สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงตรัสว่า ข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือ ความเศร้าโศกครั้งยิ่งใหญ่
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559 พระองค์ทรงนำพระบรมวงศานุวงศ์ คณะสงฆ์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล และประชาชนของพระองค์ สวดมนต์และจุดประทีป 1,000 ดวง เพื่อถวายอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ วิหารเกนราแห่งทาชิโชซอง ในกรุงทิมพู เมืองหลวงของภูฏาน
โดยสมเด็จพระราชาธิบดีมีรับสั่งให้จัดพิธีสวดมนต์รำลึกเป็นกรณีพิเศษดังกล่าว และให้จุดดวงประทีปทุกวิหารศักดิ์สิทธิ์ทั่วราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และประกาศให้วันที่ 14 ตุลาคม เป็นวันแห่งการไว้อาลัยของชาวภูฏานทั้งประเทศ กำหนดให้ลดธงครึ่งเสา เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระเกียรติคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
นอกจากนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมียังได้เสด็จเป็นองค์ประธานในการประกอบพิธีสวดมนต์ที่สถูปอนุสรณ์สถานแห่งชาติชอร์เตน โดยสมเด็จพระราชชนนีจะเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีสวดบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วิหารเกนราแห่งทาชิโชซอง โดยตลอดสัปดาห์ถัดไปจะมีการจุดดวงประทีปและสวดบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย ณ วิหารทิมพูทาชิโชซอง สถูปอนุสรณ์สถานแห่งชาติชอร์เตน วิหารสำคัญๆ ทั่วประเทศ
และเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2559 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และทรงร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ จากนั้นทรงพระดำเนินไปทรงพระอักษรถวายความอาลัย พร้อมทั้งทรงลงพระนามาภิไธย ณ ศาลาว่าการพระราชวัง พระบรมมหาราชวัง
หลังจากเสด็จกลับแล้ว เฟซบุ๊ค His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck ได้โพสต์พระบรมฉายาลักษณ์ขณะถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมุดลงนามหลวงที่ทรงพระอักษรถวายความอาลัย พร้อมทรงลงพระปรมาภิไธย
ในเฟซบุ๊คดังกล่าวได้ระบุข้อความว่า “แด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล และผู้ทรงเป็นยอดแห่งรัตนกษัตริย์ทั้งปวง ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน พระมหากษัตริย์ไทยผู้เสด็จดับขันธ์ ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน และนอบน้อมถวายสักการะแด่พระองค์ด้วยหัวใจ ขอพระองค์เสด็จอุบัติถึงความเป็นพระธรรมราชา เพื่อยังประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ทั้งปวงตลอดไป”
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีทรงรักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และทรงยกย่องว่าเป็นสุดยอดพระมหากษัตริย์ โดยในโอกาสที่ยังทรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายจิกมี เคเซอร์นัมเกล วังชุก รับการถวายปริญญา สาขาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมหาวิทยาลัยรังสิตทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2549 ซึ่งเป็นปีมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ทรงมีพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า
"ในโอกาสที่ข้าพเจ้าได้เดินทางมาร่วมงานเฉลิมฉลองในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ข้าพเจ้าได้เห็นประชาชนของไทยแสดงความจงรักภักดีและเสียสละ แก่พระมหากษัตริย์และประเทศของตน ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งนี้เป็นหัวใจสำคัญของประชาชนคนไทยในการป้องกันประเทศอีกด้วย
สำหรับปีนี้เป็นปีมหามงคลของคนไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี และเป็นปีที่พิเศษสำหรับข้าพเจ้าเช่นกัน ข้าพเจ้ารัก เคารพ และชื่นชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก พระองค์ท่านทรงเป็นสุดยอดพระมหากษัตริย์
ข้าพเจ้ามีความศรัทธาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างลึกซึ้งในหลายๆเรื่อง ปีนี้เป็นปีที่สำคัญมากสำหรับข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืม ทุกครั้งที่ได้มาประเทศไทย ข้าพเจ้าจะไม่ลืมประสบการณ์ในครั้งนี้ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้านึกถึงจะมีความสุขและจะชื่นชมกับความทรงจำนี้ไปตลอดชีวิต
เนื่องในโอกาสรับปริญญาบัตรครั้งนี้ จะต้องเป็นเยาวชนที่จะต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่างๆ ซึ่งตัวอย่างที่จะเรียนรู้นั้น หาได้ไม่ยากเลย คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นเอง พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่สำคัญสำหรับข้าพเจ้า พระองค์ทรงงานอย่างหนัก พระทัยดี ทรงมีความยุติธรรม ทรงเป็นบุคคลที่มีความพยายาม มุ่งมั่น ทำเพื่อประเทศชาติ
ข้าพเจ้าอยากจะให้เยาวชนไทยและคนไทย ยึดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแรงบันดาลใจในการปฏิบัติตน เพื่อดำรงชีวิตตามที่พระองค์ปฏิบัติ..."
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 191 พฤศจิกายน 2559)
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559 พระองค์ทรงนำพระบรมวงศานุวงศ์ คณะสงฆ์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล และประชาชนของพระองค์ สวดมนต์และจุดประทีป 1,000 ดวง เพื่อถวายอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ วิหารเกนราแห่งทาชิโชซอง ในกรุงทิมพู เมืองหลวงของภูฏาน
โดยสมเด็จพระราชาธิบดีมีรับสั่งให้จัดพิธีสวดมนต์รำลึกเป็นกรณีพิเศษดังกล่าว และให้จุดดวงประทีปทุกวิหารศักดิ์สิทธิ์ทั่วราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และประกาศให้วันที่ 14 ตุลาคม เป็นวันแห่งการไว้อาลัยของชาวภูฏานทั้งประเทศ กำหนดให้ลดธงครึ่งเสา เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระเกียรติคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
นอกจากนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมียังได้เสด็จเป็นองค์ประธานในการประกอบพิธีสวดมนต์ที่สถูปอนุสรณ์สถานแห่งชาติชอร์เตน โดยสมเด็จพระราชชนนีจะเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีสวดบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วิหารเกนราแห่งทาชิโชซอง โดยตลอดสัปดาห์ถัดไปจะมีการจุดดวงประทีปและสวดบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย ณ วิหารทิมพูทาชิโชซอง สถูปอนุสรณ์สถานแห่งชาติชอร์เตน วิหารสำคัญๆ ทั่วประเทศ
และเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2559 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และทรงร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ จากนั้นทรงพระดำเนินไปทรงพระอักษรถวายความอาลัย พร้อมทั้งทรงลงพระนามาภิไธย ณ ศาลาว่าการพระราชวัง พระบรมมหาราชวัง
หลังจากเสด็จกลับแล้ว เฟซบุ๊ค His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck ได้โพสต์พระบรมฉายาลักษณ์ขณะถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมุดลงนามหลวงที่ทรงพระอักษรถวายความอาลัย พร้อมทรงลงพระปรมาภิไธย
ในเฟซบุ๊คดังกล่าวได้ระบุข้อความว่า “แด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล และผู้ทรงเป็นยอดแห่งรัตนกษัตริย์ทั้งปวง ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน พระมหากษัตริย์ไทยผู้เสด็จดับขันธ์ ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน และนอบน้อมถวายสักการะแด่พระองค์ด้วยหัวใจ ขอพระองค์เสด็จอุบัติถึงความเป็นพระธรรมราชา เพื่อยังประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ทั้งปวงตลอดไป”
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีทรงรักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และทรงยกย่องว่าเป็นสุดยอดพระมหากษัตริย์ โดยในโอกาสที่ยังทรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายจิกมี เคเซอร์นัมเกล วังชุก รับการถวายปริญญา สาขาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมหาวิทยาลัยรังสิตทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2549 ซึ่งเป็นปีมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ทรงมีพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า
"ในโอกาสที่ข้าพเจ้าได้เดินทางมาร่วมงานเฉลิมฉลองในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ข้าพเจ้าได้เห็นประชาชนของไทยแสดงความจงรักภักดีและเสียสละ แก่พระมหากษัตริย์และประเทศของตน ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งนี้เป็นหัวใจสำคัญของประชาชนคนไทยในการป้องกันประเทศอีกด้วย
สำหรับปีนี้เป็นปีมหามงคลของคนไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี และเป็นปีที่พิเศษสำหรับข้าพเจ้าเช่นกัน ข้าพเจ้ารัก เคารพ และชื่นชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก พระองค์ท่านทรงเป็นสุดยอดพระมหากษัตริย์
ข้าพเจ้ามีความศรัทธาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างลึกซึ้งในหลายๆเรื่อง ปีนี้เป็นปีที่สำคัญมากสำหรับข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืม ทุกครั้งที่ได้มาประเทศไทย ข้าพเจ้าจะไม่ลืมประสบการณ์ในครั้งนี้ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้านึกถึงจะมีความสุขและจะชื่นชมกับความทรงจำนี้ไปตลอดชีวิต
เนื่องในโอกาสรับปริญญาบัตรครั้งนี้ จะต้องเป็นเยาวชนที่จะต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่างๆ ซึ่งตัวอย่างที่จะเรียนรู้นั้น หาได้ไม่ยากเลย คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นเอง พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่สำคัญสำหรับข้าพเจ้า พระองค์ทรงงานอย่างหนัก พระทัยดี ทรงมีความยุติธรรม ทรงเป็นบุคคลที่มีความพยายาม มุ่งมั่น ทำเพื่อประเทศชาติ
ข้าพเจ้าอยากจะให้เยาวชนไทยและคนไทย ยึดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแรงบันดาลใจในการปฏิบัติตน เพื่อดำรงชีวิตตามที่พระองค์ปฏิบัติ..."
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 191 พฤศจิกายน 2559)