ปส.ได้รับการประสานจากดีอีเอ สหรัฐอเมริกาตามรวบแก๊งค้ายาบ้ารายใหญ่ ยึด 1.3 แสนเม็ด มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท หนึ่งในผู้ต้องหาสารภาพเคยเป็นหน่วยลาดตระเวนชายฝั่งริมน้ำโขง แฟนสาวชาวพม่าชวนมาขนยาเสพติดขายตามใบสั่ง ได้ค่าจ้างเที่ยวละ 3 หมื่น จะใช้วิธีติดต่อลูกค้าผ่านมือถือแบบเติมเงิน โดยจะเปลี่ยนเบอร์ทุกครั้งป้องกันถูกจับกุม
วันนี้ (26 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.อติเทพ ปัญจมานนท์ ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ รองผบช.ปส. แถลงการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ประกอบด้วยนายวีระศักดิ์ หรือรัก วุ่นเจริญ อายุ 25 ปี นายเอกชัย หรือเอก วุ่นเจริญ อายุ 28 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร นายประจวบ หรือจวบ ห้วยหงษ์ทอง อายุ 29 ปี และนายธนัท หรือปุ๊ กัลยา อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 135,800 เม็ด มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าซีวิค สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน ษต 1943 กทม. รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน 7966 กทม. และเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อเอเซอร์สีดำ 1 เครื่อง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับการประสานงานความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ว่าสายลับได้รับการติดต่อให้ไปรับยาเสพติดจากกลุ่มนักค้ายา จ.นครปฐม ให้ไปส่งกับลูกค้าที่จะมารับยาบ้าโดยจะใช้การติดต่อทางโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการวางแผนให้สายลับคนดังกล่าวไปรับยาเสพติด ตามวันและเวลาที่กลุ่มนักค้ายาเสพติดนัดให้ไปรับยาบริเวณห้างบิ๊กซี อ้อมใหญ่ ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุซึ่งเมื่อมีการส่งมอบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 ได้ที่บริเวณห้างบิ๊กซี อ้อมใหญ่ ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวังนครปฐม จากนั้นได้ ขยายผลการจับกุม ผู้ต้องหารายที่ 3 และ4 บริเวณ รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมเข้าตรวจยึดของกลางที่ห้องพักได้อีกจำนวนหนึ่ง
นายวีรศักดิ์ให้การรับสารภาพว่า ตนเคยเป็นหน่วยลาดตระเวนชายฝั่งริมแม่น้ำโขง สังกัดกองทัพเรือ จากนั้นได้รับการชักชวนจากแฟนสาวชาวพม่า ให้มาลักลอบขนยาเสพติดโดยรับยาเสพติดจากด่านอำเภอเชียงแสน เพื่อนำมาพักไว้ที่ จ.นครปฐม และกระจายยาเสพติดในพื้นที่และตามใบสั่งของลูกค้า ซึ่งทำมาแล้ว 3 ครั้งได้รับค่าจ้างครั้งละ 30,000 บาท โดยจะติดต่อลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน และเปลี่ยนเบอร์ทุกครั้ง จึงไม่ทราบว่าลูกค้าของตนเป็นใคร
พล.ต.ท.อติเทพกล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (ดีอีเอ) ซึ่งได้ติดตามกลุ่มนี้มานานแล้วและยากต่อการจับกุม เนื่องจากกลุ่มพ่อค้ายาจะติดต่อกันทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นเบอร์เติมเงิน หรือไม่ใช่เบอร์จดทะเบียน โดยจะเปลี่ยนหมายเลขอยู่ตลอด ซึ่งตรงนี้ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่งเช่นกัน
วันนี้ (26 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.อติเทพ ปัญจมานนท์ ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ รองผบช.ปส. แถลงการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ประกอบด้วยนายวีระศักดิ์ หรือรัก วุ่นเจริญ อายุ 25 ปี นายเอกชัย หรือเอก วุ่นเจริญ อายุ 28 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร นายประจวบ หรือจวบ ห้วยหงษ์ทอง อายุ 29 ปี และนายธนัท หรือปุ๊ กัลยา อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 135,800 เม็ด มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าซีวิค สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน ษต 1943 กทม. รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน 7966 กทม. และเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อเอเซอร์สีดำ 1 เครื่อง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับการประสานงานความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ว่าสายลับได้รับการติดต่อให้ไปรับยาเสพติดจากกลุ่มนักค้ายา จ.นครปฐม ให้ไปส่งกับลูกค้าที่จะมารับยาบ้าโดยจะใช้การติดต่อทางโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการวางแผนให้สายลับคนดังกล่าวไปรับยาเสพติด ตามวันและเวลาที่กลุ่มนักค้ายาเสพติดนัดให้ไปรับยาบริเวณห้างบิ๊กซี อ้อมใหญ่ ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุซึ่งเมื่อมีการส่งมอบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 ได้ที่บริเวณห้างบิ๊กซี อ้อมใหญ่ ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวังนครปฐม จากนั้นได้ ขยายผลการจับกุม ผู้ต้องหารายที่ 3 และ4 บริเวณ รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมเข้าตรวจยึดของกลางที่ห้องพักได้อีกจำนวนหนึ่ง
นายวีรศักดิ์ให้การรับสารภาพว่า ตนเคยเป็นหน่วยลาดตระเวนชายฝั่งริมแม่น้ำโขง สังกัดกองทัพเรือ จากนั้นได้รับการชักชวนจากแฟนสาวชาวพม่า ให้มาลักลอบขนยาเสพติดโดยรับยาเสพติดจากด่านอำเภอเชียงแสน เพื่อนำมาพักไว้ที่ จ.นครปฐม และกระจายยาเสพติดในพื้นที่และตามใบสั่งของลูกค้า ซึ่งทำมาแล้ว 3 ครั้งได้รับค่าจ้างครั้งละ 30,000 บาท โดยจะติดต่อลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน และเปลี่ยนเบอร์ทุกครั้ง จึงไม่ทราบว่าลูกค้าของตนเป็นใคร
พล.ต.ท.อติเทพกล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (ดีอีเอ) ซึ่งได้ติดตามกลุ่มนี้มานานแล้วและยากต่อการจับกุม เนื่องจากกลุ่มพ่อค้ายาจะติดต่อกันทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นเบอร์เติมเงิน หรือไม่ใช่เบอร์จดทะเบียน โดยจะเปลี่ยนหมายเลขอยู่ตลอด ซึ่งตรงนี้ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่งเช่นกัน