ลิขิตเสน่หาตอนที่ 10
ขณะที่เพิร์ลลี่นั่งส่องกระจกในห้องแต่งตัวภายในสตูดิโอ และกำลังเช็ดเครื่องสำอางออก พอดีสำลีหมด แต่แล้วก็มีมือของใครคนหนึ่งยื่นกระดาษทรายมาให้แทน เพิร์ลลี่ชะงัก
“อะไรของเธอ”
“เห็นว่ากำลังเช็ดหน้าอยู่ คิดว่ากระดาษทรายเบอร์หยาบสุดนี่น่าจะเข้ากับหน้าของเธอ” ยาหยีด่ากระทบ
“เธอว่าฉันหน้าด้านเหรอ”
แทนคำตอบยาหยีโยนหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าว เพิร์ลลี่กับวสันต์ ใส่หน้า
“ก็ถ้าคนหน้าบาง คงไม่กล้าแย่งแฟนชาวบ้านแบบที่เธอทำอยู่หรอก คนที่เธอควงด้วยเมื่อวาน เป็น
พี่เขยของฉัน ถ้ายังไม่รู้ก็รู้ไว้ซะด้วย”
นาทีแรกเพิร์ลลี่หน้านิ่วอย่างโกรธๆ แต่สักพักก็ทำเชิดๆ
“ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก แน่จริงก็ไปห้ามพี่เขยเธอสิ”
“เธอนี่มันด้านได้โล่ห์จริงๆ อ่ะ ฉันให้ไว้ใช้”
ยาหยีเขวี้ยงกระดาษทรายใส่เพิร์ลลี่ สุดยอดเดินเข้ามาพอดี
“มีเรื่องอะไรกัน” เพิร์ลลี่รีบวิ่งเข้าไปอ้อนสุดยอด
“พี่สุดยอดช่วยด้วยค่ะ ยาหยีจะเอากระดาษทรายขัดหน้าเพิร์ลลี่”
“หลีกไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ” ยาหยีบอก
“ทำไมจะไม่เกี่ยว พี่ยอดเป็นแฟนฉัน” พูดจบเพิร์ลลี่ก็เกาะแขนสุดยอดแสดงความเป็นเจ้าของ
“มีอะไรก็ค่อยพูดกันได้นี่ ชอบใช้ความรุนแรงนักหรือคุณอ่ะ” สุดยอดว่า
“ฉันไม่มีอารมณ์จะเถียง คุณอยากรู้ก็อ่านหนังสือพิมพ์เอาเอง หูตาจะได้สว่างแล้วก็สั่งสอนแฟนคุณด้วย อย่ายุ่งกับคนมีเจ้าของ”
ยาหยีเดินออกไป สุดยอดจะไปเปิดหนังสือพิมพ์แต่เพิร์ลลี่รีบขยำทิ้ง
“อย่าอ่านเลยค่ะ ข่าวมั่วทั้งนั้น ไร้สาระค่ะพี่ยอด”
สุดยอดได้แต่สงสัย
เสียงเพลงอิ่มอุ่นดังลั่นห้องเรียนในโรงเรียนอนุบาลใจดี เด็กๆ ช่วยกันร้องเพลงจนจบเพลง
“อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม อุ่นอกอ้อมแขน อ้อมกอดแม่ตระกอง ….”
“ดีมากจ้ะ พรุ่งนี้วันแม่แล้ว ทุกคนอย่าลืมพาคุณแม่มาร่วมงานนะคะ”
“ครับ/ค่ะ” เด็กๆ รับคำครูปราณีขึ้นมาพร้อมๆ กัน
เวลาต่อมาข้าวตูเดินมาหาไข่ตุ๋นซึ่งหน้ามุ่ยอยู่ พลางเอ่ยขึ้นอย่างปลอบใจ
“ถ้าพรุ่งนี้ไข่ตุ๋นไม่มีใคร ไข่ตุ๋นมาไหว้แม่เราก็ได้นะ”
“เรื่องอะไร เราก็มีแม่เหมือนกัน” ไข่ตุ๋นได้ฟังโวย
“แต่แม่ไข่ตุ๋นชอบติดงานอยู่เรื่อย พรุ่งนี้จะมาได้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เดี๋ยวไข่ตุ๋นไม่มีแม่ให้กราบนะ”
“ข้าวตูไม่ต้องมายุ่งหรอก ยังไงพรุ่งนี้แม่เราต้องมา!” ไข่ตุ๋นพูดอย่างมุ่งมั่น
กลางดึกคืนนั้นไข่ตุ๋นลุกขึ้นเดินออกจากเตียง ค่อยๆ เปิดห้องนอน ย่องลงมาโทรศัพท์ข้างล่าง
“คุณแม่เหรอคะ นี่ไข่ตุ๋นเองนะ”
“จ๊ะ ดึกแล้ว ทำไมไม่นอนล่ะลูก”
“พรุ่งนี้ที่โรงเรียนมีงานวันแม่ ไข่ตุ๋นอยากให้คุณแม่มางาน ไข่ตุ๋นจะได้กราบคุณแม่ค่ะ”
เอนิตาสะดุด
“ไข่ตุ๋นต้องร้องเพลงด้วยนะ คุณแม่จะฟังมั้ยคะ” ว่าแล้วไข่ตุ๋นก็ร้องเพลงอิ่มอุ่น “อุ่นใดใดโลกนี้มิมี
เทียบเทียม อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตระกอง…”
เอนิตาอยู่ในอาการเพลีย และเหนื่อย “พอแล้วจ้ะไข่ตุ๋น พรุ่งนี้แม่จะไปหาไข่ตุ๋นที่โรงเรียน โอเคมั้ย”
“โอเคที่สุดในโลกเลยค่ะ” ไข่ตุ๋นตอบเสียงใส
“ไปนอนได้แล้วลูก พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ”
“หวัดดีค่ะ ไข่ตุ๋นรักคุณแม่นะคะ”
“จ้ะ แม่ก็รักลูก”
ไข่ตุ๋นวางสาย วิ่งขึ้นไปนอนด้วยความดีใจ ส่วนทางด้านเอนิตาล้มต้วลงนอนผึง ไม่รู้สึกยินดียินร้าย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
เช้าวันใหม่ ไข่ตุ๋นวิ่งลงบันไดมาด้วยความร่าเริงยิ้มแย้มแจ่มใส โดยมีณนนท์ถือเป้ของลูกสาวเดินตามหลังมา ไข่ตุ๋นวิ่งมาหาเท่งที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพระเครื่องอยู่ ในขณะที่สุดยอดกำลังขัดรองเท้าอยู่ใกล้ๆ
“ปู่เท่งขา”
“มาแล้วเหรอ มา ซ้อมกันซักยกซิ”
เท่งวางหนังสือลง แล้วใช้ฝ่ามือแทนนวมเพื่อล่อเป้า ไข่ตุ๋นต่อยซ้าย ต่อยขวา รัวหมัดอุตลุด
“แรงอีกๆ ฮุคซ้าย ฮุคขวา อัปเปอร์คัทเลย” เท่งกำกับหลานสาว
“พอแล้วค่ะปู่ เดี๋ยวเหงื่อออกแล้วเหม็น” ไข่ตุ๋นหยุดต่อยเอาดื้อๆ
“อ้าว ไหงงั้นล่ะ” เท่งงงๆ ไข่ตุ๋นไม่ตอบวิ่งไปหาสุดยอด
“อายอด ดมหัวซิ หอมมั้ย”
สุดยอดดมหัวหลานสาว “อื้อ หอม วันนี้สระผมแต่เช้าเชียวนะเรา”
“วันนี้แม่จะไปงานวันแม่ที่โรงเรียนไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นเลยสระหัวให้หอมๆ” ไข่ตุ๋นยิ้มแย้มด้วยความดีใจ
พร้อมกับวิ่งไปเปิดเป้ที่พ่อถืออยู่ แล้วหยิบการ์ดวันแม่ออกมาอวดทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ภูมิใจสุดๆ
“นี่ การ์ดวันแม่ ไข่ตุ๋นจะเอาให้แม่ แม่จะได้ดีใจ”
ไข่ตุ๋นเอาการ์ดเก็บเข้าเป้เหมือนเดิม แล้วรับเป้จากพ่อมา
“ไข่ตุ๋นไปรอที่รถก่อนนะคะพ่อ”
พูดแค่นั้นไข่ตุ๋นวิ่งออกจากบ้านไป ณนนท์ สุดยอด และเท่ง มองตามไข่ตุ๋นไปด้วยความสงสารจับใจ
“ตกลงนิตาเค้ามาแน่นะเจ้านนท์ พ่อไม่อยากเห็นน้ำตาหลาน”
“นั่นดิพี่ เห็นไข่ตุ๋นตั้งความหวังแล้ว ผมมีเสียว”
ถูกพ่อและน้องถามณนนท์ได้แต่ถอนหายใจ สีหน้าเครียดๆ “ยังไงปีนี้เค้าก็ต้องมา เพราะเค้ามีเรื่องต้องพึ่งฉันอีกเยอะ ถ้าไม่มา เค้านั่นแหละที่จะเดือดร้อน”
เวลาเดียวกันนั้นเอนิตาเดินงัวเงีย เพราะเพิ่งตื่นนอน มารับโทรศัพท์ของณนนท์
“รู้แล้วน่า ฉันบอกว่าไปก็ไปซิ” น้ำเสียงเอนิตามีแววรำคาญ “พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไงนนท์ จู้จี้ขี้บ่นน่ารำคาญจริงๆ เลย” เอนิตากดตัดสายด้วยความหงุดหงิด
“ไม่รู้อะไรนักหนา ถึงฉันไม่ไป ฉันก็ยังเป็นแม่ยัยไข่ตุ๋นมันอยู่ดีล่ะน่ะ”
เอนิตายังหงุดหงิดไม่หาย โยนมือถือลงบนเตียง แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป โดยไม่รู้ว่ามีสายเรียกเข้าที่มือถือตัวเอง โชว์เบอร์หน้าจอพร้อมชื่อคนโทรเข้าว่า “พีท”!!
บรรยากาศงานวันแม่ที่โรงเรียนอนุบาลเด็กดีคึกคัก บรรดาแม่ๆ มาพร้อมกับลูกๆ พูดคุยทักทายยิ้มแย้มแจ่มใสให้กัน ไข่ตุ๋นถือการ์ดวันแม่ ยืนชะเง้อรอแม่อยู่ที่ข้างรั้วประตูโรงเรียน ท่าทางของไข่ตุ๋นดูกระตือรือร้น มั่นใจว่าแม่มาแน่ๆ
เวลานั้นกังฟูเดินจูงมือแม่เข้ามา พร้อมกับกินช็อคโกแลตตุ้ยๆ จนปากเลอะไปหมด กังฟูหันไปเห็นไข่ตุ๋น ถามขึ้น
“ไข่ตุ๋น แม่เธอยังไม่มาอีกเหรอ”
“เดี๋ยวก็มา แม่บอกแล้วว่าแม่จะมา”
“เราว่าแม่เธอไม่มาหรอก เพราะแม่เธอมัวแต่ถ่ายคลิปฉาว”
ด้วยความโมโห ไข่ตุ๋นหันมาจ้องหน้ากังฟูแบบเอาเรื่อง กังฟูกลัว รีบหลบฉากข้างหลังแม่ทันที แม่กังฟูพอรู้กิตติศัพท์ไข่ตุ๋นมาบ้าง กลัวลูกจะโดนต่อยฉลองวันแม่ รีบจูงมือกังฟูหนีไปทันที
“แม่ต้องมาสิ แม่สัญญากับไข่ตุ๋นไว้แล้ว”
ไข่ตุ๋นพูดกับตัวเองพลางมองการ์ดวันแม่ในมืออย่างมั่นใจ แล้วยิ้มแย้ม
ณนนท์กำลังคุยมือถือกับเอนิตาด้วยความหงุดหงิด อยู่ที่มุมหนึ่งในโรงเรียน
“คุณอยู่ไหนนิตา งานจะเริ่มแล้วนะ...คุณอย่ามาอ้างว่ารถติดหน่อยเลย กินเหล้าจนแฮงค์ตื่นไม่
ไหวมากกว่ามั้ง...” ณนนท์โกรธสุดๆ แต่ก็พยายามระงับอารมณ์สุดๆ “โอ.เค.ๆ ผมไม่ว่าคุณ แล้วก็ได้รีบมาก็แล้วกัน”
ณนนท์กดวางสาย เขามีสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งห่วงความรู้สึกลูกสาวและโกรธเอนิตา
แม่ลูกหลายต่อหลายเดินจูงแขนกันเข้าไป เหลือไข่ตุ๋นคนเดียว ไข่ตุ๋นยังคงชะเง้อมองหาแม่อยู่ที่หน้าประตู แต่แม่ก็ไม่มาซักที หน้าตาไข่ตุ๋นเศร้าสร้อย รู้สึกเสียใจที่แม่ผิดสัญญาอีกแล้ว
เวลานั้นข้าวตูก็เดินจูงมือยี่หวาเข้าไปหาไข่ตุ๋น
“ไข่ตุ๋น ครูปราณีให้เรามาตาม”
“ไม่ไป เราจะรอแม่” ไข่ตุ๋นยืนกราน
ยี่หวาลูบหัวไข่ตุ๋นด้วยความสงสารพลางปลอบ
“แต่เพื่อนๆทุกคน เค้าไปที่ห้องประชุมกันหมดแล้วนะจ๊ะ งานจะเริ่มแล้ว ไข่ตุ๋นจะอยู่ที่นี่คนเดียวได้ยังไง”
ไข่ตุ๋นมีหน้าเศร้าๆ ทำท่าจะร้องไห้
“แต่คุณแม่ไข่ตุ๋นยังไม่มานี่คะ แล้วไข่ตุ๋นจะไปงานวันแม่ได้ยังไง”
ณนนท์เดินกลับมาหาลูก พอเห็นยี่หวา และข้าวตูกำลังคุยกับไข่ตุ๋นอยู่ เลยหยุดดู
“งั้นเราให้ไข่ตุ๋นยืมแม่” ข้าวตูบอก
“ไม่เอา เราจะเอาแม่เรา” ไข่ตุ๋นยังยืนยัน
“คุณแม่เค้าอาจจะรถติดก็ได้นะ ไข่ตุ๋นไปรอในห้องประชุมกับน้าดีกว่านะ เดี๋ยวคุณแม่มาถึง ก็ตามไปหาไข่ตุ๋นเองล่ะจ้ะ” ยี่หวาพยายามปลอบ จนไข่ตุ๋นชักลังเล ณนนท์เดินเข้ามาหาลูกสาวเอ่ยขึ้น
“ไปกับน้ายี่หวาเค้าเถอะลูก จะให้คนอื่นเค้ามารอไข่ตุ๋นคนเดียว มันไม่ดีนะครับเดี๋ยวพ่ออยู่รอแม่เค้าเอง”
“เชื่อคุณพ่อเค้านะครับ ไปกันน้าก่อนนะ”
“ค่ะ” ไข่ตุ๋นพยักหน้าจ๋อยๆ แล้วเดินไปกับข้าวตูแต่โดยดี
“ขอบคุณมากนะคุณ”
บรรยากาศภายในห้องประชุม ทุกอย่างจัดเตรียมไว้เรียบร้อย บรรดาครูกำลังพูดคุยกับคุณแม่ทั้งหลายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ณนนท์เดินเข้ามาหายี่หวา ข้าวตู และไข่ตุ๋น มองเห็นไข่ตุ๋นที่ถือการ์ดวันแม่อยู่กับตัวตลอด
“แม่ล่ะคะ”
ถูกลูกถามณนนท์ต้องปั้นหน้ายิ้ม “แม่เค้าใกล้มาถึงแล้วลูก รถมันติดน่ะ ตอนนี้กำลังรีบอยู่”
“เดี๋ยวอนุบาลหนึ่งกับอนุบาลสองต้องขึ้นก่อน ยังพอมีเวลานะคุณ ถ้าไม่ทันจริงๆ ให้ภรรยาคุณขึ้นมอ’ไซค์รับจ้างเลยเหอะ” ยี่หวารับลูกต่อ
“ก็ดี คงต้องเอางั้นแล้วล่ะ”
ณนนท์ยังมีสีหน้าเครียดเหมือนเดิมขณะที่หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาเอนิตา
เวลาเดียวกันนั้นเอนิตากำลังก้าวเดินฉับๆ เข้ามาในโรงเรียน ด้วยใบหน้าหงิกงอ เสียงมือถือดังขึ้น เอนืตาหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย ไม่ทันทันดูเบอร์ก็ใส่ทันควันอย่างโมโห
“คุณจะจิกฉันไปถึงไหนเนี่ยนนท์ ฉันไม่ใช่คนใช้คุณนะ”
แต่เป็นนายแบบพีท ที่เวลานั้นอยู่ในคอนโดโทรเข้ามา
“โห อารมณ์เสียมาจากไหนเนี่ยคนสวย”
“พีท” เอนิตาตกใจอุทานออกมา
“เมื่อเช้าโทรหา ทำไมไม่รับ คิดจะเบี้ยวเหรอ”
เอนิตาโมโหขึ้นมาทันที
“เบี้ยวบ้าอะไรล่ะ ฉันยุ่งจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”
“จะยุ่งแค่ไหนฉันไม่สน แต่ถ้าอีกสิบห้านาทีฉันยังไม่ได้เงิน เธอเข้าไปดูของดีในยูทู้ปได้เลยแล้วฉันจะส่งลิงค์ไปให้”
“ไอ้บ้า ฉันจะไปหาเงินให้แกที่ไหนตอนนี้ล่ะ” เอนิตาโมโหจึงด่าออกไป
แต่พีทกดตัดสายไปแล้ว
“ฮัลโหลๆๆ” เอนิตาโมโหมากๆ “ไอ้สวะเอ๊ย”
ส่วนที่ห้องประชุม ณนนท์ยังโทรติดต่อเอนิตาไม่ได้ เขาเครียดหนัก
“สายไม่ว่าง คุยอะไรกันนักหนาเนี่ย”
“ไม่เอาน่ะคุณ ต่อหน้าไข่ตุ๋นนะ”
ได้ยี่หวาคอยเตือนสติ ณนนท์ก็หยุดพูด ไม่อยากด่าแม่ให้ลูกฟังเหมือนกัน
ขณะนั้นเอง ไข่ตุ๋นมองออกไปนอกหน้าต่างห้องประชุม เห็นเอนิตากำลังยืนหงุดหงิดอยู่ ไข่ตุ๋นดีใจสุดๆ ร้องขึ้น
“แม่ แม่มาแล้ว”
ไข่ตุ๋นรีบวิ่งออกจากห้องประชุมไปหาแม่ทันที
“ไข่ตุ๋น เดี๋ยวลูก”
ณนนท์ตกใจรีบลุกเดินตามไข่ตุ๋นไป
เอนิตายืนหงุดหงิด เพราะไม่รู้จะทำยังไง ไม่โอนเงินก็ซวยอีก ในที่สุดก็ตัดสินใจ เดินออกจากโรงเรียนไป เพื่อไปหาที่โอนเงิน เอาตัวรอดไว้ก่อน ไข่ตุ๋นวิ่งออกมา ครั้นพอเห็นแม่เดินออกจากโรงเรียนก็ตกใจ ตะโกนเรียก
“แม่ๆ อย่าเพิ่งไป แม่”
ว่าแล้วไข่ตุ๋นก็รีบวิ่งตามแม่ออกจากโรงเรียนไปทันที
ไข่ตุ๋นวิ่งตามเอนิตาที่กำลังจะออกรถพร้อมกับตะโกนเรียก
“แม่ขาแม่ รอไข่ตุ๋นก่อน แม่ แม่กลับมา กลับมาก่อน แม่”
ทว่าเอนิตาไม่ได้ยิน ขับรถออกไปเลย แต่ไข่ตุ๋นไม่ยอมแพ้วิ่งตามรถแม่ไป การ์ดวันแม่หลุดจากมือปลิวไป โดยที่ไข่ตุ๋นไม่รู้สึกตัวเลย การ์ดวันแม่ที่เด็กหญิงตัวน้อยทำให้แม่ปลิวไปตามสายลม และเปิดกางออก ก่อนจะร่วงหล่นลงแอ่งน้ำครำที่พื้น
การ์ดเปิดออกเผยให้เห็นข้อเขียนด้วยลายมือไข่ตุ๋น เป็นลายมือโย้เย้ใจความว่า
“ไข่ตุ๋น รักแม่ที่สุดในโลก”
ณนนท์ซึ่งตามลูกสาวมาติดๆ หยิบการ์ดขึ้นมาดู พอรู้ว่าลูกเขียนอะไร ก็ยิ่งสงสารลูกจับใจ เมื่อมองตามไป ก็เห็นไข่ตุ๋นยังวิ่งไล่ตามรถของเอนิตา ณนนท์วิ่งตาม
ไข่ตุ๋นออกอาการเหนื่อยหอบวิ่งตามต่อไม่ไหว ได้แต่มองตามรถแม่ไป ร้องไห้เสียงดังลั่นด้วยความเสียใจสุดๆ
ภายในห้องประชุม งานวันแม่ยังดำเนินต่อไปถึงช่วงไคลแม็กซ์ เป็นคิวของอนุบาลสาม ซึ่งมีกังฟูเป็นนักร้องนำร้องเพลง “อิ่มอุ่น”
“ ใช่เพียงอิ่มท้อง...” เด็กอนุบาลทุกคน พากันร้องเพลงกันอย่างมีความสุข มีเพียงไข่ตุ๋นคนเดียว ที่ยืนซึม ไม่ร้องไม่พูดอะไรเลย บรรดาแม่ๆ แต่ละคนเห็นลูกตัวเองร้องเพลง แล้วก็ยิ้มปลื้ม บางคนก็น้ำตาคลอเบ้า
ณนนท์มองเห็นสีหน้าไข่ตุ๋น แล้วก็เศร้าใจ สงสารลูกสุดๆ ยี่หวามองณนนท์ ก็ยิ่งเห็นใจ หัวอกเดียวกัน
“ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น อุ่นไอรัก อุ่นละมุน ขอน้ำนมอุ่นจากอกให้ลูกดื่มกิน”
เสียงเพลงอิ่มอุ่นจบลงอย่างประทับใจ พร้อมกับเสียงปรบมือดังกึกก้องจากแม่ๆ และคุณครู ดังลั่นห้องประชุม ครูปราณีสีหน้ายิ้มแย้ม เดินไปประกาศออกไมค์
“ก็จบกันไปแล้วนะคะ สำหรับการร้องเพลงของเด็กๆ ชั้นอนุบาลสาม ต่อไป มาถึงพิธีการมอบดอกมะลิให้คุณแม่แล้วค่ะ ขอกราบเรียนเชิญคุณแม่ทุกท่านเลยค่ะ”
บรรดาแม่ๆ รวมทั้งยี่หวา เดินไปนั่งที่เก้าอี้ ที่โรงเรียนจัดเตรียมไว้ โดยมีลูกของตนเองนั่งคุกเข่าอยู่ข้างหน้า คุณครูเดินมาแจกพวงมาลัยดอกมะลิให้เด็กๆ เพื่อเอาให้แม่ มีแต่ไข่ตุ๋นคนเดียวที่ไม่มีแม่ เก้าอี้หน้าไข่ตุ๋นเลยว่างเปล่า ข้าวตูนั่งติดกับ ไข่ตุ๋น
ในที่สุดณนนท์ก็ตัดสินใจเดินเข้ามาหาครูปราณี
“คุณครูครับ คุณแม่ไข่ตุ๋นเค้าติดธุระด่วน รบกวนคุณครูไปนั่งแทนหน่อยได้มั้ยครับ”
ครูปราณีฟังแล้วตกใจ “อ้าว เหรอคะ ได้ค่ะได้”
ครูปราณีจะเข้าไปนั่งแทน แต่ทันใดนั้นเอง ยี่หวาก็เลื่อนเก้าอี้ของเอนิตามาติดกับเก้าอี้ของตน แล้วนั่งกึ่งกลางระหว่างข้าวตู ไข่ตุ๋นซะเลย ยี่หวายิ้มบางๆ พูดกับไข่ตุ๋น
“ไข่ตุ๋นคะ ไข่ตุ๋นน่ารักแล้วก็เป็นเด็กดีจังเลย น้าขออะไรไข่ตุ๋นอย่างนึงได้มั้ยจ๊ะ”
“อะไรคะ” เด็กหญิงตัวน้อยถาม
“น้าขอทำหน้าที่แทนคุณแม่หนูซักวันนึง ได้มั้ยคะ”
“ได้ค่ะ” ไข่ตุ๋นร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ
“เย้ ไข่ตุ๋นมีแม่ให้ไหว้แล้ว” ข้าวตูร้อง ไข่ตุ๋นยิ้มดีใจ
คุณแม่สำรอง...ครูปราณียิ้มแย้มหันมาทางณนนท์
“คงไม่ต้องให้ครูทำหน้าที่แม่แล้วมั้งคะ”
ณนนท์มองไปที่ยี่หวาด้วยสายตาขอบคุณ ยี่หวาหันมองมาทางณนนท์แล้วยิ้มรับ เสียงครูปราณีประกาศไมค์ขึ้นมา
“อ้ะ ถ้าเรียบร้อยแล้ว เด็กๆ ทำตามที่ครูพูดนะคะ พนมมือขึ้น”
เด็กๆ ทุกคนนั่งคุกเข่าพนมมือ
“เอาพวงมาลัยดอกมะลิไปให้คุณแม่ แล้วกราบที่ตักคุณแม่ด้วยนะคะ” เด็กๆ ทุกคนทำตาม
ข้าวตู กับไข่ตุ๋น เอาพวงมาลัยดอกมะลิมาให้ยี่หวา แล้วกราบแทบตักยี่หวา ยี่หวารับพวงมาลัย แล้วกอดเด็กทั้งสอง พร้อมกับหอมแก้มข้าวตู และไข่ตุ๋น
ณนนท์มองภาพเบื้องหน้าน้ำตาซึม ด้วยความปลาบปลื้มใจ แค่เห็นลูกมีความสุข เขาก็พลอยสุขไปด้วย
สุดยอด ว่าน นัท ยิ่ง และพนักงานทุกคน กำลังเต้นประกอบเพลงจังหวะสนุกสนาน ซึ่งยิ่งเป็นคนวางกฎในการให้พนักงานเต้นออกกำลังตอนเช้า และก่อนทำงานทุกครั้ง อย่างในตอนกลางวันวันนี้แต่ละคนเต้นได้พร้อมเพรียง วาดลวดลายกันเต็มที่
“ พี่ พี่แน่ใจเหรอ ว่าไอ้การเต้นแบบเนี้ย มันจะทำให้เราทำงานดีขึ้น” สุดยอดเต้นไปถามยิ่งไป
“เฮ้ย พี่ศึกษามาหมดแล้ว การเต้นจะทำให้ร่างกายตื่นตัว มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น คนอย่างพี่ จะทำอะไรต้องชัวร์ไม่มีมั่วโว้ย” ยิ่งเต้นไปตอบไป ขณะที่สุดยอดเต้นไปพูดไป
“แต่ผมเห็นที่อื่นเค้าเต้นวันละรอบสองรอบ ไม่ได้เต้นทุกชั่วโมงอย่างเรานะพี่”
“เต้นทุกชั่วโมง จะได้ขยันทำงานกันทุกชั่วโมงเลยไง ไม่ดีเหรอ”
ยิ่งพูดจบก็โชว์เสต็ป หมุนตัว เข้าสู่ท่าจบ ก่อนที่สุดยอด ว่าน นัท และพนักงานทุกคนจะรีบปรบมือให้
“พวกเรา สู้ไม่สู้” ยิ่งปลุกใจพนักงาน
“สู้!!!” ทุกคนชูกำปั้นขึ้นพร้อมกัน
“สู้แค่ไหน
“สู้แค่ตาย” ทุกคนชูกำปั้นขึ้นพร้อมกัน
“ตายเพื่ออะไร”
“โบนัส โบนัส โบนัส” ทุกคนชูกำปั้นขึ้นพูดพร้อมกัน ยิ่งยิ้มแย้มดีใจ
“ดีมาก พี่เห็นทุกคนมีอุดมการณ์อย่างงี้ พี่ก็ดีใจ ต่อไปบริษัทเราต้องเจริญรุ่งเรืองแน่นอน” แล้วหัวเราะอย่างชอบใจ พนักงานทุกคนแยกย้ายกลับไปทำงาน
“แค่เต้นก็ลิ้นห้อยหมดแรงแล้ว ใครจะมีแรงทำงานต่อไหววะ” นัทบ่นอุบ
“นั่นดิ ข้าว่าพี่ยิ่งแกรั่วขึ้นทุกวัน อีกหน่อย คงบังคับให้เราใส่คอสเพลย์มาทำงานกันแหงๆ” ว่านตาม
“แหม ปากเก่งกันทุกคน ทีต่อหน้าไม่พูดล่ะวะ” สุดยอดว่า
“ขืนพูดต่อหน้า ก็โดนไล่ออกสิ ข้ายังไม่อยากตกงานโว๊ย” นัทบอก
ว่านหน้าขรึมลง “ไอ้ยอด พักนี้เอ็งอ่านหนังสือพิมพ์บันเทิงบ้างรึเปล่าวะ”
“ทำไมวะ” สุดยอดถามอย่างแปลกใจ
ครู่ต่อมาสามหนุ่มสุมหัวอยู่ที่มุมหนึ่งในบริษัทยิ่ง สุดยอดกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยสีหน้าสุดเซ็ง โดยมีว่าน นัทยืนอยู่ใกล้ๆ หนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับนั้น ลงรูปเพิร์ลลี่กับวสันต์กำลังสวีทกันแถมพาดหัวหน้า 1 ว่า
“เพิร์ลลี่รักลงตับ...แรงส์ไม่แคร์ใคร”
“ไง ไอ้ยอด ทีนี้รู้รึยัง ว่าทำไมคุณหยีเค้าถึงโกรธน้องเพิร์ลลี่ของเอ็งนัก”
“อาจจะมีอะไรเข้าใจผิดก็ได้มั้ง ข่าวพวกนี้เชื่อหมดไม่ได้หรอก” สุดยอดตอบเพื่อนแบบเซ็งๆ
“จะๆ อย่างงี้ เอ็งยังว่าเข้าใจผิดอีกเหรอวะ จะให้จ๊วบปากกันเลยรึไง ถึงจะเข้าใจถูก” นัทใส่
“ยังไงข้าก็ไม่อยากฟังความข้างเดียวว่ะ ข้าจะให้โอกาสเพิร์ลลี่เค้าได้อธิบายก่อน”
ที่หน้าสตูดิโอเวลาต่อมา เพิร์ลลี่กำลังบีบน้ำตาให้สัมภาษณ์นักข่าวที่รุมล้อมอยู่ โดยมีชม้อยปั้นหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ลูบหน้าลูบหลังเพิร์ลลี่ที่ทำเป็นบีบน้ำตาสุดฤทธิ์ในเวลานั้น
“เป็นข่าวแรงที่สุด ตั้งแต่ที่เพิร์ลลี่เคยเจอมาเลยค่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคนที่ให้ข่าวเค้าคิดอะไรอยู่”
“หมายความว่ามีคนอยู่เบื้องหลังภาพนี้เหรอครับ น้องเพิร์ลลี่” นักข่าวซัก
“ค่ะ ความจริงมันไม่มีอะไรเลย ในภาพก็เห็นชัดๆ ว่าเป็นกลางห้าง ใครจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ แถมผู้ชายในภาพเค้าก็มีครอบครัวแล้วด้วย เพิร์ลลี่ไม่เลวถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
ชม้อยรอจังหวะอยู่รีบจีบปากจีบคอ เสริมต่อทันควัน
“คนที่อยู่เบื้องหลัง เค้าฉลาดค่ะ รู้จักใช้มุมกล้อง แล้วก็ใส่สีตีไข่เทนมเติมครีม จนภาพพจน์ของลูกคุณแม่ เสียหายยับเยินไม่มีชิ้นดีแล้ว”
“แล้วใครกันคะที่เป็นคนทำ” นักข่าวอีกคนถามขึ้น
เพิร์ลลี่บีบน้ำตาต่อ
“เพิร์ลลี่บอกไม่ได้หรอกค่ะ คนอ่อนแออย่างเพิร์ลลี่ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับเค้า พูดไปก็เพิร์ลลี่ก็มีแต่จะโดนฝ่ายเดียว”
“ใบ้ให้นิดนิดได้มั้ยคะว่าใคร”นักข่าวซักอีก
“เพิร์ลลี่เห็นแก่พี่ๆ หรอกนะคะ เค้ามีอักษรย่อว่า ‘ย.’ ค่ะ” เพิร์ลลี่หมายถึงยาหยี!
นักข่าวจดกันยิกๆ ปริศนาอักษรย่อแบบเนี้ย ของชอบ
ครั้นพออยู่ในห้องแต่งตัวสองแม่ลูก เพิร์ลลี่ และชม้อยก็เม้าท์เรื่องผลงานตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จที่เพิ่งจบไปหมาดๆ
“เป็นไงล่ะคะ ทีนี้เชื่อคุณแม่รึยัง เลี้ยงกระแสไว้ไม่เคยตก ได้รับอีเว้นท์กันกระเป๋าตุงแน่ ที่สำคัญ อย่าชิ่งหนีแม่ไปอีกล่ะ” ชม้อยทิ้งค้อนให้ลูกสาว 1 วง “คราวที่แล้ว แม่ฉีกทุเรียนจนขาถ่างไปซะตั้งหลายวัน”
เจอแม่ด่าเอาเพิร์ลลี่หน้าจ๋อย
“ขอโทษค่ะแม่ แต่..ข่าวฉาวแบบนี้จะดีจริงๆ เหรอคะ เกิดกระแสตีกลับขึ้นมาเพิร์ลลี่ไม่ถูกตราหน้าว่าแย่งผัวชาวบ้านเหรอคะ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เชื่อแม่สิ แม่คอนโทรลได้ แต่นึกๆก็เจ็บใจยัยวัลลภาจริงจิ๊ง ลูกชายตัวเองมีลูกมีเมียแล้ว ยังจะมาให้ความหวังกันได้ เจอหน้าต้องต่อว่าซะหน่อยแล้ว”
ระหว่างนั้นเพิร์ลลี่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ “เออ พูดถึงเรื่องต่อว่า แปล๊กแปลกนะคะคุณแม่ ข่าวออกจะดังขนาดเนี้ย ไม่เห็นพี่ก้องโทรมาเคลียร์กับเพิร์ลลี่เหมือนทุกทีเลย”
“เออ จริงสิ ทำไมนะ” ชม้อยเองก็ชักแปลกใจ
ทีมงานกำลังทำงานเตรียมความพร้อมกันอย่างขยันขันแข็ง ยาหยีกำลังนั่งท่องสคริปท์อยู่ ขณะนั้นเอง ก็มีช่อดอกไม้ช่อใหญ่ยื่นมาให้ ยาหยีเงยหน้าขึ้นมอง ปรากฏว่าก้องเป็นคนยื่นช่อดอกไม้ให้
“อย่าถามว่าเนื่องในโอกาสอะไรนะครับ ผมก็แค่เห็นว่ามันสวยดี ก็เลยเอามาฝากคุณหยีน่ะครับ” ก้องเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ” ยาหยีปั้นหน้ายิ้มให้ จำใจต้องรับไว้
“คุณหยีเสร็จงานแล้ว พอจะว่างมั้ยครับ ผมอยากจะชวนคุณหยีไปทานอะไรด้วยกันหน่อย”
“ไม่ว่างค่ะ ขอโทษนะคะ หยีต้องไปแต่งหน้าเตรียมตัวอัดรายการแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
ยาหยีตัดบทแล้วเดินเลี่ยงออกไปเลย ก้องมองตามด้วยสายตามุ่งมั่นอยากเอาชนะ เพราะหล่อรวยโปรไฟล์เลิศอย่างเขามีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหา ไม่เคยเจอแบบยาหยีมาก่อน
ทั้งสองคนไม่รู้ตัวว่าสุดยอดยืนมองอยู่ด้วยหน้าตาบึ้งตึง
“ตามมาเฝ้าถึงในกองเลยเหรอวะ เสน่ห์แรงเหลือเกินนะแม่คู๊น”
สุดยอดเดินหน้าหงิกเลี่ยงไป สวนกับชม้อย และเพิร์ลลี่ที่เดินเข้ามา เพิร์ลลี่มองตามสุดยอด รู้สึกแปลกใจที่สุดยอดเดินหน้าหงิกเลี่ยงไปเลย โดยไม่ยอมคุยกับตน
ระหว่างนั้นชม้อยมองเห็นก้องเข้า ร้องขึ้นอย่างตกใจ
“ต๊าย คุณก้องมาค่ะลูก งานเข้าแล้ว คราวนี้ไม่ได้โทรแต่มาตัวเป็นๆ เลย”
เพิร์ลลี่ยิ้มๆ คิดเอาเองอย่างภูมิใจที่รถไฟชนกันโครมใหญ่เพราะเสน่ห์ของตน
“มิน่า พี่ยอดถึงทำหน้ายังกะจะฆ่าคน ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ เดี๋ยวเพิร์ลลี่เคลียร์เอง”
ว่าแล้วเพิร์ลลี่ก็เดินปรี่ยิ้มหวานเข้าไปหาก้อง
“พี่ก้อง มาได้ยังไงกันคะเนี่ย ไม่เห็นบอกเพิร์ลลี่เลย”
“อ้าว ก็พี่ไม่ได้ตั้งใจมาหาเพิร์ลลี่นี่ครับ” ก้องยิ้มรับ
เพิร์ลลี่หน้าแตกแต่ยังไม่รู้ตัวจึงปั้นหน้าเศร้าต่อ
“พี่ก้องโกรธเพิร์ลลี่เรื่องข่าวใช่มั้ยคะ เพิร์ลลี่อธิบายได้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพิร์ลลี่ย่อมต้องมีสิทธิเลือกอยู่แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ ผมตั้งใจจะมาดูยาหยีเค้าอัดเทปรายการน่ะครับ”
พูดจบก้องก็เดินเลี่ยงไป ทำเอาเพิร์ลลี่เหวอไปทันที ส่วนชม้อยอ้าปากค้างพอกัน เพราะเคืองสุดๆ
ขณะที่ยาหยีกำลังแต่งหน้าอยู่ในห้องแต่งตัว สุดยอดเดินเข้ามาในห้อง พอเห็นยาหยีก็เบะปากอย่างหมั่นไส้ สุดยอดจึงเปิดฉากแกล้งคุยกับช่างแต่งหน้าแต่ว่ากระทบชิ่งยาหยี
“เจ๊ งานนี้เปลืองแป้งหน่อยนะ จะเหลือพอมาแต่งหน้าให้ผมรึเปล่าเนี่ย”
“ทำไมเหรอคะน้องสุดยอด” ช่างงงๆ
“อ้าว ก็มีหนุ่มหล่อในฝันของสาวๆมานั่งเฝ้าทั้งที จะไม่ให้หน้าบานได้ยังไง๊ บาน.... ซะขนาดเนี้ย เจ๊ก็เปลืองแป้งหน่อยละกัน”
สุดยอดปล่อยหมัด ยาหยีฟังแล้วรู้สึกหมั่นไส้ ยิ้มประชด
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะเจ๊ ถ้าแป้งเจ๊หมด เดี๋ยวหยีซื้อให้ใหม่ มีหนุ่มฮอตมาให้ความหวังทั้งที หยีสู้ตายค่ะ ดีกว่ามีไอ้พวกหล่อหลบใน แถมยังปากเน่ามาป้วนเปี้ยนตั้งเยอะ จริงมั้ยคะเจ๊”
“หล่อตายล่ะ ถ้ารวยมันก็หน้าตาดีได้ทุกคน ไม่เห็นแปลก”
“อิจฉาเค้าล่ะซี”
ถูกจี้ใจดำเข้าสุดยอดแก้ตัวแทบไม่ทัน “ใคร ใครอิจฉา ยังไงผมก็ดารานะคุณ แฟนคลับก็มีเยอะแยะ โธ่ ที่ผมพูดก็เพราะเห็นคนโดนหลอกมาเยอะแล้ว แต่ถ้าอยากจะเป็นของเล่นไฮโซก็ตามใจ”
“คนอย่างฉันมีหัวคิดพอ ไม่เป็นของเล่นให้ใครง่ายๆหรอก คุณเองควรจะสำรวจรอยหยักในสมองคุณก่อนดีกว่า” ยาหยีเบะปากใส่ “ปล่อยให้แฟนตัวเอง ควงกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว ไม่มีใครเค้าคิดว่าคุณใจกว้างหรอกนะ มีแต่คนเค้าคิดว่าคุณ...”
ยาหยีเว้นระยะแล้วพูดออกมาโดยไม่มีเสียง แต่อ่านปากได้ความว่า “ โง่...”
ก่อนจะหันไปไหว้ขอบคุณช่างแต่งหน้า “ขอบคุณค่ะเจ๊”
แล้วเดินเชิดออกจากห้องไป ปล่อยให้สุดยอดมองตามด้วยความเจ็บใจ
อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้
วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ลิขิตเสน่หาตอนที่ 10 (ต่อ)
เวลาต่อมา ยาหยี กับเพิร์ลลี่กำลังอัดรายการอยู่ โดยมีว่าน นัทคอยควบคุม ในขณะที่สุดยอด กับก้อง ยืนดูอยู่คนละมุม ช่วงสุดท้ายของรายการยาหยีพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“ช่วงดีไอวายบายยาหยีก็หมดเวลาลงแล้ว เอาไว้พบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ”
ยาหยี กับ เพิร์ลลี่ไหว้ผู้ชมพร้อมๆ กันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “สวัสดีค่ะ” พลางโบกมือบ๊ายบายให้กล้อง
“คัท โอ.เค.ครับ เช็กเทป” นัทบอกทีมงาน ซึ่งแต่ละคนก็รีบไปทำหน้าที่ของตัวเองทันที
ระหว่างนั้นก้องก็เดินเอาน้ำเย็นมาให้ยาหยี เพริ์ลลี่มองก้องกับยาหยีด้วยสายตาริษยาอาฆาต แต่ทำอะไรมากไม่ได้ กลัวเสียลุค เลยสะบัดหน้าเดินเลี่ยงไป
ว่าน และนัท เดินเข้ามาคุยกับสุดยอด ในขณะที่สุดยอดมัวแต่ดูก้องเอาอกเอาใจยาหยีด้วยใบหน้าหงิกงอ
“เฮ้ยไอ้ยอด เดี๋ยวตาเอ็งแล้วนะโว๊ย วันนี้เป็นเรื่องเค้กไร้ไขมันเพื่อสุขภาพ เอ็งต้อง...” นัทพูดคนเดียวสุดยอดไม่ได้สนใจฟัง นัทหันมาดูก็เห็นว่าสุดยอดมองไปทางอื่นเขม็ง นัทเลยมองตาม “มองอะไรวะ”
“ก็ไอ้ไฮโซกระเป๋าหนักนั่นน่ะดิ ออกรายการเทปเดียว แจ้นตามมาถึงนี่ ทุเรศว่ะ”
สุดยอดลืมตัวพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้สุดๆ
“เค้าคงชอบคุณหยีจริงล่ะมั้ง แต่ถ้าเป็นแฟนกันจริงๆ ก็ดีนะเว๊ย รายการโซลเมทคู่กันแล้วไม่แคล้ว
กันมีหวังแจ้งเกิดชัวร์”
“ดีกะผีอะไร มีแต่พวกผู้หญิงหวังรวยทางลัดเท่านั้นแหละ ถึงจะเอาไอ้บ้านี่เป็นแฟน งานการก็ไม่ทำ วันๆ ดีแต่ป้อหญิงไปมา ถ้าไม่รวยซะอย่างเดียว มีอะไรดีวะ”
พอได้ฟังสุดยอดแขวะก้อง ว่าน กับนัท หันไปมองหน้ากันแบบงงๆ
“เอ็งโกรธเกินไปรึเปล่าวะไอ้ยอด คุณก้องเค้าไปตีหัวเอ็งเหรอ”
“นั่นดิ จริงๆ เอ็งน่าจะชอบนะเว๊ยที่เค้าจีบคุณหยี เอ็งจะได้สบายใจเรื่องน้องเพิร์ลลี่ไง”
สุดยอดหน้าเสีย ว่านกับนัทพูดถูก สุดยอดก็ชักงงๆ ตัวเองเหมือนกัน ว่าโกรธยาหยีทำไมนักหนา?
ทางด้านเอนิตาเตรียมออกจากบ้านไปเที่ยวผับตามเคย เอนิตาคุยมือถือหัวเราะชอบใจระหว่างเดินมายังรถ ไม่บอกก็รู้ว่าเธอเมาท์อยู่กับเพื่อนนางแบบก๊วนปาร์ตี้ของเธอนั่นเอง
“จัดมาเลยย่ะ คนอย่างฉันไม่มีถอยอยู่แล้ว...ถ้าผับเลิก แล้วฉันได้เบอร์มากกว่าแก แกจะให้อะไรฉัน...”
ทันใดนั้นเอง เอนิตาก็เห็นพีทยืนอยู่ที่รถของตน เธอชะงักไปครู่นึก และมีอาการตกใจมาก
“แค่นี้ก่อนนะ ฉันมีธุระ”
เอนิตากดวางสายทันที ก่อนจะหันไปฉะพีททันควัน
“แกเข้ามาได้ยังไง ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ
พีทยิ้มกวนๆ เข้ามาจับไหล่เอนิตา
“ไม่เอาน่า ทีเมื่อก่อนผมขึ้นไปถึงเตียงด้วยซ้ำ ยังไม่เห็นพี่ว่าซักคำ”
เอนิตาปัดมือพีทออก อย่างขยะแขยง
“ฉันก็ให้เงินแกไปหมดแล้ว แกจะเอาอะไรกับฉันอีก”
“ก็คลิปผมมันมีหลายเวอร์ชั่น พี่เพิ่งจะดูไปสองเอง ผมก็เลยมาถาม ว่าพี่อยากดูให้ครบเวอร์ชั่นมั้ย”
เอนิตาโกรธจัด ตบหน้าพีทเต็มๆ
“ไอ้แมงดา คนอย่างแก ไปลงนรกซะไป”
พีทโมโห จับข้อมือเอนิตาบิด จนเอนิตาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
“ถ้าผมลงนรก พี่ก็ต้องไปปีนต้นงิ้วในนรกขุมเดียวกับผมนั่นแหละ พรุ่งนี้สิบโมง ถ้าผมไม่ได้สามแสนล่ะก็ พี่เตรียมดูผลงานตัวเองบนแผงซีดีเถื่อนได้เลย”
พีทขู่ทิ้งท้าย พร้อมกับผลักเอนิตาออกไป เอนิตาทั้งเจ็บข้อมือ ทั้งกลัวพีท ได้แต่มองตามพีทออกจากบ้านโดยไม่กล้าทำอะไร
เวลาต่อมาเอนิตาก็พาตัวเองมายังบ้านณนนท์ เธอกำลังถูกณนนท์ต่อว่า
“ขอเงินอีกแล้วเหรอ ไม่มีทางผมไม่ให้ คุณทำตัวของคุณเอง แก้เอาเองผมไม่ยุ่งด้วยแล้ว”
“แสดงว่าคุณรับได้ใช่มั้ยที่ยัยไข่ตุ๋นมีแม่ถ่ายคลิปฉาว”
“เลิกเอาลูกมาขู่ผมซะที ถึงคราวนี้ผมช่วยคุณจากไอ้คลิปพวกนี้ได้ คนอย่างคุณมันก็อดกินของบูดของเน่าไม่ได้อยู่ดีน่ะแหละ อย่างไอ้นายวสันต์พ่อข้าวตูนั่นไง นึกว่าผมไม่รู้เหรอ ว่าคุณไปกับมันมา”
เอนิตาตกใจ หน้าเสีย คิดไม่ถึงว่าณนนท์จะรู้
“ตกใจที่ผมรู้เรื่องนี้ใช่มั้ย ผมยังรู้อะไรมากกว่านั้นอีกเยอะ คนอย่างคุณน่ะไม่รักใครจริงหรอก นอกจากตัวคุณเอง ดูอย่างวันนี้ซิ รับปากลูกซะดิบดี ว่าจะมางานวันแม่ สุดท้าย คุณก็ทำให้ลูกเสียใจอีกจนได้”
เอนิตาจนแต้ม พูดอะไรไม่ออก แต่ทันใดนั้น ไข่ตุ๋นก็เปิดประตูห้องออก แล้ววิ่งเข้ามากอดแม่ทันทีด้วยความดีใจ
“แม่ แม่มาหาไข่ตุ๋นแล้ว แม่ขา ทำไมแม่ถึงไม่มางานวันแม่ล่ะคะ รู้มั้ย ไข่ตุ๋นรอแม่ตั้งนานแน่ะ”
เอนิตาได้โอกาส รีบบีบน้ำตาทันที
“แม่ก็อยากมาหาไข่ตุ๋นนะลูก แต่มีคนทำร้ายแม่ แม่เลยมาไม่ได้”
ไข่ตุ๋นทำท่าฮึดฮัดโมโหที่มีคนจะทำร้ายแม่ของตน
“ใครทำร้ายแม่คะ บอกไข่ตุ๋นมาเลย ไข่ตุ๋นจะไปอัดมันเอง”
เอนิตาบีบน้ำตาต่อ “ไข่ตุ๋นสู้เค้าไม่ได้หรอกลูก” ขณะพูดเอนิตาเหล่ไปทางณนนท์ “แต่พ่อไข่ตุ๋นช่วยแม่ได้ แต่พ่อเค้าไม่ยอมช่วยแม่”
ไข่ตุ๋นรีบหันไปพูดกับพ่อ “แล้วทำไมพ่อถึงไม่ยอมช่วยแม่ล่ะคะ พ่อไม่รักแม่แล้วเหรอ”
ไข่ตุ๋นมองพ่อ แล้วทำปากเบะๆ จะร้องไห้ ณนนท์ถอนใจอย่างหนัก เสียท่าเอนิตาอีกจนได้
ในขณะที่เอนิตายิ้มเยาะอย่างสะใจ เพราะฟ้าได้ส่งไข่ตุ๋นมาช่วยตัวเองไว้แท้ๆ
เช้าวันต่อมา เอนิตาใส่แว่นดำพรางหน้าเดินมาตามทางเดินในคอนโดแห่งหนึ่ง เธอหยุดหน้าห้องหนึ่งแล้วเคาะประตู พีทเปิดประตูให้เอนิตาเดินเข้าไปในห้อง
“เงินล่ะครับพี่” พีทเรื่องเงินทันที
เอนิตาหยิบซองใส่เงินออกมา พีทยื่นมือจะรับซอง เอนิตายังไม่ให้ซอง
“เอาโทรศัพท์มา ฉันจะลบคลิปเอง”
พีทยิ้มๆ เดินไปหยิบโทรศัทพ์ ระหว่างนั้นเอนิตาเหลือบไปเห็นถุงใส่ยาเสพติดวางอยู่ พีทยื่นโทรศัพท์ให้ เอนิตากระชากโทรศัพท์มากดลบคลิปทิ้ง ก่อนจะยื่นเงินส่งให้
“เอาไป แล้วก็เลิกจองเวรจองกรรมฉันซะที ฉันไม่มีเงินให้แกสูบแล้ว”
“คิดเหรอว่าแค่ลบคลิปแค่นี้ แล้วจะไม่มีชุด 3 ตามมา” พีทยั่ว
“ชั่ว!!!” เอนิตาด่าคู่ขาแสบอย่างเหลืออด
“ขอบคุณคร๊าบที่ชม”
เอนิตาโกรธเดินออกไปกระแทกประตูเสียงดัง พีทหัวเราะเยาะไล่ตามหลัง ขณะที่เอนิตาเดินไปที่ลิฟท์ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์)
“ชุดสาม ฉันจะได้ดูรึเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าชุดของแก อวสานวันนี้แหละไอ้พีท”
เอนิตาหยิบมือถือออกมา แล้วกดโทรออกทันที
“ยัยเก๋ แฟนแกเป็นตำรวจใช่ป่ะ ฉันมีเรื่องจะบอก...”
ภายในห้องทำงานณนนท์ เอนิตากำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่กับเพื่อนอย่างอารมณ์ดี เวลานั้น ณนนท์ไม่อยู่ในห้อง
“สะใจ สมน้ำหน้ามัน ให้มันติดคุกไปทั้งชาติเลยได้ยิ่งดี...แล้วเรื่องคลิปฉันล่ะ... ขอบใจมาก ไว้วันหลังฉันเลี้ยงขอบคุณแกกับแฟนแกอีกทีนะ” เอนิตานึกบางอย่างขึ้นมาได้ ตกใจรีบบอกเพื่อน “อย่าๆ แกอย่าให้นนท์รู้เรื่องเงินนะ เดี๋ยวฉันไปรับคืนเอง”
ระหว่างนั้นณนนท์ก็เปิดประตูห้องถือหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวพีทถูกจับเข้ามา
“แค่นี้ก่อนนะ” เอนิตาเห็นณนนท์ รีบตัดบทกดวางสายทันที
“สีหน้าดีขึ้นนี่ แกะปลิงออกแล้วสิ” ณนนท์ประชด
“แหงละ ป่านนี้มันคอตกอยู่ในคุกโน่น”
“จบเรื่องได้ก็ดี หวังว่าคงไม่ฉายหนังซ้ำอีกนะ” ณนนท์ถอนใจอย่างระอา
“รู้แล้วน่า ฉันสัญญาแล้วไง ว่าต่อไปทำอะไร จะไม่ให้เดือดร้อนถึงคุณกับลูกอีก พอใจรึยัง”
เอนิตาพูดด้วยอารมณ์รำคาญ
“ยัง คุณยังมีสัญญาอีกข้อที่ยังไม่ได้ทำ”
“เรื่องยัยไข่ตุ๋นใช่มั้ย จะให้ทำอะไรก็ว่ามา”
“ไข่ตุ๋นเสียใจมากที่คุณไม่ไปงานวันแม่ คุณต้องแก้ตัวด้วยการไปเที่ยวกับไข่ตุ๋นและครอบครัวผม ลองวีคเอ็นด์นี้”
“ครอบครัวคุณ หมายความว่าพ่อคุณกับไอ้น้องชายปากตลาดแตกของคุณก็ไปด้วยงั้นเหรอ” เอนิตาโวยวายตั้งแง่
“ถูกต้อง ไข่ตุ๋นอยากให้ไปกันครบทุกคน”
“แต่ฉันไม่อยากไปกับน้องคุณ ปากมันยังกะตะไกร แล้วฉันก็ไม่ชอบขี้หน้ามันด้วย”
ณนนท์หันมาจ้องหน้าเอนิตาแบบเอาจริง ยื่นคำขาด
“นิตา ผมบอกให้คุณรับทราบ ไม่ได้ถามความเห็นว่าคุณอยากไปหรือไม่อยากไป เพราะถ้าคุณไม่ไป ผมก็มีวิธีอื่นจัดการคุณเหมือนกัน”
ฟังแล้วเอนิตาฮึดฮัดด้วยความเจ็บใจ พอณนนท์เอาจริงขึ้นมาเธอก็ไม่กล้าหือเหมือนกัน
ชม้อยนัดเจอกับวัลลภา ที่ห้างสรรพสินค้าในตอนกลางวัน เมื่อเจอหน้าทั้งคู่จีบปากจีบคอตอแหลเดินคุยกันมา จังหวะนั้นชม้อยพูดอย่างของขึ้นหลังฟังวัลลภาพูดจบไป
“ต๊ายตาย มันร้ายอย่างงั้นเลยเหรอคะเนี่ย”
“ใช่ค่ะ ตอนนั้นตาสันต์ยังไก่อ่อน เจอไก่แก่อย่างนังยี่หวาเข้าเลยไปไหนไม่รอด ก็มันเล่นใช้ไม้ตายปล่อยให้ท้องนี่คะ ตาสันต์ก็เลยต้องรับผิดชอบ” ที่แท้วัลลภากำลังใส่ไคล้ลูกสะใภ้
“ทุเรศจริงๆ ไอ้พวกไล่จับผู้ชายเนี่ย รับไม่ได้ค่ะบอกตรงๆ”
“คุณพี่ถึงได้ตั้งความหวังไว้ที่น้องเพิร์ลลี่ไงคะ ถ้าได้สะใภ้อย่างน้องเพิร์ลลี่ พี่ก็ตายตาหลับแล้วล่ะค่ะ”
ชม้อยฟังแต่ไม่เคลิ้ม เพราะเกิดอาการลังเล
“แหม แต่เค้าก็ยังไม่ได้หย่ากันไม่ใช่เหรอคะ ขืนให้ลูกเพิร์ลลี่ของน้องเข้าไปก็โดนข้อหามือที่สามกันพอดี คราวที่แล้วกว่าจะเคลียร์ได้ น้ำลายเหนียวคอเลยนะคะ”
วัลลภาเห็นชม้อยชักลังเล เลยแกล้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
“เดี๋ยวขอพี่คุยกับโบรกเกอร์แป๊บนึงนะคะคุณน้องขา” วัลลภาแกล้งทำเป็นกดเบอร์ แล้ววางฟอร์มรอซักพัก พูดอวดรวยสร้างมูลค่าให้ตัวเองและลูกชายทันที
“ว่าไงจ๊ะ ราคาหุ้นไปถึงไหนแล้ว...แค่นั้นเองเหรอ อ๊ะ ขายๆไปก็ได้...ได้กำไรนิดๆ หน่อยๆ แค่สิบยี่สิบล้านก็พอแล้ว ฉันไม่ใช่คนโลภหรอก”
ได้ผลตามคาด! ชม้อยหูผึ่ง พอรู้ว่าวัลลภารวยจัด ก็โลภจนหน้ามืดตามัว วัลลภาปิดจ๊อบด้วยเรื่องทอง
“แล้วราคาทองล่ะ...โอ.เค. ซื้อซักหกสิบล้านแล้วกัน...สวัสดีจ้ะ”
วัลลภากดวางสาย แล้วหันไปคุยกับชม้อยต่อเนียนๆ
“พี่ก็รู้นะคะว่าคุณน้องลำบากใจเรื่องความรักหนุ่มสาวเนี่ย พี่ก็ไม่อยากบังคับหรอกค่ะ ถือซะว่าเด็กมันไม่มีวาสนาต่อกันละกัน”
ชม้อยใจแป้ว รีบสวนขึ้นมาทันควัน
“ได้ไงคะคุณพี่ ทำอย่างงี้ก็เท่ากับให้อีนังนั่นมันเสวยสุขอยู่คนเดียวสิคะ”
“แต่เค้ายังไม่ได้เลิกกันนะคะ”
“ไม่เลิก ก็ทำให้เลิกสิคะ” ชม้อยกำหมัดพูดอย่างมั่นใจ
“เชื่อฝีมือน้องสิคะ สร้างความร้าวฉาน งานถนัดเลยค่ะ”
วัลลภาเหล่มองชม้อย แล้วยิ้มเยาะ เพราะเล่ห์เหลี่ยมคนละชั้นกัน
ภายในร้านอาหารในห้างแห่งเดียวกันนั้น ครอบครัวยี่หวา ยาหยี บุญเลื่อง และข้าวตู กำลังรออาหารที่สั่งอยู่ โดยระหว่างนั้นยาหยีพาข้าวตูไปเข้าห้องน้ำ
สักครู่บริกรก็นำอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟให้
“อื้อหือ เค้กน่าทานทั้งนั้นเลย” บุญเลื่องยิ้มปลื้ม
“ยัยหยีทำไมช้านะพาข้าวตูไปเข้าห้องน้ำตั้งนานแล้ว”
ขณะนั้นเอง ชม้อย กับวัลลภาก็เดินคุยกันเข้าร้านมาพอดี พอวัลลภาเห็นยี่หวากับบุญเลื่องก็ชะงักทันที
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
ยี่หวาไหว้ตามมารยาท วัลลภารับไหว้ ด้วยท่าทีปั้นปึ่ง ชม้อยมองอยู่ รีบเจ๋อเสนอหน้าขึ้นมาทันที
“อ๋อ แม่คนนี้เองเหรอคะคุณพี่” ชม้อยมองยี่หวาหัวจรดเท้า “แหม หน้าตาก็ดีนะยะ ไม่น่าสิ้นคิดเล๊ย อาไร๊ ผู้ชายเค้าไม่ต้องการแล้ว ยังจะยื้อเค้าไว้อีก”
“นี่คุณเป็นใครไม่ทราบ อยู่ดีๆก็มาว่าปาวๆเนี่ย” ยี่หวาของขึ้น
บุญเลื่องสะกิดยี่หวา
“ยัยนี่เป็นแม่ยัยเด็กเพิร์ลลี่ ที่เพิ่งเป็นข่าวกับนายวสันต์ แม่จำได้เพราะยัยนี่ชอบเสนอหน้าเป็นข่าวบ่อยๆ”
ยี่หวาฟังแล้วก็นึกออก ยิ้มเยาะขึ้นมาทันที
“อ๋อ ฉันพอจะเข้าใจแล้ว นี่คงถูกเป่าหูมาล่ะซิ ประมาณว่าฉันจับนายวสันต์ไว้ไม่ยอมหย่า อะไรทำนองนี้ใช่มั้ย จะบอกให้นะ ถ้ามีคนมาขอเซ้งต่อฉันก็ยกให้ฟรีๆ แถมเงินให้ใช้อีกด้วยเอ้า”
วัลลภาหันไปซุบซิบๆ กันกับชม้อย “เห็นมั้ยคะ มันร้ายมั้ยคะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ คนอย่างน้องมีสมอง รู้จักแยกแยะถูกผิดค่ะ” ชม้อยว่า
ยี่หวายิ้มประชดพูดแดกดันขึ้นมาอีก
“ค่า มีสมอง มีสมองไว้กั้นหูไม่ให้ชนกัน ก่อนจะคิดมาแย่งสามีตัวอย่างของฉัน ลองไปสืบประวัติดูก่อนเถอะ ว่ามนุษย์คนนี้มันเคยทำงานทำการอะไรบ้าง ถ้าไม่กลัวหมดตัวก็เอาไปเลย ฉันอยากหย่าใจจะขาดอยู่แล้ว”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคุ้นหูดังแทรกเข้ามา
“ข้าวตูไม่ยอม พ่อกับแม่หย่ากันไม่ได้”
ยี่หวาตกใจหันกลับไปเห็นยาหยีเดินจูงมือข้าวตูเข้ามาพอดี
“ข้าวตู” ยี่หวาห่วงความรู้สึกลูก
ข้าวตูสะบัดมือยาหยี แล้ววิ่งหนีไป ยี่หวารีบวิ่งตามไปทันที
“ข้าวตู รอแม่ก่อนลูก ข้าวตู”
“ข้าวตู จะไปไหน” ยาหยีเองก็ตกใจรีบวิ่งตามไปอีกคน
บุญเลื่องสุดแค้นมองหน้าวัลลภา กับชม้อยเดินสะบัดออกไป ส่วน วัลลภา กับชม้อย สะใจที่เล่นงานยี่หวาได้ บริกรเดินเอาบิลมาให้วัลลภา
“อะไรยะ ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“โต๊ะที่เดินออกไปเมื่อกี้เค้าให้มาเก็บเงินที่คุณครับ” บริกรว่า
“แสบนักอีบ้านนี้ แสบทุกตัว”
วัลลภาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ข้าวตูวิ่งหนีมาหลบอยู่ในห้องน้ำชายในห้าง และขังตัวเองอยู่ในส้วม ร้องไห้ ยี่หวาเคาะประตูเรียกข้าวตู ด้วยความเป็นห่วง
“ข้าวตู เปิดหน่อยลูก ฟังแม่อธิบายก่อน”
“ไม่เปิด ข้าวตูไม่เปิด ไม่มีใครรักข้าวตูแล้ว ข้าวตูจะอยู่ในนี้” ข้าวตูร้องไห้
“ไม่มีหรอก ทุกคนรักข้าวตูกันทั้งนั้นล่ะลูก”
“ก็คุณแม่บอกเองว่าจะหย่ากับคุณพ่อ ข้าวตูรู้นะ ว่าหย่าคือไม่รักกันแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่รักกันแล้ว ต่อไปก็ต้องไม่รักข้าวตูด้วย” ข้าวตูไม่หยุดร้องไห้
“ไม่จริงหรอกลูก มันไม่ใช่อย่างงั้น ฟังแม่อธิบายก่อนสิครับข้าวตู”
ระหว่างนั้นก็มีผู้ชาย 2-3 คนเดินเข้ามาในห้องน้ำ พอเห็นยี่หวา ก็หน้าเสียไปตามๆ กัน ยี่หวาก็หน้าเสีย อายก็อาย แต่พยายามฝืนใจเคาะประตูกล่อมลูกต่อ
“เชื่อแม่สิครับข้าวตู ลูกกำลังเข้าใจผิดนะ เปิดประตูออกมาก่อน แม่จะอธิบายให้ฟัง”
แม้ว่าแม่จะปลอบเพียงใด แต่ข้าวตูก็เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียใจที่พ่อแม่จะหย่ากันอยู่อย่างนั้น
สุดยอดอยู่ในชุดรำกลองยาว สะพายกลองยาว ร้องโห่อยู่ในออฟฟิศยิ่ง
“โห่.... ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮิ้ว.....”
พอโห่เสร็จ สุดยอดก็เริ่มตีกลองยาว พร้อมรำอย่างเมามันส์ โดยมีว่าน นัท ช่วยกันเคาะโต๊ะ เป่าบีทบ็อกซ์ให้จังหวะไปด้วย สุดยอดรำกลองยาวอย่างมืออาชีพ ก่อนจะจบเพลงแบบสุดมันส์
“ไง รำขนาดนี้ พอจะไปเป็นพิธีกร ศึกกลองยาวชิงแชมป์ประเทศไทยได้รึยังวะ” สุดยอดถาม
“อย่าว่าแต่พิธีกรเลยวะ ข้าว่าเอ็งลงแข่งเองยังไหวเลย”
“น้อยๆหน่อยไอ้นัท อย่าอวยให้มันมากนัก แล้วที่หลังก็หางานง่ายๆให้ข้าบ้างไม่ใช่หามาแต่ละอย่าง พิสดารทั้งนั้น”
ทันใดนั้น ยาหยีก็เดินฉับๆ พร้อมลุยเข้ามาด้วยสีหน้าเครียดๆ และเอาจริง ร้องถามหาเพิร์ลลี่
“ยัยเพิร์ลลี่ล่ะ”
“อะไรเนี่ยคุณ มาถึงก็ทำหน้ายังกะจะฆ่าแกงกัน”
“ฉันถามว่ายัยเพิร์ลลี่อยู่ไหน” ยาหยีตวาดแว๊ด
“เอ่อ อยู่ห้องพี่ยิ่งมั้งครับ เห็นว่ามารับเช็ค” ว่านบอก
ยาหยีสะบัดหน้าเดินไปทางห้องยิ่งทันที สุดยอดสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดี เลยวางกลองยาวแล้วรีบตามยาหยีไปทันที
เวลาต่อมาเพิร์ลลี่เดินถือเช็คออกมาจากห้องยิ่ง โดยมียิ่งตามออกมาส่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“ขอบคุณพี่ยิ่งมากเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ เอ...ทุกทีเห็นคุณแม่เป็นคนมารับเช็คไม่ใช่เหรอครับ ทำไมวันนี้....”
ยิ่งพูดไม่ทันจบ ยาหยีก็เดินลิ่วเข้ามาจะขย้ำเพิร์ลลี่ทันที
“ยัยเพิร์ลลี่”
ว่าแล้วยาหยีก็โผเข้ามาจะขย้ำ แต่สุดยอดวิ่งเข้ามาล็อกไว้ได้ทัน
“ปล่อยฉัน ปล่อยสิ ฉันจะฆ่ายัยแอ๊บแบ๊วนี่ ปล่อย” เพิร์ลลี่ตกใจยิ่งแบ๊วหนักกว่าที่เคย
“นี่มันอะไรกันคะพี่ยอด เพิร์ลลี่งงไปหมดแล้ว”
“เอ่อ คือ...พี่ก็งง” สุดยอดเองก็งงพอกัน ยาหยีจึงพูดสวนขึ้น
“เลิกแอ๊บได้แล้วย่ะ ยัยหน้าคอนกรีต รู้มั๊ย ว่าผลของการที่เธอมายุ่งกับไอ้พี่เขยเฮงซวยของฉันมันเป็นยังไง ตอนนี้หลานฉันเสียใจใหญ่แล้ว ถ้าหลานฉันเป็นอะไรไป เธอต้องรับผิดชอบได้มั้ย”
เพิร์ลลี่ฟังแล้วตกใจ แต่รีบปั้นหน้าเศร้า
“ไม่จริงนะคะพี่ยอด เพิร์ลลี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เค้าใส่ความเพิร์ลลี่อีกแล้วค่ะ”
“ใส่ความเหรอ”
ยาหยีแค้นใจสุดๆ ชักข้อศอกถองสุดยอด จนตัวหลุดออกมาได้ แล้วจึงตรงเข้าไปขย้ำเพิร์ลลี่ทันที เพิร์ลลี่ร้องกรี๊ด รีบเข้าไปหลบหลังยิ่ง แต่ยาหยีก็ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม จะตามเล่นงานเพิร์ลลี่ให้ได้
แต่เพราะเพิร์ลลี่ก็หลบเก่ง เลยไม่โดนจังๆ ซะที มีแต่ยิ่งที่โดนเล่นงานแทนจนอ่วมไปหมด สุดยอดพยายามเข้าไปห้าม แต่ก็โดนลูกหลงจากสองสาวเข้าไป เวลาผ่านไปยาหยีจะเล่นงานเพิร์ลลี่แต่ไม่สำเร็จ กลายเป็นว่าสุดยอด กับยิ่ง โดนลูกหลงแทนจนวุ่นวายไปหมด ทั้งวิ่งหนีกันไปมา ปากระดาษใส่กันจนเละเทะไปหมดทั้งห้อง
เหตุการณ์ชุลมุนเมื่อครู่ ลงเอยด้วยการที่สุดยอดกำลังใส่ยาที่มุมปากให้ตัวเองอยู่ ร้องครางซี๊ดเพราะเจ็บแผล โดยมียาหยียืนหน้าหงิกอยู่ใกล้ๆ
“คุณนี่เห็นอย่างนี้พอของขึ้น ช้างก็ฉุดไม่อยู่”
ยาหยีหน้าบึ้งตึงอยู่อย่างเดิม
“ใครมาเจออย่างฉันก็ต้องของขึ้นทั้งงั้นแหละ คิดดูแม่ยัยเพิร์ลลี่มาฉอดๆใส่หน้าพี่สาวฉัน จนข้าวตูได้ยิน หลานฉันยิ่งมีปัญหาอยู่ ป่านนี้ไม่รู้เป็นไงบ้าง”
“พี่เขยคุณก็ก่อเรื่องซะเยอะแยะขนาดนั้น ยังไม่ชินกันอีกเหรอ”
“มันไม่เหมือนกัน ถึงอีตาวสันต์จะเลวยังไง ข้าวตูก็ไม่เคยเห็นไม่เคยรับรู้ แต่นี่ทั้งลงหนังสือพิมพ์ ทั้งโดนเม้าท์สนั่นเมือง ข้าวตูจะรู้สึกยังไง”
สุดยอดได้ฟังก็หน้าขรึมลงทันที
นั่นสิ ไม่ต่างจากคลิปของพี่สะใภ้ผมเลย ตอนนั้นผมก็ต้องคอยกันไม่ให้ไข่ตุ๋นรับรู้เรื่องพวกนี้เหมือนกัน ขอโทษนะ ที่เคยว่าคุณ”
“นี่คุณยอมเชื่อฉันแล้วเหรอ ไม่คิดว่าฉันสร้างเรื่องอีกรึไง”
“ถ้าเป็นเรื่องเพิร์ลลี่ ผมยังไม่เชื่อคุณร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่นิสัยของแม่เพิร์ลลี่เป็นยังไง ผมซึ้งดีเลยล่ะ”
“ก็ยังดีที่ตาสว่างมาครึ่งนึง ไม่ได้ซื่อบื้อไปซะทั้งหมด”
สุดยอดเหลือบไปเห็นแผลเลือดออกที่มือยาหยี
“นั่นมือคุณเลือดออกนี่”
“คงโดนเล็บยัยเพิร์ลลี่ ช่างเถอะ...” ยาหยีดูมือตัวเอง
แล้วยาหยีก็ต้องอึ้ง เมื่อจู่ๆ สุดยอดก็จับมือของเธอ แล้วใช้สำลีชุบแอลกอฮอลล์เช็ดแผลอย่างแผ่วเบา ก่อนจะใส่ยาแล้วเป่าแผลให้เบาๆ
ยาหยีอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่คิดว่าสุดยอดจะทำอะไรแบบนี้เป็นกับเขาด้วย แต่เริ่มรู้สึกดีและอบอุ่นกับสิ่งที่สุดยอดทำ อย่างที่ตนไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
“แสบมั้ย” สุดยอดถาม ยาหยีเขิน รีบหลบตา “ไม่...ไม่เป็นไร”
พอเสร็จแล้วสุดยอดเอายาเก็บเข้ากล่องปฐมพยาบาล ในขณะที่ยาหยีเหล่มองสุดยอด รู้ตัวว่าหัวใจเจ้ากรรมเริ่มหวั่นไหวมากขึ้นเรื่อยๆ
ยี่หวาเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน โดยที่ยาหยี บุญเลื่องยืนรออยู่ด้วยความเป็นห่วงข้าวตู
“ข้าวตูเป็นไงบ้าง”
“นอนแล้วค่ะ แต่กว่าจะยอมนอน หนูก็ต้องสัญญาแล้วสัญญาอีกว่าไม่หย่าแน่ๆ หนูไม่อยากโกหกลูกเลยค่ะแม่
“แม่เข้าใจ แต่มันจำเป็นจะให้ทำไงล่ะ ช่วงนี้เราก็ใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากๆ หน่อยละกัน ข้าวตูจะได้ไม่คิดเรื่องพวกนี้ แม่ล่ะกลัวว่าจะหนีออกจากบ้านอีก คราวนี้มันคงไม่โชคดีเหมือนคราวที่แล้วหรอก”
ยาหยีฉุกคิดขึ้นมาได้
“แม่คะ พี่ยี่หวา หยีมีกิ๊ฟท์ วอยเชอร์ บัตรพักรีสอร์ทฟรี ช่วงหยุดยาวอาทิตย์นี้เราไปกันมั้ยคะ ให้ข้าวตูเปลี่ยนบรรยากาศ เผื่อจะได้ลืมๆ อะไรไปบ้าง”
“กู๊ดไอเดียเลย ขอบใจมากน้องรัก” ยี่หวาเห็นงามด้วย
“ข้าวตูก็หลานหยีเหมือนกันนี่”
ยี่หวาฟังน้องสาวแล้วสีหน้าก็ดีขึ้น เริ่มมีความหวังว่าจะช่วยเยียวยาข้าวตูได้บ้าง
จบตอน
โปรดติดตามตอนต่อไป
วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554