตัวไป ดารกามองอย่างไม่พอใจ พูดส่งๆ ว่าแนนนี่ไปมหา’ลัยแล้วตั้งแต่เช้า ภวัตแย้งว่าทำไมพรกับผาดถึงไม่รู้ไม่เห็น ดารกาตอบไม่ได้ นึกแค้นใจแนนนี่ ที่เรียกร้องความสนใจจากภวัตได้ตลอด
ภวัตจอดส่งดารกาที่หน้าคณะ แล้วโทร.ลางานกับโรงพยาบาล บอกว่ามีธุระด่วน ดารกามองตามรถภวัตไปอย่างขุ่นเคือง หยิบมือถือมากดหาบุษบา

ไม่นานหลังจากนั้นบุษบาซึ่งแต่งตัวเปรี้ยวจี้ด จนนักศึกษามองตามกันเป็นแถว บุษบาคุยมือถือกับดารกาเสียงดังว่าที่ให้มาดักเจอภวัต ยังไม่เห็นภวัตเลย บุษบาด่าว่าดารกาว่าวางแผนหลอกให้เธอมาเก้อ
เวลาเดียวกันนั้นปีเตอร์เดินผ่านบุษบาไปโดยไม่สนใจ ต่างจากนักศึกษาอื่นๆ จนบุษบาต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามไปทักปีเตอร์เอง ปีเตอร์จำบุษบาไม่ได้ จนบุษบาต้องเท้าความถึงเรื่องที่โรงพยาบาล ปีเตอร์จึงจำได้
บุษบาถามหาแนนนี่ ปีเตอร์ปฏิเสธว่าแนนนี่ไม่ได้มาเรียน บุษบาไม่เชื่อ คิดว่าปีเตอร์กันท่าไม่ให้บุษบาเจอภวัตที่มาหาแนนนี่
เมื่อพูดยังไงบุษบาก็ไม่เชื่อ ปีเตอร์จึงใช้วิชามารที่เรียนรู้จากแนนนี่ หลอกใช้บุษบาซื้อข้าว ซื้อน้ำให้ และบอกให้ช่วยป้อน ภวัตเข้ามาเห็นในจังหวะที่บุษบากำลังจะป้อนอาหารให้ปีเตอร์ ก็งง

ทางด้านธานีพารัดเกล้ามาดูจุดที่ตนแอบซุ่มดูสงัดกับมาลีเมื่อวันก่อน จึงทำให้แน่ใจว่าเงินที่หายไปเป็นฝีมือของดารกา ธานีนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เห็นกับตาวันนั้นขึ้นมาอีก

ธานีซุ่มดูดารกาอยู่ที่มุมซ่อนตัว ธานีเห็นดารกาเดินออกมาจากบ้านของมาลี ธานีแอบอยู่มุมหนึ่ง เห็นดารกาเดินลับไปธานีมองตาม
สักพักมีเสียงสดับกับมาลีทะเลาะกัน ธานีหันไปมองตามเสียง
“กูไม่ให้” สดับพูดเสียงดัง
“นี่ลูกมันฝากมาให้ชั้น พี่ดับ! อย่าไปนะ” มาลีบอก
สดับก้าวอาดๆ ออกมา โดยมีมาลีวิ่งตาม
“อย่าหาเรื่องนะมึงอีมาลี ชอบอ้างนัก คำก็ลูกสองคำก็ลูก ถุย! ไม่ถามลูกมันดูมั่งล่ะว่ามันยอมรักมึงเป็นแม่มันมั้ย”
“ช่างมัน จะรับไม่รับก็ช่างมัน” มาลีพูดพลางเกาะแขนสดับแน่น “เงินก็ตั้งเยอะตั้งแยะ นะพี่ดับนะ แบ่งให้ชั้นบ้างเถอะ”
“ปล่อยกู อีมาลี กูบอกให้ปล่อยกู”
“ไม่ปล่อย เงินนั่นมันเป็นของฉันเหมือนกัน ขืนให้พี่ไปพี่ก็เอาไปซื้อยาเล่นพนันหมด” มาลีเกาะแน่นกว่าเดิม
“หืมม..อีนี่”
ธานีลอบมองสดับกับมาลี อย่างใจจดจ่อ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงโครม พร้อมเสียงร้องครางโอดโอยของมาลี ตามมา
มาลีล้มอยู่ที่ฝาบ้านเพราะถูกสดับถีบ ข้าวของระเนระนาดกระจัดกระจ่างเพราะถูกร่างมาลีชน
ธานีพยายามมองให้ชัด แต่แล้วต้องหลบวูบเข้าที่ก่อน เพราะสดับก้าวผ่านหน้าธานีไป
“อีผีเจาะปาก หยุดด้วยตีนถึงเงียบได้ เซ้าซี้ชิบหาย กินเหล้าดีกว่าโว้ย”
คล้อยหลังสดับไปไม่นาน ธานีหันไปมองที่มาลี นึกอยากเข้าไปช่วย แต่ก็ลังเลกลัวเรื่องวุ่นวายที่จะตามมา

ธานีมั่นใจว่าดารกาเอาเงินไปแน่นอน แต่รัดเกล้าพูดอย่างเห็นใจดารกา และเชียร์ให้ดารกาลงเอยกับภวัตไวๆ ธานีไม่เห็นด้วย บอกว่าดารกาทำตัวไม่น่าไว้ใจ รัดเกล้าว่าธานีอคติ กลายเป็นว่าสองคนเปิดฉากทะเลาะกันอีก
รัดเกล้างอน ไม่ยอมให้ธานีไปส่งที่ทำงาน ธานีจึงปล่อยรัดเกล้าลงที่หน้าวินมอเตอร์ไซค์แถวนั้น
รัดเกล้าเห็นท่าไม่ดี จึงไม่ยอมลง ธานียิ้มสะใจที่ชนะรัดเกล้าได้

บาบาร่ากับทาฮิร่าสอนนักเรียนขี่ไม้กวาด แนนนี่ดีใจที่เจอชิกเก้น แต่แล้วพอเดินตามมาก็เจอไทเกอร์ ทาฮิร่า บาบาร่า
เป็นจังหวะเดียวกับที่บาบาร่าหันมาเจอแนนนี่ จึงเรียกแนนนี่มาขี่ไม้กวาดด้วยกัน จนกระทั่งถึงเวลาขึ้นบิน ทาฮิร่าสังเกตเห็นแนนนี่ ทั้งคู่ไล่ล่ากัน แนนนี่ขอโทษขอโพยทาฮิร่าไม่ฟังเสียง

แนนนี่กับทาฮิร่าไล่ล่ากัน ทาฮิร่าทำทีเป็นลงโทษ เข้มงวดกับแนนนี่แบบครู-ลูกศิษย์ทั่วไป แนนนี่เจ็บตัวฟรี แต่สุดท้ายหลอกตบตาบาบาร่ากับไทเกอร์ได้ และในที่สุดแนนนี่ก็หนีรอดไปได้ ทาฮิร่าสั่งให้ชิกเก้นรีบตามไป

แนนนี่กลับมาที่กระท่อมร้าง ตามหาชิกเก้นเพื่อกลับเมืองมนุษย์ด้วยกัน ชิกเก้นตามเข้ามาแล้วโผเข้ากอดแนนนี่อย่างดีใจ แนนนี่ขอให้ชิกเก้นพาไปตึกเวทย์ไฮเทค เพื่อซื้อลูกแก้วข้ามเวลา แล้วสัญญาว่าจะกลับโลกมนุษย์
ชิกเก้นยอมทั้งที่กลัวแนนนี่จะก่อเรื่องอีก
“หายไปไหนมา ชิกเก้นคิดว่าจะโดนพวกแม่มดจับไปแล้ว” ชิกเก้นถามขึ้นทันที
“ก็เกือบล่ะ”
“อะไรนะ...เกือบหมายความว่า”
“ก็หมายความว่าแนนนี่ไปเที่ยวที่โรงเรียนเวทมนตร์มา แล้วก็เจอกับแม่มด แต่เค้าก็ไม่ได้ทำอะไรแนนนี่ มีก็แต่...”
พูดถึงตรงนี้ แนนนี่นึกถึงไทเกอร์ขึ้นมา ที่ดูจะสนใจแนนนี่เป็นพิเศษ
“แมวสีดำดูหน้าตาร้ายกาจ มาดมๆ แนนนี่ แล้วก็ถามว่าแนนนี่เป็นใคร”
ชิกเก้นตกใจรู้แน่ว่าต้องเป็นไทเกอร์
“ไทเกอร์ แนนนี่เจอเจ้าไทเกอร์แมวหน้าดำ จมูกไว สอดรู้อันดับหนึ่งของเมืองเวทมนตร์ ตายล่ะแนนนี่ เราต้องรีบ
กลับแล้วเจ้าไทเกอร์ไม่ปล่อยเราไว้แน่”
ชิกเก้นพูดรัวเป็นไฟ ในอาการร้อนรนใจสุดโต่ง
“ไม่ได้ชิกเก้น แนนนี่ยังไม่ได้ของที่แนนนี่ต้องการ แล้วนี่ก็เป็นความผิดของชิกเก้นที่มัวแต่ตืนสายเป็นแมวขี้เซา”
แนนนี่ต่อว่า
“นี่ชิกเก้นผิด” ชิกเก้นโวยวาย
“ใช่ แล้วถ้าชิกเก้นไม่พาแนนนี่ไปตึกเวทย์ไฮเทค แนนนี่ก็จะไปเอง”
“ก็ได้ ก็ได้ ชิกเก้นพาไปก็ได้ แต่แนนนี่ต้องอยู่ใกล้ๆ ชิกเก้นห้ามห่างชิกเก้นเกิน 1 ฟุต ถ้าเจอกับเจ้าไทเกอร์อีกให้รีบ
ถอยให้ห่าง แล้วก็...”
ชิกเก้นอ้าปากค้าง เพราะแนนนี่แย่งพูดขึ้นมาเสียก่อน
“คร่า....หยุดพูดได้แล้วจะไปได้รึยังค่ะ ไหนบอกว่ารีบไปรีบกลับ ถ้าไม่ไปแนนนี่ไปแล้วนะคะ”
แนนนี่ตั้งท่าขี่ไม้กวาด ชิกเก้นรีบกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชิกเก้นถอนหายใจ ในความซุกซนของแนนนี่
ทั้งสองขี่ไม้กวาดไปตึกเวทย์ไฮเทค มีเสียงของชิกเก้นที่บ่นไปตลอดเวลา
“แล้วอย่าลืมนะ..อย่าอยู่ห่างจากชิกเก้น จะทำอะไรก็บอกชิกเก้นก่อน”
“เมื่อไหร่จะหยุดบ่นซักที”
“แว๊ก”
บนท้องฟ้าไกลๆ เห็นแนนนี่ขี่ไม้กวาดซิ่งจนชิกเก้นเกือบหล่น แนนนี่หัวเราะชอบใจ

ภวัตขับรถเข้ามาจอดที่หน้าคณะของแนนนี่ พอลงจากรถกำลังจะเข้าคณะ ก็เจอกับปีเตอร์พอดี
“ปีเตอร์ นี่ปีเตอร์เพื่อนแนนนี่ใช่มั้ย” ภวัตร้องถาม
ปีเตอร์มองหน้าภวัตจำได้ ยิ้มแบบเจ้าเลห์ก่อนตอบ
“ครับผมปีเตอร์ แต่ผมไม่ใช่เพื่อนแนนนี่ ผมเป็นแฟนแนนนี่”
ภวัตมีสีหน้าเจื่อนไป เมื่อได้ยินปีเตอร์บอกชัดๆ ว่าเป็นแฟนแนนนี่ แต่ก็ฝืนยิ้มให้ปีเตอร์
“พี่มาหาแนนนี่ มีธุระ แนนนี่อยู่มั้ย”
“แล้วทำไมไม่ไปหาที่บ้านล่ะครับ บ้านอยู่ติดกันไม่ใช่เหรอ”
ปีเตอร์ตอบกวนๆ ทั้งที่ภายในใจก็ชักเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ภวัตไม่สนใจทำท่าจะเดินเลยปีเตอร์ไปให้เรียนแนนนี่
“แนนนี่ไม่ว่างหรอกครับ เค้าคุยกับอาจารย์อยู่”
ภวัตหันมามองปีเตอร์ แบบสงสัยว่าปีเตอร์พูดจริงหรือเปล่า
“ถ้าพี่ไม่เชื่อ ปีเตอร์จะไปดูก็ได้ แต่ถ้าอาจารย์รู้ว่ามีผู้ชายมาหาถึงห้องเรียนคงไม่พอใจ แนนนี่ก็ซวยอีก น่าสงสาร
แนนนี่จริงๆ”
ภวัต ไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่อยากให้แนนนี่เดือดร้อน เลยตัดสินใจกลับ
ปีเตอร์มองตามรถภวัตไป คิดถึงแนนนี่ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วรีบไปที่รถสตาร์ทตามออกไป

เวลาเดียวกัน ภายในตึกเวทย์ไฮเทค ของเมืองเวทมนตร์ เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำยุค บรรดาพ่อมดแม่มดวัยรุ่น กำลังดูของกันเต็มไปหมด
บางร้านก็ขายเครื่องส่งสัญญาณโทรจิต ที่เพิ่มความแรงของสัญญาณจากพลังจิตปกติ
“มาแล้วครับรุ่นใหม่เพิ่มความแรงรับสัญญาณได้จากทุกโลก ชัดตลอด เพิ่มกิ๊กได้ แรมเท่าอัตราความเร็ว 100 ปีแสง
แรงที่สุดในจักรวาล”
บางร้านก็ขายเครื่องคำนวณ ดวงชะตา หน้าตาคล้ายโน้ตบุ๊ค และไอแพดบนโลกมนุษย์
“มาแล้วจ้า ดูดวงตรวจดวง ดูโลกอนาคต ระบบคำนวณระบบสุริยจักรวาลไม่คลาดเคลื่อน เลิกใช้ตำราคร่ำครึ กด
แค่ปลายนิ้วสัมผัสรู้อนาคตได้ทันที” แม่ค้าอีกคนตะโกนขายสินค้า
“ดูอดีตได้มั้ย”
แนนนี่หยุดมองอย่างสนใจ
“อยากรู้ไปทำไมจ๊ะ อดีตมันผ่านมาแล้ว มาสนุกกับการรู้อนาคตดีกว่า สนใจมั้ยจ๊ะ อยากลองมั้ย ยิ่งดูเรื่องเนื้อคู่
รับรองแม่นเว่อร์”
แม่ค้าตีหน้าเจ้าเล่ห์ถามเป็นการหยั่งเชิง แนนนี่พยักหน้าสนใจ แต่ก็โดนชิกเก้นลากตัวออกมาซะก่อน
“เธออยากได้ลูกแก้วไม่ใช่เหรอ แวะเที่ยวเล่นอยู่ได้” ชิกเก้นต่อว่า
“ก็แนนนี่อยากรู้อนาคต อยากรู้ว่าแนนนี่จะได้แต่งงานกับพี่ภวัตรึเปล่า”
ชิกเก้นหยุดมองหน้าแนนนี่ ในขณะที่แนนนี่ยิ้มเขินนึกถึงภวัต
“โอ๊ะโห...แนนนี่ วันนี้จะรอดรึเปล่าก็ไม่รู้ คิดถึงเรื่องแต่งงาน ชิกเก้นอยากจะบ้า”
“แนนนี่ก็จะบ้า เพราะชิกเก้นที่บ่นไม่หยุดเนี่ย” แนนนี่พูดล้อชิกเก้น
ชิกเก้นส่ายหัวเอือมระอากับแนนนี่ แล้วเดินนำไป แนนนี่ขำชิกเก้นที่ดูซีเรียสจริงจัง
ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายลูกแก้วข้ามเวลา
แนนนี่เดินเข้าไปอย่างตื่นตาตื่นใจ ที่เห็นลูกแก้วมากมาย บางลูกกำลังฉายภาพในอดีตของเมืองเวทมนตร์ โดยลูกแก้วลูกหนึ่งฉายรูปทาฮิร่าอยู่ในนั้นด้วย เป็นสมัยที่ทาฮิร่าสาวๆ กำลังอยู่ในงานเลี้ยง มีหนุ่มๆ รายล้อมรอบตัว ขณะกำลังตะลึงพรึงเพริดอยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้น
“ต้องการอะไรครับ”
แนนนี่สะดุ้งหันไปมองตามเสียงเห็นเป็นพ่อค้าวัยรุ่น แต่งตัวดูดีสุภาพเรียบร้อยยืนอยู่ด้านหลัง ส่งยิ้มให้แนนนี่
“อยากได้ลูกแก้วข้ามเวลาที่ใช้สำหรับดูอดีตค่ะ” แนนนี่บอกไป
“ได้เลยครับ ที่นี่เราจำหน่ายลูกแก้วข้ามเวลาให้คุณได้รู้ในสิ่งที่คุณต้องการเห็น ยิ่งรุ่นที่มาใหม่ล่าสุดยิ่งยอดเยี่ยม
สุดๆ สามารถทะลุดูย้อนไปได้เป็นร้อยปีแสง แต่นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับฮาร์คิสว่าต้องการเท่าไหร่ ยิ่งตอนนี้มีระบบ 100 ปีแสงด้วยโอ้โฮ....ความแรงส์ไม่ต้องพูดถึง นึกถึงอดีต อดีตก็มา ไม่ต้องรอ”
แนนนี่กับชิกเก้นอ้าปากหวอ ยืนฟังพ่อค้าบรรยายสรรพคุณแบบเร็วปรื๋อขัดจากบุคลิกที่ดูเรียบร้อยและสุภาพเมื่อครู่
“ว่าไงครับสนใจแบบไหน” พ่อค้าถามขึ้น
“อะอะเอา...แบบที่ว่ามานั่นล่ะค่ะ” แนนนี่ยิ้มตอบ
“จัดปาย”
พ่อค้า ร่ายมนตร์ ลูกแก้วถูกเก็บใส่กล่องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยื่นให้แนนนี่
“20,000 เหรียญ” พ่อค้าบอกราคา
แนนนี่หันหน้าไปทางชิกเก้นผายมือบอกใบ้ว่าไม่มีเงิน
ชิกเก้นทำท่าเป็นเชิงบอกแนนนี่ว่าไม่มีเหมือนกัน
พ่อค้าถือกล่องมองหน้าแนนนี่ไปมา แนนนี่ยิ้มให้
“ซักครู่นะค่ะ”
แนนนี่กับชิกเก้น หันหลังให้พ่อค้า
“ทำไงดี”
ชิกเก้นทำท่าคิดและพูดออกมา
“เสกซิ”
แนนนี่ยิ้มดีใจที่นึกออก แล้วก็ร่ายมนตร์เสกเงินออกมา พร้อมกับหันไปยื่นให้พ่อค้า แต่พ่อค้ากลับงงว่าคืออะไร เพราะเห็นในมือแนนนี่เป็นแบงค์ดอลล่าร์ 1 ปึก
“นี่ไงครบนะ 20000 เหรียญ” แนนนี่บอก
“จะมาล้ออะไรเนี่ย ถ้าไม่ซื้อก็อย่ามาป่วน” พ่อมดพ่อค้าโวย
ชิกเก้นชะเง้อมองเงินที่แนนนี่เสก พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรชิกเก้นก็เข้ามากระซิบบอกแนนนี่ที่ข้างหู
“นี่มันเงินเมืองมนุษย์ เงินเมืองเวทมนตร์มันเป็นแบบโน้น”
ชิกเก้นชี้ให้แนนนี่ดูลูกค้าที่กำลังซื้อของอยู่อีกร้านนึง
แนนนี่มองตามเห็นเงินของเมืองแม่มด มีตรารูปแม่มดใบหน้ายิ้มแย้ม และเป็นรูปแม่มดที่คลื่อนไหวได้
แนนนี่เสกเป็นเงินของเมืองเวทมนตร์แล้วยื่นให้พ่อค้า ซึ่งพ่อค้ายื่นกล่องลูกแก้วให้แนนนี่ทันที แนนนี่เก็บใส่กระเป๋า

ส่วนที่เมืองมนุษย์ ทั้งหมดมาร่วมหารือกันเรื่องการหายตัวไปของแนนนี่ ระหว่างนั้นพรก็เดินเข้ามาบอกว่าปีเตอร์มา ปัทมนดีใจนึกว่าแนนนี่กลับมาในที่สุด
ปีเตอร์เข้ามาพร้อมภวัต สร้างความงุนงงให้กับทุกคนภายในห้อง และยิ่งงงหนัก พอรู้ว่าแนนนี่หายตัวไปแล้วจริงๆ

แนนนี่บ้าเห่อลูกแก้วข้ามเวลา ยืนทดลองอยู่กลางตลาด ชิกเก้นทั้งดุ ทั้งขู่ให้แนนนี่รีบกลับไปที่กระท่อม แต่แนนนี่ไม่ฟัง กลับยืนทดลองใช้ลูกแก้ว แล้วเห็นเหตุการณ์บางอย่างที่น่ากลัวมากในลูกแก้ว

ปีเตอร์มาสารภาพว่า ตัวเองเป็นคนซื้อเครื่องเพชรให้แนนนี่ ยิ่งทำให้ปัทมนนึกเสียใจที่ดุว่าแนนนี่ทั้งที่ไม่ผิด

อ่านต่อหน้า 3





อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 5 (ต่อ)

โป่งอยู่ในอาการหน้าเหวอ เหรอหรา มองไปทางภวัตที มองจักรวาลที ย้ำสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปว่าเป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องแนนนี่หายตัวได้!

“ทำไมไม่มีใครเชื่อโป่งเลยล่ะครับ ที่โป่งพูดน่ะเป็นความจริงทู๊กอย่างนะครับ”
“ที่แกบอกว่าแนนนี่หายตัวได้เนี่ยนะ” ภวัตถามย้ำ
“อ้ะ ถูกครับ! คุณแนนนี่น่ะหายตัวได้ อย่าเสียเวลาหาเลยครับ อีกเดี๋ยวก็กลับมา โป่งเจองี้ประจำ”
ภวัตกับจักรวาลมองหน้ากัน
“ท่าจะไม่ได้เรื่อง” จัรวาลหันไปพูดกับโป่ง “ไป ๆแกจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”
โป่งลุกไป แต่ไม่วายหันกลับมายืนกราน
“แต่คุณแนนนี่หายตัวได้จริง ๆนะครับ นายจะแจ้งความทำไม”
“ไอ้โป่ง” จักรวาลเอือมระอา
โป่งคอหด รีบออกไป สวนกับรัดเกล้าที่กลับเข้ามา
“คุยอะไรกันอยู่คะหน้าเครียดเชียว”
“อ้าวเมื่อเช้าเราออกไปทำงานกับธานีไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะใช่ รถเกล้ายังเสียอยู่ มีอะไรกันเหรอคะ”
“แล้วธานีไม่ได้เล่าให้ลูกฟังเหรอว่าแนนนี่หายตัวไปเพราะถูกเข้าใจผิดว่าถอนเงินจากบัญชีไป” จักรวาลเอ่ยขึ้น
“ก็..พอจะทราบค่ะ” รัดเกล้ารับ
“พ่อว่า แนนนี่ไม่ได้เอาเงินไปหรอก รึเกล้าว่าไง”
“เอ่อ..เกล้าก็...คิดอย่างนั้นค่ะ” รัดเกล้าตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้
ภวัตมองรัดเกล้าอย่างสังเกตและจับผิด
“เหมือนเราจะรู้อะไรแต่ไม่พูดออกมาเลยนะยัยเกล้า”
“เปล๊านี่คะ ไม่มีอะไร” รัดเกล้าปฏิเสธ
“เรารู้อะไรมายัยเกล้า”
“ก็บอกว่าเปล่าๆ โอ๊ะ เหนียวตัวจัง เกล้าไปอาบน้ำดีกว่า”
รัดเกล้ารีบตัดบท ลุกหนีไปด้วยความรู้สึกวุ่นวายใจ ก่อนจะไปรัดเกล้าหันกลับมาอีก
“อย่าเข้าใจผิดว่าเกล้าไม่ห่วงแนนนี่นะคะ ห่วงน่ะห่วง แต่มัน...เฮ้อ...เกล้าไปดีกว่า”
รัดเกล้าออกไป
“ยัยเกล้าก็เป็นอย่างนี้ละ ไม่ชอบเรื่องจุกจิกวุ่นวาย” จักรวาลว่า

ภวัตมีสีหน้าครุ่นคิด ไม่รู้สึกอย่างที่จักรวาลพูด จังหวะนั้นธานีก็เดินเข้ามา
“ว่ายน้ำกันเจ้าวัต” ธานีชวน
“ตลกอะไรของแก พวกเรากำลังประชุมเครียดเรื่องน้องสาวแกอยู่”
“เลิกเครียดได้แล้ว” ธานีบอก
ภวัตยิ้มออกมาอย่างดีใจ “แนนนี่กลับมาแล้วใช่มั้ย”
“เปล่า” ธานีตอบแล้วหันมาพูดกับจักรวาล “แต่คุณยายแนนนี่น่ะมาที่บ้านครับ”
“โอ..เรื่องมันบานปลายถึงขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย” จักรวาลกังวลขึ้นมา
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แต่คุณยายมาบอกว่าพบตัวแนนนี่แล้ว คุณแม่เลยให้ผมมาบอกคุณลุงจักรว่าไม่ต้องแจ้งความแล้วครับ”
“อืม..โล่งใจไปทีเนอะ” จักรวาลว่า
ภวัตพลอยยิ้มออกมาได้ รู้สึกโล่งใจเช่นกัน

ทาฮิร่ามองนิ่งที่ดารกาขณะรับไหว้ดารกา ปัทมนอยู่ตรงกลางเอ่ยขึ้น สีหน้ายิ้มแย้ม
“ลงไปนั่งคุยกันสบายๆ ที่ห้องนั่งเล่นดีมั้ยคะคุณยาย”
“นั่นน่ะสิคะ คุณยายเพิ่งจะมาถึงเหนื่อยๆ เดี๋ยวน้องดาหาเครื่องดื่มเย็นๆ ให้นะคะ”
“ดีใจที่ยังจำฉันได้ ไม่ได้เจอกันซะนาน คิดว่าจะจำคนแก่อย่างฉันไม่ได้เสียแล้ว”
ดารกาฝืนยิ้มปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ ทั้งที่ใจเต้นตึกตัก
“คุณยายเป็นคุณยายของแนนนี่ แนนนี่ก็เป็นน้องสาวคนเดียวของน้องดา น้องดาทำไมจะจำคุณยายไม่ได้ล่ะคะ ถึงจะนานๆ เจอกันทีก็เถอะค่ะ”
“พูดจาน่าฟังเหมือนเคย ดี..อย่างนี้คงคุยกันได้นานหน่อย” ทาฮิร่าหันมาทางปัทมน “ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ฉันขออยู่ในห้องแนนนี่ได้มั้ยคะ”
“รบกวนอะไรกันคะคุณยาย บ้านนี้ก็เหมือนบ้านคุณยายค่ะ คุณยายสะดวกตรงไหนก็ได้ทั้งนั้นค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวหนูขอตัวลงไปดูให้เค้าเตรียมของว่างให้คุณยายหน่อยนะคะ” ปัทมนหันมายิ้มให้กับดารกา “แม่จัดการเองจ้ะ หนูอยู่คุยกับคุณยายเถอะ”
ดารกาฝืนยิ้มให้ปัทมน
ครู่ต่อมา ปัทมนออกไปแล้ว ดารกาอยู่ตามลำพังกับทาฮิร่า ทาฮิร่าเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“เธอรู้ใช่มั้ยว่าแนนนี่ไม่ได้เอาเงินสองแสนนั่นไป”
“น้องดาไม่ทราบค่ะ”
“พูดอย่างนี้ เธอกำลังจะบอกว่าแนนนี่เป็นคนเอาเงินไปงั้นสิ”
“น้องดาก็ไม่อยากคิดอย่างนั้น ถ้าไม่มีเรื่องเครื่องเพชรเข้ามาเกี่ยว”
“แต่นายปีเตอร์เพื่อนของแนนนี่ก็ออกมาเฉลยแล้วนี่ว่าเค้าเป็นคนซื้อเครื่องเพชรให้แนนนี่”
“น้องดาว่า คุณยายคงเข้าใจวลีที่ว่า...แพะรับบาป”
ทาฮิร่ามองหน้าดารกาอย่างเหลือเชื่อในความคิดดารกา
“โอ้ดารกา...เธอไม่ใช่อย่างที่ฉันเคยคิดไว้เลย”
“อย่างไหนเหรอคะ ที่คุณยายคิดว่าหนูน่าจะเป็น”
ดารกาสบตาทาฮิร่าแบบไม่สะทกสะท้าน จังหวะนั้นทาฮิร่ารับรู้ได้ถึงพลังประหลาดในตัวดารกา
ปัทมนเปิดประตูเข้ามา ประคองแขนทาฮิร่า
“ของว่างพร้อมแล้วนะคะคุณยาย ลงไปทานกันก่อนดีกว่าค่ะ”
ต่อหน้าปัทมนดารกามีสีหน้าอ่อนลงทันที กลายเป็นสาวน้อยใสซื่อ
ทาฮิร่าหน้าเหวอ มองดารกาอย่างงุนงง ขณะที่ยอมตามปัทมนไปอย่างเสียไม่ได้
โดยไม่รู้ว่าเวลานั้นดารกาช้อนสายตาขุ่นมองตามทาฮิร่า

ปัทมนขยับเก้าอี้ให้ทาฮิร่าอย่างนอบน้อม บนโต๊ะมีถ้วยขนมและอาหารว่างอื่น ๆวางอยู่
“เชิญค่ะคุณยาย บัวลอยน้ำขิงร้อนๆ ค่ะ รสชาติอาจจะธรรมดาไปหน่อย มันเป็นแบบแช่แข็งแล้วก็เอามาอุ่นทานง่าย ๆน่ะค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“อย่าได้เดือดร้อนเพราะฉันเลยค่ะ ที่มาดึกๆ ดื่นๆ นี่ก็เกรงใจคุณปัทมากพออยู่แล้ว อืม..คุณปัทคะ ถ้าฉันจะขอถามอะไรเกี่ยวกับแม่หนูดารกาสักหน่อยจะได้มั้ยคะ” ทาฮิร่าเข้าเรื่อง
“ได้สิคะ คุณยายมีอะไรเหรอคะ สีหน้าคุณยายดูไม่สบายใจเลย”
“ใช่..ฉันไม่ค่อยสบายใจเรื่องแม่หนูคนนี้นี่ละ”
“คะ? น้องดาทำอะไรเสียมารยาทกับคุณยายรึเปล่าคะ”
“ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นเรื่องเงิน”
ปัทมนทวนคำพูดทาฮิร่าอย่างประหลาดใจ ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถือของปัทมนดังขึ้น
“ค่ะคุณจักร ใช่ค่ะ เราเจอตัวแนนนี่แล้ว แกยังไม่ได้กลับมาหรอกค่ะ น่าจะเป็นพรุ่งนี้ ยังไงปัทขอบคุณคุณจักรมากนะคะที่จะเป็นธุระเรื่องแจ้งความให้ ตอนนี้คงไม่ต้องแล้วละค่ะ อืม..คุณจักรคะปัทขอตัววางสายก่อนนะคะ พอดีปัทคุยกับคุณยายแนนนี่ค้างอยู่น่ะค่ะ”
ปัทมนฟังจักรวาลอีกสักพัก ก็กดมือถือวางสาย หันคุยกับทาฮิร่า
“ขอโทษทีค่ะคุณยาย เมื่อกี้คุณยายว่าคุณยายกังวลเรื่องเงินที่หายไป คุณยายหมายความว่ายังไงคะ”
“ฉันว่า มันต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากล”
ปัทมนกลับยิ้มสบายใจ

“หนูไม่ติดใจอะไรแล้วละค่ะ ขอแค่ลูกแนนนี่กลับบ้านมาได้ เงินกี่แสนกี่ล้านก็แลกกันไม่ได้”
“ได้ยินอย่างนี้ฉันก็ชื่นใจ แต่ยังไงก็เหอะ คุณปัทช่วยเล่าเรื่องแม่หนูดารกานี่ให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ย เค้าเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน แล้วเป็น ยังไงมายังไงถึงมาอยู่กับคุณปัทได้”
ปัทมนนิ่งงันไป จนทาฮิร่ารู้สึกตัวว่ากำลังจุ้นเรื่องคนอื่นซึ่งไม่ควรเลย
“เอ่อ..ฉันคงถามคุณปัทมากเกินไป ช่างเถอะ คิดว่าฉันไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” ทาฮิร่ารีบออกตัว
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะคุณยาย คือปัทแค่คิดว่ามันไม่ค่อยแฟร์กับลูกดา ถ้าจะเอาเรื่องเค้ามาพูดถึงโดยที่เจ้าตัวเค้าไม่ได้รับรู้หรืออยู่ด้วย”
เสียงดารกาดังขึ้นมา
“เล่าให้คุณยายฟังเถอะค่ะคุณแม่”
ดารกาเข้ามาด้วยท่าทีอ่อนโยน น่ารัก
“น้องดาดีใจค่ะที่คุณยายสนใจเรื่องน้องดา เหมือนน้องดาเป็นหลานแท้ๆ ของคุณยายอีกคน”
พร้อมกันนั้นดารกาก็เข้าไปสวมกอดทาฮิร่า สีหน้าแววตาจริงใจ ดูซื่อๆ อ้อนๆ เล่นเอาทาฮิร่าเงียบไป

รัดเกล้าผุดลุกผุดนั่ง ครุ่นคิดเป็นห่วงทั้งแนนนี่และดารกา
“ห่วงยัยแนนนี่ก็ห่วง กลัวน้องดาจะถูกจับได้ว่าเป็นคนเอาเงินไปก็กลัว อุ้บส์” รัดเกล้าเอามือปิดปากตัวเอง “นี่ฉันพูดอะไรออกมา ไม่สิ ไม่จริง น้องดาเกี่ยวอะไรกับเรื่องเงินนั่นเล่า เฮ้อ...”
รัดเกล้าทิ้งตัวลงนอนก่ายหน้าผากบนเตียง
“แต่ถ้า... ถ้าน้องดาทำอย่างนั้นจริง ๆมันเพราะอะไรกันนะ ไม่อยากจะเชื่อเลย”
รัดเกล้าผุดลุกขึ้นอีกครั้ง คว้าโทรศัพท์มือถือมา
“หรือว่าเราจะโทรคุยกับน้องดาให้รู้เรื่องรู้ราวกันไปเลย?”
รัดเกล้าคิดแล้วคิดอีก แต่สุดท้ายโยนโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง
“ถ้ามันเป็นเรื่องจริง เรารับฟังได้จริงๆ เหรอ ...น้องดาที่แสนดี...”

รัดเกล้าครุ่นคิดถึงเรื่องราวตอนเด็กๆ เมื่อมองไปตามมุมต่างๆ ของห้อง

รัดเกล้านึกถึงตัวเองในอดีตสวมชุดนักศึกษากำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสือสอบอยู่ เวลานั้นดารกาซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายเข้ามาพร้อมจานขนม
“สำหรับพี่เกล้าคนเก่งของน้องดาค่ะ”
“อะไรจ๊ะเนี่ย น่ากินเชียว”
“ลูกชุบค่ะ น้องดาทำเองกับมือเลยนะคะ”
“เอาใจพี่อย่างนี้ อยากได้อะไรเนี่ย”
“ไม่อยากได้อะไรเลยค่ะ แค่อยากให้พี่เกล้ารักน้องดาเหมือนน้องสาวแท้ๆ”
ว่าแล้วดารกาก็เข้าสวมกอดรัดเกล้าอ้อนๆ
“พี่เกล้าสัญญากับน้องดาได้มั้ยคะ ว่าพี่เกล้าจะรักน้องดา ไม่ทิ้งน้องดา”
รัดเกล้ายิ้มออ่อนโยนให้ดารกาก่อนเอ่ยขึ้น
“ไม่เห็นต้องสัญญาเลย ยังไงพี่ก็รักน้องดาอยู่แล้ว”
“ไม่เอาค่ะ ต้องสัญญา น้องดาจะได้สบายใจว่าน้องดามีพี่เกล้าเป็นพี่สาวแท้ๆ ชีวิตน้องดาเป็นยังไงพี่เกล้าก็รู้” ดารามีสีหน้าหม่นเศร้า
“สัญญาสิจ๊ะ”
รัดเกล้าลูบผมดารกาอย่างเอื้อเอ็นดู

รัดเกล้าครุ่นคิดเป็นห่วงดารกาอย่างหนัก
“พี่จะช่วยเธอได้ยังไงบ้างเนี่ย..น้องดา ...เฮ้อ..ขอให้พี่ภวัตอย่าเพิ่งรู้เรื่องพ่อแม่ของหนูเลยนะ ฮึ้ย!แล้วถ้าอีตาพี่ธานีผีเจาะปาก เกิดอุตริเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ภวัตฟังแล้วล่ะ”

รัดเกล้าว้าวุ่นใจอย่างหนัก ในที่สุดก็พาตัวเองมายืนเคาะประตูห้องพี่ชายกลางดึก
“พี่ภวัต เกล้ามีเรื่องจะคุยด้วย เปิดประตูหน่อยค่ะ พี่ภวัต
รัดเกล้าเคาะอีก แต่ไม่มีใครเปิดประตู รัดเกล้างง เอาหูแนบ
“ไม่อยู่เหรอ”
รัดเกล้าลองบิดลูกบิดดู ปรากฏว่าเปิดได้ เป็นเวลาเดียวกับที่ธานีเปิดประตูออกมาเพราะเสียงเคาะเช่นกัน ใบหน้าของทั้งคู่ชนกันแบบประสานงาอย่างจัง
รัดเกล้าจะหงายหลัง ธานีโอบรับร่างรัดเกล้าไว้ ใบหน้าทั้งคู่ใกล้กันมาก ธานีเปลือยท่อนบน สวมเพียงกางเกงขายาว
รัดเกล้าตะลึงงัน
“พี่..พี่ธานี ม..มาทำอะไรห้องพี่ภวัต แล้ว..แล้วทำไม” รัดเกล้าชี้ไปที่ตัวธานี
ธานีก้มมองตัวเองตามสายตารัดเกล้า พลันแกล้งร้องโวยวายให้ภวัตช่วย
“ว้าย อะไรกันเนี่ย ภวัตช่วยด้วย”
ภวัตก้าวออกจากด้านในห้องมา หัวเราะขำทั้งคู่
“อะไรของพวกแกวะ ทำอะไรเจ้าธานีหืมยัยเกล้า”
รัดเกล้าตาพอง สะบัดตัวออกจากธานี
“อ๊ายพี่ภวัตพูดยังกับไม่เห็น บังเอิญชนกันต่างหากเล่า เกล้าเนี่ยนะจะอยากใกล้พี่ธานี แหวะ อี๋” ว่าพลางปัดเนื้อตัวอย่างรังเกียจ
ธานีกับภวัตหัวเราะขำรัดเกล้า
“พี่สองคนทำอะไรกัน”
“แล้วคิดว่าทำอะไรกันล่ะ” ธานียั่วรัดเกล้าด้วยการเกาะไหล่ภวัต ดัดเสียง “ฮ๊า...”
ภวัตปัดมือธานีออกแล้วหันไปพูดกับน้องสาว “แกนี่ก็จริงๆ เลย ไปแกล้งยัยเกล้ามัน ธานีมาชวนพี่ไปว่ายน้ำ”
“อ้อ..เหรอจ๊ะ อืม..ดีเนอะ เกิดเรื่องวุ่นวายแนนนี่หายไปทั้งคนขนาดนี้แล้วยังมีกะจิตกะใจจะว่ายน้ำกันอีกงั้นเหรอคะ” รัดเกล้าแขวะ
“เค้าเจอตัวแนนนี่กันแล้ว ไปอยู่ไหนมาหืม...ป้า”
รัดเกล้าหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“เจ้าภวัตน่ะรู้เรื่องหมดแล้ว มันก็เลยยอมว่ายน้ำกับพี่” ธานีบอก
“เดี๋ยว ว่าไงนะ พี่ภวัตรู้เรื่องหมดแล้ว” รัดเกล้าหูผึ่ง รีบถามทันที
“ก็ใช่น่ะสิ”
“รวมทั้งเรื่อง...” รัดเกล้าพูดเสียงรอดไรฟัน “น้องดา?”
“ห๊ะอะไรนะ” ธานีถามเสียงดัง
รัดเกล้าตัดบท ลากแขนธานีออกไปด้วยกัน เพราะข้องใจว่าธานีจะเล่าเรื่องพ่อแม่ดารกาให้ภวัตฟังหรือยัง
“เกล้าว่าแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ มานี่เลย..มานี่...”
ธานีแกล้งร้องโวยวายอีกครั้งตอนถูกรัดเกล้าลากแขนไป ภวัตหัวเราะ
“ว้าย ภวัตช่วยธานีด้วย”
พอคล้อยหลังธานีรัดเกล้า ภวัตก็ยังนึกเป็นห่วงแนนนี่ สีหน้าขรึมลงทันที

เหตุการณ์ที่เมืองเวทมนตร์เวลานั้น หากใครผ่านไปมาแถวกองขยะคงจะงุนงง เพราะกองขยะขยับยุกยิก แล้วไม่นานนักแนนนี่ก็โผล่หัวขึ้นมา โดยมีชิกเก้นยืนดูต้นทาง
“ชิกเก้น ฉันจะไม่ไหวแล้วละ ฉันจะอ้วก ขยะนี่เหม็นมากๆ เลย”
ชิกเก้นตาเหม่อลอย พูดเสียงยานคางขณะมองไปทางหนึ่งไกลๆ
“หลบ...”
“ห๊า ว่าไงนะ”
“ลง..”
“พูดอะไรของแกชิกเก้น”
“ไป...”
“แว๊ก... ฉันบอกว่าฟังไม่รู้เรื่อง!” แนนนี่พูดแทบเป็นตวาด
พลันมนตร์ที่สะกดชิกเก้นอยู่คลายลง ชิกเก้นพูดเร็วปรื๋อ
“หลบลงไป๊! อั๊ย! พูดยากพูดเย็น หลบ!”
ขาดคำบรรดาพ่อมดแม่มดยกขโยงผ่านกองขยะไป ไม่มีใครเห็นแนนนี่ คล้อยหลังพวกนั้น แนนนี่ออกจากกองขยะ คว้าชิกเก้นมาชูขึ้นอย่างดีใจ
“เธอหายแล้วเหรอ มนตร์คลายแล้วเย้”
ชิกเก้นสะบัดหลุด กระโดดลงพื้น
“ใช่! แล้วก็จัดการทิ้งตำรานั่นซะด้วย ทิ้งมันไว้ที่กองขยะนี่ละ เร็วเข้า! เราต้องกลับเมืองมนุษย์แล้ว”
แนนนี่ล้วงตำราเวทมนตร์ออกมาอย่างจำใจ
“ก็ได้ๆ” แนนนี่วางลงที่พื้นถือโอกาสสั่งเสีย “จากกันตรงนี้ละกันนะคุณตำรา ขอโทษจริงๆ นะที่ไม่ได้พาคุณไปส่งคืนที่ห้องสมุด”
“ไปกันได้แล้ว” ชิกเก้นเร่ง
แนนนี่ดีดนิ้วเนรมิตไม้กวาดมาในกำมือ ขึ้นหนีบไม้กวาดไว้ด้วยขาทั้งสอง ชิกเก้นกระโดดขึ้นนั่งข้างหน้า
“ไปเมืองมนุษย์”
ไม้กวาดลอยขึ้นบนอากาศ พลันตำราเวทมนตร์ลอยขึ้นตามมาติดหลังแนนนี่
“ฮึ้ย หยู๊ดหยุดๆ หยุดก่อน” แนนนี่เหลียวไปข้างหลัง “อะไรกันเนี่ย หนังสือลอยได้”
แนนนี่คว้าตำราทิ้งลงพื้น แล้วบังคับไม้กวาดหนี ตำราลอยตามไม่ลดละ
กองทัพพ่อค้าแม่ค้าวนมาที่เดิมอีกครั้ง ทั้งหมดชี้ที่แนนนี่
“เราต้องไปแล้วแนนนี่” ชิกเก้นร้องบอก
“แล้วตำรานี่ล่ะ”
“ช่างมัน มันตามเราไปเมืองมนุษย์ไม่ได้หรอก”
“เมืองมนุษย์!”
สิ้นเสียงแนนนี่ร้องสั่งไม้กวาดพลันเกิดฝุ่นแสงระยิบระยับพันเป็นเกลียวรอบตัวแนนนี่

เวลานั้นอิงอรมีผ้าขนหนูเล็กๆ ปิดตา นอนเปลือยแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ ปากก็ร้องเพลงฮิตออกมาดังลั่น
“ก็โสดโสด อยู่ทางนี้ยังโสดโสด อยากเอารักมาโหลดโหลด เธอใช่ไหมที่ฟ้ามาโปรดฟ้ามาโปรด ยังโสดโสด”
แนนนี่กับชิกเก้นหายตัวมาโผล่ตรงหน้าอิงอร ชิกเก้นหน้าเหวอ อ้าปากจะร้อง แนนนี่คว้าชิกเก้นมาปิดปากไว้ อิงอรร้องเพลงต่อไม่รู้เรื่องรู้ราว
“อยู่ทางโน้นก็โสดโสด ถ้าเธอพร้อมก็โดดโดด เข้ามารักกันฉันไม่โหดฉันไม่โหด”
อิงอรควานมือหาสบู่ แนนนี่หยิบยื่นให้
“อ๊ะขอบคุณค่า ขอแปรงขัดตัวด้วยสิจ๊ะ”
แนนนี่หยิบส่งให้อีก อิงอรรับมายิ้มกริ่ม สักพักสีหน้ากระตุกคิดขึ้นได้
“เอ๊ะ ฉัน” ชี้ตัวเอง “...อยู่คนเดียว... แล้วใคร? หยิบของให้ล่ะ”
อิงอรกระชากผ้าปิดตาออก แล้วกรี๊ดลั่นออกมา
“จ..เจ้า เจ้าชิกเก้นนี่ อ๊าย ไอ้แมวบ้า”
ชิกเก้นเองก็กรีดร้องลั่นออกมาเช่นกัน และร้องหนักยิ่งขึ้นเมื่ออิงอรจับฝักสายชำระฉีดน้ำใส่ ชิกเก้นเอามือบังน้ำ ทำน้ำพุ่งกลับใส่หน้าอิงอร
ที่แนนนี่หลบอยู่มุมหนึ่ง ทำท่าจะเข้าช่วยชิกเก้น ชิกเก้นส่งเสียงไล่แนนนี่
“ออกไปเร็ว”

อิงอรได้ยินก็หันขวับมา
“แกสิออกไป เจ้าแมวลามก” อิงอรหยุดกึก “แก..แกพูดได้ อ๊าย แล้วเมื่อกี้..แกใช่มั้ยที่ส่งของให้ช้าน...”
ชิกเก้นตาตั้ง หน้าเหวอ เมื่ออิงอรก้าวเข้ามายืนต่อหน้าในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า ชิกเก้นตาแข็งค้าง
“โอว โนว...”

ทางด้านรัดเกล้าประจันหน้ากับธานีอย่างเอาเรื่อง
“ตกลงจะรับปากเกล้าได้รึยังว่า พี่ธานีจะไม่เล่าเรื่องน้องดาให้พี่ภวัตรู้”
“มีเหตุผลอื่นนอกจากความสงสารมั้ย” ธานีย้อนถาม
“ไม่มี อ้อ..มีเหมือนกัน เกล้ารักน้องดา”
“ว่าแล้ว ยัยทอมเอ๊ย”
“เย้ย! พี่ธานีคิดอะไร เกล้าหมายถึงเกล้ารักน้องดา เหมือนกับที่พี่สาวรักน้องสาวทั่วๆ ไป แล้วก็แค่ไม่อยากเห็นน้องเดือดร้อน ก็เท่านั้น”
“ก็เท่านั้น?”
“ใช่ เท่านั้นจริงๆ หยุดความคิดบ้าบอของพี่แล้วมาช่วยกันคิดหาทางช่วยน้องดากันได้แล้ว”
“ได้ พี่จะไม่บอกเจ้าภวัต แต่ยังไงเสียพี่ก็ต้องสอบถามน้องดาเรื่องเงินนั่น พี่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านพี่ไม่ได้หรอก”
ธานีสีหน้าเข้มน้ำเสียงจริงจัง ทำเอารัดเกล้าเงียบไป สุดจะห้ามธานี

แนนนี่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ชิกเก้น
“กรรมของเธอจริงๆ เลยน๊าชิกเก้น แล้วทำไม๊ก็ไม่รู้ เราสองคนมีอันต้องไปโผล่ที่บ้านป้าอิงอยู่เรื่อยเชียว”
“เลิกเช็ดตัวฉันได้แล้ว ขอน้ำยาล้างตาแทนดีกว่า”
แนนนี่หัวเราะขำ
“ถ้าเป็นแนนนี่เจอป้าอิงวิ่งไล่ทั้งที่โป๊ๆ อย่างนั้น แค่น้ำยาล้างตาคงไม่พอ ฮ่ะๆๆๆ”
“คราวนี้ด็อกเตอร์อิงอรจำเรื่องราวได้แม่น หาคำตอบแก้ตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน” ชิกเก้นเตือน
“ไม่กลัวหรอก อย่างมากแนนนี่ก็จะบอกว่าชิกเก้นเป็นแมวผี ฮ่ะๆ อย่างที่ป้าอิงเรียกชิกเก้นไง ฮ่ะๆๆๆ”
แนนนี่หัวเราะร่า ชิกเก้นค้อนขวับ
“ทำล้อเล่นไปเหอะ ดร.อิงอรมาจับตัวชิกเก้นไปปล่อยเมื่อไหร่แล้วจะรู้สึก”
“โถ..ใครจะปล่อยให้เค้าทำอย่างนั้นกับชิกเก้นล่ะจ๊ะ มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าแนนนี่จะเข้าหน้าคุณแม่ยังไงดี รู้มั้ยว่าเมื่อกี้ตอนที่หนีมาจากบ้านป้าอิง แนนนี่ผ่านหน้าต่างห้องคุณแม่ แล้วก็เห็นคุณแม่...เอ่อ…”
“คุณปัทมนทำไม” ชิกเก้นรีบซัก
“คุณแม่นั่งร้องไห้อยู่แหละ”
“ยังไงดีล่ะทีนี้ เป็นเรื่องแล้วไง เห็นมั้ยๆๆๆ ชิกเก้นบอกแล้วว่าอย่าไปเลย”
“บอกแล้ว! ว่าแล้ว!เนี่ยนะมันเป็นคำพูดของคนที่ชอบซ้ำเติมกันชัดๆ เนี่ยนะที่ชิกเก้นช่วยแนนนี่ได้”
“ว้า ไหงวกมาเข้าตัวฉันได้ล่ะนี่”
พลันทาฮิร่าปรากฏตัวนั่งไขว่ห้างที่เตียง
“ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ช่วยเจ้าไม่ได้นอกจากตัวเจ้าเองแนนนี่”
แนนนี่กับชิกเก้นหันมาเจอทาฮิร่าก็ถอยกรูด กอดกันแน่น
“เอ้อ...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ แหะ ๆ..คุณยาย” แนนนี่ร้องทักทาฮิร่า
“ใช่ นานมาก แล้วก็นานพอที่จะเกิดเรื่องปั่นป่วนไปทั้งที่เมืองเวทมนตร์แล้วก็เมืองมนุษย์”
“แนนนี่ขอโทษค่ะยาย ให้อภัยแนนนี่นะคะ แนนนี่แค่อยากพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้เป็นคนเอาเงินไป ไม่ได้อยากไปเที่ยวเล่นเมืองเวทมนตร์เลยสักนิ๊ด จริงๆ นะคะ”
“ที่เราพูดมาคิดเหรอว่ามันจะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น พรุ่งนี้แต่เช้า เจ้าจงไปรายงานตัวกับคุณปัทเค้าซะว่ากลับมาแล้ว พูดเหตุผลอะไรอย่างที่พูดเมื่อกี้น่ะให้เค้าฟัง หรือว่าจำไม่ได้ พูดได้ครั้งเดียวอีก” ทาฮิร่าสัพยอกหลานรัก
“แหะๆ จำได้ค่ะจำได้”
“ส่วนเรื่องที่เมืองเวทมนตร์ จะเอายังไงกับตำราเวทมนตร์ที่เจ้าขโมยมา”
“ยายรู้...”
“ทั้งเมืองเวทมนตร์” ทาฮิร่าบอก
“มันคือเรด้าดี ๆ นี่เอง ก็ฉันบอกแล้วไง๊” ชิกเก้นซ้ำเข้าให้
“อีกแล้วนะ ซ้ำเติมกันอีกแล้วนะ แต่ที่แน่ๆ ตำราไม่ได้ตามแนนนี่มาเมืองมนุษย์ค่ะยาย”
“แน่ใจ” ทาฮิร่าถามย้ำ
แนนนี่พยักหน้ายิ้มกริ่ม “แน่ใจค่ะ ว้าย!”
พลันแนนนี่ก็ร้องตกใจออกมา เพราะตำราปรากฏขึ้นวางแหมะอยู่ที่บนตักตัวเอง
“มาไงเนี่ย”
แนนนี่จับตำราออกวางห่างตัว แต่แล้วตำราก็กลับคืนที่เดิมบนตักแนนนี่
“ช่วยแนนนี่ด้วยสิคะยาย”

“ทางเดียวที่จะทำให้ตำรายอมกลับเมืองเวทมนตร์ก็คือเจ้าต้องเรียนรู้เวทมนตร์ในตำราให้จบเร็วที่สุด” ทาฮิร่าบอกวิธี
“ทั้งเล่มเนี่ยนะคะยาย!” แนนนี่คราง
“ใช่ ทั้งเล่ม แล้วตำราจึงจะยอมปล่อยเจ้า ซึ่งถือว่าเป็นลูกศิษย์ของโดยสมบูรณ์”
“กว่าแนนนี่จอมขี้เกียจจะเรียนจบได้ พวกแม่มดบรรณารักษ์คงแห่มาตามตำราเสียก่อน” ชิกเก้นสรรเสริญเพื่อนซี้
“ชิกเก้น” แนนนี่เสียงเขียวใส่
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วละนะแนนนี่ จะปรับปรุงตัว หรือว่าจะยอมถูกจับไปลงโทษที่เมืองเวทมนตร์ก็แล้วแต่เจ้า”
ทาฮิร่าเก็กหน้าขรึม แนนนี่หน้าม่อย ทาฮิร่าลอบยิ้มอย่างสะใจ

อิงอรอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ขณะนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“ไอ้แมวบ้า ไอ้แมวผี แก…”
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เห็นข้อมูลการเซิร์ชหาข้อมูลยาวเหยียด เป็นหัวข้อ อาการทางประสาท, ภาพหลอน, ตาลาย ข้อมูลถูกเลื่อนลงดูเรื่อยๆ และไปหยุดลงตรงที่หัวข้อ “อาการภาพหลอนในวัยทอง”
“อาการภาพหลอนในวัยทอง”
ใบหน้าอิงอรตกตะลึงพรึงเพริด
“วัยทอง! ไม่จริ๊ง”
อิงอรร้องลั่น

เช้าวันต่อมาปัทมนเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าห้องแนนนี่ ดารกาเปิดประตูห้องตัวเองออกมาเห็นเข้าก็ทักขึ้นด้วยท่าทีอ่อนโยน
“ตื่นเช้าเชียวค่ะคุณแม่ น้องดาว่าสีหน้าคุณแม่ดูดีขึ้นมากเลยนะคะ”
“ก็เพราะแนนนี่นั่นละจ้ะ แม่ดีใจที่น้องกลับมาแล้ว”
ดารกาหน้าหม่นลง แต่ยังฝืนยิ้มได้
“จริงเหรอคะ ดีจังเลย น้องดาก็อยากเจอแนนนี่ค่ะ”
“นี่ไง แม่ก็กำลังรอน้องออกจากห้องมา”
ในใจดารกาสุดเวลานี้จะทนกับท่าทีกระตือรือร้นนั้น แต่ยังตีหน้ายิ้มละไม
“งั้นน้องดาเคาะเรียกแนนนี่ให้นะคะ”
ดารกาก้าวไปเคาะประตู ด้วยสีหน้าหงุดหงิดเป็นที่สุด
“แนนนี่จ๊ะ แนนนี่...”
ดารกาบิดลูกบิด แล้วปรากฏว่าขยับได้จึงหันหาปัทมนอย่างขอความเห็น ก่อนจะเปิดประตูออก ปัทมนมองเข้าในห้องอย่างใจจดจ่อแล้วพลันสีหน้าผิดหวัง
ปัทมนกับดารกา มองดูภายในห้องแต่ไม่มีใคร ดารกาจับแขนปัทมนอย่างปลอบประโลม
“น้องอาจจะกำลังเดินทางก็ได้ค่ะ ไม่เจอวันนี้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เจอน้องนะคะคุณแม่”
เสียงพรดังขึ้นมา
“คุณแนนนี่ให้มาเชิญคุณปัทค่ะ”
“คุณแนนนี่” ปัทมนร้องออกมา
“ค่ะ คุณแนนนี่ลงไปเตรียมอาหารเช้าให้ปัทมนอยู่ข้างล่างตั้งแต่เช้าแล้วละค่ะ” พรยิ้มบอก
ปัทมนได้ฟังก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ “งั้นเหรอ” ปัทมนรีบหันไปพูดกับดารกา “ไปกันเถอะลูกดา”
ปัทมนรี่ลงไปทันที ดารกามองตามอย่างน้อยใจ
“คุณแนนนี่กลับมาคราวนี้ทำตัวน่ารักขึ้นเป็นกอง”
คำพูดซื่อๆ ของพร ทำให้ดารกาเจ็บใจหนักเข้าไปอีก

แนนนี่นั่งลงกราบบนตักปัทมน
“แนนนี่กราบขอโทษคุณแม่จริงๆ นะคะ ต่อไปแนนนี่จะไม่ก่อเรื่องวุ่นวายแบบนี้อีกแล้ว”
ปัทมนจับไหล่ทั้งสองแนนนี่ขึ้น สบตาแนนนี่ด้วยความรู้สึกผิด
“แม่เสียใจที่พูดไม่ดีกับลูกนะจ๊ะแนนนี่ หนูอย่าโกรธแม่เลยนะ”
“แนนนี่ไม่เคยคิดอะไรอย่างนั้นเลยค่ะ แนนนี่รักคุณแม่ค่ะ”
“แม่ก็รักหนูจ้ะ”
สองแม่ลูกกอดกัน ดารการวมทั้งผาดและพรซึ่งอยู่ในนั้นด้วย ยิ้มดีใจกับแนนนี่และปัทมน
“คุณแนนนี่น่ารักขึ้นอย่างที่ฉันว่ามั้ยป้าผาด” พรว่า
“รอดูให้นานๆ ก่อนเหอะ” ผาดยังไม่ปักใจเชื่อ
“เดี๋ยวน้องก็ได้ยินเข้าหรอกค่ะ”
ดารกาทำทีเป็นปรามผาด ก่อนจะหันพูดกับแนนนี่
“พี่ดาดีใจที่แนนนี่กลับมานะ เรื่องเงินที่หายไปน่ะ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว พี่ดาจะพยายามหาตัวคนเอาไปเอง”
แนนนี่กำลังยิ้มๆ อยู่ หุบยิ้มทันควัน โต้กลับดารกาในทันที
“เพราะพี่ดารู้ดีใช่มั้ยคะว่าใครเป็นคนเอาไป”
ดารกาปั้นหน้ายิ้มใจดี
“รู้ก็ดีสิจ๊ะ แต่เพื่อแนนนี่พี่ดาจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดจ้ะ”
“เพื่อแนนนี่เหรอคะ งั้นแนนนี่ไม่รบกวนพี่ดาขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะแนนนี่รู้แล้วล่ะค่ะว่าใครเป็นคนเอาเงินไป”
แนนนี่พูดอย่างเป็นต่อ แต่ดารกาปั้นหน้ายิ้มเย็นประชัน สบตาแนนนี่อย่างไม่กลัวเกรง
“อย่างนั้นก็บอกมาสิจ๊ะ ใครกันเหรอ”
แนนนี่ตั้งท่าจะเอ่ยขึ้น แต่ถูกปัทมนแทรกขึ้นเสียก่อน
“เอาละจ้ะ แม่ว่าเรายุติเรื่องนี้กันเสียที ป่วยการณ์จะรื้อฝอยหาตะเข็บ ขอให้ทุกคนลืมเรื่องเงินที่หายไปให้หมด คิดว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น”
“คุณแม่ ไม่ได้นะคะ แนนนี่เป็นฝ่ายเสียหายนี่คะ อย่างนี้แนนนี่ก็ถูกกล่าวหาฟรีน่ะสิคะ” แนนนี่จะไม่ยอม
“ไม่มีใครกล่าวหาอะไรลูกแล้วนะจ๊ะ ทำตามที่แม่พูดเถอะจ้ะ แม่รักลูกๆ นะจ๊ะ สิ่งที่แม่ตัดสินใจน่ะดีที่สุดแล้ว ...เพื่อเราทุกๆ คนไงจ๊ะ” ปัทมนสรุป
แนนนี่ฮึดฮัด ขณะที่ดารกาซ่อนซุกความดีใจสุดๆ ไว้ภายใต้รอยยิ้มเรียบๆ
“น้องดาเห็นด้วยกับคุณแม่ค่ะ อืม..คุณแม่คะ อย่างนั้นน้องดาต้องขอตัวก่อนนะคะ”
“อ้าว ไม่ทานอาหารที่น้องอุตส่าห์เตรียมไว้ก่อนหรอกเหรอ”
“รบกวนป้าผาดแบ่งเก็บไว้ให้น้องดาตอนเย็นก็แล้วกันนะคะ พี่ภวัตคงมารับน้องดาแล้วล่ะค่ะ”
แนนนี่ได้ฟังแทบกรี้ด ดารกาลุกไปหยิบกระเป๋า ธานีเข้ามา
“มาพี่ช่วย”
“คะ?”
“วันนี้พี่จะไปส่งน้องดาเอง”
“แต่พี่ภวัต”
“เจ้าภวัตมันมีเคสแต่เช้า มารับเราไม่ได้หรอก ไปกับไปพี่เถอะ พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเรา”
แน่ละ วันนี้ธานีตั้งใจกะจะซักถามดารกาเรื่องเงิน รวมทั้งเรื่องสดับกับมาลี ดารกานึกสังหรณ์ใจขึ้นมา แต่ก็ปั้นหน้ายิ้มรับ ธานีหันทักแนนนี่ก่อนออกไป
“ไง? เราก็เหมือนกันนะยัยตัวดี เย็นนี้คุยกับพี่หน่อย”
“เดี๋ยวนี้เลยก็ได้ แนนนี่ไม่ได้มีความลับอยู่แล้ว” แนนนี่ว่าพลางค้อนให้ดารกา
ดารกาพยายามตั้งสติ ขณะก้าวตามธานีไป

ธานีกับดารกาเดินมาที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าตัวบ้านพร้อมกัน ดารกาเปิดประตูฝั่งข้างคนนั่ง ธานีจับประตูไว้แน่นเหมือนไม่ยอมให้เปิด
“คะ?”
“น้องดารู้ใช่มั้ยว่าเป็นห่วงน้องดาเสมอ พี่รักเราไม่ต่างจากน้องสาวแท้ๆ เลย”
“ค่ะ น้องดาก็รักพี่ธานีเหมือนพี่ชายแท้ๆ พี่ธานีพูดเหมือนน้องดาทำอะไรให้พี่ธานีไม่สบายใจอย่างนั้นละค่ะ”
“พี่ต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามว่าน้องดา”
ดารกายิ้มซื่อใสไร้เดียงสาเอ่ยขึ้น “น้องดาไม่เข้าใจค่ะ”
“อืม...ช่วงนี้น้องดามีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” ธานีถามอ้อมๆ
“ไม่นี่คะ น้องดาสบายดีอย่างที่พี่ธานีเห็นนี่ละค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจนี่คะ”
ธานีนิ่งมองดารกาอย่างชั่งใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แม้แต่เรื่องที่น้องดา แอบไปที่ชุมชนท้ายซอยคนเดียวน่ะเหรอ”
ดารกาอึ้ง นิ่งงันไป

ที่หน้าชั้นเรียน อาจารย์สาวประจำวิชากำลังสอนนักศึกษาโดยมีสไลด์ฉายด้วย ภาพสไลด์เห็นเป็นภาพวัตถุสี่เหลี่ยมกับพื้นผิวเรียบ อาจารย์ตั้งคำถามนักศึกษา
“จากภาพที่เห็นอยากให้นักศึกษาช่วยกันตอบและหาเหตุผลว่า น้ำหนักและแรงที่มากระทำต่อวัตถุชิ้นนี้มีแรงอะไรบ้าง”
ดารกานั่งเรียนคู่กับเพื่อนนักศึกษาคนหนึ่ง ดารกาดูเหม่อลอย สายตามองไปทางอื่น ขณะที่เพื่อนบ่นงึมงำถึงวิชาที่เรียน
“นี่เราเป็นนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งหรือนักเรียนมัธยมหกกันแน่เนี่ย”
ราวกับอาจารย์ราวจะได้ยินสิ่งที่เพื่อนดารกาคุย มองมาและเปรยขึ้น
“ขอคำตอบแบบนักศึกษาแพทย์นะคะไม่ใช่นักเรียนมอหก ว่าไงคะสองคนนั่น ได้คำตอบรึยัง”
เพื่อนดารากาสีหน้าเจื่อนสนิท เอาศอกกระทุ้งดารกา ขมุบขมิบบอกดารกา
“อาจารย์ถามดาแน่ะ แรงอะไรที่มากระทำ...”
ดารกาสะดุ้งเฮือก ตอบทันทีแบบไม่ตั้งตัว
“ไซเล็มค่ะ!”
อาจารย์ทำหน้างง เพื่อนๆ ฮา
“ไซเลม? โฟลเอมด้วยมั้ยจ๊ะ สมาธิหลุดลอยไปไหนหืมดารกา นี่เรากำลังเรียนฟิสิกส์นะจ๊ะ”
ดารกายิ้มชืดตอบอาจารย์ เพื่อนข้างๆ กระซิบถามดารกาอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรไปรึเปล่าดา”
“เปล่าหรอก แค่ง่วงน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
ดารกาฝืนยิ้มตอบเพื่อนว่าไม่ได้เป็นอะไร ทั้งที่ในใจคิดว้าวุ่นย้อนไปถึงคำพูดของธานีเมื่อตอนเช้าวันนี้

ธานีซึ่งขับรถอยู่เหลียวสายตาหาดารกาที่ยังคงนั่งนิ่ง
“ถึงขนาดนี้แล้ว น้องดายังคงไม่มีอะไรจะพูดกับพี่อีกงั้นเหรอ”
“พี่ธานีอยากทราบอะไรก็ถามมาดีกว่าค่ะ น้องดางงไปหมดแล้ว”
ธานีทอดถอนใจความปากแข็งของดารกา
“พี่เห็นน้องดาไปที่ชุมชนนั่น แล้วก็ไปเจอกับผู้หญิงผู้ชายคู่นึง”
ธานีว่าพลางเหลียวมองดารกา รอคำอธิบาย

ดารกายิ่งคิดถึงเรื่องที่คุยในรถธานีก็ยิ่งเหม่อ ทั้งที่หมดชั่วโมงเรียนแล้ว เพื่อนๆ เรียกดารกา
“ดา”
ดารกาสะดุ้ง เหลียวไปที่หน้าห้องเรียน
“เค้าเลิกเรียนกันแล้ว”
“อ้อ..เหรอ” ดารการีบเก็บของ “ไปกันก่อนเถอะ ไม่ต้องรอเราหรอก”
เก็บของไปดารกาก็เจ็บแปลบที่ข้อศอก ครุ่นคิดถึงที่มาของบาดแผลนั้น ขณะที่ปากก็เอ่ยขึ้นแผ่วเบา

“ขอโทษนะคะพี่ธานี”

อ่านต่อตอนที่ 5 วันอังคารที่ 17 ม.ค. 2555




กำลังโหลดความคิดเห็น