ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 9
ไม่ต้องบอกทุกคนก็รู้ว่ายิ่งนั้นรู้สึกดีใจมากมายเพียงใด ที่ได้ตัวยาหยีหลับมาร่วมงานอีกครั้ง
หลังจากที่เพิร์ลลี่ทำเรทติ้งรายการดิ่งเหว! เช้าวันต่อมายิ่งจึงยิ้มแป้นยืนเป็นตัวแทนพนักงานทุกคน มอบดอกไม้รับขวัญต้อนรับการกลับมาของยาหยี
“ยินดีต้อนรับอีกครั้งนะครับ น้องยาหยี”
“หวังว่าครั้งนี้คงไม่จากพวกเราไปไหนอีกนะครับ” ว่านเอ่ยขึ้น
“หยีไม่ไปแน่ค่ะ ถ้าไม่มีคนปากเสีย คอยหาเรื่องหยีอีก” ยาหยีว่ากระทบ
สุดยอดรู้ตัวสวนทันที “ก็ถ้าไม่มีคนจ้องจะก่อเรื่องผมก็คงหาเรื่องไม่เจอ!”
ยาหยีมองค้อนสุดยอด สุดยอดก็จ้องอย่างไม่ลดละ
“หยุดทั้งสองคนนั่นแหล่ะ ถือว่าพี่ขอก็แล้วกัน นึกซะว่าเห็นแก่รายการ ที่กำลังจะไปได้สวยของ
พวกเรา”
“นั่นสิครับ แฟนๆ รายการบ่นคิดถึงคุณหยีกันใหญ่ เอสเอ็มเอสมาถามกันทุกวัน” นัทช่วยกู้
สถานการณ์ ซึ่งขัดหูใครบางคน
“แค่วันละครั้งสองครั้งเท่านั้นแหละ ที่เยอะเป็นแฟนคลับน้องเพิร์ลลี่ต่างหาก”
ชม้อยบอก ว่าน นัท เบ้ปาก ไม่เชื่อ
“จะยังไงก็ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนนั่นแหล่ะค่ะ ตอนที่นั่งดูรายการฯ หยีก็คิดถึงรายการเหมือนกัน ทั้ง
คิดถึง เป็นห่วง”
“จะห่วงอะไร”สุดยอดยังขวาง
“เอ้า! ก็ห่วงว่าคนอื่นจะทำรูปแบบรายการเสียน่ะสิ จากดีไอวาย กลายเป็นดีอีเอดี เพราะมีเล่นให้
เทียนหยดลงบนตัวแล้วก็คราง” ยาหยีเลียนท่าทำหน้าครางโอ้ อื้อ “กันทั้งรายการ”
พูดจบยาหยีเดินออกไป ชม้อยงง หน้าตาสงสัย กระซิบกระซาบ
“ดีอีเอดี คืออะไรเหรอลูก”
“เด๊ด แปลว่า ตายค่ะคุณแม่”
ชม้อยฟังแล้วโมโห
“หนอย นังนี่ กล้าแช่งฉันเหรอ? ฉันจะคอยดูแกจะจัดรายการไปได้สักกี่น้ำ!”
ยาหยีเริ่มงานพิธีกรในช่วงตอนกลางวันทันที เธอกับสุดยอดทำรายการร่วมกัน
“ขอเสียงต้อนรับการกลับมาของสาวดี ไอ วาย คุณยาหยี ครับ วันนี้จะมาทำอะไรให้เราดู” สุดยอดพูดกับกล้อง ก่อนจะหันมาทางยาหยี ซึ่งชูกรอบรูปดีไอวายโชว์อยู่
“นี่ค่ะ”
“จะทำกรอบรูปเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ แค่อยากจะเปลี่ยนสิ่งเดิมๆ ให้เป็นสิ่งใหม่ๆ ในพริบตา” ยาหยีบอก
“แล้วคุณหยีจะเปลี่ยนกรอบรูปเป็นอะไรคะ”
“ถาดสารพัดประโยชน์ค่ะ”
“น่าสนใจมากๆ เลยนะครับ งั้นเราคอยดูกันว่ากรอบรูปคุณยาหยีจะเป็นถาดได้ยังไงกัน”
กล้องรายการเริ่มจับภาพยาหยีทำกรอบรูปให้กลายเป็นถาด โดยการเอาด้ามจับประตู ขันน็อตตรึงไว้ทั้งสองข้าง จากกรอบรูปธรรมดาก็กลายเป็นถาดสารพัดประโยชน์ขึ้นมาทันที
“ง่ายๆ แค่นี้เองเหรอครับ ถาดสารพัดประโยชน์ของคุณหยี แหม! เท่าที่มองเหมือน ของในตลาดนัด ทุกอย่างยี่สิบบาทเลยนะครับ” สุดยอดอดที่จะแขวะรับขวัญยาหยีไม่ได้
ยาหยีโกรธแต่ยังฝืนยิ้ม ไม่เหมือนหรอกค่ะ เพราะนี่เป็นงานประดิษฐ์ง่ายๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถาดแบบนี้นอกจากยกของ แล้วยังสามารถ…” ยาหยียกถาดกรอบรูปขึ้นแล้วฟาดหัวสุดยอดเสียงดังป๊าป “เอาไว้ป้องกันตัวได้ด้วย”
ว่าน นัท และยิ่ง ดูอยู่หัวเราะกันเป็นแถว
ว่านพูดกับวอคกี้สั่งทีมกล้อง “ไม่คัทๆๆ รันต่อไป”
มืออาชีพอย่างสุดยอดกัดฟันเล่นนอกบทกันต่อไป
“เล่นกันแบบนี้เลยเหรอครับคุณหยี ไม่ขำแล้วนะครับ”
“ไม่ขำใช่มั้ยคะ ไม่ขำก็ต้องโดนอีกค่ะให้ขำให้ได้” ยาหยีฟาดไปอีกหนึ่งป๊าป
สุดยอดร้องอูยๆ เพราะเจ็บจริง “พอๆๆๆ ครับ นอกจากใช้เล่นตลกตึ่งโป๊ะได้แล้ว ถาดใบนี้มันพิเศษยังไงอีก ไหนบอกมาหน่อยสิครับ”
“ถาดกรอบรูปมีจุดเด่นที่สามารถเปลี่ยนแปลงลวดลายได้ตลอดเวลาค่ะ อย่างเช่นเราชอบใครหรือ
เหม็นหน้าใคร ก็สามารถนำเขามาเป็นส่วนหนึ่งได้” ยาหยีพูดอย่างเป็นทางการ
“ทำยังไงครับ”
แทนคำตอบยาหยีสาธิต โดยการแงะรูปด้านในกรอบออกแล้วเอารูปสุดยอดใส่ลงไป จากนั้นก็วางแก้วใส่หน้ารูปสุดยอดดังปึง!!”
“กรณีไม่รักไม่ชอบมากๆ สามารถกรวดน้ำคว่ำขันกันไปได้ แบบนี้ค่ะ” ยาหยีพูดพร้อมกับเทน้ำใส่รูปภาพสุดยอด สุดยอดหน้าขึ้งอย่างโกรธๆ
ระหว่างนั้นเพิร์ลลี่กับชม้อยหันมาซุบซิบๆ กัน
“ดูมันทำกับพี่สุดยอดสิคะ คุณแม่”
“นาทีนี้มันมาแรง ปล่อยมันไปก่อน เราทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด”
เพิร์ลลี่พยักหน้าตามแบบฝืนๆ
ถึงคิวของเพิร์ลลี่ ที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งในสตูดิโอเพียงคนเดียว ข้างหน้ามีกล้อง กำลังเตรียมถ่าย นัทวิ่งมาหลังกล้อง ขานเลขสามสี่ ไฟเปิดรับหน้าเพิร์ลลี่ที่พูดปืดรายการเทปนี้
“สัปดาห์หน้าเตรียมพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเป็นอะไรต้องคอยติดตาม ชมกันต่อไปนะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ”
ชม้อยยกนิ้วโป้งให้ บอกว่าลูกสาวเก่งมาก ทำดีมาก
ณนนท์กำลังยืนคุยมือถืออยู่ภายในบริเวณจัดอีเว้นท์ของห้างสรรพสินค้า ด้วยความร้อนรน และร้อนใจสุดๆ
“อะไรนะ ยังไม่เรียบร้อยอีกเหรอ ทำไมนัดแล้วไม่เป็นนัด แล้วต้นไม้ที่จะเอามาจัดล่ะ อยู่ไหน” ณนนท์โมโหสุดๆพอฟังคำตอบ “ยังมาไม่ถึง รถติดเวลา”
ณนนท์ชะงัก เมื่อเห็นเจ้าของงานเดินหน้าหงิกเข้ามาหา จึงรีบกดตัดสายทิ้งทันที แล้วยืนฉีกยิ้มรอรับลูกค้าเจ้าของงานที่ดูออกว่ากำลังออกอาการโมโห
“ไงครับเนี่ยคุณณนนท์ งานผมมีวันนี้นะไม่ได้มีเดือนหน้า ป่านนี้ผมยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย แล้วไหนเซ็ทสวนญี่ปุ่น ???”
“ใจเย็นครับ รถขนต้นไม้ติดเวลากำลังรีบมาครับ ผมรับรองครับว่าเสร็จทันแน่ครับ” ณนนท์ทำใจดี
สู้เสือ
“ไม่รู้ล่ะ ผมให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมง ถ้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นอันยกเลิก!”
ลูกค้าเดินไปแล้ว ณนนท์ปวดตับ คิดไม่ตก พลางนึกถึงหน้ายี่หวาขึ้นมา
“เอาไงเอากันวะ”
ณนนท์ตัดสินใจกดมือถือโทรหายี่หวาทันที ยี่หวาซึ่งเวลานั้นคุยมือถือไปจัดร้านไป ก็โวยวาย เมื่อได้ฟังณนนท์พูดจบ
“จะบ้าเหรอคุณ ตอนนี้เนี่ยนะ ใครจะไปทำทัน”
“ช่วยกันซักครั้งเถอะคุณ ถ้างานนี้ล้ม ผมโดนลูกค้าฆ่าแน่ ไม่ใช่ฆ่าธรรมดานะ ฆ่าแบบหาชิ้นส่วนไม่เจอด้วย” ณนนท์ใช้ลูกอ้อนแบบสุดๆ
“ฉันก็มีงานของฉันเหมือนกันนะคุณ” ยี่หวายังเล่นแง่
“ให้คนอื่นทำแทนก่อนไม่ได้เหรอ นะๆ แล้วเดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวขอบคุณ”
“คิดว่าฉันเป็นคนเห็นแก่กินรึไง”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ผมยอมทุกอย่างแล้ว บอกมาเลย จะเอาอะไรก็บอกมา
ฟังณนนท์อ้อนอีก ยี่หวายิ้มขำๆ แล้วแกล้งอำณนนท์เล่น
“ไม่รู้ล่ะ ขอคิดดูก่อน...เอ๊ะ อย่าเซ้าซี้ได้มั้ย ก็บอกว่าขอคิดดูก่อนไง...ฉันไม่ใช่ยักษ์ในตะเกียงนะคุณ จะได้เสกได้ดั่งใจคุณน่ะ”
ไม่นานจากนั้นยี่หวาก็โผล่มาปรากฏตัวที่ร้านกาแฟใกล้ลานจัดงานอีเว้นท์ พร้อมกับคุยโทรศัพท์มือถือ กับใครคนหนึ่ง โดยมีณนนท์ยืนลุ้นอยู่ใกล้ๆ
“ช่างดำจำได้มั้ยคะที่เราเคยทำฉากญี่ปุ่นนะคะ นั่นแหล่ะค่ะที่มีต้นซากุระประตูโบราณ แล้วก็ลำ
ธารจำลองประมาณนี้น่ะค่ะ” ฟังคำพูดของทางโน้นยี่หวาก็ยิ้มอย่างพอใจพูดต่อ
“ฉันต้องใช้ด่วนน่ะค่ะ ช่างดำจะให้ช่างฉากจะขนฉากมาได้เมื่อไหร่คะ...ดีเลยค่ะ สวัสดีค่ะ”
ยี่หวากดวางสาย ก่อนจะหันไปคุยกับณนนท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เรียบร้อย เดี๋ยวช่างฉากเค้าจะเอาฉากสวนญี่ปุ่นจำลองมาให้ ถ้ารวมกับต้นไม้ ดอกไม้ของคุณแล้ว ไม่เกินสองสามชั่วโมงก็เสร็จ”
“เล่นง่ายนะเนี่ย ใช้ฉากจำลองก็ไม่บอก” ณนนท์ดีใจแต่ยังวางฟอร์ม
“หรือไม่เอา ฉันโทรแคนเซิลก็ได้นะ”
“เอาสิคร๊าบ คอผมจะขาดอยู่แล้ว”
“โชคดีของคุณด้วยล่ะ ฉากที่ฉันเคยทำยังเก็บไว้อยู่แค่ซ่อมสีนิดๆหน่อยๆ ระหว่างรอ ฉันหิวแล้วล่ะ
เราไปหาอะไรแพงๆ กินที่โรงแรมข้างๆ กันเถอะ” ยี่หวาได้ทีแกล้งณนนท์
“ได้เลย ผมไม่ผิดสัญญาหรอก” ณนนท์รับปาก
ระหว่างนั้นเจ้าของงานก็เดินหน้าบึ้งเข้ามาหาณนนท์
“ไงคุณณนนท์ จะครบชั่วโมงแล้วนะ ผมยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย”
ยี่หวาจำหน้าลูกค้าได้จึงยิ้มแล้วไหว้ทักทาย
“อุ๊ย คุณกอล์ฟ สวัสดีค่ะ”
“คุณยี่หวา ทำไมมาอยู่นี่ครับเนี่ย” ลูกค้ารับไหว้ อย่างนึกไม่ถึง
“ดิฉันมาช่วยงานคุณณนนท์น่ะค่ะ คุณกอล์ฟไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่เกินสามชั่วโมงทุกอย่างเรียบร้อยแน่ค่ะ”
“ถ้ารู้ว่าเป็นคุณยี่หวาผมสบายใจเลยครับ” ลูกค้าหันไปพูดกับณนนท์ “โธ่ คุณก็ไม่บอกผมก่อนว่าทำงานร่วมกับคุณยี่หวา ไม่งั้นผมก็ไม่กดดันคุณหรอก”
“ไม่เป็นไรครับ” ณนนท์ยิ้มรับ
ยี่หวากับเจ้าของงานคุยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยมีณนนท์แอบมองด้วยสายตาชื่นชม ไม่คิดว่ายี่หวาจะมีเครดิตดี และช่วยตนได้มากขนาดนี้
แทนที่จะเป็นร้านหรูในโรงแรม ครู่ต่อมาณนนท์ก็เดินนำยี่หวาเข้ามาในร้านอาหารญี่ปุ่น ในห้างแห่งนั้นเอง
“ง่ายดีเหลือเกินนะคุณ จัดงานในห้างฯ ก็เลี้ยงอาหารฉันในห้างฯซะเลย”
“เข้าบรรยากาศดีออกคุณ จัดสวนญี่ปุ่นก็กินอาหารญี่ปุ่น”
ณนนท์ยักคิ้วกวนๆ ทั้งคู่นั่งลง ก่อนที่บริกรจะเอาเมนูมาให้ ยี่หวา กับณนนท์ดูเมนูแล้วพูดพร้อมกัน
“ข้าวแกงกะหรี่หมูทอด”
ทั้งคู่ชะงัก หันมามองหน้ากัน ไม่คิดว่าจะคิดตรงกัน แต่ต่างฝ่ายต่างวางฟอร์มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อ่านเมนูต่อ
สักครู่หนึ่ง ยี่หวา กับณนนท์ก็พูดขึ้นพร้อมกันอีก
“เสต็กปลาซาบะ ปูอัดคลุกไข่กุ้ง”
ทั้งคู่หันมามองหน้ากันอีก อะไรจะใจตรงกันขนาดนี้
“ตกลง เอาอย่างละสองชุดใช่มั้ยคะ” บริกรทวนเมนู
“เอ่อ ตามนั้นครับ”
คล้อยหลังบริกรที่เดินเลี่ยงไป ณนนท์ และยี่หวาหันมาสบตากัน ต่างฝ่ายต่างเขินๆ ยี่หวารีบชวนคุยเปลี่ยนบรรยากาศ
“เอ่อ ไข่ตุ๋นเป็นไงบ้าง”
“ก็สบายดี แต่เรื่องแก่นทโมนเนี่ย ผมอย่างเครียด”
“ส่งไปเรียนอะไรน่ารักๆ มั้ยคุณ เผื่อจะช่วยได้” ยี่หวาแนะนำ
“เคยส่งไปเรียนขิมแล้ว แต่ไข่ตุ๋นตีขิมยังกะตีกลอง ทั้งขิมทั้งไม้พังเละหมดเลยครับ” ณนนท์พูดอย่างปลงๆ ยี่หวายิ้มขำๆ
“ลูกคุณกับลูกฉัน น่าจะเอามารวมกันแล้วหารสองจริงจิ๊ง”
“อ้าว ไม่ใช่ว่าคุณอยากให้ข้าวตูเป็นแบบนี้เหรอ เรียบร้อยเป็นสุภาพบุรุษไง”
ได้ฟังคำพูดณนนท์ ยี่หวาหน้าจ๋อยๆ
“ตอนแรกก็ว่างั้นแหละ แต่ตอนเนี้ย ฉันว่าข้าวตูเรียบร้อยเกินไปแล้ว”
คุยเรื่องลูกจบทั้งณนนท์ กับยี่หวาถอนใจพร้อมกัน แล้วทั้งคู่ก็หันไปมองหน้ากัน อย่างใจตรงกันอีกจน ในที่สุดก็หลุดขำออกมาไม่ได้ ที่ต่างคิดอะไรตรงกันตลอดๆ
เวลาเดียวกันนั้น ที่อนุบาลใจดีเป็นชั่วโมงเรียนวิชาศิลปะ ครูปราณีกำลังให้เด็กๆ ที่นั่งเรียนอยู่ในสนามวาดรูปด้วยสีน้ำ
“ทุกคนใช้จินตนาการเลยนะคะ ต้นไม้ ใบหญ้า หรือสัตว์ต่างๆ เรานึกจินตนาการ ว่าเราเห็นยังไง เราก็วาดออกมาเลยนะคะ วาดกันไปก่อนนะคะเด็กๆ เดี๋ยวครูมานะ”
พูดจบครูปราณีก็เดินออกไป
ผลงานของไข่ตุ๋น วาดออกมาเป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาเหมือนหมู
เพื่อนคนหนึ่งเห็นผลงานของไข่ตุ๋นก็ร้องขึ้นมา “โอ้โห ไข่ตุ๋นเก่งจังเลย เหมือนหมูมากๆเลยอ้ะ”
“เราไม่ได้วาดรูปหมูนะ เราวาดหมีแพนด้าต่างหาก” ไข่ตุ๋นบอกถึงจินตนาการที่แท้จริง
พวกเพื่อนๆ ฟังแล้ว ต่างเกาหัวงงๆ ว่ามันเหมือนแพนด้าตรงไหน?
ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากเด็กอีกกลุ่ม ไข่ตุ๋นกับเพื่อนจึงเข้าไปดู เห็นข้าวตูกำลังวาดรูปทิวทัศน์ธรรมชาติ ออกมาสวยมาก เหมือนของจริงเท่าที่เด็กอนุบาลจะทำได้ เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยชม“ข้าวตูเก่งที่สุดเลย วาดออกมาซ๊วยสวยล่ะ”
ข้าวตูยิ้มแย้มรับคำชม
“ขอบใจนะ เราชอบต้นไม้ที่สุดเลย เพราะแม่เราขายต้นไม้ด้วยล่ะ”
ไข่ตุ๋นฟังแล้วหมั่นไส้ พูดขึ้นอย่างอิจฉาแบบไร้เดียงสา
“ฮึ ไม่เห็นจะสวยเลย ไม่ได้เรื่อง”
“แล้วไข่ตุ๋นวาดอะไรล่ะ”
“นี่ หมีแพนด้า” ไข่ตุ๋นรีบโชว์ผลงานให้ดูอย่างภูมิใจ
ข้าวตูหัวเราะขำๆ
“หมีแพนด้าอะไร หน้าตาเหมือนหมูเลย”
พวกเพื่อนๆ พากันหัวเราะตามข้าวตูกันยกใหญ่ ไข่ตุ๋นโมโห จึงหยิบพู่กันจุ่มสีแล้วป้ายภาพของข้าวตูจนภาพเสียหายไปเลยพร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจ
“เป็นไง สมน้ำหน้ากะลาหัวเจาะ”
ข้าวตูโมโห หยิบพู่กันจุ่มสี ไปป้ายภาพวาดหมูแพนด้าของไข่ตุ๋นบ้าง ไข่ตุ๋นโมโห เอาพู่กันป้ายหน้าข้าวตูซะเละเทะไปเลย ข้าวตูก็ป้ายหน้าไข่ตุ๋นคืนบ้าง
มวยคู่เอกศึกวันทรงชัย เริ่มเล่นกันแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคู่เอาสีสาดใส่กันแต่พลาดไปโดนกังฟู กังฟูสาดกลับแต่ไปโดนเพื่อนคนอื่น ในที่สุดสนามห้องเรียนศิลปะแห่งนั้น ก็กลายเป็นสนามสงครามละเลงสีของเด็กอนุบาลไปเรียบร้อย
ระหว่างนั้นครูปราณีเดินกลับมา พอเห็นสภาพก็ตกใจตาแทบถลน
“หยู๊ดดดดดดดด….”
เด็กๆ พากันตกใจที่เห็นครูปราณี เลยหยุดกันหมด
ใบหน้าของปราณีดูเหี้ยมๆ “ไหนบอกครูซิ ใครเป็นคนเริ่ม!”
เด็กค่อยๆ ชี้ เพื่อนๆ ทีละคน และนิ้วชี้น้อยๆ เหล่านั้น ก็ไล่ไปจนถึงข้าวตู และไข่ตุ๋นเป็นคนสุดท้าย
“เอาล่ะ คนอื่นๆ กลับบ้านได้ แต่ข้าวตูกับไข่ตุ๋นต้องอยู่ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน เข้าใจมั้ย”
น้ำเสียงเอาจริงของครูปราณีทำเอาข้าวตู กับไข่ตุ๋นจ๋อยสนิท
ขณะที่คนงานคนหนึ่งกำลังยกเก้าอี้ผ่านไป ทุกคนกำลังเตรียมงานอย่างแข็งขัน ณนนท์คุยโทรศัพท์กับเอนิตา
“เอนิตา คุณอยู่ไหนแล้วนี่ วันนี้เวรคุณไปรับไข่ตุ๋นนะ อย่าลืมล่ะ”
ยี่หวาฟังอยู่ก็นึกขึ้นได้
“ตายจริง สี่โมงเย็นแล้วเหรอ ฉันก็ต้องไปรับข้าวตู”
“คุณไปรับข้าวตูเถอะทางนี้ผมดูต่อเอง”
“แต่มันยังไม่เรียบร้อยนี่ สัญญากับคุณกอล์ฟเค้าไว้แล้วด้วย ว่าจะจัดการให้เรียบร้อย”
“มันเกือบเรียบร้อยแล้วล่ะ คุณไปเถอะ ยังไงลูกก็สำคัญกว่า”
ยี่หวาฟังแล้วก็มองจ้องณนนท์แบบยิ้มๆ จนณนนท์ออกอาการเขินจึงถามขึ้น
“มองอะไร”
“คุณรู้มั้ย ข้อดีข้อเดียวของคุณก็คือรักลูกนี่แหละ ถ้าพ่อข้าวตูเป็นได้สักครึ่งของคุณฉันคงมีความสุขกว่านี้”
“คุณก็เปิดโอกาสให้เขาทำหน้าที่พ่อบ้างสิ” ณนนท์แนะนำ ยี่หวาได้ฟังถึงกับตาเป็นประกาย
“ขอบคุณที่เตือน ฉันรู้แล้วว่าจะให้ใครรับลูกแทนดี!”
ยี่หวาโทรตามวสันต์ให้ไปรับลูกแทน เช่นเดียวกับเอนิตาที่เป็นเวรมารับลูกสาวพอดี
วสันต์มาถึงก่อน เขาอยู่ที่หน้าห้องครูปราณี
“ผมมารับลูกกลับบ้าน”
“ยังไม่ได้ค่ะ เพราะข้าวตูกับไข่ตุ๋นก่อเรื่อง” ครูปราณีบอก
“เรื่องอะไร”
“ชั่วโมงศิลปะ ข้าวตูกับไข่ตุ๋นทะเลาะกันเอาสีสาดกัน ดิฉันก็เลยทำโทษด้วยการให้อยู่ช่วยกันทำ
ความสะอาด” ครูปราณีอธิบายเหตุผลให้ฟัง วสันต์โวยวาย
“ให้ภารโรงไปทำสิ ทำไมต้องให้เด็กทำด้วย”
“ทำผิดก็ต้องลงโทษ ฝึกไว้แต่เด็กค่ะ โตขึ้นจะได้มีความรับผิดชอบ”
“แต่นี่มันเวลากลับบ้านแล้ว อย่าชักช้าเสียเวลา ไปตามลูกผมมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะ…”
“จะทำไมคะ”
ครูปราณีไม่ยอม วสันต์เบือนหน้าหนี สายตาของเขาไปเจอเอนิตาในชุดสวยเซ็กซี่ นั่งรออยู่มุมหนึ่ง
อารมณ์เปลี่ยนไปทันควัน
“เอ่อ จะ….จะรอตรงนั้น!”
ว่าแล้ววสันต์ก็เดินไปทางเอนิตา ครูปราณีเกาหัว
“งงค่ะ! จิตปะนี่!”
เวลาต่อมาวสันต์เดินเข้ามาหาเอนิตา ด้วยท่าทางกรุ้มกริ่ม ทั้งคู่เปิดฉากสนทนาขึ้นอย่างเผ็ดร้อน
“โลกนี้มันช่างกลมจริงๆ เจอกันอีกแล้วนะครับ คุณเอนิตา”
“เฮ้อ แต่ฉันอยากให้โลกบูดเบี้ยวซะจริงๆ จะได้ไม่เจอคนอย่างคุณ”
“ไม่ทราบว่าคุณเอนิตาจะรังเกียจคนหัวอกเดียวกันทำไม”
“อย่ามาเหมาฉันเป็นพวก ฉันกับคุณไม่เหมือนกัน” เอนิตาไว้ตัว
“แล้วต่างกันตรงไหน คนหนึ่งเป็นม่ายผัวละเหี่ย อีกคนเป็นม่ายเมียระอา ผมว่าเราสองคนก็เหมาะสมกันดี น่าจะให้โอกาสกันและกัน”
“เชอะ! ไม่มีทาง”
“ตามใจ ถ้าคุณจะยอมเสียเปรียบ ผมว่าตอนนี้สามีคุณกับเมียผมคงจัดสวนกันมันส์ระเบิดไป
แล้ว” วสันต์แหย่รังแตน
“คุณพูดอะไร”
“เขาอยู่ด้วยกัน จนไม่มีเวลาไปรับลูก ทิ้งภาระให้กับเราสองคนนี้ คุณจะมานั่งอารมณ์เสียอยู่ทำไม
สู้เอาเวลาไปหาความสุขใส่ตัวดีกว่า”
“เลวที่สุด!”
เอนิตามองหน้าวสันต์ แล้วเก็บกระเป๋า ทำท่าจะเดินสวนออกไป วสันต์สีหน้าแห้ว แต่เอนิตาก็พูดตามหลังมาให้ใจชื้น
“รถคุณอยู่ไหน?”
อีกด้านหนึ่ง เมื่องานเรียบร้อยณนนท์จึงเดินไปส่งยี่หวาที่รถ ที่บริเวณลานจอดรถของห้าง
“ผมรอดตายเพราะคุณแท้ๆ ขอบคุณมากนะคุณยี่หวา”
“ฉันก็เป็นแค่ส่วนประกอบเล็กๆ เท่านั้นล่ะค่ะ งานดีเพราะการจัดการของคุณดีต่างหาก”
ยี่หวากดรีโมทปลดล็อก กำลังจะขึ้นรถ เสียงณนนท์ร้องขึ้น
“เดี๋ยวครับ คุณยี่หวา”
ยี่หวาหันไป “มีอะไรคะ”
“ขับรถกลับดีๆ นะครับ”
“เช่นกันค่ะ”
ณนนท์รู้สึกดีๆ กับยี่หวาเพิ่มมากขึ้น เป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างจากยี่หวาเลย!
ช่วงเย็นของวันนั้นครูปราณีกับรปภ. กำลังตรวจตราความเรียบร้อยก่อนที่ปิดประตูรั้วโรงเรียน
“ดูเรียบร้อยแล้วนะ ไม่มีเด็กติดค้างที่ไหนนะคะ
“เรียบร้อยค่ะ” รปภ.หญิงรับคำ
“เฮ้อ! โล่งอกปราณีไปอีกหนึ่งวัน”
ปราณีเดินมา แต่กลับเห็น ข้าวตูและไข่ตุ๋นนั่งหน้ามุ่ยอยู่ ยังไม่ยอมคืนดีกัน ต่างหันหน้ากันไปคนละทาง
“ข้าวตู ไข่ตุ๋น มาทำอะไรที่นี่ ครูนึกว่าหนูสองคนกลับบ้านตั้งนานแล้วซะอีก?”
“ข้าวตูรอคุณแม่อยู่ครับ”
“ไข่ตุ๋นรอคุณพ่อค่ะ” ครูปราณีฟังคำพูดสองลูกศิษย์ตัวน้อยก็แปลกใจ
“อ้าวก็วันนี้ครูเห็นคุณพ่อมารับข้าวตู ส่วนคุณแม่มารับไข่ตุ๋นนี่”
“แล้วพ่อผมไปไหน” ข้าวตูก็งงไม่แพ้ไข่ตุ๋น
“แม่ก็หายไปด้วย”
“ฮือๆ” ข้าวตูร้องไห้ขึ้นมา “พ่อไม่รักข้าวตู แล้วข้าวตูจะกลับบ้านยังไง”
ไข่ตุ๋นร้องตามติด “ฮือๆ แม่หนีไปทำงานอีกแล้ว คืนนี้ไข่ตุ๋นจะนอนที่ไหน”
“ใจเย็นๆ ลูก เดี๋ยวครูแก้ปัญหาให้นะ” ครูปราณีปลอบเด็กๆ
ครู่ต่อมายี่หวาฟังเรื่องราวจากครูปราณีก็รีบบึ่งรถมาจอดที่โรงเรียน เป็นเวลาพร้อมๆ กับณนนนท์ ลงจากรถทั้งคู่รีบวิ่งไปที่ห้องครูปราณี
“ข้าวตูอยู่ไหนคะ”
“ไข่ตุ๋นล่ะครับคุณครู”
“ทางโน้นค่ะ”
สายตาของณนนท์กับยี่หวามองไปทางที่ครูปราณีบอกก็เห็นข้าวตูหลับซบไหล่ไข่ตุ๋นอยู่
“คงจะตกใจมากก็เลยร้องไห้กันยกใหญ่ เผลอหลับไปเมี่อสักครู่นี้เองค่ะ”
“ต้องขอโทษคุณครูด้วยนะครับ ที่ทำให้เสียเวลา” ณนนท์บอกอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณสองคนซะหน่อย ว่าแต่คุณวสันต์กับคุณเอนิตาหายไป
ไหนค่ะ จู่ๆ ก็ทิ้งลูกไปซะอย่างนั้น”
ณนนท์กับยี่หวามองกันอย่างอึกอัก ตอบไม่ถูก
“คงติดธุระมั้งครับ” ณนนท์แก้ต่างขึ้น
“ธุระคงด่วนและสำคัญมากนะคะ ถึงลืมลูกทั้งคนได้ ยังไงก่อนกลับพาเด็กๆ ไปทานอะไรซะหน่อยนะคะ คงหิวกันแย่แล้ว” ครูปราณีแนะ
ณนนท์กับยี่หวาพาลูกๆ มาทานข้าวที่ห้องอาหารโรงแรม ข้าวตู กับไข่ตุ๋น แม้จะง่วงมากเพียงใด แต่พออาหารมาวางอยู่ตรงหน้าก็ทานด้วยความหิว ณนนท์กับยี่หวามองลูกด้วยความสงสาร
“ครูปราณีบอกว่าคุณแม่มารับ แล้วแม่หายไปไหนคะ ทำไมแม่ไม่รอไข่ตุ๋น” ไข่ตุ๋นสงสัยไม่หาย เช่นเดียวกับข้าวตู “พ่อก็ด้วย หายไปเหมือนกัน ทำไมพ่อไม่รอข้าวตูครับ”
ณนนท์กับยี่หวาได้แต่มองหน้ากันอึกอักไปมา
“แม่ว่าพ่อเขามีธุระน่ะจ้ะ”
“พ่อว่าแม่เขาคงมีงานด่วนเข้ามา ก็เลย…”
ไข่ตุ๋นแย่งพ่อพูด “เลยลืมไข่ตุ๋น แม่เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ทำงานแล้วก็ลืมไข่ตุ๋น” หันไปพูดกับข้าวตู
“ไม่เห็นเหมือนน้ายี่หวา ไม่เคยลืมลูก”
“แต่พ่อเราก็ไม่เหมือนพ่อไข่ตุ๋นเหมือนกัน พ่อเราจะไม่มาหาเราถ้าแม่ไม่ให้เงิน”
ณนนท์ฟังแล้วก็มองหน้ายี่หวาด้วยความเห็นใจ
“เงินสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอคะพ่อ” ไข่ตุ๋นสงสัยขึ้นมาอีก
“สำคัญจ้ะ แต่ไม่สำคัญที่สุดหรอกนะ” ณนนท์ตอบ
ข้าวตูถามขึ้นบ้าง “แล้วอะไรสำคัญที่สุดครับแม่”
“ความรักที่แม่มีให้กับลูกไงจ๊ะ” พูดจบยี่หวาก็ทั้งกอด ทั้งหอม ไปที่ศรีษะของลูกชายอย่างรักใคร่
“ความรักของพ่อด้วยเหมือนกัน” ณนนท์กอดลูกสาวเช่นกัน
“แล้วทำไมพ่อกับแม่ไม่รักกันสักทีล่ะ”
“นั่นสิครับแม่ แม่กับพ่อจะมารักกันอีกได้มั้ยครับ”
ระหว่างที่ณนนท์กับยี่หวาอึ้งอยู่กับคำถามไร้เดียงสา แต่บาดลึกในใจนั้น ประตูลิฟท์ของโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลนักก็เปิดออก ไข่ตุ๋นและข้าวตู มองเห็นเอนิตาเดินควงวสันต์ออกมาจากลิฟท์คู่กัน
“นั่นแม่นี่” ไข่ตุ๋นชี้ไปที่ทั้งคู่
“พ่อก็อยู่ด้วย!”
ยี่หวากับณนนท์ถึงกับอึ้ง
“โห จับแขนเหมือนแฟนกันเลย” ไข่ตุ๋นพูดประสาเด็ก
ยี่หวาหน้าเสีย ตอบอะไรไม่ถูก
วันต่อมายิ่งเรียกทีมงานทุกคนมาประชุม พร้อมเผยโปรเจคต์ใหม่ ระหว่างพูดยิ่งอยู่ในอาการกระหยิ่มยิ้มย่องสุดๆ
“พี่ยินดีมากที่จะบอกให้ทุกคนทราบ ว่าช่องไว้วางใจให้เราผลิตรายการใหม่เพิ่มอีกหนึ่งรายการ เป็นรายการเรียลลิตี้ที่กำลังอินเทรนด์ซะด้วย โดยเราต้องทำเทปไพล็อตหรือเทปทดลองไปให้ช่องพิจารณาอาทิตย์หน้านี้เลย”
“รายการเกี่ยวอะไรครับ” สุดยอดถาม
“โซล เมท... คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน” ยิ่งลอยหน้าทำท่าฟุ้งเอามากๆ
“โซล เมท คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน แค่พูดก็น่าฟังแล้วครับพี่” ว่านว่า
“นั่นสิ ผมเห็นโลโก้สปอนเซอร์ลอยมาเพียบ พวกแพ็คเกจวิวาห์ บ้าน คอนโดฯ” นัทเสริม
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันมีสปอนเซอร์หลักเรียบร้อยแล้ว แกไอ้สุดยอด แกต้องเป็นพิธีกรให้ฉัน ส่วน
แขกรับเชิญฉันก็คิดไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันอยากได้น้องเพิร์ลลี่” ยิ่งหันมาทางสุดยอด
“อะไรนะ จะให้ผมทนดูคนอื่นจีบเพิร์ลลี่ออกอากาศงั้นเหรอครับพี่” สุดยอดโวยทันที
“มันยากจะทำใจนะ ใครจะทนดูคนอื่นจีบแฟนตัวเองได้ พี่ยิ่ง พี่คิดได้ไง พี่ยังมีหัวใจหรือเปล่า” นัท
บอก
“ฉันอาจไม่มีหัวใจ แต่พวกแกไม่มีสมอง ไม่รู้หรือไงว่านั่นแหล่ะจุดขายของรายการ ความหวานของ
คู่ใหม่ และความทรมานใจของผู้ชายอีกคน” ยิ่งย้ำ
“ผมว่ารายการฯ มันจะออกแนวซาดิสต์ๆ นะพี่” ว่านไม่เห็นตาม
“มันก็ต้องอย่างงี้ล่ะวะ ถ้าไม่แรง แล้วช่องเค้าจะอนุมัติเหรอ แกรู้มั๊ย ว่าฝ่ายชายที่ฉันเล็งไว้คู่
กับเพิร์ลลี่เป็นใคร หนุ่มในฝันประจำปีนี้ ก้อง กีรติ เชียวนะเว้ย”
ว่านฟังแล้วตกใจ “ไอ้คนที่มีข่าวว่ากิ๊กกับเพิร์ลลี่อยู่น่ะเหรอ โห โฉดได้ใจเลยพี่”
นัท
“พ่อเค้าเป็นสปอนเซอร์รายการเราอยู่นี่ มิน่า พี่ถึงจะเอาคนนี่” นัทนึกขึ้นมาได้
“พวกไฮโซอยากดัง ชอบเป็นข่าวกับดาราคงไม่พอ คิดจะเป็นดาราซะเองล่ะซี้” สุดยอดเบะปาก
อย่างดูถูกๆ
“ไม่รู้แหล่ะ ฉันอยากได้แบบนี้ พวกแกมีหน้าที่ต้องทำให้ได้! หรือถ้าพวกแกทำไม่ได้ ฉันก็จะให้คน
อื่นทำ จะเอามั้ยโบนัสน่ะ” ยิ่งตัดบทสรุปและปิดประชุม
“เอาครับพี่ๆๆ ยอมเถอะวะยอด” ว่านกับนัทตอบพร้อมกันพลางหันมาทางสุดยอด
“ผมไม่มีปัญหาหรอก พี่ติดต่อเพิร์ลลี่ให้ได้ก็แล้วกัน”
อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้
วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 9 (ต่อ)
เวลาต่อมายิ่งได้เริ่มโทรศัพท์ติดต่องานเรื่องรายการใหม่ทันที และคุยกับชม้อยด้วยตัวเองอีกด้วย แต่ถูกชม้อยปฏิเสธ!
“โซหม่ง โซลเมด อะไรกันคะ มันก็รายการหาสามีดีๆ นั่นแหล่ะ แถมเป็นแค่เทปทดลองไปเสนอ
ช่องด้วย จะได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย ไม่เอาหรอกค่ะ เงินน้อย เสียภาพพจน์ อีกอย่างวันนั้นน้องเพิร์ลลี่ รับงานอีเว้นท์ไว้แล้วด้วย ไม่สะดวกไปต่างจังหวัด ดูสิ มีสายเข้าอีกแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะคุณยิ่ง ขอบพระคุณค่ะที่นึกถึง!”
ชม้อยวางสายไป เพิร์ลลี่ซึ่งฟังอยู่ด้วย ถามผู้เป็นแม่และเป็นผู้จัดการส่วนตัวทันที
“ใครโทรมาคะคุณแม่”
“คุณยิ่ง บอกว่าจะทำรายการฯ เรียลลิตี้คู่รัก ให้สุดยอดเป็นพิธีกร แล้วเพิร์ลลี่เป็นแขกรับเชิญ”
เพิร์ลลี่ฟังแล้วดีใจจนออกนอกหน้า “ทำกับพี่ยอดเหรอคะ แล้วคุณแม่บอกปัดไปทำไม”
“ก็แม่รับงานอีเว้นท์ไว้แล้วนี่ลูก” ชม้อยยกเอางานอีเว้นท์ขึ้นมาอ้าง
“รับแล้วก็แคนเซิลได้นี่คะ เพิร์ลลี่อยากรีเทิร์นกับพี่ยอด”
เห็นลูกสาวออกอาการนอยด์ ชม้อยพูดเสียงแข็งขึ้นทันที
“แคนเซิลไม่ได้ แม่เรียกค่าตัวไปมิใช่น้อยๆ แถมอีเวนท์นี้เป็นอีเวนท์ใหญ่ ไฮไลท์เด็ดดวงลูกของแม่จะต้องพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับแน่ๆ”
เวลาเดียวกันนั้น ยิ่งซึ่งอยู่ที่ออฟฟิศ ไม่ได้เป็นกังวลที่ชม้อยไม่รับงานนี้ พูดกับตัวเองแบบไม่แคร์ว่า
“ไม่ไปก็ไม่ไปสิ ไม่เห็นจะง้อเลย! ติดต่อคนอื่นก็ได้วะ”
ยี่หวาแค้นจัดที่วสันต์ ทิ้งลูกให้รอที่โรงเรียน แล้วยังไปทำเรื่องงามหน้าให้ลูกชายเห็นอีก จึงตามมาเอาเรื่องวสันต์ถึงที่บ้านในค่ำคืนนั้น
“ลมอะไรหอบมาถึงนี่ยะ!” วัลลภาทักทายลูกสะใภ้อย่างเคยปาก ครั้นนึกเรื่องที่ดินขึ้นมาได้ สีหน้าก็เปลี่ยนทันที “หรือว่า… เปลี่ยนใจจะขายที่!”
“หนูเปลี่ยนใจแน่ค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องนั้น” ยี่หวาบอก
“แล้วเรื่องอะไรล่ะ”
“เรื่องส่วนตัวภายในครอบครัวค่ะ”
“เท่าที่รู้ ก็ไม่ได้เป็นครอบครัวกันแล้วไม่ใช่เหรอ คุยผ่านแม่ก็ได้” วัลลภาเยาะ
“ไม่ได้ค่ะ มันเป็นเรื่องระหว่างหนูกับวสันต์”
“วสันต์ก็ลูกแม่เหมือนกัน มีอะไรบอกแม่มาสิ”
“แน่ใจเหรอคะว่าจะทนฟังเรื่องเลวๆ ของลูกตัวเองได้”
“วสันต์ไปทำอะไร?”
“รอถามกันเอาเอง แต่ตอนนี้หนูขอเคลียร์กับวสันต์ตามลำพังก่อน ช่วยหลีกหน่อยค่ะ”
วัลลภายืนงง ยี่หวาเดินเบียดขึ้นข้างบนไป
ขณะนั้นวสันต์กำลังนอนดูทีวีอย่างสบายใจ ยี่หวาเปิดประตูเข้ามาปิดประตูเสียงดังปัง ทั้งคู่เปิด
ฉากทะเลาะกันทันที
“ไม่มีใครสอนเรื่องมารยาทบ้างหรือไง จะเข้าห้องคนอื่นทำไมไม่เคาะประตู”
“ฉันว่าคนที่ควรจะเรียนเรื่องมารยาท น่าจะเป็นคุณมากกว่านะคะ อย่านึกนะว่าทำอะไรแล้วจะไม่
มีใครรู้ใครเห็น”
“ผมทำอะไร” วสันต์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ต้องให้ฉันสาธยายความชั่วของคุณอีกเหรอวสันต์ คุณจะมั่ว จะทำเจ้าชู้กับใครฉันไม่ว่าแต่ทำไม
คุณต้องไปยุ่งกับเอนิตา แม่ไข่ตุ๋นด้วย”
“หึงเหรอ? ใช่สิ รายนั้นเขาเป็นถึงนางแบบ คุณเลยกลัวสู้เขาไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ”
ยี่หวาส่ายอย่างหน้ารับไม่ได้
“แค่คุณลืมลูกไว้ที่โรงเรียนฉันก็โกรธมากพออยู่แล้ว นี่ยังมีเรื่องหน้าไม่อายที่เป็นชู้กับเมียชาวบ้าน
หน้าตาเฉยอีก นี่คุณจะให้ฉันรู้สึกยังไงกับคุณดี”
“แล้วผมล่ะ ควรจะรู้สึกยังไง ที่คุณมีอะไรกับไอ้ณนนท์มัน”
ยี่หวาได้ฟังก็รู้สึกโมโหมากขึ้น
“ทุเรศ ฉันกับเค้าเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน ตัวเองต่ำตมแล้วคิดว่าคนอื่นเค้าต้องเหมือนตัวเองรึไง”
“คำก็ต่ำ สองคำก็ต่ำ งั้นมาลองดูซิ ว่าคุณยังจดจำคนต่ำๆ อย่างผมได้แค่ไหน”
ว่าแล้ววสันต์ก็เข้าไปปลุกปล้ำ หมายจะล่วงเกินยี่หวา
“ปล่อยฉัน อย่ามายุ่งกับฉันนะ”
“ผมจะทำให้คุณจำผมให้ขึ้นใจเลย คุณจะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีกไง!”
วสันต์พูดพร้อมกับลวนลามยี่หวาต่อ นาทีต่อมายี่หวาคว้าโคมไฟข้างเตียง ตีเข้าไปที่หัววสันต์จนเลือดอาบ เป็นจังหวะเดียวกับที่วัลลภาวิ่งขึ้นมาเห็นพอดี
“ตายแล้ว!” วัลลภาโมโหชี้หน้าด่ายี่หวา “นังยี่หวา นังเลว แกจะฆ่าลูกฉันเหรอ ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
วัลลภาทำอย่างที่พูดจริงๆ เธอพาวสันต์ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในเวลาต่อมา ยี่หวาเสียค่าปรับ 500 บาท โทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น บุญเลื่อง กับยาหยี รู้เรื่องจึงรีบตามมารับยี่หวาที่หน้าสถานีตำรวจ
“ถ้ารู้ว่าโดนปรับแค่ห้าร้อย น่าจะฟาดเพิ่มอีกสักสองที” บุญเลื่องยังโมโหแทนลูกไม่หาย
“แค่นี้ก็สาสมแล้วล่ะแม่” ยาหยีบอก
“แค่หัวแตก ไม่สาแก่ใจกับความผิดของมันหรอก”
“แล้วนี่พี่จะแก้ตัวยังไงกับข้าวตูคะ เห็นพ่อตัวเองเดินอี๋อ๋อกับแม่เพื่อน”
ยาหยีถามอย่างเป็นห่วงพี่สาว และหลาน
“ข้าวตูยังเด็ก ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก พี่เป็นห่วงตัวเองมากกว่า ไม่กล้าสู้หน้าคุณนนท์เขา”
“คนเพิ่งจะเข้าใจกันแท้ๆ เกิดเรื่องขึ้นอีกจนได้” บุญเลื่องว่า
“ช่างเถอะค่ะแม่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
ยี่หวาสรุป ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของยาหยีก็ดังขึ้น ยาหยีกดรับสาย
“ว่าไงคะ พี่ยิ่ง…งานด่วน….ห้ามปฎิเสธด้วย!”
วันต่อมาทีมงานทุกคนมารอพร้อมกันอยู่ที่หน้าบริษัท และต่างก็ทะยอยขึ้นรถตู้ เตรียมออกเดินทางตามนัดหมาย
“ครบหรือยังนัท” ว่านถามนัท
“ยัง ขาดแขกรับเชิญ” นัทตอบ
“เพิร์ลลี่ยังมาไม่ถึงเหรอ” สุดยอดถามว่านกับนัท
“อ้าวไม่รู้เหรอ เด็กแกอ่ะแคนเซิลไปนานแล้ว ได้ข่าวว่าแม่รับอีเวนท์ไว้หลายแสนปลีกตัวมาไม่ได้”ว่านบอก เขาหมายถึงเพิร์ลลี่นั่นเอง
“แล้วเชิญใครมาแทนล่ะ?”
“ฉันเอง!” หยาหยีพูดขึ้นเสียงดังก่อนจะหันไปทางทีมงานคนอื่นๆ “ขอโทษทุกคนนะคะที่มาสาย
พอดีพี่ยิ่งเพิ่งโทรไปบอก ไม่ทันได้เตรียมตัวเลยเอาเพื่อนมาเยอะ นี่ก้อยกับวุ้นเพื่อนหยีค่ะ”
“ขอติดรถไปด้วยนะคะ” ก้อยพูดขึ้น “อยากตามไปให้กำลังใจเพื่อนค่ะ” วุ้นว่า
ว่านมองวุ้น ส่วนนัทจ้องก้อย สองหนุ่มเกิดอาการปิ๊งขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ทีแรกก็กลุ้มใจเพราะเทปนี้เป็นเทปทดลอง พวกดาราดังๆ ไม่มีใครอยากเล่นหรอก เงินน้อยแล้วก็ไม่ได้ออกอากาศด้วย”
“แต่ผมว่าถ้าคุณหยีมาเล่น ต้องผ่านอยู่แล้ว เพราะคุณหยีทั้งสวย ทั้งน่ารัก ผู้ชายที่ไหนก็อยากจีบ”นัทบอก
ว่าน กับนัท ออกปากชมยาหยี แต่สายตามองไปทางวุ้น และก้อย ไม่ห่าง
“แน่ใจเหรอวะ ข้าคนหนึ่งแหล่ะที่ขอบาย” สุดยอดกัดแกมเย้ยยาหยี
“เอ็งต้องบายอยู่แล้ว เพราะเอ็งเป็นแค่พิธีกร” ว่านบอก
“ต่อให้ไม่บาย หยีก็ไม่มองหรอกค่ะ ผู้ชายปากมอมอย่างนี้ ไม่ใช่สเป็ค ขึ้นรถกัน เถอะ ก้อย วุ้น”
ว่าน และนัท ฟังยาหยีด่าสุดยอด กลั้นหัวเราะกันแทบไม่ทัน ขณะที่สองสาว ก้อย และ วุ้น ขอทาง ต่างฝ่ายต่างมองตาเยิ้ม ระหว่างนั้นเองเสียงโทรศัพท์สุดยอดก็ดังขึ้น
เป็นเพิร์ลลี่แต่งตัวสวยเช้ง นั่นเองโทรเข้า ซึ่งก่อนออกงานอีเวนท์ที่ชม้อยรับไว้ เพิร์ลลี่ก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาสุดยอด เพื่อขอโทษที่แม่ปฏิเสธงานนี้
“เพิร์ลลี่จะโทรมาขอโทษพี่ยอด เพิร์ลลี่ติดงานจริงๆ พอดีคุณแม่รับงานเอาไว้แล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ โอกาสหน้าก็ได้” สุดยอดบอก
“แต่เพิร์ลลี่ก็ยังรู้สึกไม่ดี ทีมงานคงปวดหัวแย่กว่าจะหาคนที่เหมาะสมเท่าเพิร์ลลี่”
“เขาได้แล้วล่ะครับ เพิร์ลลี่สบายใจได้ ไม่ใช่ใครที่ไหนด้วย คนกันเองนี่แหละ”
“ใครคะ” เพิร์ลลี่ซักอย่างอยากรู้
“ยาหยีครับ”
ฟังที่สุดยอดพูดเพิร์ลลี่ถึงกับลืมตัว ร้องออกมาอย่างเดือดดาล “ฮ๊า!!”
“ผมต้องขึ้นรถแล้ว เอาไว้ค่อยคุยกันนะครับ”
สุดยอดวางสายไป ส่วนเพิร์ลลี่อยู่ไม่ติด
“นี่แกอีกแล้วเหรอนังยาหยี นางมารหัวใจ ฉันไม่มีวันปล่อยให้แกได้ใกล้ชิดกับพี่ยอดหรอก”
พูดจบเพิร์ลลี่ก็คว้ากระเป๋าเดินออกไป
ชม้อยแต่งตัวเสร็จเดินลงมา เรียกหาลูก โดยไม่รู้ชะตากรรม
เมื่อมาถึงยังโลเกชั่น ทีมงานรายการ โซลเมท เริ่มเก็บภาพบรรยากาศบริเวณหน้ารีสอร์ท สุดยอดทำหน้าที่พิธีกร
“ท่านผู้ชมครับ ขอต้อนรับเข้าสู่บรรยากาศแห่งความรัก ขณะนี้ท่านกำลังรับชมรายการ ‘โซลเมท-คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน’ เรียลลิตี้ที่จะทำให้ผู้หญิงและผู้ชายได้ตกหลุมรักกัน พร้อมทั้งคุณๆ ก็จะหลงรักพวกเขาได้เหมือนกัน ซึ่งตอนนี้แขกรับเชิญฝ่ายชายกำลังเดินทางมาถึงแล้วครับ”
แล้วระหว่างนั้นเองรถสปอร์ตหรู คันหนึ่งก็มาเทียบท่าจอดหน้าโรงแรม พนักงานเปิดประตูให้ ก้องก้าวลงมาจากรถแต่งตัวหล่ออย่างเท่ พร้อมช่อดอกไม้สวยในมือ
ขนาดสุดยอดเห็นยังอึ้งนิดๆ แต่ก็เข้าไปทำตามหน้าที่
“สวัสดีครับ ช่วยแนะนำตัวหน่อย”
“ผม ก้อง-กีรติ ช่วยทางบ้านทำธุรกิจอสังหาฯ อยู่ครับ” ก้องแนะนำตัวเอง
“เท่าที่ดูคุณก้องก็เพอร์เฟคต์เลยทีเดียวจากการเป็นเซเล็บเป็นนายแบบสมัครเล่นแล้วทำไมถึงจะมาจีบผู้หญิงธรรมดาอย่างคุณยาหยีครับ” สุดยอดว่าไปตามบท
“ผู้หญิงธรรมดาสำหรับคนทั่วไป ก็อาจจะเป็นผู้หญิงพิเศษสำหรับผมได้ไม่ใช่เหรอครับ” ก้องยิ้มรับ
สุดยอดตีหน้าเข้ม “ครั้งนี้ก็จะจีบเล่นๆ อีกหรือเปล่าครับ”
“มันก็ต้องแล้วแต่ความน่าสนใจ ผมว่าผู้ชายก็เหมือนเกม มีปุ่มเพลย์ ก็ต้องมีปุ่มสต๊อบ ขึ้นอยู่กับว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำให้เราอยากกดปุ่มไหน?” ก้องตอบ สุดยอดปิดเบรค
“แหม! ช่างเป็นหนุ่มที่น่าสนใจจริงๆ ต้องติดตามกันต่อไปแล้วล่ะครับว่า แขกรับเชิญฝ่ายหญิงของ
เราจะทำให้คุณก้องกดปุ่มไหน?”
เวลาต่อมา ก้องนั่งรออยู่ที่บริเวณล็อบบี้รีสอร์ท พร้อมช่อดอกไม้ ส่วนสุดยอดพร้อมอยู่ที่หน้ากล้อง ระหว่างบันไดขึ้นชั้นสอง กล้องรายการจับภาพของก้องแล้วแพนมาที่สุดยอด
“ท่านผู้ชมครับ ขณะนี้จะเป็นวินาทีแรกที่แขกรับเชิญทั้งสองของรายการ ‘โซลเมท-คู่กันแล้วไม่
แคล้วกัน’ จะได้พบกัน ฝ่ายหญิงกำลังจะลงมาแล้วครับ ขณะเดียวกันคุณก้องก็รอแขกรับเชิญฝ่ายหญิงด้วยใจจดจ่อ มาดูกันสิครับว่า สีหน้าเขาจะผิดหวัง เอ๊ย! สมหวังและประหลาดใจเพียงใด”
ระหว่างนั้น ยาหยีก็เยื้องย่างเดินลงบันไดมาอย่างสวยเริด สุดยอดมองอย่างอึ้งๆ วินาทีนั้นเองยาหยีก็เกิดสะดุดขาตัวเองจนเสียหลัก จะล้มมิล้มแหล่ที่บันไดขั้นสุดท้าย ก้องเห็นรีบวิ่งเข้ามาประคองไว้ทันท่วงที
“เป็นอะไรมากมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณ…”
“ผมก้องครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณยาหยี” ก้องแนะนำตัวพร้อมกับส่งดอกไม้ให้
“คุณรู้จักฉันด้วยเหรอคะ”
“ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่รู้จักผู้หญิงที่เป็นเดทแรกของตัวเองหรอกครับ” ก้องบอก
“ฉันเป็นเดทแรกของคุณ” ยาหยีเป็นปลื้ม
“ครับ เดทที่ปราศจากการบังคับและจัดฉาก และเป็นเดทแรกที่ผมเต็มใจ”
“โอ้โห อำเภออยู่ไหน ดาวรุ่งดวงใหม่จะแจ้งเกิด!” สุดยอดเบือนหน้าหนี ห่างออกจากไมค์
แล้วระหว่างนั้นสุดยอดก็วิ่งเข้าไปขัดจังหวะ
“ช่างเป็นภาพที่น่าจดจำสำหรับการเจอกันครั้งแรกของแขกรับเชิญทั้งคู่นะครับ น่าติดตามเหลือเกินว่าความรักของเขาและเธอจะเป็นเช่นไร ติดตามช่วงหน้า”
ทีมงานหยุดพักกองชั่วคราว ทุกคนกรูกันเข้ามาคู่รักเปิดซิงรายการ ก้องยังคงมองยาหยีด้วยสายตาชื่นชม ว่านอวยเป็นคนแรก
“สุดยอดมากเลยครับคุณก้อง ฉากเมื่อกี๊รับรองสาวๆ ต้องกรี๊ดกันทั้งประเทศ”
“ใช่ครับ ล็อบบี้กับบันไดห่างกันตั้งไกล วิ่งมาทันได้ไง ประทานโทษ เด็กๆ เป็นแชมป์วิ่งเปรี้ยวหรือ
เปล่าครับ” นัทเสริมทันที
“ผมเป็นนักกีฬาครับ ตอนเด็กว่ายน้ำ โตมาก็เล่นรักบี้” ก้องบอก วุ้นได้ฟังถึงกับทึ่ง
“โอ้โห! กีฬา หล่อ แมน แฮนด์ซั่ม”
“เข้าขั้นเพอร์เฟคต์เลยนะนี่” ก้อยรับไม้ต่อ
“เอ่อ ประทานโทษครับ เด็กๆ ผมก็ว่ายน้ำบ่อย” ว่านคุยโว
“แต่เอ็งแก้ผ้าเล่นตามคลองไม่ใช่เหรอ”
เจอเพื่อนเบรกเข้า ว่านตบหัวนัททันที ด้วยความโกรธ นัทหันไปพูดกับก้อย
“ผมไม่เคยเล่นหรอกครับรักบี้ เคยแต่เล่นมอญซ่อนผ้า ได้ยินว่ามันก็พัฒนาจากตรงนั้นเหมือนกัน”
“ได้ยินจากไหนวะ? โคตรจะมั่ว”
ฟังว่านคุย วุ้น กับก้อย มองหน้ากันขำๆ
“ทีแรกที่รายการติดต่อไป ผมเกือบจะปฏิเสธ ถ้าทำอย่างนั้นจริงผมคงเสียดาย” ก้องบอกบรรดาไทยมุง
“เสียดายอะไรคะ” ยาหยีถาม
“เสียดายที่พลาดโอกาสที่จะรู้จักผู้หญิงที่น่ารักอย่างคุณหยีไงครับ” ก้องหวานใส่
“ผู้ชายปากหวาน ไม่ได้ผู้หญิงที่ต้องการเสมอไปหรอกนะคะ หยีไม่ใช่คนที่จะมาหวั่นไหวอะไรกับ
มุกแค่นี้ แต่ยังไงก็ขอบคุณมากที่วิ่งมารับหยีไว้ทัน ไม่ชักช้าอืดอาดเหมือนคนบางคน”
ท้ายประโยคยาหยีมองค้อนสุดยอด
“ปกติก็ไวนะ แต่ไม่รู้ทำไมกับคนบางคนถึงยืนขาตาย สงสัยไม่อยากจะรับ” สุดยอดรู้ตัว
“ใช่สิ เพราะฉันไม่ใช่น้องเพิร์ลลี่แฟนคุณนี่”
“แต่คุณก็ไม่เห็นจะต้องแคร์ เพราะยังไงมีอกสามศอกมารองรับไว้เหมือนกัน” สุดยอดบอก
“ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงตื่นเต้นดีใจ แต่สำหรับฉันบอกได้เลยว่ามีภูมิต้านทาน ไม่หวั่นไหวอะไรกับ
เรื่องแค่นี้หรอก” ยาหยีพูดแค่นี้ก็หันไปพูดกับก้อง “ขอตัวก่อนนะคะ”
ยาหยีเดินออกไป ก่อนหันมาเรียกเพื่อนสาวสองคนที่ส่งสายตาหวานให้ผู้ชายอยู่
“ไปก่อนนะคะ” วุ้นบอกอย่างเสียดาย เช่นเดียวกับก้อย
“แล้วเจอกันนะ”
“โธ่เอ๊ย! ทำมาเป็นใจแข็ง เดี๋ยวพอโดนแผนพิชิตใจขายขนมจีบ ขี้คร้านจะอ่อนเป็น ขี้ผึ้งลนไฟ ใช่มั้ยครับคุณก้อง”
สุดยอดพูดจบก็ตบไหล่ก้องอย่างกันเอง แต่ก้องเอามือสุดยอดออกอย่างไว้ตัว สุดยอดหน้าแตก
ยาหยีนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ช้อปเปอร์ของก้อง ที่ขี่รถมาในมาดเท่ห์โครตๆ ในขณะที่สุดยอดและทีมงาน กำลังแบกกล้องถ่ายทำรายการอยู่บนรถตู้วิ่งตามมา
“เฮ้ยๆ แกว่าจบรายการ คุณหยีจะตกหลุมรักคุณก้องมั้ยวะ” ว่านเปรยขึ้นมา
“มีลุ้นว่ะ ดูคุณก้องสิ ทั้งหล่อ เท่ห์ แถมรวยอีกต่างหาก เพอร์เฟ็คท์ขนาดนี้ผู้หญิงที่ไหนจะไม่เอา”
นัทพูดเสียงอ่อยพลางหันไปทางก้อย “จริงมั้ยครับ คุณก้อย”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกนะคะ ผู้หญิงบางคนก็ไม่ชอบผู้ชายเพอร์เฟคท์” ก้อยว่า
“จริงเหรอครับ คุณวุ้น” ว่านถามออกมา
“ใช่ค่ะ ขอแค่ความจริงใจก็พอแล้ว ผู้หญิงเรามักน้อย แต่ที่เจอส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายมักมาก เลย
ไปกันไม่รอด”
ว่าน กับนัท หันไปยิ้มให้กัน เมื่อได้ฟังวุ้น และก้อยพูดออกมาอย่างงี้ 2 หนุ่มก็ชักมีความหวังขึ้นมา
เหมือนกัน
“หวังว่าเธอคงไม่ชอบหนุ่มไฮโซนะยัยยาหยี!” สุดยอดมองยาหยีเขม็ง
มองจากบนเนินเขาลงไปข้างล่าง จะเห็นเป็นวิวทะเลสวยงาม ก้องพายาหยีมาสูดอากาศบริสุทธิ์
พร้อมกันนั้นก้องเดินกลับไปเอาต้นกล้าเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ใต้เบาะรถติดมือมาหนึ่งต้น
“อะไรคะ”
“ต้นกัลปพฤกษ์ครับ เป็นไม้มงคล คนโบราณเชื่อถ้าเราปลูกต้นกัลปพฤกษ์จะทำให้คนปลูกประสบความสำเร็จในชีวิต
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณก้องรู้เรื่องอะไรแบบนี้ด้วย”
“ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ควรหันมาสนใจธรรมชาติ เพราะตอนนี้โลกกำลังร้อน แล้วผมก็อยากให้อีกสิบปีผ่านไป มีคนเห็นต้นกัลปพฤกษ์ที่คุณหยีกับผมปลูก ผลิตอากาศที่ดีให้กับโลก เรามาช่วยกันปลูกดีกว่าครับ”
“ได้ค่ะ”
แล้วยาหยีกับก้องก็ช่วยกันปลูกต้นไม้ ทั้งคู่ถือช้อนคนละอัน ช่วยกันขุด เนื้อดินแข็ง จังหวะหนึ่งยาหยีเหงื่อตก จะเอาแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อตามความเคยชิน ก้องมองอยู่รีบหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าตัวเองยื่นให้แต่ยาหยีมือเปื้อน
“โทษนะครับ” ก้องพูดแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นซับเหงื่อให้ มองยาหยีด้วยสายตาอบอุ่น
ยาหยีเขินสุดชีวิต สุดยอดเดินเข้ามาสัมภาษณ์ตามสคริปต์
“คุณสองคนทำอะไรกันอยู่ครับ”
“เราสองคนมาปลูกต้นไม้ ลดโลกร้อนครับ”
“โอ้โห แผนจีบสาวของคุณก้องแต่ละแผนนี่ ขั้นเทพเลยนะครับ” สุดยอดบอกออกไป
“ผมไม่มีแผน ทุกอย่างทำออกจากใจ” ก้องว่า
สุดยอดทำหน้าไม่เชื่อหันไปถามยาหยี “คุณหยีเชื่อหรือเปล่าครับ”
ยาหยีมองไปทางก้อง
“ไม่เชื่อใช่มั้ยครับ”
ฟังคำพูดสุดยอด ยาหยีถึงกับส่ายหัวอย่างระอา
“นั่นไง” สุดยอดหัวเราะร่วน “คุณหยีเขาไม่เชื่อคุณ แผนตื้นๆ โดนจับได้”
“ฉันไม่เชื่อคือคุณต่างหาก! ไปดูวิวทางโน้นกันดีกว่าค่ะคุณก้อง หยีชักจะรู้สึกเบื่อหน้าคนแถวนี้”
ว่าพลางยาหยีควงก้องเดินไปอีกทาง สุดยอดฉุน เตะลมซะงั้น!
ว่าน นัท ก้อย และวุ้น อยู่ที่จอมอนิเตอร์ไม่ไกล จับภาพทั้งหมดไว้ได้
“เฮ้ย! ไอ้ยอดมันหึงทำไมวะ ไม่มีในสคริปต์นี่” ว่านโวยเพื่อน
“นั่นสิ! คงจะนึกว่าคุณหยีเป็นน้องเพิร์ลลี่มั้ง” นัทเสริม
ก้อยกับวุ้นมองหน้ากันสีหน้าแปลกๆ
ภายในห้องอาหารรีสอร์ทค่ำคืนนั้น ถูกจัดและตกแต่งบรรยากาศออกมาอย่างสวยงาม ก้องนั่งรออยู่ พอเห็นยาหยีเดินเข้ามา ก้องลุกจากโต๊ะไปเลื่อนเก้าอี้ให้ยาหยีนั่ง
“หยีไม่เคยรู้สึกว่า ไม่เป็นส่วนตัวเท่านี้ ถ้าทำอะไรเปิ่นๆ ไปต้องขอโทษด้วยนะคะ” ยาหยีออกตัว
“ผมชอบผู้หญิงเป็นธรรมชาติ คุณหยีทำทุกอย่างได้ที่อยากทำเลยครับ”
“จะทำได้ยังไง” ยาหยีลดเสียงพูดค่อยๆ “เขาบันทึกเทปอยู่”
ก้องทำเซอร์ไพรส์ ด้วยการเดินเข้าไปที่กล้องถ่ายทำ ดึงปลั๊กสายไฟกล้องทีวีออก พร้อมกับเชิญทุกคนออกไป สุดยอดโวยวาย
“ทำแบบนี้ได้ไง พวกเรากำลังถ่ายทำกัน”
“ผมทราบ แต่ถ่ายมาทั้งวันแล้ว ขอเวลาพวกเราเป็นส่วนตัวสักครู่” ก้องพูดขึ้น
“ก็ได้... พวกเราเค้าไม่อยากให้เราอยู่แล้ว จะอยู่ขวางหูขวางตาเค้าทำไม” สุดยอดประชดขึ้นทันที
ว่าน นัท ก้อย วุ้น ยอมออกไปแล้วโดยดี แต่สุดยอดยังอิดออดไม่ยอมขยับ ก้องต้องออกแรงผลักซะจนสุดยอดกระเด็นไป แล้วปิดประตู”
“ทีนี้ก็มีแค่เราแล้ว” เสียงก้องพูดขึ้นมา
ระหว่างนั้นที่หน้าประตู สุดยอดยังไม่ยอมไปไหน แถมยังคอยเงี่ยหูฟัง
“ปิดห้องคุยกันทำไมวะ ให้มารักกันออกอากาศนะโว๊ย ไม่ได้มาจีบกันเป็นการส่วนตัว เปิดสิเปิด”
ที่หน้าห้องพักไม่ไกลจากห้องอาหารรีสอร์ทนัก ว่าน นัท พาก้อยกับวุ้นมาที่หน้าจอมอนิเตอร์ที่เตรียมการไว้ ทั้งสี่คนกำลังจับตามองภาพหวานๆของยาหยีและก้อง ที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกแอบถ่ายทำรายการอยู่ ซึ่งเป็นไปตามแผนของว่านที่ซ่อนกล้องไว้ก่อนแล้ว
“โอ้โหไอ้ว่าน! แผนเอ็งนี่ ขั้นเทพจริงๆ ว่ะ! ใครก็ไม่นึกถึง”
“สงสารยัยหยีจัง ถ้ารู้ว่ามีกล้องซ่อนอยู่ด้วยคงโกรธมาก” ก้อยกังวลปนสงสารเพื่อนเลิฟ
“นั่นสิ นี่เข้าข่ายหลอกลวงกันเลยนะนี่” วุ้นผสมโรง ว่านรีบแจงเหตุผลที่ทำ
“โธ่ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ อารมณ์จริงๆ ของแขกรับเชิญก็ไม่ออกสิครับ”
ภายในห้องอาหารของรีสอร์ท เสียงหัวเราะลั่นออกมา ก้องกับยาหยีคุยกันอย่างออกรส
“จริงเหรอคะ ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณก้องเคยอ้วนมาก่อน หนักตั้งร้อยกิโล”
“ครับ ผมก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน”
“แล้วอะไรทำให้คุณก้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองคะ”
ก้องนิ่งครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมา
“เป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่งครับ ผมหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งมาก แต่เธอไม่ให้โอกาสผม เพราะผมหนัก
ร้อยกิโล” ก้องเล่า
“ทำไมคนเราต้องมองกันแค่รูปลักษณ์ภายนอกด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้เราคบกันคือนิสัย
ใจคอมากกว่า” ยาหยีบอกจากใจ จังหวะนั้นก้องก็ถามขึ้น
“ว่าแต่คุณหยีล่ะครับ ถ้าจะเลือกคบผู้ชายสักคน คนนั้นต้องเป็นแบบไหน”
“ตอบตรงๆ ว่าชาตินี้หยีคงไม่แต่งงาน เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เจอใครที่ดีสักคนสำหรับหยี”
“ผู้ชายไม่ได้เป็นเหมือนกันทั้งโลกหรอกนะครับ ถ้าคุณหยีจะยอมเปิดใจให้ใครบ้าง”
ยาหยีฟังแล้วยื่นหน้าไปกระซิบกระซาบเหมือนบอกความลับกับก้อง
“เอาเป็นว่าเพื่อให้การถ่ายทำราบรื่น หยีจะเปิดโอกาสให้คุณก้องเป็นคนแรกแล้วกันค่ะ”
“คุณหยีรับปากแล้วนะ เย้” ก้องลุกขึ้นกระโดดตัวลอย
“รับรอง ผมจะไม่ทำให้คุณหยีผิดหวัง”
ขณะเดียวกันนั้นภายในห้องมอนิเตอร์ ว่านกับนัทดูและลุ้นอยู่ก็พากันเฮดังลั่น
“นั่นไง คุณหยีรับปากแล้ว” ว่านดี๊ด๊า
“ในที่สุดคุณก้องก็ทำสำเร็จ”
สุดยอดรออยู่หน้าประตู หันไปมอง ตะลึง!
“อะไรวะนี่ ซ่อนกล้องก็ไม่บอก!”
ว่าน กับนัท ถือป้ายรางวัลบัตรสมนาคุณที่พักฟรี กรูเข้ามาหาสุดยอด
“ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว เอาของรางวัลไปให้ทั้งคู่เร็วๆ สิวะ ไอ้ยอด อย่ามัวแต่งงอยู่”
ว่าน นัท ก้อย และวุ้น ดันสุดยอดเข้าไป สุดยอดหน้าเจื่อนๆ ออกทีวี
“ยินดีกับคนทั้งคู่ด้วยครับในที่สุดคุณหยีก็ตอบรับว่าจะลองเป็นแฟนกับคุณก้อง นี่เป็นของรางวัลบัตรที่พักห้องสวีท โรงแรม….”
ก้องมองยาหยีตาเชื่อมอย่างรักใคร่ วุ้น กับก้อย แอบดูยาหยีผ่านกล้องด้านนอก เห็นยาหยีอายเล็กน้อย โดยที่ไม่มีใครสนใจ และสังเกตอาการที่สุดยอดเดินออกจากห้องมาอย่างเซ็งๆ
ขณะนั้นเพิร์ลลี่ก็เดินทางตามมาถึงรีสอร์ท เห็นสุดยอดเดินคอตกออกมาจึงร้องทัก
“พี่ยอดคะ พี่ยอด”
“เพิร์ลลี่ มาที่นี่ได้ยังไง ไหนว่าติดอีเว้นท์ใหญ่ไงครับ” สุดยอดเซอร์ไพร้ส์
“ความจริงตอนนี้เพิร์ลลี่ควรจะอยู่ในงาน แต่เพิร์ลลี่คิดถึงพี่ยอด พอรู้ว่าพี่ยอดอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เพิร์ลลี่ก็ไม่เป็นอันทำงานเลย” เพิร์ลลี่ออดอ้อน
“อ้าว แล้วงานที่รับไว้ไม่เสียเหรอครับ”
เพิร์ลลี่ทำหน้าแอ๊บแบ๊ว ทำนองว่ายังไงก็ไม่มีทางเสียงานแน่นอน
เพราะเวลาเดียวกันนั้น ภายในงานอีเว้นท์ของค่ำคืนนั้นบรรยากาศขวนคึก ด้วยเสียงเพลงจังหวะมันส์ๆ แนวแด้นซ์ ที่เปิดกระหึ่มงาน สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางเวที
“บัดนี้ ทุกท่านจะได้พบกับภาพที่ตื่นตาตื่นใจ ที่ทุกคนไม่เคยคาดฝันมาก่อน มีที่นี่ที่เดียว พบกับโชว์
สุดยอดที่เป็นไฮไลท์ของการเปิดตัวครั้งนี้” พิธีกรพูดเร้าอารมณ์สุดๆ รับกับจังหวะเพลงที่มันส์ขึ้นไปอีก
ชม้อยสวมวิญญาณศิลปินออกมาวาดลวดลายโคโยตี้อย่างมั่นใจ แทนเพิร์ลลี่ที่เบี้ยวงาน ชม้อยครีเอทลีลาท่าทางที่คิดว่าเซ็กซี่สุดๆ ก่อนจะเทน้ำราดรดทั้งตัวเอง และมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างรถ ล้างมอเตอร์ไซค์พร้อมๆ กับเต้นไปด้วย ในลีลาไม่แตกต่างจาก สองดารสาว เป้ย ปานวาด และ ปู ไปรยา ที่เคยตกเป็นข่าวดัง
บรรดาแขกร่วมงาน นักข่าว พิธีกร ต่างปากอ้าตาค้างกันเป็นแถว กล้องแพนไปรอบๆ ทุกคนต่างช็อก ไม่คิดว่าจะกล้าขนาดนี้ ได้แต่ยืนอึ้งเป็นหินกันไปหมด
นักข่าว คนหนึ่งพึมพำเบาๆ “ไม่เคยคาดฝันจริงๆ ด้วย”
ชม้อยยังคงล้างรถ ยกขา สะบัดเสื้อ สารพัดท่าไม้ตายที่คิดได้ ขนออกมาหมดไส้หมดพุง
พิธีกรทนไม่ไหว ปิดปากหัวเราะ แล้วรีบเผ่นหนีไปหลังเวทีทันที
“ป้า กลับบ้านไปตำหมากเหอะ ขอร้อง” แขกคนหนึ่งร้องตะโกนบอก ตามมาด้วยเสียงโห่ไล่จากบรรดาแขกเหรื่อ ที่เริ่มดังขึ้นๆ ลั่นไปหมด
“เฮ้ย ลงขันกันจ้างให้หยุดเหอะ ไม่ไหวแล้ว”
อีกคนตอกฝาโลง พร้อมเสียงโห่ไล่ ดังรับขึ้นอีก ชม้อยบ่นพึมพำ อย่างเจ็บใจ
“ไอ้พวกปากเน่า ปากหนอน ฉันยังเฟิร์มอยู่นะโว๊ย”
ชม้อยยังคงเต้นและล้างรถต่อแบบไม่คิดชีวิต ทำงานคุ้มค่าตัวสุดๆ
เอนิตาอยู่ที่บ้าน ระหว่างนั้นที่มือถือเอนิตามีคนส่งคลิปประหลาดมา เอนิตาเปิดดู พบว่าเป็นคลิปรอบสองของตัวเองกับพีท จังหวะนั้นพีทก็โทรเข้ามาพอดี
“ฉันให้สิ่งที่แกต้องการไปแล้ว แกยังต้องการอะไรอีก”
“ผมก็ต้องการแบบเดิม เพียงแต่ต้องการมากขึ้น!” พีทเน้นเสียง
“สมองแก คิดวิธีหาเงินได้เท่านี้เองเหรอ?”
“ก็.. ไม่รู้นะ ทำทีไรก็ได้ผลทุกทีนี่นา”
“เอาวิธีการสกปรกนี้ไปใช้กับคนอื่น ฉันไม่กลัวแกหรอก”
“ก็ดี ไม่กลัวใช่มั้ย? ผมจะได้ส่งคลิปของเราไปให้ทั่ว คราวนี้ดังกว่าคราวที่แล้วแน่!”
เอนิตาเจ็บจี๊ดเอามากๆ จึงด่าออกไป
“แก...ตั้งแต่ฉันเกิดมาฉันยังไม่เคยเจอใครที่เลวเหมือนแกเลย”
“ขอบคุณที่ให้ผมชนะเลิศนะพี่ แต่พี่ก็ ‘ดาวไถ’ เหมือนกันไม่ใช่เหรอ เพียงแต่คราวนี้พี่เจอตัวพ่อ”
พีทหัวเราะเยาะชอบใจ
“ไอ้เลว!” เอนิตาด่าแล้วนิ่งไปสักพัก ก่อนกัดฟันบอกออกไปว่ายินยอม
“ห้ามปล่อยเด็ดขาดนะ บอกฉันมาว่าแกต้องการเท่าไหร่?”
ชม้อยนั่งให้พนักงานนวดฝ่าเท้าอยู่ในร้านสปา ขณะนั้นก็เหลือบไปเห็นวัลลภาเดินเข้ามา
“คุณพี่วัลลภาใช่หรือเปล่าคะ จำชม้อยได้มั้ย ที่เราเจอกันวันทหารผ่านศึกเมื่อปีที่แล้ว ที่ไปบริจาค
เงินกันคนละสี่ซ๊าห้าแสนน่ะคะ”ชม้อยทักทายวัลลภาน้ำเสียงระรื่น
“อ้อ จำได้แล้วค่ะ มานวดเหรอคะ”
“ค่ะ ฆ่าเวลาน่ะค่ะ รอลูกสาวเข้าฉากละคร ว่าแต่คุณพี่ล่ะคะ ตอนนี้ทำอะไรอยู่”
“ช่วยลูกชายทำอสังหาฯ ค่ะ ตอนนี้ก็กำลังวุ่นวายทำคอนโดใหม่เน้นไฮ-เอนด์น่ะค่ะ แถวริมน้ำเจ้าพระยา” วัลลภาหว่านพืช
“ต๊าย ลูกชายคุณพี่เป็นนักธุรกิจเหรอคะเนี่ยไม่ยักรู้” สีหน้าชม้อยฉาวแววเจ้าเล่ห์
“ลูกสาวคุณน้องเป็นนักแสดงเหรอคะ ชื่ออะไรคะเนี่ย”
สีหน้าวัลลภามีเลศนัยไม่ต่างกัน
วสันต์เดินกับเพิร์ลลี่ท่าทางกระหนุงกระหนิง กลางวันแสกๆ ภายในห้างสรรพสินค้า
“ได้ยินชื่อน้องเพิร์ลลี่มาตั้งนานแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักน้องเพิร์ลลี่นะครับ
“เช่นกันค่ะ”
“หวังว่าน้องเพิร์ลลี่คงไม่เขินนะครับ ที่การเจอกันครั้งแรกของเราจะคลับคล้ายคลับคลาการคลุมถุงชนยังไงก็ไม่รู้” วสันต์ป้อนคำหวาน
“ไม่ถือหรอกค่ะ เพิร์ลลี่เชื่อว่าผู้ใหญ่ท่านจะแนะนำสิ่งดีๆ ให้กับพวกเราเสมอ”
“น้องเพิร์ลลี่ท่าทางเป็นเด็กหัวอ่อน ว่านอนสอนง่ายนะครับ”
เพิร์ลลี่หยุด แล้วเอามือปิดที่ตาทั้งสองข้าง ร้องขอความช่วยเหลือ
“อุ๊ย!” เพิร์ลลี่ใส่จริตเต็มสูบ
“น้องเพิร์ลลี่เป็นอะไรครับ”
“เพิร์ลลี่รู้สึกเหมือนมีอะไรเข้าตาค่ะ พี่วสันต์ช่วยดูให้หน่อย”
เพิร์ลลี่พูดพร้อมๆ กับโอบวสันต์เข้ามาใกล้ เขย่งเท้าเข้าไปประชิด ยื่นหน้าเซ็กซี่ ให้ดูที่ดวงตา
“พี่วสันต์เห็นอะไรมั้ยคะ มีบางอย่างเข้าตาเพิร์ลลี่ จะบอดหรือเปล่านี่”
วสันต์พยายามเพ่งดูดวงตา ทั้งสองดูใกล้ชิดสนิทแนบแน่นกันมาก
วสันต์ไม่รู้ว่า เวลานั้นชม้อยแอบเอามือถือถ่ายภาพวสันต์กับเพิร์ลลี่อยู่อีกมุมหนึ่ง
“รู้งานจริงๆ เลยลูก ไม่เสียแรงที่มีแม่คอยสั่งสอน” ชม้อยระดมถ่ายอย่างเมามันส์
“แบบนี้ไม่เป็นข่าวใหญ่ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว”
สีหน้าของชม้อยชื่นมื่น เพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนฉาวสร้างกระแสของตัวเอง
จบตอนที่ 9
โปรดโปรดติดตามอ่านตอนต่อไป