ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน
รอยมาร ตอนอวสาน
คุณหญิงรุจา กับบังอร ช่วยกันแกะลิ้นจี่ ใช้มีดกว้านเอาเม็ดออก มารวมใส่ชาม พร้อมคุยกันไป
“แรมก็มีน้ำใจดีนะคะ เขาร้ายกับตัวขนาดนั้น ก็ยังอุตส่าห์เอาข่าวมาบอกว่าคุณเมอยากทานลิ้นจี่”
“แล้วแรมไปรู้มาได้ยังไงล่ะ”
“แรมเขาได้ยินตอนคุณเมโทรคุยกับเพื่อนน่ะค่ะ”
คุณหญิงรุจานึกแล้วยิ้มๆ
“นี่ยังโชคดี ที่แรมไม่มีน้ำใจขนาดเอาลิ้นจี่ทั้งพวงไปให้นะ มีหวังโดนปาใส่หน้าหงายกลับมาแทบไม่ทัน แม่เมเขาไม่กินหรอก ผลไม้ที่มีเม็ดต้องคอยคายทิ้ง มันเสียกริยาเขา ต้องแกะให้พร้อมเสิร์ฟเข้าปาก หรือ ไม่ก็ต้องลอยแก้ว”คุณหญิงรุจาส่ายหน้าแบบรู้จักนิสัยหลานสาวคนนี้ดี
“ถ้าคุณเมรู้ว่าคุณท่านลงมือทำให้กับมือแบบนี้ คงปลื้มใจมากนะคะ”
“รู้ก็ดี กำลังท้องกำลังไส้เดี๋ยวจะยิ่งน้อยใจ หาว่าย่าไม่รักเข้าไปใหญ่”คุณหญิงรุจาถอนใจ
ขณะเดียวกัน ทศวรรตวิ่งหน้าตาตื่นขึ้นบ้านมา
“คุณย่าครับ...”
คุณหญิงรุจาและบังอรหันมอง ทศวรรตร้อนใจ
“รีบไปโรงพยาบาลกันเถอะครับ น้องเมแท้งครับ”
คุณหญิงรุจาและบังอรตกใจมาก อึ้งไปตามๆกัน
+ + + + + + + + + + + +
คุณหญิงรุจา ทศวรรตและบังอรเข้าไปเยี่ยมเมธาวี ที่ห้องพักผู้ป่วย คุณหญิงรุจาลูบผมเมธาวีที่แกล้งนอนหลับหันหน้าไปอีกด้านอย่างห่วงใย คุณหญิงรุจาหันถามวิจิตรา
“ทำไมถึงแท้งได้ล่ะ”
วิจิตราหน้าขรึมๆ
“คงเครียดมากน่ะค่ะคุณแม่ คุณหมอบอกว่าร่างกาย อ่อนเพลียมากต้องนอนให้น้ำเกลือ พักฟื้นซักคืนสองคืน”
“จะไม่อ่อนเพลียได้ยังไงไหวล่ะคะ แรมมาบ่นให้บังอรฟังทุกวันว่าคุณเมทานอาหารน้อยมากๆ”บังอรมองเมธาวีอย่างสงสาร
คุณหญิงรุจาถอนใจออกมา
“เด็กเขามีบุญ ไม่ต้องเกิดมาใช้กรรมเหมือนพวกเราๆ”
“แล้วเรื่องงานแต่งกับมาร์คจะว่ายังไงล่ะครับ ตอนนี้ไม่มีลูกเป็นตัวแปรแล้ว”ทศวรรตถาม
เมธาวีแอบเผยอตาขึ้นมา กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน วิจิตราเสียงแข็ง ตาเขียวขึ้นมาทันที
“ผู้ชายมันก็คิดซะแบบเนี้ย เห็นแก่ได้ ผู้หญิงมีแต่เสียกับเสีย”
ทศวรรตจ๋อยไป
“แล้วมีใครแจ้งให้มาร์ครู้เรื่องรึยังล่ะ”คุณหญิงรุจาถามเครียดๆ
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาทำเป็นแต่งตัวดี พาดสูทกับแขนเดินลงมาจากชั้นบน ทำท่าเหมือนจะไปทำงาน สไบนางนั่งอ่านตำรับตำราที่โซฟารับแขกเหลือบมอง
“ไปทำงานได้แล้วเหรอ”สไบนางแขวะ
“ไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
สไบนางเหยียดปากใส่ อุปมายิ้มกวนๆ
“ระวังจะเหงานะ”
“เดี๋ยวฉันออกไปกับคุณลุงย่ะ”
“ไปเที่ยวไหนกัน เสร็จธุระแล้วจะตามไป”
สไบนางแสร้งทำรำคาญ
“เมื่อไหร่นายจะกลับเมืองไทยไปซะทีนะ”
“คิดว่าคงต้องกลับวันนี้ พรุ่งนี้แล้วล่ะ”เสียงบารมีดังขึ้น
สไบนางและอุปมาหันไปมอง บารมีเดินหน้าตาเคร่งเครียดลงมาหาทั้งสองคน
“คุณจิตราโทรมาหาพ่อ บอกว่าหนูเมแท้งอาการอยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง”
อุปมาและสไบนางต่างตกใจมาก ก่อนจะชำเลืองมามองหน้ากันเล็กน้อย
+ + + + + + + + + + + +
วิจิตราเดินกลับเข้าห้องพักผู้ป่วยมาอารมณ์ดี เมธาวีกึ่งนั่งกึ่งนอนมองมาทางตน
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอลูก”
“แม่ไปไหนมาคะ”
“ออกไปส่งย่าเรามาน่ะซิ...”วิจิตรายิ้มพอใจ “แม่โทรหาพ่อนายมาร์คแล้วนะ บอกไปแล้วว่าเมแท้งอาการหนัก เห็นว่าจะรีบพาลูกชายกลับมาทันทีเลย”วิจิตราสะแหยะยิ้มสะใจ
เมธาวีหน้าขรึมไปอย่างใช้ความคิด วิจิตรา จับมือลูกสาวเอาไว้
“เมถอยไม่ได้นะลูก ยังไงมาร์คก็ต้องแต่งงานกับลูกเมของแม่ ชื่อเสียงเราป่นปี้ก็เพราะเขาเป็นต้นเหตุ จะไม่ รับผิดชอบไม่ได้”
เมธาวีรับฟังแม่เงียบๆ
“แม่จะไม่ถามแล้วก็จะไม่สนใจอีกแล้วว่าใครเป็นพ่อเด็ก เมก็ต้องลืมเหมือนกัน เด็กตายไปแล้ว ไม่มีหลักฐานอะไรพิสูจน์ได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเมท้องกับมาร์ค มีลูกกับมาร์คแล้วแท้ง มาร์คจะต้องรับผิดชอบชีวิตลูกสาวของแม่ ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
เมธาวีแววริษยา
“เมก็ไม่มีทางยอมให้การแท้งของเม ไปเป็นประโยชน์เข้าทางนังบีหรอกค่ะ เมยังเหลือไม้ตายอีกค่ะแม่”เมธาวีหน้ามุ่งมั่น “วัดใจกันไปเลย”เมธาวียิ้มมั่นใจว่าตนจะเป็นผู้ชนะ
+ + + + + + + + + + + +
ธนูนำถุงที่ใส่ผ้าอ้อม ของเล่น เครื่องใช้เด็ก มาแขวนไว้ที่รั้วหน้าบ้านของสายทิพย์
หยาดฝนและสายทิพย์ แอบมองอยู่จากด้านใน หยาดฝนหันมาถามพี่สาว
“พี่ทิพย์จะใจแข็งไปถึงไหนคะ”
สายทิพย์ก็ใจอ่อนลงบ้างเหมือนกัน แต่ยังทิฐิ
“ฝนเชื่อว่าพี่นูสำนึกผิดแล้วจริงๆ รอยัยวินั่นกลับมาก่อนเถอะ รับรองพี่นูขอเลิกกับมันแน่ๆ”หบาดฝนบอก
“ให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วกัน”
“แล้วพี่ทิพย์จะให้พี่นูเอาอาหาร เอาของใช้เด็ก มาแขวนไว้หน้าบ้านเราทุกวัน โดยไม่ได้เจอหน้าลูกเลยเหรอคะ พี่ทิพย์ไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ”
สายทิพย์มองออกไปหน้าบ้าน เห็นธนูกำลังเอาถุงใส่ของอีกใบมาแขวนหน้ารั้วบ้านอีก สายทิพย์หน้านิ่ง ใจอ่อนแต่เก็บอาการ
“ฝนอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ อย่าดึงพี่ไปเกี่ยวด้วยก็แล้วกัน”
สายทิพย์เดินขึ้นชั้นบนไปเลย หยาดฝนค่อยยิ้มออกมาอย่างดีใจมากที่พี่สาวพูดเปิดช่องเอาไว้ให้
ธนูเดินหน้าซึมๆ กลับไปขึ้นรถ หยาดฝนวิ่งออกมาตาม
“เดี๋ยวค่ะพี่นู”
ธนูหันมองหยาดฝน
“ของเยอะขนาดนี้ฝนขนไม่ไหวหรอกค่ะ พี่นูช่วยฝนขนของเข้าบ้านหน่อยซิคะ”
หยาดฝนเดินมาไขกุญแจเปิดประตูรั้วกว้างให้อย่างยินดีต้อนรับ ธนูยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจที่สุด คาดไม่ถึง
+ + + + + + + + + + + +
วิจิตรายกแก้วน้ำให้เมธาวีดื่ม ก่อนจะลากโต๊ะอาหารออกไปจากเตียง เสียงเคาะประตูห้องดังขัดขึ้นก่อนที่อาทิตย์จะเปิดประตูเข้าห้องมาพร้อมกระเช้าผลไม้
“อ้าว อาทิตย์”
อาทิตย์ยกมือไหว้ วิจิตรารับไหว้ก่อนเข้ามาช่วยถือกระเช้าผลไม้
“ขอบใจมากนะจ๊ะ”
เมธาวีกังวลเล็กน้อย กลัวอาทิตย์พูดมาก
“คุณแม่จะออกไปช็อปปิ้งไม่ใช่เหรอคะ ไปเลยก็ได้นะคะ”
“เดี๋ยวรอออกไปพร้อมอาทิตย์ก็ได้ลูก แม่ไม่รีบ”
“คุณป้าอยู่ด้วยก็ดีครับ ผมมีเรื่องอยากปรึกษาอยู่พอดี”อาทิตย์บอก
เมธาวีมองอาทิตย์ส่งสายตาดุๆ ไม่ไว้ใจ วิจิตรายิ้มแย้ม
“มีเรื่องอะไรเหรอจ๊ะอาทิตย์”
“ถ้าผมอยากขอคุณเมแต่งงาน คุณป้าจะอนุญาตมั้ยครับ”
ทั้งวิจิตราและเมธาวีถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าอาทิตย์จะกล้าจู่โจมขนาดนี้
“ผมไม่รังเกียจเรื่องที่เกิดขึ้นกับเม แล้วตอนนี้เมก็ไม่มีพันธะอะไรแล้ว”
วิจิตราคิดๆชักสนใจ
“อาทิตย์เมารึเปล่า”เมธาวีถาม
“ผมเคยเมาที่ไหน...คุณเมยังไม่ต้องตอบผมตอนนี้หรอกครับ ผมแค่อยากฝากไว้ให้พิจารณาดู”
วิจิตรายิ้มแย้ม ไม่ตัดช่องซะทีเดียว
“ป้าต้องขอบใจอาทิตย์มากนะ ที่เอ็นดูน้องไม่รังเกียจเคราะห์ร้ายต่างๆ ที่น้องต้องประสบพบเจอมาเอางี้ รอน้องเมหายเป็นปกติเรียบร้อยก่อน เราค่อยนัดคุยกันอีกทีดีมั้ยจ๊ะ”
“ก็สุดแล้วแต่คุณป้าเถอะครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
อาทิตย์ไหว้ลาแล้วมองไปที่เมธาวี เธอค้อนอย่างเจ็บใจมากที่เขามาไม้นี้ อาทิตย์เดินกลับออกไป วิจิตรายิ้มส่งจนเขาออกไปพ้นห้อง ค่อยพูดกับเมธาวีสนใจมากเหมือนกัน
“อาทิตย์ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่น่าเกลียดเลยนะเม เขารู้ความจริง ทั้งหมดและยอมรับมันได้ หาผู้ชายแบบนี้ไม่ได้ง่ายนะเม”
“เมไม่รู้ว่าเขาจริงใจกับเมแค่ไหน หรือแค่อยากจะช่วยนังบีให้สมหวัง”เมธาวีเหยียดปากหมั่นไส้
“มันก็เรื่องของเขา จะว่าไปแม่ก็รู้จักมักจี่กับพ่อแม่อาทิตย์ดีเทือกเถาเหล่ากอก็ผู้ดีแท้ทั้งตระกูล แม่ปลื้มกว่าไอ้พวกชาวสวนตกถังข้าวสารได้เมียรวยนั่นด้วยซ้ำไป”วิจิตราดูถูกเหยียดหยัน “เศรษฐีใหม่ไร้ชาติตระกูล”
เมธาวีถอนใจออกมา วิจิตราจับมือลูกสาว
“เก็บไปคิดดูให้ดีนะเม เมก็เคยชอบอาทิตย์เขาอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่เจอนายมาร์ค...”
เมธาวีขัดขึ้นทันที ชักหงุดหงิด
“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลยค่ะแม่”
“แม่ไม่พูดก็ได้จ้ะ แต่แม่ไม่อยากให้เมตัดไมตรีอาทิตย์ตอนนี้ ถึงเขาจะรวยไม่เท่านายมาร์ค แต่ชาติตระกูลก็ดีกว่า ชนิดเทียบกันไม่ติดเลย รับรองว่าถ้าเมแต่งงานกับอาทิตย์ ลูกจะไม่น้อยหน้าด้อยกว่านังบีแน่ๆ”
วิจิตราหมั่นไส้สไบนางอยู่ในที เมธาวีเงียบขรึมไปอย่างใช้ความคิด
+ + + + + + + + + + + +
วิมาดาพยายามโทรศัพท์มือถือหาธนู อยู่บริเวณสวนหย่อมคอนโด โทรเท่าไหร่ก็ไม่ติดซักที วิมาดาข่มความหงุดหงิดเอาไว้ แล้วปั้นเสียงอารมณ์ดี ฝากข้อความเอาไว้
“อยู่ไหนคะเนี่ย ไม่รับสายวิเลย วิซื้อของมาฝากคุณเยอะแยะเลยนะคะ เย็นนี้ทานข้าวกันนะคะ เดี๋ยววิโทรหาอีกทีนะคะ คิดถึงจังเลย”
วิมาดาจุ๊บผ่านโทรศัพท์ไปแล้วกดตัดสาย ถอนใจออกมาบางๆเดินกลับออกไป
ค่ำคืนนั้น...
วิมาดาแต่งตัวสวยนั่งรอธนูอยู่ในร้านอาหาร พยายามโทรหาธนูตลอดแต่ติดต่อไม่ได้ วางมือถือลงโต๊ะอย่างหงุดหงิด
“ถ้าฉันมีที่ไป ฉันไม่กลับมาง้อแกยังงี้หรอก”
วิมาดาถอนใจออกมา ก่อนข่มอารมณ์หยิบโทรศัพท์มาโทรหาธนูอีก
ขณะเดียวกันนั้น ธนูนั่งกินพิซซ่าอยู่หน้าระเบียงบ้านสายทิพย์ ส่วนสายทิพย์และหยาดฝนกำลังนั่งทานอาหารค่ำกันอยู่ในบ้าน
“ไม่ชวนพี่นูเข้ามานั่งทานด้วยกันเหรอคะพี่ทิพย์ กับข้าวเยอะแยะไปหมด”หยาดฝนถาม
“ชอบกินจั๊งค์ฟู้ด ก็ต้องกินนอกบ้านยังงั้นแหละดีแล้ว”
“พี่ทิพย์ใจแข็งจังเลย”
“ที่ผ่านมาพี่ใจอ่อนเกินไป”สายทิพย์หมั่นไส้ ยังเจ็บใจไม่หาย “มาทำเป็นกลับตัวกลับใจให้เห็น แค่ไม่กี่วัน ยังไม่พอหรอก”สายทิพย์ทานอาหารต่อไปไม่สนใจ
หยาดฝนชำเลืองมองออกไปที่หน้าระเบียงบ้าน เห็นธนูกินพิซซ่าไปตบยุงไป ก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจ
+ + + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
คุณหญิงรุจากำลังแต่งตัวอยู่ในห้อง เตรียมจะออกไปทานอาหารเช้า เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะก่อนที่สไบนางเปิดเข้ามา
“คุณย่า”
สไบนางวิ่งเข้าไปกอดคุณหญิงรุจา
“ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ”
“คุณลุงรีบกลับมาเยี่ยมพี่เมน่ะค่ะ” สไบนางหน้าเป็นห่วง “พี่เมอาการหนักมากเลยเหรอคะคุณย่า”
คุณหญิงรุจางงๆ
“หายแล้วนี่ แค่นอนให้น้ำเกลือเพราะร่างกายอ่อนเพลียเท่านั้นเอง”
“อ้าว ทำไมคุณป้าโทรไปบอกคุณลุงว่าอาการน่าเป็นห่วงมากล่ะคะ”สไปนางแปลกใจสงสัย
วิจิตราคุยกับบารมีอยู่ในห้องพักผู้ป่วย
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะคะ ลูกเมหายเร็วดีวันดีคืน คงเพราะรู้ว่าคุณมาร์คจะมาเยี่ยมน่ะค่ะก็เลยมีกำลังใจดี”
บารมีฝืนยิ้มมารยาทไป
“ดิฉันขอพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเลยนะคะ พอหนูเมแท้งไปแล้วแบบนี้ งานแต่งงานยังจะจัดอยู่มั้ยคะ”
“ผมคงตอบแทนมาร์คกับหนูเมไม่ได้หรอกนะครับ ต้องปล่อยให้เด็กเขาพูดคุยกันเอง”
วิจิตราปั้นยิ้มแย้ม
“ใช่ค่ะ แต่ถ้าพูดในแง่ความรับผิดชอบ อย่างสุภาพบุรุษแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่คุณมาร์คจะปฏิเสธไม่แต่งงานกับลูกเมนะคะ”
บารมีพูดไม่ออก ที่โดนวิจิตราพูดดักทางแบบนี้
ทางด้านอุปมาเข็น รถเข็นให้เมธาวีนั่ง คุยกันมาทางสวนหย่อมของโรงพยาบาล เมธาวีปั้นหน้าเศร้า
“เมขอโทษนะคะ ที่ทำให้มาร์คต้องเดินทางกลับมากะทันหัน”
“ขอโทษทำไมครับ เมปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะ”
เมธาวีปั้นน้ำตาคลอขึ้นมา
“ตอนนี้ไม่มีเด็กให้เมใช้เป็นข้ออ้าง บีบให้มาร์คต้องแต่งงานด้วยแล้ว”
อุปมาหน้าเครียดขึ้นมา
“ที่จริงเมก็ไม่สามารถใช้มันเป็นข้ออ้างได้อยู่แล้ว เมก็รู้อยู่แก่ใจว่าเราไม่เคยมีอะไรเกินเลยกันแม้แต่ครั้งเดียว”
เมธาวีน้ำตาท่วม ทำบีบน้ำตาให้น่าสงสาร
“พูดตามตรงเลยนะ ผมสงสารและเห็นใจคุณมาก ถึงได้ยอมแต่งงานด้วย”อุปมาถอนใจออกมา “ที่ชีวิตคุณต้องยุ่งวุ่นวายขนาดนี้ ก็เพราะ...”อุปมาหยุดคิดเล็กน้อยว่าไม่ควรรื้อฟื้น พูดเลี่ยงๆไป “ช่างเถอะผมมีส่วนต้องรับผิดชอบก็แล้วกัน”
เมธาวีเสียงสั่นเครือ น้ำตาท่วมตา
“แล้วมาร์คอยากรู้มั้ยคะว่าใครเป็น พ่อของเด็กในท้องเม”
เมธาวีน้ำตาไหลออกมา พูดออกมาอย่างฟูมฟาย...
“คืนก่อนแต่งงาน มีไอ้สารเลวมาฉุดเมไปจากบ้าน เพราะต้องการขัดขวางไม่ให้เมได้แต่งงานกับคุณ มันไม่ได้ฉุดเมอย่างเดียว...มันขืนใจเมด้วย”
อุปมาอึ้งไปด้วยความตกใจ เมธาวีพรั่งพรู
“มันทำลายฝันเม มันทำลายชีวิตเมจนไม่เหลือชิ้นดี แล้วมันยังทิ้งเลือดชั่วๆ ไว้ในตัวเม...มาร์คเข้าใจรึยังว่าทำไมเมต้องมัดมือชกมาร์คแบบนั้น เมยอมให้มาร์คด่าประณามเม ดีกว่าให้ทุกคนสมเพชเวทนาเม เพราะรู้ว่าเมถูกไอ้ใจทรามนั่นขืนใจจนท้องกับมัน...เม...”เมธาวีสะอึกสะอื้น พูดไม่ออก เสียงขาดๆหายๆ “เม...”
อุปมาเห็นใจที่สุด ย่อตัวลงนั่งข้างหน้ารถเข็นเมธาวี จับมือเอาไว้
“พอเถอะเม อย่าพูดถึงมันอีกเลย ผมเข้าใจเมทุกอย่างแล้ว”
อุปมาเห็นใจและสงสารจากก้นบึ้งจริงๆ เมธาวีจ้องหน้าอุปมา ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“เมรักมาร์ค เมรักมาร์คจริงๆนะคะ”
อุปมาต้องดึงเมธาวีมาสวมกอดเอาไว้ เมธาวีร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดของเขา อุปมาหน้านิ่งเครียด สงสารเมธาวีมาก จำใจต้องตัดสินใจเสียสละความสุขส่วนตัว ขณะที่เมธาวีแอบยิ้ม พอใจที่แผนการสำเร็จไปด้วยดี
+ + + + + + + + + + + +
คุณหญิงรุจา สไบนาง และบังอรที่ทานกลางวันอยู่ด้วยกัน ขณะที่วิจิตรามาหา และบอกจุดประสงค์ที่มาหา...
“คุณแม่คงไม่ว่าอะไรนะคะ ถ้าหนูอยากขอยืมสถานที่จัดงานให้มาร์คกับลูกเม”
คุณหญิงรุจาเห็นใจสไบนาง พยายามจะแย้ง...
“ทำไมไม่จัดซะที่บ้านอัคราชล่ะ”คุณหญิงรุจาพูดนิ่งแต่แอบแขวะลึกๆ “จะได้ใหญ่โตโอ่โถงสมเกียรติ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ มาร์คกับพ่อเขาสงสารแม่บี”วิจิตราหางตามองสไบนาง “กลัวจะอับอายขายหน้า อยากจัดงานรดน้ำเล็กๆ ในหมู่ญาติ จากนั้นก็ทำบุญเลี้ยงพระ จดทะเบียนสมรส เป็นอันเสร็จพิธี”
“ดีค่ะคุณจิตรา เรียบง่ายและประหยัดดี”บังอรเห็นดีด้วย
“ก็ตามใจเถอะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกแล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
วิจิตรามองสไบนาง ยิ้มเย้ยๆสมน้ำหน้า สไบนางไม่อยากเหนื่อยเถียง ก้มทานอาหารต่อไป
+ + + + + + + + + + + +
วิมาดาเดินถือถุงใส่ของฝาก คุยโทรศัพท์มือถือมาถึงหน้าทาวน์โฮมของสายทิพย์ มองดูเลขที่บ้านพร้อมคุยโทรศัพท์มือถือไป
“ถึงแล้วค่ะ”วิมาดามองดูตัวบ้านยิ้มปลื้ม “บ้านน่ารักจังเลย คุณนูจะเซอร์ไพรส์อะไรวิคะเนี่ยอย่าบอกนะว่าจะชวนวิย้ายมาอยู่ที่นี่”
“เข้ามาในบ้านซิครับ ผมรออยู่นานแล้ว”
“วิจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ...”
วิมาดากดตัดสายแล้วเดินเข้ารั้วบ้านไปอย่างอารมณ์ดี กวาดตามมองไปรอบๆ พื้นที่เล็กๆ หน้าบ้าน ที่ตกแต่งกุ๊กกิ๊กน่ารัก มีดีไซน์ แต่แล้วเธอก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อเห็นธนูนั่งจับมือสายทิพย์อยู่ที่โซฟารับแขกมุมโถง
“นี่มันอะไรกันคะ...จะเล่นตลกอะไรกับวิ”
สายทิพย์นั่งหน้าเชิ่ด ไม่อยากจะมองวิมาดาให้เสียสายตา ธนูลุกขึ้นยืน
“ผมขอโทษนะวิที่ต้องทำแบบนี้ ผมต้องการพิสูจน์ให้คุณทิพย์เห็นกับตาว่า ผมเลือกเขากับลูกจริงๆ”
วิมาดาโกรธปนเจ็บใจมาก ปากคอสั่น กำมือแน่น
“วิ ผมขอเลิกคบกับคุณ”
วิมาดาแววตาเจ็บใจมาก น้ำตาเอ่อเพราะความแค้นใจ
“นับจากนี้ไป ชีวิตเราเหมือนเส้นขนาน ต่างคนต่างเดิน เหมือนแค่คนเคยรู้จัก ไม่จำเป็นต้องติดต่อหรือห่วงใยอะไรกันอีก”
วิมาดาจิกตามองเลยไป สายทิพย์ยังเชิ่ดหน้านิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ วิมาดาปาของฝากทั้งถุงใส่ธนูอย่างโกรธเกรี้ยวก่อนจะเดินฉับๆ ออกไปจากบ้าน ธนูถอนใจยาวออกมาด้วยความรู้สึกไม่ดีนัก แต่ตนยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้เมียและลูกกลับมา สายทิพย์ลุกขึ้นยืน หน้านิ่ง
“ละครฉากนี้ไปซุ่มซ้อมกันนานมั้ยคะ เล่นได้แนบเนียนด้วยกันทั้งคู่”
ธนูอึ้ง
“คุณทิพย์”
“ปกติทิพย์ไม่อินกับการดูหนังดูละครอยู่แล้ว เวลากับการกระทำของคุณนับจากนี้ไปเท่านั้นที่จะพิสูจน์คำพูดคุณได้”
สายทิพย์เดินเลี่ยงกลับขึ้นบ้านไป ธนูมองตามไปอย่างเศร้าๆ แต่ก็ยังแอบมีความหวัง
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...อุปมาและบารมียืนคุยกันอยู่หน้าเครียดๆ
“ตัดสินใจดีแล้วนะมาร์ค”
“ก็อย่างที่พ่อว่า ที่ชีวิตของเมต้องตกอยู่ในสภาพนี้มันมีสาเหตุมาจากเรา...มันคือความรับผิดชอบ”
บารมีหน้าขรึม รู้สึกแย่กับตัวเอง
“ให้ผมดันทุรังแต่งงานกับบีไป ใจของผมกับบีก็คงไม่มีความสุขอยู่ดี มันก็เหมือนต่อบาปต่อกรรมให้ยืดยาวไปอีก แทนที่จะยุติลงแค่นี้”
บารมีเสียใจ
“พ่อขอโทษแกอีกครั้งที่เป็นต้นเหตุให้ชีวิตแกไม่มีความสุข...”บารมียื่นมือไปตบบ่าอุปมา “แกเป็นคนดีมาร์ค พ่อเชื่อว่ายังไงซะ จะช้าเร็วชีวิตแกก็ต้องลงเอยด้วยความสุข”
อุปมาได้แต่ฝืนยิ้มบางๆ ในใจตอนนี้ห่อเหี่ยวหมดกำลังใจไปนานแล้ว
+ + + + + + + + + + + +
อาทิตย์ออกเวรเดินเข้ามาที่ล็อบบี้โรงพยาบาลตอนเช้า เขาต้องชะงักไป เมื่อเห็นอุปมาช่วยถือกระเป๋าของใช้ให้เมธาวีเดินเกาะแขนออกมาจากลิฟท์พอดี เมธาวีเหลือบตาเห็นอาทิตย์ ไม่พร้อมจะเผชิญหน้าตอนนี้ รีบดึงอุปมาให้เดินไปทางอื่นแทนก่อน อาทิตย์มองตามไปถอนใจส่ายหน้า
วันต่อมา...
เมธาวีเดินเกาะแขนอุปมา เดินคุยกันมาตามทางเดินในห้าง อุปมาหน้านิ่งๆ ส่วนเมธาวีดูสดชื่นมีชีวิตชีวา
“ญาติสนิทจริงๆ รวมเพื่อนคุณแม่กับเมที่ทำงานก็ไม่น่าเกิน 20 คนไม่เยอะไปนะคะ”
“ครับ”อุปมาตอบด้วยท่าทางเฉื่อยชา
“แล้วญาติทางมาร์คล่ะคะกี่คน เมจะได้ซื้อของรับไหว้เตรียมไว้ให้พอ”
“2 คนครับ ผมกับพ่อ”
เมธาวีอึ้งไปเล็กน้อย
“ถ้ารวมพี่ทศเป็นญาติฝ่ายผมก็ 3”
“แล้วอดีตเมียคุณนี่จะนับเป็นญาติฝ่ายไหนคะ ถ้าไม่เชิญจะตำหนิฉันมั้ย”
เมธาวีน้ำเสียงประชดประชันค้อนใส่ ปล่อยมือแล้วเดินนำไปเข้าร้านหนึ่งไป อดหงุดหงิดไม่ได้
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาเข็นรถเข็นใส่ถุงใส่ของรับไหว้มาเต็มรถเข็น แอบเบื่อ เดินตามหลังเมธาวี เมธาวีหน้าแช่มชื่นนึกอะไรบางอย่างได้ เดินกลับมาหาอุปมา
“มาร์คคะ เมขออะไรอย่างได้มั้ย”เมธาวีอ้อนๆ
“อะไรครับ”
“คือที่จริง มาร์คอาจจะคิดว่ามันไม่จำเป็น แต่เมก็ผู้หญิงคนนึงต้องมีความฝันอยากใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ กะเขาเหมือนกัน เมเข้าใจว่าเราจะไม่จัดงานกลางคืน แต่เมขอแค่ถ่ายภาพแต่งงานเราสองคนเก็บไว้ดูเล่นได้มั้ยคะ”
“ก็ตามใจซิครับ”
เมธาวีดีใจ
“ขอบคุณค่ะ เมื่อกี้เมเห็นมีอยู่ร้านนึง งั้นเราแวะไปดูผลงานเขาหน่อยดีมั้ยคะ”
“เมไปดูเองแล้วกัน เลือกที่เมชอบ ผมเชื่อเทสต์คุณอยู่แล้วผมไปรอที่รถนะ”
อุปมาเข็นรถนำไปเลย เมธาวีอึ้งไปเล็กน้อย อดน้อยใจไม่ได้เหมือนกันที่อุปมาดูเฉยชา ไม่กระตือรือร้นซะเลย
+ + + + + + + + + + + +
ธนูเสร็จธุระเดินออกมาที่ลานจอดรถใต้ตึก วิมาดามาดักรออยู่ ธนูฝืนยิ้มให้ไป จะเดินเลี่ยงไปขึ้นรถ วิมาดาปรี่ไปขวางหน้า กระชากแขน
“คุณจะทำกับวิแบบนี้ไม่ได้นะ”
ธนูถอนใจออกมา
“วันก่อนแค่เล่นละครตบตาเมียคุณใช่มั้ย”
“เลิกหลอกตัวเองเถอะวิ เราจบแล้วจริงๆ ผมรักคุณแต่ผมเลือกครอบครัว”
วิมาดาสะบัดมือตบหน้าธนูสุดแรงเกิด โกรธจัด ธนูไม่โกรธ เข้าใจทุกอย่าง
“ผมขอโทษนะวิ”
วิมาดาตวาดสวนไปทันที
“จะมาขอโทษอะไรเอาตอนนี้ คุณทำลายชีวิตฉันจนเละเทะไปหมดแล้ว ถ้าคุณไม่ตามหวงก้างฉัน ฉันลงเอยกับมาร์คไปถึงไหนต่อไหนแล้ว คุณมันทุเรศ เห็นแก่ตัวที่สุด คุณกลับไปอยู่กับเมียกับลูก แล้วฉันล่ะ เหลือใคร”วิมาดาร้องไห้โฮ
ธนูรู้สึกแย่
“ผมเสียใจจริงๆ นะวิ เท่าที่ผมช่วยคุณได้ตอนนี้ก็คือให้เงิน คุณซักก้อนเป็นน้ำใจ”
วิมาดาตบหน้าสวนให้อีกฉาดใหญ่ เดินฉับๆ กลับออกไปอย่างเจ็บแค้น ธนูทั้งเจ็บทั้งเศร้า มองตามวิมาดาไปอย่างเห็นใจแต่ต้องตัดใจให้ได้
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาขับรถพาเมธาวีนั่งไป ถามอย่างเนือยๆ
“จะไปธุระต่อที่ไหนอีกมั้ยครับ”
“ไม่แล้วล่ะค่ะ...วันนี้อากาศดีนะคะเมอยากนั่งรถเล่นไปเรื่อยๆ จังเลย”
“รถติดจะตายไป”
“ขับไปนอกเมืองซิคะ หาอะไรอร่อยๆ ทานกัน มืดๆ ค่อยกลับ”
อุปมาเงียบไป ไม่นึกสนุกด้วย
“ผมว่ากลับบ้านดีกว่า วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เพิ่งออกจากโรงพยาบาลด้วย น่าจะพักผ่อนมากๆ”
เมธาวีแอบเซ็ง
“ก็ได้ค่ะ ส่งเมที่บ้านสวนนะคะ”
อุปมารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีจะมีโอกาสได้เจอสไบนาง
“เมจะคุยเรื่องงานรดน้ำกับคุณย่า”
อุปมากระตือรือร้นขึ้นมา
“ได้เลยครับ”
อุปมายืดตัวตรง เหมือนมีกำลังใจขับรถขึ้นมาฉับพลัน แอบเผลออมยิ้มออกมาอย่างลืมตัว เมธาวีเหล่ๆ มองอุปมาที่ดูมีชีวิตชีวากระปรี้กระเปร่า จนน่าหมั่นไส้หลังจากดูเหงาซึมเซามาทั้งวัน
อุปมากุลีกุจอขนของลงจากท้ายรถหน้าบ้านสวนตอนหัวค่ำ
“เดี๋ยวให้เด็กมาขนก็ได้ วางไว้ตรงนี้แหละ”เมธาวีบอก
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเอาขึ้นไปให้เอง”
อุปมารีบเดินหอบของนำไปขึ้นบ้าน เมธาวีกอดอกจิกตามองตาม พอจะเดาอะไรๆออก ไม่พอใจนัก รีบเดินตามฉับๆไปติดๆ
อุปมารีบหอบของขึ้นบ้านมา เผชิญหน้ากับสไบนาง ที่นั่งทานผลไม้คุยกับคุณหญิงรุจาและบังอรอยู่ที่โต๊ะอาหารยิ้มแย้มอยู่พอดี ทันทีที่เห็นอุปมา สไบนางหุบยิ้มลงทันที เมธาวีเดินปรี่ขึ้นมาควงแขนอุปมา แสดงความเป็นเจ้าของ พร้อมจ้องหน้าสไบนาง อุปมายกมือไหว้คุณหญิงรุจาและบังอร ทั้งสองคนรับไหว้
“ทานอะไรมารึยังล่ะคุณมาร์ค”คุณหญิงรุจาถาม
เมธาวีแย่งตอบตัดบท
“เรียบร้อยแล้วค่ะ มาร์คจะรีบกลับ”
“ขนมหวานก็มีนะ”คุณหญิงรุจาชวนอีก
เมธาวีจะอ้าปากพูดปฏิเสธแทน แต่อุปมาชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน
“ซักถ้วยก็ดีครับ คืนนี้ต้องทำงานดึก”
เมธาวีเหล่ๆ มองสไบนาง ที่ก้มหน้างุด บังอรยิ้มๆ กระเซ้าอุปมา
“ลอดช่องน้ำกะทินะคะ คุณมาร์คอาจจะไม่ค่อยชอบ”
อุปมายิ้มๆ จับตามองไปทางสไบนาง
“ใครว่าล่ะครับ ขนมหวานถ้วยโปรด ของผมเลยล่ะคุณบังอร”
สไบนางลุกพรวด
“บีอิ่มแล้วนะคะ”
สไบนางเดินก้มหน้าก้มตาออกไปทางหน้าบ้าน เมธาวีจิกตามองตาม พร้อมเหยียดปากหมั่นไส้ อุปมาทำเนียนปั้นยิ้มเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร แต่ก็แอบหันมองตามสไบนางไปเหมือนกัน
สไบนางรีบวิ่งหนีออกมาที่สนามบ้านสวนอย่างเร็ว อย่างอยากจะวิ่งหนีความรู้สึกตัวเอง และภาพบาดตาที่ไม่อยากจะเห็น เธอมาหยุดกลางสนาม สูดหายใจลึกๆเงยหน้ามองฟ้าพยายามข่มอารมณ์สะกดความรู้สึกต่างๆ ไม่ให้พุ่งพล่าน
อุปมารีบทานลอดช่องน้ำกะทิอย่างเร็ว สำลักเล็กน้อย เมธาวีและคุณหญิงรุจาที่นั่งทานผลไม้ร่วมโต๊ะอยู่เหล่ๆ มอง บังอรเดินยกน้ำออกมาให้
“หมดเร็วจังเลยคุณมาร์ค เติมมั้ยคะ”
“อิ่มแล้วครับ อร่อยมากครับคุณบังอร...”อุปมาลุกขึ้น “สวัสดีครับคุณย่า ผมรบกวนนานแล้ว กลับเลยนะครับ”อุปมายกมือไหว้
คุณหญิงรุจารับไหว้ งงๆ เมธาวีจะลุกขึ้น อุปมารีบไปจับกดให้นั่งลง
“เมไม่ต้องลงไปส่งผมหรอกนะ พักผ่อนเถอะ...”
อุปมาจะเดินออกไป บังอรเรียกไว้
“ไม่ดื่มน้ำซักหน่อยเหรอคะคุณมาร์ค”
อุปมารีบไปดื่มน้ำเร็วๆ แล้วรีบเดินออกไปจากบ้าน ดูรีบร้อนลุกลี้ลุกลน คุณหญิงรุจาหันมองกับบังอรงงๆ ก่อนคุณหญิงรุจาจะขำๆ ส่ายหน้า ทานผลไม้ต่อ เมธาวี เหมือนอ่านใจอุปมาออก รู้ทันความคิด จิกตามองตามไป
อุปมารีบร้อนวิ่งลงมาที่สวน กวาดตามองหาสไบนาง แล้วรีบวิ่งเลี้ยวมุมต้นไม้ไปตามหา ดันชนกับสไบนางที่เดินกลับออกมาพอดีอย่างจัง สไบนางเสียหลักจะล้ม อุปมารีบฉวยแขนจับเอาไว้ สไบนางทรงตัวได้สะบัดมืออุปมาออก
“ดีใจด้วยนะ”
สไบนางจะเดินเลี่ยงกลับเข้าบ้าน อุปมารีบหันตามแล้วพูด
“ฉันอยากให้เธอรู้ไว้นะบี”
สไบนางหยุดกึกหยุดฟัง
“ทุกอย่างที่ฉันทำคือความรับผิดชอบ จากนี้ไปเมคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉัน แต่เขาไม่มีทางเป็นผู้หญิงที่ฉันรักที่สุดแทนที่เธอได้”
สไบนางน้ำตาร่วง ไม่หันไปโต้ตอบอะไร วิ่งกลับไปขึ้นบ้านแทน อุปมาได้แต่มองตามอย่างซึมๆ เมธาวีเบี่ยงตัวหลบทันทีที่สไบนางวิ่งผ่านไปขึ้นบ้าน เมธาวีแอบฟังการสนทนาอยู่ ได้ยินทุกคำพูดเต็มสองหู เธอเจ็บช้ำ เต็มไปด้วยความริษยาจับใจ
อ่านต่อหน้า 2
รอยมาร (ต่อ)
ตอนสายๆของวันรุ่งขึ้น...
อุปมาแต่งตัวลำลอง เดินออกไปขึ้นรถที่หน้าบ้านไทย เฉื่อยๆ ไม่ได้กระตือรือร้นอะไร เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้น อุปมาดูเบอร์โทรเซ็งๆกดรับ
“ว่าไงครับ”
“อยู่ไหนแล้วคะ ทีมงานมากันพร้อมแล้วนะ รอคุณอยู่คนเดียว”
อุปมาเซ็งมากๆ
“ขับรถอยู่ พร้อมแล้วก็ให้เขาถ่ายรูปคุณเดี่ยวไปก่อนซิ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงผมไปถึง...”
อุปมาฟังอีกฝ่าย หน้าเซ็งๆ ก่อนกดตัดสายถอนใจ เปิดประตูรถเข้าไปทิ้งตัวนั่ง โยนมือถือไปที่เบาะข้างๆ ทันทีนั้นก็มีข้อความส่งเข้ามา อุปมาหยิบมากดอ่านตื่นเต้นขึ้นมาทันทีที่รู้ว่า ข้อความถูกส่งมาจากมือถือสไบนาง
“บี”
อุปมารีบอ่านข้อความ ออกเสียง
“เจอกันหน่อยได้มั้ยไม่ว่างก็ไม่เป็นไร...”
อุปมาตื่นเต้นดีใจมาก ตาก็อ่านข้อความที่บอกนัดต่อไป อีกมือก็สตาร์ทเครื่องรถอย่างรีบร้อน
+ + + + + + + + + + +
สไบนางเดินมองหาอะไรบางอย่าง ออกมาหาบังอรที่กำลังยกแจกกันดอกไม้มาตั้งที่โต๊ะอาหาร
“คุณบังอรคะ เห็นโทรศัพท์มือถือบีมั้ยคะ”
“ไม่เห็นค่ะ ใช้เบอร์บ้านโทรเข้าเครื่องซิคะ”
“บีเปิดสั่นเอาไว้ค่ะ”
สไบนางเดินไปเปิดหมอนอิง หาที่โซฟาไป แต่ก็ไม่เจอ
ทางด้านอุปมา เดินคุยโทรศัพท์มือถือมาทางหน้าร้านอาหารหนึ่ง
“เมให้ทีมงานเขาพักไปทานข้าวก่อนได้มั้ย” อุปมามาหยุดคุยที่หน้าร้าน “ผมจ่ายค่าเสียเวลาให้ก็ได้นะครับ”
“เขามีคิวอื่นรออยู่น่ะค่ะ”
อุปมาคุยโทรศัพท์มือถือ ใช้ความคิด
“เอางี้ได้มั้ยคุณเม”อุปมาพูดพร้อมเดินเข้าไปในร้าน “ให้คิวอื่นถ่ายไปก่อน ผมติดธุระสำคัญจริงๆ”
อุปมาเดินเข้าไปในร้าน หยุดกึก แทบช็อคเมื่อพบว่า เมธาวียืนคุยโทรศัพท์มือถือน้ำตาคลอๆ รออยู่ที่ประตูทางเข้าพอดี
“เม...”
เมธาวีลดโทรศัพท์มือถือลง จ้องหน้าอุปมา
“เมยกเลิกนัดไปแล้วล่ะค่ะ มาร์คไม่ต้องรีบก็ได้...”เมธาวีน้อยใจปนผิดหวังมาก “นี่เหรอคะธุระสำคัญจริงๆ ของมาร์ค...นัดเจอกับนังบี มันสำคัญมากกว่าถ่ายรูปแต่งงานของเราเหรอคะ”
อุปมานิ่งงันพูดไม่ออก เมธาวีแดกดัน
“ความกระตือรือร้นของมาร์คที่จะได้แต่งงานกับเม มันประทับใจเมมาก จนเมรอเวลาให้นานไปกว่านี้ไม่ไหวแล้ว”
เมธาวีจ้องหน้าอุปมาอยากเอาชนะ
“งานแต่งงานของเราจะจัดขึ้นพรุ่งนี้ 9 โมงเช้า บ้านคุณย่า ช่วยมาให้ตรงเวลาด้วยนะคะ”
อุปมาอึ้งไปเลย เมธาวีเปิดกระเป๋าถือ หยิบโทรศัพท์มือถือสไบนางออกมา ยัดใส่มืออุปมา
“เอาไปคืนนังบีด้วย”
เมธาวีเดินกระแทกไหล่อุปมา เดินฉับๆ ออกไปจากร้านด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว อุปมาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนอึ้ง...
+ + + + + + + + + + + +
วิจิตราไล่โทรหาเพื่อนฝูง และ แขกผู้ใหญ่ที่สนิทสนม
“ขอโทษจริงๆ นะคะ เลื่อนจัดงาน กะทันหันจริงๆ การ์ดอะไรก็ทำไม่ทัน ความรักของหนุ่มสาวก็ยังงี้แหละค่ะคุณพี่...ถ้าคุณพี่ไม่ว่างก็ ไม่เป็นไรนะคะ แต่กลัวไม่บอกแล้วจะโกรธกัน”วิจิตราฟังอีกฝ่าย ยิ้มออก “อุ๊ย ขอบคุณมากค่ะ คุณพี่ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ สวัสดีค่ะ”
วิจิตราเป่าปากโล่งอก วางสายแล้วรีบเอาสมุดโน้ตมาติ๊กชื่อออก ก่อนมองรายชื่อต่อไปแล้วถอนใจออกมาเหนื่อยๆ แล้วโทรหาแขกคนอื่นๆต่อไป
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...
ธนูพาสายทิพย์มาที่ร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง ธนูเลื่อนเก้าอี้ให้สายทิพย์ที่ยังมีสีหน้าปั้นปึงนั่งลง
“ขอบคุณนะครับที่ยอมมาทานข้าวกับผม”
“ที่ยอมมาเพราะรำคาญหรอก”สายทิพย์เสียงเคืองๆ
ธนูยิ้มอารมณ์ดีพร้อมเดินไปนั่ง
“งั้นต้องทำให้รำคาญบ่อยๆ ซะแล้ว”
สายทิพย์ค้อนใส่ ธนูยิ้มแย้ม
“วันครบรอบแต่งงานของเราทั้งที ต้องสั่งอาหารเมนูใหม่ๆ ที่ไม่เคยทานมาก่อนดีมั้ยครับ”
ธนูเปิดเมนูดูไป สายทิพย์แขวะ
“ยังไม่เข็ดทานอาหารแปลกๆ อีกเหรอคะ ฉันว่าสั่งอาหารที่คุ้นปากทานเถอะค่ะ”สายทิพย์ค้อนใส่
ธนูยิ้มแหยๆ
“ก็ดีครับ อาหารคุ้นปากมันอมตะ มีคุณค่าทานดี ไม่มีเบื่อ”
ธนูเอาใจ ทำยิ้มใจดีสู้เสือ สายทิพย์เหยียดปากใส่ หมั่นไส้ ทันใดนั้นธนูที่ยิ้มๆอยู่ก็ถึงกลับอึ้งมองตรงไปทางหน้าร้าน เห็นวิมาดาแต่งตัวเซ็กซี่แบรนด์เนมตั้งหัวจรดเท้า เครื่องประดับเต็มตัวดูไฮโซขึ้นเยอะ เดินควงแขนหนุ่มใหญ่เข้ามาในร้าน วิมาดาเหลือบตาเห็นธนูและสายทิพย์ ชะงักไปแต่รีบเชิ่ดใส่ แล้วชวนแฟนสูงวัยไปนั่งทางด้านอื่นแทน
“เขาหาแฟนใหม่ได้เร็วดีนะคะ”สายทิพย์แขวะ
ธนูหน้านิ่ง
“คุณวิสุทธิ์ เมียเขาเป็นหัวหน้าใหม่ผมเอง”
สายทิพย์อึ้งหันมองไปทางวิมาดา
“ตกลงเขาจะเอาดีทางเมียน้อยจริงๆเหรอ”
“เขาติดเดินทางลัด สบายจนเคยตัว ยืนด้วยลำแข้งตัวเองไม่ได้แล้วล่ะครับ”
“ไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย บาปกรรมจะตามสนองเข้าซักวัน”สายทิพย์ถอนใจส่ายหน้า เวทนา
ทั้งสองมองไปที่ วิมาดาที่นั่งจับมือหนุ่มสูงวัยลูบไล้ไปมา คุยออดอ้อนฉอเลาะเอาอกเอาใจไปอย่างปลงๆ
+ + + + + + + + + + + +
เมธาวีที่เตรียมตัวจะนอน ถูกคุณหญิงรุจาเรียกมาพบ เมธาวีนั้นไม่อยากคุยอะไรกับย่า แต่ก็ขัดไม่ได้ เดินมาเคาะประตูห้องนอน
“เม ค่ะคุณย่า”
คุณหญิงรุจากำลังนั่งจัดเครื่องประดับเซ็ตใหญ่ทั้งกำไลข้อมือ ต่างหู สร้อยคอ เข้าชุดกัน อยู่บนเตียง
“เข้ามาซิลูก”
เมธาวีเดินเข้าห้องนอนคุณหญิงรุจามา
“มานั่งนี่ซิ ย่ามีอะไรจะให้...”
เมธาวีเดินมานั่งข้างๆ
“ย่าเหลือสมบัติพัสถานอะไรไม่มากแล้วล่ะนะ ย่าว่าชุดนี้เหมาะกับเมมากที่สุด”
เมธาวียกมือไหว้
“ขอบคุณค่ะคุณย่า”
คุณหญิงรุจาจับมือเมธาวี หน้าจริงจัง
“ก่อนที่เมจะแต่งงานไป ย่ามีความจริงเรื่องหนึ่ง อยากจะบอกให้เมรู้ ย่าไม่อยากให้มีปัญหา ถ้าไปรู้เอาภายหลัง”
เมธาวีมองหน้าคุณหญิงรุจาอย่างสงสัย
“เรื่องอะไรคะคุณย่า ดูลึกลับจังเลย”
คุณหญิงรุจาหน้าเครียดๆ
“ที่เมกับแม่จิตรารู้ว่าบ้านเราล้มละลาย เพราะพ่อประมุขเป็นหนี้บารมี จริงๆ มันมีอะไรที่ลึกกว่านั้น...ทั้งหมดคือแผนการแก้แค้นของบารมี”
เมธาวีมองหน้าย่า งงๆ
“ที่จริงย่าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย”คุณหญิงรุจามองหน้าเมธาวี น้ำตารื้นๆ ขึ้นมา
เวลาผ่านไป...
เมธาวีที่ยืนนิ่งมองไปนอกหน้าต่าง เงียบกริบไป หลังจากฟังเรื่องอดีตจากปากคุณหญิงรุจา เมธาวีหน้าเครียดขรึมค่อยๆ หันกลับมามองคุณหญิงรุจาที่ยังคงนั่งหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่เตียง
“พ่อทำกับพวกเขาไว้ขนาดนั้น ก็สมควรแล้วล่ะที่เขาจะกลับมาแก้แค้น”
เมธาวีหน้าซึมๆไปอดรู้สึกผิดกับการกระทำของพ่อตัวเองไม่ได้
“มาร์คก็คือหมากตัวนึงของพ่อมี เผอิญเขามาถูกอกถูกใจเมเข้าพอดี”
เมธาวีหน้านิ่งขรึมอย่างใช้ความคิดตาม คุณหญิงรุจาสงสารเห็นใจหลานสาว
“ถ้าเมไม่โชคร้ายถูกชันษาลักพาตัวไป เรื่องทั้งหมดอาจจะจบสวยไปแล้วก็ได้”
เมธาวีน้ำตาคลอๆ ขึ้นมา อดนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตนไม่ได้
“แต่ก็ช่างมันเถอะ ยังไงตอนนี้ทุกอย่างก็จะลงเอยด้วยดีแล้ว...มาร์คเป็นคนดีมาก ย่าดีใจด้วยที่เมจะได้คู่ชีวิตที่ดี”
เมธาวีฝืนยิ้มบางๆ น้ำตาพาลจะไหล รีบซับออก รู้แก่ใจดีว่ามาร์คไม่ได้รักตนเหมือนสไบนาง คุณหญิงรุจามองหน้าเมธาวี
“ย่ามีเรื่องอยากขอร้องเมซักเรื่องจะได้มั้ย”
เมธาวีสงสัยปนระแวง
“เมยังรับปากไม่ได้ จนกว่าจะได้รู้ก่อนว่า คุณย่าจะขออะไรเม”
“มานั่งข้างย่านี่มา ย่าจะลองเครื่องประดับให้”
เมธาวีหน้านิ่งๆ เดินมานั่งข้างๆ อย่างว่าง่าย คุณหญิงรุจาหยิบสร้อยคอเพชรมาสวมคอให้เมธาวีพร้อมพูดไป
“ย่าอยากเห็นพี่น้องรักกัน เมอย่าจงเกลียดจงชังบีอีกเลยนะลูกนะ”
เมธาวีเหลือบตามองคุณหญิงรุจา
“จริงๆ บีคือลูกของพ่อประมุขเหมือนกับเม”
เมธาวีชะงักกึก หันขวับมาจ้องหน้าผู้เป็นย่า
“บีเป็นน้องสาวพ่อเดียวกันกับเมนะลูก”คุณหญิงรุจาน้ำตารื้นขึ้นมา
เมธาวีอึ้งไปเถียงเสียงแข็ง
“ไม่จริงค่ะคุณย่า”
“นี่ไม่ใช่เวลาที่ย่าจะมาโกหกเมแล้วนะ เรื่องนี้คือความลับที่มีไม่กี่คนรู้ น้องน่าสงสารที่สุด มีพ่ออยู่กับตัวแท้ๆ ก็ถูกปิดบัง ต้องเป็นเด็กกำพร้าทั้งพ่อทั้งแม่มาตลอดชีวิต”
เมธาวีเงียบไปอย่างคิดตาม ย่าไม่น่าโกหกตนแต่ยังแข็ง
“ต่อให้เป็นความจริง เมก็อยากให้เรื่องนี้เป็นความลับแบบนี้ตลอดไปแค่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เมก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว”เมธาวีรู้สึกชิงชัง
“ย่าก็ไม่คิดจะรื้อฟื้นเรื่องนี้ให้ใครรู้อยู่แล้วล่ะ นอกจากเมคนเดียว”
เมธาวีหน้านิ่ง
“ขอบคุณค่ะ”
คุณหญิงรุจาถอนใจบางๆออกมา มองหน้าเมธาวี
“ยังไงบีก็ไม่มีวันพร้อมสมบูรณ์เท่ากับเมได้หรอกนะ แม่ของบีเป็นเด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยง ลูกใครที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่ใช่ผู้ลาภมากดีมีชาติตระกูลแบบแม่จิตราของเม”
เมธาวีเงียบกริบ รับฟังไปอย่างพอใจ แต่ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ให้สัญญากับย่าได้รึยังล่ะเม อย่าคิดชิงดีชิงเด่นอะไร กับบีอีกเลย ถ้าทำใจให้รักไม่ได้ก็อย่าเกลียดน้องเลยนะ สุดท้ายจริงๆ เราก็มีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องเท่านี้ล่ะ ย่าขอแค่นี้แหละย่าจะได้นอนตายตาหลับนะเม นะ”
เมธาวีมองหน้าคุณหญิงรุจา เห็นใจและรักย่า แต่ก็ทำใจยังไม่ได้ เลี่ยง ลุกเดินไปส่องกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง
“สวยจังเลยค่ะคุณย่า”
คุณหญิงรุจาได้แต่ถอนใจยาวออกมา รู้ได้ทันทีว่าตนไม่สลักสำคัญถึงขนาดคำพูดของตนจะโน้มน้าวอะไรเมธาวีได้
เช้าวันรุ่งขึ้น...
อุปมาแต่งตัวสำหรับไปงานรดน้ำอยู่หน้ากระจก หน้าเศร้าปนเซ็ง มากกว่าดีใจจะได้แต่งงาน เช่นเดียวกับ
สไบนางที่แต่งตัวไปร่วมงาน ด้วยชุดไทยร่วมสมัย หน้าซึมๆ ไม่อยากไปร่วมพิธีรดน้ำของอุปมากับเมธาวี แต่ฝืนใจต้องทำ
อุปมาแต่งตัวเรียบร้อย เดินซังกะตายลงมาหาทศวรรตและบารมี ที่นั่งคุยงานรออยู่ที่โถงบ้าน ทั้งคู่หันมอง
“ทำหน้าตาให้สดชื่นหน่อยซิเจ้าบ่าว”ทศวรรตแซว
อุปมาฝืนยิ้ม บารมีทำยิ้มอารมณ์ดี สร้างบรรยากาศให้ลูกชาย
“คิดซะว่าเราย้อนเวลากลับไป วันที่แกจะแต่งงานกับหนูเมครั้งแรกซิมาร์ค เผื่อแกจะรู้สึกดีขึ้น”
“ผมจำความรู้สึกวันนั้นไม่ได้แล้วล่ะครับพ่อ”
อุปมาเดินนำออกไปจากบ้านก่อนใคร หน้าตาซึมๆ บารมีอึ้งไปเล็กน้อยหันไปสบตากับทศวรรต ต่างเข้าใจความรู้สึกอุปมา
+ + + + + + + + + + +
บังอรแต่งตัวสวยมาเคาะประตูหน้าห้องสไบนาง เคาะได้ก๊อกเดียว สไบนางก็แต่งตัวสวยเรียบร้อยเปิดประตูออกมา บังอรมองสไบนาง ยิ้มปลื้ม
“เสร็จเรียบร้อยตรงเวลาแป๊ะ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องให้คุณบังอร ปลุกอาบน้ำเหมือนเดิมแล้ว”
สไบนางฝืนยิ้มบางๆ บังอรจัดเสื้อผ้าสไบนางพร้อมพูดไป
“แต่งตัวก็สวยถูกกาลเทศะ ไม่พิลึกพิลั่นจนคุณบังอรหัวใจจะวาย เหมือนแต่ก่อนด้วย”
“ผีเด็กเพี้ยนที่สิงบีอยู่ ทิ้งบีไปตอนไหนก็ไม่รู้นะคะคุณบังอร”สไบนางหน้าซึมๆเศร้าๆ
ขณะเดียวกัน วิจิตราเดินถือพวงกุญแจสีหน้าร้อนใจ มาที่หน้าห้องนอนเมธาวี ช่างหน้าช่างผมยืนรออยู่หน้าห้อง วิจิตราเดินมาไขประตูห้อง พร้อมบ่น
“เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย ไม่ยอมเปิดประตูให้แต่งหน้าทำผม”
ช่างหน้า ป้องปากกระซิบข้างหู เม้าท์กับช่างผม วิจิตราค้อนใส่
“เม้าท์อะไรกันยะ”
ช่างผมยิ้มแหยๆ
“พวกเรากลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยน่ะค่ะคุณจิตรา แต่งคราวก่อนก็ล็อคห้องยังงี้เลย”
“จะเป็นรัน อะเวย์ ไบรด์ อีกรึเปล่าก็ไม่รู้นะคะ”ช่างหน้าพูดอย่างกังวล
“พูดจาไม่เป็นมงคลเลยพวกเธอนี่”วิจิตรารีบเปิดประตูดันเข้าไปในห้อง “ลูกเม...”
ช่างหน้าช่างผมช่วยกันแยกย้ายหาทั่วห้องยันห้องน้ำก็ไม่เจอ วิจิตราเห็นกล่องเครื่องประดับวางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ใต้กล่องทับจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ วิจิตราใจคอไม่ดี มือไม้สั่นหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาเปิดช้าๆ วิจิตราช็อกเมื่ออ่านข้อความในจดหมาย
วิจิตรารีบนำจดหมายมาที่โถงบ้านที่ทุกคนรออยู่ บังอรต้องคอยเอายาดมให้วิจิตราดมไปมา หลังจากเป็นลมอยู่หลายรอบ ทศวรรตอ่านจดหมายที่เมธาวีทิ้งเอาไว้ ให้ทุกคนในโถงบ้านสวนฟัง...
1.“ฉันภูมิใจกับทุกอย่างที่ฉันมีฉันเป็นในวันนี้...ฉันทนไม่ได้ถ้าต้องเสียความภูมิใจอันมีค่านี้ไป เพื่อแลกกับความว่างเปล่าปราศจากความหมายของใคร มันไม่ยุติธรรมสำหรับฉัน และไม่ยุติธรรมสำหรับมาร์คกับเธอด้วย เธอมีอะไรดีนะบี นอกจากความไม่ได้เรื่องแต่มาร์คก็รักเธอ ช่วยเอามาร์คไปไกลๆฉันทีเถอะ จะทำอะไรกับเขาก็ได้ นี่ไม่ใช่คำสั่ง แต่คือคำแนะนำจากพี่สาวของเธอ...”
สไบนางน้ำตารื้นๆฟังทศวรรตอ่านจดหมาย
“ฉันไม่ได้เปิดทางให้เธอ...มาร์คเองก็ไม่ใช่ของเหลือเลือกจากใคร และเธอก็ไม่ใช่เจ้าสาวสำรองของใครนะบี เธอคือเจ้าสาวเต็มตัวที่เจ้าบ่าวดีๆ อย่างมาร์คปรารถนาจะแต่งงานด้วยมากที่สุด”
อุปมาเห็นด้วยกับที่เมธาวีเขียนไว้ อุปมามองไปทางสไบนางที่เงียบกริบฟังทศวรรตอ่านจดหมายอย่างตั้งใจ มีสมาธิ ทศวรรตก้มหน้าอ่านจดหมายต่อ...
“มาร์คเป็นคนดี แต่เขาไม่เหมาะสมกับฉัน เพราะเขาขาดคุณสมบัติสำคัญที่ฉันปรารถนา นั่นก็คือหัวใจของเขา...แต่งงานแทนฉันทีนะบี”
ทุกคนพากันอึ้งๆ ไป...วิจิตราพาลจะหน้ามืดอีก ต้องดมยาดมอยู่ไปมา สไบนางน้ำตาเอ่อท่วมขึ้นมาอีก ทศวรรตอ่านต่อ
“พิธีวันนี้...คือเซอร์ไพรส์ที่ฉันฝากไว้ เป็นของขวัญให้เธอก่อนการจากไปของฉัน ฉันหวังว่าเธอคงยอมรับของขวัญชิ้นแรกจากพี่สาวคนนี้...”
ทศวรรตเงยหน้าจากจดหมายหลังอ่านจบ พับจดหมายไปมา บารมียิ้มกริ่ม
“แสดงว่าวันนี้ ต้องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหันอีกแล้วซิครับคุณน้า”
คุณหญิงรุจายิ้มรับ
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นล่ะ”
วิจิตราลมขึ้นหน้ามืดเป็นลมล้มพับไปอีก
“อุ๊ย คุณจิตรา”บังอรรีบบีบนวด พัดวี ให้ดมยาดมไปมา
ทุกสายตาที่เหลือบมองสลับไปมาระหว่างอุปมาและสไบนาง..อุปมายิ้มปลื้มสุดๆ ส่วนสไบนาง
ดูนิ่งๆ เขินๆ
“เปลี่ยนทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ได้นะครับ ผมกับฝนพร้อมอยู่แล้ว”หัสดินเย้าแหย่ขำๆ
หยาดฝนเขินหน้าแดง หยิกพุงหัสดิน แก้เขินไป ทุกคนก็ยิ้มแย้มกันไปมา
ทศวรรตหันมาหาสไบนาง
“ไงบี จะรับของขวัญของเมไว้มั้ย”
สไบนางดูลังเลปนเขิน อุปมารีบแย่งพูด
“ผมช่วยรับไว้เองครับพี่ทศ”
อุปมาเข้ามารับจดหมายจากมือ ทศวรรตไป แล้วเดินไปหาสไบนาง ทั้งสองจ้องตากันนิ่ง...สไบนางใจเต้นไม่เป็นระส่ำ อุปมาหน้าจริงจังก่อนพูดออกไปพร้อมทำมือ 2 ข้างเป็นรูปหัวใจยื่นให้สไบนาง
“รักนะคะ”
เรียกเสียงหัวเราะครืนจากทุกคน คิดไม่ถึงว่าอุปมาจะมามุขนี้ สไบนางหลุดขำๆ เขินจัด ตีมือของอุปมา
“บ้า”
อุปมาปั้นหน้านิ่งจับมือสไบนางเอาไว้ จ้องตา สไบนางค่อยนิ่งตาม รู้สึกได้ว่าคราวนี้มาจริงแล้ว มองตาอุปมา น้ำตารื้นออกมา
“ให้เกียรติแต่งงานกับผมอีกครั้งได้มั้ยครับ”
สไบนางร้องไห้โฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ สวมกอดเขาเอาไว้แน่น อุปมากอดตอบ ยิ้มปลื้ม ดีใจจนน้ำตาแอบซึมออกมาอยู่เหมือนกัน
สไบนางร้องไห้สะอึกสะอื้น สวมกอดอุปมาไว้แน่น ท่ามกลางรอยยิ้มปลาบปลื้มน้ำตารื้นของคุณหญิงรุจา และบังอร รอยยิ้มกว้างดีใจแทนลูกชายของบารมี หยาดฝนบ่อน้ำตาแตกดีใจแทนเพื่อน เสียงปรบมือ เป่าปาก ดีใจหายห่วงของทศวรรตกับหัสดิน และวิจิตราที่หมดสติพิงพนักโซฟาไม่รู้เรื่อง
+ + + + + + + + + + + +
เมธาวี เดินทอดน่องปล่อยความคิดไปเรื่อยๆ ในสนามบิน แววตามั่นใจในตัวเอง เธอหยุดยืนอยู่มุมหนึ่งในสนามบิน ยังครุ่นคิดถึงข้อความในจดหมายที่เขียนทิ้งไว้ให้สไบนาง ขณะเดียวกันนั้นเสียงอาทิตย์ก็ดังชึ้น
“คุณเมครับ”
เมธาวีสะดุ้งจากภวังค์ หันมองไปเห็นอาทิตย์ ที่เข็นรถเข็นใส่กระเป๋าเดินทางใหญ่มาหาเมธาวี
“เคาน์เตอร์เช็คอินเปิดแล้วครับ”
เมธาวีพยักหน้ารับทราบแล้วเดินตามอาทิตย์ไป อาทิตย์เดินคุยมาส่งเมธาวีเพื่อไปทางเข้าของผู้โดยสาร อาทิตย์ยิ้มปลื้ม
“ผมดีใจนะที่เมตัดสินใจแบบนี้”
“ตอนแรกก็ลังเลอยู่เหมือนกันแหละ บอกตามตรงว่าอิจฉา หมั่นไส้อยากเอาชนะ”เมธาวีหยุดไปนิด หน้าขรึมลง “จนมาได้ฟังคุณย่าพูดเมื่อคืน...”เมธาวีถอน ใจออกมา
อาทิตย์ยิ้มสบายใจ
“ดีแล้วล่ะครับแต่งงานกับคุณมาร์คไป เมก็ไม่มีความสุขได้ไปแต่ตัว”
เมธาวียังตัดใจไม่ได้เต็มร้อย ตัดบท
“เลิกพูดเถอะอาทิตย์”
อาทิตย์รู้ตัว พูดมากไปนิด
“โทษทีครับ...”อาทิตย์รีบปั้นยิ้ม เปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเมตัดสินใจไปไกลจังเลย หลบอยู่ใกล้ๆ แถวๆ นี้ก็พอ”
“พอดีวีซ่ายังเหลือ ก็ตัดสินไปทีเดียวเลย ไม่อยากให้ใครตามไปง่ายๆ”
“รวมถึงผมด้วยรึเปล่า”
เมธาวีหยุดเดินหันมองหน้าอาทิตย์
“ตกลงเมไม่รับข้อเสนอผมจริงๆ เหรอ”
“เมไม่อยากให้อาทิตย์ขอเมแต่งงานเพราะความสงสาร แล้วเมก็ไม่อยากให้อาทิตย์คิดว่าตัวเองเป็นช้อยส์สำรอง”เมธาวีถอนใจ “เมว่าปล่อยให้เวลา จัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางไปก่อนดีกว่า”
อาทิตย์พยักหน้าเห็นด้วย
“เมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี จะเรียนต่อดีมั้ย”เมธาวีมองหน้าอาทิตย์ “กว่าทุกอย่างจะลงตัว บางทีเราสองคนอาจจะได้เจอคนใหม่ไปแล้วก็ได้”
อาทิตย์ยิ้มๆ เห็นด้วย
“แล้วถ้าเรากลับมาเจอกันใหม่อีกครั้ง แล้วต่างคนต่างไม่มีใคร ตอนนั้นขอผมเป็นช้อยส์แรกมั่งจะได้มั้ย...ชีวิตนี้เป็นอันดับสองตลอดเลย”
เมธาวีขำๆ ก่อนตอบ
“ก็จองล่วงหน้าไว้แล้วนี่”
อาทิตย์ขำๆ ตาม ก่อนพูดอย่างยิ้มแย้ม
“โชคดีนะครับคุณเม”
อาทิตย์ลังเล เก้ๆกังๆเล็กน้อย ก่อนรวมความกล้าสวมกอดเมธาวีเอาไว้ เมธาวียิ้มแย้มกอดเขาตอบ
“ขอบคุณนะอาทิตย์”
ทั้งคู่กอดลาก่อนผละออกจากกัน
“เมไปล่ะ”
“เดินทางปลอดภัยครับ”
เมธาวียิ้มทิ้งท้ายให้ก่อนเดินจากไป อาทิตย์มองตามส่งเมธาวีไป แล้วยิ้มออกมาอย่างสบายใจและมีความหวัง
+ + + + + + + + + + + +
งานแต่งงานในฝัน...ที่ผุดอยู่ในความคิดของสไบนางนั้น...
เธออยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวนวลยาวบางเบา มีผ้าคลุมผมสวยงาม นั่งรถม้าคู่กับ อุปมา ยิ้มแย้ม บ๊ายบายไปมาราวกับเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็ไม่ปาน แถมยังมีกลีบดอกไม้สวยงามปลิวกระจายไปมา
แต่ทันใดนั้น เสียงอุปมากระชากสไบนางหลุดจากฝันกลางวันทันที
“ใจคอจะไม่ช่วยขนของเลยเหรอ”
อุปมาหอบสัมภาระเต็มสองมือ เงยหน้ามองสไบนาง ที่ยืนรับลมยิ้มหวานอยู่หน้าบังกะโลริมทะเล สไบนางหน้าหงิก เสียอารมณ์
“หน้าที่ผู้ชายไม่ใช่เหรอ”
“จ้า”อุปมาประชดประชันเล็กน้อย “ฝันหวานอะไรอยู่เหรอคะ”
สไบนางเหยียดปากใส่ แล้วแย่งเป้ของใช้ส่วนตัวของตนจากอุปมามาถือเอง แล้วเดินนำเข้าไปด้านในบังกะโล อุปมาหอบสัมภาระเดินตามเข้าไปแล้วทิ้งกองกับพื้นโถงด้วยความเมื่อย สไบนางนั่งรื้อหาของในเป้สัมภาระของตนไป อุปมายิ้มกรุ้มกริ่มเดินมาหยุดตรงหน้าสไบนาง กางมือทั้งสองยันพนักโซฟาคล้ายกั้นคอกสไบนางให้อยู่เผชิญหน้ากับตน ยิ้มทะเล้น
“ในที่สุดก็ได้ฮันนีมูนกะเขาซะที”
อุปมาแกล้งยักคิ้วหลิ่วตา แถมกัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยกรุ้มกริ่ม สไบนางตกใจ ประหม่าปนเขิน เอาเป้ดันเขาออกไป
“อย่ามาทะลึ่งนะ”
อุปมามองตามขำๆ สนุกที่ได้แกล้งเย้าสไบนางยิ้มเอ็นดู
“หวังว่าคืนนี้ คงไม่เอากรรไกรตัดหญ้า มาขวางกลางเตียงอีกนะครับ”
“ไม่เอามาให้หนักหรอก”
อุปมายิ้มชอบใจ
“น่ารักที่สุด”
สไบนางยิ้มกวนๆ พูดพร้อมหยิบกรรไกรตัดกระดาษอันเล็ก ออกมาจากเป้
“เพราะอันแค่นี้ก็ตัดขาด ชั๊บ ชั๊บ ชั๊บ แล้ว”
สไบนางขำเยาะ อุปมาทำหน้าเจ็บใจเล่นๆ
“โห ดูถูกกันแบบนี้ ต้องพิสูจน์ตอนกลางวันแสกๆ นี่ล่ะ”
อุปมาวิ่งตะครุบกอด สไบนางร้องลั่น ปาเป้ใส่เขาแล้ววิ่งหนีออกไปนอกบังกะโล อุปมาหลบทันวิ่งกวดตามไปติดๆ
สไบนางวิ่งหนี อุปมาวิ่งกวดไล่แบบเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะถึงตัวแล้วกอดเอวล็อคเอาไว้หอมแก้ม สไบนางเขินอายไปมา ก่อนอุปมาจะแกล้งจับสไบนางอุ้มตัวลอยทำท่าจะไปโยนลงทะเล หยอกเย้ากันเฮฮา
+ + + + + + + + + + + +
เรือยางกล้วยติดป้ายผ้าข้างลำเรือว่า....“Just Married”แต่งด้วยดอกไม้ ผูกด้วยลูกโป่งสวรรค์หลากสี
อุปมาและสไบนางสวมชูชีพนั่งอยู่คู่กัน อุปมานั่งหน้า สไบนางนั่งซ้อนด้านหลัง คนขับเรือแล่นเรือออกไปเร็วขึ้นเรื่อยๆ สไบนางเกาะเอวอุปมาไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะโบกมือบ๊ายบายมาที่ฝั่ง เรือเล่นเร็วจนสไบนางร้องกรี๊ดกร๊าด บ๊ายบายต่อไม่ไหว กอดเอวอุปมาแน่น ก่อนเรือจะตีโค้งแรงๆ จนคู่บ่าวสาว หกคะเมนตกเรือกล้วยหัวเราะกันครื้นเครงสนุกสนานกันไป
จบบริบูรณ์