สกู๊ปพิเศษ ลิขิตเสน่หา
ก้อง ชวน มาช่า วิ่งสามขา
น้องพี - ใยไหม เล่นไม่อยากเลิก
ต้องมาประกบคู่กันในละครรักโรแมนติกหลากอารมณ์ ลิขิตเสน่หา ของผู้จัด คิง-สมจริง ศรีสุภาพ ทางช่อง 3 ทำเอา พระเอกขวัญใจสาวๆ ก้อง - สหรัถ สังคปรีชา กับ มาช่า วัฒนพานิช ต้องทำอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เคยต้องทำในละครมาก่อน ตั้งแต่บทบาทพ่อ - แม่ในจอ ซึ่งงานนี้ผู้กำกับ วรวิทย์ ศรีสุภาพ จัดเต็มให้ทั้งคู่เล่นเป็นพ่อแม่ได้แบบสมจริง จนแฟนๆ ติดใจไปแล้วหลังจากละครออกอากาศไปเพียง 2 ตอนเท่านั้น
โดยเฉพาะฉากที่จะออนแอร์ให้ชมคืนวันพุธที่ 2 พ.ย. นี้ ถึงตอนที่ ณนนท์ (ก้อง สหรัถ) ต้องพา ไข่ตุ๋น (ใยไหม) มาเข้าค่ายร่วมกิจกรรมกับโรงเรียนอนุบาลใจดี แม้ว่า เอนิตา (พรทิพย์) จะมาด้วยแต่เมื่อถึงเวลาที่จะให้ครอบครัวร่วมแข่งวิ่งสามขา เอนิตากลับหายตัวไป ณนนท์เห็นว่า ยี่หวา (มาช่า) กับ ข้าวตู (น้องพี) มีกันเพียง 2 คนแม่ลูกจึงชวนยี่หวามาร่วมทีม
ฉากนี้ถ่ายทำกันที่รีสอร์ทชานเมือง ผู้กำกับวรวิทย์เลือกสนามกว้าง (มาก) เป็นสนามให้ครอบครัวได้แข่งวิ่งสามขา ฉากนี้คู่ที่ดูดีใจได้เล่นเห็นจะเป็นน้องพีกับใยไหม เพราะไม่เคยได้เล่นอะไรแบบนี้มาก่อน ส่วน ก้อง - มาช่า บอกว่าไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานจนจำความไม่ได้ จะไหวไหมเนี่ย แต่พอเริ่มซ้อมผู้กำกับบอกว่ายังไม่ต้องผูกผ้าที่ขาให้ขาติดกัน แต่ทั้ง ก้อง และ ช่า ก็บอกว่าลองไปเลยดีกว่า จะได้รู้ว่ามันทุลักทุเลแค่ไหน แรก ๆ ต้องเดินประสานขากัน คนหนึ่งเดินคนหนึ่งหยุด ทำเอาจะสะดุดล้มกันหลายครั้ง เพราะไหนจะต้องประคองกันเองแถมยังมี น้องพี กับ น้องใยไหม ที่ขาผูกติดกัน ทั้ง ก้อง - มาช่า เลยดูระมัดระวังเป็นพิเศษ
พอถึงเวลาถ่ายจริงทั้งคู่สมาธิดีมากๆ เพราะแม้จะถูกผูกขาติดกัน แต่ก็พากันเดินปร๋อ ทำเอา น้องพี - น้องใยไหม สนุกสนานกันใหญ่ ขนาดสั่งคัทยังเดินไม่ยอมหยุด ถึงอย่างนั้นฉากนี้ผู้กำกับยังไม่ปล่อยผ่านง่าย ๆ เล่นเอาทั้งคู่เหนื่อยกันเลยทีเดียว เพราะไหนจะต้องพยุงตัวเองไม่ให้ล้ม ไหนจะต้องจับ 2 เด็กที่กำลังซนให้อยู่กับที่ แต่ภาพที่ออกมาก็ทำให้ฉากนี้เป็นฉากน่ารัก ๆ ของครอบครัวที่น่าดูอีกฉากหนึ่ง
ติดตามชมฉากที่จะทำให้คุณอมยิ้มอย่างมีความสุขคลายเครียดจากเหตุการณ์น้ำท่วมนี้ได้ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายนนี้ เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3
.......................................................................
ลิขิตเสน่หาตอนที่ 11
บรรยากาศยามเช้าในรีสอร์ทแห่งนั้น มองเห็นวิวภูเขาและทิวทัศน์สวยงาม ไม่ไกลจากบ้านพักนักจัดให้มีลานกิจกรรมผจญภัยต่างๆ เช่น รถเอทีวี รถโกคาร์ท สวนน้ำ รอกข้ามน้ำ และอีกมากมาย สำหรับไว้บริการตามไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยว ระหว่างนั้นมีครอบครัวสามคนพ่อ แม่ ลูกนั่งรถกอล์ฟ ผ่านหน้าไข่ตุ๋นไป
ไข่ตุ๋นซึ่งมาถึงพร้อมครอบครัวมองตามภาพนั้นอย่างตื่นตาแล้วหันไปบอกเอนิตา ที่นั่งพัดให้ตัวเองอยู่ข้างๆ อย่างเซ็งๆ ขณะรอเช็คอินที่บริเวณลอบบี้
“แม่ขา เดี๋ยวเราออกมาเล่นขับรถกันนะคะ นะคะแม่ นะคะ”
“เอาเหอะ ให้ได้ที่พักก่อนค่อยว่ากัน” เอนิตาถอนหายใจเบื่อๆ บอกออกไปอย่างเซ็งๆ
ขณะนั้นสุดยอดกำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ใกล้ๆ
“ผมรออยูที่ล็อบบี้นะครับพ่อ พ่อเป็นไงบ้างครับ...” สุดยอดตกใจ “ไม่มีทิชชู่ งั้นใช้ใบไม้เช็ดแทนก่อนได้มั้ยพ่อ... โอ.เค.ครับพ่อ ไม่แหย่แล้ว เดี๋ยวพ่อตามมาละกันนะครับ”
ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ณนนท์เดินเข้ามาด้วยหน้าตาเคร่งเครียด
“บ้านพักเต็มหมด เค้าบอกว่าปกติก็ไม่เต็ม แต่พอดีมีการประชุมทนายความภูมิภาคอาเซียน แถวๆ นี้ก็เลยโดนเหมาไปหมด”
“ที่ออกจะใหญ่โต จะไม่เหลือซักหลังเลยเหรอพี่” สุดยอดว่า
“เหลือหลังหนึ่ง แต่มีคนจองไว้แล้ว”
“งั้นฉันจัดการเอง” เอนิตาบอกขึ้นมา
เอนิตาเดินมาคุยกับพนักงานต้อนรับที่เค้าน์เตอร์ แอบอ้างหน้าตาเฉยว่าตนเองเป็นคนจองบ้านพักหลังนั้นเอาไว้
“บ้านพักที่จองไว้เป็นชื่อคุณยาหยีค่ะ” พนักงานบอก
“อ๋อ งั้นก็เป็นของฉันเอง ขอกุญแจด้วยค่ะ”
พนักงานอีกคนพยักหน้า แล้วหยิบกุญแจบ้านส่งให้ เอนิตาเอื้อมมือไปรับแล้วยิ้ม ระหว่างนั้นยาหยีตัวจริงเดินมาถึงพอดี
“ดิฉันยาหยีที่โทรมาจองบ้านพักไว้น่ะค่ะ”
“อ้าว” พนักงานพากันงง ที่มียาหยี 2 คน
พนักงานที่ถือกุญแจชะงัก เอนิตาหน้าแตก จึงรีบดึงกุญแจมาจากมือพนักงาน พร้อมกับที่ในใจกำลังครุ่นคิดว่าเอาไงดี
เวลาเดียวกันนั้น ณนนท์ สุดยอด ยี่หวา ข้าวตู และไข่ตุ๋นวิ่งเข้ามา และเห็นภาพศึกชิงกุญแจบ้านพักระหว่างเอนิตากับยาหยี โดยมีพนักงานทั้ง 2 คนมองอย่างตกใจ แต่ไม่รู้จะเข้าไปห้ามยังไง
“ปล่อยกุญแจฉันนะ”
“คิดไปเองน่ะสิ ฉันโทรมาจอง ที่พักมันก็ต้องเป็นของฉันสิ” ยาหยีไม่ยอมปล่อย
“ฉันมาก่อนฉันก็ต้องได้ก่อนสิยะ” เอนิตาไม่ยอมเช่นกัน
“แต่ฉันจองก่อน ถามน้องเค้าก็ได้ว่าฉันโทรมาจองตั้งแต่เมื่อไหร่”
“จองเมื่อไหร่ไม่สำคัญ แต่บ้านหลังนี้มันเป็นของฉัน”
ในที่สุดเอนิตาก็กระชากกุญแจจนหลุดมือยาหยี แต่ยาหยีรีบกระโดดขึ้นหลังเกาะคอเอนิตา เอนิตาทั้งกรี๊ดทั้งสะบัดแต่ยาหยีเกาะไม่ปล่อย
“หยี ปล่อย” ยี่หวาดุน้องสาวขึ้น
ทางด้านสุดยอดเห็นยาหยีขึ้นไปห้อยอยู่บนหลังเกาะคอเอนิตา ก็ยิ้มอย่างนึกสนุก
“ข้าวตู ไข่ตุ๋น ดูสิ ลูกลิงเกาะหลังแม่ลิง เจี๊ยกๆๆ”
ว่าพลางสุดยอด ก็ร้องเจี๊ยกๆ ล้อเลียนยาหยีกับเอนิตา เด็กๆ หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
เวลาเดียวกันนั้นทนายภูมิชายซึ่งมาประชุมสัมมนาที่นี่ ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็เดินเข้ามาดู เห็นยี่หวาจึงร้องถามขึ้น
“คุณยี่หวา เกิดอะไรขึ้นครับ”
“คุณภูมิชาย”
พอภูมิชายรับรู้ปัญหาจึงตัดสินใจช่วยเหลือ โดยเขายื่นกุญแจบ้านพักอีกหลังให้ยี่หวา
“ผมมาประชุมทนายความครับ ก็เลยจองบ้านพักไว้หลังนึง คุณยี่หวาพักบ้านหลัง นี้เลยนะครับ ส่วนหลังนั้นยกให้ครอบครัวนั้นไปเถอะ”
สุดยอดและไข่ตุ๋น ขนกระเป๋าขึ้นรถเข็น ณนนท์กำลังลงทะเบียนห้องพักพลางชำเลืองมองมาทางภูมิชายและยี่หวาที่พูดคุยกันอย่างสนิทสนม ขณะที่เอนิตายืนกอดอกทำหน้าอย่างผู้ชนะใส่ยาหยี ที่ค้อนให้เอนิตาอย่างเคืองๆ
“ขอบคุณมากเลยค่ะ งานนี้ต้องถือว่าคุณภูมิชายเป็นฮีโร่เลยนะคะ” ยี่หวาบอก
“ใช่ค่ะ ไม่งั้นนะคะ ป่านนี้ยังทะเลาะแย่งบ้านพักกันไม่จบหรอกค่า พวกเราขอบคุณคุณภูมิชายมากนะคะ” บุญเลื่องเสริมขึ้น
“สำหรับคุณยี่หวา มากกว่านี้ผมก็ยินดีเต็มที่ครับ”
ณนนท์มองภูมิชายกับยี่หวาอย่างหมั่นไส้ เอนิตาสังเกตเห็นสายตาของณนนท์ก็เดินมาคว้าแขน
“ไปกันรึยังคะนนท์ นิตาร้อน”
เอนิตาลากแขนณนนท์ออกไป โดยมีไข่ตุ๋นเดินตามมาติดๆ
นาทีนั้นยี่หวามองตามแขนของเอนิตากับณนนท์ที่คล้องควงคู่กันไปอย่างสนิทสนม
ก่อนจากกันสุดยอดหันมายักคิ้วให้ยาหยีอย่างกวนๆ เลยถูกยาหยีเบะปากใส่และโยนค้อนให้หนึ่งวง
ขณะนั้นเองยาหยีก็เหลือบไปเห็นก้องเดินเข้ามาในล็อบบี้
“ พี่ก้อง มาได้ไงคะเนี่ย” ยาหยีทักออกไปเพราะนึกไม่ถึงจริงๆ
“ก็มาตามเสียงของหัวใจน่ะสิครับ” ก้องยิ้มตอบแบบกรุ้มกริ่ม
“น้ำเน่าค่ะ สงสารคนถูกจีบบ้างเถอะ” ยาหยีหัวเราะ
“โห ผู้หญิงอะไร ไม่รับมุกเลยอ้ะ” ก้องแซวพร้อมรอยยิ้ม “ผมเห็นคุณหยีเขียนในเฟซบุ๊คว่าจะมาที่นี่น่ะครับ แล้วบังเอิญฟาร์มผมก็อยู่ใกล้ๆ ก็เลยแวะมาเยี่ยม”
ทั้งคู่คุยกันถูกคอ โดยไม่รู้ว่าเวลานั้นสุดยอดกำลังมองด้วยสายตาหึงหวงยาหยีอย่างเต็มเปี่ยม
ครอบครัวยี่หวาเข้าพักในบ้านที่ภูมิชายเสียสละให้เรียบร้อย ระหว่างนั้นข้าวตูที่เดินออกมาพร้อมยี่หวาชี้ไปที่รถเอทีวีซึ่งจอดอยู่คันเดียว จึงบอกแม่ว่าอยากเล่น
“ข้าวตูอยากเล่นรถเอบีซีครับแม่”
“เค้าเรียกรถเอทีวีลูก” ยี่หวาแย้งยิ้มๆ
“รถเอบีซี” ข้าวตูไม่ยอม
“รถเอทีวี ข้าวตูเรียกให้ถูกสิจ้ะ”
“รถเอบีซี”
“แม่ยอมแพ้ รถเอบีซีก็รถเอบีซี”
“รถเอทีวีครับไม่ใช่รถเอบีซี คุณแม่เรียกให้ถูกๆสิคร้าบ” ข้าวตูหัวเราะชอบใจที่แกล้งแม่ได้
“คร้าบคุณลูก” ยี่หวาหัวเราะ หยิกแก้มข้าวตูอย่างหมั่นเขี้ยว
“น้องคะ ขอเช่ารถคันนึงค่ะ” ยี่หวาหันไปบอกพนักงาน.
“เหลือคันสุดท้ายพอดีเลยค่ะ” พนักงานบอก พร้อมกับส่งกุญแจรถให้ยี่หวา
พอยี่หวาจะเดินไปที่รถ ปรากฎว่าเอนิตากำลังอุ้มไข่ตุ๋นขึ้นไปนั่งบนรถพอดี
“อ้าว คุณ”
“ขอกุญแจรถด้วยจ้ะ” เอนิตาบอกพนักงาน
“ขอโทษนะคะ คันนี้ฉันจองแล้ว”
พอได้ฟังยี่หวาบอก เอนิตาก็ตวาดแว้ดขึ้นมา
“จองอีกแล้ว อะไรๆ เธอก็จองๆๆ จองไปหมดซะทุกอย่างเลยรึไง”
“ทำไงได้ล่ะคะ คราวนี้ฉันมาถึงก่อน ใครมาก่อนก็ต้องได้ก่อนใช่มั้ยคะคุณนิตา” ยี่หวาเปรย
“แต่คำนี้มันใช้ไม่ได้เสมอไปหรอกนะ ของบางอย่างมันต้องแย่งได้แย่งเอา”
ว่าแล้วเอนิตาก็กระโจนเข้ามาแย่งกุญแจในมือยี่หวา แต่ยี่หวาไวกว่า รวบมือเอนิตาไว้แน่น
“ถ้าคิดจะแย่งฉัน ใช้แรงอย่างเดียวไม่พอ ต้องหัดใช้สมองด้วย!”
เอนิตาพยายามบิดข้อมือ กัดฟันกรอด มองยี่หวาด้วยสายตาโกรธแค้นแทบจะเผาผลาญยี่หวา ในขณะที่แม่ๆ ทะเลาะแย่งกุญแจกันอยู่นั้น ไข่ตุ๋นกวักมือเรียกข้าวตู
“ข้าวตู มาเล่นด้วยกันสิ” ข้าวตูปีนขึ้นรถไปนั่งกับไข่ตุ๋น
เอนิตาสะบัดมือหลุดจากยี่หวาพอดี ยี่หวาหันไปเห็นข้าวตูกำลังปีนรถก็เป็นห่วง
“ข้าวตู ระวังนะลูก”
เอนิตาหันไปเห็นข้าวตูนั่งซ้อนท้ายไข่ตุ๋น
“มาแย่งลูกฉันทำไม ลงไปนะ”
เอนิตาดันเอาตัวข้าวตู ข้าวตูไม่ทันระวังจึงตกลงมาจากรถ ไข่ตุ๋นมองเห็นตกใจมาก
“ข้าวตู”
ข้าวตูร่วงลงมานั่งที่พื้น เจ็บระคนตกใจจนร้องไห้ ยี่หวารีบเข้าไปประคองลูกชาย
“ข้าวตู เป็นอะไรรึป่าวลูก” ยี่หวาหันมามองเอนิตาอย่างเอาเรื่อง
“ฉัน....ฉัน....ฉันไม่ได้ผลักนะ ข้าวตูตกลงไปเอง”
เอนิตาระล่ำระลักตอบ ยี่หวามองเอนิตาอย่างโกรธสุดๆ
เพราะยี่หวาสุดจะทนกับพฤติกรรมของเอนิตาได้แล้ว โดยเฉพาะที่บังอาจมาทำร้ายข้าวตูลูกรัก ยี่หวาจึงเปิดศึกท้าแข่งขันรถเอทีวี ซึ่งหากทีมใดแพ้ ต้องออกไปหาที่พักที่อื่น ครอบครัวณนนท์ตกลง
ครู่ต่อมาทั้ง 4 คน ณนนท์ ยี่หวา สุดยอด ยาหยี กำลังยืนจ้องหน้ากันอยู่ หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดทะมัดทะแมง โดยมีเอนิตา บุญเลื่อง ข้าวตู ไข่ตุ๋น ยืนลุ้นอยู่ใกล้ๆ
“เราต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ” ณนนท์ถามขึ้น
“ใช่ ถ้าใครแพ้ คนนั้นก็ต้องออกไปหาที่พักที่อื่น ฉันไม่ทนอยู่กับพวกคุณแล้ว” ยี่หวาบอก
“พวกผมมีแต่ผู้ชาย แข่งไปก็หาว่าเอาเปรียบผู้หญิงน่ะสิครับ” สุดยอดเอ่ยขึ้น
“ถ้าเก่งจริงฉันไม่กลัวหรอกนะ กลัวจะเก่งแต่ปาก” ยาหยีเยาะแกมแขวะ
ณนนท์พูดขึ้นด้วยสีหน้าเข้มเคร่งและเอาจริง “ถ้าอย่างงั้น ก็เริ่มเลยดีกว่า”
ไข่ตุ๋นกับข้าวตู เป็นกรรมการนับเริ่มต้นการแข่งขัน
“หนึ่ง-สอง-สาม”
ทั้ง 4 คน 2 คู่ ณนนท์กับสุดยอด ยี่หวากับยาหยี วิ่งไปขึ้นรถเอทีวีแล้วขับรถแข่งกัน บุญเลื่อง ข้าวตู ไข่ตุ๋นส่งเสียงเชียร์ลั่นอย่างสนุกสนาน ขณะที่เอนิตากางร่มยืนดูอย่างเบื่อๆ
การแข่งขันยังดำเนินต่อไป ไข่ตุ๋นปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ข้าวตูยืนชะเง้อมองอยู่ ในขณะที่เอนิตาเบื่อสุดๆ หยิบบีบีขึ้นมากดแชทเล่น แล้วเสียงไข่ตุ๋นร้องขึ้นมาอย่างดีใจ
“นั่นๆ พ่อกำลังนำแล้ว” ไข่ตุ๋นหันมาพูดกับข้าวตู “เห็นชัดแจ๋วเลยข้าวตู ขึ้นมาสิ”
“ไม่เอาหรอก มันสูง” ข้าวตูกลัวตก
“ขี้ขลาด ปีนต้นไม้แค่นี้ก็กลัว”
ไข่ตุ๋นแลบลิ้นใส่ข้าวตู เอนิตาหันมามองไข่ตุ๋น
“ไข่ตุ๋น ขึ้นไปทำไม ลงมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่เอา ไข่ตุ๋นจะดูพ่อ”
“เอ๊ะ แม่บอกให้ลงมาก็ลงมาสิ ตกลงมา พ่อแกก็มาว่าฉันอีก”
“ไข่ตุ๋นไม่ตกหรอกค่ะแม่ ปีนต้นไม้แค่นี้สบายมาก”
“แม่บอกแล้วใช่มั้ยถ้าดื้อแม่จะไม่รัก อยากอยู่บนนั้นก็ตามใจ แม่ไปแล้วนะ”
เอนิตาหันหลัง เดินไป ไข่ตุ๋นตกใจระคนเสียใจกลัวแม่ไม่รัก รีบตะโกน
“แม่...แม่อย่าทิ้งไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นไม่ดื้อแล้วค่ะ แม่รอด้วย”
ไข่ตุ๋นรีบปีนลงมาจากต้นไม้ ด้วยความรีบร้อนไม่ทันระวัง ไข่ตุ๋นจึงพลาดร่วงลงมาจากต้นไม้
ข้าวตูตกใจ ตะโกนลั่น “ไข่ตุ๋น”
เอนิตามองไข่ตุ๋นอย่างตกใจสุดๆ
อ่านต่อหน้า 2
ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 11 (ต่อ)
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองครอบครัวก็มาอยู่กันที่หน้าห้องพักคนไข้ โรงพยาบาลใกล้ๆ รีสอร์ท ทุกคนนั่งรออย่างเป็นห่วง สุดยอดยืนมองเข้าไปที่ช่องหน้าต่างกระจกเล็กๆ แล้วหันกลับมาถอนหายใจอย่างกังวล
“ไข่ตุ๋นฟื้นหรือยังยอด”
สุดยอดส่ายหน้า “ยังเลยครับพ่อ”
ทุกคนมีสีหน้าเครียด สลดกันไป ข้าวตูมองหน้าทุกคนแล้วหันมาถามยี่หวาอย่างกลัวๆ
“แม่ครับ ถ้าไข่ตุ๋นไม่ตื่น แปลว่าไข่ตุ๋นจะตายเหรอครับแม่”
คำถามไร้เดียงสาทำเอาพวกผู้ใหญ่สบตากัน ยี่หวารีบปลอบข้าวตู
“ไม่ตายหรอกลูก ไข่ตุ๋นเค้าไม่สบาย ต้องนอนพักผ่อนเยอะๆ อีกเดี๋ยวก็ตื่นแล้วล่ะ”
“ข้าวตูเป็นห่วงไข่ตุ๋น ถ้าไข่ตุ๋นไม่ตื่น ข้าวตูก็ไม่รูจะเล่นกับใคร”
บุญเลื่องสงสารหลานจับใจจึงชวนข้าวตูสวดมนต์ขอพรให้ไข่ตุ๋น
“งั้นข้าวตูก็ต้องสวดมนต์แบบที่ยายสอน ขอพระให้ช่วยให้ไข่ตุ๋นตื่นไวๆ สิลูก”
“คร้าบ” ข้าวตูรีบหลับตา พนมมือ “นโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ ขอให้ไข่ตุ๋นปลอดภัยตื่นมาเล่นกับข้าวตูไวๆนะคร้าบ เพี้ยง!”
เท่งกับสุดยอดมองข้าวตูอย่างเอ็นดู
“ได้กำลังใจดีอย่างงี้ ไม่นานไข่ตุ๋นก็ฟื้นแล้วล่ะข้าวตู”
ข้าวตูเดินไปหาเท่ง จับมือเท่งพนม
“ปู่เท่งช่วยข้าวตูสวดมนต์ด้วยสิครับ ไข่ตุ๋นจะได้ตื่นเร็วๆ”
“เอางั้นเรอะ โอเคๆ” ข้าวตูกับเท่งสวดมนต์พร้อมกันเสียงแจ้วๆ
ยาหยีมองข้าวตูกับเท่งแล้วยิ้มนิดๆ ด้วยความเอ็นดู สุดยอดเผลอมองยาหยี ยาหยีเหลือบมาเห็น สุดยอดรีบเบนสายตาไปมองอย่างอื่น ยาหยีงง
“เป็นอะไรของเค้านะ”
ขณะเดียวกันนั้นภายในห้องพักคนไข้ ไข่ตุ๋นยังคงนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง ณนนท์นั่งมองไข่ตุ๋นด้วยความเป็นห่วง จังหวะหนึ่ง เอนิตาเดินเข้าไปกุมมือไข่ตุ๋นขึ้นมาหอม
“ไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นฟื้นสิลูก ถ้าไข่ตุ๋นฟื้น แม่สัญญาว่าแม่จะเป็นแม่ที่ดีของไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นอยากไปไหน อยากได้อะไร แม่จะให้ลูกทุกอย่างเลย แม่สัญญา”
“นิตา คำสัญญาของคุณทำร้ายหัวใจลูกมาไม่รู้กี่ครั้ง ทางที่ดีคุณอย่าสัญญาดีกว่า ถ้าคุณทำไม่ได้” ณนนท์ยังโมหไม่หาย
“เอ๊ะนนท์นี่ยังไงนะ ใจคอจะไม่ให้โอกาสคนสำนึกผิดบ้างเลยเหรอ”
“คุณก็รู้ว่าผมให้โอกาสคุณมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แต่คุณเองนั่นล่ะที่ไม่เคยเห็นความสำคัญของโอกาสที่ผมกับลูกให้กับคุณ กลับไปกรุงเทพคราวนี้ผมว่าเราคงต้องคุยกันจริงๆ จังๆ ซักที” ณนนท์พูดเสียงเครียด
“คุยกัน? คุยกันเรื่องอะไร” เอนิตางง
“เรื่องหย่า” ณนนท์พูดอย่างจริงจัง
เอนิตาตกใจที่ได้ยินคำนี้ออกจากปากณนนท์เอง
“หย่า! คุณจะหย่ากับฉันไม่ได้ ฉันรักคุณนะนนท์”
เอนิตารีบเข้ามากอดณนนท์ ณนนท์ปลดแขนเอนิตาแล้วผลักออก
“คุณไม่ได้รักผมหรอก คุณรักเงินของผมต่างหาก”
“ไม่จริง ฉันรักคุณ ฉันรักลูก”
“แต่คุณรักตัวเองมากกว่า”
“ใครๆ ก็รักตัวเองทั้งนั้นล่ะ ถ้าไม่รักก็คงตายๆ กันไปหมดโลกแล้วมั้ง”
“ใช่ ใครก็รักตัวเอง ผมก็รัก แต่มันต้องไม่ใช่รักจนเห็นแก่ตัวแบบคุณ”
“ฉันเนี่ยนะเห็นแก่ตัว ฉันอุ้มท้องยัยไข่ตุ๋นตั้งเก้าเดือน เก้าเดือนเต็มๆ ที่นางแบบอย่างฉันต้องอ้วนเบอะบะน่าเกลียด คุณยังจะว่าฉันเห็นแก่ตัวอีกเหรอ”
“ซึ่งมันเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้ลูกรักคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่วันไหนที่ไข่ตุ๋นเริ่มใช้เหตุผลกับความรัก ถึงวันนั้นคุณอย่าเสียใจแล้วกันว่าทำไมลูกถึงไม่รักคุณ”
เอนิตาอึ้งไปกับคำพูดประโยคนั้น ทันใดนั้น เสียงไข่ตุ๋นดังขึ้น
“แม่...แม่ขา”
ณนนท์กับเอนิตารีบเข้าไปดูไข่ตุ๋นที่เตียง แต่ไข่ตุ๋นยังไม่ลืมตา
ที่แท้ไข่ตุ๋นกำลังละเมอ “แม่อย่าทิ้งไข่ตุ๋นไปนะคะ ไข่ตุ๋นไม่ดื้อกับแม่แล้ว ไข่ตุ๋นรักแม่”
เอนิตาน้ำตาร่วง
“แม่ก็รักไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นต้องฟื้นมาคุยกับแม่นะลูก”
เอนิตาคว้ามือไข่ตุ๋นขึ้นมาจูบ น้ำตาเอนิตาหยดลงบนมือเล็กๆ ของไข่ตุ๋น
ไข่ตุ๋นยังละเมอต่อ “พ่อ...พ่อขา” ณนนท์รีบคว้าอีกมือของไข่ตุ๋นมากุม ณนนท์น้ำตาซึม
“พ่ออยู่นี่ลูก”
“พ่ออย่าใจร้ายกับแม่นะคะ ไข่ตุ๋นรักแม่”
“ครับไข่ตุ๋น พ่อจะไม่ใจร้ายกับแม่ครับ” ณนนท์ตอบลูกเสียงเครือ
“พ่อต้องไม่หย่ากับแม่นะคะ”
“ครับ ไม่หย่า”
“พ่อกับแม่ต้องสัญญาว่าจะรักกันมากๆ นะคะ”
“พ่อสัญญา”
“แม่ก็สัญญาจ้ะ”
ณนนท์เริ่มเอะใจ มองหน้าไข่ตุ๋น ณนนท์กับเอนิตามองหน้ากันรู้ตัวว่าโดนลูกสาวหลอก ณนนท์หรี่ตามองไข่ตุ๋นแล้วพูด
“แล้วพ่อก็สัญญาว่าจะให้ไข่ตุ๋นกินไอติมก่อนนอนทุกคืนด้วย”
ไข่ตุ๋นรีบลืมตา ร้องอย่างลืมตัว
“เย้! จริงๆ นะคะพ่อ”
ณนนท์กับเอนิตามองไข่ตุ๋น ส่ายหน้า
“ร้ายจริงๆนะเรา”
ไข่ตุ๋นยิ้มแล้วหัวเราะ ณนนท์กับเอนิตาเข้าไปกอดไข่ตุ๋นด้วยความดีใจ ยี่หวาเปิดประตูเข้ามา มองณนนท์ เอนิตาและไข่ตุ๋นที่กำลังกอดและหอมกันด้วยความรักใคร่ ยี่หวายิ้มดีใจที่ไข่ตุ๋นฟื้น เอนิตายิ้มทั้งน้ำตา
“เลิกร้องได้แล้วคุณณ
“พ่อเช็ดน้ำตาให้คุณแม่สิคะ”
ณนนท์เช็ดน้ำตาให้เอนิตา ไข่ตุ๋นมองแล้วยิ้มแป้นอย่างดีใจ ขณะที่ยี่หวามองภาพนั้นด้วยสายตาเศร้าๆ แล้วออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ
ตัวละครสุดยอด ยาหยี ก้อง
ณนนท์อยู่รอฟังผลตรวจสุขภาพอีกครั้งของไข่ตุ๋น สุดยอดและเท่งกลับมาถึงรีสอร์ทในตอนเย็น เวลานั้นเขาเดินคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ทางเดินในรีสอร์ท
“ได้ครับพี่นนท์ พอผมกินข้าวเย็นกับพ่อเสร็จ ผมจะไปรับพี่กับไข่ตุ๋นที่โรงพยาบาล แต่หมอเช็คว่าปลอดภัยชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนะพี่ โอเคเลยครับเดี๋ยวเจอกัน”
ขณะนั้นเองก้องก็หิ้วตระกร้าใบใหญ่ใส่มะม่วงและกล่องน้ำปลาหวานพร้อมรับประทาน เดินมากับยาหยีมาจนถึงหน้าบ้านพัก
“มะม่วงเพิ่งสอยมาใหม่ๆจากไร่เลยครับน้องหยี เปรี้ยวหน่อย แต่ผมให้เค้าทำน้ำปลาหวานมาให้ด้วย ทานแล้วจะต้องติดใจเลยครับ” ก้องเอ่ยขึ้น
“เกรงใจจังเลยค่ะพี่ก้อง มาให้หยีถือเองเถอะค่ะ” ยาหยีมีเขิน
“หนักครับ ผมหิ้วไปส่งให้ข้างในบ้านดีกว่า”
ขณะที่ก้องกับยาหยีเดินเข้าไปในบ้านพัก สุดยอดหันไปเห็นพอดี
“เข้าไปทำอะไรกัน???”
สุดยอดรู้สึกหึงเลือดขึ้นหน้า คิดแผนการทำลายความสุขทั้งคู่ขึ้นมาได้ รีบเดินออกไป
ครู่ต่อมาสุดยอดก็มายืนคุยอยู่กับผจก.รีสอร์ทอยู่ที่หน้าบ้านพักของครอบครัวยี่หวานั่นเอง
“ผมเห็นกับตาเลยครับว่าผู้ชายมันใช้กำลังลากผู้หญิงเข้าไปในบ้าน ผมว่ามันต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น สุดยอดตาโต รีบเอาหูแนบกับประตูบ้านพักพร้อมผู้จัดการคนนั้น คราวนี้เป็นเสียงซี๊ดซ้าด กับเสียงสปริงดังเอี๊ยดอ๊าดเป็นจังหวะ
สุดยอดคิดเลยเถิดขึ้นมาเพราะลมเพชรหึง ออกอาการปรี๊ดขึ้นมารีบบอกผู้จัดการ
“ไม่ได้การแล้วครับ เราไขกุญแจบุกเข้าไปช่วยเลยครับ”
“แต่ว่า....” ผู้จัดการยังลังเล
สุดยอดเห็นรีบทำหน้าอย่างจริงจัง
“หรือคุณจะรอให้รีสอร์ทของคุณเป็นข่าวหน้าหนึ่ง”
ผู้จัดการยังหนักใจ แต่แล้วก็พยักหน้า พร้อมหยิบกุญแจขึ้นมาไข ทั้งคู่เปิดประตูผัวะเข้าไปในบ้านพัก สุดยอดมองหายาหยี
“เบาๆ ซี่” สุดยอดจำได้ว่าเป็นเสียงยาหยี ทั้งคู่ก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน สุดยอดเห็นภาพยาหยีกำลังนั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวาน ซี๊ดซ้าดด้วยความเปรี้ยวเข็ดฟัน โดยมีข้าวตูกำลังกระโดดเล่นอยู่บนเตียง สปริงเตียงดังเอี๊ยดอ๊าด
“ข้าวตู น้าบอกให้กระโดดเบาๆ” ยาหยีเอ็ดหลาน
“ไหนครับ ผู้ชายที่ว่า” ผู้จัดการถามอย่างเอาเรื่อง
ยาหยีหันมาเจอทำหน้างง “ผู้ชายไหนคะ ถ้าผู้ชายบ้านนี้ก็มีข้าวตูคนเดียวค่ะ” ว่าพลางชี้ไปที่ข้าวตู
“แล้วพวกคุณเข้ามาได้ยังไงเนี่ย” ยาหยีนึกขึ้นมาได้
สุดยอดไม่ฟังเสียง เพราะหึงมาก เดินตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า เมื่อไม่เจอก็เดินไปดูที่ระเบียงห้อง
“แล้ว...แล้วนายก้องล่ะ ไปหลบอยู่ที่ไหน” สุดยอดถามหาก้อง
“พี่ก้อง เค้ากลับไปตั้งนานแล้วนี่ ...มีอะไรเหรอ” ยาหยีบอกแล้วถามขึ้นเพราะงงๆ อยู่
สุดยอดกับผู้จัดการมองหน้ากัน สุดยอดหน้าแหกสุดขีด ส่วนยาหยีมองสุดยอดแล้วขมวดคิ้วสงสัย
พอรู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไร ยาหยีก็ฉะสุดยอดเสียงดังลั่นที่บริเวณเฉลียงบ้านพักนั่นเอง
“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณอ่ะฮะ คุณนึกว่าฉันกับพี่ก้องจะ...จะ” พูดถึงตรงนี้ยาหยีหน้าแดงขึ้นมา “ทำอะไรกันอยู่รึไง”
“ก็ใช่เด่ะ ผมกลัวพวกคุณจะทำอะไรบัดสีบัดเถลิง”
“ตัวของฉัน ห้องของฉัน ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”
สุดยอดนึกขึ้นได้ ชะงักไปนิดรีบนึกแก้ตัว
“เอ่อ เกี่ยวสิ คุณเป็นพิธีกรรายการของผม ถ้าเป็นข่าวฉาวโฉ่หน้าหนึ่ง รายการผมก็เสียหาย คุณรับผิดชอบรึป่าวล่ะ”
“มันจะเสียหายได้ยังไง ฉันกับพี่ก้องเป็นเพื่อนกันเฉยๆ ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย”
สุดยอดไดฟังก็แอบยิ้มแล้วรีบเก๊กหน้าต่อ
“แล้วอีกอย่างนะ เป็นข่าวขึ้นมาก็ดีซะอีก รายการจะได้ดังๆ คุณไม่เห็นน้องเพิร์ลลี่ของคุณเหรอ ขยันสร้างข่าวจะตายไป แล้วถ้าฉันเป็นข่าวกับพี่ก้องบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรนี่”
“เป็นสิ ผมไม่อยากให้คุณเป็นข่าวกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้น นอกจากผม!” สุดยอดหลุดเผยความในใจ
ยาหยีอึ้ง ช็อก สุดยอดไม่รู้จะทำยังไงเพราะเผลอหลุดปากออกไปแล้ว เลยคว้ายาหยีเข้ามาจูบ ยาหยีก็เคลิ้มคล้อยตามไปอย่างไม่รู้ตัว เพราะตัวเองก็แอบมีใจให้สุดยอดเหมือนกัน พอสุดยอดรู้ตัวก็รีบปล่อยยาหยี
“ผมขอโทษ”
สุดยอดรีบเดินหนีไป ปล่อยให้ยาหยีอึ้งอยู่อย่างนั้น ด้วยความรู้สึกอันหลากหลายที่ประดังประเดเข้ามา ในหัวยามนี้
ค่ำคืนเดียวกันนั้น ยี่หวาเดินมาส่งภูมิชายที่รถ เขากำลังจะกลับกรุงเทพฯ หลังจากงานสัมนาทนายความเสร็จสิ้นลงด้วยดี
“เสียดาย ผมมีงานต่อที่กรุงเทพฯ ไม่งั้นผมจะพาคุณกับข้าวตูไปทานข้าวร้านอร่อยใกล้ๆ รีสอร์ท”
“รบกวนคุณภูมิเปล่าๆน่ะสิคะ บ้านฉันมากันหลายคน วุ่นวายจะตาย”
“ถ้าเป็นครอบครัวของคุณยี่หวาแล้ว ผมเต็มใจเสมอครับ” ภูมิชายหยอดอีก พยายามส่งสายตาหวานซึ้ง แต่ยี่หวารู้ว่าภูมิชายจีบจึงทำเป็นยิ้มเฉย
“ขอบคุณค่ะ แล้วเดี๋ยวถ้าฉันได้ต้นไม้เมื่อไหร่ จะรีบเอาไปส่งทันทีเลยนะคะ”
“ครับ เจอกันที่กรุงเทพนะครับ”
พอภูมิชายขึ้นรถขับออกไป ยี่หวาก็ถอนหายใจโล่งอก
อีกด้านหนึ่งของรีสอร์ท วสันต์เดินควงแขนกับเพิร์ลลี่เข้ามา มีชม้อยเดินตามมาติดๆ พร้อมด้วยพนักงงานที่ช่วยลากรถเข็นใส่กระเป๋าเดินทางตามหลัง
“เสียดายที่คุณแม่ไม่บอกผมก่อนว่าอยากมาพักต่างจังหวัด ผมจะได้พาไปพักที่เกาะส่วนตัวของผม”
ฟังแล้วชม้อยถึงกับตาโตด้วยความโลภ
“เกาะส่วนตัวเลยเหรอคะ วันหลังก็ได้ค่ะ งานเนี้ย คุณแม่ไม่พลาดเม้นท์แน่”
ข้าวตูเดินมากับบุญเลื่อง เห็นวสันต์เข้าก็ดีใจร้องลั่น
“พ่อ!” ข้าวตูวิ่งเข้าไปกอดวสันต์
“พ่อคร้าบ ข้าวตูคิดถึงพ่อที่สุดในโลกเลย” (หันไปทางด้านหลัง) แม่คร้าบ พ่อมาคร้าบ
ระหว่างนั้นยี่หวาเดินกลับเข้ามาที่บริเวณล็อบบี้ เจอกับวสันต์ซึ่งควงแขนสวีทอยู่กับเพิร์ลลี่ ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ วสันต์ทำหน้าไม่ถูก ชม้อยแอบยิ้มชอบใจในสถานการณ์เช่นนี้
คืนนั้นยี่หวานั่งร้องไห้เสียใจอยู่ที่มุมหนึ่ง ณนนท์เดินมาเห็น เขาหยุดยืนมองยี่หวาอย่างสงสารและเห็นใจเพราะรู้เรื่องราวเมื่อตอนค่ำแล้ว ณนนท์เดินเข้ามายื่นผ้าเช็ดหน้าให้ ยี่หวารีบรับมาเช็ดน้ำตาเป็นพัลวัน พยายามกลั้นน้ำตาแต่แล้วก็กลั้นไม่อยู่
“ร้องออกมาเถอะครับ ร้องให้พอ หัวใจคนมันก็เหมือนเขื่อนแหละครับ เก็บกักอะไรไว้มากๆ เขื่อนมันก็แตกได้เหมือนกัน”
ยี่หวาร้องไห้ ณนนท์โอบไหล่ยี่หวาอย่างปลอบๆ
“ฉันพยายามแล้ว ฉันไม่อยากให้ลูกต้องเจอปัญหาครอบครัวแตกแยก แต่เขาไม่เคยช่วยฉันเลย เขาไม่เคยรักลูก ไม่เคยรักครอบครัว ฉันไม่รู้ว่าฉันเลือกคนแบบนี้มาเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ยังไง”
“การเลือกคู่มันก็เหมือนรองเท้าแพงๆแหละครับ ตอนเจอที่ร้าน เราก็นึกว่าเราเลือกดีแล้ว ลองใส่แล้วสวย ใส่สบาย แต่พอซื้อกลับมาใส่จริงๆ มันก็อาจจะกัดใส่แล้วเดินไม่สบายบ้าง จะทิ้งก็เสียดาย จะใส่ต่อก็ทรมาน แต่ถึงวันนึงเราก็ต้องตัดใจโยนทิ้ง เพราะมันต้องมีรองเท้าคู่อื่นที่ใส่สบายแล้วเหมาะกับเรารอเราอยู่ที่ไหนซักแห่ง” ณนนท์ระบายออกมา
“ฉันก็หวังว่าคงมีซักวันที่ฉันต้องตัดใจโยนเขาทิ้งไปจากชีวิตฉันซักที
ยี่หวาระบายบ้าง แล้วถอนหายใจยาว ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ฉันเหนื่อยจัง”
“เหนื่อยก็ไปนอนพักเถอะครับ พรุ่งนี้เราค่อยเริ่มกันใหม่”
“ฉันขอนั่งอยู่ตรงนี้ซักพักเถอะค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ให้กำลังใจ”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณจะอยู่ตรงนี้ ผมก็จะอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
ณนนท์กับยี่หวาสบตากันด้วยความรู้สึกดีๆ และเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น
คืนนั้นสุดยอดยืนครุ่นคิดถามใจตัวเองอยู่ตามลำพังบนทางเดินในรีสอร์ท เหตุการณ์ระหว่างเขากับยาหยีผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
“เราทำอะไรไปเนี่ย หรือว่าเราจะตกหลุมรักยัยตัวแสบเข้าแล้ว” ระหว่างนั้นเสียงคุ้นหูก็ดังแทรกขึ้นมา
“พี่ยอด...พี่ยอดค้า”
สุดยอดหันไปตามเสียง เพิร์ลลี่วิ่งเข้ามาหาสุดยอดด้วยความดีใจ
“เพิร์ลลี่มาได้ยังไงเนี่ย”
“เพิร์ลลี่มาพักผ่อนกับคุณแม่ค่ะ แหม เซอร์ไพร้ส์ที่สุดที่ได้เจอพี่ยอดที่นี่” เพิร์ลลี่ฉอเลาะ
“พี่ก็เซอร์ไพรสสส์เหมือนกัน” สุดยอดว่า
เพิร์ลลี่เกาะแขนสุดยอดหมับ
“พี่ยอดไปนั่งคุยกับเพิร์ลลี่ที่ห้องดีกว่าค่ะ ตรงนี้ยุงเยอะ ร้อนก็ร้อน”
สุดยอดทำแปลก แกะมือเพิร์ลลี่ออก
“อย่าเลยครับ พี่อยากคิดอะไรเงียบๆคนเดียวน่ะครับ ขอตัวนะ”
พูดจบสุดยอดก็เดินหนีไป เพิร์ลลี่มองตามอย่างงงๆ
“พี่ยอดเค้าเป็นอะไรของเค้าอ่ะ!!”
ค่ำคืนนั้นพอยาหยีแปรงฟันเสร็จ กำลังเช็ดหน้า พลางมองตัวเองที่กระจกแล้วชะงัก ครั้นนึกถึงตอนที่โดนสุดยอดจูบ ยาหยีรู้สึกโกรธขึ้นมาวูบหนึ่ง
“อีตาบ้า โรคจิต”
ยาหยีรู้สึกวาบหวามขึ้นมาเล็กๆ เผลอยิ้มนิดๆ แต่แล้วก็เกิดอายตัวเองในกระจก จึงรีบหันหลังออกจากห้องน้ำปิดไฟทันที
จบตอน
โปรดติดตามตอนต่อไป