ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้า เวลา 09.30 น.
รอยไหม ตอนที่ 21
หมอเสน่ห์เดินนำเข้าไปในห้อง บัวเงินกับเม้ยเดินตามเข้าไป เม้ยรีบล็อคประตู เพราะกลัวจะมีใครมาเห็นเข้า
“หม่อมอยากให้ศัตรูของหม่อม มีอันเป็นไป แบบไหนล่ะ” หมอเสน่ห์ถามบัวเงิน
“จะให้ดี ก็ให้มันตายโหงตายหัวในสามวันเจ็ดวัน”
หมอเสน่ห์หัวเราะ
“อีนังคนนี้ วาสนามันสิ้นแท้ๆ เอาแค่กลายเป็นอีบ้า อีใบ้ เลอะๆเลือนๆก็พอมั้งหม่อม”
“นายกูสั่งอย่างใดก็ทำอย่างนั้น เชื่อว่ามึงมีปัญญาแค่นั้นเอง” เม้ยตัดบท
“ทำน่ะทำได้ แต่มันยากหน่อย ของก็ไม่ได้มา มันเสี่ยงนะหม่อม” หมอเสน่ห์หันไปบอกบัวเงิน
“เงินก็ได้ไปแล้ว มึงจะเอาอะไรอีก” บัวเงินเสียงแข็ง
หมอมองแหวนทับทิมที่บัวเงินสวมอยู่
“อาญาแผ่นดิน บ่มีใครกล้าฝ่าฝืนดอกหม่อม ถ้าความแตกขึ้นมา”
“เรื่องนี้ฮู้กันอยู่ แค่สามคน กูมึงแล้วก็อีเม้ย ถ้าความมันจะแตก ก็เพราะมึงน่ะแหละทำให้มันแตก”
“อู้กันตามตรงเน้อหม่อม ค่าวิชากับค่าปิดปากของกูมันแพงพอกันน่ะแหละ”
บัวเงินยิ้ม
“มึงอยากได้เท่าไรว่ามา”
“เงินกูมีเหลือกินไปอีกนาน ถ้าหม่อมจะแสดงความนับถือกัน แหวนทับทิมวงนั้น กูขอได้ บ่ ล่ะ”
เม้ยโกรธแทนนาย
“บังอาจเกินไปแล้ว มึงฮู้ก่อว่าแหวนวงนั้นของใคร”
“อีเม้ย...กลับ” บัวเงินสั่งเสียงเรียบ เย็น
เม้ยสบตาบัวเงิน บัวเงินพยักหน้านิดเดียว
“คุ้มค่าน่าหม่อม วันข้างหน้าหม่อมจะมีมากกว่านี้เยอะ แต่ตามใจหม่อมเต๊อะ จะกลับไปคิดูก่อนก็ได้”
หมอเสน่ห์หันกลับไปหา แท่นบูชาของตนอย่างไม่สนใจบัวเงินอีก บัวเงินเดินออกมาหยุดมุมหนึ่ง รอเม้ยที่จะต้องทำอะไรบางอย่าง
หมอเสน่ห์กำลังจะสวดสรรเสริญผีสาง ต้องสะดุ้งเฮือกขึ้น เมื่อเม้ยจ้วงแทงเข้าด้านหลังหลายฉึก หมอเสน่ห์ล้มลงกระเสือกกระสนหนี เม้ยยังตามแทงเข้าด้านหน้า หมอเสน่ห์ล้มลงไปบนแท่นบูชา คว้าได้ดาบลงอาคม เงื้อจะฟัน เม้ยขึ้นคร่อม หักคอหมอ เสียงกระดูกคอหักดังสนั่นหวั่นไหว หมอเสน่ห์ตายคามือเม้ย ตายังลืมเบิกโพลงจ้องเขม็ง บัวเงินยืนมองนิ่งเย็น แววตาโหดเหี้ยม
บัวเงินกับเม้ยพากันกลับมาที่เรือนอย่างสบายใจ
“คาถาของมันยังช่วยตัวมัน บ่ ได้ แล้วมันจะทำงานให้กูได้ยังไงจริงไหม อีเม้ย” บัวเงินยิ้มหยัน
“หม่อมคิดถูกแล้วละเจ้า ไอ้คนกินบ่ฮู้จักอิ่ม อย่างมันเลี้ยง บ่ได้” เม้ยบอกเสียงเหี้ยม
“มึงต้องช่วยกูคิดหาทางกำจัดอีมณีริน”
“เพื่อความสุขของหม่อม ถึงเม้ยจะต้องแลกด้วยชีวิต เม้ยก็ยอมเจ้า”
“มึงเป็นเพื่อนแท้ของกู กูจะบ่มีวันทิ้งมึงเลย อีเม้ย”
เม้ยซึ้งใจ คลานเข้ามากอดขาบัวเงิน
+ + + + + + + + + + + +
ศิริวงศ์กับสล่าพัน มาถึงหน้าบ้านหมอเสน่ห์ หลังจากที่บัวเงินกับเม้ย กลับไปได้พักใหญ่
“ความจริงเราน่าจะเอาคน ของเรามาด้วยซักหน่อยนะเจ้า มันจะได้กลัว” สล่าพันบอก
“เฮาบอกแล้วไงอ้าย เรื่องนี้ต้องเงียบที่สุด เฮาบ่ต้องการให้เอิกเกริก เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต”
ศิริวงศ์เดินนำเข้าไปในบริเวณบ้าน แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อบนบ้านเงียบเชียบ
“ไม่มีใครอยู่เลยรึไง”
“ผมจะไปดูหลังเฮือนนะครับเจ้า”
สล่าพันแยกออกไปด้านหลังบ้าน ศิริวงศ์เดินมามองสำรวจ และเห็นที่พื้นมีรอยเท้าเปื้อนเลือดเป็นทางออกมาจากห้องพิธี ศิริวงศ์เดินตรงไปที่ห้องนั้น เปิดประตูเข้าไปแล้วตะลึง
“หลังเฮือนก็บ่มีผู้ใดครับเจ้า หรือว่ามันหนีเปิดไปแล้ว” เสียงสล่าพันดังมาจากหลังเรือน
“มัน บ่ ทันได้หนีไปไหนดอกอ้าย แต่เฮามาช้าเกินไป”
สล่าพันเข้ามามองตามสายตาศิริวงศ์ แล้วต้องขนหัวลุกเมื่อเห็นหมอเสน่ห์เลือดเต็มตัว นอนคว่ำอยู่ คอที่ถูกหักปิดหันมา ตายังลืมค้าง ข้าวของบนตั่งตั้งเครื่องบูชาสายดำพังยับเยิน
ศิริวงศ์เดินคุยกับสล่าพันอย่างเครียดๆ
“เจ้าคิดดูดีแล้วก๊ะ เพราะถ้าจะเอาผิดจริงๆก็คง บ่ ยาก” สล่าพันออกความเห็น
“เรื่องมันจะไปกันใหญ่โตเน้ออ้าย ถ้าสืบสาวกันจริงๆ มันก็บ่พ้นอาญาแผ่นดิน” ศิริวงศ์คิดอย่างไตร่ตรอง
“แต่ถ้าเฮาทำนิ่งเฉย มันก็บ่ต่างจากเฮาส่งเสริมคนทำผิดเน้อเจ้า”
“เฮาคิดว่าเอื้อยบัวเงิน เปิ้นคงกลัวความผิด เปิ้นถึงทำอย่างนี้ เฮาก็ได้แต่หวังว่า เปิ้นคงจะคิดได้แล้วหยุดไว้แค่นี้”
“งั้นก็คิดซะว่า ไอ้หมอไสย มันได้รับกรรมที่มันก่อเอาไว้เอง ยังงั้นใช่ไหมเจ้า”
ศิริวงศ์นิ่งงันเป็นกังวลใจ เพราะบัวเงินโหดเหี้ยมขึ้นทุกวัน
+ + + + + + + + + + + +
บัวเงินไปที่เรือนมณีริน ขอชมผ้าที่มณีริณทอ ผ้าซิ่นตีนจก ที่เพิ่งประกอบหัว-ตัว-ตีนเสร็จสมบูรณ์ ถูกคลี่ออกชมอย่างละเอียด
“งามแปลกตา แต๊ๆ” บัวเงินแสร้งทำเป็นชม
มณีรินยิ้มรับ
“ข้าเจ้าทดลองเอาลายสองลายมาจกต่อกัน”
“นั่นน่ะสิ พี่ก็ว่าพี่บ่เคยเห็นลายนี้”
“แต่นี่ถ้า แม่ครูเก่าๆ เปิ้นมาเห็นละ บ่ได้เชียวนะเจ้าหม่อม อุตริคิดทำอย่างที่เปิ้น บ่ได้สอนได้สั่ง” เม้ยแดกดัน
“จะเป็นไรไป นังเม้ย มีคนกล้าคิดกล้าทำอย่างเจ้านางน้อย เปิ้นนี่ซิของสวยๆงามๆ อย่างใหม่ๆ จะได้มีออกมา บ่ใช่มีแต่แบบเดิมๆ นี่ถ้าแม่เจ้าเปิ้นได้เห็น เปิ้นคงจะปลื้มใจขนาด”
“ข้าเจ้าก่อว่า จะเอาผ้าผืนนี้ขึ้นถวายอยู่เหมือนกั๋น”
“พี่สนับสนุนเต็มที่เลย เปิ้นฮักแล้วก็เอ็นดูเจ้านางน้อยอยู่แล้ว ถ้าเปิ้นได้ผ้าผืนนี้เปิ้นจะยิ่งฮักยิ่งเอ็นดูเจ้านางน้อยขึ้นไปอีก แต๊ก่อนังเม้ย”
“แต๊เจ้าหม่อม”
คำเที่ยงอึดอัดกระอักกระอ่วน ความหวานของนาย-บ่าวคู่นี้ มณีรินปั้นยิ้มตอบ ไมตรีที่เสแสร้งของของบัวเงิน
ปัจจุบัน.....
เรรินนั่งหน้าเครียดอยู่ที่กี่ทอผ้า
“เลือดเย็นมาก ทำไมถึงได้เลือดเย็นอย่างนี้” เรรินพูดขึ้น หลังจากได้รู้เรื่องราวในอดีต
“ผมถึงได้เตือนให้คุณอยู่ให้ห่างผู้หญิงคนนี้ไง คนอย่างบัวเงินทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ” ศิริวัฒนาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผ่านมานานขนาดนี้ เธออาจจะคิดได้”
“น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ทิฐิตัวเดียวที่ทำให้บัวเงินเป็นอย่างนี้”
“ถ้าฉันทอผ้าผืนนี้ไม่เสร็จ จะเกิดอะไรขึ้นคะ”
“คุณกลับมา เพื่อทอมันให้เสร็จ ชะตากรรมได้กำหนดเอาไว้แล้ว...เจ้าริน”
เรรินครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำนั้น ธนินทร์มาหาเรรินที่ ภูหมอก-ทะเลดาว วันดาราออกมารับหน้า
“ฉันบอกคุณตั้งกี่ครั้งแล้ว ว่าคุณรินไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
“กูไม่เชื่อ” ธนินทร์ตวาด
“ถ้ายังงั้นก็เชิญ เข้าไปดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ฉันขอเตือนไว้ล่วงหน้า คุณอาจจะเจอข้อหาบุกรุกก็ได้ถ้าคุณไม่รักษามารยาทกับแขกของฉัน”
ธนินทร์ชะงักไปเหมือนกัน
“แล้วรินเขาย้ายไปอยู่ไหน”
“ฉันไม่ทราบ นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเขา”
“อย่าให้กูรู้นะว่า รู้เห็นเป็นใจกัน ไม่รู้ซะแล้วว่ากูเป็นใคร” ธนินทร์ขู่
“ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณยิ่งใหญ่มาจากไหน แต่ถ้าคุณยิ่งใหญ่จริง อย่างที่แสดงท่าทางออกมา คุณก็ต้องรู้สิว่าคุณกำลังคุยอยู่กับใคร”
วันดารากล่าวเย็นๆนิ่งๆ ธนินทร์ยิ่งเดือดดาล
+ + + + + + + + + + + +
(อ่านต่อ หน้า 2)
เรรินออกมาจากห้องทอผ้า ปิดประตูและคล้องกุญแจโบราณ เรรินรีบเดินออกมา แต่พอพ้นมุมก็ต้องสะดุ้งสุดขีดเมื่อพบว่า สุริยวงศ์ยืนคอยอยู่แล้ว
“คุณสุริยะ”
สุริยวงศ์จ้องมองคาดคั้น
“คุณเข้าไปทำอะไรในนั้นกันแน่คุณริน”
“ฉันเข้าไปทอผ้าผืนนั้น ต่อจากเจ้านางมณีริน”
“เพื่ออะไรคุณริน อย่าบอกน่ะว่าคุณทำแค่เพราะอยากทำ อยากแสดงความสามารถในการทอผ้า”
“ถ้าฉันบอกคุณแล้ว คุณจะเชื่อฉันรึเปล่าล่ะคะ”
“ทำไมผมจะไม่เชื่อ ถ้าเหตุผลของคุณมีน้ำหนักพอ”
เรรินตัดสินใจบอกไปตามตรง
“ยิ่งฉันทอผ้าผืนนั้นได้มากเท่าไร ฉันยิ่งได้เห็นชีวิตของเจ้านางมณีรินกับใครต่อใคร มากขึ้นเท่านั้น”
“คุณกำลังพยายามจะบอกอะไรผม”
“ฉันได้เห็นได้สัมผัสความรู้สึกนึกคิดของเจ้านางมณีริน เจ้าศิริวัฒนา หม่อมบัวเงิน คุณย่าของคุณ แล้วก็ใครต่อใครอีกมากมาย”
สุริยวงศ์ อึ้งไปไม่อยากจะเชื่อ
“คุณริน”
“เห็นไหมคะ คุณก็ไม่เชื่อฉันอยู่ดี”
“จินตนาการกับเหตุผลมันคนละเรื่องกันนะครับคุณริน ผมว่าคุณสนใจเรื่องผ้าโบราณจนคุณเก็บเอาเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยของคนโน้นคนนี้มาผูกเป็นเรื่องเป็นราว ฟุ้งไปกันใหญ่แล้ว”
“ฉันได้เห็นได้สัมผัสจริงๆ ท่านปู่ของคุณ เจ้าศิริวัฒนา ท่านเป็นผู้ชายที่งามสง่ามาก คุณย่าของคุณเอง ก็เหมือนกัน เมื่อสมัยสาวๆท่านงามมาก แต่ก็น่ากลัวที่สุดด้วยเหมือนกัน”
“พอทีคุณริน ถึงคุณจะพยายามพูดให้ผมเชื่อว่า คุณทอผ้าผืนนั้นแล้วมันทำให้คุณกลับไปเห็นอดีตได้ยังไง ผมก็ไม่มีวันเชื่อคุณหรอก”
เรรินผิดหวัง...นิ่งไปนาน...เสียใจ น้อยใจ
“ก็แล้วแต่คุณ...แล้วแต่คุณ...”
สุริยวงศ์ ยังคาใจ เรรินผิดหวัง เธอคาดหวังว่าเขาจะเชื่อเธอแต่มันกับไม่ใช่อย่างที่เธอคิด
+ + + + + + + + + + + +
สุริยวงศ์ เดินตามเรรินเข้ามาในบ้าน
“คุณริน...ผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง คุณอย่ากลับเข้าไปในห้องนั่นอีกเลย”
เรรินหันมองสุริยวงศ์อย่างผิดหวัง
“ถ้าคุณถูกจับได้ คุณอาจจะเจอข้อหาบุกรุก แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมเองก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้ ไม่มีใครเขาเชื่อเหตุผลที่พิสูจน์ไม่ได้ของคุณหรอกนะครับ”
“เขาจะหัวเราะเยาะ แล้วก็มองว่าฉันเป็นคนบ้า คนนึง...ใช่ไหมคะ”
“มันเป็นเรื่องเหลวไหล แล้วก็พิสูจน์อะไรไม่ได้”
“รวมทั้งคุณด้วย...คุณมองว่าฉันเป็นคนบ้า”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงโทรศัพท์สุริยวงศ์ดังขึ้นขัดจังหวะพอดี สุริยวงศ์แยกออกไป ทางนึงเพื่อรับโทรศัพท์ เรริน เซ็งๆเดินออกมาด้านนอก
สุริยวงศ์เดินออกมากดรับโทรศัพท์
“ครับพี่วัน”
“คุณรินปลอดภัย ทุกอย่างเรียบร้อยดี ใช่ไหมสุริยะ”
“ครับพี่วัน แต่ตอนนี้ผมว่า ผมเจอปัญหาใหม่” สุริยวงศ์บอกเสียงเครียด
ด้านเรริน หยิบโทรศัพท์มือถือมากดดู เห็นมิสคอลจากพรรณวรินทร์ เป็นสิบๆครั้ง เรรินกดโทรศัพท์หาพรรณวรินทร์
ที่ห้องพักโรงแรม...
พรรณวรินทร์ฆ่าเวลาด้วยการดูทีวี ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พรรณวรินทร์รีบคว้าโทรศัพท์มากดรับสาย
“ทำไมไม่รับสายแม่ รู้ไหมว่าแม่โทรหารินทั้งวัน เป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว”
“รินขอโทษค่ะแม่ รินทำงานรินอยู่เลยปิดเสียงเอาไว้”
“งานอะไรสำคัญนักหนา สำคัญกว่าปัญหาที่ไปก่อเอาไว้อีกรึไง”
“ถ้าแม่โทรมาเพื่อเร่งให้รินกลับกรุงเทพฯ รินบอกแม่ได้เลยค่ะว่ารินยังไม่กลับ”
“ไม่พร้อมจะเจอหน้าแม่ด้วย รึเปล่า”
“แม่ค่ะ”
“แม่อยู่ในเชียงใหม่นี่แหละ ถ้างานยุ่งมากจนไม่มีเวลาก็บอกแม่มาว่าจะให้แม่ไปหาที่ไหน”
เรรินอำอึ้ง ถึงเวลาขึ้นศาลอย่างเป็นจำเลย
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
สุริยวงศ์ เตรียมกาแฟกับอาหารเช้าเสร็จพอดี เมื่อเรรินเดินเข้ามา
“อาหารเช้าครับคุณริน”
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันคงต้องออกไปแล้ว ฉันมีนัดตอนเก้าโมง”
สุริยวงศ์นิ่งเงียบไปเลย
“คุณโกรธผมรึเปล่า”
“ฉันมีสิทธิ์นั้นด้วยเหรอคะ วันนี้คุณอาจจะคิดว่าฉันเพี้ยนไปแล้ว แต่ซักวันฉันเชื่อว่าคุณจะต้องเข้าใจ ฉันจะเร่งทอผ้าผืนนั้นให้เสร็จให้เร็วที่สุด ฉันคงจะรบกวนคุณอีกไม่นานหรอกค่ะ”
เรรินเดินออกไป สุริยวงศ์นิ่งงันอย่างหนักใจ
เรรินมาพบพรรณวรินทร์ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง พรรณวรินทร์เดินเข้ามาสวมกอดเรรินอย่างคิดถึง
“ผอม ซูบเชียวลูก”
“แต่รินสบายดีค่ะ”
“มาคนเดียว หรือใครมาส่ง”
“ดูเหมือนว่าแม่จะรู้ความเป็นไปของรินทุกอย่างเลยนี่คะ แม่มาตั้งแต่เมื่อไรคะ”
“ทันทีที่ได้ข่าวว่าเรื่องมันชักไปกันใหญ่แล้ว”
พรรณวรินทร์ เหลือบมองไปด้านหลังเรริน เรรินมองตามสายตาพรรณวรินทร์ และพบว่าธนินทร์ยืนประกบด้านหลังเธออยู่
“รินนึกแล้ว ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้”
“ริน...อย่าทำให้แม่ต้องผิดหวังในตัวลูก มากไปกว่านี้เลย”
“ความสมหวังของแม่คืออะไรคะ คือการได้เห็นรินแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ มีชีวิตคู่ไปกับผู้ชายคนนี้เหรอคะ”
“คนเรามันผิดพลาดกันได้นะครับริน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ รินจะไม่ยอมยกโทษให้ผมรึไง ต่อหน้าคุณแม่ รินจะให้ผมคุกเข่าขอโทษรินก็ได้” ธนินทร์อ้อนวอน
“เห็นไหมว่า ธนินทร์เขารักลูก ยอมทำตามใจลูกขนาดไหน เลิกมีทิฐิเสียที เถอะเรริน” พรรณวรินทร์ช่วยพูด
“รินไม่ได้มีทิฐิค่ะแม่ แต่เขาเองเป็นคนทำให้รินเห็นธาตุแท้ของเขา รินไม่เปลี่ยนใจหรอกค่ะ ยังไงรินก็ต้องเลิกกับเขา”
เรรินหยิบแหวนออกจากกระเป๋า ส่งให้พรรณวรินทร์
“ฝากคืนเขาด้วยค่ะแม่”
เรรินเดินออกมาทันที พรรณวรินทร์ตามออกมา ธนินทร์ยิ่งคุ้มแค้นเพราะเสียหน้า
พรรณวรินทร์ตามเรรินออกมา คุยกันที่มุมหนึ่งของโรงแรม
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร วิเศษนักรึไง รู้จักกันไม่ถึงเดือนลูกก็พร้อมจะทิ้งธนินทร์น่ะ”
“เขาไม่เกี่ยวหรอกค่ะ แม่”
“ไม่เกี่ยวได้ยังไง ก็ธนินทร์เล่าให้แม่ฟังว่า…”
“ดูเหมือนว่าเขารายงานแม่ทุกอย่างเลยนะคะ”
“ถ้าเขาไม่รัก เขาไม่แคร์ลูกขนาดนี้หรอกนะ”
“แล้วเขาเล่าเรื่องที่ เขาพยายามล่อลวงริน ไปขืนใจด้วยรึเปล่าค่ะแม่”
พรรณวรินทร์ช็อค
“...คุณพระช่วย”
“ถ้าแม่รักริน แม่ปล่อยให้รินมีอิสระให้รินได้เลือก ได้ตัดสินใจด้วยตัวของรินเองเถอะค่ะ”
พรรณวรินทร์ยืนงง เรรินขยับเข้ากอดแม่
“เสร็จธุระสำคัญของรินเมื่อไร รินจะกลับกรุงเทพฯเองค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงริน ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
เรรินเดินจากไปทันที พรรณวรินทร์นิ่งอึ้งงัน มองลูกอย่างห่วงใย
+ + + + + + + + + + + +
(อ่านต่อวันพรุ่งนี้ )