xs
xsm
sm
md
lg

รอยไหม ตอนที่ 16

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้า เวลา 09.30 น.
 
รอยไหม ตอนที่ 16

ปัจจุบัน....

เรรินแอบมาที่คุ้มเจ้าหลวง เธอเข้ามาถึงหน้าห้อง แล้วไขกุญแจ เมื่อเห็นปลอดคน เรริน เข้าออกจนพบเทคนิคคล้องกุญแจพรางสายตาผู้คน เรรินผุบเข้าไปในห้องทอผ้า สุริยวงศ์ที่แอบดูอยู่มุมนึงมองอย่างสงสัย
ในห้องทอผ้า...เรรินทอผ้าอย่างตั้งอกตั้งใจ ศิริวัฒนายืนมองอยู่มุมหนึ่ง
“เจ็บตัวขนาดนี้คุณยังอุตส่าห์มา”
“เจ้ารู้เหรอคะว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
“ผมเสียใจที่ช่วยอะไรคุณไม่ได้แต่ก็ดีใจที่เห็นคุณปลอดภัย...สุริยวงศ์ดูแลคุณได้...”
“คุณสุริยะบอกว่า คุณย่าของเขาอยากจะพบฉันอีกสักครั้ง”
“อย่าไปเด็ดขาด คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมขนาดไหนยิ่งมีอีขี้ข้าตัวดีอย่างอีเม้ยอยู่ข้างๆ ยิ่งเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย”
“เจ้าไม่มีวันให้อภัยหม่อมบัวเงินได้”
“คุณไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองเถอะ แล้วคุณจะรู้ว่า คนอย่างบัวเงินสมควรจะได้รับการให้อภัยหรือไม่”
ในอดีต...
ชาวบ้านมุงดูปาหี่มายากล กันอย่างสนุกสนานกลางตลาด ศิริวงศ์ยืนปะปนอยู่กับกลุ่มชาวบ้านด้วย บัวเงินกับเม้ย เดินตัดตลาดกันมา บัวเงินแต่งตัวเรียบมากเป็นชาวบ้านแถมมีผ้าคล้องคลุมหัวอำพรางตน เม้ยกางร่มให้บัวเงินทั้งคู่ดูรีบเร่ง
ศิริวงศ์หันไปเห็นบัวเงินมองจนแน่ใจว่าใช่ เกือบจะเข้าไปทักทายแล้วแต่เฉลียวใจ เพราะปกติจะไปไหนมาไหนบัวเงินจะเอิกเกริกบ่าวไพร่อึงคนึงมืดฟ้ามัวดินเสมอ บัวเงินกับเม้ย เบียดผู้คนผ่านเข้ามา ศิริวงศ์อำพรางตัวเอง จนบัวเงินกับเม้ยผ่านไป ศิริวงศ์มองตามแปลกใจ
เม้ยพาบัวเงินมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง
“เฮือนหลังนี้แหละเจ้าหม่อม”
“มึงแน่ใจ๋ก๊ะอีเม้ย ว่าเปิ้นจะเก็บความลับของกูเอาไว้ได้”
“เม้ยบ่ได้บอกเปิ้นว่าหม่อมเป๋นไผหม่อมบ่ต้องกั๋วหรอกเจ้า ตบรางวัลหื้อเปิ้นงามๆเปิ้นก่อปอใจ๋แล้ว อีกอย่างขืนเปิ้นปากสว่างภัยก่อมาถึงตั๋วเปิ้นเอง เปิ้นฮู้”
เม้ยนำบัวเงินเข้าไป
ในห้องที่อับทึบคละคลุ้งด้วยครันธูปโต๊ะตั่งตั้งเครื่องบูชาสารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์สายคุณไสยมนต์ดำ หมอเสน่ห์ลืมตาขึ้นจากบริกรรมคาถา
“งามขนาดนี้ทำไมผัวทิ้ง มึงเคยถามตัวเองไหม”
“อีคนนั้นมันทำเสน่ห์ใส่ผัวนายเฮาก่อน ป้อหมอต้องจ่วยนายเฮา”
“กูเลิกทำเรื่องพรรค์นี้มาเมินแล้ว มึงก่อฮู้ อาญาแผ่นดินถึงขั้นตัดหัวเชียวนะมึง”
“บ่ต้องอู้นัก”
บัวเงินดึงถุงไถ้ออกจากชายพก และเทเงินในถุงนั้นลงตรงหน้าหมอเสน่ห์
“เต่าอี้คงจะปอกิ๋นไปตั้งปี๋ใจ่ก๊ะ”
หมอเสน่ห์ยิ้ม
“มันบ่ง่ายอย่างตี้มึงคิด กูยังบ่ฮู้ว่า กู่แข่งของมึงมันใจ้มนต์สายใดมัดใจ๋ผัวมึง”
บัวเงินไม่คิดนาน ถอดกำไลทองในแขนออกมาวางรวมกับเงินที่กองอยู่ก่อนแล้ว
“อย่างนี้พอที่จะง่ายขึ้นไหมล่ะ”
“นายเฮาจะมีรางวัลหื้อหมออย่างงามอีกก้อน ถ้างานสำเร็จ” เม้ยเสริม
หมอเสน่ห์หัวเราะชอบใจ
“ไม่มีคำว่าถ้า...งานนี้ต้องสำเร็จอย่างเดียวเท่านั้น” บัวเงินเสียงเข้มจริงจังมาก
“มึงบอกกูมา...ผัวที่มันหมดรักมึงมันชื่อไร”
บัวเงินชะงัก...ถึงเวลาต้องเปิดเผยตัวหรือนี่

+ + + + + + + + + + + +

บริวารช่วยกันแผ่ถั่วเน่าเป็นแผ่นเพื่อนำไปตากแดด มณีรินพยายามถอดแหวนพลอยศิริวัฒนาออก
“เจ้าริน...ยะอะหยังเจ้า”
“แหวนมันคับนิ้วเฮา เฮาจะถอดออก”
“ถอดบ่ได้เน้อ ถ้าเจ้าเปิ้นฮู้เปิ้นจะเสียใจ๋ ถอดบ่ได้นะเจ้า”
“ยะหยังจะถอดบ่ได้ ก่อเจ้าเปิ้นอู้เองว่าหื้อไว้ใส่เล่น บ่ได้ใส่จริง”
“ปี้ละเอือมเจ้ารินแต๊ๆ”
“เฮาใส่แหวนหลายวงเกินไปแล้ว วงนี้ ป้อเจ้าหื้อเฮามา วงนี้แม่เจ้าหื้อเฮามาตอนเฮาจะออกจากเจียงตุงเฮาว่า เฮาใส่สองวงนี้ก่อปอแล้ว”
“วงตี้เจ้าเปิ้นหื้อมาพลอยน้ำงามจะต๋าย”
“ปี้คำเที่ยงชอบมากเลยใจ่ก๊ะ”
“ชอบ”
“งั้นเฮาหื้อปี้คำเที่ยง...ใส่ไว้เน้อ”
มณีรินยัดเยียดแหวนใส่มือคำเที่ยงแล้วหนีออกไป ละเลงถั่วเน่ากับบริวารเป็นที่สนุกสนาน คำเที่ยงละอาใจ

+ + + + + + + + + + + +

หมอเสน่ห์บริกรรมคาถางึมงำ มือก็ผูกตุ๊กตาไม้ผู้หญิง-ผู้ชาย เข้าด้วยกันด้วยด้ายสายสิญจน์ บัวเงินกับเม้ยนั่งมองพิธีกรรม ลุ้นระทึก จนหมอทำพิธีเสร็จสิ้น
“เอาตุ๊กตาคู่นี้ไปไว้ใต้ที่นอนผัวมึง”
บัวเงินรับตุ๊กตาไม้มาจากหมอ
“แค่นี้เองน่ะเหรอ”
“กูมีของดีอีกอย่างจะให้มึงติดตัวไปด้วย”
“อะหยังล่ะหมอ ก็ให้มาสิ”
“มึงออกไปก่อน กูต้องทำพิธีให้นายมึง ลำพังสองคนเท่านั้น มึงบ่เกี่ยว”
บัวเงินกับเม้ยมองหน้ากัน
“อีเม้ยมันบ่เกยต้องห่างข้า”
“ก่อตามใจ๋ จะอยู่ก่อได้แต่ถ้าบ่สำเร็จมึงจะมาโทษกูบ่ได้”
บัวเงินนิ่งคิดก่อนจะตัดสินใจบอกให้เม้ยออกไป
เม้ยจำใจเดินออกมาหน้าบ้าน ทั้งที่เป็นห่วงนาย เม้ยไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นข้างบนนั้นบ้าง ศิริวงศ์ที่แอบดูอยู่มุมนึงนอกรั้วแปลกใจว่าบัวเงินกับเม้ยมาทำอะไร
บนบ้าน เสื้อบัวเงินที่ถอดออก ถูกโยนไปกองไว้มุมหนึ่ง หมอเสน่ห์บริกรรมคาถาในมือมีมีดหมอ บัวเงินนั่งประนมมือ หลับตาว่าคาถางึมงำ หมอเสน่ห์จรดปลายคมมีดลงบนเนื้อแผ่นหลังบัวเงิน ลงอักขะระมนต์ดำ บัวเงินสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยแต่ก็แน่แน่วท่องคาถาไม่ยอมหยุด

+ + + + + + + + + + + +

สล่าพัน ซ้อมมือกับพิณเปี๊ยะรอลูกศิษย์ สักครู่ ศิริวงศ์ เข้ามา
“สุมาเต๊อะ อ้าย...เฮามาช้าไปหน่อย”
“บ่ เป็นหยังดอกเจ้า เฮาเองก็กำลังซ้อมมือไปพลางๆ”
“อ้ายพัน...หลังวัดป่าอ้อไปทางเหนือ อ้ายพันพอจะฮู้จักใครบ้างไหม”
“หลังวัดป่าอ้อ...นานๆ เฮาถึงจะได้ผ่านไปแถวนั้นซะที แถวนั้นบ่ใช่คนเมืองดอกเจ้าส่วนใหญ่เป็นพวกต่างถิ่นอพยพมาปลูกเอือนอยู่กันแถวนั้น บ่ค่อยดีเท่าไรเจ้า”
“บ่ ดียังไงอ้าย”
“เอาเต๊อะ เอาเป็นว่ามัน บ่ ดี เป็นที่โคจร ไม่ควรผ่านไปก็แล้วกันเจ้า”
สล่าพันส่งพิณเปี๊ยะให้ศิริวงศ์
“อ้ายพูดให้เฮาเข้าใจกว่านี้ได้ไหม”
“นี่เจ้าผ่านไปแถวนั้นมารึไง”
“ก็ใช่น่ะสิ ถึงได้มาถามอ้ายอยู่นี่”
“อย่าไปอีกเน้อ...บ่ดี”
“อ้าย...”
“วันดีคืนดี ได้พวกเล่นของลองวิชา มันจะปล่อยของออกมา ลมเพ ลมพัดน่ะ เจ้าฮู้จักก่อ เคราะห์หามยาวร้าย เจ้าไปโดนมันเข้าจะเดือนร้อนถึงตายเชียวนะเจ้า”
ศิริวงศ์เย็นยะเยือก ขนหัวลุก ไม่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องแบบนี้เลย

+ + + + + + + + + + + +

ที่บ้านหมอเสน่ห์

ผ้าดิบจุดคาถา รัดรึงใจผัว กับขวดน้ำมันผีตายทั้งกลม เพราะผ้าผ่าตาย ถูกโยนลงมาด้วยกัน ตรงหน้าบัวเงิน
“คาถานั่นท่องให้ได้ แล้วเผาไฟทิ้งเสีย อย่าเก็บให้เป็นหลักฐาน น้ำมันพรายผ้าผ่าผีตายทั้งกลมนั่น มึงอยากให้ผัวมึงรักหลงตรงไหนก็ทาตรงนั้น ไมเกินสามวันผัวมึงจะไม่อยากเจอหน้าอีหญิงคนไหนอีกเลย”
บัวเงินเก็บผ้า และขวดขึ้นมา เม้ยมองอย่างชอบใจ
“ทีนี้ละ อีมณีรินมันต้องแห้งเหี่ยวเป็นแตงเถาตาย แน่ละนะกะเจ้า”
“มึงได้ดิบได้ดีได้ก็อย่าลืมกูละกัน” หมอเสน่ห์บอก
“บ่ ลืมดอก คนอย่างช้าใครทำคุณ ข้าก็ตอบแทนให้อย่างสาสมเสมอ” บัวเงินยิ้มอย่างหมายมั่น
บัวเงิน กับเม้ย พากันกลับไปที่เรือน เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว
“อีเม้ย มึงแน่ใจรึเปล่าว่าไอ้หมอ มันจะเก็บเรื่องของกู เป็นความลับได้”
“บ่ ต้องห่วงกะเจ้าหม่อม มันก็รู้ดีว่าถ้าความแตก โทษของมันก็หนักพอกัน”
บัวเงินหันขวับไปทางด้านหลัง
“อะหยังกะเจ้าหม่อม”
“กูรู้สึกเหมือนมีใครตามเฮามา”
“ก็แน่ละเจ้าหม่อม หม่อมลืมไปแล้วก๊ะ ว่าน้ำมันในขวดนั่น มันน้ำมันอะหยัง”
บัวเงินสัมผัสสิ่งที่เห็นไปมากับชายพก
“แต่เม้ยว่า หม่อมบ่ต้องกลัวดอก ยังไงหม่อมก็เป็นนายมัน มันต้องทำงานฮับใช้หม่อมให้หม่อมสมหวัง”
บัวเงินยิ้มพอใจ จะเดินต่อแต่ต้องสะดุ้ง สุดตัว ศิริวงศ์ยืนขวางทางข้างหน้าอยู่
“เจ้าน้อย...นี่ตกใจหมดเลย”
“เอื้อยไปไหนกันมา ปิ๊กกันมาเสียเย็นย่ำ”
บัวเงินตั้งตัวไม่ทัน
“พี่...พี่...”
เม้ยนึกได้ก่อนรีบบอก...
“หม่อมเปิ้นไปเยี่ยมคนไข้กับข้าเจ้ามาน่ะเจ้า”
“คนไข้...ใคร...”
“ญาติห่างๆ ของข้าเจ้าเอง”
“ป่วยเป็นอะหยัง จะไดบ่ให้หมอฝรั่งไปดูอาการ”
บัวเงินตั้งสติได้รีบบอก
“เปิ้น บ่ เป็นอะหยังมากดอก เจ้าน้อยกินยาหม้อไปสองหม้อแล้ว เห็นว่าดีขึ้น จวนหายแล้วละ”
“โรคภัยไข้เจ็บที่แปลกๆเดี๋ยวนี้มันมีเยอะ ยิ่งถ้าฮักษาผิดวิธี ผิดทำนองคลองธรรม มันก็จะยิ่งทำให้หนักหนาไปกันใหญ่ เฮาว่าอย่างน้อยหมอฝรั่งเปิ้นก็อยู่ในกฎในเกณฑ์มีหลักวิชา ฮักษาไปตามจริง บ่ได้ออกนอกลู่นอกทางเน้อเอื้อย”
บัวเงินยิ้ม
“เจ้าน้อยเปิ้นก็ฮู้ ของเปิ้นถูกเน้อนังเม้ย เอาไว้ถ้าอาการบ่ดีขึ้น พี่จะพาหมอฝรั่งไปตรวจดู ขอบใจเจ้าน้อยเน้อที่เตือนสติพี่ พี่ไปก่อนเน้อ”
บัวเงิน เม้ย เดินออกไป ศิริวงศ์มองตามอย่างไม่เชื่อใจนัก

+ + + + + + + + + + + +
(อ่านต่อหน้า 2 )








บนตึกคุ้มเจ้าหลวง...

ทุกคนรวมตัวกันอยู่ในห้องโถง ศิริวงศ์ กับสล่าพันดีดพิณเปี๊ยะ ล้อกันอยู่ สลับขับลำนำ คนละท่อน เนื้อหาคำกลอน พรรณนา ถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองเชียงใหม่ คู่ไปกับพระศาสนาที่ฝังรากลึกอยู่คู่ชีวิตผู้คน พระศาสนานำทางชีวิตสู่ความสุขอันยิ่งยืน
เจ้าหลวง พระชายา ตั้งอกตั้งใจฟัง ชื่นชม ศิริวัฒนา เคลิ้มปลื้ม มณีรินมองศิริวงศ์ ยิ่งนานวัน ความรักยิ่งตกตะกวน ศิริวัฒนาหยิบเมี่ยงหวานในอุบคำข้างตัวส่งให้มณีริน บัวเงิน เหล่มองพยายามเก็บงำความขัดใจ เม้ยตาขวางหมอบอยู่ข้างๆบัวเงิน
บัวเงินเห็นทุกคนกำลังเพลินๆ กับการแสดง หันมาส่งสายตาไล่เม้ยออกไป เม้ยค่อยๆ ขยับคลานออกโดยไม่ให้ผิดสังเกต
เม้ยพาตัวเองอาศัยความมืด หลบหลีกมาตามหลืบมุม ทหารเดินตรงมา เม้ยลุ้นเตรียมจะต้องเผชิญหน้าทำใจดีสู้เสือจู่ๆทหารก็เดินวกกลับไปอีกทาง เม้ยรีบตรงมาหน้าห้องศิริวัฒนา เปิดประตูเข้าไปทันที ไม่รอให้โอกาสทองผ่านไป ล้วงเอาตุ๊กตาไม้คนคู่ที่ถูกรัด มัดกอดกันไว้ด้วยๆสายสิญจน์มาวางไว้ใต้ที่นอน แล้วรีบออกจากห้องไป
ที่ห้องโถง ศิริวงศ์เล่นเพลงท่อนสุดท้ายจบลง เจ้าหลวงพอใจมาก...
“จับใจ๋ขนาดลูกชายพ่อคนนี้ เห็นทีจะเอาดีทางนี้เสีย มากกว่าทางค้าขายเสียละมัง”
“ลูกก็แค่เล่นหย่อนใจยามว่างเท่านั้นเองพ่อเจ้า ถ้าลูกเล่นได้ดีก็เพราะลูกได้ครูดี อย่างอ้ายพันมากกว่าครับ”
“ได้ยินอย่างนั้น ชื่นใจ๋ไหมล่ะไอ้พัน”
เจ้าหลวงหันไปถาม สล่าพันยิ้ม...
“คนเป็นครูจะชื้นใจ๋ เมื่อได้เห็นศิษย์ทางตัวเก่งกว่าครูพุทธเจ้าข้า”
“บ่รู้ว่าลูกชายเฮาคนนี้เอาพิณนี่ ไปเล่นจีบแม่หญิงที่ใดบ้างรึยัง” พระชายาหันไปถามศิริวงศ์
ศิริวงศ์ชะงัก
“ถ้าแม่เจ้าห่วง ว่าเมื่อใดจะได้เห็นหน้าลูกสะใภ้คนรอง ลูกว่าคงบ่ เมินดอกเจ้า”
มณีรินก้มหน้านิ่ง เพราะศิริวงศ์มองแฉลบมาทางตน บัวเงินไม่ทันสังเกต เพราะตัวเองกำลังลุ้นคอยเม้ยอยู่ เม้ยคลานกลับเข้ามาพอดี
“ไปลักใคร่ชอบลูกสาวใครก็บอกแม่เน้อศิริวงศ์”พระชายาบอก
“ครับแม่เจ้า”
ศิริวัฒนาขัดขึ้น
“ลูกนึกออกแล้ว วันแต่งงานลูกๆอยากให้ศิริวงศ์ขับลำนำกับพิณเปี๊ยะให้ลูก พ่อเจ้าเห็นดีก่อ”
“ก็ดีสิ แต่งลำนำใหม่ ให้กินใจ๋คงบ่ยากนักดอกใช่ไหมศิริวงศ์” เจ้าหลวงหันไปถาม
“ลูกจะพยายามครับพ่อเจ้า ทั้งที่รู้ว่ามันยากยิ่งกว่าสิ่งใด”
มณีรินเงยหน้าขึ้นมองศิริวงศ์ บัวเงินหันไปถาม เม้ยที่กลับเข้ามาหมอบข้างๆเบาๆ
“สำเร็จก่ออี่เม้ย”
“เจ้า” เม้ยยิ้ม

+ + + + + + + + + + + +

ที่เรือนมณีรินกลางดึก
 

มณีรินนั่งใจลอยหน้ากระจก คำเที่ยงค่อยๆสางผมที่ยาวเต็มหลังให้มณีริน
“พี่ละอยากฮู้จริงๆว่า เวลาเจ้าน้อยเปิ้นดีดพิณ เปิ้นนึกถึงดวงหน้าแม่หญิงคนใด เสียงพิณของเปิ้นถึงได้หวานบาดลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ๋พี่นัก”
“อยากฮู้จะไดบ่ไปถามเปิ้นล่ะ”
“พี่กลัวว่าถามแล้ว เปิ้นจะตอบว่าทุกครั้งที่ดีดพิณ นึกถึงแต่หน้าพี่ละสิเจ้าริน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆหัวใจ๋พี่คงหยุดเต้นตายไปเลยละ”
คำเที่ยงหัวเราะ มณีรินไม่ขำด้วย
“จะไดบ่ขำสักนิดล่ะเจ้าริน”
“เฮาง่วงนอนแล้ว”
“งั้นนอนเน้อ”
มณีรินลุกมาขึ้นเตียง คำเที่ยงจัดแจงไล่ยุงกั้นมุ้งให้
“หลับบ่ได้ฝันมาหลายคืน คืนนี้พี่ขอฝันดีเห็นหน้าเจ้านายศิริวงศ์เปิ้นชักนิ๊ดก็ยังดี”
คำเที่ยงหันไปจัดที่นอนของตัวเอง ขณะที่มณีรินที่ไม่อาจข่มตาตัวเองให้หลับได้

+ + + + + + + + + + + +

ศิริวงศ์นอนไม่หลับ เพราะคิดหลายเรื่อง มองออกไปทางเรือนมณีริน ศิริวัฒนาเดินเข้ามาหา
“คิดอะหยังอยู่น้อถึงนอนบ่หลับ”
“เจ้าอ้าย”
“ถ้าเฮาทายบ่ผิด คงเป็นหน้างามๆของแม่ญิงซักคนใช่ก๊ะ บอกพี่ได้ก่อ เปิ้นเป็นผู้ใดเจ้าอ้าย”
“อย่าฮู้เลย”
“โตฮู้จะอี้แปลว่าแต๊ก๊ะ แล้วจะไดจะบอกพี่บ่ได้ ว่าเปิ้นเป็นผู้ใด พี่จะได้ช่วยโตให้สมหวัง”
“มันเป็นไปบ่ได้ดอกเจ้าอ้าย เปิ้นเป็นแม่หญิงที่มีเจ้าของแล้ว”
“อ้าว เป็นยังงั้นไป ใครกันน๊อทำให้น้องชายพี่อกหักรักคุดได้ขนาดนี้ นึกออกแล้วลูกสาวเจ้าเจ้าหลวงลำปางใช่ก่อ หรื่อว่าลูกสาวเจ้าหลวงเมืองแป้”
“เจ้าอ้ายอย่าเดาเลยครับ”
“โตบ่อยากให้พี่เดาผิดๆโตก็บอกพี่มาสิ”
“บางที มันอาจจะบ่ใช่ความอักดอกครับ น้องกับเปิ้นชาตินี้คงบ่มีวาสนาต่อกัน”
“โตไปแอบฮักเปิ้นฝ่ายเดียวก๊ะ”
“ก็คงจะอั้นละครับ” ศิริวงศ์พยายามเลี่ยง
“งั้นก็หักอกหักใจเสียเน้อ ซักวันโตได้เจอแม่หญิงคนใหม่ที่ถูกใจ โตก็จะลืมแม่หญิงคนนี้ไปได้เอง เชื่อพี่เต๊อะ”
ศิริวงศ์ยิ้มเจื่อน ศิริวัฒนามองน้องชายอย่างเห็นใจ
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น บัวเงินกำลังปลุกเสกคาถา ที่หมอเสน่ห์ให้มาอย่างเอาจริงเอาจัง เม้ยลุ้นเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆ บัวเงินท่องคาถาเป็นรอบที่ร้อยที่พันจนขึ้นใจ แล้วเผาแผ่นฝ้าคาถาที่หมอเสน่ห์ให้มาด้วยเทียนที่ปักอยู่ตรงหน้า ผ้าไหมไฟกลายเป็นซากดำ บัวเงินปลุกเสกคาถาต่ออย่างมุ่งมั้นฮึกเหิม

อ่านต่อวันพรุ่งนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น