ลิขิตเสน่หา
ตอนที่ 5
วันต่อมาที่สตูดิโอมีการบันทึกเทปรายการทีวี บรรยาการเต็มไปด้วยความคีกคัก โดยเฉพาะบรรดาแฟนคลับสุดยอดพากันชูป้ายไฟ พร้อมกับส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดลั่นสตูดิโอ บุญเลื่องนั่งอยู่กับไข่ตุ๋นตรงที่นั่งคนดู จู่ๆ ก็มีมือใครคนหนึ่งยื่นดอกกุหลาบที่ยังไม่ได้เข้าช่อ ประมาณสิบดอกเข้ามาตรงหน้า
บุญเลื่องมองกุหลาบงงๆ จนเมื่อเห็นว่าคนที่ถือดอกกุหลาบกำนั้นคือเท่ง ที่กำลังส่งยิ้มมาให้จึงถามขึ้น
“ให้ฉันทำไม” ว่าพลางบุญเลื่องมองตัวเองแล้วยิ้มแต้ “อ๋อ วันนี้ฉันแต่งตัวสวยกว่าทุกทีที่เจอใช่มั้ยล่ะ”
เท่งเออออไปพร้อมกับพยายามเก็กหน้า ไม่หลุดหัวเราะขำออกมา
“เสียใจด้วยนะคุณเท่ง ฉันรับดอกกุหลาบคุณไม่ได้หรอก” บุญเลื่องบอกอย่างไว้ตัว
“เข้าใจผิดแล้วคุณ เนี่ย...เค้าให้แจกคนละดอก ท้ายรายการเค้าจะมอบให้คนที่จะโดดตึกเป็นกำลังใจตะหากล่ะครับ”
เท่งหัวเราะ ส่วนบุญเลื่องเสียฟอร์มหน้าแตก เท่งส่งดอกกุหลาบยัดใส่มือบุญเลื่องหนึ่งดอกแล้วส่งกุหลาบที่เหลือต่อให้คนที่นั่งติดกับบุญเลื่อง
เท่งลงนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ พลางเปรยขึ้นลอยๆ
“ผู้หญิงบ้านนี้หลงตัวเองทุกคนเลยรึป่าวเนี่ย”
บุญเลื่องเคือง ค้อนขวับ ทำปากขมุบขมิบด่า
จังหวะเดียวกันนั้น ผู้กำกับเวทีให้สัญญาณคนดูปรบมือ
ภาพบนเวที ณนนท์ สุดยอด ยี่หวา ยาหยี และเดช นั่งคุยกับพิธีกรประจำ จู่ๆ แฟนคลับคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมา
“พี่สุดยอดเท่มากกก”
สุดยอดโบกมือให้แฟนคลับอย่างเคยชิน ขณะที่ยาหยีชำเลืองมองอย่างหมั่นไส้
“เพียงชั่วข้ามคืน ทั้งสี่ท่านนี้ก็ได้กลายเป็นคนดังระดับประเทศ เพราะได้ช่วยให้คนๆ นึงเกิดกำลังใจลุกขึ้นมาสู้ชีวิต คุณเดชมีอะไรจะพูดกับทั้งสี่ท่านนี้มั้ยครับ” พิธีกรถามเดช
“ผมขอขอบคุณทุกคนที่เล่าประสบการณ์ชีวิตที่ยากลำบากให้ผมฟัง ทำให้ผมคิดได้ ว่าทุกคนต่างก็มีปัญหา แล้วการฆ่าตัวตายก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา ผมขอบคุณจริงๆ ครับ”
พูดจบเดชก็ยกมือไหว้ขอบคุณ ทั้งสี่คนรีบยกมือรับไหว้ พิธีกรหันมาถาม ณนนท์กับยี่หวา
“คุณณนนท์กับคุณยี่หวานี่ ถือเป็นตัวอย่างของคนมีครอบครัวที่ไม่ยอมแพ้ต่อปัญหา คุณยี่หวาครับ การเลี้ยงลูกคนเดียวนี่เคยท้อบ้างมั้ยครับ”
“บ่อยไปค่ะ เป็นซิงเกิลมัมนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ งานก็ต้องทำ ลูกก็ต้องเลี้ยง ยิ่งตอนที่เขายังช่วยตัวเองไม่ได้นี่ หนักถึงขนาดต้องนั่งร้องไห้เลยล่ะค่ะ” ยี่หวาตอบ
“แล้วคุณยี่หวาผ่านปัญหานั้นมาได้ยังไง” พิธีกรซักต่อ
“ดิฉันโชคดีมั้งคะ ที่มีกำลังใจที่ดีจากครอบครัว มีแม่ที่เข้าใจไม่เคยซ้ำเติมถ้าดิฉันทำอะไรพลาด”
ขณะนั้นยี่หวาก็หันไปมองบุญเลื่อง บุญเลื่องยิ้มกว้าง แล้วยี่หวาก็หันไปจับมือยาหยีพูดต่อ
“มีน้องสาวที่น่ารักคอยให้กำลังใจเคียงข้างอยู่เสมอ แล้วที่สำคัญ ดิฉันมีลูกที่เป็นแก้วตาดวงใจ เหนื่อยหรือท้อมาจากไหน แค่ได้เห็นหน้าลูกยิ้ม ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะค่ะ”
ยี่หวายิ้มให้ข้าวตู ข้าวตูโบกมือให้แม่ พิธีกรพอใจคำตอบของยี่หวา หันมาถามณนนท์บ้าง
“คุณณนนท์ครับ ทราบมาว่าคุณณนนท์แต่งงานกับนางแบบชื่อดังคุณเอนิตาใช่มั้ยครับ”
“ครับ ใช่ครับ”
“งั้นแปลว่าประสบการณ์เลวร้ายที่คุณเล่าให้คุณเดชฟัง คือเรื่องของคุณกับคุณเอนิตาใช่หรือเปล่าครับ”
ณนนท์ฟังแล้วถึงกับอึ้งไป เขาหันไปมองหน้าไข่ตุ๋นที่นั่งรวมอยู่ในกลุ่มคนดู รอฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
ระหว่างนี้ เท่งมองไข่ตุ๋นแล้วมองณนนท์อย่างห่วงๆ จังหวะนั้นเองเก้าอี้ว่างข้างๆ ไข่ตุ๋น ร่างของเอนิตาก็หย่อนตัวลงนั่งอย่างมั่นใจ
เท่งกับไข่ตุ๋นหันไปมอง พอไข่ตุ๋นเห็นเอนิตาก็ดีใจ ตาโต
“แม่!”
เอนิตารีบเอามือชู่ว์ที่ปากให้ไข่ตุ๋นเงียบ แล้วหันไปมองณนนท์อย่างท้าทายให้ตอบ ณนนท์มองมาที่เอนิตาไม่คาดว่าจะมา
“เอ่อ ชีวิตคู่มันก็มีอุปสรรคทุกคู่ล่ะครับ แต่ผู้หญิงคนนั้น...”
ณนนท์กับเอนิตาปะทะสายตากัน ยี่หวามองตามสายตาของณนนท์ไปเห็นเอนิตา เอนิตาโอบไข่ตุ๋นเข้าหาตัวแล้วยิ้มหวานให้ณนนท์ แต่นัยน์ตาท้าทายสุดๆ
ยี่หวารู้สึกได้ทันทีว่ามีความบาดหมางซุกซ่อนอยู่ในสายตาของคนคู่นี้ ณนนท์เหลือบไปมองไข่ตุ๋น แว่บหนึ่ง แล้วหันไปตอบพิธีกร
“ผู้หญิงคนนั้นที่ผมพูดถึง ไม่ใช่เอนิตาหรอกครับ”
เอนิตายิ้มอย่างพอใจ
ครู่ต่อมาเมื่อรายการถ่ายทำเสร็จแล้ว ทุกคนกำลังทยอยลงจากเวที แฟนคลับสุดยอดยืนดักที่ทางลงเวที แฟนคลับคนหนึ่งชูช่อดอกไม้ให้สุดยอด
“ช่อนี้เอาไว้ให้พี่สุดยอด”
จู่ๆ ก็มีแฟนคลับอีกคนชูพวงหรีดอันเล็กๆ ขึ้นมา พร้อมกับพูดขึ้นมา
“ส่วนพวงนี้เอาไว้ให้ศัตรูตลอดกาลของพวกเรา”
จังหวะเดียวกับที่ยาหยีเดินลงเวทีมาพอดี แฟนคลับยื่นพวงหรีดให้ยาหยี
“อ่ะ พวกเราให้เธอ”
ยาหยีกับยี่หวามองพวงหรีดหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจ บุญเลื่องเดินจูงข้าวตูเข้ามา มองพวงหรีดงงๆ
“ช่อดอกไม้สมัยนี้เค้าทำหน้าตาแปลกๆ มันเหมือน...”
“พวงหรีดค่ะแม่” ยาหยีแทรกขึ้น
“ใช่แล้ว มันเหมาะกับผู้หญิงกาลกินีที่ทำให้พี่สุดยอดของเรามัวหมอง” แฟนคลับคนนั้นพูดขึ้
ยาหยีโกรธจัด จึงผลักพวงหรีดใส่พวกแฟนคลับ
“เอาคืนไป เก็บเอาไว้วางหน้าโลงตอนพวกเธอตายเถอะ”
แฟนคลับสุดยอดกรี๊ด จะเข้ามาตบยาหยี
“ว๊าย นังขนมปังขึ้นรา ด่าพวกฉันเหรอ” แฟนคลับโวยวาย
“เออสิ นังนมหมดอายุ” ยาหยีสวนกลับ ทั้งคู่โต้กันไปมา
“แกสิ นังมาม่าขึ้นอืด”
“ก็ดีกว่าแกละกัน นังขี้มูกหมา”
“แกๆ นะ..นัง…ล้อขึ้นสนิม มาให้ตบซะดีๆ”
“ก็เข้ามาซี่ ฉันไม่ให้ตบฟรีหรอกนะนังชักโครกกดไม่ลง”
ยาหยีกับแฟนคลับคนนั้นพุ่งเข้าใส่กัน ยี่หวากับบุญเลื่องรีบดึงตัวยาหยี พวกแฟนคลับรีบห้ามเพื่อน
“อย่าหยี ไม่เอาน่ะ” ยี่หวาเตือนน้อง
“อย่าลูก ทะเลาะกับพวกไร้สาระเสียเวลาเปล่าๆ”
สุดยอดเห็นเหตุการณ์รีบวิ่งเข้ามาห้าม
“อย่าครับ อย่ามีเรื่องกัน ผมขอร้อง” แฟนคลับยอมหยุด แต่ยังมีท่าทีฮึดฮัด
“น้องๆ ออกไปรอพี่ข้างนอกก่อนนะครับ นะครับๆ”
“เห็นแก่พี่สุดยอดหรอกนะคะจะบอกให้”
กลุ่มแฟนคลับเดินออกไป ยาหยียังโมโหไม่หาย แต่ไม่รู้จะลงที่ใคร เลยหันมาลงที่สุดยอด
“หัดควบคุมแฟนคลับนายให้มันดีกว่านี้หน่อยนะ อย่าปล่อยมาไล่จิกกัดชาวบ้าน ซักวันฉันจะเรียกเทศบาลมาจับ!”
พูดจบแค่นั้น ยาหยีก็เดินนำยี่หวา บุญเลื่อง ข้าวตูเดินออกไป สุดยอดมองตาม พร้อมๆ กับเสียงเพิร์ลลี่ลอยมา
“พี่สุดยอดขา” สุดยอดหันไปมองตามเสียง
เพิร์ลลี่ยิ้มหวานทักทาย มือถือช่อดอกไม้เดินเข้ามา
“ดอกไม้สำหรับฮีโร่ในดวงใจของเพิร์ลลี่ค่ะ”
ชม้อยกวักมือเรียกนักข่าวยิกๆ
“น้องๆ คะ เชิญทางนี้ค่ะ ทางนี้ค่า”
นักข่าวกรูกันเข้ามาถ่ายรูปเพิร์ลลี่คู่กับสุดยอด เพิร์ลลี่ยิ้มหวานควงแขนสุดยอดแน่น สุดยอดอึกอักทำหน้าไม่ถูก นักข่าวรายหนึ่งถามคุณชม้อยทันที
“แบบนี้แปลว่าอดีตคู่รักกำลังจะรีเทิร์นใช่มั้ยคะคุณแม่”
แต่บรรดานักข่าวยื่นไมค์รวมไปตรงหน้าสุดยอดแทน ชม้อยรีบดึงไมค์นักข่าวไปพูด
“น้องเค้ายังไม่ได้เลิกกันแล้วจะเรียกว่ารีเทิร์นได้ยังไง ที่ผ่านมาก็แค่ต่างคนต่างทำงานยุ่งๆ กันทั้งคู่ จริงมั้ยจ้ะสุดยอด” ชม้อยยิ้มหวานให้สุดยอด
“ครับ ผมก็ยังไม่ได้เลิกเป็น...” สุดยอดเว้นวรรคเน้นคำ “...เพื่อนกับน้องเพิร์ลลี่ครับ”
ฟังคำตอบสุดยอดแล้ว ชม้อยกับเพิร์ลลี่หน้าเจื่อนไปทั้งคู่ แต่ยังคงปั้นหน้ายิ้มสู้
ขณะเดียวกันนั้นเอนิตาพูดโทรศัพท์รับงานอีเว้นท์ บริเวณทางเดินหน้าห้องแต่งตัวสตูดิโอ และกำลังจะเดินเข้าห้อง
"ได้เลยค่ะพี่จือ วันเสาร์นิต้าว่างพอดี… สัญญาค่ะตรงเวลาเป๊ะ พี่จือจะให้นิต้าแต่งตัวยังไง เอา
โชว์ๆ เลยเหรอคะ ค่ะเจอกันค่ะ”
ณนนท์ก็เดินออกมาพอดี แล้วทั้งคู่ก็เปิดฉากปะทะคารมกันทันที
“คุณมาทำไม” ณนนท์เป็นฝ่ายเริ่ม
“รายการเค้าเชิญฉันมาสัมภาษณ์เรื่องคลิปน่ะสิ ไข่ตุ๋นคงดีใจนะ ที่ทั้งพ่อทั้งแม่ได้ออกทีวีพร้อมกัน”
“ลูกคงดีใจหรอกที่แม่มีข่าวคลิปฉาวกับผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่พ่อ”
“ฉันทำเพื่อความอยู่รอดของฉัน ผิดเหรอ”
“ไม่ผิดหรอก ถ้าไอ้การทำเพื่อความอยู่รอดของคุณจะไม่ทำร้ายหัวใจลูก ถามจริงๆ เหอะ ไม่สงสารลูกบ้างเหรอไง”
เอนิตาฟังประโยคนี้แล้วอึ้งไม่ยอมตอบ หันมาเปลี่ยนเรื่องทันที
“แต่คุณบอกเองฉันนะ”
“เรื่องอะไร” ณนนท์งง
“ถ้าฉันไม่ดังฉันก็ไม่มีงาน ตอนนี้ฉันก็ดังแล้ว ทีนี้คุณพอจะนึกออกรึยังว่ามีงานอะไรให้ฉันทำบ้าง”
พูดจบเอนิตาก็เดินเข้าไปทำใกล้ชิดณนนท์อย่างยั่วเย้า ระหว่างนั้นยี่หวากำลังจะเดินไปเอาของที่ห้องแต่งตัว พอเห็นณนนท์กับเอนิตาก็รีบหลบฉาก
“ไอ้ดังฉาวๆ อย่างคุณน่ะ ลูกค้าผมหรอกเค้าไม่ชอบหรอก”
ณนนท์กัดฟันกรอด ยี่หวามองณนนท์แล้วนึกสงสารไข่ตุ๋นขึ้นมา พร้อมกับเดินออกไปอีกทาง
ค่ำคืนนั้นยี่หวากำลังหมุนหลอดไฟที่โคมไฟ ครู่เดียวไฟก็ติดสว่างขึ้น
“สร้างภาพกันทั้งพ่อทั้งแม่ คนที่น่าสงสารที่สุดก็ยัยไข่ตุ๋นนี่ล่ะค่ะ”
บุญเลื่องนั่งฟังอยู่ด้วย ถอนใจแล้วหันไปถามยาหยีที่กำลังนั่งทาเล็บเท้า ยี่หวาปีนลงจากเก้าอี้ไปนั่งข้างบุญเลื่อง
“แล้วตกลงคุณณนนท์กับเอนิตานี่เค้ายังไงกันแน่”
“เตียงหักกันนานแล้วค่ะ ยัยวุ้นบอกว่าเอนิตาเค้าปล่อยคลิปสร้างกระแส แล้วอย่างนี้ผู้ชายหน้าไหนจะไปทนได้ล่ะคะแม่” ยาหยีตอบ
“ก็ไม่แน่ คนบางคนเค้าก็ทนเพื่อลูก ทีฉันยังทนพ่อพวกแกได้เลย”
“เป็นหยี หยีไม่ทนหรอกค่ะ เรื่องอะไร ยอมให้ผู้หญิงสวมเขาอยู่ได้”
“เธอยังไม่เคยเป็นพ่อแม่ก็พูดได้ ลองมีลูกซักคนสิ แล้วจะรู้ว่ามากกว่านี้ก็ทนได้” ยี่หวาแหย่น้องสาว
“ไม่เอาล่ะค่ะ หยียอมขึ้นคานดีกว่ามานอนก่ายหน้าผากทุกข์ใจเพราะผู้ชาย”
จังหวะนั้นข้าวตูก็ถือแก้วนมเดินเข้ามาหายี่หวา
“แม่ครับ ดื่มนมก่อนนอนสุขภาพจะแข็งแรงนะคร้าบ”
ยี่หวารับแก้วนมแล้วพูดกับยาหยี
“นี่ไงล่ะหยี รางวัลแห่งความทุกข์ที่พี่ได้รับ ต่อให้ทุกข์แค่ไหนแต่ได้มีลูกอย่างข้าวตู พี่ก็ว่ามันคุ้มแสนคุ้ม” ยี่หวาหันมาพูดกับข้าวตู “ใช่มั้ยลูก”
“ครับ คุณแม่ของข้าวตูคนดีที่หนึ่งเล้ย”
ข้าวตูพยักหน้า ยิ้มแป้น ยี่หวาหอมแก้มข้าวตูอย่างชื่นใจ
วันต่อมา ที่โรงเรียนอนุบาลเด็กดี ไข่ตุ๋น กังฟู และเพื่อนๆ กำลังเล่นกันอยู่ โดยไข่ตุ๋นกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้
“แปลงร่างเป็นมาสก์ไรเดอร์”
ว่าพลางไข่ตุ๋นทำท่าแปลงร่างแล้วกระโดดลงจากเก้าอี้ แล้วมาทำท่าต่อสู้ปลอมกับเพื่อนผู้ชาย
ยกแก๊ง ข้าวตูเดินเข้ามาพอดี
“ให้เราเล่นด้วยสิ”
“ไม่เอา นายขี้แย ฉันไม่ชอบ” ไข่ตุ๋นปฏิเสธ ระหว่างนั้นกังฟูถือโทรศัพท์มือถือเข้ามาทำท่าถ่ายคลิปไข่ตุ๋น
“ไข่ตุ๋น แปลงร่างเป็นตัวคลิปฉาวให้เราดูหน่อยสิ” กังฟูพูดเยาะๆ
“กังฟูเอามือถือมาโรงเรียนทำไม ครูไม่ให้เอามือถือมาโรงเรียนนะ” ข้าวตูพูด
“นี่มันของจริงที่ไหนล่ะ ของปลอม แบร่….”
กังฟูแลบลิ้นใส่ข้าวตู แล้วหันไปพูดกับไข่ตุ๋น
“แม่เราบอกแม่ไข่ตุ๋นถ่ายคลิปฉาว เราก็เลยให้ไข่ตุ๋นทำให้ดูไง”
ไข่ตุ๋นฟังแล้วเครียดขึ้นมา แก้ต่างให้แม่ทันที
“เราก็ไม่รู้ แม่เราไม่ได้ถ่ายคลิปฉาว แม่เราถ่ายแบบ เพราะแม่เราเป็นนางแบบ”
“ม่ายช่าย แม่ไข่ตุ๋นไม่ได้เป็นนางแบบ เราได้ยินแม่เราพูดว่าแม่เธอเป็นดาวโป๊”
ไข่ตุ๋นกำมือแน่น
“แล้วดาวโป๊เป็นยังไงอ่ะ” ข้าวตูถามประสาซื่อ
“เราก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าดาวโป๊เป็นคนไม่ดี”
“แม่เราเป็นคนดี แม่เราไม่ใช่ดาวโป๊”
ไข่ตุ๋นร้องตะโกนขึ้นด้วยความโกรธจัด ก่อนจะวิ่งกระโจนออกไปจากที่แห่งนั้น
จากนั้นไม่นานครูปราณีก็กำลังวิ่งมาตามทางเดิน กระหืดกระหอบพลางดมยาดม
“เอาอีกแล้วเหรอ ไข่ตุ๋น เอาอีกแล้ว”
ครูปราณีวิ่งมาถึงที่สนามเด็กเล่น เด็กนักเรียนกำลังมุงดูกัน เสียงไข่ตุ๋นกับกังฟูทะเลาะกันดังลั่น
“แม่เธอถ่ายคลิปฉาว แม่เธอเป็นดาวโป๊”
“ไม่ใช่ แม่ฉันเป็นนางแบบ แม่ฉันไม่ใช่ดาวโป๊!!”
“ตายแล้ว....ไข่ตุ๋น ข้าวตู หยุดเดี๋ยวนี้!”
ครูปราณีร้องห้ามขึ้นอย่างเคยชิน ข้าวตูยืนอยู่ในกลุ่มไทยมุง หันมามองครูปราณีหน้าเหรอหราพลางถาม
“อะไรเหรอครับครู”
“อ้าว ไม่ใช่ไข่ตุ๋นกับข้าวตูหรอกเหรอ งั้นใครล่ะ”
ครูปราณีแหวกฝูงเด็กๆ เข้าไป เห็นไข่ตุ๋นผมกระเซิง นั่งอยู่บนหลังกังฟู ไข่ตุ๋นหักแขนกังฟูล็อคไว้ข้างหลัง
“แม่เธอเป็นดาวโป๊”
“หยุดพูด ฉันบอกให้หยุด”
ไข่ตุ๋นดึงแขนกังฟูแรงขึ้น กังฟูร้องโอ๊ยด้วยความเจ็บ
ครูปราณีตะโกนขึ้นทันที
“หยุด หยุดทั้งสองคน หยุด!.....”
พร้อมกันนั้นครูปราณีหยิบนกหวีดขึ้นมาเป่าปรี๊ด
เย็นวันนั้นยี่หวามารับข้าวตูตอนเลิกเรียน และถือโอกาสแวะมาคุยกับครูปราณี ทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าห้องครู มีข้าวตูยืนอยู่ข้างๆ
“จดหมายอนุญาตเข้าร่วมกิจกรรมวันชาวนาตัวจิ๋วค่ะครู”
“ขอบคุณค่ะ คุณแม่ต้องมาให้ได้นะคะ”
“พลาดไม่ได้หรอกค่ะ ชาวนาตัวจิ๋วเล่นเตือนทุกวันเลย” ยี่หวาจับศีรษะข้าวตูโยกเล่นอย่างเอ็นดู ครูปราณีหัวเราะ
“สวัสดี คุณครูซะลูก”
ข้าวตูไหว้ครูปราณีตามที่แม่บอก ขณะที่ยี่หวาจูงข้าวตูกำลังเดินไปทางประตูโรงเรียน ยี่หวาเห็นไข่ตุ๋นในสภาพเสื้อผ้ามอมแมมผมกระเซิง กำลังนั่งอยู่ที่หน้าห้องครูปราณีหงอยๆ
“ทำไมไข่ตุ๋นเป็นอย่างงั้นล่ะ เค้าชกกับข้าวตูอีกแล้วเหรอลูก” ยี่หวาถามลูกชาย
“เปล่าคร้าบ ไข่ตุ๋นชกกับกังฟู ไม่ได้ชกกับข้าวตูคร้าบแม่”
ยี่หวาประหลาดใจ ขณะเดียวกันนั้นพอดีกับที่ไข่ตุ๋นเลือดกำเดาไหล ไข่ตุ๋นเอามือเช็ดออก พอเห็นเลือดที่มือก็ตกใจ ทำท่าจะร้องไห้
“แม่ครับ ไข่ตุ๋นเลือดออก” ข้าวตูบอกแม่
ยี่หวารีบวิ่งเข้าไปหาไข่ตุ๋น เอามือบีบจมูกไข่ตุ๋นแล้วจับเงยหน้า ไข่ตุ๋นกลัวๆ ทำท่าจะร้องไห้ดีหรือไม่ร้องดี
“เงยหน้าไว้นะจ๊ะไขตุ๋น ไม่ต้องตกใจนะเดี๋ยวเลือดก็หยุดไหล” ยี่หวาหยิบกระดาษทิชชูจากกระเป๋ามาอุดจมูกไข่ตุ๋น ข้าวตูเข้ามาช่วยปลอบไข่ตุ๋น
“ไข่ตุ๋นไม่ต้องกลัวนะ เลือดออกนิดเดียวเอง ไข่ตุ๋นเก่งออก”
ไข่ตุ๋นพยักหน้า
จังหวะนั้นณนนท์เดินเข้ามา เห็นยี่หวานั่งเช็ดเลือดให้ไข่ตุ๋นก็ตกใจ
“เป็นอะไรน่ะไข่ตุ๋น”
“เลือดกำเดาไหลค่ะ น่าจะหยุดแล้วค่ะ” ยี่หวาตอบแทน
ณนนท์รีบไปกดจมูกให้ไข่ตุ๋นต่อจากยี่หวา
“งั้นฉันขอตัวนะคะ” ยี่หวาบอกณนนท์แล้วลุกขึ้น
“ครับๆ เดี๋ยวผมดูต่อเอง ขอบคุณมากเลยนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไปข้าวตู”
ข้าวตูยกมือไหว้ณนนท์ ไข่ตุ๋นมองตามยี่หวาอย่างซาบซึ้งและติดใจ!!
เนื่องเพราะไม่เคยได้รับการดูแลจากผู้หญิงที่เป็นแม่สักครั้งในชีวิต
“คุณแม่ข้าวตู ไข่ตุ๋นขอบคุณนะคะ”
ไข่ตุ๋นยกมือไหว้ยี่หวา ยี่หวายิ้มแล้วโบกมือให้ ยี่หวาจูงข้าวตูเดินไป โดยไม่รู้ว่าณนนท์มองตามยี่หวาอย่างขอบคุณ ไข่ตุ๋นมองตามยี่หวาที่จูงข้าวตูไปแล้ว ก็อดคิดถึงแม่ขึ้นมาไม่ได้
เย็นนั้นไข่ตุ๋นกำลังนั่งดูทีวีช่องแพนด้าชาแนลตาไม่กระพริบ ในทีวีเห็นภาพหลินปิงเล่นอยู่ ส่วนหลินฮุ่ยนอนอืด
“หลินปิงโชดดีจังนะคะได้ อยู่กับแม่ทั้งวันเลย” ไข่ตุ๋นพูดอยู่กับ...ทีวี เวลานั้นณนนท์ใส่ผ้ากันเปื้อน ทำอะไรง่วนอยู่ที่เคาน์เตอร์แพนทรี ได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูดชัดเจน
“แม่เค้าเป็นหมีแพนด้า เป็นหมีแพนด้าก็ไม่ต้องทำงานนี่”
“พ่อขา เมื่อไหร่จะพาไข่ตุ๋นไปดูหลินปิง”
“ให้พ่อว่างๆก่อนนะครับ ว่างปุ๊บเราไปดูกันเลย แต่ตอนนี้ดูนี่ซะก่อน แถ่น แถ๊น...”
ณนนท์ออกมาจากเค้าน?เตอร์ วางจานข้าวผัด ตกแต่งเป็นรูปหมีแพนด้า มีหน่อไม้ฝรั่งจัดเป็นรูปต้นไผ่ ตรงหน้าไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นตาโตอย่างดีใจ
“หลินปิง!”
ณนนท์ยิ้มอ่อนโยนกับลูกพลางว่า “ถูกใจล่ะซี่”
“ถูกใจที่ซู๊ดดดด”
“ถูกใจก็ต้องกินให้หมด กินผักด้วย” ไข่ตุ๋นตักข้าวเข้าปากเคี้ยว
“ไข่ตุ๋นชอบข้าวผัดของพ่อที่สุดในโลกเลยค่า”
ณนนท์ยิ้มอย่างเอ็นดู ขณะหันหน้าจะไปล้างกระทะ เสียงไข่ตุ๋นถามขึ้นว่า
“พ่อคะ เตียงหักแปลว่าอะไรคะ”
ณนนท์ขมวดคิ้วตอบลูกไปตามตรง
“ก็แปลว่าคนสองคนที่เค้านอนเตียงเดียวกัน แต่เค้าเลิกรักกันแล้วน่ะสิ ไปเอาคำนี้มาจากไหนฮึไข่ตุ๋น”
“กังฟูบอกว่าพ่อกับแม่เตียงหัก ก็แปลว่าพ่อกับแม่เลิกรักกันแล้วเหรอคะ”
ณนนท์ถึงกับอึ้ง พูดปลอบลูกสาวออกไป “ยังหรอก พ่อกับแม่ยังรักกันอยู่”
“ฮึ งั้นกังฟูก็สมควรโดนไข่ตุ๋นต่อยแล้วล่ะค่ะ”
“ไข่ตุ๋น ชักจะเกเรใหญ่แล้วนะ คนฉลาดต้องใช้สมองมากกว่ากำลังนะลูก” ณนนท์ปราม
“แต่กังฟูโกหก เป็นคนไม่ดี ไข่ตุ๋นก็เลยต้องสั่งสอนกังฟูค่ะพ่อ”
ณนนท์อึ้งไปกับความไร้เดียงสาของลูกสาว เพราะตัวเองก็เป็นคนไม่ดี และกำลังโกหกลูกอยู่เช่นเดียวกัน
คืนเดียวกันนั้นขณะที่ณนนท์นั่งเล่นกีตาร์ อยู่ที่มุมระเบียงบ้าน เท่งเดินเข้ามาหาลงนั่งข้างๆ
“จะโกหกลูกเรื่องแม่เจ้าไข่ตุ๋นไปถึงเมื่อไหร่ฮึนนท์ ลูกโตขึ้นทุกวัน ยังไงก็ต้องรู้วันยังค่ำ”
“ไข่ตุ๋นยังเล็กเกินไปครับพ่อ” เท่งพยักหน้า เห็นด้วย
“ผมไม่อยากเห็นลูกต้องมาเจ็บปวดเพราะพ่อแม่เลิกกัน”
“ก็จริง ความจริงทำให้คนเราเจ็บปวด แต่ความจริงนี่แหละที่จะทำให้ไข่ตุ๋นโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็ง” เท่งอธิบายชี้แนะพลางจับไหล่ณนนท์แล้วพูดเตือนสติ “คิดดูให้ดี”
แล้วเท่งก็เดินไป สีหน้าณนนท์กำลังใคร่ครวญครุ่นคิดอย่างหนัก
ที่บริษัทออร์แกไนซ์ของ ณนนท์ ในวันต่อมา เอนิตาเดินถือชุดสวย เพื่อจะมาเปลี่ยนชุดที่ห้องน้ำ ระหว่างนั้นก็เจอเข้ากับสุดยอดที่เดินออกมาจากห้องน้ำชายพอดี
“โอ้ว คุณพี่สะใภ้ ไหงวันนี้มาเหยียบบริษัทพี่นนท์ได้ พระศุกร์เข้า” สุดยอดเน้นคำชัดเจน “ดาวไถแทรกรึไงคร้าบ”
“ฉันมาลองเสื้องาน... งานที่พี่นายจ้างฉันนั่นแหละย่ะ” เอนิตาทำเชิด
“ฮ้า...จริงดิ๊ นางแบบคลิปฉาวสะท้านโลกขนาดนี้ยังมีคนจ้างอีกเหรอ”
“ที่พูดนี่โง่หรือฉลาดนี่ ยิ่งฉาวยิ่งมีงานหรือไม่จริง...ถอย”
สุดยอดหลีกทางให้เอนิตาเดินเข้าห้องน้ำไป
เห็นณนนท์เดินมา สุดยอดรีบเข้าไปคุยด้วยทันที
“ผมไม่เข้าใจเลยพี่ ทำไมถึงให้ยัยนี่กลับมาทำงานอีก แล้วไอ้คลิปนั่นนะ ผมไม่ใช่พี่ผมก็จำได้ แหม ทำมาเป็นปฏิเสธว่าหน้าเหมือน โธ่ เด็กอนุบาลยังรู้เลย!!”
“เหอะ ตอนนี้พี่ท่องอยู่คำเดียว...ทนเพื่อลูก”
“ถือว่าเป็นอันเข้าใจครับ”
สุดยอดตบไหล่ณนนท์ให้กำลังใจแล้วเดินไป ปล่อยให้ณนนท์ครุ่นคิดอย่างเครียดๆ อยู่คนเดียว
เช้าวันงานกิจกรรมชาวนาตัวจิ๋ว เด็กนักเรียนกับผู้ปกครองมาอย่างพร้อมเพรียงที่หน้าโรงเรียนอนุบาลใจดี และกำลังรอเตรียมขึ้นรถ ครูผู้ช่วยนำร้องเพลงประกอบท่า เด็กนักเรียนกับผู้ปกครองร้องเพลงกันอย่างครื้นเครง บรรยากาศสดใส
ระหว่างนั้นครูปราณีกำลังเช็คชื่อ นับจำนวนคน ขณะที่ยี่หวากับข้าวตูเต้นตามเพลง ข้าวตูมองครอบครัวคนอื่นที่มีทั้งพ่อทั้งแม่
“ทำไมพ่อไม่มาล่ะครับแม่”
“พ่องานยุ่งจ้ะ”
ฟังแม่ตอบแล้วข้าวตูก็มองครอบครัวคนอื่นอย่างเศร้าๆ ยี่หวาสงสารลูกจับใจ
ระหว่างนั้นณนนท์กับไข่ตุ๋นก็กำลังเต้นพลางชะเง้อมองไปทางหน้าประตูโรงเรียน ไข่ตุ๋นชี้ไปที่เอนิตาร้องขึ้นอย่างดีใจ
“แม่...แม่มาแล้ว”
เอนิตาเดินหิ้วกระเป๋าเข้ามาหน้าหงิกหน้างอ เดินผ่านครูปราณี บ่นอุบ
“นี่ครู ทีหลังอย่านัดเช้าแบบนี้อีกนะคะ ฉันตื่นไม่ไหว”
ครูปราณีฟังแล้วหน้าเสีย “ค่ะๆ”
ไข่ตุ๋นโบกมือให้เอนิตาอย่างดีใจ
“ทางนี้ค่ะแม่”
ไข่ตุ๋นจับมือณนนท์มือนึง จับมือเอนิตามือนึง ใบหน้ายิ้มแป้น ณนนท์หันไปกระซิบเอนิตา
“ผมให้งานคุณแล้ว คุณก็ทำตามสัญญาให้ดีแล้วกัน”
“ได้ค้า วันนี้ฉันจะเป็นแม่ที่ดี เป็นแม่ตัวอย่างให้ได้โล่ห์เลย พอใจมั้ยคะ”
เอนิตากระซิบตอบกลับประชดประชัน ณนนท์ถอนหายใจอย่างระอา
เสียงครูปราณีตะโกนขึ้น
“พร้อมรึยังคะ”
“พร้อมแล้วค่ะ/ครับ” ทุกคนตะโกนพร้อมกัน
ข้าวตูมองไข่ตุ๋นมีทั้งพ่อทั้งแม่อย่างอิจฉา ยี่หวามองตามสายตาข้าวตูแล้วยิ่งสงสารลูก
“งั้นไปขึ้นรถกันเลยค่า”
สิ้นเสียงครูปราณี ทุกคนกรูกันไปทางที่จอดรถ
คณะครู นักเรียนพร้อมด้วยผู้ปกครอง มาถึงแปลงดำนาสาธิตของรีสอร์ต ตามกำหนดเวลา ทุกคนมีหน้าตาสดชื่นสนุกสนานยืนอยู่ในท้องนา ยกเว้นเอนิตาที่ยืนกางร่มหน้าหงิกไม่พอใจอยู่บนคันนา พ่อแม่บางคนถือต้นกล้าไว้ในมือ เด็กๆ สวมงอบอันเล็กๆ ในคราบชาวนาจิ๋ว ท่าทางตื่นเต้น
“ดำแบบถอยหลังไปเรื่อย ๆ แบ่งกล้าเป็นกำๆ แล้วใช้หัวแม่มือกดโคนต้นปักลงดิน ให้ช่วงห่างสักคืบสลับฟันปลารักษาระยะห่าง เข้าใจแล้วก็ลงมือเลยค่า
พ่อแม่ลูก ช่วยกันดำนาอย่างสนุกสนาน ตามคำบรรยายของครูปราณี ระหว่างนั้นครูปราณีก็หันไปถามเอนิตา
“คุณแม่ไม่ลงไปดำนาด้วยกันเหรอคะ”
“ไม่ล่ะค่ะ สกปรก แล้วอากาศก็ร้อนเงี้ยให้ฉันไปดำนาแล้วถ้าหน้าฉันดำ ฉันต้องไปเข้าคอร์สทำหน้า ครูจะรับผิดชอบมั้ยคะ”
ครูปราณียิ้มแหะๆ กับคำตอบ ส่วนเอนิตากระทืบเท้าเดินจากไป ครูปราณีมองตามหน้าเสีย
ด้านณนนท์กับไข่ตุ๋นช่วยกันดำนาถอยหลังไปเรื่อยๆ ไข่ตุ๋นดูจะสนุกสนานเอามากๆ ณนนท์ถอยหลังดำนามาเรื่อย ในขณะที่ยี่หวาก็ดำนาถอยหลังมาจากอีกด้าน ณนนท์กับยี่หวาชนกัน ยี่หวาสะดุ้งร้องขึ้น
“อุ๊ย” ณนนท์กับยี่หวาหันมามองหน้ากันเอง ยี่หวาเขินๆ
“คุณยี่หวา...เป็นตั้งเจ้าของร้านต้นไม้ใหญ่โต แต่ไม่รู้เหรอครับว่าเค้าดำนากันเป็นแถวๆ จะได้ไม่ชนกัน”
“ฉันจะไปรู้เหรอ ฉันพาข้าวตูไปเข้าห้องน้ำมา”
“มา มาปักต้นกล้าตรงนี้ ตรงนี้ว่าง”
ว่าพลางณนนท์ชี้ไปตรงที่ว่างข้างๆ ยี่หวากับข้าวตูจูงกันไปข้างๆ ณนนท์กับไข่ตุ๋น ข้าวตูกำต้นกล้าจิ้มลงไปในดิน แต่ต้นกล้าล้ม เลยถามแม่
“ทำไมมันล้มละครับแม่” ไข่ตุ๋นดึงต้นกล้าจากมือข้าวตู
“มานี่ ฉันทำให้ดู นายต้องเอาหัวแม่มือจิ้มตรงโคนต้นลงไปในดินแบบนี้ เอ้า ทำดูสิ”
ข้าวตูเอาต้นกล้าปักดินตามที่ไข่ตุ๋นสอน พอต้นกล้าตั้งสวยงาม ไข่ตุ๋นกับข้าวตูก็ส่งเสียงดีใจพร้อมกัน
“ไชโย้ ได้แล้ว!”
พร้อมกันนั้น ไข่ตุ๋นกับข้าวตู พากันกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ณนนท์กับยี่หวามองดูลูกอย่างเอ็นดู ณนนท์มองยี่หวาที่ยิ้มอย่างอ่อนหวานขณะที่มองข้าวตูแล้ว ก็รู้สึกดีๆ
ครั้นพอยี่หวาเงยหน้ามาเห็นว่าณนนท์กำลังมองอยู่ ทั้งสองคนต่างรีบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ มองไปที่อื่น
อ่านต่อหน้า 2
ลิขิตเสน่หา
ตอนที่ 5 (ต่อ)
หลังเสร็จกิจกรรมดำนาอย่างสนุกสนาน แล้วครูผู้ช่วยกำลังแจกกุญแจห้องพักให้ผู้ปกครอง โดยมีครูปราณียืนประกาศอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์รีเซฟชั่นของรีสอร์ต
“ขอให้ทุกคนเข้าที่พัก รับประทานอาหารให้เรียบร้อย แล้วบ่ายๆ ออกมาแข่งกีฬาชาวนาสามัคคีกัน
นะคะ”
ทุกคนรับคำพร้อมกันแล้วแยกย้ายกันไป
เอนิตาคุยโทรศัพท์อยู่ จึงเอามือปิดโทรศัพท์แล้วหันมาบอกณนนท์
“พาไข่ตุ๋นเข้าห้องไปก่อนเถอะ ฉันคุยงานอีกนิดเดียว”
ณนนท์พยักหน้า จูงไข่ตุ๋นไปห้องพัก
“ฮัลโหล..คุยได้แล้ว ว่าไงนะ ขับรถมาถึงหน้ารีสอร์ทแล้วเหรอ มาไวเคลมไวทันใจแบบนี้ รับรองนิต้าจะตบรางวัลจัดเต็มให้ทั้งคืนเลยค่ะ”
ขณะที่เอนิตากำลังคุยโทรศัพท์นั้น ยี่หวาก็เดินเอากุญแจมาเปลี่ยนที่เคาน์เตอร์
“กุญแจมันไขไม่ได้น่ะค่ะ ไม่ทราบเป็นอะไร”
เอนิตาพูดต่อ โดยไม่รู้ว่ายี่หยาอยู่ตรงนั้นด้วย
“รออยู่ตรงลานจอดรถนั่นแหละ กำลังเดินไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะสุดหล่อ” เอนิตาทำท่าจุ๊บ
โทรศัพท์ “จุ๊บ!”
เอนิตาลากกระเป๋าเดินออกไป ยี่หวามองตามอย่างสงสัย
ขณะเดียวกันนั้น ภายในห้องแต่งหน้าในสตูดิโอ เพิร์ลลี่กำลังแต่งหน้าทำผมอยู่ในห้อง เตรียมถ่ายทำรายการ ชม้อยถือช่อดอกไม้เข้ามาในห้อง หน้าบาน
“น้องเพิร์ลลี่ขา มีผู้ชายส่งดอกไม้ให้ให้ลูกค่ะ” ทุกคนหันไปมองอย่างตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น
“ใครส่งมาเหรอคะคุณแม่”
“ไม่ลงชื่อซะด้วยสิ เขียนแต่ว่า จาก ผมคนเดิม...ใครกันน้า”
“พี่ก้องหนุ่มไฮโซหรือพี่สุดยอดรูปหล่อคะน้องเพิร์ลลี่” ช่างแต่งหน้าแทรกขึ้นมา เพิร์ลลี่ทำเป็นขวยอาย
“เพิร์ลลี่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
หลังจากเพิร์ลลี่ทำผมเสร็จ ฝ่ายเสื้อผ้าหยิบชุดมา ชม้อยรีบแย่งชุดจากฝ่ายเสื้อผ้า
“มาค่ะ แม่เอง”
เพิร์ลลี่กับชม้อยเข้ามาในห้องเปลี่ยนชุดห้องหนึ่ง ซึ่งมีหลายห้องติดกัน
“ตกลงใครส่งมาเหรอคะแม่”
“จะใครซะอีกล่ะ ก็แม่เองน่ะสิ ทีนี้ล่ะสุดยอดก็จะต้องคิดว่าพี่ก้องส่งดอกไม้มา จะได้หึงแล้วก็รีบมาง้อเพิร์ลลี่ไงล่ะ”
“อ้าว แล้วพี่ก้องล่ะคะ” เพิร์ลลี่งง ตามแม่ไม่ทัน
“พี่ก้องก็รวยดี ส่วนสุดยอดนี่ก็กำลังดัง แม่ว่าเรากุ๊กกั๊กไว้ทั้งสองคนเลยแล้วกัน”
“อุ๊ย ถ้าคนอื่นรู้ เค้าไม่หาว่าเพิร์ลลี่จับปลาสองมือเหรอคะแม่ เพิร์ลลี่ไม่อยากเป็นข่าวรักสามเส้านะคะ”
“สามเส้าสิดี สมัยนี้ยิ่งมีกระแสงานอีเวนต์โชว์ตัวยิ่งกรูกันเข้ามา เราจะได้รวยๆ เฮงๆ เข้าใจมั้ยคะลูกขา”
“เข้าใจค่ะคุณแม่”
เปลี่ยนชุดเสร็จ ชม้อยก็พาเพิร์ลลี่เดินออกจากห้องเปลี่ยนชุดไป โดยไม่รู้ว่ายาหยีกำลังเปิดประตูออกมาจากห้องติดกัน พลางมองตามสองแม่ลูกไปอย่างไม่อยากเชื่อหู
“สตอเบอรี่ยิ่งกว่าในละครอีกมั้งเนี่ย”
หลังถ่ายทำรายการเสร็จเพิร์ลลี่นั่งดมช่อดอกไม้ อยู่ สุดยอดเดินมาเห็นทักขึ้น
“ยังชอบดอกกุหลาบขาวเหมือนเดิมเหรอ” สุดยอดทัก
“พี่ยอดจำได้ด้วยเหรอคะ” เพิร์ลลี่ทำแบ๊วขณะที่สุดยอดยังวางฟอร์ม เก๊กๆ
“ก็...ไม่เคยลืม”
“เพิร์ลลี่ดีใจที่พี่ยอดไม่เคยลืม แล้วก็หวังว่าซักวันพี่ยอดจะส่งดอกไม้ให้เพิร์ลลี่บ้างนะคะ”
พูดจบเพิร์ลลี่ยิ้มหวาน วางช่อดอกไม้ไว้บนโต๊ะแล้วเดินไป สุดยอดมองเพิร์ลลี่เหม่อๆ ยาหยีมายืนข้างๆ
“เฮ้อ คนบางคนจะโดนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก มันน่าสมเพชจริงๆ”
“คุณพูดถึงใคร”
“ฉันหมายถึงใครก็ได้” ยาหยีเหล่สุดยอดว่าต่อ “นี่ นายลองจับหัวตัวเองดูสิ”
สุดยอดเอามือจับที่หัว งงๆ
“จับแล้วไงอ่ะ”
“เริ่มมีปุ่มขึ้นรึยังล่ะ ถ้ามีก็แปลว่าเขาเริ่มงอกแล้วล่ะ”
ยาหยีพูดจบก็รีบเดินหนี สุดยอดรู้ตัวตะโกนตามหลัง
“ยัยบ้า เธอว่าฉันเป็นควายเหรอ ยัยยาหยี ยัยตัวแสบ”
เวลาเดียวกันนั้น ในห้องน้ำหญิง โรงเรียนลีลาศ บุญเลื่องเดินออกมาจากห้องน้ำ มาหยุดล้างมือที่อ่าง ในขณะที่เพื่อนสาวสูงวัยอีกสองคนกำลังล้างมือและเติมหน้า
“ถ้าให้เลือกได้ ฉันก็ไม่ขอเอาตาแก่เท่งทึงนี่มาเป็นคู่เต้นหรอก”
“งั้นลองจ้างเด็กหนุ่มๆ มาเป็นคู่เต้นมั้ยล่ะคุณบุญเลื่อง” เพื่อนแนะนำ
“ว้าย มีแบบนั้นด้วยเหรอ”
“มีสิ พวกผู้ชายรับจ้างเป็นคู่เต้นรำให้สาวๆแบบพวกเราน่ะสนมั้ยล่ะ ฉันติดต่อให้”
“ไม่เอาอ่ะ เสียดายเงิน ทนๆ ไปงี้แหละ นายเท่งคงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้หรอก ขืนทำอะไรฉันสิ ฉันไม่ไว้หน้าแน่”
บุญเลื่องบ่นในขณะที่เพื่อนสองคนเดินออกจากห้องน้ำไป พอเสร็จธุระบุญเลื่องก็เดินออกเป็นคนสุดท้าย โดยที่ไม่รู้ตัวว่าชายกระโปรงของบุญเลื่องด้านหลังร่นขึ้นไปอยู่ที่เอว
ครู่ต่อมา เท่งกับบุญเลื่องเต้นรำอยู่กลางฟลอร์ในห้องเรียน ทุกคู่เต้นรำมองมาที่บุญเลื่องยิ้มๆ แต่ไม่มีใครกล้าบอก บุญเลื่องหันไปมองสายตาทุกคนงงๆ
“ฉันมีอะไรผิดปรกติหรือเปล่า เค้ามองอะไรกันน่ะ”
“มองกระโปรงคุณน่ะครับ” เท่งบอก แต่บุญเลื่องยิ้มภูมิใจ
“สวยใช่มั้ย ตัวนี้อ่ะยัยหยีเย็บให้กะมือเชียวนะ”
“ครับๆ สวยครับ”
เท่งพูดพร้อมกับพยายามลดมือต่ำลงไปที่เอวบุญเลื่อง เพื่อปลดชายกระโปรง เพราะสงสารบุญเลื่องจะขายหน้าไปมากกว่านี้ บุญเลื่องเอื้อมมือไปตีมือเท่งดังเพี้ยะแล้วขมึงตาใส่
“อย่ามาทำชีกอมือไวกับฉันนะ”
“คือ...ผมป่าวชีกอ แต่ผม...”
บุญเลื่องชี้หน้าเท่ง ทำตาดุ
“อย่าเชียวนะ”
เท่งจับบุญเลื่องให้หมุนตัว เต้นซ้อนหลังบุญเลื่องแล้วพยายามดึงกระโปรงลง บุญเลื่องสะดุ้ง นึกว่าเท่งพยายามจับก้น บุญเลื่องเลือดขึ้นหน้า
“เตือนแล้วไม่ฟังเหรอ อย่างงี้มันต้องเจอ!”
บุญเลื่องหันมาจะเตะผ่าหมาก แต่ผิดคาด เพราะเท่งกระโดดหลบทัน
“หลบได้เหรอ ด้ายยย.....”
บุญเลื่องชูนิ้วชี้กระดิกกวักให้เท่งเข้ามาใกล้ เท่งงง แต่ก็ขยับเข้ามาใกล้บุญเลื่อง บุญเลื่องเสยคางเท่งตูม เท่งเซแถ่ดๆๆ เท่งกุมคางถามบุญเลื่อง
“นี่คุณมาเตะต่อยผมเรื่องอะไรเนี่ย”
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าริอาจทำลามกใส่ฉัน เฒ่าหัวงู ลามกจกเปรต”
“ผมเปล่า ผมไม่ได้ทำลามกอะไรเลย ผมจะดึงกระโปรงให้คุณตะหากล่ะ”
“ทำไมต้องดึงกระโปรง กระโปรงฉันเป็นอะไร”
ระหว่างนั้นบุญเลื่องหันไปเห็นเพื่อน 2 คน พยายามชี้ที่ด้านหลังของบุญเลื่อง
“ด้านหลังอ่ะ ด้านหลัง”
บุญเลื่องจึงบิดตัวไปดูกระโปรงด้านหลัง พอเห็นว่ากระโปรงเปิดก็หน้าแดง
“กรี๊ด”
บุญเลื่องดึงกระโปรงลงแล้วเอามือปิดหน้าด้วยความอายวิ่งออกไป เท่งมองตามส่ายหน้า
“ทำดีได้ชั่วจริงๆ เล้ยเรา เฮ้อ”
เกมแข่งขันวิ่งสามขา พ่อแม่ลูก กำลังจะเริ่มขึ้นในสนามรีสอร์ต ทุกครอบครัวกำลังผูกเศษผ้าที่ขาให้กลายเป็นทีมวิ่งสามขา ครูปราณีประกาศอยู่ด้านหน้า
“ตุ่งตุงตุงตุ๊ง ทุกคนโปรดทราบ การแข่งขันไถนาสามขาของเราในวันนี้ เราไม่มีรางวัลให้ทีมชนะนะคะ แต่ทีมที่แพ้จะต้องมาทำการแสดงให้ทุกคนดูในคืนนี้ ถ้าเข้าใจแล้วปรบมือด้วยค่า!”
ผู้ปกครองกับเด็กๆตบมือ ยี่หวากับข้าวตูถือเศษผ้าไว้ในมือ ฟังอย่างหนักใจ
ขณะนั้นณนนท์กดโทรศัพท์มือเป็นระวิง ไข่ตุ๋นมองณนนท์อย่างร้อนใจ
“แม่หายไหนแล้วคะพ่อ”
“โทรติดแล้วลูก...คุณ คุณอยู่ไหน รีบมาที่สนามด่วนเลย เค้ากำลังจะแข่งกีฬาแล้ว....หา! มีงานด่วน ต้องรีบกลับกรุงเทพ”
ณนนท์ถอนหายใจ วางสาย ไข่ตุ๋นหน้าม่อย
“ไม่เป็นไร เราแข่งกันสองคนก็ได้ เราเป็นทีมเดียวกันใช่ป่ะ บัดดี้”
ณนนท์ชูมือให้ไข่ตุ๋นตบ ไข่ตุ๋นยกมือขึ้นตบเป็นท่าชุดกับณนนท์แบบหงอยๆ
“แต่ทีมนึงต้องมีสามคนนี่คะ”
ณนนท์กวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นยี่หวากับข้าวตูยืนจับมือกันอยู่สองคนหงอยๆ
“นี่คุณ มาลงทีมผมรึป่าว”
ณนนท์กับไข่ตุ๋นเดินไปหายี่หวากับข้าวตู ยี่หวามองหน้าข้าวตู
“แล้วลูกฉันล่ะ คุณน่ะแหละมาอยู่ทีมฉัน”
“เอ้า แล้วลูกผมจะแข่งกับใคร คุณน่ะมาอยู่ทีมผม”
ไข่ตุ๋นกับข้าวตูมองหน้ากัน
“ไม่ต้องเถียงกันค่ะ ไม่ต้องเถียงกัน” ไข่ตุ๋นบอก โดยมีข้าวตูเสริม
“คุณครูบอกว่าทีมนึงมีกี่คนก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าสามคนครับ”
ในเวลาต่อมา ณนนท์กับยี่หวากำลังกอดไหล่กันอยู่ตรงกลาง ขาข้างหนึ่งของณนนท์กับยี่หวาผูกติดกัน อีกข้างผูกติดกับไข่ตุ๋น ส่วนข้าวตูผูกขาอีกข้างกับขาข้างที่เหลือของยี่หวา ณนนท์กับยี่หวาใกล้ชิดกันจนรู้สึกแปลกๆ
“พร้อมนะคะ” ครูปราณีถาม
“พร้อมครับ / ค่ะ” ทุกคนตอบพร้อมกันเสียงดัง
ครูปราณีเป่านกหวีดให้สัญญาณเริ่มแข่งขัน!!
ทุกทีมออกวิ่งไปอย่างทุลักทุเล ทีมที่มีแค่สามคนเข้าเส้นชัยไปก่อน เหลือทีมที่มีสี่คนอีกสองทีม คือทีม ณนนท์กับอีกครอบครัวนึง ทุกคนช่วยกันส่งเสียงเชียร์ ยี่หวากับณนนท์กอดคอกันแน่น ช่วยกันประคับประคองลูกทีมทั้งสองไปจนเกือบถึงเส้นชัย แต่แล้วก็สะดุดล้มลง อีกทีมนึงเข้าเส้นชัยไป กองเชียร์ส่งเสียงเฮกันอย่างสนุกสนานครึกครื้น
ระหว่างนั้นณนนท์คลำสะโพกแล้วร้องอูย ยี่หวาหน้านิ่ว ณนนท์หัวเราะขึ้นมาก่อน ไข่ตุ๋นหัวเราะตาม ข้าวตูก็หัวเราะด้วย ยี่หวาหัวเราะออกมาในที่สุด
กิจกรรมชาวนาจิ๋วภาคกลางวันจบลงอย่างสนุกสนาน ส่วนกิจกรรมยามค่ำคืนนั้น เป็นบรรยากาศแบบรอบกองไฟ รองรับการแสดงของทีมผู้แพ้จากการวิ่งสามขา
เด็กๆ และผู้ปกครองนั่งบนม้านั่งรอบ ตรงกลางเป็นตะเกียงเจ้าพายุ ส่องแสงสว่างจ้า ครูปราณีประกาศ
“แอ่น แอ๊น ต่อไปนี้พบกับทีมผู้แพ้ แต่ชนะใจพวกเราชาวนาตัวจิ๋วค่า ขอเสียงปรบมือด้วยค่า”
ทุกคนตบมือ ต้อนรับ ณนนท์ ยี่หวา ไข่ตุ๋น และข้าวตูที่ออกมาในชุดสับปะรด เต้นตามเพลงสับปะรด พร้อมเสียงว่า
“สับปะรดสับปะรดสับปะรด มีตารอบตัวรอบตัวรอบตัว มีตัวหลายตา...หลายตา หลายตา ฮุลลาฮุลลา สับปะรด เปรี้ยวไหม เปรี้ยวไหม...เปรี้ยว เปรี้ยวก็จิ้มเกลือ หวานก็จิ้มเกลือ เปรี้ยวก็จิ้มเกลือ ถ้าไม่มีเกลือ...ก็ไม่ต้องจิ้ม”
เด็กๆ หัวเราะชอบใจ ยี่หวากัดฟันยิ้มไปเต้นไป ไม่วายบ่น
“นี่ถ้าฉันลงแข่งกับข้าวตู ป่านนี้ชนะไปแล้ว”
“สองคนแข่งได้ที่ไหน แพ้แล้วพาลนี่คุณ มีน้ำใจเป็นนักกีฬาหน่อยเซ่”
“เพราะคุณน่ะแหละ เพราะคุณคนเดียวเลย”
.ก้มหน้าก้มตาเต้นไปเหอะน่า เด็กๆ กำลังสนุก” ณนนท์ตัดบท
พร้อมกันนั้นณนนท์ก็ยิ้มร่า ตบมือนำให้คนดูตบมือตามจังหวะเพลง เด็กๆ และผู้ปกครองสนุกไปกับณนนท์ ยี่หวาจำใจยิ้ม และเต้นกับณนนท์ไปด้วย
วันต่อมา ในห้องแต่งตัวของสตูดิโอ ชณะที่ สุดยอดเดินอยู่ทางเดิน กำลังจะผ่านประตูห้องแต่งตัว ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ สุดยอดมองเข้าไปในห้องแต่งตัว
ในห้องไม่มีใคร นอกจากเพิร์ลลี่ซึ่งนั่งร้องไห้อยู่ที่โต๊ะแต่งหน้า เพิร์ลลี่มองอะไรในกล่องกระดาษบนตักแล้วยิ่งร้องไห้หนักขึ้น สุดยอดเดินเข้ามา
“เพิร์ลลี่” เพิร์ลลี่ตกใจ รีบปิดฝากล่องแล้วเช็ดน้ำตา
“เพิร์ลลี่เป็นอะไรครับ”
“เปล่า เพิร์ลลี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่ได้เป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไม”
เพิร์ลลี่ยังไม่ยอมตอบก้มหน้า กลั้นสะอื้นฮึกฮัก สุดยอดลงนั่งข้างๆ เพิร์ลลี่
“เพิร์ลลี่ฟังนะ ถึงเราจะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่พี่ก็ยังเป็นพี่สุดยอดของเพิร์ลลี่ เพิร์ลลี่มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้เหมือนเดิมนะครับ”
“เพิร์ลลี่ไม่อยาก...เพิร์ลลี่ไม่อยากคบกับพี่ก้องแล้วล่ะค่ะ” เพิร์ลลี่พูดทั้งที่น้ำตาร่วง
“ไม่อยากคบ...แล้วคบทำไมล่ะครับ”
“เพราะ..คุณแม่ขอร้อง เพิร์ลลี่ขัดใจคุณแม่ไม่ได้ พี่ยอดก็รู้”
สุดยอดถอนใจ
“ไม่อยากคบก็ไม่ต้องคบ เพิร์ลลี่ก็บอกแม่ไปตรงๆเลย แต่พี่ว่าเรื่องแค่นี้ไม่น่าทำให้เพิร์ลลี่ร้องไห้เลย เพราะเท่าที่เห็นในข่าว เวลาไปกับเค้า เพิร์ลลี่ก็มีความสุขดีนี่”
“ไม่จริง ไม่จริงเลยค่ะ ที่เห็นเพิร์ลลี่ยิ้ม แต่ในอกเพิร์ลลี่มันเต็มไปด้วยน้ำตา มันเต็มไปด้วยความคิดถึง”
สุดยอดฟังแล้วยังยืนงง
“คิดถึงอะไร”
“เพิร์ลลี่คิดถึงพี่ยอดค่ะ”
“คิดถึงพี่เนี่ยนะ แต่...แต่เพิร์ลลี่เป็นคนบอกเลิกพี่เอง” สุดยอดไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่เชื่อก็ดูนี่สิคะ” เพิร์ลลี่เปิดกล่องกระดาษให้สุดยอดดู
“เนี่ย ตั๋วหนังที่เราเคยดูด้วยกัน ตั๋วเครื่องบินที่เราไปเมืองนอกด้วยกัน ตุ๊กตาถักที่เพิร์ลลี่เคยทำให้พี่ยอดแต่ยังไม่เสร็จ ไดอารี่ที่เขียนถึงพี่ยอด...เพิร์ลลี่เก็บมันไว้หมดทุกอย่างเลยนะคะ เพิร์ลลี่ไม่เคยลืมพี่ยอดเลยจริงๆนะคะ”
สุดยอดมองเพิร์ลลี่ที่มองด้วยสายตาละห้อย น้ำตาคลอ สุดยอดใจอ่อน กอดเพิร์ลลี่
“เพิร์ลลี่”
ส่วนเพิร์ลลี่แอบยิ้มทั้งน้ำตา ดีใจที่ง้อสุดยอดได้สำเร็จ
ชม้อยโผล่หน้ามาจากประตู ชูนิ้วโป้งให้เพิร์ลลี่ สองแม่ลูกยิ้มให้กัน
เย็นวันนั้นยี่หวาเดินเข้ามาในโรงเรียนอนุบาลเด็กดีอย่างรีบเร่ง เพราะเลยเวลาที่เคยมารับข้าวตูนานแล้ว เด็กนักเรียนกับผู้ปกครองหลายคู่เดินผ่านยี่หวา ก็จำยี่หวาได้
“สับปะรดๆ” เด็กนักเรียนทักยิ้มๆ ยี่หวายิ้มแล้วโบกมือให้ รีบเดินเข้าไปหาครูปราณี
“ขอโทษค่ะครู ดิฉันติดประชุมเลยมาสายไปหน่อย”
“เอ ข้าวตูกลับไปแล้วนี่คะ” ครูปราณีบอก ยี่หวางง
“อะไรนะคะ ใครมารับคะ คุณยายข้าวตูเหรอคะ”
“เปล่าค่ะ คุณพ่อน้องข้าวตูค่ะ”
ยี่หวาฟังแล้วอดหวั่นใจขึ้นมาไม่ได้
เวลาต่อมาที่หน้าโรงเรียน ยี่หวายืนกดโทรศัพท์มือถือ พลางล้วงหากุญแจรถในกระเป๋าถือ
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้” ยี่หวายิ่งหงุดหงิด กดโทรศัพท์ใหม่ แต่เป็นเสียงรับฝากข้อความเหมือนเดิม
“อีตาวสันต์นะตาวสันต์ ถ้าเจอนะ ฉันจะฆ่าให้ตายเลย”
ยี่หวาล้วงกุญแจจากกระเป๋ามาไขรถ แต่ลนลานทำกุญแจรถร่วงตกท่อ ยี่หวาตกใจ ยิ่งลนลานหนักขึ้น ระหว่างนั้นณนนท์กับไข่ตุ๋นเดินมา เห็นยี่หวาพยายามใช้ไม้เขี่ยลงไปในท่อน้ำ
“เดี๋ยวนี้ว่างขนาดมารับจ้างกทม.ล้างท่อเลยเหรอครับคุณยี่หวา”
ยี่หวาหันมาค้อนณนนท์ แล้วพยายามเขี่ยท่อต่อ ไข่ตุ๋นเดินมาลงนั่งตรงหน้ายี่หวา
“คุณน้าหาอะไรเหรอคะ”
“หากุญแจรถจ้ะ น้าทำมันร่วงลงไปในนี้น่ะ” ยี่หวาบอกไข่ตุ๋นและเขี่ยไปเขี่ยมา และเผลอทำไม้ตกลงไปในท่ออีก ยี่หวาหงุดหงิดโมโห
“ปัดโธ่!”
“จะหงุดหงิดให้เสียอารมณ์ทำไม โทรตามช่างกุญแจมาก็เปิดรถได้แล้ว ใจเย็นก่อนสิคุณ”
“ลูกฉันหาย จะให้ใจเย็นอยู่ได้ยังไงล่ะ”
“งั้นคุณมากับผมนี่”
ณนนท์ดึงแขนยี่หวา แต่ยี่หวาขืนตัวไว้
“มาเหอะน่า”
ณนนท์ลากยี่หวาไปขึ้นรถของเขาจนได้ โดยยี่หวานั่งข้างคนขับ ส่วนไข่ตุ๋นย้ายไปนั่งเบาะหลัง ยี่หวาร้อนอกร้อนใจ โทรคุยกับบุญเลื่อง
“ข้าวตูยังไม่ถึงบ้านแน่นะคะแม่ ยี่หวาไปที่โรงเรียนข้าวตูก็ไม่อยู่แล้วเท่านี้ก่อนนะคะมีสายเข้าค่ะ”
ยี่หวากดรับอีกสาย
“ฮัลโหล....” เป็นวสันต์ที่โทรมาจากรถซึ่งจอดอยู่ริมฟุตบาท ข้างๆ วสันต์ ข้าวตูกำลังนั่งกินไอติมอย่างมีความสุข
“คุณเอาเงินมาให้ผมสองล้าน ไม่งั้นอย่าหวังเลยว่าจะได้เจอลูกอีก” วสันต์พูดกับยี่หวา
“สองล้าน จะบ้าเหรอ อดอยากถึงขนาดต้องเรียกค่าไถ่กินแล้วเหรอ บอกมานะว่าลูกฉันอยู่ไหน”
วสันต์หัวเราะชอบใจ
“ฮ่า ผมพูดเล่น ใครจะไปทำอย่างงั้น แต่ถ้าได้ซักหมื่นนึง ผมก็อาจจะนึกออกก็ได้ ว่าข้าวตูอยู่ที่ไหน” วสันต์พูดจบก็กดวางสายแล้วปิดมือถือ ยิ้มชอบใจ
“วสันต์ วสันต์ๆ”
ยี่หวาวางสายแล้วพยายามกดโทรกลับไปใหม่ แต่เสียงสัญญาณฝากข้อความก็กลับมาดังอีก ณนนท์ชำเลืองมองยี่หวาแล้วพูดนิ่งๆ
“จะแวะแจ้งความก่อนมั้ยครับ”
“จะแจ้งได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อคนที่ลักพาตัวข้าวตูไปคือพ่อของข้าวตูเอง”
“แล้วคุณจะทำยังไง”
ยี่หวาไม่ยอมตอบ ทั้งที่ในใจกำลังเดือดสุดๆ
ยี่หวาขอร้องณนนท์ให้ขับรถพาไปที่บ้านวสันต์ ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็มายืนประจันหน้าแม่สามี วัลลภา ในห้องรับแขก
“ข้าวตูไม่ได้อยู่ที่นี่” วัลลภาตีหน้าซื่อ
ยี่หวายืนหน้าบึ้ง ร้อนใจ ณนนท์กับไข่ตุ๋นยืนอยู่ด้านหลังยี่หวา
“แล้วข้าวตูอยู่ไหนคะ”
“เธอเป็นแม่แท้ๆ ยังไม่รู้ว่าลูกตัวเองอยู่ไหน แล้วย่าอย่างฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะจ๊ะ”
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้นเลยค่ะ ฉันรู้นะว่าวสันต์เอาลูกฉันมาซ่อนที่นี่”
“ข้าวตูไม่ได้มาที่นี่หรอก แต่เธอมาก็ดีแล้ว เรื่องที่น่ะว่าไง ขายๆ ไปเหอะ เก็บไว้ก็กลายเป็นที่รกร้าง เสียภาษีสิ้นเปลืองเปล่าๆ ปลี้ๆ สู้ขายได้เงินมานอนกินดอกเล่นๆ ไม่ดีกว่าเหรอ”
ณนนท์กับไข่ตุ๋นยืนฟัง ณนนท์เริ่มรำคาญวัลลภาที่ไม่สนใจเลยว่าหลานหายไปไหน
“คุณแม่คะ หลานคุณแม่หายไปทั้งคน ไม่คิดจะเดือดร้อนเลยเหรอคะ รึว่าเงินมันบังตาจนมอง
อะไรไม่เห็นไปแล้ว” ยี่หวาแขวะ
“แหม๊ ไม่เจอกันนานก็ยังปากคอเราะร้ายเหมือนเดิมนะเธอ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าข้าวตูไม่ได้มาที่นี่ อยากรู้ก็ถามเจ้าตัวเค้าเองสิ นั่นไง มาพอดีเลย”
วสันต์เดินเข้ามาในห้องรับแขกพอดี
“โอ้โห ตามหาลูกจนถึงขนาดต้องพาผัวใหม่มาช่วยตามหาเลยเหรอ”
ยี่หวาหันไปมองณนนท์อย่างเกรงใจ แล้วหันไปแว้ดใส่วสันต์
“นี่คุณ คุณณนนท์เค้าเป็นเพื่อนที่ทำงานของฉัน แล้วลูกสาวเค้าก็เป็นเพื่อนกับข้าวตู คุณอย่าเอาความคิดเลวๆ ของคุณมายัดเยียดให้ฉันหน่อยเลย”
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลย” วสันต์ยักไหล่กวนๆ
“ข้าวตู ข้าวตูอยู่ในบ้านรึป่าวลูก ข้าวตู” ยี่หวาตะโกน
“ข้าวตูก็ไม่ออกมาหรอก เพราะข้าวตูไม่ได้อยู่ที่นี่” วสันต์ตะโกนขึ้น
ยี่หวาหันไปพูดใส่หน้าวสันต์ “ ฉันไม่เชื่อ ข้าวตูต้องอยู่ในบ้านนี่แหละ” ยี่หวาตะโกนเรียกลูกต่อ
“ข้าวตู ข้าวตู”
ไข่ตุ๋นยืนฟังอยู่นาน เหลือบไปมองประตูห้องรับแขกพร้อมกับคิดอะไรขึ้นมาได้
ไข่ตุ๋นแอบเดินเข้าไปสำรวจ เปิดตู้รองเท้า แล้วก็ไปก้มดูใต้โซฟา หลังผ้าม่าน เหมือนกำลังเล่นซ่อนหากับเพื่อนๆ ไข่ตุ๋นเปิดเข้าไปในห้องน้ำ มองหาข้าวตู เปิดฝาชักโครกดู ไข่ตุ๋นเกาหัว
“อยู่ไหนน้า” ไข่ตุ๋นเดินไปเปิดตู้เย็น ตู้เก็บของ เปิดดูเครื่องซักผ้า ไม่มีซักที่
ไข่ตุ๋นขึ้นบันไดมาที่บริเวณชั้นสอง เปิดประตูเข้าไปในห้องวสันต์ เจอข้าวตูใส่หูฟังนั่งดูการ์ตูนอย่างมีความสุข
“อยู่นี่เอง” ไข่ตุ๋นดึงเสื้อข้าวตู
“ข้าวตูๆ”
ข้าวตูถูกสะกิด จึงถอดหูฟัง มองไข่ตุ๋นงงๆ
“เธอมาที่นี่ได้ยังไงน่ะไข่ตุ๋น”
“ฉันมากับพ่อ แล้วก็แม่ของนายน่ะสิ”
“แม่เรามาเหรอ”
“อื้อ แม่นายรออยู่ข้างล่าง ลงไปหาแม่นายกันเถอะ”
ข้าวตูพยักหน้า วางหูฟังแล้วลุกวิ่งตามไข่ตุ๋นออกจากห้องไป
ส่วนที่ภายในห้องรับแขก บ้านวสันต์ ระหว่างนั้นณนนท์มองยี่หวาด้วยความเห็นใจ
“ผมว่าอย่าเสียเวลาถามเลยครับ ไปค้นดูกันดีกว่า” ณนนท์เหลืออด
“อ่ะอ้า เจ้าของบ้านไม่อนุญาตก็ถือว่าบุกรุกนะครับ ผมแจ้งตำรวจจริงๆ นะเอ้า”
“ก็แจ้งไปสิ ฉันก็จะแจ้งว่าคุณขโมยลูกฉัน” วสันต์บอก วัลลภารีบเสริม
“ข้าวตูมันก็ลูกของวสันต์เหมือนกัน จะเรียกว่าขโมยได้ยังไง”
ยี่หวาพยายามระงับความโกรธ
“คุณบอกมาดีกว่า ว่าลูกอยู่ไหน”
“อยู่ไหนตอนนี้ยังคิดไม่ออก แต่ถ้าได้ซักหมื่นนึงก็อาจจะบอกได้ว่าอยู่ไหน” วัลลภาฟังอยู่รีบส่งซิกให้วสันต์
“เอ๊ยๆๆ ไม่ใช่ๆ ต้องสองหมื่น ยิ่งนานดอกเบี้ยมันยิ่งขึ้นนะคุณ”
ยี่หวาเบรคแตก กลั้นโมโหไม่อยู่
“สองหมื่นใช่มั้ย สองหมื่นใช่มั้ย” ยี่หวาล้วงเงินจากกระเป๋าออกมา ปาใส่วสันต์อย่างโมโหจัด
“เอาไป ฉันมีแค่นี้แหละ เอาลูกฉันคืนมา”
เสียงข้าวตูดังขึ้น “แม่คร้าบ”
ยี่หวาหันไปตามเสียง ไข่ตุ๋นกับข้าวตูวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก ข้าวตูวิ่งไปกอดยี่หวา
“ข้าวตู”
ยี่หวากอดข้าวตู ไข่ตุ๋นเดินผ่านวสันต์ วสันต์จับแขนไข่ตุ๋น
“เฮ้ย เข้าไปในบ้านฉันได้ยังไง ใครอนุญาต”
ไข่ตุ๋นตกใจ เพราะวสันต์จับแขนไข่ตุ๋นแรง ไข่ตุ๋นตกใจร้องไห้ ณนนท์โมโหชกโครมเข้าที่หน้าวสันต์ วสันต์เซล้มลงไปที่พื้น ณนนท์ชี้หน้าวสันต์
“คุณจะเลวกับใครผมไม่รู้ แต่อย่ามาทรามกับลูกผม จำไว้”
พูดจบณนนท์ก็จูงไข่ตุ๋นเดินไปหายี่หวา
“ไปคุณ”
ณนนท์พาไข่ตุ๋น ยี่หวา และข้าวตูเดินออกจากบ้านไป วสันต์เลือดซึมออกมาจากจมูก
“แม่ ผมเลือดออก” วสันต์เรียก แต่ วัลลภามัวแต่เก็บเงิน ไม่สนใจวสันต์
“โธ่ แม่ ห่วงแต่เงินๆ ห่วงลูกบ้างมั้ยเนี่ย!!”
“ขอบคุณมากนะคะ คือฉัน...ฉันอายจนไม่รู้จะพูดยังไงดี”
หลังลงมาจากรถพร้อมลูก ยี่หวา เอ่ยขอบคุณณนนท์ที่ช่วยเหลือทั้งยังขับรถมาส่งที่บ้าน
“คุณไม่ต้องพูดอะไรหรอกครับ ผมเข้าใจ”
“ถ้างั้นก็ขอบคุณอีกทีนะคะ ข้าวตู ขอบคุณคุณพ่อไข่ตุ๋นสิลูก”
“ขอบคุณครับ” พอดีกับที่ไข่ตุ๋นโผล่หน้ามาที่หน้าต่าง
“เจอกันที่โรงเรียนนะข้าวตู” ข้าวตูยิ้ม โบกมือให้ไข่ตุ๋น
“บ๋ายบายไข่ตุ๋น”
“เจอกันที่ทำงานครับ”
ยี่หวาพยักหน้าพร้อมยิ้มให้นิดๆ ณนนท์ขับรถออกไป
ยี่หวามองตาม ภายในใจเริ่มรู้สึกดีๆ กับณนนท์เพิ่มขึ้นมาอีกนิดนึงแล้ว
จบตอน 5
อ่านต่อวันพรุ่งนี้ 20 ตุลาคม 2554