xs
xsm
sm
md
lg

ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิขิตเสน่หา
ตอนที่ 4
 
สุดยอดกำลังวิ่งไล่ขย้ำคุณยิ่ง ที่เขามั่นใจเป็นตัวการนำเอาเพิร์ลลี่มาเป็นพิธีกรร่วมในรายการเพื่อหวังสร้างกระแส เพิ่มเรทติ้ง ขณะที่ยิ่งก็วิ่งหนีไปรอบๆ ห้อง โดยวิ่งวนยึดเอาโต๊ะทำงานคอยเป็นกำบังกันไว้ไม่ให้สุดยอดเข้ามาถึงตัว พร้อมกับพยายามพูดหว่านล้อมเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

“ใจเย็นๆสิวะไอ้ยอด ฟังพี่ก่อน”
“พี่จะสั่งเสียอะไรก็ว่ามาเลย อยากกินอะไรก็บอก ตรุษจีนผมจะได้ทำไปไหว้” สุดยอดแค้นจัด
“เฮ้ย อย่าเพิ่งโกรธสิวะ มันเป็นงานนะโว๊ย
“พี่ก็เลยเอาเพิร์ลลี่มาเป็นพิธีกรร่วมเนี่ยนะ”
“ก็แหม แฟนเก่าแฟนใหม่มาอยู่ด้วยกัน คิดดูซิ ว่าเรตติ้งจะกระฉูดขนาดไหน” ยิ่งให้เหตุผล
สุดยอดแค้นสุดๆ หยิบคว้าเอาปากกาบนโต๊ะขึ้นมาขู่
“เลือดพี่กระฉูดก่อนละกัน” ว่าพลางปีนโต๊ะจะเข้าไปเอาปากกาแทงยิ่ง
ยิ่งรีบยกเก้าอี้ขึ้นมาเป็นโล่ห์
“แกจะฆ่าพี่เลยเหรอ คิดดูสิวะ ตอนที่แกเป็นอีสุกอีใส ใครเป็นคนช่วยแกติวจนสอบผ่าน พอแกชวดตำแหน่งเดอะวินเนอร์บ้านตะกายดาว ใครเป็นคนเปิดโอกาสให้แกมาเป็นพิธีกร พี่ทั้งนั้นใช่มั้ย” ยิ่งวิ่งไปทวงบุญคุณไป
“บุญคุณมันหมดกันตั้งแต่ตอนพี่เอาเพิร์ลลี่มาแล้ว พี่ก็รู้ว่าผมช้ำแค่ไหนตอนเลิกกับเค้า พี่ยังย่ำยีหัวใจผมเพราะเรตติ้งได้ ผมควรจะเก็บพี่ไว้อีกมั้ยล่ะ”

ในที่สุด...สุดยอดก็เข้าไปยื้อยุดเก้าอี้แย่งมาได้สำเร็จ ยิ่งจะวิ่งหนีออกนอกห้อง แต่สุดยอดรีบเข้าไปล็อกคอไว้ได้ ยิ่งดิ้นพราดๆ ตาเหลือก แทบจะหายใจไม่ออก พูดตะกุกตะกัก ยอมยกธงขาว
“พอ...พอก่อนไอ้...ยอด...พี่... พี่ไม่ได้เอา...เอาเพิร์ลลี่มา”
สุดยอดตะคอกอย่างไม่เชื่อ “ยังจะโกหกอีกเหรอ”
ยิ่งหายใจไม่ออก แต่ยืนยันการันตี
“จริง...จริง...เพิร์ล...เพิร์ลี่เค้า...เค้าขอมาทำเอง”
สุดยอดอึ้งไปเมื่อได้ยิน ไม่คิดว่าเพิร์ลลี่จะขอมาทำรายการเองแบบนี้

ภายในห้องแต่งตัว ชม้อยกำลังวีนเหวี่ยงไปทั่ว ในขณะที่เพิร์ลลี่นั่งรอแต่งหน้าอยู่ โดยมียาหยียืนมองอยู่ด้วยความอัศจรรย์ใจ ว่าอะไรมันจะเรื่องมากได้ขนาดนั้น
ชม้อยจัดเต็ม จัดใหญ่ใส่เป็นชุด ทุกอย่างดูขวางตาไปเสียหมด ประเดิมที่ช่างแต่งหน้า
“ต๊ายตาย เครื่องสำอางราคาถูกแบบนี้ เอามาแต่งหน้าน้องเพิร์ลลี่ได้ยังไงกันคะ เกิดหน้าสวยๆ ของลูกคุณแม่เป็นอะไรไป ใครจะรับผิดชอบ ...น้ำส้มบาเลนเซียที่สั่งไปได้รึยัง กินวันนี้นะไม่ใช่พรุ่งนี้ ...ทำไมมันร้อนอย่างงี้เนี่ย น้องเพิร์ลลี่เหงื่อออกหมดแล้วไม่เห็นเหรอ รีบเร่งแอร์หน่อยสิคะ”
บรรดาช่างแต่งหน้า ทีมงาน วิ่งกันหัวหมุนฝุ่นตลบไปหมด
“ฮอลลีวู้ดมาเองจะขนาดนี้มั้ยเนี่ย” ยาหยีพูดอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นและได้ยิน
ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหายาหยีพลางถาม
“คุณยาหยีต้องการอะไรเพิ่มเติมมั้ยคะ เดี๋ยวหนูหาให้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้ก็วุ่นจะแย่อยู่แล้ว หยีดูแลตัวเองได้ ขอบคุณนะคะ” ยาหยียิ้มรับ
ทีมงานคนนั้นยิ้มขอบคุณ แล้วเดินเลี่ยงไปทำงานอื่นต่อ ด้วยความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กับยาหยี ต่างจากเพิร์ลลี่กับชม้อยลิบลับ

ยาหยีมองดูความวุ่นวายของชม้อยครูหนึ่ง แล้วส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากห้องไป โดยไม่รู้ว่าเพิร์ลลี่ จิกตามองตามยาหยีตลอดเวลา
แม้จะเลิกกับสุดยอดไปแล้ว แต่เพิร์ลลี่ก็ยังหวงก้างอยู่!!
ชม้อยยังอยู่ในโหมดอารมณ์หงุดหงิด เดินเข้ามาหาต่อว่าลูกสาว
“คุณแม่บอกแล้วว่าอย่ารับงานนี้ ลูกก็ไม่ฟังคุณแม่เล๊ย ไม่ใช่ว่าจะได้เงินมากมายอะไรเลยนะเนี่ย แถมยังต้องเสี่ยงมีข่าวกับนายยอดอีก”
“มีข่าวสิคะดี” เพิร์ลลี่พูดเสียงเบา ชม้อยได้ยินไม่ถนัดถามย้ำ
“ฮ๊า ว่าไงนะจ๊ะ”
เพิร์ลลี่รู้สึกตัวรีบแก้ต่างทันที
“เปล่าค่ะ เพิร์ลลี่ก็แค่คิดว่าเราเป็นมืออาชีพ ถึงจะมีข่าวอะไร เราก็ต้องทำงานได้ไม่ใช่เหรอคะ”
ชม้อยฟังแบบเซ็งๆ แต่ก็ไม่มีเหตุผลพอจะขัดใจลูก
ระหว่างนั้นเพิร์ลลี่มีสีหน้านิ่งขรึม แต่สายตาดูเอาจริง ยังไงก็หวงก้างอยู่ ไม่มีทางปล่อยสุดยอดไปง่ายๆ

ครู่ต่อมายาหยี กับเพิร์ลลี่กำลังบันทึกเทปรายการ โดยมีว่านเป็นโปรดิวเซอร์ และนัทซึ่งเป็นครีเอทีฟคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ ส่วนสุดยอดอยู่มุมห้อง ยืนดูการถ่ายทำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

บนโต๊ะที่ยาหยีจะสาธิตออกรายการ มีผักสวนครัวหลายชนิด ปลูกใส่แก้ว ใส่กระถางน่ารักๆ วางอยู่เต็มไปหมด โดยในตอนนี้ยาหยีจะสาธิตการปลูกผักบนพื้นที่จำกัดในคอนโด อพาร์ทเม้นท์
ยาหยี กับ เพิร์ลลี่ไหว้พร้อมกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ” ยาหยียิ้มให้กล้อง “กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ กับช่วง...” ยาหยีเตรียมทำมือแอ็คชั่นประกอบอันเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเธอ “ดี...ไอ...วาย...”
“คัท!”
ว่านตะโกนขึ้น จนทุกคนหันมามองว่านเป็นตาเดียว
“น้องเพิร์ลลี่ครับ ทำไมไม่ออกแอ็คชั่นเหมือนคุณหยีเค้าล่ะครับ” ว่านว่า
“ต้องทำด้วยเหรอคะ ไม่เห็นมีใครบอกเลย”
เพิร์ลลี่แกล้งทำแบ๊วตาใสไม่รู้เรื่อง
“ก็มีเขียนไว้ในสคริปแล้วไม่ใช่เหรอครับ พี่ยังให้แต้วมันไปช่วยซ้อมให้เลยนี่” นัทบอก
“ขอโทษทีค่ะ เพิร์ลลี่คิดว่าทำตอนปิดรายการซะอีก”
ว่านตัดบทขึ้น “อ้ะๆ ไม่เป็นไร ถ่ายใหม่ก็ละกัน ทุกคนพร้อมนะ...5 4 3 2...”
ระหว่างนั้นเพิร์ลลี่แกล้งตกใจ กรี๊ดลั่น แล้วใช้มือปัดข้าวของบนโต๊ะสาธิต ตกแตกเสียหายหมด
“ว๊ายๆ หนอนๆ มีหนอนด้วย”
ทุกคนมัวแต่ตกใจที่ข้าวของพังหมด เพิร์ลลี่ไหว้ปะหลกๆ แล้วปั้นหน้าเศร้าเล่าความเท็จ
“ขอโทษค่ะ เพิร์ลลี่เห็นหนอน ก็เลยตกใจมากไปหน่อย ขอโทษจริงๆนะคะ
“ผักพวกนี้ไม่ได้ปลูกกับดิน แล้วก็กางมุ้งคลุมไว้ตลอด จะมีหนอนได้ยังไงกันคะ” ยาหยีเซ็ง
“สงสัยเพิร์ลลี่จะตาฝาดน่ะค่ะ” พลางปั้นหน้าเศร้าต่อ พร้อมไหว้ยาหยีอีกที
“ขอโทษด้วยนะคะ”
ยาหยีทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนใจ
“ช่างเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันทำใหม่ก็ได้”
“งั้นพักเตรียมของก่อน พร้อมแล้วค่อยถ่าย” ว่านตะโกนบอกทุกคน

ขณะนั้นสุดยอดมองมาที่เพิร์ลลี่ด้วยความสงสาร เห็นใจ เพราะยังมีเยื่อใยบางๆ เหลืออยู่ ในขณะที่เพิร์ลลี่เดินเลี่ยงออกมา แอบยิ้มเยาะ สะใจ ที่แกล้งยาหยีได้ แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม

ระหว่างพักการถ่ายทำอยู่นั้นเดช ช่างไฟของรายการ กำลังกดโทรมือถืออยู่อย่างกระวนกระวาย ท่าทีร้อนใจสุดๆ เดชกระหน่ำโทรเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีคนรับ เขายิ่งเครียดหนักเลยฝากข้อความไว้
“จะเอาไง โทรเป็นร้อยรอบแล้วทำไมไม่รับ เธอจะไปฉันก็ไม่ว่า แต่ลูกต้องเป็นของฉัน ฉันไม่ให้ใครทั้งนั้น” เดชกดตัดสาย
เป็นจังหวะเดียวกับที่เพิร์ลลี่เดินเข้ามา เดชหน้าเสียที่เห็นเพิร์ลลี่ รีบเดินเลี่ยงออกไป สวนกับสุด
ยอดที่เดินเข้ามาพอดี
“พี่ไม่พอใจที่เพิร์ลลี่ทำเสียเวลา ก็เลยจะตามมาว่าเพิร์ลลี่ต่อรึไงคะ” เพิร์ลลี่พูดตีหน้าตายขึ้นก่อน
“พี่ไม่ได้มาชวนทะเลาะนะเพิร์ลลี่ พี่ก็แค่อยากรู้ ว่าทำไมเพิร์ลลี่ถึงเสนอตัวมาเป็นพิธีกรรายการนี้” สุดยอดเข้าเรื่อง
“ก็เงินมันดี อีกอย่างเพิร์ลลี่ก็ไม่เคยทำรายการเลย ก็เลยอยากลองดู”
“ไม่จริง เพิร์ลลี่กำลังฮอต ถ้ารับงานอีเว้นท์ได้มากกว่านี้อีก” สุดยอดแย้ง สีหน้าขรึมลง พลางจับมือเพิร์ลลี่อย่างทะนุถนอมแล้วพูดต่อ
“ที่เพิร์ลลี่รับงานนี้เพราะยังไม่ลืมพี่ใช่มั้ย”
เพิร์ลลี่ดึงมือออก สีหน้าบึ้งตึง
“เข้าข้างตัวเองมากไปรึเปล่าคะพี่ยอด ระหว่างเรามันจบแล้ว พี่เองก็มีคนใหม่แล้วนี่” ยิ้มเยาะ “ถึงแม้ว่าหน้าตาจะบ้านๆ ไปนิดนึงก็เถอะ”
ขาดคำ ยาหยีซึ่งได้ยินคำพูดของเพิร์ลลี่เต็มสองหู ก็เดินนวยนาดเข้ามาหาสุดยอดทันที
“ยอดขา เบบี๋ มาอยู่นี่เอง”
ยาหยีแกล้งทำเสียงอ่อนเสียงหวาน เข้าไปอ้อน คล้องแขนสุดยอดไว้
“หยีตามหาคุณซะทั่วเลย” พร้อมกันนั้นยาหยีก็ส่งสายตาปิ๊งๆ ให้สุดยอด ซึ่งยืนงงๆ อยู่
“เป็นอะไรไปเนี่ยคุณ พยาธิขึ้นสมองเหรอ”
“คุณว่านเค้าตามหาคุณอยู่นะคะ รีบไปสิคะเบบี๋ อย่าให้ทุกคนต้องรอนานนะคะ”
ยาหยีปั้นหน้ายิ้มหวานทอดส่งมาให้ สุดยอดสะดุ้งเฮือก ยาหยีรีบเดินหนีไป
เพิร์ลลี่มองยาหยีด้วยสายตาริษยา แต่พอยาหยีหันหน้ากลับมามองก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที “แหม สวีทกันจังเลยนะคะ” เพิร์ลลี่บอก
“เลิกแอ๊บเถอะย่ะ ฉันได้ยินหมดแล้ว” ยาหยีบอกเพิร์ลลี่ตรงๆ
เพิร์ลลี่ชักสีหน้าทันที
“แล้วไง เธอจะทำอะไรฉัน”
ยาหยียักไหล่บอกไป
“ใครจะทำเธอ เธออยากจะคิกขุโนเนะ แอ๊บแบ๊วอะไรก็ตามสบายเพียงแต่อย่ามาทำงานฉันเสียอีกก็แล้วกัน ไม่งั้น...” ไม่พูดเปล่าๆ ยาหยีจ้องหน้าเพิร์ลลี่แบบเอาจริง
เห็นยาหยีเอาจริงเพิร์ลลี่ก็ชักกลัวแต่ยังทำปากดีโวยกลับ “ทำไมจะทำไม”
ยาหยีกำลังจะเดินเลี่ยงไป แต่นึกขึ้นได้เลยหันกลับมาแกล้งต่อ
“ก็ไม่ทำไมหรอก ไปล่ะ อ้อ ลืมบอกไป ถึงหน้าฉันจะบ้านๆ แบบนี้แต่ฉันก็มีดีนะยะ ไม่เชื่อ ถามสุดยอดดูก็ได้” ยาหยีเยาะแกมเย้ย แล้วเดินเชิดจากไป
ปล่อยให้เพิร์ลลี่มองตามด้วยความแค้นใจ ราวกับจะบอกว่าเรื่องราวไม่จบแค่นี้แน่นอน

ยี่หวามีนัดกับภูมิชายที่คฤหาสน์ใหญ่โตสวยงามของเขา ภูมิชายนั้นเป็นทนายไฮโซ ที่รับทำคดีให้กับเฉพาะชาวต่างชาติเป็นหลัก

ระหว่างที่กำลังรอเจ้าของบ้านอยู่ห้องรับแขก ยี่หวามองไปสวนในบ้านภูมิชาย เริ่มมีไอเดียกระฉูดขึ้นในหัวว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ภูมิชายเดินเข้ามาในห้องพอดี
“คุณยี่หวาใช่มั้ยครับ”
ยี่หวาหันกลับมาตามเสียงเรียก พอภูมิชายเห็นหน้ายี่หวาเข้าก็ตะลึง ปิ๊งทันที
“ค่ะ สวัสดีค่ะ ….คุณภูมิชาย?”
“ครับ แต่เรียกผมว่าภูมิเฉยๆ ก็ได้ครับ แหม ตอนที่เพื่อนผมแนะนำให้ใช้บริการร้านคุณ ผมยังคิดว่าคุณยี่หวาเป็นป้าแก่ๆ ที่ดูใจดี ชอบอยู่กับต้นหมากรากไม้อะไรพวกนี้ซะอีก ไม่คิดว่าคุณจะสาว...แล้วก็สวยอย่างงี้เลยครับ”
ยี่หวายิ้มรับคำชม แต่ไม่ได้มีทีท่าเป็นปลื้มอะไรมากมายกับคำหวานนั้น ในขณะที่ภูมิชายจ้องยี่หวาไม่วางตา ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ

ครู่ต่อมายี่หวากำลังเดินคุยกับภูมิชายอยู่ภายในสวน
“ถ้าจะให้ฉันแนะนำ สวนที่เข้ากับบ้านของคุณภูมิน่าจะเป็นสไตล์ที่มีไม้ประธานต้นใหญ่ๆ ซักต้น แล้วที่เหลือก็เป็นต้นไม้เล็กๆ ต่างกันไป แต่ว่าต้นไม้ต้องไม่มากจนเกินไป ไม้ประธานจะได้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษค่ะ” ยี่หวาเสนอไอเดียจัดสวนตามที่คิดออกเมื่อครู่ ภูมิชายพยักหน้ารับเห็นดีด้วย
“เอ่อ แล้วถ้าผมจะขุดสระอะไรพวกนี้เพิ่มด้วย จะดีมั้ยครับ”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณภูมิ เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยแค่ไหนด้วยค่ะ ถ้าเชื่อ ฉันก็แนะนำให้ทำน้ำพุตรงหน้าบ้าน หน้าที่การงานจะได้รุ่งเรืองเหมือนน้ำพุ ส่วนทางเดินในสวนก็น่าจะปรับนิดนึงให้มีความโค้งเล่นระดับ มีเนินสูงต่ำเพื่อให้พลังชี่ไหลเวียนไปมา”ยี่หวาพูดอย่างคล่องแคล่ว จนภูมิชายทึ่ง เพราะนึกไม่ถึง
“คุณยี่หวามีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยด้วยเหรอครับ”
“ก็นิดหน่อยน่ะค่ะ อยากให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น คนเราชอบไม่เหมือนกันนี่คะ ฉันก็ต้องศึกษาเอาไว้บ้าง”
ยี่หวายิ้มรับ แล้วเดินนำไปดูสวนมุมอื่นต่อ ภูมิชายมองตามคิดในใจ นอกจากสวย เก่ง แล้วดูมีสมองอีกต่างหาก ตรงเสป็กสุดๆ

สีหน้าของณนนท์ฉายแววว่ากำลังเครียดเอาการ ระหว่างคุยอยู่กับเอนิตา ในห้องทำงานของเขา
“ผมบอกแล้วไงนิต้า ว่าผมไม่มีเงินให้คุณแล้ว เมื่อไหร่คุณจะเข้าใจซะที”
“คุณอย่างกนักเลยน่า ฉันรู้นะว่าคุณมีเงินเก็บตั้งเยอะ ยืมแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก เดี๋ยวฉันมี ก็คืนเองแหละ”
“ถึงผมจะรวยกว่านี้อีกร้อยเท่า ผมก็ไม่ให้ ชัดรึยัง”
เอนิตาเจ็บใจ แต่ยังต้องพึ่งณนนท์อยู่จึงตื๊อต่อไป
“คุณไม่ให้ฉันยืม ก็หางานให้ฉันสิ คุณเป็นออแกไนซ์ คงหางานให้เมียตัวเองไม่ยากหรอกนะ”
“ออแกไนช์ก็ไม่ใช่เทวดา ลูกค้าเค้าไม่เลือก จะให้ผมทำยังไง ทุกวันนี้ดาราเกิดใหม่แทบจะรายวัน แต่ละคนก็สวยๆ หล่อๆ กระแสแรงๆ กันทั้งนั้น คุณอยู่วงการมานานก็น่าจะเข้าใจนี่”
“นี่คุณหาว่าฉันแก่เหลาเหย่ ไม่มีลูกค้าที่ไหนต้องการเหรอ” เอนิตาตวาดแว๊ด
“คุณพูดเองนะ” ณนนท์มองดูนาฬิกาข้อมือ “ได้เวลาไปรับไข่ตุ๋นแล้ว คุณจะไปกับผมมั้ย ลูกบ่นอยากเจอคุณนะ”
เอนิตาโมโห “ไม่ไป ฉันไม่มีอารมณ์”
“ตามใจ”
ณนนท์เก็บของ แล้วออกจากห้องไป ขณะที่เอนิตามองตามด้วยความเจ็บใจ
“อยากได้กระแสใช่มั้ย ด๊าย ฉันจัดให้”
เอานิตา ฉุกคิดขึ้น ยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก

เด็กนักเรียนโรงเรียนอนุบาลใจดีกำลังทยอยกลับบ้าน โดยมีผู้ปกครองมารับ ณนนท์เลี้ยวรถเข้ามาจอดรอรับไข่ตุ๋น ขณะลงจากรถเขาก็เหลือบเห็นยี่หวาลงจากรถเช่นกัน ทั้งคู่จอดรถห่างกันไปนิดเดียว สองคนเริ่มส่งสายตามองเขม่นๆ กันทันที
ยี่หวาเดินเชิดเพื่อจะไปรับข้าวตูก่อน แต่ณนนท์รีบเร่งฝีเท้าขึ้นเดินนำ ยี่หวาของขึ้น รีบเร่งฝีเท้าแซงณนนท์ แต่ณนนท์ไม่ยอมแพ้เร่งสู้ ทั้งคู่ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม ไม่มีใครยอมใคร จนในที่สุด ณนนท์ก็วิ่งฉีกหนีไปทันที ยี่หวาจะวิ่งตาม แต่เพราะใส่ส้นสูงจึงวิ่งไม่ถนัด ได้แต่ตามหลังณนนท์มาห่างๆ

ยี่หวาวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงห้องพักรอนักเรียนของผู้ปกครอง เห็นว่าในขณะนั้นมีโทรทัศน์เปิดอยู่ และก็เห็นณนนท์ยืนเต๊ะจุ๊ยรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมยักคิ้วให้เป็นการเยาะเย้ย ยี่หวามองด้วยสายตาอาฆาต

ขณะนั้น ข้าวตู กับไข่ตุ๋น ก็สะพายเป้เดินเข้ามาในห้อง พร้อมด้วยครูปราณีที่มองมาแบบหวั่นๆ กลัวๆ ว่า ผู้ปกครองสองคนจะทะเลาะกันอีก
“อุ๊ย คุณพ่อคุณแม่ แหม มาพร้อมกันพอดีเลยนะคะ”
ไข่ตุ๋น ข้าวตูพอเห็นพ่อกับแม่ก็รีบเข้าไปหาทันที
ไข่ตุ๋นเข้าไปตบมือไฮไฟว์ ทักทายกับณนนท์ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ส่วนข้าวตูไหว้ยี่หวาอย่างเรียบร้อย “สวัสดีครับคุณแม่”
ยี่หวาลูบหัวลูกด้วยความเอ็นดู “สวัสดีจ้ะ” พร้อมมองเหล่ไปทางณนนท์ “เราเป็นคนไทย ต้องรู้จักไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่อย่างงี้ ถูกต้องแล้วนะลูก”
ณนนท์มีหรือจะยอมเหล่ยี่หวาตาขวาง แล้วหันไปยิ้มแย้ม อุ้มไข่ตุ๋นขึ้นมาพลางว่า
“ไปไข่ตุ๋น กลับบ้านเราดีกว่า แถวนี้มันน่าเบื่อ มีแต่พวกหัวโบราณชนิดไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้จักเปิดโลกทัศน์ให้มันกว้างๆ”
ยี่หวาได้ฟังก็หันไปจ้องหน้าณนนท์แบบเอาเรื่อง ถูกณนนท์จ้องกลับโดยไม่กลัวแม้แต่น้อย

ระหว่านั้นโทรทัศน์ที่เปิดอยู่ มีเสียงของผู้ประกาศข่าวกำลังประกาศข่าวด่วน
“ตอนนี้ขอตัดเข้าข่าวด่วน ช่างไฟบริษัทถ่ายทำรายการแห่งหนึ่ง เครียดปัญหาครอบครัวขึ้นไปยืนบนยอดตึกสตูดิโอขู่จะกระโดดลงมา….”
พร้อมกันนั้นกล้องก็ตัดภาพข้างล่างตึก เผยให้เห็นสุดยอด ยาหยีและพนักงานอื่นๆ มุงดูกันอยู่อย่างลุ้นระทึก
“นั่นอายอดนี่คะพ่อ” ไข่ตุ๋นดูข่าวในทีวีแล้วพูดขึ้น อารมณ์เดียวกับข้าวตูที่เห็นยาหยีในทีวีเช่นกัน
“น้าหยีอยู่ในโทรทัศน์ด้วยครับแม่”

เวลาเดียวกันนั้นบรรยากาศที่หน้าตึกสตูดิโอแห่งนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวายตื่นเต้น เพราะเดชทำท่าจะโดดตึกลงมาทุกเมื่อ ผู้คนเลยโกลาหล ทั้งไทยมุง ทีมงาน ตำรวจ นักข่าว แห่กันมาแน่นไปหมด

สุดยอด ยาหยี เพิร์ลลี่ ชม้อย ว่าน และนัท ต่างตื่นเต้นหวาดเสียวลุ้นระทึกไปด้วย
โดยเฉพาะสามหนุ่มสุดยอด ว่าน นัท ลุ้นหนักกว่าใคร เพราะเดชเป็นเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ของพวกเขา
ตำรวจคนหนึ่งใช้โทรโข่งพูดขึ้นไป “ลงมาเถอะ ใจเย็นๆ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน”
“คุณตำรวจครับ คุยตั้งนานแล้วยังไม่ได้เรื่องเลย ขอผมยืมโทรโข่งหน่อยได้มั้ยครับ ผมรู้จักกับพี่เค้า
เผื่อจะช่วยอะไรได้มั่ง” สุดยอดเสนอตัว ตำรวจคนนั้นจึงยื่นโทรโข่งให้
สุดยอดใช้โทรโข่งพูดขึ้นทันที
“พี่เดช ผมยอดเองนะพี่ ลงมาเถอะ อย่าคิดสั้นเลย มีอะไรก็บอกผมสิ ผมช่วยพี่เอง”
ทางด้านช่างไฟ เดช เขามีสีหน้าเครียดหนัก เกาะราวดาดฟ้าเตรียมจะโดดตะโกนตอบ
“ไม่ต้องมายุ่ง ไม่มีใครช่วยฉันได้ทั้งนั้นแหละ ฉันอยากตายๆ”
สุดยอดไม่ท้อยังพยายามปลอบ
“อย่าเพิ่งคิดสั้นนะพี่ ใจเย็นก่อน ปัญหามีทางแก้นะพี่” พลางหันมาคุยกับตำรวจ “เอาไงดีครับคุณตำรวจ” ข้างตำรวจก็คิดหนัก ไม่รู้ว่าจะเอาไงดี

ชม้อย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย เริ่มรู้สึกหงุดหงิด
“โอ๊ย เพิ่งถ่ายเทปแรกก็มีเรื่องซะแล้ว ซวยจริงๆ” แล้วหันไปดุลูกสาว
“แม่บอกแล้วใช่มั้ยเพิร์ลลี่ ว่าอย่ารับงานนี้ เชื่อแม่รึยัง”
“ค่ะ คุณแม่” เพิร์ลลี่จ๋อยๆ
นัทได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกทนไม่ไหวแทรกขึ้นมาทันที
“คนจะเป็นจะตาย ไม่ห่วงก็ไม่ต้องพล่ามได้มั้ยครับคุณแม่ มันส่อ...นิสัย”
ชม้อยโมโหมาก หันมาชี้หน้านัท
“แกๆ...”
“อย่ามาทะเลาะกันเองเลยน่าคุณ ตอนนี้หาทางช่วยพี่เดชก่อนเถอะ”ยาหยีตัดบทขึ้น
ว่านฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เออ เอารถดับเพลิงหรือรถที่มีกระเช้า ไปพาตัวลงมาได้มั้ยครับคุณตำรวจ”
“ผมประสานไปแล้วครับ คงต้องรอรถอีกซักพักตอนนี้รถติดมาก” ตำรวจบอก
“งั้นเดี๋ยวผมช่วยถ่วงเวลาให้เองครับ” สุดยอดบอกพลางหันไปพูดกับว่าน และนัท
“ไอ้ว่าน ไอ้นัท ไปช่วยกันหน่อย”
แล้ว ทั้ง 3 คน ก็เดินเข้าตึกไป
“เดี๋ยวคุณ ฉันไปด้วย”
ยาหยีเป็นห่วง รีบตามไปอีกคน
เพิร์ลลี่เห็น เป็นห่วงยอด จะตามไปด้วย
“พี่ยอดคะ เดี๋ยวค่ะ...”
ชม้อยมองอยู่รีบดึงแขนลูกสาวไว้
“อย่าไปนะเพิร์ลลี่ เกิดนายยอดมันกล่อมไม่สำเร็จ แล้วไอ้บ้านั่นเกิดจับหนูเป็นตัวประกัน เราจะทำยังไงล่ะลูก อย่าไปนะคะคุณแม่ไม่ยอม ปล่อยให้พวกนั้นมันอวดเก่งกันไป อย่าเข้าไปยุ่งรู้มั้ย”
เพิร์ลลี่ไม่กล้าไป ได้แต่มองตามสุดยอดไปด้วยความห่วงใย

ไม่นานหลังจากนั้นพวกของสุดยอดก็เปิดประตูดาดฟ้าเข้ามา ในขณะที่เดชกำลังทำท่าจะโดดพอดี สุดยอดมองเห็นรีบตะโกนห้าม
“เดี๋ยวพี่ อย่านะพี่ อย่าโดดนะใจเย็นๆ มีอะไรค่อยๆ พูดจากันก่อน”
“อย่าเข้ามานะ ถ้าเข้ามา ผมโดดจริงๆ ด้วย” เดชสวนขึ้น
ด้านยาหยีเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“พี่มีอะไรไม่สบายใจก็บอกเราได้นะคะ เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไม่ทำร้ายพี่หรอกค่ะ”
“อย่ามายุ่ง พวกคุณไม่เข้าใจหรอก ไป ถอยไปให้หมด” เดชไม่ยอมฟัง ยาหยีเห็นท่าไม่ดี หันมาพูดกับสุดยอด
“ทำอะไรซักอย่างสิ ดึงความสนใจพี่เค้าไว้ จะได้ถ่วงเวลาให้ตำรวจไง”
“แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ ผมคิดไม่ออก” สุดยอดคิดไม่ออก
“อะไรก็ทำๆ ไปเถอะน่า ถ่วงเวลาแค่นี้ทำไม่ได้รึไง” ยาหยีว่า
สุดยอดโดนรุกเครียดหนัก เมื่อคิดอะไรไม่ออก เลยเอาของถนัดสุด ทำมือเป่าบีทบ็อกซ์จังหวะแร๊พฮิปฮอป
ว่าน นัท ได้ยินจังหวะเพลงฮิปฮอป ก็เริ่มเต้นโชว์ลีลา แถมร้องแร๊พอีกต่างหาก เนื้อหาทำนองของเพลงนั้นเน้นฮา ให้กำลังใจ ไม่ไพเราะคล้องจองมากมายนัก
ยาหยีมองพลางส่ายหน้า “จะไหวมั้ยเนี่ย”
เดชเองเจอมุขแร็พของสามหนุ่มก็งง ไม่เข้าใจว่าพวกสุดยอดเป็นอะไร
สุดยอด ว่าน นัท ยิ่งเต้นยิ่งร้องก็ยิ่งเตลิด ไปๆ มาๆ ชักจะลืมว่าทำไปเพื่อช่วยเดช เลยออกอาการเต็มที่
เดชเองเริ่มเคลิ้มคล้อยตาม โยกตัวตามจังหวะแร๊พ ขณะที่สุดยอด ว่าน นัท เต้นและร้องแร๊พกันจนลืมตัวอย่างเมามันส์

ณนนท์ กับ ยี่หวา พร้อมด้วย ข้าวตู ไข่ตุ๋น มาถึงที่เกิดเหตุ พร้อมๆ กันหลังออกจากโรงเรียนของลูกๆ ณนนท์ จูงไข่ตุ๋น ยี่หวาจูงข้าวตู เดินมาด้วยความร้อนใจห่วงน้อง โดยไม่รู้ว่าเวลานี้น้องชาย กับน้องสาวของเขาและเธออยู่ดาดฟ้าตึก
ยี่หวาเป็นห่วงน้องสุดๆ จึงเอ่ยขึ้น
“เพราะมาทำงานกับน้องคุณแท้ๆเลย อะไรเนี่ยเทปแรกก็มีปัญหาซะแล้ว แล้วทำต่อไปไม่หนักกว่านี่เหรอ”
“คุณก็ดีแต่โทษคนอื่นน่ะแหละ ไม่คิดบ้าง ว่าน้องผมทำงานมาตั้งนานแล้วไม่เคยเกิดเรื่อง แต่พอน้องคุณมาก็โดนเลย น้องคุณอาจจะเป็นตัวซวยก็ได้นะ”
ยี่หวาโมโห ถลึงตาจ้องณนนท์ตาเขียวปั้ด ณนนท์ก็ไม่ยอมจ้องกลับจะเอาเรื่อง
ระหว่างนั้นเพิร์ลลี่มองเห็นณนนท์ เลยรีบเข้ามาหาทันที
“พี่นนท์คะ”
“อ้าว เพิร์ลลี่ อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ” ณนนท์มองหาสุดยอดแต่ไม่เจอ “แล้วยอดล่ะ อยู่ไหน”
เพิร์ลลี่พูดขึ้นอย่างเป็นห่วง
“พี่ยอดขึ้นไปกล่อมคนที่จะฆ่าตัวตายอยู่ข้างบนน่ะค่ะ ทั้งว่าน นัท แล้วก็ยัยยาหยีไปด้วยกันหมดเลยค่ะพี่นนท์” ยี่หวาฟังอยู่ก็ตกใจ
“ฮ๊า น้องฉันด้วยเหรอ” ว่าพลางหันไปพูดกับข้าวตู
“ข้าวตู รอแม่อยู่ตรงนี้ อย่าไปไหนนะลูก แม่ไปดูน้าหยีก่อน”
“ครับคุณแม่”
ขณะเดียวกันณนนท์ก็หันไปทางเพิร์ลลี่
“เพิร์ลลี่ พี่ฝากไข่ตุ๋นด้วยนะ เดี๋ยวพี่มา” แล้วณนนท์ก็หันไปพูดกับลูกสาว
“ไข่ตุ๋น อย่าดื้อกับพี่เพิร์ลลี่นะลูก”
“ค่ะพ่อ
ณนนท์ กับยี่หวาเดินไปคุยบอกกับตำรวจ ก่อนจะรีบเข้าตึกไปอย่างร้อนเร่ง
ระหว่างนั้นเองก็มีนักข่าวหัวเห็ดคนหนึ่ง ทำท่าด้อมๆ มองๆ ครั้นพอเห็นตำรวจเผลอก็รีบแทรกตัว ตามเข้าตึกไปอีกคน

เหตุการณ์บนดาดฟ้าตึก กำลังคึกคักสุดๆ สุดยอด ว่าน นัท ยังเต้นและร้องแร๊พ กันอย่างเมามันส์ ตรงกันข้ามกับเดชที่ชักหมดสนุก จึงหันมาตะคอก
“เฮ้ย หยุดซะที จะเต้นทำไม รำคาญ”
“เบื่อแร๊พแล้วเหรอพี่ งั้นเอาลูกทุ่งมั้ย เอ้า มิวสิค” สุดยอดสั่งการ
ว่าน นัท จัดให้ งัดเอาเพลงลูกทุ่งหมอลำสุดฮิตขึ้นมาร้องทันที แต่กลับไม่เข้าตาคนจะฆ่าตัวตาย
“พอๆ ไม่ต้องร้องแล้ว คนยิ่งเครียดอยู่ด้วย” เดชบอก
“งั้นพี่อยากฟังเพลงอะไรล่ะคะ เดี๋ยวหนูร้องให้ฟังเองค่ะพี่” ยาหยีแทรกขึ้น
เดชเครียดหนัก ก่อนจะนึกได้แล้วบอกออกมา
“อยากดูเต้นโคโยตี้ ทำได้มั้ยล่ะ” ยาหยีฟังแล้วอึ้ง
สุดยอด ว่าน นัท หันไปมองยาหยีเป็นตาเดียวกัน ยาหยีสะดุ้งเฮือก ตวาดแว๊ด
“จะบ้าเหรอ ฉันไม่เต้นนะ เกิดมายังไม่เคยเต้นเลย”
“น่านิดน่า ช่วยถ่วงเวลาอีกนิด เดี๋ยวกระเช้าคงมาแล้วล่ะ หรือคุณจะใจร้าย ยอมให้พี่เดชเค้ากระโดดลงไปต่อหน้าต่อตา” สุดยอดอ้อน
“ไม่เอา เป็นตายยังไงฉันก็ไม่เต้นเด็ดขาด ทุเรศ”

แต่การณ์กลับตรงข้าม เพราะไม่นานต่อมายาหยีกำลังเต้นโคโยตี้ ด้วยลีลาสุดพลิ้วราวกับมืออาชีพมาเอง
สุดยอดยืนนิ่งเป็นเสา ให้ยาหยีรูดขึ้นรูดลง มีเสียงเพลงเทคโนแด๊นซ์คลอประกอบจากปากของว่านกับนัท
ซึ่ง ว่าน และนัท นั้นมองลีลาของยาหยีจนตาค้าง สองหนุ่มกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ ในขณะที่เดชมองอย่างตะลึงพรึงเพริด เพราะยาหยีเต้นมันส์มาก
ขนาดเสาอย่างสุดยอดเห็นลีลายาหยีแล้วก็ชักใจแกว่ง เพราะเซ็กซี่ขยี้ใจมากๆ
“ไหนบอกว่าไม่เต้นไง ทำไมพลิ้วนักล่ะ ถ้าไม่บอก ผมนึกว่ามืออาชีพนะเนี่ย”
สุดยอดแกว่งปาก เลยเจอยาหยีกระทืบเท้าเข้าให้ สุดยอดเจ็บจนสะดุ้งโหยง
“เป็นเสาก็ยืนนิ่งๆ อย่าพูดมาก”
ยาหยีพูดไปเต้นไป ทำตาเขียวปั้ดใส่ แล้วหันไปรูดเสาสุดยอดต่อ วาดลวดลายกระจาย

ทันใดนั้นเองเดชก็สะอึกสะอื้น ก่อนจะปล่อยโฮออกมา ทุกคนหันไปมองเดชเป็นตาเดียว
“ร้องทำไมพี่ ผมเคยเห็นแต่เลือดกำเดาไหล นี่น้ำตาไหลเลยเหรอ” ว่านถามก่อนใคร
“พี่เค้าคงซึ้งมากมั้ง” นัทว่าพลางเช็ดมุมปาก “น้ำลายข้ายังไหลเลย”
เดชร้องไห้ไม่หยุด
“ไม่ใช่ ผมร้องเพราะผมคิดถึงเมียผมต่างหาก เมียผมเคยเป็นโคโยตี้ แต่ตอนนี้มันหนีผมไปแล้ว แถมมันยังเอาลูกผมไปอีก” เดชตะโกนลั่น “ไม่มีลูกแล้วผมจะอยู่ไปทำไม” แล้วทำท่าจะกระโดด
“อย่า!!!” ทุกคนตะโกนพร้อมกัน
และทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงณนนท์ดังแทรกขึ้นมาลอยๆ
“แค่นี้ก็อยากตายแล้วเหรอ ผมโดนหนักกว่านี้ ยังไม่เคยคิดอยากตายเลย”
ทั้ง 4 คนหันไปมองตามเสียง ก็เห็นณนนท์ กับยี่หวา โผล่ขึ้นมาบนดาดฟ้า  
 
โดยมีนักข่าวที่แอบตามขึ้นมาด้วยอีกหนึ่งคน โดยที่ทุกคนมองไม่เห็น

อ่านต่อหน้า 2










ลิขิตเสน่หา
ตอนที่ 4 (ต่อ)

ส่วนเหตุการณ์ด้านล่าง ยังคงวุ่นวายอยู่เหมือนเดิม ยิ่งเวลาทอดนานไป ก็มีชาวบ้านมามุงกันมากขึ้น และพากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ ตำรวจที่พยายามโทรเร่งให้รถกระเช้ามาไวๆ แต่ปลายสายบอกว่ารถติดจึงมาไม่ถึงสักที ตำรวจได้ฟังเลยยิ่งกลุ้มหนัก

ด้านนักข่าวเมื่อไม่มีอะไรทำ ก็หันมาสัมภาษณ์ความเห็นของ เพิร์ลลี่ กับชม้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ชม้อยออกสื่อก็เล่าเป็นตุเป็นตะ ประสาคุณแม่ดารา
“คุณแม่เข้าไปเกลี้ยกล่อมแล้วนะคะ แต่เค้าก็ไม่ยอม แถมยังจับคนเป็นตัวประกันอีก” ชม้อยแสดงให้ทุกคนดูด้วยการเข้าไปล็อกคอเพิร์ลลี่ “นี่ค่ะ จับอย่างงี้เลยค่ะ”
เพิร์ลลี่ไม่ทันมุกแม่ โดนล็อกคอจนดิ้นพราดๆ ลิ้นจุกปาก หายใจหายคอไม่ออก บรรดานักข่าวพากันตื่นเต้นกันยกใหญ่กับการบรรยาแบบเห็นภาพของชม้อย
“แล้วคุณแม่ช่วยตัวประกันออกมาได้ไงครับเนี่ย” นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น
“คุณแม่ก็ลอบเข้าไปข้างหลังสิคะ...” ชม้อยพูดอย่างมันส์ปาก พลางปล่อยมือจากคอลูกสาว

เพิร์ลลี่ไอโขลกๆ เพราะโดนแม่รัดคอซะเกือบตาย ทุกคนไม่สน เพราะจดจ่ออยู่กับชม้อย
“คลานหลบไปอย่างงี้เลยค่ะ” ชม้อยโม้ติดลม ถึงกับลงไปคลานกับพื้นให้นักข่าวดู ซึ่งบรรดา
นักข่าวลงไปคลานตาม อินจัดกันไปทั้งคณะ
“พอคลานไปถึงตัว คุณแม่ก็กระโจนเข้าใส่” ชม้อยลุกขึ้นกระโจนเข้าใส่ลูกสาวอีก เพิร์ลลี่กลัวตาย รีบจับมือแม่ไว้ก่อนที่จะล็อกตนอีก สองแม่ลูกเลยยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ ที่สุดเพิร์ลลี่ก็พูดเบาๆ อย่างกลัวๆ แม่
“คุณแม่จะฆ่าเพิร์ลลี่เหรอคะ”
ชม้อยพูดเบาๆ แทบเป็นกระซิบ “มันจะได้สมจริงสมจังไงลูก ลูกไม่อยากดังเหรอคะ”
แล้วหันกลับไปพูดกับนักข่าวต่อ “นี่ค่ะ สู้กันอย่างงี้เลยค่ะ กว่าจะช่วยตัวประกันออกมาได้ มันไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะคะ”
จากนั้นสองแม่ลูกก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันยกใหญ่ พวกนักข่าวต่างตื่นเต้น ถ่ายรูปกันวูบวาบไปหมด

ดูเหมือนว่าไข่ตุ๋นจะไม่สนใจพวกผู้ใหญ่ เลยจะแอบหนีเข้าไปในตึก ข้าวตูเห็นก็รีบเข้าไปดึงรั้งไว้
ทันที
“ไข่ตุ๋น จะไปไหน พ่อเธอสั่งให้รอที่นี่ไม่ใช่เหรอ”
“อย่ายุ่งน่า เราห่วงพ่อ เราจะไปหาพ่อ” เด็กหญิงจอมแก่นบอก
“แต่ตำรวจเค้าไม่ให้เข้าไปนะ” ข้าวตูยืนกราน
“ก็อย่าให้เค้าเห็นสิ” ไข่ตุ๋นชี้หน้าข้าวตู “แล้วนายก็อย่าบอกด้วยนะ ไม่งั้นโดน” พร้อมกับชูกำปั้นขู่แล้วไข่ตุ๋นแอบเข้าไปในตึก โดยไม่มีใครสนใจ ข้าวตูมองซ้ายมองขวาร้องเรียก
“ไข่ตุ๋น รอเราด้วยสิ” รีบตามไข่ตุ๋นไปทันที

เวลาเดียวกันนั้นบนดาดฟ้า ณนนท์ยังใช้ไม้แข็งกล่อมเดชต่อ ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน
“เมียคุณเอาลูกหนีไป ก็แสดงว่าเค้ายังห่วงลูกใช่มั้ย แต่เมียผมสิ แม้แต่นมยังไม่ให้ลูกกินเลย เจอหน้าทีไรก็มีแต่แบมือขอเงิน คิดดู ว่าผมกับคุณใครหนักกว่ากัน”
เดชฟังแล้วอึ้งไปครู่หนึ่ง “เมียพี่แย่อย่างงั้นเลยเหรอ”
ณนนท์เจอแรงหนุนยิ่งพูดก็ยิ่งของขึ้น
“นี่มันยังน้อย คุณรู้มั้ยว่าเค้าเอาเงินผมไปทำอะไร โน่น กินเหล้าเมายา เที่ยวผับเที่ยวบาร์ พอผมจะขอหย่า ก็จะเอาค่าเลี้ยงดูเป็นล้านอีก ถามหน่อยเถอะมันยุติธรรมมั้ย”
สุดยอด ยาหยี ว่าน และนัท กำลังอินสุดๆ “น่าสงสารเนอะ” ยาหยีว่า
ว่าน อารมณ์เตลิดเหมือนกำลังได้ดูละครเรื่องโปรด “โห พี่นนท์ทนได้ยังไง”
เช่นเดียวกับนัทซาบซึ้งกินใจในบทบาทพ่อของณนนท์นัก “คุณพ่อตัวอย่างจริงๆ”
สุดยอดฟังแล้วมองเหล่ๆ ทั้ง 3 คน พลางพึมพำ “อะไรมันจะมีอารมณ์ร่วมขนาดนั้น”

ณนนท์ยังร่าย เล่าชีวิตแสนเศร้าของตัวเองต่อ
“พอผมไม่ยอมหย่า เค้าก็ยกลูกขึ้นมาเป็นตัวประกัน ข่มขู่บีบบังคับผมสารพัด ผมอยากรู้นัก ว่าความเป็นแม่ของผู้หญิงสมัยนี้มันหายไปไหนหมด”
ยี่หวาโดนกระทบชิ่ง สิทธิสตรีพุ่งปรี๊ดขึ้นในหัวทันควัน
“ผู้ชายสมัยนี้ มันก็ห่วยพอกันนั่นแหละพอมันจีบฉันติด ปีก หาง ก็เริ่มโผล่ งานการก็ไม่ทำ แถมยังเอาเงินฉันไปเลี้ยงกิ๊กอีก รู้มั้ย ตอนฉันคลอดลูก แท็กซี่เป็นคนพาฉันส่งโรงพยาบาลด้วยซ้ำ”
คณะของสุดยอด นัท และ ว่าน หันมาอิน ลุ้นยี่หวาแทน สุดยอดอินจัดกว่าใคร
“สงครามชีวิตโอชินมาเองเลยนะเนี่ย”
“ฟังแล้ว คิดถึงแม่ว่ะ” ว่านน้ำตาคลอๆ
นัททำท่ากัดเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโมโห “อย่าให้เจอไอ้ผู้ชายคนนั้นนะ จะชกหน้าให้
คราวนี้ยาหยีเป็นฝ่ายเหล่ๆ ทั้ง 3 คน แทน “เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย”
ยี่หวายิ่งพูดก็ยิ่งของขึ้นที่ได้ระบายความทุกข์ในใจ
“เชื่อมั้ยตอนที่ฉันยังอยู่กับเค้า ฉันอยากจะตายวันละร้อยหน แต่ฉันก็ต้องทน เพราะไม่งั้นลูกฉันจะอยู่กับใคร แล้วที่คุณจะกระโดดตึกหนีปัญหาแบบนี้ คุณคิดถึงลูกตัวเองบ้างมั้ยว่าถ้าคุณตายแล้วลูกจะอยู่กับใคร”
เดชฟังเรื่องณนนท์กับยี่หวา ก็ว้าวุ่นสับสนหนัก ใจนึงก็ห่วงลูก อีกใจก็ยังอยากตายประชดเมียอยู
ระหว่างนั้นข้าวตู กับไข่ตุ๋น ก็ขึ้นมาถึงบนดาดฟ้าพอดี และร้องขึ้นพร้อมกันอย่างดีใจ
“คุณแม่ / พ่อ”
แต่ทุกคนต่างตกใจที่เด็กสองคนมาอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่นี่ด้วย
ข้าวตู ไข่ตุ๋นรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อแม่ตนทันที
“ข้าวตู ไข่ตุ๋น ขึ้นมาได้ไงเนี่ย รีบลงไปเดี๋ยวนี้เลย” ยี่หวาห่วงลูก
ณนนท์นั้นห่วงลูกจนกลายเป็นความโมโห
“พ่อบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้รออยู่ข้างล่าง ทำไมถึงดื้ออย่างงี้
“ก็ไข่ตุ๋นห่วงพ่อนี่ พ่อขึ้นมาตั้งนานแล้วไม่ยอมลงไปซะที”
ระหว่างนั้นไขตุ๋นหันไปมองเดช งงๆ เอ่ยถามขึ้น
“ลุงคะ ลุงจะทำอะไรค๊า”
เดชอึกๆ อักๆ จะฆ่าตัวตายต่อหน้าเด็กก็รู้สึกผิด
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก กลับไปได้แล้วไป”
ข้าวตูแทรกขึ้น “ลุงจะฆ่าตัวตายใช่มั๊ยครับ ผมได้ยินคุณตำรวจบอกว่าลุงจะฆ่าตัวตาย”
ไข่ตุ๋นเสริม “แล้วทำไมลุงถึงต้องตายด้วยล่ะคะ”

ว่าแล้วเด็กน้อยไร้เดียงสาทั้งสองคน ก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเดช ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ยี่หวาจะห้ามลูก แต่ณนนท์รีบขวางไว้ เพราะคิดว่าบางทีเด็กๆ อาจจะช่วยรั้งเดชได้
“หนูไม่เข้าใจหรอก ลุงคิดถึงลูกลุง เมียลุงมันพาลูกหนีไปไม่ยอมให้ลุงเจอลูก ลุงก็เลยจะตายประชดมัน”
“คุณลุงน่าสงสารจังเลย ไม่ได้เจอลูก” ข้าวตูปลอบใจ
“คุณลุงไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวไข่ตุ๋นจะช่วยคุณลุงหาลูกคุณลุงเองนะคะ” ไข่ตุ๋นเสริม
“ข้าวตูก็จะช่วยด้วยครับ”น้ำเสียงข้าวตูหนักแน่น จริงจังประสาเด็ก
เดชสะท้อนใจนิ่งมองความไร้เดียงสาของเด็กทั้งคู่ แล้วก็นึกถึงลูกตัวเองขึ้น จนปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่น ก่อนจะเดินกลับเข้ามา แล้วกอดข้าวตู ไข่ตุ๋นแน่น เดชไม่คิดที่จะตายอีกแล้ว!!
ณนนท์ ยี่หวา สุดยอด ยาหยี ว่าน นัท ต่างโล่งอก แต่ละคนสีหน้าดีขึ้นทันตาเห็น
แน่นอนว่าเวลานั้นนักข่าวหัวเห็ด กำลังสาละวน ทั้งถ่ายภาพ ถ่ายคลิป มันมือ เพราะงานนี้ได้ข่าวคนเดียวไปแบบเต็มๆ

ไม่ต่างจากค่ำคืนอื่นๆ ในผับดังแห่งนั้น เอนิตากำลังดริงค์ คลอเคลียอยู่กับนายแบบหนุ่มรูปหล่อ
“เดี๋ยวนิต้าต้องกลับแล้วล่ะ ดึกแล้ว” เอนิตายิ้มหวาน
นายแบบรูปงามจับมือเอนิตาไว้ ทำตาปรอยอย่างเสียดาย
“พี่จะไม่ให้ผมไปส่งที่บ้านพี่จริงๆ เหรอครับ”
“ไม่ได้หรอกจ้ะ พี่ต้องรีบเข้านอนมีงานถ่ายแบบแต่เช้าเลย แหม ทำเป็นใจร้อนไปได้ อีกสองวันเราก็ต้องเจอกันงานเดินแบบของพี่ตุ๊กกี้อยู่ดี”
“แต่ผมอยากอยู่กับพี่คืนนี้นี่นา นะพี่ นะครับ” นายแบบสุดหล่ออ้อน
“ไม่ได้หรอก บอกแล้วไงว่าพี่ต้องตื่นเช้า”
“งั้นผมขอมัดจำพี่ก่อนได้ป่าว”
เอนิตาทำอิดออดนิดหน่อย พอเป็นพิธี
“อ่ะๆ ก็ได้”
นายแบบค่อยๆ โน้มตัวจูบเอนิตาเป็นค่ามัดจำอย่างดูดดื่ม เอนิตาทำท่าเคลิ้มคล้อย โดยนัดเพื่อนนางแบบคนหนึ่ง ให้ใช้มือถือแอบถ่ายคลิปสวีทระหว่างตนกับนายแบบหนุ่มเอาไว้

เวลาต่อมาเพื่อนของเอนิตากำลังเอาคลิปที่ถ่ายเมื่อครู อัพลงยูทู้ป โดยมีเอนิตายืนกำกับอยู่ใกล้ๆ
“แกแน่ใจนะนิต้า ว่าจะให้ฉันเอาคลิปแกลงยูทู้ปจริงๆ”
“ไม่แน่ใจ ฉันจะอ่อยไอ้บ้านั่นทำไม ลงๆ ไปเถอะน่ะ ยิ่งฮือฮาเท่าไหร่ยิ่งดีฉันจะได้กระแสยังไง”“กระแสฉาวเนี่ยนะ”
เอนิตาเริ่มรำคาญที่ถูกเซ้าซี้
“จะฉาวจะดีฉันไม่สนหรอกย่ะ ดีกว่าเป็นนางแบบที่โลกลืม แล้วรอวันแห้งตายก็แล้วกัน”
“เออๆ” เพื่อนสาวจัดการอัพคลิปสวีทลงยูทู้ป สนองนี้ดให้เอนิตา ส่วนเอนิตากำลังหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก ดัดเสียง
“ซ้อสี่ สตาร์อัพเดทใช่มั้ยคะ” เอนิต้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ฉันเป็นแฟนหนังสือคุณค่ะ พอดีเข้าไปในยูทู้ปแล้วเจอคลิปๆ นึงเข้า แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ดารานางแบบคนที่ฉันรู้จักรึเปล่า ซ้อสี่ช่วยพิสูจน์ให้หน่อยสิคะ...ค่ะๆ ขอบคุณค่า”
เอนิตากดมือถือวางสาย ยิ้มอย่างสมใจ

คืนเดียวกันนั้นที่ห้องนั่งเล่นบ้านบุญเลื่อง สมาชิกของบ้านรวมตัวกันอยู่อย่างครบครัน ยี่หวา, ยาหยี บุญเลื่อง และข้าวตู ทั้งสี่คนกำลังนั่งดูข่าวในทีวี เป็นภาพในขณะที่เดชช่างไฟ ปีนกลับมากอดข้าวตู ไข่ตุ๋น ร้องไห้ ดูแล้วทุกคนต่างก็ซาบซึ้งใจ
ข้าวตูดูจะตื่นเต้นดีใจมากกว่าใครๆ ที่เห็นแม่ออกทีวี
“เย้ คุณแม่ออกทีวีด้วย คุณแม่สวยจังเลยคร๊าบ”
ยี่หวายิ้มแย้ม ลูบหัวลูกอย่างรักใคร่
“ปากหวานนะเรา ข้าวตูต่างหากครับที่เท่ห์ อย่าบอกใคร” ว่าพลางยี่หวาก็หยอกหยิกแก้มลูกชาย
สุดที่รัก เสริมต่ออีกว่า “ฮีโร่ตัวจริงเลยนะเนี่ยเรา

แต่ทางด้านยาหยีกลับรู้สึกโล่งอกมากกว่า?
“โชคดี ที่ไม่มีภาพตอนหยีเต้นโคโยตี้ ไม่งั้นไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน”
“แต่แม่ว่าถ้ามีก็ดีนะลูก ร้านเราจะได้ดังกว่านี้ไง” คุณบุญเลื่องว่า จนยาหยีงอน
“แม่อ้ะ ห่วงแต่ร้าน ไม่ห่วงหน้าลูกสาวตัวเองบ้างเลยนะ”
“ย้อเย่น จะว่าไปขายหน้าอะไรกัน ถ้าเป็นผู้ชายบ้านนั้น มีหวังตีปีกกันพึ่บพั่บป่านนี้ ตาเฒ่าเท่งทึงนั่น คงเอาลูกชายตัวเองไปโม้แหลกแล้วมั้ง”
จู่ๆ คุณบุญเลื่องก็แวะไปแขวะคุณเท่งขึ้นมาซะงั้น

จริงอย่างที่บุญเลื่องคาดการณ์ เพราะในตอนเช้าวันต่อมา เพื่อนฝูงสูงวัยของเท่ง ในชมรมสูงวัยลีลาศ ต่างเข้ามาห้อมล้อมแสดงความยินดี สรรเสริญเท่งกับลูกชายกันยกใหญ่ บางคนก็ฝากของไปให้ ฝากขอลายเซ็น ฯลฯ
“ขอบคุณครับ ขอบคุณ เดี๋ยวผมจะให้เจ้านนท์กับเจ้ายอด เซ็นให้โดยด่วนเลยครับ” เท่งเป็นปลื้มพูดยิ้มแย้ม
คุณยายท่านหนึ่งยิ้มแย้มบอกว่า
“แหม แต่เห็นลูกชายคุณเท่งในทีวีแล้ว ล๊อหล่อนะคะ”
เท่งถูกใจหัวเราะชอบอกชอบใจ “มันก็หล่อเหมือนพ่อมันน่ะครับ”
“แล้วไม่ทราบว่าคุณเท่ง สนใจจะรับสมัครลูกสะใภ้บ้างมั้ยคะ” คุณยายท่านเดิมถาม
“คุณผอบจะแนะนำสาวๆ ให้ลูกผมเหรอครับ ได้เลยครับยินดีครับ” เท่งยิ้มตอบ
“ไม่ใช่สาวๆ หรอกค่ะ” ว่าพลางออกท่าเขินอาย “ตัวเดี๊ยนเองนี่แหละ ที่อยากเป็นลูกสะใภ้คุณเท่งค่า” คุณยายผอบอายม้วนเรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาคุณย่าคุณยาย วัยเปรี้ยวทั้งหลาย ดังลั่นโรงเรียนลีลาศ
เท่งยิ้มค้าง อึ้งไปครู่หนึ่งพึมพำเบาๆ
“งานเข้าแล้วโว๊ย ไอ้นนท์ ไอ้ยอด”

ช่วงกลางวันของวันเดียวกัน ลูกน้องพนักงานบริษัทของณนนท์ ทั้งชายและหญิงกลุ่มใหญ่ กำลังมุงดูคลิปในคอมพิวเตอร์อยู่ ต่างคนต่างตื่นเต้น เม้าท์กระจาย เป็นเวลาเดียวกับที่ณนนท์เดินเข้ามาในบริษัท
ครั้นพอพนักงานเห็นณนนท์ก็แตกฮือไปทันที พนักงานคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ รีบปิดคอมฯ แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ ณนนท์มองดูลูกน้องตัวเอง มีสีหน้างงๆ ว่าเป็นอะไรกัน ระหว่างนั้นเอง มือถือของณนนท์ก็ดังขึ้น
ณนนท์หยิบมือถือมาดูเบอร์ เห็นสุดยอด ก็รีบกดรับ
“ว่าไงยอด”
เสียงสุดยอดทางปลายสายในอาการร้อนใจดังลอดโทรศัพท์ณนนท์ออกมา
“พี่นนท์ รู้ข่าวรึยัง”
“เรื่องเมื่อวานน่ะเหรอ ออกทั้งทีวี ทั้งหนังสือพิมพ์ขนาดเนี้ย ไม่รู้ได้ไง”
“ไม่ใช่พี่ เรื่องคลิปยัยนิต้า ตอนนี้ว่อนเน็ตไปหมดแล้ว”
ฟังแค่นั้นณนนท์ก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที

ณนนท์รีบพุ่งออกไปยังบ้านเอนิตา ที่เขาออกเงินซื้อและเคยใช้เป็นเรือนหอก่อนจะย้ายกลับมาอยู่บ้านพ่ออย่างในตอนนี้ พอเจอหน้า ณนนท์ก็ใส่เอนิตา ที่กำลังจิบกาแฟอยู่ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เพราะเห็นอาการก็พอดูออกว่าณนนท์โมโหมากๆ
“ผมบอกคุณแล้วใช่มั้ย ว่าทำอะไรให้คิดถึงลูกบ้าง แล้วนี่เหรอ สิ่งที่คนเป็นแม่เค้าทำกัน”
“นี่คุณจะโวยวายทำไม ฉันเป็นคนเสียหายแท้ๆ ยังไม่เห็นบ่นสักคำเลย”
“ไอ้ผมน่ะไม่สนใจอยู่แล้วคุณจะทำอะไร มันก็เรื่องของคุณ แต่อย่าลืมไข่ตุ๋นสิ ลูกยังเด็กอยู่ลูกจะคิดยังไงที่เห็นรูปแม่...” ณนนท์ชะงักจะใช้คำแรงก็พูดไม่ออก “....กับผู้ชายคนอื่น”
เอนิตาหงุดหงิดที่ถูกต่อว่า
“ก็แค่จูบ คุณจะอะไรนักหนา ถ้านักข่าวมาถาม ฉันก็แค่บอกไปว่าคนหน้าเหมือน แค่นี้ก็จบ”
ณนนท์ยิ่งแค้นจัด ยิ้มประชด
“ง่ายเหลือเกินนะชีวิตคุณนี่ มันง่ายกับทุกเรื่องเลยนะ ทั้งวิธีคิด การใช้ชีวิต จนไปถึงเรื่อง...บนเตียง”
“คุณด่าฉันอีกแล้วนะนนท์” เอนิตาโวย
“ใครว่าผมด่า ผมแค่จะเตือนสติคุณ”
“ใช่ ฉันมันไร้สติ คุณกลับไปได้แล้วฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณ แล้วก็บอกลูกด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่มัน”
“ลูกคงเชื่อหรอก”
ณนนท์กดข่มอารมณ์เต็มที่ ก่อนจะสะบัดหน้าออกจากบ้านไป เอนิตามองตามด้วยความแค้น ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เอนิตาหยิบมากดรับ พูดน้ำเสียงห้วน “ฮัลโหล” แต่เปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนหวานทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“ค่ะ พี่ใหญ่ ว่าไงคะ” ยิ้มอย่างพอใจ “งานเปิดตัวคอนโดเหรอคะ ได้สิคะ เมื่อไหร่คะ... น่าจะไม่ติดอะไรนะคะ โอ.เค.ค่ะ คอนเฟิร์มค่ะ”
เอนิตากดวางสาย ยิ้มสมใจ
“ก็คุณบอกฉันเองนี่นนท์ ว่าต้องมีกระแสถึงงานจะเข้า ฉันก็สร้างกระแสแล้วนี่ไง”

ส่วนที่โรงเรียนอนุบาลเด็กดี เด็กหญิงไข่ตุ๋นกำลังนั่งวางมาดโก้โม้แหลก โดยมีเด็กชายกังฟูคอยนวดไหล่ให้ และเด็กผู้ชายล้วนคอยห้อมล้อมฟังไข่ตุ๋นอย่างตั้งใจ
ไข่ตุ๋นออกแอ็คชั่นประกอบระหว่างทอล์คโชว์นั้นด้วย
“พ่อของเราบุกเข้าไป ต่อยซ้าย ต่อยขวา เตะกระเด็น แล้วก็เข้าไปช่วยคุณลุงคนนั้นออกมา เท่ห์ยังกะมาสก์ไรเดอร์เลย”
“โห.....” กังฟูและเด็กชายลูกสมุนพูดขึ้นพร้อมกันอย่างตื่นเต้น

เวลาเดียวกันนั้นเด็กชายข้าวตูกำลังนั่งอยู่ ถูกล้อมรอบไปด้วยเด็กผู้หญิงล้วน โดยเด็กหญิงแต่ละ
คน พากันเอาขนม ลูกอม มาให้ข้าวตูเต็มโต๊ะไปหมด ฟังข้าวตูโม้ด้วยความตื่นเต้น
“คุณลุงคนนั้นร้องไห้ฮือๆ ใหญ่เลย คุณแม่เราเป็นคนเดินเข้าไปปลอบเค้าเอง คุณแม่เราทั้งเก่งแล้วก็ใจดีที่สุดเลย”
ที่แท้ ข้าวตู กับไข่ตุ๋น นั่งโม้กันอยู่คนละมุมห้อง แถมยังฉายหนังคนละเรื่องเดียวกัน โดยมีเพื่อนๆ ล้อมรอบ แบ่งห้องเป็นสองก๊ก

ไข่ตุ๋นลุกขึ้นยืน หันไปเฉ่งข้าวตูที่พูดชมแม่ “ไม่จริง พ่อเราเก่งกว่า”
ข้าวตูก็ลุกขึ้นยืน “แม่เราเก่งกว่า ไข่ตุ๋นขี้โม้ เมื่อวานไม่ได้มีเตะต่อยกันซะหน่อย”
ทันใดนั้นเองทั้งไข่ตุ๋น ข้าวตู เดินออกมาเผชิญหน้ากันกลางห้อง ท่ามกลางความลุ้นระทึกของเพื่อนๆ ทั้งคู่เถียงกันโดยไม่มีใครยอมใคร
“ข้าวตูก็โม้ พ่อเรากับอายอดต่างหากที่เป็นคนเข้าไปช่วย” ไข่ตุ๋นว่า
“ไม่ใช่ คุณแม่กับน้าหยีที่เข้าไปช่วย” ข้าวตูบอก
“พ่อเรา / แม่เรา / พ่อเรา / แม่เรา
เด็กสองคนต่างจ้องหน้ากันเขม็ง ไม่มีใครยอมใคร

ครู่ต่อมาภายในห้องพักครู ไข่ตุ๋น อยู่ในสภาพหัวยุ่งเสื้อผ้ายับย่น ในขณะที่ข้าวตูนั่งร้องไห้ เนื้อตัวเสื้อผ้า เยินกว่าไข่ตุ๋นอีกหลายเท่า ส่วนครูปราณีกำลังละลายยาหอมกินแก้ลมขึ้น
โดยมีณนนท์ ยี่หวา นั่งหน้าจ๋อยอยู่ใกล้ๆ ครูปราณีกินยาหอม เสร็จแล้วถอนหายใจหันไปทางคู่มวยเอก
“ข้าวตู ไข่ตุ๋น กลับไปเรียนได้แล้วลูก ครูมีเรื่องจะคุยกับคุณพ่อคุณแม่ของพวกหนูก่อน”
ข้าวตู ไข่ตุ๋น ไหว้ลาครูปราณี แล้วเดินจ๋อยๆ ออกจากห้องไป
“บอกตรงๆนะคะคุณพ่อคุณแม่ ครูจนปัญญาแล้วค่ะ คุณพ่อคุณแม่คงต้องหาเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นแล้วนะคะ เผื่อจะช่วยพวกแกได้บ้าง” ครูปราณีพูดหารือ
“ครับ / ค่ะ” ณนนท์ / ยี่หวาหน้าจ๋อย รับคำพร้อมกัน ครูปราณีพูดขึ้นอย่างอ่อนใจอีกว่า
“ขนาดอยู่โรงเรียนยังตีกันแทบทุกวัน แล้วไปทัศนศึกษางานชาวนาตัวจิ๋วคราวเนี้ย จะไม่พังหนักกว่านี้เหรอคะเนี่ย”
“ชาวนาตัวจิ๋วอะไรกันครับครู” ณนนท์ถามอย่างงๆ
“อ้าว นี่ครูส่งเอกสารชี้แจงไปตั้งนานแล้วนะคะ คุณพ่อไม่ได้อ่านเลยเหรอคะ”
คราวนี้ณนนท์จ๋อยสนิท เพราะใม่รู้เรื่องใดๆ
ครูปราณีหันมาทางยี่หวา“แล้วคุณแม่ล่ะคะ ทราบมั้ย”
ยี่หวาหน้าเหยเกไม่รู้เช่นกัน “เอ่อ คืองานมันยุ่งน่ะค่ะ คุณครูพอจะบอกทวนซักนิดได้มั้ยคะ”

ครูปราณีถอนใจหนักๆ อธิบายให้สองผู้ปกครองฟังช้าๆ
“งานชาวนาตัวจิ๋ว ก็คือกิจกรรมการเรียนรู้ระหว่างพ่อแม่ลูก เพื่อให้เห็นวิถีชีวิตของชาวนา แล้วก็สร้างความสามัคคีในครอบครัวไงคะ งานนี้ต้องค้างคืนนอกสถานที่ด้วยนะคะ แต่ถ้าเด็กสองคนนี่ยังไม่เลิกตีกัน ครูคงต้องเปลี่ยนคันนาเป็นเวทีมวยแล้วล่ะค่ะ”
ณนนท์ กับ ยี่หวา หันไปมองหน้ากัน ราวกับจะบอกกันและกันว่า เขาและเธอต่างก็อ่อนใจกับเรื่องลูกเหมือนกัน

ไม่นานหลังจากนั้นขณะที่ณนนท์ กับยี่หวา เดินกลับมาที่รถของตน ยี่หวาอ้าปากจะพูด
“นี่คุณ...”
แต่ถูกณนนท์พูดตัดบทเพราะคิดว่าจะมาชวนทะเลาะ
“ขอโทษนะ ผมไม่มีอารมณ์มาทะเลาะกับคุณตอนนี้ เอาเป็นว่า ผมขอโทษแทนลูกผมด้วยก็แล้วกัน”
ณนนท์กดปลดล็อก แล้วเปิดประตูรถจะก้าวขึ้นไป
“ฉันเห็นคลิปแล้วนะ” ที่แท้ยี่หวาจะพูดเรื่องคลิปเอนิตา นี่เอง
ณนนท์ชะงักไป สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความ อับอาย จนพูดอะไรไม่ออก
ยี่หวาพูดอย่างเห็นใจ “ฉันกับคุณอาจจะเห็นไม่ค่อยตรงกันซักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นพ่อฉันคิดว่าคุณทำหน้าที่ได้ดีมากเลยนะ”
ณนนท์มองยี่หวาอย่างนึกไม่ถึง เขาไม่คิดว่ายี่หวาจะพูดให้กำลังใจตน
“เรื่องคลิป มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก แล้วไข่ตุ๋นก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะเอาเรื่องพวกนี้มาเป็นปมด้อย คุณไม่ต้องคิดมากนะ”
พูดแค่นั้นยี่หวาก็เดินเลี่ยงไปที่รถตัวเองทันที แต่ณนนท์ทักขึ้น
“เดี๋ยวครับ”
ยี่หวาหันมางงๆ
“อะไรคะ”
“ขอบคุณนะ”
ณนนท์บอก ยี่หวายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป ปล่อยให้ณนนท์มองตามรถ พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นมาในใจ เริ่มเห็นมุมดีๆ ในตัวยี่หวา อย่างที่เขาไม่เคยมองมาก่อน

ชม้อย กับเพิร์ลลี่รับเช็คค่าพิธีกรรายการ แล้วเดินออกมาจากบริษัท ชม้อยเปิดซองดูเช็คบ่นขึ้นมาทันที
“คุณแม่บอกแล้วว่าอย่ามาทำรายการลูกก็ไม่เชื่อ ดูสิได้เงินนิดเดียว ลูกรู้หรือเปล่าว่าคราวที่แล้วไปใส่กระโจมอกขึ้นสลิงโชว์ห้องน้ำลอยฟ้าแป๊ปเดียวได้มาเป็นแสน”
“เถอะค่ะคุณแม่ เพิร์ลลี่สัญญาว่างานนี้คุณแม่จะได้มากว่าที่คิดค่ะ”
“เรื่องเจ้าสุดยอดนั่นเหรอ เฮอะ แม่จะคอยดู แต่ตอนนี้คุณแม่เจ็บใจสุดๆ ที่วันนั้นเราไม่ขึ้นไปห้ามไอ้คนกระโดดตึกนั่น ไม่งั้นน้องเพิร์ลลี่ลูกคุณแม่ก็กลายเป็นฮีโร่ไปแล้ว”
“ก็เพิร์ลลี่จะไปแล้ว คุณแม่ก็ห้ามไว้ เป็นไงล่ะคะอดดังเลย”
ขณะนั้นเอง นักข่าวจำนวนมากก็กรูกันเข้ามา ชม้อยตื่นเต้นทันที
“อุ๊ย เค้ามาสัมภาษณ์เราแน่เลย เร็วค่ะลูก สวยเริ่ดไว้ก่อน”
ว่าพลางชม้อย เพิร์ลลี่รีบขยับเสื้อผ้า แต่งตัวให้เข้าที่ รอ...ไมค์รวมทันที
โดยเฉพาะเพิร์ลลี่นั้นปั้นยิ้มทักทาย “สวัสดีค่ะพี่ๆนักข่าว...
“โน่นไง สุดยอด ยาหยีอยู่ทางโน้น” นักข่าวคนหนึ่งพูดขึ้น
พร้อมๆกันนั้น กองทัพนักข่าก็เดินเลยผ่านสองแม่ลูกไป ชนิดไม่เห็นหัว ทั้งคู่งงตาแตก พอมองตามไป ก็เห็นนักข่าวกรูกันไปสัมภาษณ์สุดยอด ยาหยี ถึงเหตุการณ์ตอนช่วยชีวิตเดช ชม้อยค้อนปะหลับปะเหลือก เพราะเสียฟอร์ม
ในขณะที่เพิร์ลลี่ มองยาหยีด้วยสายตาริษยา นับวันจะยิ่งเป็นคู่แข่งกันมากขึ้นทุกที

ในห้องประชุมของบริษัท ยิ่งกำลังสวมบทเชียร์ลีดเดอร์ สะบัดปอมๆ เชียร์เต็มที่ “วี๊ดดดดดดด...บึ้ม” ที่แท้ ยิ่ง ว่าน นัท และบรรดาพนักงานบริษัท กำลังสะบัดปอมๆ เชียร์สุดยอด ยาหยี
ในขณะที่ทั้งคู่ยืนอึ้ง คิดไม่ถึงว่าจะกล้ากันขนาดนี้
ยิ่ง ว่าน นัท และเพื่อนพนักงาน ของสุดยอดและยาหยี สะบัดปอมๆ วาดลวดลายเชียร์พร้อมกัน
“ ฮูเล่ ฮูเล่ ฮูเล ฮาฮา ฮูล่า ฮูล่า ฮูลา เฮเฮ”
ว่านออกแอ๊กชั่นประกอบการรียกชื่อ “สุดดด...ยอด”
นัทออกแอ๊กชั่นประกอบขานชื่อ “ยยยยา...หยี”
ขณะที่ยิ่งออกแอ๊กชั่นประกอบร้อง “วี๊ดดดดดดด...” แหวกอากาศขึ้น
“บึ้ม!!!” ยิ่ง ว่าน นัท และพนักงานพร้อมกัน เสียงดัง
สุดยอด กับยาหยี อึ้งกิมกี่ สมองว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออก
เวลานั้นพอคุณยิ่งเห็นสองคนอึ้งก็เดินยิ้มภูมิใจ เข้ามาเอ่ยคำหวานทันที
“ยอดน้องรัก ประทับใจจนพูดไม่ออกเลยเหรอน้อง” ว่าพลางเปลี่ยนเป็นหัวเราะ “นี่ถ้ารู้ข่าวดี จะยิ่งอึ้งกว่านี้อีก”
สุดยอดได้ยินทำท่าขนลุกขนพอง “ยังมีอีกเหรอพี่”
ว่านยิ้มดีใจบอกข่าวดีแทน
“เพราะข่าวฮีโร่ของแกกับคุณหยีน่ะซิ ทำเอารายการเราโฆษณาล้นทะลัก แทบจะไม่มีที่ให้ลงแล้วนะเนี่ย”
ยิ่งเข้ามากอดคอสุดยอด
“นอกจากนี้รายการตีสิบยังติดต่อมาด้วยเค้าจะขอสัมภาษณ์คุณหยีกับไอ้คุณยอด” ยิ่งตบบ่าสุดยอดเม้าท์ต่อ “ยังไงไปออกรายการเค้าแล้ว ก็อย่าลืมพูดถึงรายการเราด้วยล่ะ เรตติ้งจะได้วิ่งทะลุเพดานหยุดไม่อยู่ไปเลย”
สุดยอด กับยาหยี หันไปมองหน้า ออกอาการเหวอกันไปทั้งคู่ ไม่คิดว่าจะดังเว่อร์ขนาดนี้

เมื่อยาหยีกลับมาถึงบ้านก็บอกข่าวเรื่องจะไปออกรายการตีสิบ ข้าวตูเข้ามากระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ โดยมียี่หวา บุญเลื่องมองอยู่ใกล้ๆ
“น้าหยีดังใหญ่แล้วๆ” ว่าพลางเข้าไปกอดแขนยาหยี “น้าหยีครับ ดังแล้วอย่าลืมข้าวตูนะ”
ยาหยีขยี้หัวหลานชายด้วยความเอ็นดู
“เว่อร์น่าเรา น้ายิ่งกลุ้มๆอยู่ แค่นี้ชีวิตน้าก็ยุ่งจะแย่อยู่แล้ว ขืนไปออกรายการนี้อีก ไม่ตายคาที่เลยเหรอ” ว่าแล้วก็ทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาร้องลั่น
“เอาชีวิตสงบสุขของฉันคืนมาที”
“แหม แต่รายการนี้เค้าท๊อปสุดๆเลยนะ ถ้าได้ออกล่ะก็ ร้านเราขายดีระเบิดระเบ้อแน่ ทนๆ เอาหน่อยน่าหยี” ยี่หวายิ้มแย้ม
“ทนๆ เอาหน่อย พี่ก็ต้องไปเหมือนกันแหละ คิดว่าจะรอดเหรอ”
ยี่หวาฟังแล้วตกใจ “พี่ด้วยเหรอ ไม่เอานะ พี่ไม่ขึ้นกล้อง ออกกล้องแล้วน่าเกลียดอ้ะ
ส่วนข้าวตูนั้นดีใจสุดๆ “เย้ แม่ก็จะได้ออกทีวีด้วย เย้” พร้อมกับ วิ่งไปทั่วบ้าน
บุญเลื่องครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้น “แต่ยังไง แม่ก็คิดว่าเราสองคนควรจะต้องไปนะ”
“ทำไมคะแม่” ยี่หวาถาม
“ก็ถ้าเราไม่ไป พวกผู้ชายบ้านโน้น ก็ได้หน้าไปเต็มๆน่ะซิ เรื่องอะไร”
ยี่หวา ยาหยี มีสีหน้าเคร่งเครียด อยากเอาชนะขึ้นมาทันที

ขณะเดียวกันนั้น ภายในห้องนั่งเล่นที่บ้านเท่ง ณนนท์กำลังบ่นเรื่อยเปื่อย ด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“โอ๊ย ไอ้เรื่องเอาหน้าเนี่ย ใครอยากได้ก็เอาไปเถอะ ไม่เห็นอยากได้เลย” ระหว่างนั้นเสียงสุดยอดดังลอยมาสนับสนุนความคิดพี่ชาย
“นั่นสิพี่ วันๆอยู่แต่หน้ากล้อง เอียนจะแย่อยู่แล้ว ยังจะให้ไปออกรายการอื่นอีก
สองปู่หลาน เท่ง กับไข่ตุ๋น ซึ่งเดินกินไอศกรีมกันเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น ไข่ตุ๋นหันไปเห็นว่าพ่อกำลังยกดัมเบลอยู่ก็แปลกใจ ร้องถามทันที
“พ่อทำอะไรอ่ะค๊า
“พ่อกำลังฟิตร่างกายอยู่ลูก”
“ฟิตทำไมวะ” เท่งเองก็งง
“ก็เวลาออกกล้องจะได้ดูดีไงพ่อ โอ๊ย พูดแล้วก็เซ็ง ไม่ได้อยากออกเล๊ย ไอ้ทีวีเนี่ย
สุดยอดซึ่งกำลังมาสก์หน้าในแบบเต็มใบหน้า เดินเข้ามาในห้องพอดี
“ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ไม่รู้คนจะเห่อไปทำไมนักหนา กะอีแค่ออกทีวี”
สุดยอดพูดพร้อมกับยื่นมาสก์หน้าอีกซองให้ณนนท์
“อ้ะ พี่นนท์ มาสก์หน้าซะคืนนี้เลยนะ รับรองพี่ ตอนออกรายการจะได้หน้าใส เด้งดึ๋งๆ เลย”
“ขอบใจมากน้องรัก”
ณนนท์ดูซองมาสก์หน้า ด้วยความพออกพอใจ

สองปู่หลาน เท่ง กับไข่ตุ๋น หันไปมองหน้ากันงงๆ ไม่เข้าใจว่า ตกลงณนนท์อยากออกทีวี หรือไม่อยากออกกันแน่

จบตอน4

โปรดติดตามอ่านต่อวันพรุ่งนี้ (19 ตุลาคม 2554)









กำลังโหลดความคิดเห็น