ติดตามชมละครออนไลน์ได้ที่ www.manager.co.th ทุกเช้าเวลา 09.30 น.
รอยไหม ตอนที่ 30
เรรินเล็ดลอดเข้ามาหน้าห้องทอผ้าแล้วหลบอยู่มุมหนึ่ง มองจนแน่ใจว่าปลอดคนหยิบกุญแจทองเหลืองโบราณขึ้นมากระชับในมือ กะว่าถึงประตูห้องจะได้ใช้เวลาไขน้อยที่สุด แต่เธอก็ต้องชะงักเพราะประตูห้องทอผ้า ถูกตีด้วยไม้ปิดตาย แถมกุญแจก็เปลี่ยนลูกกุญแจใหม่ คล้องด้วยโซ่ทับอีกต่างหาก เรรินแทบเข่าอ่อน ความหวังและศรัทธาถูกทำลายต่อหน้าต่อตา
เรรินเดินออกมา มึนงงกับสถานการณ์ใหม่ที่เผชิญ หันกลับไปมองทางตึกใหญ่ ว่าจะกลับเข้าไปในห้องทอผ้าได้อย่างไร พนักงานทำความสะอาด ทำงานชั้นบนเสร็จเดินคุยกันมาข้างล่างพอดี
“พูดแล้วขนลุก พวกที่พิพิธภัณฑ์บอกว่าเคยได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากในห้องนั้นด้วย”
“เสียงอะหยัง”
“ก็เสียงตำหูกน่ะสิ”
“เฮาว่าต้องทำบุญใหญ่กั๋นอีกทีละมัง”
“ตำหนักนี้ก็ใช่ย่อยอยู่เมื่อไร เปิ้นอู้กั๋นว่าเจ้านางมณีรินเปิ้นก็ตายอยู่ตำหนักนี้แหละ”
“เปิ้นเป็นอะหยังต๋าย”
“บ่ฮู้แต่เปิ้นว่าต๋ายคาหูกทอผ้า”
“ก่อนย้ายไปเก็บตึกโน้นหูกตัวนั้น คงตั้งอยู่แถวนี้ละมัง”
“มึงจะพูดทำไม”
“ก็มึงพูดก่อน”
เสียงของล้มโครมดังมาจากชั้นบน พนักงานทั้งสองตกใจ
“เสียงอะหยัง”
“อีบ้า มึงบ่ฮู้ก๊า โบราณเปิ้นห้ามทัก”
เสียงจิ้งจกร้องทักขึ้น สองคนสบตากันแล้วโกยแน่บไม่คิดชีวิต เรรินมองตามอย่างครุ่นคิด
“เจ้าคะ เจ้าอยู่ที่ไหน เจ้าช่วยฉันด้วยนะคะ ฉันเข้าไปในห้องนั้นไม่ได้แล้ว ช่วยฉันด้วย”
เรรินพยายามเรียก...
+ + + + + + + + + + + +
บัวเงินกังวลใจมาก เมื่อรู้จากผีอีเม้ยว่า ไม่รู้ว่าเรรินอยู่ไหนเวลานี้
“มึงบ่หันเลยรึอีเม้ย ว่าตอนนี้มันอยู่ตี้ใด”
“บ่หันเลย เจ้าหม่อม”
“มันยังอยู่กับหลานกูก๊ะ”
“บ่เจ้า”
“กูขวางมันบ่หื้อเข้าไปตำหูกได้แล้ว มันจะไปอยู่ตี้ไหน”
“หม่อมบ่ต้องห่วงดอกเจ้า เม้ยเจอตั๋วมันตี้ไหน เม้ยจะหักคอมันเอง”
บัวเงินพยักหน้ารับรู้ แต่ยังไม่หายสงสัย
+ + + + + + + + + + + +
สุริยวงศ์ไปหาวันดาราที่รีสอร์ท ได้รู้จากวันดาราว่าเรรินกลับกรุงเทพฯไปแล้วก็เศร้ามาก
“ปี้ไปส่งคุณรินเปิ้นตี้สนามบินเอง ป่านนี้ก่อคงถึงกรุงเทพฯแล้ว สุริยะปี้เองก่อลำบากใจ๋เน้อ นอนคิดอยู่ตั้งคืนว่าควรจะยะจะไดดี ในเมื่อแม่เปิ้นมาปรับทุกข์มาขอร้องจะอี้ ตั๋วคิดเสียว่าหื้อโอกาสเปิ้นบิ๊กไปเคลียร์เรื่องส่วนตั๋วของเปิ้นเน้อ เฮาเป๋นแค่คนนอกบ่ใจ่คนในครอบครัวเปิ้น ถ้าตั๋วกับเปิ้นมีวาสนาต่อกั๋น ก่อคงได้บิ๊กมาเจอกั๋นแหม ความฮัก...ต่อหื้อเมินสักแค่ไหน การรอคอยก่อบ่เป๋นอุปสรรคหรอกน้องเอ๋ย”
สุริยวงศ์ฟังคำปลอบใจอย่างเจ็บปวด
ทางด้านธนินทร์กับวงพระจันทร์ มาพบพรรณวรินทร์ ที่โรงแรม
“คุณแม่ครับ นี่คุณวงพระจันทร์ครับ”ธนินทร์แนะนำ
วงพระจันทร์ไหว้
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
พรรณวรินทร์รับไหว้งงๆว่าเป็นใคร
“คุณเป็นคนเชียงใหม่เหรอคะ”
“ครับคุณแม่ คุณวงพระจันทร์เป็นคนที่นี่ เป็นเจ้าของกิจการหลายอย่าง แล้วก็เป็นเมียนายสุริยวงศ์ด้วยครับ”
พรรณวรินทร์ตกใจ
“อะไรนะ”
วงพระจันทร์ทำหน้าเศร้าทันที
“วงพระจันทร์แต่งงานกับเขามาได้สามปีแล้วค่ะ ความจริงเราได้เสียกันตั้งแต่เรียนมัธยม ผู้ใหญ่ก็รู้ดี เลยจับสองคนหมั้นหมายกันเอาไว้ กะว่าเป็นหลักเป็นฐานแล้วค่อยแต่ง เขาเป็นตนเจ้าชู้มากค่ะคุณแม่ ควงผู้หญิงใหม่ไม่เคยซ้ำหน้า วงพระจันทร์เจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม้เห็น เพราะวงพระจันทร์เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ในเมื่อวงพระจันทร์รักเขา วงพระจันทร์ก็ต้องให้เกียรติเขา แต่เขากลับไม่เคยเห็นความดีของวงพระจันทร์เลย เขาทำร้ายร่างกายและจิตใจวงพระจันทร์
วงพระจันทร์เคยคิดที่จะแยกทางกับเขาปล่อยให้เขาเป็นอิสระ แต่เขาก็ไม่ยอมเพราะทุกวันนี้คนที่หาเลี้ยงเขาคือวงพระจันทร์ คุณแม่คะครั้งนี้คงต้องเป็นไงเป็นกัน วงพระจันทร์ จะไม่ขอทนอีกต่อไปแล้ว ลูกคนเดียววงพระจันทร์เลี้ยงได้ โดยไม่ต้องมีคนเป็นพ่อมารับผิดชอบ วงพระจันทร์คิดว่ามันยังดีเสียกว่า ปล่อยให้เด็กซึ่งเปรียบเสมือนผ้าขาว ต้องมารับรู้ความไม่เอาไหนของพ่อของเขา...”
วงพระจันทร์แกล้งฟูมฟาย ธนินทร์รีบเสริม
“คุณวงพระจันทร์ ท้องได้หลายเดือนแล้วครับคุณแม่ ไอ้ผู้ชายคนนี้มันสารเลวจริงๆ”
“ที่วงพระจันทร์ต้องออกมาสาวไส้ตัวเองไม่แคร์สื่ออย่างนี้เพราะวงพระจันทร์สงสารลูกผู้หญิงทุกคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขาไม่อยากเห็นใครต้องตกเป็นเหยื่อถ้าวงพระจันทร์ จะเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายที่สุดในโลก วงพระจันทร์ก็ขอภาวนาให้วงพระจันทร์เป็นรายสุดท้ายค่ะคุณแม่”
พรรณวรินทร์ ยิ่งมึนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
+ + + + + + + + + + + +
เรรินออกมาจากประตูด้านหลัง กำลังมึนว่าจะไปต่อทางไหนดี รถสองแถวแดงแล่นเข้ามาจอด เรรินตัดสินใจกะทันหัน เดินไปบอกกับคนขับรถ
“ไปส่งศรีภูมิ”
บัวซอนลงจากรถมาจ่ายเงินให้คนขับ เห็นเรรินก็ทักทาย
“คุณ...คุณเรริน...”
เรรินหันกลับมามอง ยิ้มดีใจอย่างไม่คาดฝัน จึงเปลี่ยนใจตามบัวซอน เมื่อบัวซอนชวนมาที่บ้าน
เรรินมาที่บ้านคำเที่ยง บัวซอนยกน้ำดื่มมาให้เรริน
“ขอบใจจ้ะ...ความจริงฉันมาเรียกบัวซอนอยู่ตั้งนาน”
“คุณพูดจริงๆเหรอคะ”
เรรินแปลกใจ
“หนูไปทำธุระที่ลำพูนหลายวันแล้ว ความจริงก็ยังไม่คิดจะกลับ แต่เมื่อตอนเช้ามืดหนูฝันเห็นผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาหาหนู แล้วบอกหนูให้รีบกลับมา มีคนรอความช่วยเหลือจากหนูอยู่”
เรรินอึ้งเหมือนกัน...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
“หนูไม่คิดหรอกนะคะว่าเป็นคุณ...”
“ฉันกำลังต้องการความช่วยเหลือจริงๆบัวซอน”
บัวซอนมองเรรินอย่างแปลกใจ
+ + + + + + + + + + +
เรรินวางกระเป๋าไว้มุมหนึ่งในห้องนอนคำเที่ยง สายตาสำรวจรอบห้อง เธอเห็นรูปถ่ายเก่าๆหลายรูปแขวนติดฝาผนัง เรรินสะดุดตาเข้ากับรูปนึงและขยับเข้าไปดูใกล้ๆ
“อ้ายพัน”
บัวซอนหอบมุ้งที่พับไว้เรียบร้อย กับหมอนและผ้าห่มเข้ามา
“ต้นไม้เยอะกลางคืนยุงชุม ยังไงกลางคืนคุณก็ต้องกางมุ้งนะเจ้า เฮือนเก่าอาจจะบ่ค่อยสะดวกสบายเท่าไร แต่หนูรับรองว่าปลอดภัยกว่าไปหาโรงแรม หรือเกสต์เฮาส์นอนเจ้า เผลอๆช่วงนี้หาห้องว่างไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะเต็มหมด ใกล้เทศกาลก็ยังงี้แหละเจ้า”
“บัวซอนอย่าลืมที่ฉันขอร้องไว้ด้วยนะ”
“เจ้า...คุณบ่ต้องห่วง หนูจะบ่บอกใครเด็ดขาดว่าคุณมาพักอยู่กับหนูที่นี่”
“ขอบใจมาก...ฉันขอถามอะไรอีกอย่างผู้ชายในรูปนั่น...”
“ปู่พัน...ปู่ของหนูเองเจ้า”
เรรินอึ้งไป
“นี่บัวซอนเป็นหลาน...”
“ปู่พันเปิ้นเป็นคนเก่าคนแก่ในคุ้มเจ้าหลวง สมัยหนุ่มๆ เปิ้นทำงานฮับใจ้ใกล้ชิดเจ้าหลวงเจ้าเปิ้นเป๋น สล่าคำสล่าเงิน เป็นช่างยะเครื่องทองเครื่องเงิน ถวายเจ้าทุกองค์ในคุ้มเจ้า”
“ฉันไม่คิดเลยว่า...”เรรินครุ่นคิดถึงในอดีต
“คุณฮู้จักพิณเปี๊ยะไหมคะ”
เรรินพยักหน้า
“ปู่พันเปิ้นเกยเล่าว่าเปิ้นเกยเป๋น ครูสอนพิณเปี๊ยะตวย หนูเกยรบเร้าหื้อเปิ้นเล่นหื้อฟังแต่เปิ้นก่อบ่ยอมเล่น เปิ้นว่าเล่นแล้วเศร้าใจ๋จนอยากไห้”
“ทำไมล่ะ”
“หนูถามเหมือนกั๋น แต่เปิ้นก่อบ่ยอมเล่าคุณฮู้ก่อเจ้าจริงๆแล้วพิณเปี๊ยะเนี่ยสูญหายไปเมินแล้ว เพราะเจ้าหลวงองค์สุดท้าย เปิ้นออกอาญาแผ่นดินห้ามบ่หื้อไผเล่นพิณเปี๊ยะอย่างเด็ดขาด”
“มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ”
“ปู่พันเล่าแค่ว่า...ปี้ฆ่าน้องแตงด้วยพิณเปี๊ยะ เจ้าหลวงเปิ้นปวดใจ๋ขนาด เลยห้ามบ่หื้อไผเล่นหื้อได้ยินอีกเลยเปิ้นจังพิณเปี๊ยะนัก”
เรรินนิ่งงัน เพราะเธอกำลังพบข้อมูลใหม่
+ + + + + + + + + + + +
สุริยวงศ์เดินมาถึงหน้าห้องทอผ้า แล้วต้องแปลกใจอย่างหนักเมื่อเห็นว่า ประตูห้องถูกตอกปิดตาย สุริยวงศ์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขายังเชื่อมั่นว่าเรรินต้องกลับมาที่นี่อีก
สุริยวงศ์เข้าไปถามไหมแม ถึงเรื่องประตูห้องทอผ้าที่ถูกปิด
“ข้าเจ้ายะตามคำสั่งผู้ใหญ่เปิ้นเจ้าคุณสุริยะ”
“คำสั่งของใคร”
“คุณย่าบัวเงินเจ้า”
สุริยวงศ์ แปลกใจ
“คุณย่ามาที่นี่งั้นเหรอ”
“เปิ้นฮ้อนใจ๋นักขนาด เพราะเปิ้นว่าผีปู่ย่าตาทวดเข้าฝันเปิ้นว่า มีวิญญาณฮ้ายอยู่ในห้องนั้น แล้วก่อจะทำหื้อเกิดแต่เรื่องบ่ดีเจ้า”
สุริยวงศ์งุนงงว่าบัวเงินเกี่ยวข้องยังไงกับเรริน
“มันน่าขนลุกแต๊ๆนะเจ้าคุณสุริยะ ข้าเจ้าหันกับต๋า ผ้าผืนนั้นเหมือนมีคนเข้าไปทอต่อจริงๆ แต่ไผจะเข้าไปได้ ปีนึงถึงจะไขกุญแจเปิดเข้าไปทำความสะอาดเสียที...นอกจาก...วิญญาณฮ้าย”ไหมพูดอย่างหวาดๆ
สุริยวงศ์ครุ่นคิดอย่างสงสัย
+ + + + + + + + + + + +
เรรินช่วยบัวซอนเก็บจานชาม หลังจากกินข้าวกันอิ่มแล้ว
“บ่เป็นอะหยังหรอกคุณริน...หนูเก็บเอง”
“ให้ฉันช่วยเถอะนะ แค่ฉันมาขออาศัยอยู่ด้วย ฉันก็เป็นภาระให้บัวซอนมากพอแล้ว”
“หนูขอละเจ้า บ่อย่างอั้นหนูคงบ่สบายใจ๋”
“ทำไมจะต้องไม่สบายใจ”
“หันคุณแล้วหนูอดนึกถึงแม่อุ๊ยคำเที่ยงบ่ได้ หนูบ่ฮู้หรอกว่าแม่อุ๊ยเปิ้นผูกพันกับคุณมายังได ขนาดของฮักของหวง ตี้เปิ้นเก็บฮักษาไว้หัวนอน เปิ้นกราบไหว้ทุกวัน เปิ้นยังสั่งเสียว่าหื้อหนูมอบหื้อคุณเลย”
เรรินคิดถึงคำเที่ยง บัวซอนนึกๆแล้วเล่าต่อ...
“อ้อ...มีอีกอย่างหนึ่งตี้แม่อุ๊ยเปิ้นอู้บ่อยที่สุด เปิ้นว่าจะไดเจ้ารินก่อต้องปิ๊กมาทอผ้าผืนนั้นหื้อเสร็จจนได้เจ้า”
เรรินชะงักอึ้ง
ค่ำคืนนั้น เมื่ออยู่ตามลำพัง เรรินหยิบปิ่นทองช่อดอกปีบมาวางตรงหน้า แล้วหยิบลูกกุญแจทองเหลืองโบราณออกมามองอย่างท้อใจสิ้นหวัง
“แล้วฉันจะกลับเข้าไปได้ยังไง”
เสียงบัวซอนเคาะประตูดังขึ้น
“คุณรินเจ้า...คุณริน”
เรรินไปเปิดประตู บัวซอนถือสมุดบันทึกเก่าๆเล่มนึงเข้ามาด้วย
“มีอะไรจ๊ะบัวซอน”
“หนูหันคุณสนใจ๋เรื่องเก่าๆของเจียงใหม่ก่อเลยเอานี่มาหื้อเจ้า”
เรรินรับสมุดบันทึกมาจากบัวซอน
“ปู่พันเปิ้นเขียนบันทึกเอาไว้ เรื่องอะหยังต่ออะหยังพ่องก่อบ่ฮู้ ลายมือเปิ้นอ่านยาก หนูลองอ่านดูได้บ่กี่บรรทัดก่อปวดหัวทุกที คุณรินจะลองอ่านดูเล่นๆก่อได้นะเจ้า”
“ขอบใจจ๊ะบัวซอน...ขอบใจมาก”
เรรินเปิดพลิกดูสมุดบันทึกคร่าวๆ กระดาษทั้งเหลืองและกรอบ ตัวหนังสือเป็นลายมือฉวัดเฉวียนอย่างคนโบราณเขียนด้วยปากกาหมึกซึม เรรินสะดุดตากับบึนทึกหน้าหนึ่ง...เป็นภาพสเก็ตการออกแบบปิ่นทองดอกปีบ อย่างคร่าวๆ ทั้งการออกแบบดอกตูม ดอกบาน และการประกอบช่อ เรรินมองบันทึกนั้นสลับกับปิ่นทองของจริง อย่างมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ในบันทึกเล่มนี้ต้องบอกเล่าหลายสิ่งที่เธออยากรู้ได้แน่ๆ
เรรินที่นั่งอ่านบันทึกสล่าพันอยู่มุมหนึ่ง เธอพลิกหน้าสมุดแล้วต้องตะลึงกับสิ่งที่บันทึกไว้
“เจ้านางมณีรินวางยาเจ้าหลวง...ไม่จริง...ไม่จริง” เรรินร้องออกมาอย่างตกใจ
(อ่านต่อหน้า 2 )
รอยไหม (ต่อ)
ในอดีต...
มณีรินตกใจ หันไปมองหน้าศิริวงศ์
“บ่จริง...เป๋นไปบ่ได้ เฮาบ่เจื่อตั๋วเอาอะหยังมาอู้”
“มันเป๋นจะอั้นแต้ๆ”
“ตั๋วกำลังกล่าวหาเฮา ว่าคิดฮ้ายต่อป้อเจ้า เฮาจะยะจะอั้นไปเพื่ออะหยัง”
“เฮาบ่ได้หมายความจะอั้น เฮาฮู้ว่าเจ้านางน้อย บ่มีทางคิดฮ้ายต่อผู้ใด แต่เจ้านางน้อยกำลังตกเป๋นเครื่องมือของใครบางคน”
มณีรินยืนอึ้ง นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
ศิริวงศ์เล่าเหตุการณ์ที่ผานมาให้มณีรินฟัง...
บ่าวกำลังอัญเชิญสำรับเจ้าหลวง จากห้องเครื่องมาถึงโถงบันได ศิริวงศ์ กับศล่าพันตามมา
“เดี๋ยว”
บ่าวหยุด ศิริวงศ์เดินตรงเข้ามามองสำหรับชุดนั้น แล้วหยิบช้อนเงินบริสุทธิ์ที่ใส่ไว้ในสำรับกับข้าวไว้ก่อนแล้วออกมาจากกับข้าวในสำรับ ช้อนส่วนที่แตะต้องอาหารเป็นสีดำอย่างเห็นได้ชัด
“แน่เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้นครับเจ้าสำรับนี้มียาพิษอย่างแฮงทุกชาม” สล่าพันบอกอย่างมั่นใจ
ศิริวงศ์อึ้งตะลึง
เมื่อศิริวงศ์มาเล่าให้ฟัง มณีรินนึนิ่งคิด แล้วนึกออก...
“เอื้อยบัวเงิน...เอื้อยบัวเงินก๊ะ”
ศิริวงศ์พยักหน้า...
“ตอนนี้เฮาได้แต่สงสัยเต่าอั้น เพราะคนตี้เข้าไปวุ่นวายใกล้ชิดกับสำรับป้อเจ้า นอกจากตั๋วแล้วก่อบ่มีไผ โชคยังดีตี้วันนี้เฮาเปลี่ยนอาหารในสำรับตัน บ่จะอั้นคนตี้จะโจคฮ้ายตี้สุด นอกจากป้อเจ้าแล้วก่อคงบ่เป้นเจ้านางน้อย”
“นี่เปิ้นหวังจะโยนผิดหื้อเฮาก๊ะ เปิ้นยะไปเพื่ออะหยัง”
“บ่มีไผฮู้หรอกนอกจากตั๋วเปิ้นเอง ตั๋วอย่าเพิ่งโตกตากเรื่องนี้ออกไปเน้อ บ่จะอั้นเปิ้นจะไหวตั๋วทันเสียก่อน”
“ตั๋วจะยะอะหยัง”
“คนเฮายะความผิดอย่างบ่ได้ตั้งใจ ยังปอตี้จะหื้ออภัยกั๋นได้ แต่ถ้าจงใจ๋ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเปิ้นก่อสมควรได้ฮับการลงทัณฑ์ และคนจะอี้ถ้าจับบ่ได้กาหนังกาเขา ก่อคงบ่มีวันยอมฮับผิดหรอก”
มณีรินนิ่งงันกังวลใจ
+ + + + + + + + + + + +
คำเที่ยงกับบริวารกำลังช่วยกันขึงไหมเส้นยืนลงบนหูก เตรียมให้มณีรินทอผ้า มณีรินกรอไหมออมลงหลอดเตรียมเอาไว้ใช้จกลาย
“ถ้าปุบปับได้ฤกษ์ใหม่มาเป๋นเดือนหน้า จะทอตันก๊ะเจ้าริน ไหมน้อยบ่ใจ่ฝ้ายเน้อ ไหนจะลายจกลายขิด ปี้ว่าบ่ต้องหลับต้องนอนกั๋นละงานนี้”
คำเที่ยงออกความเห็น มณีรินเหม่อไม่ได้ฟังอะไรทั้งนั้น
“ปี้ว่าแต่งเสียหื้อเสร็จโวยๆก่อดี คนบางคนตี้เปิ้นคิดอิจฉา จะได้หยุดคิดหยุดหาทางยะเรื่องบ่ดี เสียทีใจ่ก่อเจ้าริน...เจ้าริน”
“อะหยัง...ปี้คำเที่ยง”
“ใจ๋ลอยไปถึงไหนน๊อ บ่ฟังปี้เลยปี้ว่าเลื่อนวันแต่งงานขึ้นมาหื้อโวยขึ้นก่อดี อย่างน้อยเจ้าหลวงกับแม่เจ้าที่เจียงตุงก่อจะได้สบายใจ๋”
มณีรินฟังแล้วยิ่งไม่สบายใจขึ้นไปใหญ่
+ + + + + + + + + + + +
ปัจจุบัน...
บ่าวเข้ามาในห้องที่มีแต่แสงสลัว บัวเงินนั่งเอนหลังหลับตาอยู่บนเก้าอี้โยก
“แม่คุณเจ้า...แม่คุณเจ้า”
บัวเงินยังนิ่ง บ่าวใจเสีย ขยับเข้ามาใกล้ๆมองให้แน่ใจ
“แม่คุณเจ้า”
บ่าวเอื้อมมือออกปะอังลมหายใจ บัวเงินลืมตาพรึบขึ้นบ่าวตกใจผงะ
“มึงยะอะหยัง”
“บ่เจ้า ข้าเจ้าแค่เข้ามาผ่อดึกแล้ว แม่คุณยังบ่เข้าห้อง ยุงจะกัด”
“มึงคิดว่ากูต๋ายแล้วก๊ะ”
“บ่เจ้า ข้าเจ้าบ่ได้คิดจะอั้น”
“อีสารเลว...ไสหัวไป”
บ่าวลนลานออกไปทันที
“คนอย่างกูบ่ยอมต๋ายง่ายๆหรอก”
บัวเงินครุ่นคิดถึงอดีต...
เม้ยคลานเข้ามา ขณะที่บัวเงินเดินพล่าน
“อีเม้ย...มึงมีข่าวดีมาบอกกูใจ่ก่อ”
“บ่เจ้าหม่อม บ่มีข่าวอะหยังเลย”
“มันเป๋นไปได้จะได เมื่อเจ้ากูใส่ยาลงไปนักกว่าทุกวัน จะไดไอ้หงอกมันถึงบ่ต๋าย”
“เม้ยบ่ฮู้”
“หรือจริงๆแล้วมันต๋ายแล้ว แต่ตึกใหญ่ปิดข่าวเงียบ มึงไปสืบมาหื้อแน่...ไป้”
“หม่อมกะเจ้า...เม้ยว่าแผนของเฮา...อาจจะมีคนล่วงฮู้แล้วก่อได้นะเจ้า”
บัวเงินนิ่งคิดแล้วส่ายหน้า
“เป๋นไปบ่ได้ กูยะทุกอย่างแนบเนียนถ้าไอ้หงอกมันคลาดแคล้วก่อเป๋นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังบ่หันใจ๋กู...กูถูกกระทำย่ำยีปล้นชิงทุกสิ่งอย่างไปขนาดนี้จะไดบ่เข้าข้างกู...กูบ่เข้าใจ๋...เอาเต๊อะ คืนนี้กะปล่อยหื้อมันนอนหลับฝันดี วันพูกมันจะได้หันโลกนี้เป๋นครั้งสุดท้าย”
“หม่อมกะเจ้า เม้ยว่า หม่อมทิ้งระยะสักหน่อยหื้อแน่ใจ๋ว่า บ่มีไผสงสัยก่อยลงมือแห๋มครั้ง จะบ่ดีกว่าก๊ะ”
“อีเม้ย...ยานี้มึงก่อเป๋นคนหามาเอง มึงหมดความมั่นใจ๋ได้จะได มึงจะต้องทนหันอีมณีรินลอยหน้าลอยตาไปอีกนานแค่ไหน มึงบ่ฮักกูบ่เอ็นดูกูแล้วก๊ะอีเม้ย”
เม้ยใจอ่อนยวบคลานเข้ามากอดขาบัวเงินอย่างเอาใจ บัวเงินยิ้มออก บรรจงใส่ผงยาลงในตลับหัวแหวน เม้ยจับมือบัวเงินไว้ แล้วหยิบขวดยาพิษนั้นขึ้นมา
“วันพูกปล่อยหื้อเป็นธุระของเม้ยเอง”
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...
มณีรินกระวนกระวายใจ นอนไม่หลับ
“ดึกแล้วเน้อเจ้าริน เข้านอนเต๊อะ วันพูกก่อนึกออกเอง ว่าจะยะสำรับอะหยังถวายเจ้าหลวงเปิ้น”
“ปี้คำเที่ยง...ความจริงบางอย่าง มักจะเป็นเรื่องเจ็บปวดสำหรับใครต่อใครใจ่ก่อ”
“มันก็บ่แน่หรอกเน้อเจ้าริน บ่จะอั้น โบราณเปิ้นจะอู้กันว่า ความจริงเป็นสิ่งบ่ตายก๊ะ”
“นั้นน่ะสินะ ความจริงอย่างใดก่อต้องเป๋นความจริง”
“เจ้าริน อู้เรื่องอะหยังกันแน่”
“เฮาจะกราบทูลเจ้าหลวงเปิ้นตามตรง ว่าเฮาขอปฏิเสธการแต่งงานกับเจ้าศิริวัฒนา”
คำเที่ยงตกใจสุดขีด
“บ่ได้เน้อเจ้าริน กล้าอย่างอื่นละปี้ปอทนได้ แต่ถ้าเจ้ารินกล้าจะอี้ ปี้ขอกลั้นใจต๋ายก่อนดีกว่า”
“เฮ้าฮู้ว่ามันเป็นเรื่องเจ็บปวดสำหรับหลายๆคน แต่มันก่อเป๋นเรื่องดี เหมือนเป๋นกุญแจไขความทุกข์ของอีกหลายๆคนเน้อปี้คำเที่ยง”
“ปี้บ่เข้าใจ๋ เจ้าริน”
“อย่างน้อยเฮาก่อเจื้อว่า มันจะหยุดการกระทำบ่ดีของคนบางคนได้”
“ปี้บ่อยากทายเลยว่าหม่อมบัวเงิน เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แหมแล้ว”
“ปี้คำเที่ยงฮับปากเฮาก่อน ว่าฮู้เรื่องแล้วจะเก็บเป๋นความลับตี้สุด”
คำเที่ยงพยักหน้า มณีรินกระซิบบอกข้างหู คำเที่ยงตกใจหน้าซีด
มณีรินนอนลืมตา คิดไม่ตก ว่าจะทำยังไงดี คำเที่ยงอาการหนักกว่า ก่ายหน้าผากกลุ้มจัด
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
นางกำนัลประคองอ่างล้างหน้า และเหยือกน้ำคลานเข้ามาถวายข้างเตียง พระชายาประคองเจ้าหลวงนั่งและล้างหน้าเช็ดหน้าให้
ขณะเดียวกันที่ครัว สำรับที่จะยกขึ้นถวายเจ้าหลวง ถูกจัดเสร็จเรียบร้อย มณีรินกับคำเที่ยงสบตากัน แล้วแยกย้ายออกไป โดยคำเที่ยงไปหาศิริวงศ์ สำรับชุดนั้นถูกวางไว้ รอการยกขึ้นถวาย
มณีรินซ่อนตัวอยู่มุมนึง เม้ยเดินตัดสวนมาคนเดียวขึ้นบันไดหลังตึก ทันใดนั้นมีมือนึงมาปิดปากมณีรินจากด้านหลัง แล้งดึงตัวมณีรินให้หลบเข้ามิดชิด มณีรินเบียดใกล้ชิดเมื่อเห็นว่าเป็นศิริวงศ์ ด้านเม้ยขึ้นตึกไปอย่างเป็นปกติ รอดูจังหวะแล้วเทยาพิษผงสีขาว ลงในชามสำรับแล้วเปิดฝา เม้ยทำเนียนเพราะพนักงานห้องเครื่องเข้าออก ทำงานอยู่ไกลๆ
เมื่อวางยาในอาหารเรียบร้อยแล้ว เม้ยกลับมาถึงเรือนบัวเงินหน้าตาเป็นปกติ
“หม่อมกะเจ้า”
บัวเงินหันมา
“มึงปิ๊กมาแล้วก๊ะอีเม้ย กูบ่ได้ไปโตย มึงยะการสนองพระเดชพระคุณเรียบร้อย ดีก่อ”
“เรียบร้อยดีกะเจ้าหม่อม บ่เสียมาถึงหม่อมหรอกเจ้า”
“ยังมีงานต้องยะแหมนัก ขนาดผ้าผ่อนพวกนี้ต้องซักต้องรีดหื้อแล้ววันนี้เน้อ” บัวเงินสั่งบ่าว
“เจ้าหม่อม” เม้ยขยับเข้าใกล้ “จะไดเม้ยบ่หันชุดดำซักชุด ต้องเอามาเตรียมซัก เตรียมรีดไว้นะเจ้า เพราะอย่างใดก่อต้องได้ใส่วันนี้ละ”
บัวเงินยิ้มพอใจ
+ + + + + + + + + + + +
บริวารช่วยกันตากผ้าที่ซักเสร็จแล้ว บัวเงินยืนมองไปทางตึกใหญ่
“มันบ่ทำหื้อเจ็บปวดหรอกใจ่ก่ออีเม้ย”
“เจ้าหม่อม บ่ตันได้เจ็บปวดก่อหยุดหายใจ๋แล้วเจ้า”
“สุมาเต๊อะถ้าบ่ใจ๋ดำกับกูก่อน กูก่อบ่ต้องยะจะอี้หรอก”
บริวารวิ่งเข้ามาหน้าตื่น
“หม่อมกะเจ้า...หม่อม...เกิดเรื่องอะหยังก่อบ่ฮู้ ตี้ตึกใหญ่ทหารวิ่งกั๋นหื้อวุ่นวายไปหมด”
บัวเงินทำอารมณ์สงบนิ่งได้
“ไผเป๋นอะหยัง” เม้ยถามลุ้นๆ
“บ่ฮู้เจ้า ข้าเจ้าจะเข้าไปถามดูแต่เปิ้นก่อกั๋นเอาไว้แต่ข้าเจ้าได้ยินว่าทหารอีก พวกนึงกำลังจะไปตำหนักปู้นเจ้า”
“ตำหนักปู้น ตำหนักเจ้านางมณีรินก๊ะ” เม้ยถามสวนไปทันที
“ยังอั้นมังเจ้า”
“อีเม้ย วันนี้มึงกับกูได้ใส่ชุดดำกั๋นแน่แล้ว”
บัวเงินดีใจสุดๆ
อ่านต่อวันพรุ่งนี้