• วธ.ประสานหอสมุด 62 แห่ง 50 ประเทศทั่วโลก รวบรวมสิ่งพิมพ์ข่าว-ภาพ เหตุการณ์ “ในหลวง ร.9 สวรรคต”
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ดำเนินการรวบรวมข่าว ภาพข่าว บทความเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สวรรคต ซึ่งเป็นบทความ ข่าวและภาพข่าว รวมถึงสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ในต่างประเทศ เนื่องจากสำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากรได้มีเครือข่ายของสำนักหอสมุดแห่งชาติในการส่งและแลกเปลี่ยนสิ่งพิมพ์ระหว่างกันอยู่แล้ว
โดยขณะนี้สำนักหอสมุดแห่งชาติ ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังหอสมุดที่เป็นเครือข่ายกับสำนักหอสมุดแห่งชาติในประเทศต่างๆ รวม 50 ประเทศ 62 แห่ง เพื่อให้หอสมุดฯ แต่ละประเทศที่เป็นเครือข่ายสืบค้นและตรวจสอบว่า มีสิ่งพิมพ์ใดบ้างที่เกี่ยวกับเหตุการณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สวรรคต
โดยกระทรวงวัฒนธรรมจะนำข้อมูล ภาพ ภาพข่าว และสิ่งพิมพ์ดังกล่าว มาจัดทำเป็นจดหมายเหตุ รวมทั้งจัดเก็บเป็นเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพื่อให้ศึกษาค้นคว้าต่อไป
• เปิดแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ และพระยานมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยงานจัดสร้างพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศจะยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ส่วนการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ ราชยาน จะมีการบวงสรวงในวันที่ 19 ธันวาคมนี้
ด้านนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงการจัดสร้างพระเมรุมาศว่า การออกแบบครั้งนี้ได้กำหนดกรอบแนวคิดไว้ 3 ประการ คือ 1. ต้องสมพระเกียรติ เพราะเป็นการถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 2. ออกแบบตามหลักราชประเพณีโบราณ โดยยึดแบบสมัยรัตนโกสินทร์ 3. การออกแบบครั้งนี้ยึดหลักไตรภูมิ ตามคัมภีร์พระพุทธศาสนา และความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์คือสมมุติเทพ ตามระบบเทวนิยม พระเมรุมาศเป็นทรงบุษบก 9 ยอด สูง 50.49 เมตร มีชั้นเชิงกลอน 7 ชั้น องค์หลักจะอยู่กึ่งกลางอันหมายถึงเขาพระสุเมรุ อีก 8 มณฑป ที่อยู่รายรอบ หมายถึงเขาสัตตบริภัณฑ์ อันหมายถึงระบบจักรวาล ส่วนลวดลายประกอบทั้งหมดจะสะท้อนถึงเรื่องระบบจักรวาลที่มีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเป็นชั้นครุฑ ชั้นเทพ หรือเทวดา รวมไปถึงสัตว์หิมพานต์
นอกจากนี้ ที่พิเศษในครั้งนี้คือเสาโคม จะใช้เสาครุฑ เพราะครุฑคือพาหนะของพระนารายณ์ ในแนวคิดสมมุติเทพนั้น พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระมหากษัตริย์ สำหรับการออกแบบภูมิทัศน์จะนำเรื่องเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของพระองค์ เช่น กังหันชัยพัฒนา เครื่องดันน้ำ การปลูกหญ้าแฝก ฯลฯ มาประกอบด้วย
• รัฐบาลเตรียมจัด “แสงเทียนแห่งสยาม” ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ
พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และวัดทั่วประเทศ จัดกิจกรรมแสงเทียนแห่งสยาม ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้มีโอกาสร่วมสวดมนต์ข้ามปี เสริมสร้างสิริมงคลเนื่องในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
โดยคืนวันที่ 31 ธันวาคม จะมีการสวดมนต์ในพื้นที่ 3 ส่วนคือ 1.มณฑลพิธีท้องสนามหลวง 2.วัดทั่วประเทศ ประมาณ 31,000 แห่ง วัดไทยทั่วโลก 540 วัด 3.สถานที่ทั่วไป อาทิ ศูนย์การค้า บริเวณแยกปทุมวันถึงถนนสุขุมวิท ตลอดจนจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านใน 15 จังหวัด และเครือข่ายพระพุทธศาสนา 190 แห่ง ใน 70 ประเทศ
กิจกรรมจะเริ่มเวลา 21.00 น. โดยการยืนถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นเวลา 89 วินาที จากนั้นเวลา 23.45-23.50 น. จะร่วมสวดมนต์เพื่อส่งท้ายปี 2559 เวลาเที่ยงคืนตรงจะร่วมกันร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “พรปีใหม่” หลังจากนั้นเวลา 24.09 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2560 จะร่วมกันจุดเทียนและสวดเจริญชัยมงคลคาถา เพื่อต้อนรับปีใหม่ พร้อมเป็นการถวายพระพรชัยแด่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เสริมสิริมงคลแก่ประเทศไทย และเป็นมงคลแก่ชีวิตของประชาชนชาวไทยด้วย
• สธ.ร่วมมือสภากาชาด “ทำดีที่สุดถวายเป็นพระราชกุศล” รณรงค์รับบริจาคอวัยวะ-ดวงตา-โลหิต
นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับสภากาชาดไทย จัดกิจกรรมรณรงค์รับบริจาคอวัยวะและดวงตา “ทำดีที่สุดถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” โดยตลอดเดือนธันวาคม 2559 จะมีการจัดนิทรรศการรณรงค์บริจาคอวัยวะ ดวงตา และโลหิต ในโรงพยาบาลทุกแห่ง มีการรับแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ และดวงตา ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาด โรงพยาบาลศูนย์ เหล่ากาชาดทุกจังหวัด ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในเวลาราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2560 ส่วนการบริจาคโลหิตจะจัดทุกวันที่ 13 ของทุกเดือน ที่โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ศูนย์โลหิตสภากาชาด จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2560
จากข้อมูลล่าสุด 15 พฤศจิกายน 2559 มีผู้ป่วยรอรับอวัยวะทั้งหมด 5,458 ราย สามารถปลูกถ่ายอวัยวะได้ประมาณ 700-800 ราย ขณะที่มีผู้บริจาคอวัยวะเพียงประมาณ 200 คนต่อปี และเสียชีวิตระหว่างรออวัยวะ 100-200 รายต่อปี ส่วนการปลูกถ่ายกระจกตามีผู้รอรับการผ่าตัด 11,591 ราย สามารถผ่าตัดได้เพียง 700 – 800 รายต่อปี ซึ่งผู้บริจาค 1 ราย สามารถช่วยชีวิตผู้รับบริจาคอวัยวะได้มากกว่า 8 คน นอกจากนี้สภากาชาดไทยยังต้องการโลหิต 50,000-60,000 ถุงต่อเดือน เพื่อนำไปให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ
“การบริจาคอวัยวะตามหลักศาสนาพุทธถือเป็นทานชั้นสูง เป็นทานอันยิ่งใหญ่ จึงขอเชิญชวนคนไทยร่วมบริจาคอวัยวะ ดวงตา และโลหิต เพื่อเป็นการทำความดีที่สุด ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” นายแพทย์โสภณกล่าว
• วธ.จัดพิมพ์หนังสือพระราชประวัติ-พระบรมราโชวาท พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า วธ.ได้รับมอบหมายจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้จัดพิมพ์หนังสือพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ และเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระองค์ รวมทั้งให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้น้อมนำพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส เป็นเข็มทิศนำทางในการดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข
สำหรับหนังสือที่จัดพิมพ์มี 2 เล่ม ได้แก่ เล่มแรก "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" เป็นพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจตลอด 70 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติ พร้อมภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่หาชมได้ยาก จำนวน 1 แสนเล่ม และหนังสือชุด “๙๙ พระบรมราโชวาท น้อมนำราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขศานต์” เป็นพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสที่พระราชทานในโอกาสต่างๆ จำนวน 1 แสนเล่ม โดยหนังสือทั้ง 2 เล่มมีเนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย และสามารถนำไปปฏิบัติได้ อันจะเกิดประโยชน์ต่อตนเอง และยังสามารถตอบคำถามได้ว่าทำไมคนไทยจึงรักในหลวง รัชกาลที่ 9
โดย วธ.ได้เริ่มแจกหนังสือให้กับประชาชนเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา บริเวณหน้านิทรรศการ "ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์" ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
นายวีระ กล่าวด้วยว่า จะมีการจัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่มเพิ่มเติม เพื่อแจกให้ประชาชนในต่างจังหวัดด้วย โดยตั้งเป้าจะจัดพิมพ์ทั้งสิ้น 2 ล้านเล่ม หากหน่วยงานใดที่สนใจสนับสนุนหรือต้องการนำหนังสือทั้ง 2 เล่มไปจัดพิมพ์ เพื่อเผยแพร่และแจกจ่าย สามารถสอบถามสายด่วนวัฒนธรรม โทร. 1765
ทั้งนี้ วธ.ได้จัดทำหนังสือทั้ง 2 เล่มเป็นอีบุ๊ค เผยแพร่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวัฒนธรรม www.m-culture.go.th เพื่อให้ประชาชนสามารถดาวน์โหลดได้ด้วย
รมว.วัฒนธรรมยังได้กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการวันภาษาไทยแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 ว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านภาษาและวรรณกรรม เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน โดยในที่ประชุมมีมติว่าจะมีการรวบรวมบทความ และพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งหมด 17 เรื่อง อาทิ พระราชานุกิจรัชกาลที่ 8, เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิตเซอร์แลนด์, พระมหาชนก, นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ, พระราชดำรัส, ทองแดง ฯลฯ มาจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่ระลึกในงานพระราชพิธี พระบรมศพ แจกจ่ายห้องสมุด และโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านด้านภาษาและวรรณกรรม โดยจะคัดเลือกเพียงบางเล่มและจัดพิมพ์เรื่องละ 10,000 เล่ม
นอกจากนี้ วธ.ยังมีแผนที่จะจัดพิมพ์หนังสือพระเมรุมาศและพระราชพิธีพระบรมศพเพื่อให้ประชาขนเข้าใจมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งถือว่ามีประเทศเดียวในโลกที่ถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 192 ธันวาคม 2559 โดย กองบรรณาธิการ)
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ดำเนินการรวบรวมข่าว ภาพข่าว บทความเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สวรรคต ซึ่งเป็นบทความ ข่าวและภาพข่าว รวมถึงสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ในต่างประเทศ เนื่องจากสำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากรได้มีเครือข่ายของสำนักหอสมุดแห่งชาติในการส่งและแลกเปลี่ยนสิ่งพิมพ์ระหว่างกันอยู่แล้ว
โดยขณะนี้สำนักหอสมุดแห่งชาติ ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังหอสมุดที่เป็นเครือข่ายกับสำนักหอสมุดแห่งชาติในประเทศต่างๆ รวม 50 ประเทศ 62 แห่ง เพื่อให้หอสมุดฯ แต่ละประเทศที่เป็นเครือข่ายสืบค้นและตรวจสอบว่า มีสิ่งพิมพ์ใดบ้างที่เกี่ยวกับเหตุการณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สวรรคต
โดยกระทรวงวัฒนธรรมจะนำข้อมูล ภาพ ภาพข่าว และสิ่งพิมพ์ดังกล่าว มาจัดทำเป็นจดหมายเหตุ รวมทั้งจัดเก็บเป็นเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพื่อให้ศึกษาค้นคว้าต่อไป
• เปิดแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ และพระยานมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยงานจัดสร้างพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศจะยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ส่วนการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ ราชยาน จะมีการบวงสรวงในวันที่ 19 ธันวาคมนี้
ด้านนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงการจัดสร้างพระเมรุมาศว่า การออกแบบครั้งนี้ได้กำหนดกรอบแนวคิดไว้ 3 ประการ คือ 1. ต้องสมพระเกียรติ เพราะเป็นการถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 2. ออกแบบตามหลักราชประเพณีโบราณ โดยยึดแบบสมัยรัตนโกสินทร์ 3. การออกแบบครั้งนี้ยึดหลักไตรภูมิ ตามคัมภีร์พระพุทธศาสนา และความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์คือสมมุติเทพ ตามระบบเทวนิยม พระเมรุมาศเป็นทรงบุษบก 9 ยอด สูง 50.49 เมตร มีชั้นเชิงกลอน 7 ชั้น องค์หลักจะอยู่กึ่งกลางอันหมายถึงเขาพระสุเมรุ อีก 8 มณฑป ที่อยู่รายรอบ หมายถึงเขาสัตตบริภัณฑ์ อันหมายถึงระบบจักรวาล ส่วนลวดลายประกอบทั้งหมดจะสะท้อนถึงเรื่องระบบจักรวาลที่มีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเป็นชั้นครุฑ ชั้นเทพ หรือเทวดา รวมไปถึงสัตว์หิมพานต์
นอกจากนี้ ที่พิเศษในครั้งนี้คือเสาโคม จะใช้เสาครุฑ เพราะครุฑคือพาหนะของพระนารายณ์ ในแนวคิดสมมุติเทพนั้น พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระมหากษัตริย์ สำหรับการออกแบบภูมิทัศน์จะนำเรื่องเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของพระองค์ เช่น กังหันชัยพัฒนา เครื่องดันน้ำ การปลูกหญ้าแฝก ฯลฯ มาประกอบด้วย
• รัฐบาลเตรียมจัด “แสงเทียนแห่งสยาม” ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ
พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และวัดทั่วประเทศ จัดกิจกรรมแสงเทียนแห่งสยาม ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้มีโอกาสร่วมสวดมนต์ข้ามปี เสริมสร้างสิริมงคลเนื่องในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
โดยคืนวันที่ 31 ธันวาคม จะมีการสวดมนต์ในพื้นที่ 3 ส่วนคือ 1.มณฑลพิธีท้องสนามหลวง 2.วัดทั่วประเทศ ประมาณ 31,000 แห่ง วัดไทยทั่วโลก 540 วัด 3.สถานที่ทั่วไป อาทิ ศูนย์การค้า บริเวณแยกปทุมวันถึงถนนสุขุมวิท ตลอดจนจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านใน 15 จังหวัด และเครือข่ายพระพุทธศาสนา 190 แห่ง ใน 70 ประเทศ
กิจกรรมจะเริ่มเวลา 21.00 น. โดยการยืนถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นเวลา 89 วินาที จากนั้นเวลา 23.45-23.50 น. จะร่วมสวดมนต์เพื่อส่งท้ายปี 2559 เวลาเที่ยงคืนตรงจะร่วมกันร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “พรปีใหม่” หลังจากนั้นเวลา 24.09 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2560 จะร่วมกันจุดเทียนและสวดเจริญชัยมงคลคาถา เพื่อต้อนรับปีใหม่ พร้อมเป็นการถวายพระพรชัยแด่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เสริมสิริมงคลแก่ประเทศไทย และเป็นมงคลแก่ชีวิตของประชาชนชาวไทยด้วย
• สธ.ร่วมมือสภากาชาด “ทำดีที่สุดถวายเป็นพระราชกุศล” รณรงค์รับบริจาคอวัยวะ-ดวงตา-โลหิต
นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับสภากาชาดไทย จัดกิจกรรมรณรงค์รับบริจาคอวัยวะและดวงตา “ทำดีที่สุดถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” โดยตลอดเดือนธันวาคม 2559 จะมีการจัดนิทรรศการรณรงค์บริจาคอวัยวะ ดวงตา และโลหิต ในโรงพยาบาลทุกแห่ง มีการรับแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ และดวงตา ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาด โรงพยาบาลศูนย์ เหล่ากาชาดทุกจังหวัด ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในเวลาราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2560 ส่วนการบริจาคโลหิตจะจัดทุกวันที่ 13 ของทุกเดือน ที่โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ศูนย์โลหิตสภากาชาด จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2560
จากข้อมูลล่าสุด 15 พฤศจิกายน 2559 มีผู้ป่วยรอรับอวัยวะทั้งหมด 5,458 ราย สามารถปลูกถ่ายอวัยวะได้ประมาณ 700-800 ราย ขณะที่มีผู้บริจาคอวัยวะเพียงประมาณ 200 คนต่อปี และเสียชีวิตระหว่างรออวัยวะ 100-200 รายต่อปี ส่วนการปลูกถ่ายกระจกตามีผู้รอรับการผ่าตัด 11,591 ราย สามารถผ่าตัดได้เพียง 700 – 800 รายต่อปี ซึ่งผู้บริจาค 1 ราย สามารถช่วยชีวิตผู้รับบริจาคอวัยวะได้มากกว่า 8 คน นอกจากนี้สภากาชาดไทยยังต้องการโลหิต 50,000-60,000 ถุงต่อเดือน เพื่อนำไปให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ
“การบริจาคอวัยวะตามหลักศาสนาพุทธถือเป็นทานชั้นสูง เป็นทานอันยิ่งใหญ่ จึงขอเชิญชวนคนไทยร่วมบริจาคอวัยวะ ดวงตา และโลหิต เพื่อเป็นการทำความดีที่สุด ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” นายแพทย์โสภณกล่าว
• วธ.จัดพิมพ์หนังสือพระราชประวัติ-พระบรมราโชวาท พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า วธ.ได้รับมอบหมายจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้จัดพิมพ์หนังสือพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ และเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระองค์ รวมทั้งให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้น้อมนำพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส เป็นเข็มทิศนำทางในการดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข
สำหรับหนังสือที่จัดพิมพ์มี 2 เล่ม ได้แก่ เล่มแรก "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" เป็นพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจตลอด 70 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติ พร้อมภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่หาชมได้ยาก จำนวน 1 แสนเล่ม และหนังสือชุด “๙๙ พระบรมราโชวาท น้อมนำราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขศานต์” เป็นพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสที่พระราชทานในโอกาสต่างๆ จำนวน 1 แสนเล่ม โดยหนังสือทั้ง 2 เล่มมีเนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย และสามารถนำไปปฏิบัติได้ อันจะเกิดประโยชน์ต่อตนเอง และยังสามารถตอบคำถามได้ว่าทำไมคนไทยจึงรักในหลวง รัชกาลที่ 9
โดย วธ.ได้เริ่มแจกหนังสือให้กับประชาชนเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา บริเวณหน้านิทรรศการ "ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์" ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
นายวีระ กล่าวด้วยว่า จะมีการจัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่มเพิ่มเติม เพื่อแจกให้ประชาชนในต่างจังหวัดด้วย โดยตั้งเป้าจะจัดพิมพ์ทั้งสิ้น 2 ล้านเล่ม หากหน่วยงานใดที่สนใจสนับสนุนหรือต้องการนำหนังสือทั้ง 2 เล่มไปจัดพิมพ์ เพื่อเผยแพร่และแจกจ่าย สามารถสอบถามสายด่วนวัฒนธรรม โทร. 1765
ทั้งนี้ วธ.ได้จัดทำหนังสือทั้ง 2 เล่มเป็นอีบุ๊ค เผยแพร่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวัฒนธรรม www.m-culture.go.th เพื่อให้ประชาชนสามารถดาวน์โหลดได้ด้วย
รมว.วัฒนธรรมยังได้กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการวันภาษาไทยแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 ว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านภาษาและวรรณกรรม เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน โดยในที่ประชุมมีมติว่าจะมีการรวบรวมบทความ และพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งหมด 17 เรื่อง อาทิ พระราชานุกิจรัชกาลที่ 8, เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิตเซอร์แลนด์, พระมหาชนก, นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ, พระราชดำรัส, ทองแดง ฯลฯ มาจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่ระลึกในงานพระราชพิธี พระบรมศพ แจกจ่ายห้องสมุด และโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านด้านภาษาและวรรณกรรม โดยจะคัดเลือกเพียงบางเล่มและจัดพิมพ์เรื่องละ 10,000 เล่ม
นอกจากนี้ วธ.ยังมีแผนที่จะจัดพิมพ์หนังสือพระเมรุมาศและพระราชพิธีพระบรมศพเพื่อให้ประชาขนเข้าใจมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งถือว่ามีประเทศเดียวในโลกที่ถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 192 ธันวาคม 2559 โดย กองบรรณาธิการ)