xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สาวไส้นักการเมืองสีเทา จากเจ้าพ่อสู่ถนนอำนาจ ค้ายา-ซุ้มมือปืน-ขายอาวุธสงคราม เพียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลายคนคงแปลกใจ ถ้ารู้ว่าประเทศไทยมีนักการเมืองระดับชาติที่มาจากผู้มีอิทธิพล เจ้าพ่อ มาเฟียที่คลุกคลีอยู่ในธุรกิจสีเทา ตั้งแต่ค้าไม้เถื่อน บุกรุกที่สารธารณะและเล่นแร่แปรธาตุนำมาเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัว มาเฟียฮั้วประมูล มาเฟียรถตู้ เจ้าของบ่อนการพนัน ค้าของเถื่อน ค้าน้ำมันเถื่อน ค้ายาเสพติด ค้าอาวุธสงคราม หรือแม้กระทั่งเป็นเจ้าของซุ้มมือปืนเสียเอง ซึ่งบุคคลเหล่านี้มีทั้งที่เป็น ส.ส.ธรรมดา เป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นเลขาธิการพรรค ไปจนถึงเป็นระดับรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ข้อมูลจากเครือข่ายข้อมูลการเมืองไทย ผู้จัดทำเว็บไซต์ www.tpd.in.th ระบุว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของนักการเมืองระดับชาติ ในพื้นที่ 18 จังหวัดในประเทศไทย พบว่ามีนักการเมืองที่ทุจริตเชิงนโยบาย 44.26% พบมากสุดในพื้นที่ภาคอีสาน 58.06% ตามด้วยภาคเหนือ 52.94%

นักการเมืองที่ซื้อ-ขายตำแหน่งในราชการ 22.95% มากที่สุดในภาคอีสาน 38.711% ตามด้วยกรุงเทพมหานคร 28.26% นักการเมืองที่จริยธรรมเสื่อม 15.57% พบมากสุดในกรุงเทพมหานคร 32.57%

นักการเมืองที่เป็นเจ้าของหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับบ่อนการพนัน 14.75% มากสุดในภาคตะวันตก 25.00% ตามด้วย กรุงเทพมหานคร 17.39% และภาคอีสาน 16.13% นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับหวยเถื่อน 10.66% มากที่สุดในกรุงเทพมหานคร 23.91%

นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด 5.74% พบมากสุดในภาคใต้ 12.5% นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้าของเถื่อน 4.95% มากที่สุดในภาคใต้ 18.75% นักการเมืองที่บุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ 2.46% พบมากในภาคอีสานและกรุงเทพมหานคร

นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเงินกู้นอกระบบ 2.46% มากสุดในกรุงเทพมหานคร นอกจากนั้นยังพบว่าในพื้นที่ 18 จังหวัดดังกล่าวนั้นมีนักการเมืองที่มีพฤติกรรมสีเทาถึง 30 คน

นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบพบยังว่านักการเมืองที่มีพฤติกรรมเป็นเจ้าพ่อมาเฟียและเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทานั้นมีอยู่ในพรรคการเมืองแทบทุกพรรค โดยข้อมูลจากหน่วยงานด้านการข่าว ระบุว่า นักการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาทุกประเภท และบางคนก็มีทำธุรกิจผิดกฎหมายหลายๆ อย่างพร้อมกัน เช่น เป็นเจ้าของบ่อนการพนัน ค้ายาเสพติด ค้าอาวุธ และเป็นเจ้าของซุ้มมือปืนด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมากับธุรกิจผิดกฎหมายก็คือการ 'ฟอกเงิน' โดยมักมีการตั้งบริษัททำธุรกิจที่ไม่มีอยู่จริงเพื่ออ้างหลักฐานที่มาของเงินจำนวนมหาศาลที่ได้จากการทำธุรกิจสีเทา เช่น แต่งบัญชีรายได้ของบริษัท หรือระบุว่าได้เงินจากการซื้อ-ขายหุ้นของบริษัท

“ ธุรกิจมืดพวกนี้มีทั้งที่เป็นของนักการเมืองและเครือญาติเอง และที่เป็นของลิ่วล้อ หัวคะแนน หรือกลุ่มทุนที่นักการเมืองคนนั้นให้การอุปถัมภ์ค้ำชู ให้ความคุ้มครอง ถ้าถูกจับนักการเมืองก็จะใช้บารมีช่วยเหลือ โทร.ไปขอกับผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง วิ่งเคลียร์กับตำรวจบ้าง ส่วนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองพอรู้ว่าเป็นคนของนักการเมืองใหญ่ก็ไม่กล้ายุ่ง มันมีอยู่ทุกพรรคแหล่ะ หลายๆ คนร่ำรวยมาจากธุรกิจผิดกฎหมาย มีอิทธิพล เป็นคนกว้างขวาง พรรคการเมืองก็อยากได้มาเป็นฐานเสียง ขณะที่คนพวกนี้ก็อยากเข้ามาเล่นการเมืองเพื่อใช้บารมีทางการเมืองเป็นเกราะคุ้มกันให้ตัวเอง ยิ่งมีตำแหน่งในพรรค หรือได้เป็นรัฐมนตรี ทั้งตำรวจ ทั้งข้าราชการก็ยิ่งเกรงใจ ทำอะไรก็ไม่มีใครกล้าแตะ

“นอกจากการทำธุรกิจสีเทาแล้วนักการเมืองพวกนี้ก็จะทำธุรกิจบังหน้าเพื่อเอาไว้ฟอกเงิน ตั้งบริษัทโน้นบริษัทนี้ขึ้นมาหลายๆ บริษัท บางบริษัทนี่พอไปตรวจสอบจริงๆจะพบว่าไม่ได้ทำธุรกรรมอะไรเลย แต่มีเงินงอกขึ้นมาในบัญชีเป็นร้อยล้าน หรือมีการซื้อขายหุ้นของบริษัทในมูลค่าที่สูงมาก ” แหล่งข่าวฝ่ายข่าวกรอง ระบุ

นักการเมืองคุมซุ้มมือปืนเกลื่อนประเทศ

จากการตรวจสอบเชิงลึกพบว่า ซุ้มมือปืนที่นักการเมืองระดับชาติเป็นเจ้าของซุ้มเอง และซุ้มที่อยู่ในเครือข่ายของนักการเมืองนั้นมีอยู่ในหลายพื้นที่ ทั้งในภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันตก และภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี อุดรธานี บุรีรัมย์ นครปฐม กรุงเทพฯ ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส

“นักการเมืองที่เป็นเจ้าของซุ้มมือปืนหรือมีพี่น้องเป็นเจ้าของซุ้มมีเกือบทุกพรรค มีทุกภาค มีตั้งแต่ระดับ ส.ส.ไปจนถึงรัฐมนตรี คือเอาเจ้าพ่อมาเป็นรัฐมนตรีว่างั้นเถอะ แต่ที่จัดว่าเหี้ยมโหดและมีอิทธิพลมากที่สุดคือซุ้มมือปืนของจังหวัดในเขตปริมณฑล ซึ่งเป็นของนักการเมืองใหญ่ ซุ้มนี้ใครก็ไม่กล้าแตะ แผ่อิทธิพลไปถึงราชบุรีโน่น แล้วเขาไม่ได้แค่มีซุ้มมือปืนอย่างเดียว แต่ทำธุรกิจสีเทาครบวงจร ทั้ง เปิดผับ เปิดบ่อนการพนัน ค้าของเถื่อน ค้ายา มีพฤติกรรมเป็นนักเลงมาเฟีย เวลามีปัญหากับใครก็ส่งนักเลงหรือมือปืนในสังกัดไปจัดการ แล้วก็รับงานฆ่าด้วย หรืออย่างที่จังหวัดใหญ่ในอีสานใต้นี่ก็เป็นซุ้มของของพี่ชายนักการเมืองใหญ่ ครอบครัวนี้เล่นการเมืองทั้งบ้าน น้องชายเป็นคนใจใหญ่ ใจถึง เลี้ยงทั้งนักเลงทั้งข้าราชการในพื้นที่ แล้วก็ใช้อำนาจบารมีของตัวเองช่วยเหลือในการแต่งตั้งโยกย้าย เมื่อมีข้าราชการเป็นลูกน้องเสียแล้วใครจะไปจับเขาล่ะ

ที่จังหวัดในภาคตะวันตกก็มีซุ้มของกำนันคนดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นมาเฟียฮั้วประมูล บุกรุกที่ป่าสงวน ก็ไม่รู้ว่าพรรคนี้เอามาเป็น ส.ส.ได้ยังไง แต่ก็อาจจะไม่แปลกเพราะแม้แต่คนที่เป็นมือปืนพรรคนี้ยังเอามาลงเลือกตั้ง ส่วนอีกจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงกัน เจ้าของซุ้มก็จัดว่าเป็นนักการเมืองระดับเจ้าพ่อเหมือนกัน ทำธุรกิจสีเทาครบทุกอย่าง ค้าของเถื่อนด้วย อะไรด้วย แต่ตอนนี้น้อยลงแล้ว หันมาทำรถตู้เถื่อนแทน คือรถตู้เถื่อนที่วิ่งในแต่ละจังหวัด ไปดูเถอะเป็นของนักการเมืองทังนั้น ส่วนที่ภาคตะวันออกซึ่งขึ้นชื่อเรื่องมือปืน รุ่นลูกซึ่งหันมาเล่นการเมืองระดับประเทศไม่ได้สานต่อ แต่ถามว่าซุ้มมือปืนที่เป็นเครือข่ายของพ่อยังอยู่ไหม ก็ยังอยู่ แต่จากการตรวจสอบไม่เคยพบนักการเมืองรุ่นลูกใช้งานคนกลุ่มนี้ ขณะที่จังหวัดใหญ่ในภาคใต้ คนที่เป็นเจ้าของซุ้มมือปืนเนี่ยเป็นพี่ชายของนักการเมืองระดับชาติที่สังกัดพรรคใหญ่ แต่ไม่พบว่าตัวนักการเมืองคนนี้เข้าไปเกี่ยวข้อง ซุ้มมือปืนในกรุงเทพฯ ก็มีนะ ซุ้มนี้มี นาย ก. นักการเมืองใหญ่เป็นคนดูแล ” หน่วยงานด้านการข่าว เปิดเผยถึงความเกี่ยวข้องของนักการเมืองและซุ้มมือปืน

ขณะที่แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงให้ข้อมูลว่า “ สำหรับซุ้มมือปืนในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีนาย ก.ดูแลนั้น จัดว่าเป็นซุ้มเล็ก จะรับงานจากนักการเมืองเป็นหลัก มีทั้งงานคุมบ่อน เก็บส่วย ไปจนถึงกำจัดคู่แข่งทางการเมือง โดยเชื่อมโยงกับมาเฟียคนมีสี ”

ทั้งนี้จากการเปิดเผยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับ 'ข้อมูลใหม่ ของซุ้มมือปืน เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2554 ที่ผ่านมาพบว่า ปัจจุบันนี้ซุ้มมือปืนจะพบมากในพื้นที่ภาคใต้ โดยมือปืนบางคนมีหมายจับมากถึง 47 หมาย และปัจจุบันเกิดดาวรุ่งมือปืนหน้าใหม่ที่มาจากวงการยาเสพติดจำนวนมาก ส่วนเจ้าของซุ้มก็ขยายไปสู่วงการนักการเมืองท้องถิ่นและนักธุรกิจ โดยเมื่อตรวจสอบจาก 'ปฏิทินหมายจับ 50 มือปืนรายสำคัญ' จะพบว่ามือปืนที่ก่อเหตุในภาคใต้มีมากที่สุดคือ 19 ราย รองลงมาเป็นภาคเหนือ 12 ราย ภาคกลาง 7 ราย และกรุงเทพมหานคร 6 รายโดยซุ้มมือปืนส่วนใหญ่พบว่าจะเลี้ยงมือปืนในสังกัด ตั้งแต่ 2 - 10 คน

นอกจากปฏิทินหมายจับ 50 อันดับมือปืนรายสำคัญแล้ว ตำรวจยังคงจับตาบุคคลเป้าหมายอีก 3 ชุด คือ มือปืนรับจ้างหน้าใหม่ ที่ยังไม่ได้ก่อคดีใหม่เพิ่ม, บุคคลในเครือข่ายซุ้มมือปืน และบุคคลที่มีความผิดฐานใช้อาวุธปืนหรือระเบิด เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการติดตามหากพบการเคลื่อนไหว หรือก่อเหตุอาชญากรรม

นักการเมืองค้ายา จับตาภาคเหนือ

ธุรกิจสีเทาอีกประเภทหนึ่งที่นับว่าสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลแก่บ้านเมืองและมีนักการเข้าไปเกี่ยวข้องก็คือ “ขบวนการค้ายาเสพติด” โดยนักการเมืองระดับชาติที่เข้าไปพัวพันกับการค้ายานั้นมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ เนื่องจากอยู่ติดกับพื้นที่ของชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่าซึ่งมีการผลิตและค้ายาเสพติดอย่างเป็นล่ำเป็นสัน การกระจายสินค้าต้องลำเลียงผ่านประเทศไทย จึงเป็นช่องทางให้นักการเมืองในย่านนั้นสร้างฐานะและบารมีจากธุรกิจยานรก

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของหน่วยงานด้านการข่าว ระบุว่า พบว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายา ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ พะเยา ไปจนถึงจังหวัดตากและกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันตก

นอกจากนั้นเมื่อนำเข้ามาในประเทศไทยแล้วก็จะส่งต่อไปยังไปยัง 'จุดกระจายสินค้า' ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งจังหวัดที่มีนักการเมืองระดับชาติเกี่ยวข้องด้วย ได้แก่ นครปฐม ซึ่งเจ้าของเครือข่ายคือนักการเมืองมากบารมีที่มีธุรกิจสีเทาครบวงจร และเป็นตระกูลที่สืบทอดอำนาจทางการเมืองตั้งแต่รุ่นพ่อไปถึงรุ่นลูกๆหลานๆ , เขตหนอกจอก และมีนบุรี ในกรุงเทพมหานคร ก็มีนักการเมืองซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เข้ามาพัวพันกับเครือข่ายค้ายา , พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งแน่นอนว่ามีนักการเมืองในพื้นที่มีส่วนรู้เห็นด้วย

“ จริงๆ แล้วแก๊งค้ายาในเมืองไทยมีอยู่ไม่กี่แก๊ง ซึ่งแก๊งเหล่านี้เขาก็ต้องการพึ่งบารมีนักการเมืองและคนมีสีมาช่วยคุ้มครองธุรกิจของเขา ขณะที่นักการเมืองก็อยากได้เงินทุนและเครือข่ายอิทธิพลของนักค้ายามาช่วยเสริมฐานทางการเมือง แต่นักการเมืองบางคนเห็นช่องทางตรงนี้ว่าสามารถทำรายได้อย่างมหาศาลก็ลงมาจับงานนี้เอง และเจ้าพ่อค้ายาบางคนก็ผันตัวเองเข้ามาเล่นการเมืองเพื่อใช้บารมีตรงนี้ปกป้องธุรกิจค้ายา นักการเมืองระดับชาติที่มีข่าวโด่งดังว่าเกี่ยวพันกับยาเสพติดก็เห็นจะเป็น นักการเมืองดังของเมืองภาคเหนือที่เคยถูกสหรัฐอเมริกาขึ้นแบล็คลิสต์ว่าเป็นนักค้ายา และถูกห้ามเข้าประเทศ ปัจจุบันเลิกเล่นการเมืองแล้ว โดยส่งลูกเข้ามาลงการเมืองแทน ซึ่งเวลานี้ลูกเขาก็หันไปลงการเมืองท้องถิ่น และเป็นฐานคะแนนให้กับพรรคการเมืองขนาดกลางที่มีมีบารมีอย่างมากในตอนนี้”

“แต่มีข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจคือที่ผ่านมามีนักการเมืองระดับชาติใช้อิทธิพลกดดันให้มีการลบรายชื่อนักการเมืองในสังกัดที่ติดแบล็คลิสต์อยู่ในบัญชีพ่อค้ายาเสพติด โดยเฉพาะในช่วงที่มีนโยบายทำสงครามกับยาเสพติดก็มีการขอข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองไปดูว่ามีใครบ้างที่พัวพันกับการค้ายา โดยยืนยันว่าไม่ว่าใครที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็จะฟันไม่เลี้ยง เจ้าหน้าที่ก็เชื่อเพราะเป็นถึงนักการเมืองระดับสูงและดูเอาจริงเอาจังมาก เขาก็แอบกระซิบว่านักการเมืองที่สังกัดพรรคท่านน่ะ มีชื่อติดอยู่ในแบล็คสิสต์พ่อค้ายาด้วย เท่านั้นแหล่ะนักการเมืองใหญ่คนนี้สั่งให้ลบรายชื่อออกจากแบล็คลิสต์ทันทีเลย อ้างว่ากลัวพรรคจะเสียชื่อ แล้วก็ไม่เห็นจัดการอะไรกับนักการเมืองค้ายา หนำซ้ำยังได้มีตำแหน่งในรัฐบาลด้วย ” แหล่งข่าวด้านการข่าว เปิดเผยกับ 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์'

อย่างไรก็ตาม นอกจากการค้ายาเสพติดแล้วนักการเมืองในแถบนี้ก็ยังพัวพันกับธุรกิจสีเทาอื่นๆ โดยเฉพาะการค้าไม้เถื่อนและการค้าแรงงานข้ามชาติ

“ ต้องบอกว่าพื้นที่แถบนี้เต็มไปด้วยธุรกิจสีเทา ซึ่งมีเม็ดเงินมหาศาลไหลเข้าสู่กลุ่มอำนาจทางการเมืองเพราะคนพวกนี้เขาก็อยากได้รับการคุ้มครอง เช่น กลุ่มทุนที่หนุนนักการเมืองพรรคใหญ่ในเชียงรายก็จะมีทั้งพวกค้ายา ค้าของเถื่อน ค้าแรงงานเถื่อน แล้วก็มีข่าวว่ามีการวิ่งเต้นกันในวงเงินถึง 200 ล้านบาท เพื่อให้ลบชื่อคนเหล่านี้ออกจากแบล็คลิสต์ของทางการ นักการเมืองในแม่ฮ่องสอนก็มีเครือข่ายค้ายาและค้าไม้เถื่อน ส่วนลำปางจะเป็นเรื่องของบ่อนการพนัน ขณะที่จังหวัดตากพบว่านักการเมืองเจ้าของพื้นที่เกี่ยวข้องทั้งธุรกิจค้ายา ค้าแรงงานเถื่อน และบางคนก็ค้าไม้เถื่อนเพราะครอบครัวเขาโตมาจากธุรกิจการค้าไม้ ซึ่งแน่นอนว่าพวกนี้มีทั้งไม้ที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ” แหล่งข่าวระบุ

ข้อมูลดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งได้แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2554 ที่ผ่านมา ที่นอกจากจะสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 12 คน ยังได้ของกลางเป็นเฮโรอีนบริสุทธิ์ถึงเกือบ 200 กิโลกรัม ซึ่งหากลักลอบส่งออกนอกประเทศได้สำเร็จจะมีมูลค่าถึงกว่า 1,000 ล้านบาท

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า “ ขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ เป็นแก๊งใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ และที่น่าตกใจก็คือ มีนักการเมืองระดับชาติ และคนมีสีในเครื่องแบบอยู่เบื้องหลังขบวนการค้าผงนรกแก๊งใหญ่นี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าหวั่นวิตกเป็นอย่างยิ่งหากเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถที่จะสาวไปให้ถึงเพื่อจับกุมนักการเมืองระดับชาติและคนมีสีดังกล่าวมารับโทษตามกฎหมาย ทั้งนี้ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน การที่ขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ยังสามารถลอยนวลอยู่เหนือกฎหมายก็เนื่องจากมีนักการเมืองระดับชาติ บุคคลในเครื่องแบบ ตลอดจนมาเฟียผู้มีอิทธิพลทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าในฐานะผู้ค้าเองโดยตรง หรือให้การสนับสนุนช่วยเหลือทางอ้อม โดยขบวนการค้ายาเสพติดจะใช้อิทธิพลอำนาจมืดรวมทั้งเงินบาปที่ได้จากการค้ายานรกที่มีอยู่อย่างมหาศาลซื้อได้ทุกอย่างแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐ เข้าทำนองมีเงินสามารถแม้แต่ใช้ผีโม่แป้ง

ตัวอย่างมีให้เห็นมาแล้วโดยในอดีตนักค้ายาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งอาศัยคราบความเป็นนักการเมืองเป็นเกราะป้องกันและอำพรางตัวเองด้วยการทุ่มเงินมหาศาลให้กับพรรคการเมืองพรรคหนึ่งจนตัวเองได้เป็น ส.ส.ซึ่งนักค้ายาเสพติดซึ่งเป็น ส.ส.คนดังกล่าวได้รับการปกป้องคุ้มครอง ทั้งๆ ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำในฐานะนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ทั้งของหน่วยปราบปรามยาเสพติดของไทยและสากล แต่ตำรวจก็ไม่กล้าจับกุมเพราะหัวหน้าพรรคการเมืองที่ ส.ส.ค้ายาสังกัดอยู่นั้นดำรงตำแหน่งถึงนายกรัฐมนตรี แต่หลายปีต่อมาเมื่อพรรคการเมืองดังกล่าวไม่ได้เป็นรัฐบาล นักค้ายาเสพติด ซึ่งเป็น ส.ส.คนดังกล่าวได้ถูกหน่วยปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา(ดีอีเอ)จับกุมได้และต้องรับโทษอยู่ในสหรัฐอเมริกานานหลายปี ”

ดังนั้นคงไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากวันใดวันหนึ่งมีรัฐมนตรีซึ่งมีอำนาจรัฐอยู่ในมือเป็นมาเฟียนักค้ายาเสพติดรายใหญ่

ใต้ : เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน

ธุรกิจผิดกฎหมายอีกประเภทหนึ่งที่นักการเมืองเข้าไปพัวพันอย่างโจ่งแจ้งก็คือบ่อนการพนันและการค้าน้ำมันเถื่อน โดยในส่วนของบ่อนการพนันนั้นส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะที่นักการเมืองไทยเข้าไปลงทุนทำบ่อนกาสิโนประเทศกัมพูชา ซึ่งจากข้อมูลพบว่าเฉพาะที่ปอยเปตมีบ่อนการพนันเกือบ 10 แห่ง ที่มีนักการเมองไทยถือหุ้นใหญ่ ร่วมกับนักการเมืองของกัมพูชา อาทิ นักการเมืองใหญ่ของเมืองปากน้ำ จ.สมุทรปราการ เป็นต้น ขณะที่ประเทศพม่าก็มีบ่อนหลายแห่งที่มีนักการเมืองไทยเข้าไปมีเอี่ยว เช่น บ่อนที่อยู่ในเขต Tanintharyi ซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับจังหวัด ระนอง และมี 2 แห่งที่เมืองท่าขี้เหล็ก (ติดต่อกับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย) รวมถึงอีก 1 แห่งตั้งอยู่ที่เขตสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบ่อนกาสิโนออนไลน์ที่หุ้นกันระหว่างนักธุรกิจ-การเมืองไทยกับทหารพม่าที่มีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มว้าแดงและกลุ่มโกก้างที่มีส่วนพัวพันกับการค้ายาเสพติดนั่นเอง

นอกจากนั้นยังพบบ่อนใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพและจังหวัดในภาคกลาง ซึ่งมีนักการเมืองระดับชาติเป็นเจ้าของด้วย อาทิ บ่อนย่านเตาปูน ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นของเจ้าพ่อคนดังที่ภายหลังผันตัวเข้าสู่เส้นทางการเมือง และที่น่าสนใจคือเจ้าพ่อคนนี้เคยสังกัดพรรคการเมืองใหญ่สายแดง และต่อมาพลิกขั้วไปอยู่กับพรรคใหญ่ฝ่ายตรงข้าม โดยล่าสุดเขาได้ส่งลูกชายลงสมัครชิงเก้าอี้ ส.ส.กรุงเทพ โดยสังกัดพรรคการเมืองใหญ่ขวัญใจคนเมือง , บ่อนในภาคกลาง เช่นที่นครปฐม หรือบ่อน ส.จ.ในพื้นที่ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ซึ่งมีนักการเมืองระดับบิ๊กใน จ.นนทบุรี และนักการเมืองในสังกัดพรรคการเมืองใหญ่ มีหุ้นอยู่ด้วย ขณะที่ในพื้นที่ภาคใต้ก็มีบ่อนที่เป็นเครือข่ายของนักการเมืองอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

ส่วนการค้าน้ำมันเถื่อนมีข้อมูลปรากฏในรายงานของหน่วยงานด้านการข่าวว่า มีนักการเมืองในภาคใต้หลายคนที่พัวกับธุรกิจนี้ โดยเฉพาะนักการเมืองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นอกจากนั้นยังมีเจ้าพ่อปากน้ำ ที่แม้ปัจจุบันจะหนีคดีไปกบดานอยู่ในกัมพูชา แต่ลูกๆก็ยังสานต่อธุรกิจนี้ หรือแม้แต่นักการเมืองที่ใกล้ชิดกับบุคคลระดับนายกรัฐมนตรีก็มีธุรกิจนี้เช่นกัน

ข้อมูลดังกล่าวนั้นก็ไม่น่าที่เกินจากความเป็นจริง เพราะแม้แต่นายตำรวจใหญ่อย่าง 'ผู้การวิสุทธิ์' พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รอง ผบช.กมส.(รองผู้บัญชาการสำนักกฎหมายและคดี) อดีตรองผู้บัญชาการตรำวจภูธรภาค 9 ซึ่งไม่พอใจที่ถูกเด้งจากภาค 9 ก็เคยออกมาแฉว่าในพื้นที่ภาคใต้มีนักการเมืองที่พัวกันกับบ่อนการพนัน น้ำมันเถื่อน รวมถึงยาเสพติด

ผู้การวิสุทธิ์ ระบุว่า “ ภาคใต้มีบ่อนการพนันมากที่สุดในประเทศ เพราะมีหวยมาเลเซียเข้ามาด้วย มียาไอซ์ มีผู้หญิงจัดให้ เล่นยาเสร็จกลับมาเลเซีย ที่เข้ามีมาทางด่านสะเดา ด่านนอก ตกเดือนหนึ่งมีเงินสะพัดถึง 30 ล้านบาท อีกเรื่องคือทุจริตน้ำมัน ที่เข้ามาทางมาเลเซีย คิดดูนักการเมืองอยู่เบื้องหลังการขนน้ำมันเถื่อน วันหนึ่งมีการขนถึง 3 แสนลิตร ราคาลิตรละ 10 บาท เป็นเงิน 3 ล้านบาทต่อวัน เชื่อหรือไม่นักการเมืองยังค้ายาเสพติดเลย คือค้ายาแก้ไอ เอายาแก้ไอมาผสม ใบกระท่อม ยากันยุง และโค้ก เป็นสี่คูณร้อย ถ้าผสมผงนีออนด้วยเป็นห้าคูณร้อยให้คนกินเพื่อไปก่อความวุ่นวายในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีบันทึกประจำวันและบันทึกการจับกุมที่สามารถตรวจสอบได้ ผมทำงานมาในพื้นที่ภาค9 ที่ผมจับเป็นคดีที่เกี่ยวกับพวกลิ่วล้อนักการเมือง พวกนักการเมืองภาค 9 เลวๆ ทั้งนั้น ทำธุรกิจสีดำกันทั้งนั้น " พล.ต.ต.วิสุทธิ์กล่าว

จากข้อมูลข้างต้นคงพอฉายภาพให้เห็นถึงคุณภาพของนักการเมืองไทยที่นอกจากส่วนใหญ่จะคิดเพียงว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ได้รับการเลือกตั้งเพื่อจะได้เข้ามาแสวงอำนาจและกอบโกยผลประโยชน์ให้ตนเองแลพวกพ้อง บุคคลเหล่านี้ยังอาศัยสภาอันทรงเกียรติเป็นเครื่องฟอกตัว สร้างบารมี และเป็นเกราะคุ้มกัน 'ธุรกิจสีเทา' ของพวกเขาอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น