สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 13
อรุณศรีนั่งทำงานไป พลางคิดไป อรุณศรีนั่งหมุนปากกาอยู่ไปมา ครุ่นคิดแต่ยังไม่มีบทสรุปให้กับตัวเอง มือถือของอรุณศรีมีสัญญาณข้อความเข้า อรุณศรีหยิบมาอ่านหน้าจอขึ้นว่า
'วันนี้เลิกงานแล้ว จะมารับไปกินข้าว เจอกันจ้ะ คิดถึงนะ'
ไม่รู้ทำไม…อรุณศรีถึงอ่านด้วยความรู้สึกเฉย ชิน ชา และไม่สัมผัสถึงความคิดถึง ของ ‘คำว่าคิดถึง’ ของปรานต์ แม้แต่น้อย
ตอนเย็นหลังเลิกงาน รถของปรานต์แล่นเข้ามาจอดเทียบด้านหน้าบริษํท M Group ขณะที่อรุณศรีออกมายืนรออยู่แล้ว ปรานต์รีบเดินมาหาหน้าตาแจ่มใสผิดกับทุกครั้ง
“วันนี้ปรานต์มาตรงเวลาเป๊ะเลยนะ ไม่สายแม้แต่นาทีเดียว เอ้อ..วันนี้ปรานต์ได้ค่าคอมพ์เดี๋ยวจะพาแอ๊วไปกินข้าว ไปชอปปิ้ง แล้วก็ไปดูหนังด้วย จัดเต็ม” ปรานต์พูดพลางยิ้มอวด
“เอาเงินทยอยคืนฝ้ายดีกว่า ปรานต์ยังเป็นหนี้ ใช้เงินแบบนี้แอ๊วไม่สบายใจ”
“โหย..หนี้แค่สี่แสนจิ๊บๆ แป๊บเดียวก็คืนได้หมด แต่วันนี้ปรานต์อยากพาแอ๊วไปเที่ยวเล่น อยากทำให้แอ๊วมีความสุข ดีป่ะ”
“ดี ..แต่มีพิรุธ “ อรุณศรีพูดแล้วมองหน้าปรานต์
ปรานต์สะอึกเล็กน้อย
“พิรง พิรุธ อะไร ไม่มี๊ ปรานต์แค่อยากจะปรับปรุงตัว เป็นแฟนที่ดีของแอ๊วไง” ปรานต์พูดและจับมือยิ้มหวานใส่อรุณศรี
“แค่วันเดียว อย่าเพิ่งโม้ ทำให้ได้ทุกวันก่อน แล้วแอ๊วจะตัดสินเองว่า เป็นแฟนที่ดีจริงหรือเปล่า”
“ได้เลย สบายมาก” ปรานต์ยิ้มมั่นใจ
จังหวะนั้น โทรศัพท์มือถือปรานต์ดัง
“แป๊บนะจ้ะ”
ปรานต์เตรียมจะรับสาย โทรศัพท์ของปรานต์ขึ้นหน้าจอว่า “พี่เกียว” เล่นเอาปรานต์ชะงักคิด และตัดสินใจกดทิ้งทันที อรุณศรีมองด้วยความแปลกใจ
“กดทิ้งทำไม ทำไมไม่รับ ใครโทร.มา”
“ก็ที่บริษัทนั่นแหละสงสัยจะถามเรื่องงาน แต่ตอนนี้มันหมดเวลางานแล้ ว ปรานต์เลยไม่อยากรับ ปรานต์อยากให้เวลากับแอ๊วเต็มที่ไง” ปรานต์พูดพลางยิ้มอำพราง
อรุณศรีมองแต่ในใจไม่ค่อยเชื่อปรานต์นัก
เกียวแปลกใจที่ปรานต์กดสายทิ้ง แต่เธอไม่ยอมโทร.กลับไปอีก
“ทำไมตัดสายทิ้ง” เกียวไม่ยอมโทร.กลับไปอีก
เพียงครู่เดียว โทรศัพท์ปรานต์ดังขึ้นมาอีก ปรานต์แอบสะดุ้งนิดๆ อรุณศรีมอง ปรานต์ทำเป็นหน้าหงุดหงิด
“โอ้ย..จะโทร.มาทำไมกันนักกันหนา” ปรานต์ทำเป็นโวยวาย พลางตัดสายทิ้ง และตั้งเป็นระบบ “ไร้เสียง”
“น่ารำคาญจริงๆ ... เฮ่อ .. ถ้าบริษัทนี้ไม่มีปรานต์สักคน คงเจ๊ง ไม่ได้เรื่อง แอ๊ว เดี๋ยวปรานต์ไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ เดี๋ยวรีบมา” ปรานต์ทำเป็นบ่น
ปรานต์ยิ้มให้อรุณศรีก่อนจะรีบเดินพุ่งเข้าไปในออฟฟิศ เพื่อไปห้องน้ำทันที อรุณศรีมองตามนิดๆ แอบตะหงิดๆ ในใจ
ภายในล็อบบี้โรงแรมหรู เกียวกดวางสายด้วยความหงุดหงิด
“อะไรกันยะ กดทิ้งๆ ฉันไม่ใช่ชักโครกนะ”
เกียวกดโทร.อีกที
“ดูสิ จะกดทิ้งอีกหรือเปล่า” เกียวรอสายด้วยความใจร้อน
ปรานต์เดินหลบมา จนถึงมุมที่คิดว่าปลอดภัย มองซ้ายมองขวา เห็นว่าอรุณศรีไม่ได้ตามมา ก็หยิบ
โทรศัพท์มาดู หน้าจอมีแสงวาบ เกียวโทร.เข้า ปรานต์รีบกดรับ
“สวัสดีครับพี่..ขอโทษทีพอดีผมติดประชุมอยู่เลยรับไม่ได้ นี่ต้องขอเค้าเดินออกมารับข้างนอก ขอโทษมากๆเลยนะครับ”
ระหว่างที่ปรานต์คุยโทรศัพท์ไปก็ต้องคอยชะเง้อด้วยความระมัดระวัง
“ติดประชุม แล้วไป .. นึกว่าติดหญิง พี่ไม่ยอมนะ”
ปรานต์สะอึกนิดๆ
“หญิงที่ไหนกันครับ..ผมมีงาน พี่ก็รู้”
อรุณศรียืนอยู่ที่เดิมบริเวณหน้าบริษัท รปภ.เดินมาหา
“คุณแอ๊วครับ”
“คะ”
“ช่วยเลื่อนรถหน่อยนะครับ เดี๋ยวรถส่งของกำลังจะมา เค้าจะมาจอดเอาของลงตรงนี้ครับ”
“ค่ะๆ ได้ค่ะ รอแป๊บนะคะ”
อรุณศรีหันมาที่ตึก เห็นว่าปรานต์ยังไม่มา อรุณศรีรีบเดินเข้าไปตาม
เกียวสนทนากับปรานต์ทางโทรศัพท์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในล็อบบี้โรงแรม
“ตอนนี้พี่อยู่กรุงเทพ เข้ามาทำธุระ พักอยู่ที่โรงแรมแถวสุขุมวิท ก็เลยคิดถึง เผื่อว่า...จะมาทานข้าวกัน”
“เอ่อ” ปรานต์อึกอัก
อรุณศรีเดินมา เห็นด้านหลังของปรานต์ อรุณศรีกำลังจะเอ่ยปากเรียก
“ดึกๆหน่อยได้มั๊ยครับพี่ พอดีตอนนี้ผมติดประชุม”
อรุณศรีได้ยินถึงกับชะงัก “ติดประชุม” !! อรุณศรีหลบวูบเข้าที่หลังเสา แล้วก็แอบฟังด้วยใจระทึก
เกียวยังคงสนทนากับปรานต์ต่อไปด้วยน้ำเสียงหวาน
“ดึกขนาดไหน ดึกมากไม่ได้นะ พี่ไม่ชอบทานข้าวดึกๆ มันอ้วน เอางี้..ปรานต์ประชุมอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพี่ไปนั่งรอ ประชุมเสร็จปุ๊บ จะได้รีบไปกินกันเลย”
ปรานต์รีบบอก
“อย่ามาเลยครับพี่..คือ .. ผมประชุมกันไกลน่ะครับ ลำบากพี่เปล่าๆ”
อรุณศรี..หน้าชาๆ ...
“แหม..แต่พี่คิดถึงนี่ ไม่อยากรอนาน นี่...มีพี่ของขวัญมาให้ปรานต์ด้วยนะ เป็นของที่ปรานต์อยากได้ รับรองว่า ถ้าเห็นแล้วจะต้องถูกใจ” เกียวพูดผ่านทางโทรศัพท์ พลางหยิบกล่องไอแพคขึ้นมาดู
ปรานต์ยิ้มด้วยความอยากรู้
“อะไรเหรอครับพี่”
“อยากรู้ก็ต้องรีบมาดู ยิ่งเร็วยิ่งดี ก่อนที่พี่จะเปลี่ยนใจ”
ปรานต์ยิ้ม..คิดแล้วก็ตัดสินใจ
“โอเคครับพี่ เพื่อพี่ ผมยอมโดดประชุม เดี๋ยวเจอกัน..ที่โรงแรมนะครับ”
อรุณศรีซึ่งหลบอยู่หลังเสาถึงกับตัวชา ใจเต้นแรง มือเย็นเฉียบ อรุณศรีรีบรวบรวมสติ แล้วก็รีบเดินกลับ
ออกไปที่หน้าบริษัท ปรานต์วางสายด้วยความตื่นเต้น ยิ้มกริ่มด้วยความโลภ ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงกับอรุณศรี
อรุณศรีเดินออกมาจากตัวตึกมายืนที่ข้างรถปรานต์ เนื้อตัวชาเหมือนจะหมดแรง อรุณศรีจับรถไว้ เพื่อไม่ให้
ตัวเองล้ม เพียงครู่เดียว ปรานต์เดินตามออกมา ด้วยอาการหงุดหงิด
“แอ๊ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ปรานต์มัวแต่หมกหมุ่นกับการโกหกไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอรุณศรี
“ที่ออฟฟิศโทร.มาบอกว่ามีเครื่องเสียงชุดใหม่มาจากญี่ปุ่น ปรานต์ต้องรีบไปเช็คของ”
อรุณศรีมองหน้าปรานต์ที่ยังเล่นละครหลอกเธอต่อไป
“ปรานต์ขอโทษด้วยนะแอ๊ว วันนี้ปรานต์คงไปกับแอ๊วไม่ได้แล้ว ปรานต์ขอเลื่อนไปก่อนนะ เป็น...พรุ่งนี้แล้วกัน พรุ่งนี้วันเสาร์ ปรานต์เทให้แอ๊วทั้งวันเลย เอ้ย...เลื่อนไปอีกวันดีกว่า กลัววันนี้เชคของไม่ทัน ขอสองวันแล้วกัน”
“เชควันเดียวไม่พอ นี่ขอสองเลยเหรอ มันจะเชคของอะไรกันนักกันหนา” อรุณศรีอึ้ง
“พอดีของมันลงชุดใหญ่”
“ท่าทางจะใหญ่มาก” อรุณศรีน้ำเสียงประชดแต่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
“ใช่...มันเลยต้องใช้เวลาหน่อย แอ๊ว..ไม่โกรธนะ เดี๋ยววันอาทิตย์เย็นๆ ปรานต์ไปรับที่บ้านนะ"
อรุณศรียืนอึ้ง ยิ่งกว่าโกรธ พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
ปรานต์ขับรถมาส่งอรุณศรีที่บ้าน อรุณศรีก้าวลงจากรถมายืนอยู่ที่หน้าบ้าน
ปรานต์ลดกระจกลง แล้วเรียก
“แอ๊ว ปรานต์รักแอ๊วนะ”
อรุณศรีนิ่งไม่ตอบอะไรพลางคิดในใจ ว่าทำไมปรานต์ถึงได้ปดไม่เลิกเช่นนี้
“ยิ้มหน่อยสิ ปรานต์จะได้สบายใจ ว่าแอ๊วไม่โกรธ”
รอยยิ้มของอรุณศรีเจือด้วยความเศร้า ปรานต์ไม่ได้สังเกตได้แต่ยิ้มรับ ด้วยความสบายใจ
“ไปก่อนนะ”
ปรานต์ขับรถออกไป พอรถปรานต์พ้นเขตรั้วบ้านเท่านั้น อรุณศรีก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทร.ออกทันที
เสียงโทรศัพท์มือถือสุพรรณิการ์ดังขึ้น ขณะกำลังตรวจเช็กความเรียบร้อยของร้านสาดสุรา ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามา
เล็กน้อยเนื่องจากเป็นตอนหัวค่ำ สุพรรณิการ์ เห็นชื่อ “คุณนายแอ๊ว” ก็กดรับทันที
“ไงแก”
“ปรานต์มีผู้หญิงอื่น” อรุณศรีพูดโทรศัพท์เสียงเครียด
สุพรรณิการ์หยุดมือจากงานที่กำลังทำอยู่ทันที
“เฮ้ย ถามจริง”
อรุณศรีพยักหน้า ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในสวนหน้าบ้าน
“ฉันได้ยินเค้าคุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ แต่เดาว่าน่าจะเป็นผู้หญิง แล้วเค้าก็โกหกว่ากำลังประชุม แต่จริงๆ กำลังอยู่กับฉัน”
สุพรรณิการ์เดินออกจากตัวร้านขึ้นไปที่ห้องทำงานส่วนตัว
“ไอ้ปรานต์ ไอ้เลว ฉันว่าแล้ว มันต้องมีกิ๊กมีแน่ๆ แล้วไงต่อ...เล่ามาให้หมดเลย”
สุพรรณิการ์ บอกว่า
“ความอิจฉาเป็นอุปสรรคต่อมิตรภาพ ความระแวงสงสัย เป็นศัตรูตัวร้ายกาจของความรัก...ความรักถ้าปราศจากความซื่อสัตย์จริงใจต่อกันเสียแล้ว ก็ไม่อาจเชื่อถือซึ่งกันและกันได้ - - กงซุนยาง”
อรุณศรีวางสายสุพรรณิการ์ไปแล้วได้แต่นั่งถอนใจเบาๆอยู่ที่หน้าบ้าน...อรุณศรีรู้สึกเหมือนใจหาย หลุดลอย
ไปกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น
อีก 2-3 วันต่อมา ที่คอนโดห้องหับถูกตกแต่งอย่างเรียบร้อยในแบบผู้ชายสไตล์ เก๋และเท่ กริชชัยยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก...เขาดูหล่อใสในชุดอยู่บ้านสบายๆ หลังแต่งตัวแล้วจึงเดินออกไปดูความเรียบร้อยภายในห้องเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานปาร์ตี้ปาร์ตี้ในค่ำคืนนี้ เขาหวนคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่สุพรรณิการ์รับปากว่าจะพาอรุณศรีมาด้วย
กริชชัยยิ้มมีหวัง...เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น กริชชัยแอบตื่นเต้นพลางคิดในใจว่า แขกที่ยืนอยู่หน้าห้องในขณะนี้คือ อรุณศรีหรือเปล่า
กริชชัยรีบเดินกุลีกุจอมาที่ประตูและเปิดด้วยความตื่นเต้น
ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพตรงหน้ากริชชัยคือ ลำเภาที่ถือถุงของว่างอยู่ในมืออย่างพะรุงพะรัง กริชชัยแอบผิดหวังเล็กน้อย
“เภา...มาคนเดียวเหรอ”
“ใช่สิ..ถ้าไม่มาคนเดียว จะให้มากับ “หมา” หรือไง”
“อือ...ก็พี่นึกว่า เภาจะเอาพวกขนมจีบ ซาลาเปา ล่ำ มาด้วยซะอีก”
ลำเภาเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับวางของไว้ที่เคาท์เตอร์ในครัว
“ก็ว่าจะเอามาเหมือนกัน แต่คอนโดเนี้ยสองมาตรฐาน ไม่ยอมให้เอาสัตว์เลี้ยงเข้ามา เพราะเงี้ยะเภาถึงไม่อยากให้พี่กริชมาอยู่คอนโด ไม่มีที่ให้ลูกๆเภาวิ่งเล่นเลย”
ลำเภาบ่นยาว กริชชัยไม่ค่อยอยากจะฟังเท่าไหร่ เพราะใจจอจ่ออยู่กับที่ประตู จนลำเภาเริ่มสังเกตเห็น
“พี่กริชเป็นอะไร มองประตูห้องอยู่ได้ รอใครอยู่”
“ก็...รอแขกไง..แขกทั่วๆไป..พวกไอ้ธี ไอ้วัชไรเงี้ยะ”
เสียงออดดังขึ้น ลำเภาขยับตัวจะไปเปิด กริชชัยเดินตัดหน้าลำเภาพุ่งไปที่ประตูทันที
“เภาไม่ต้อง..พี่เปิดเอง”
เมื่อประตูถูกเปิดออก ธีธัชกับกรกนกยืนอยู่ ธีธัชอุ้มกล่องสำหรับใส่เครื่องดื่มสำหรับทำคอกเทล
สารพัดชนิดมาด้วย กริชชัยทำหน้าแอบผิดหวังเล็กน้อย
“สวัสดีครับคุณกร” กริชชัยทักทาย
“สวัสดีค่ะ”
“นางในฝันยังไม่มาอ่ะดิ... จ๋อยๆ ฮ่าๆ” ธีธัชพูดสนุกสนานอย่างรู้ใจ
“เออ..อรุณศรียังไม่มา..แต่ลำเภามาแล้ว”
ธีธัชสะดุดกึก หยุดขำทันที กรกนกยังรักษากริยา แค่ปรายตามองและคุมอารมณ์อยู่ ไม่รู้สึกอะไรมาก
ลำเภายกมือไหว้กรกนกอย่างสุภาพ
“สวัสดีอย่างเป็นทางการค่ะ” ลำเภาทักทาย
“สวัสดีค่ะ” กรกนกรับไหว้อย่างงๆกับคำทักทาย
ธีธัชวางกล่องเครื่องดื่มไว้บนโต๊ะตรงหน้า ปรายตามองลำเภาแบบหมั่นไส้
“ไม่ต้องทำเป็นไหว้อย่างสวยงาม สร้างภาพกลบความติงต๊องหน่อยเลย” ธีธัชแดกดัน
“ฉันไม่ได้สร้างภาพ แต่สวัสดีจากใจ ในฐานะที่คุณกรเป็นเพื่อนของพี่กริช เป็นเพื่อนของพี่ก็เหมือนเป็นพี่อีกคน”
“แล้วฉันล่ะ ฉันก็เพื่อนไอ้กริช ทำไมไม่เห็นเคยไหว้” ธีธัชพูดกวน
“ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกัน...ก็คงจะไหว้” ลำเภากวนกลับ
กรกนกและกริชชัยถึงกับสะอึกกับคำพูดของลำเภา กริชชัยไม่กล้ามองหน้ากรกนกด้วยความเกรงใจ ธีธัชไม่ทันสังเกตสวนลำเภาด้วยความเคยชิน
“ฉันไม่ได้เป็นแฟนเธอ”
“ถ้าไม่ได้เป็น ตอนมีคนมาจีบฉัน ทำไมต้องหึงด้วย”
กรกนกจุก กริชชัยชะงัก ทั้งสองคนหันมามองหน้าธีธัช ธีธัชถึงกับอึ้ง พูดไม่ออก
“เอ่อ”
เสียงออดที่หน้าห้องดังขึ้นอีกครั้ง ธีธัชได้ทีรีบโพล่งออกมา
“ฉันเปิดเอง”
ธีธัชพูดจบรีบวิ่งไปเปิดประตู
“กรไปเตรียมเครื่องดื่มให้นะคะ” กรกนกพูดขึ้น พลางยกกล่องเครื่องดื่มเข้าครัวไป
กริชชัยหันมาดุสำเภาด้วยสายตา ลำเภาก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด
“ก็มันจริงนี่” ลำเภาพึมพำเบาๆ
ลำเภาพูดจบแล้วก็หันไปหยิบถุงขนมที่ตัวเองซื้อมา เดินไปอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของห้องเพื่อจัดเตรียมข้าวของ
ประตูห้องพักกริชชัยถูกเปิดออก วัชระและเนตรนภัสยืนอยู่ เนตรนภัสหน้าตาบอกบุญไม่รับเหมือนอย่างเคยทุกครั้ง ธีธัชสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจ
“โห..ท่าทางจะขับรถมาเหนื่อย หน้าเมื่อยกันมากเลย” ธีธัชเปิดฉากแซว
เนตรนภัสไม่สนใจ โพล่งแทรกขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจใคร
“ผู้หญิงที่ชื่อลำเภามาหรือยัง”
ขณะที่ใครต่อใครกำลังจัดเตรียมข้าวของตามหน้าที่ของตัวเอง เนตรนภัสเดินเข้ามาในห้อง
“ใครชื่อลำเภา”
ลำเภาเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ ธีธัชรีบเดินตามเนตรนภัสเข้ามา
“แหนม...ใจเย็นๆ” วัชระเตือน
เนตรนภัสกวาดสายตา ในห้องมีผู้หญิงอยู่ 2 คน คนหนึ่งคือ กรกนก ซึ่งเนตรนภัสรู้จักอยู่แล้ว ฉะนั้น อีกคนต้องใช่!! เนตรนภัสเดินตรงดิ่งเข้าไปทันที ทั้งกริชชัย วัชระและธีธัชตกใจ
“เธอใช่มั้ยชื่อลำเภา”
“ใช่ ฉันเองที่ชื่อลำเภา”
“เจอตัวก็ดีแล้ว จะได้เคลียร์ๆกันให้จบ”
วัชระรีบเดินไปจับตัวเนตรนภัสไว้ ในขณะที่ธีธัชพุ่งเข้าไปยืนขวางลำเภาไว้
“แหนมๆๆๆ...ใจเย็นๆก่อนนะ .. ผมขอแนะนำให้รู้จักกันก่อน แล้วค่อยเคลียร์ทีหลัง..แหนมนี่ลำเภาน้องสาวไอ้กริช..ลำเภานี่แหนม..แฟนไอ้วัช” ธีธัชพยายามรีบคุมสถานการณ์
ทันทีที่ลำเภารู้ว่า ผู้หญิงที่มาถามหาเธอนั้นคือ เนตรนภัสแฟนของวัชระก็เข้าใจ
“อ๋อ...นี่อย่าบอกนะว่าที่คุณเกรี้ยวกราดอยู่เนี่ย เพราะหึงฉันกับคุณวัช”
“แล้วมันน่าหึงหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่น่าหึงหรอกค่ะ เพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับแฟนคุณ และที่สำคัญ..ฉันเองก็แฟนแล้ว ธีคะ...บอกเค้าไปสิว่าเรา..เป็นแฟนกัน” ลำเภาพูดพลางหันมาทางธีธัช
“เฮ้ย” ธีธัชร้องเพลงหลง
ธีธัชหันมาทางลำเภาที่กำลังทำหน้าซื่อ แอ๊บแบ๊วรอคำตอบ ธีธัชเลิ่กลั่ก อึกอัก ธีธัชเริ่มสัมผัสที่ไม่น่าไว้ใจรอบตัว กรกนกกอดอกรอฟัง เนตรนภัสมองหน้าธีธัชรอฟังคำตอบ ลำเภายักคิ้วกวนๆ วัชระกับกริชชัยมองธีธัชด้วยแววตาเห็นใจ
“ว่าไงธี..ใช่หรือเปล่า”
“เอ่อ..คือ..”
ลำเภายังคงเลิกคิ้วท้าทายตลอดเวลาเพื่อรอคำตอบ กรกนกรอฟังด้วยความอยากรู้ กริชชัยเห็นใจจึงพูดขึ้นเพื่อแก้ไขสถานการณ์
“แหนม .. เรื่องระหว่างเภากับวัชไม่มีอะไรจริงๆ พวกเราทุกคนที่นี่ยืนยันได้ มันเป็นความเข้าใจผิด”
“ใช่” ธีธัชรีบพยักหน้า
“และอีกอย่างนานๆ ทีไอ้กริชมันถึงจะจัดปาร์ตี้ เรามาสนุกกันดีกว่า อย่ามามีเรื่องเพราะความเข้าใจผิดกันเลยนะแหนม” วัชระรีบสนับสนุน
“ถูก” ธีธัชเชียร์เสียงดัง
เนตรนภัสคิด..มองไปรอบๆห้องของกริชชัย แล้วก็ตัดสินใจยอมยุติ
“วัช..แหนมหิวน้ำ อยากดื่มอะไรเย็นๆ ไม่ต้องหวานมาก เอาแบบพอดีๆ แหนมจะไปนั่งรอที่ระเบียง เนตรนภัส”
เนตรนภัสหันมาบอกวัชระก่อนที่จะพาตัวเองออกไปนั่งตรงระเบียงในห้องถัดไป ธีธัชถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก
“ป๊อดอ่ะ เสียแรง...เป็นแฟนกันแท้ๆ แค่นี้ก็พึ่งพาไม่ได้” ลำเภาหันมามองธีธัชด้วยสายตาผิดหวังพร้อมส่ายหน้าแล้วก็เดินไปด้วยความเซ็ง ธีธัชมองตาม
“เอ้ย...นี่ยัยหนูตะเภา พูดแบบนี้ได้ไง ใครป๊อด แล้วใครเป็นแฟนเธอ”
ลำเภาไม่ตอบ หันไปหยิบจานขนมแล้วเดินไปวางกลางห้อง กรกนกมองอาการธีธัชแล้วก็ส่ายหน้า ก้มหน้าทำเครื่องดื่มต่อและพยายามจะไม่สนใจ กริชชัยมองวัชระด้วยความเห็นใจ วัชระมองตามเนตรนภัสที่เดินออกไประเบียงด้วยความเหนื่อยใจ.
กรกนกเทจากเครื่องปั่นใส่แก้ว เป็นน้ำผลไม้สีสดใส แล้วบรรจงตกแต่งอย่างมืออาชีพ ข้างๆกรกนกเห็นกริชชัย ธีธัช วัชระกำลังนั่งปรับทุกข์
“ฉันขอโทษจริงๆว่ะ ไม่คิดว่าแหนมจะเหวี่ยงขนาดนี้ ไม่งั้นคงไม่ชวน” วัชระว่า
“ชวนมาแหละดีแล้ว แหนมจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องลำเภา เจอกันที่นี่ ดีกว่าไปเจอกันข้างนอก อาจจะแรงกว่านี้” กริชชัยตอบ
“เออ เฮ้ย..แล้วตกลงนางในฝันแกมาหรือเปล่า ทำไมยังไม่เห็นเลยวะ” วัชระถาม
ยังไม่ทันที่กริชชัยจะตอบ..เสียงออดดังขึ้น กริชชัยหันขวับไปมองที่ประตู ในใจแอบตื่นเต้น
วัชระนั่งอยู่ใกล้ประตูมากที่สุด ลุกขึ้นไปทำหน้าที่เปิดประตู
“ฉันเปิดให้เอง” วัชระบอกเพื่อน
กริชชัยอ้าปากร้อง “เฮ้ย” เพื่อจะแย้ง แต่ธีธัชแกล้งจับแขนไว้
“ใจเย็นครับ..ท่านประธาน..ถ้าใช่เดี๋ยวก็เจอ”
กริชชัยจำใจต้องนั่งลงเหมือนเดิม ทั้งที่ใจเต้นแรงได้แต่ลุ้น
ติดตามอ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 13 (จบตอน) พรุ่งนี้ (25 ธ.ค. 2554)
สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 13 (ต่อ)
วัชระรีบเดินมาเปิดประตู คิดว่าเป็นอรุณศรีเต็มที่
“มาแล้วค้าบ”
แต่ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก วัชระถึงกับตะลึงกับสุพรรณิการ์ในลุคใหม่เต็มรูปแบบ ทั้งแสนสวยและเซ็กซี่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผม เป๊ะรับกันไปหมด ผิดจากสุพรรณิการ์คนเดิมโดยสิ้นเชิง สุพรรณิการ์ยืนยิ้มเล็กน้อยอย่างมั่นใจ เล่นเอาวัชระถึงกับตะลึงอ้าปากค้าง
สุพรรณิการ์ยิ้มพอใจที่เห็นอาการของผู้ชายที่ไม่เคยเห็นความเป็นหญิงของเธอ แล้วก็หยิบทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าถือส่งให้วัชระที่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น วัชระรับไว้แบบงงๆ
“เอาไว้เช็ดน้ำลาย”
สุพรรณิการ์พูดจบก็เดินเชิดเข้าไปในห้องด้วยความสะใจ ขณะที่วัชระยังยืนถือทิชชู่อ้าปากค้างอยู่
“สวัสดีค่า...ทุกคน” สุพรรณิการ์ทักทายเสียงระรื่น
“นี่มัน...คนเดียวกันจริงๆเหรอวะ”
วัชระเหมือนจะเพิ่งคิดได้ รีบปากระดาษทิชชู่ในมือลงถังขยะข้างๆ เพราะกลัวเสียฟอร์ม
กริชชัยเป็นคนแนะนำสุพรรณิการ์ให้รู้จักกับลำเภา เพราะยังไม่เคยเจอกันมาก่อน
“คุณฝ้ายเป็นเพื่อนบ้านของพี่ แล้วก็เป็นเพื่อนกับอรุณศรี”
ลำเภาพยักหน้ารับ กริชชัย ลำเภา สุพรรณิการ์ คุยกันอยู่กลางห้อง ส่วนกรกนกและธีธัชอยู่ที่เคาท์เตอร์เครื่องดื่ม วัชระเดินตามมาสมทบ
“สวัสดีค่ะ เภาเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่กริชค่ะ แล้ว...คุณอรุณศรีจะมาหรือเปล่าคะ พี่กริชรอตั้งแต่เช้าแล้วนะคะเนี่ย” ลำเภาพูดอย่างรู้ดี
“นี่…น้องคุณกริชก็รู้เรื่องแอ๊วกับ...” สุพรรณิการ์พูดพลางชี้ไปที่ตัวกริชชัย
กริชชัยและลำเภาต่างพร้อมใจพยักหน้ายืนยัน
สุพรรณิการ์หันมามองหน้าธีธัช กรกนก และวัชระ ทุกคนก็พยักหน้ารับ..ว่ารู้แล้วเช่นกัน
“สรุปว่า... มียัยแอ๊วคนเดียวที่ไม่ยอมรับรู้ว่าคุณกริชแอบชอบ”
กริชชัยได้แต่ก้มหน้าหลบด้วยความอาย
“น่าเห็นใจมากเลยค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฝ้ายบอกมันไปแล้ว ถ้ามันยังทำมึนๆ ไม่สนใจคุณกริช…ฝ้ายเสียบเองค่ะ”
วัชระหันขวับมาทางสุพรรณิการ์ทันที
กริชชัยหน้าตาเลิ่กลั่กเพราะคิดว่าสุพรรณิการ์จะเอาจริง สุพรรณิการ์หัวเราะร่า
“ฮ่าๆๆ ฝ้ายล้อเล่นค่ะ”
กริชชัยค่อยโล่งอกยิ้มนิดๆ
วัชระส่ายหน้า...แล้วก็เปรยประชด
“ทำเป็นพูดเล่นๆ ในใจอาจจะคิดจริงๆ ก็ได้ ใครจะไปรู้”
สุพรรณิการ์ปรายตามาจิกมาทางวัชระ
“ไอ้กริชแกระวังตัวให้ดีแล้วกัน อาจจะโดนปล้ำไม่รู้ตัว”
วัชระยักคิ้วกวนๆ แล้วเดินถือแก้วน้ำออกไปหาเนตรนภัสที่นั่งรออยู่ที่ระเบียง สุพรรณิการ์มองตามนิดๆ...ด้วยความหมั่นไส้...ลำเภาพูดเปรยๆขึ้น
“ปาร์ตี้พี่กริช สนุกจริงๆ...หึหึ” แล้วหัวเราะอย่างกวนๆ
วัชระส่งแก้วน้ำผลไม้ปั่นสูตรพิเศษให้เนตรนภัส
“คุณกรเค้าทำให้ ลองดูว่าชอบหรือเปล่า”
เนตรนภัสรับมา ยังไม่ได้ลองดื่ม ทว่าสายตาจ้องมองเข้าไปในคอนโด มองสุพรรณิการ์ด้วยความ
แปลกใจ
“ผู้หญิงที่เพิ่งมาเป็นใคร” เนตรนภัสถามด้วยความสงสัย
“เป็นเพื่อนบ้านของไอ้กริช แล้วก็เป็นเจ้าของร้านที่คุณกรทำงานอยู่ ชื่อฝ้าย”
“งั้นอาจจะเคยเห็นที่ร้าน ถึงว่าหน้าคุ้นๆ”
วัชระหันมามองสุพรรณิการ์
“เมื่อก่อนไม่ได้สวยแบบนี้” วัชระพูด
“สวย...นี่วัชชมว่ามันสวยงั้นเหรอ” เนตรนภัสเริ่มอารมณ์บูดทันทีที่ได้ยินวัชระชมหญิงอื่นต่อหน้า
“แหนม…ทำไมเรียกเค้าว่า “มัน” เค้ามีชื่อ เรียกชื่อก็ได้”
“ปกป้อง!! นี่ถึงกับปกป้องกันขนาดนี้ กิ๊กกันอยู่ใช่มั้ย”
“โอ้ย แหนมไปกันใหญ่แล้ว ไม่ได้ปกป้องอะไรเลย แค่พูดไปตามหลักมารยาท และที่บอกว่าสวย เพราะเมื่อก่อนมันแย่มาก ตอนนี้แค่ดูดีขึ้น มันก็เท่านั้นเอง... เท่านั้นเองจริงๆ เฮ่อ”
“ไม่รู้ละ...แหนมไม่ชอบหน้ามัน…หน้าตา ท่าทางก็แปลกๆ แต่งตัวก็โป๊ ยังกะจ้องจะมาจับผู้ชาย”
วัชระแอบมองชุดเนตรนภัส ซึ่งก็เป็นเสื้อผ้าในแนวเดียวกับที่สุพรรณิการ์ใส่อยู่ ทั้งโป๊และเปรี้ยวพอกัน แล้วก็ส่ายหน้า
“หรือว่า...มันจะมาจับผู้ชายจริงๆ” เนตรนภัสหันหน้ามาถามวัชระ
“เฮ่อ...ไม่ช่าย ที่ไอ้กริชมันชวนเค้ามา เพราะเค้าเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่มันแอบชอบอยู่ แล้วเค้าก็ทำหน้าที่เป็นแม่สื่อให้”
เนตรนภัสฟังแล้วด้วยความอยากรู้
“ผู้หญิงที่คุณกริชแอบชอบ.... ใคร”
อรุณศรียังนั่งอยู่ในบ้าน...ยังครุ่นคิดและตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะไปร่วมงานปาร์ตี้ของกริชชัยดีหรือไม่ ระหว่างนั้นก็มีเสียงสัญญาณข้อความเข้าที่โทรศัพท์มือถือ อรุณศรีหยิบโทรศัพท์มาเปิดข้อความที่สุพรรณิการ์ส่งมา
“ถ้าแกไม่มา...ฉันจะแฉความเลวของไอ้ปรานต์ให้คุณกริชฟังทุกอย่าง… เพราะฉะนั้นถีบตัวเองออกมาจากบ้านได้แล้ว!!”
อรุณศรีคิดหนัก
กริชชัยย้ายตัวเองมานั่งรออยู่ในจุดที่ใกล้กับประตูห้องมากที่สุด ทั้งยังคอยมองประตูและลุ้นอยู่ในใจตลอดเวลา
ลำเภาเดินมาหา พร้อมกับยื่นถาดขนมให้ตรงหน้า กริชชัยหยิบมากินอย่างไปอย่างนั้น
“ตกลงเค้าจะมาหรือเปล่า” ลำเภาถามขึ้น
“ไม่รู้”
“มีเบอร์โทรศัพท์หรือเปล่า”
“มี”
“โทร.ตามสิ”
กริชชัยส่ายหน้าพลางพูดว่า
“ไม่เอา น่าเกลียด เหมือนโทร.ไปเร่ง เผื่อเค้าอาจจะติดธุระ หรือไม่..เค้าก็อาจจะไม่อยากมา”
“แล้วทำไง”
“ก็รอต่อไป”
ลำเภาส่ายหน้า แล้วก็วางถาดขนมไว้ตรงหน้า พร้อมกับหันไปหยิบถุงขนมมาวางไว้ให้อีกสี่ห้าถุง กริชชัย
มองหน้าลำเภาอย่างไม่เข้าใจความหมาย
“เอาไว้กินระหว่างรอ..เพราะคงต้องรออีกนาน”
ลำเภาพูดประชดกริชชัยเสร็จแล้วก็เดินจากไป กริชชัยมองตามนิดๆ แล้วก็มองดูถุงขนมตรงหน้า..ถอนใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ หันไปที่ประตูห้องที่ยังปิดสนิท ไม่มีวี่แววของแขกคนสุดท้าย
กรกนกเทน้ำปั่นใส่แก้ว สุพรรณิการ์หันมาเห็นก็ถามขึ้น
“คุณกร...แก้วนี้ของใคร”
“ของคุณแหนมค่ะ “
สุพรรณิการ์ เดินมาหยิบแก้วไปจากมือกรกนก
“ฝ้ายเอาไปเสิร์ฟให้เอง คุณกรไปนั่งพักได้แล้ว คุณมาเป็นแขกเหมือนพวกเรา แต่ฝ้ายยังไม่เห็นคุณได้พักเลย ของแฟนนายหน้าหนวด...ฝ้ายจัดการเอง”
สุพรรณิการ์มองขวับไปที่วัชระและเนตรนภัสที่ยังนั่งปลีกวิเวกกันอยู่ที่ระเบียง
เนตรนภัสนั่งกำลังนั่งเล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือ โดยมีวัชระนั่งหน้าเซ็งอยู่ข้างๆ มองเนตรนภัสที่ไม่ยอมออกไปสุงสิงกับใครด้วยความเบื่อหน่าย
สุพรรณิการ์เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำปั้นในมือ หยุดและสะบัดผมไปมา เพื่อบริหารความเซ็กซี่ ประหนึ่งจะเรียกองค์ดาวยั่วมาประทับร่าง ขยับนมให้เข้าที่ แล้วก็เดินสะบัดเสน่ห์เข้าไปหาวัชระ และเนตรนภัสทันที
สุพรรณิการ์เดินเข้ามาพร้อมกับส่งเสียง
“น้ำผลไม้ปั่นมาแล้วค๊า”
วัชระหันขวับไปตามเสียง สุพรรณิการ์เดินยิ้มพราว แววตายั่วยวนอย่างจงใจ วัชระไม่ค่อยแน่ใจว่า สุพรรณิการ์จะมามุกไหน เนตรนภัสสัมผัสได้ถึงรังสีบางอย่างของสุพรรณฺการ์ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ
สุพรรณิการ์จงใจค่อยๆ ก้มต่ำเกินความจำเป็นเพื่อวางแก้วน้ำ วัชระเผลอตัวมองมาที่ร่องอกของสุพรรณิการ์ โดยไม่รู้ตัว
เนตรนภัสหันขวับมาที่วัชระ แล้วก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างแรง เสียงดังปัง! วัชระสะดุ้งโหยง รีบดึงสายตาหลบจากร่องอกไปโดยอัตโนมัติ
สุพรรณิการ์ยิ้มกริ่มด้วยความสะใจ แล้วก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับสะบัดผมอย่างตั้งใจ ปลายผมไปปะทะกับใบหน้าวัชระ…จนวัชระหลับตาปี๋..เนตรนภัสหันไปเห็นพอดี และเปิดฉากใส่สุพรรณิการ์ทันควัน
“นี่...สะบัดผมให้มันห่างๆ จากหน้าแฟนฉันหน่อยได้มั้ย”
สุพรรณิการ์ทำเป็นตกใจ
“อุ้ย ขอโทษนะคะคุณผู้กอง พอดีช่วงนี้ตาไม่ค่อยดี เลยไม่ค่อยเห็นหัวคนอื่นน่ะค่ะ” สุพรรณิการ์ยิ้มกวน พร้อมกับขยับเป็นยืนด้วยท่าทางแสนเซ็กซี่
เนตรนภัสมองสุพรรณิการ์แล้วเริ่มกอดอก อย่างเอาเรื่อง
“คุณกริชบอกว่าคุณผู้กองกำลังจะย้ายมาอยู่ที่นี่อาทิตย์หน้า ฝ้ายดีใจมากอ่ะค่ะ ตอนนี้ฝ้ายอยู่เดียวเหง๊า..เหงา ห้องอื่นก็ไม่รู้จัก รู้จักแต่ห้องนี้ห้องเดียว ถ้าคุณผู้กองมาอยู่ ฝ้ายจะได้แวะมาหาบ่อยๆ”
เนตรนภัสของขึ้น ชักสีหน้ากำลังจะด่ากลับ สุพรรณิการ์ทำเป็นรู้ตัวแล้วก็หันมาขอโทษอย่างเสแสร้งมายาสุดขีด
“อุ้ยตาย...ขอโทษนะคะ ฝ้ายพูดเล่น ฝ้ายขอตัวไปก่อนนะคะ พอดีต้องไปดูแลผู้ชายคนอื่นต่อ” สุพรรณิการ์พูดจบก็แกล้งเดินบิดก้นลีลาอย่างนางแบบ ออกจากระเบียงเข้าไปในห้องทันที
วัชระเผลอมองตามก้นสุพรรณิการ์ เป็นจังหวะโยกของแก้มก้น ซ้าย ขวา ซ้าย เนตรนภัสหันมาเห็น จึงตวาดเสียงสูงขึ้นทันที
“วัช”
วัชระสะดุ้งหันมาทางเนตรนภัสพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ แล้วก็หยิบแก้วน้ำมาดื่มแก้เก้อ เนตรนภัสมอง
ด้วยความไม่พอใจ
พอสุพรรณิการ์เดินพ้นจากกรอบสายตาเนตรนภัสและวัชระมาได้ ก็แอบหัวเราะคิกคักด้วยความสะใจ
ธีธัชมองเนตรนภัสกับวัชระที่นั่งอยู่ที่ระเบียง ด้วยความเห็นใจในชะตากรรมของเพื่อน พลางเดินมาหากรกนกที่นั่งอยู่บนโซฟา
“น่าสงสารไอ้วัชจริงๆ แหนมคุมมันยิ่งกว่าแม่อีก ถ้าจะมาแล้วทำตัวแบบนี้ กลับไปเลยดีกว่า”
“ธี..แรงไปเปล่า”
“ก็จริงนี่...วันนี้แหนมทำตัวแปลกๆ ไม่ยอมมาร่วมวง เอาแต่นั่งหน้าหงิก ไอ้วัชอยู่ด้วยมันถึงจิตตก สมควรแล้วที่ไอ้วัชมันจ้องจะทิ้ง”
“ธีนี่ ปากจัดใหญ่แล้ว ถ้ายังพูดแบบนี้อีก เดี๋ยวจะหาอะไรมาตบปาก”
ทันใดนั้นเสียงลำเภาก็ดังขึ้น
“อย่าเดี๋ยวสิคะ ตบเลย ปากแบบนี้ ต้องใช้รองเท้าค่ะ...ทีเดียวอยู่”
ธีธัชหันขวับไป ลำเภาโผล่เข้ามาแล้วก็หย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาด้วยตรงที่ข้างๆ ธีธัชซึ่งว่างอยู่ ตอนนี้ธีธัชจึง โดนประกบด้วยลำเภาและกรกนก
“จริงๆ นะคะคุณกร เวลาหมาที่บ้านเภาเห่าไม่รู้เรื่อง บอกเท่าไหร่ก็ไม่หยุด เภาใช้รองเท้าตบปากทีเดียว เงียบกริบ หลังจากนั้นไม่กล้าเห่าไร้สาระอีกเลยค่ะ” ลำเภาพูดจบก็ดูดน้ำจากแก้วรวดเดียวหมดแก้ว
“ถ้ามันดีจริง เธอเองก็ปากเสีย ตบปากตัวเองให้ดูก่อนสิ” ธีธัชย้อน
“โอ้ย ตบบ่อย”
“นี่ตบแล้วเหรอ”
“ใช่ ไม่งั้นยิ่งกว่านี้ ปากเสียแบบพื้นฐานอย่างนายเนี่ยนะ แค่ทีเดียว รับรองหยุดเห่าหอนไปอีกนาน”
ลำเภาชะโงกหน้ามาทางกรกนก
“อยากลองมั้ยคะคุณกร รองเท้าเภายังใหม่ ส้นตึกด้วย รับรองว่าทีเดียวนิ่ง” ลำเภาพูดต่อ
กรกนกงง ตามมุกของลำเภาไม่ค่อยทันจึงไม่รู้จะตอบยังไง
“งั้น ลองเลยนะคะ” ลำเภาพูดพลางทำท่าจะถอด
ธีธัชรีบแทรกขึ้น
“จะบ้าเหรอยัยหนูตะเภา …ฉันเป็นเพื่อนพี่เธอนะ สัมมาคารวะน่ะมีหน่อย”
“ฉันก็เป็นน้องสาวของเพื่อนนะ แถมยังเป็นแฟนอีกต่างหาก เมตตากรุณาน่ะ มีให้หรือเปล่า”
ลำเภาพูดจบก็ยักคิ้วกวนๆ ใส่ ธีธัชสุดจะแค้น
กรกนกรู้สึกเหมือนสองคนทะเลาะเข้าขากันได้ดี ส่วนตัวเองรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นคนนอกยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก
“ฮึ่ม...เถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ เตะเด็กสักทีสองทีมันจะผิดกฎหมายมั้ยวะเนี่ย”
ธีธัชพูดด้วยความหงุดหงิด ทันใดนั้นลำเภาก็ลุกพรวดขึ้น
“เดี๋ยวก็รู้ว่า…ผิดกฎหมายหรือเปล่า”
ลำเภาเดินดิ่งไปหาวัชระ ธีธัชตกใจ กรกนกมองตามไปอย่างงงๆ
ลำเภายืนอยู่ที่ระเบียง ต่อหน้าวัชระและเนตรนภัส
เนตรนภัสถามลำเภาเสียงแข็ง
“เธอจะเอาตัววัชไปไหน”
“เอาไปตัดสินคดีค่ะ”
“วัชเนี่ยนะ จะไปตัดสินอะไรได้” เนตรนภัสพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ
วัชระเบือนหน้าหนี ลำเภามองวัชระด้วยความเห็นใจและเข้าใจ
“แต่คุณวัชเป็นตำรวจ ถึงตัดสินไม่ได้ อย่างน้อยนายธีก็ต้องเกรงใจ ไปค่ะคุณวัช เข้าไปจัดการนายธีให้เภาหน่อย” ลำเภาพูดพลางแกล้งคว้าแขนวัชระไป
วัชระลุกขึ้น เนตรนภัสไม่ยอม รีบลุกขึ้น กระชากแขนลำเภาออกจากแขนของวัชระ
“แต่แหนมไม่ให้ไป”
เนตรนภัสแผดเสียงดัง บรรยากาศเริ่มตึงเครียดมาคุขึ้นอีกครั้ง
กรกนก และธีธัชยืนอยู่ด้านในห้อง มองมาที่ลำเภาที่ยืนอยู่กับวัชระตรงระเบียงด้วยความเป็นห่วง
“ยัยหนูตะเภา เล่นไม่รู้เรื่อง” ธีธัชส่ายหน้า
ธีธัชหันไปเรียกกริชชัย
“ไอ้กริช...น้องแกก่อเรื่องอีกแล้ว”
กริชชัยรีบเดินมาสมทบ
“เภาทำอะไร”
“มีอะไรเหรอคะ” สุพรรณิการ์เดินมาร่วมวงอีกคน
วัชระพยายามควบคุมสถานการณ์ของเนตรนภัสกับลำเภา
“แหนม...ผมไปเคลียร์ให้เภาเค้านิดเดียว ไม่ได้จะไปนานสักหน่อย”
“แต่แหนมไม่ให้ไป วัชมากับแหนม แล้วอยู่ๆ จะทิ้งให้นั่งอยู่คนเดียวตรงนี้เนี่ยนะ บ้าหรือเปล่า”
“คุณนั่นแหละ นั่งคนเดียวก็ไม่ได้...บ้าหรือเปล่า”
“นังเด็กบ้า” เนตรนภัสกรี๊ดเสียงดัง
“ก็จริงนี่ คนอื่นเค้าคุยกันอยู่ข้างใน มีแต่คุณที่ลากคุณวัชมาซุกไว้ตรงนี้ ที่นี่...ปาร์ตี้นะคะ ไม่ใช่สถานปฎิบัติธรรม”
เนตรนภัสโกรธจนหน้าตาแดงก่ำ วัชระพยายามจะกลั้นหัวเราะในคำพูดของลำเภา แต่อดไม่ไหวจนต้องหลุดขำออกมาจนได้
เนตรนภัสยิ่งโกรธหนักที่ได้ยินเสียงหัวเราะของวัชระ
“วัช หัวเราะอะไร นังเด็กนี่มันประชดแหนม คุณต้องจัดการมันเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าวัชไม่จัดการ แหนมจะจัดการเอง”
เนตรนภัสหันขวับมาทางลำเภา พร้อมกับเดินกราดเข้ามาทำท่าเหมือนจะใช้กำลัง
กริชชัยมองเหตุการณ์อยู่รีบพุ่งเข้ามาขวางไว้ทันท่วงที
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ”
นตรนภัสชะงักไป กริชชัยหันมาทางลำเภา
“เภา...มานี่”
กริชชัยลากลำเภาจากระเบียงเข้าไปในห้องปาร์ตี้ ลำเภาเดินตามไป.
วัชระยังอมยิ้มกับคำพูดของลำเภา เนตรนภัสเห็นก็แว๊ดใส่ทันที
“วัช!! ถ้ายังไม่หยุดขำ..แหนมจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
วัชระหยุดขำกะทันหัน และกลับมานั่งที่เดิม..พยายามกลั้นหัวเราะไว้เต็มที่
เนตรนภัสกอดอกมองเข้าไปในห้องกริชชัยด้วยความไม่พอใจ
“ฉันเกลียดอีนังพวกนี้”
กริชชัยลากลำเภามาที่บริเวณหน้าประตู ซึ่งเป็นมุมเงียบและดูเป็นส่วนตัว
“เภาไปยั่วแหนมทำไม รู้ทั้งรู้ว่าแรงขนาดไหน เดี๋ยวก็วงแตกกันหมด”
“ก็เภาสงสารคุณวัชนี่ นั่งจ๋อยเป็นหมามองกระป๋อง อยากจะเข้ามาร่วมวงกับพวกเราก็มาไม่ได้”
“เภาเลิกเลย ไม่ต้องไปสงสารมัน สงสารไปก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะยิ่งยุ่ง แล้วเรื่องไอ้ธีก็อีก”
“หมาใหญ่แฟนเภาน่ะเหรอ” ลำเภายังไม่มีทีท่าว่าจะสลด
“เลิกเล่นมุกนี้ซะทีได้มั้ย . คุณกรเค้าทำหน้าไม่ถูกแล้ว”
“เภาไม่ได้เล่นนะ เภาพูดจริง และถ้าพี่กริชอยากให้เภาเลิก ก็ให้นายธีมาขอโทษเภาก่อน เภาถึงจะยอมเลิก”
กริชชัยมองหน้าลำเภาอย่างเหนื่อยใจ
“สรุปว่าทั้งเรื่องไอ้วัช เรื่องไอ้ธี เภาจะไม่รับผิดเลยใช่มั้ย”
“เภาไม่ใช่แพะนะ จะมาให้รับผิดทั้งที่ตัวเองไม่ผิดได้ยังไง”
“เฮ่อ..ทำไมน้องฉันถึงได้เถียงเก่งแบบนี้เนี่ย”
“เภาไม่ได้เถียงนะ เภาแค่ชี้แจงความจริง”
กริชชัยได้แต่ส่ายหน้า
“ยัง..ยังจะเถียงอีก”
ทันใดนั้นเสียงออดก็ดังขึ้น กริชชัยลืมนึกถึงอรุณศรีไปชั่วขณะ เพราะมัวแต่หงุดหงิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ใครมาอีกเนี่ย”
กริชชัยหันเดินไปเปิดประตูด้วยความหงุดหงิดในอารมณ์ อรุณศรียืนอยู่เบื้องหน้ากริชชัย
กริชชัยรีบสลัดทิ้งความหงุดหงิดทั้งปวง เปลี่ยนสีหน้าทันที ทั้งกริชชัยกับอรุณศรียืนประชันหน้ากัน
“อรุณศรี” กริชชัยทักทาย
“สวัสดีค่ะ”
อรุณศรียิ้มงงๆ กับท่าทีของกริชชัย
อ่านต่อตอนที่ 14
ติดตามอ่านเรื่องราว "3 หนุ่มเนื้อทอง" อย่างละเอียด ทุกบทสนทนา ทุกลมหายใจของตัวละคร สมบูรณ์ที่สุด และตรงตามบทโทรทัศน์ช่อง 3 ตั้งแต่ต้นจนอวสาน โดยไม่มีการตัดทอน ทุกวัน ทาง "ละครออนไลน์"