• ธรรมะที่ใช้ต่อสู้กับงานหนัก
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระ ดิฉันมีปัญหาอยากเรียนถาม 2 ข้อค่ะ ข้อแรกคือธรรมะที่จะใช้ในการงานนั้นมีอะไรบ้างที่จะช่วยให้มีกำลังใจต่อสู้กับงานหนักได้ ส่วนอีกข้อคือ เราควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรคะ เมื่อตกอยู่ในสภาวะที่กดดันจากการงาน กราบขอบพระคุณที่เมตตาตอบคำถามค่ะ
วิสัชนา : ข้อแรกเริ่มต้นจากศรัทธา สร้างความรักในหน้าที่การงานที่เราลงไม้ลงมือกระทำ รักในสังคม รักในเพื่อนพ้อง ขอเพียงมีความรักอะไรก็ไม่ลำบาก ให้ทุกข์ยากเดือดร้อนอะไรก็ทนได้ เพราะฉะนั้นถ้าเรารักในกิจกรรมที่ทำที่นำเสนอ อะไรมันก็รับได้เสมอ แต่ถ้าคุณไม่รัก อะไรมันก็น่าเบื่อ ลำบาก และทุกข์ยากไปหมด เพราะฉะนั้น โรคเบื่อ โรคท้อแท้หงุดหงิด รำคาญ ฟุ้งซ่าน อึดอัดขัดเคือง เป็นเพราะความรักของคุณน้อยลง เมื่อมีความรักน้อยลงในใจ อะไรๆมันก็คับแคบไปหมด ตึกใหญ่ๆก็กลายเป็นที่คับแคบ สถานที่ที่เป็นรมณียสถาน ก็อาจกลายเป็นคุกที่กักขังเรา เพราะฉะนั้นเรื่องทุกชนิดทำมันด้วยความรัก แล้วคุณจะรู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่คุณทำ พูด คิด
ข้อสอง อะไรก็ตามที่มันจะบีบคั้นในใจ ถ้าคุณมีความรักที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครทำให้คุณต้องลำบากได้หรอก เพราะความรักทำให้มีน้ำใจ รู้จักให้อภัย รักชีวิต รักสรรพสิ่ง รักการงาน รักครอบครัว ไม่มีใครจะบีบคั้นให้คุณทุกข์ทรมานได้เลย ต้องทำให้ความรักมันมีมากขึ้น แล้วคุณจะรู้ว่าสังคมรอบด้านมีชีวิตชีวา
• ควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้
ปุจฉา : กราบหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพ ดิฉันเป็นคนที่ปกติก็เฉยๆ แต่ถ้ามีปัญหาที่เพื่อนร่วมงานทำงานผิดพลาด จนทำให้ดิฉันต้องถูกหัวหน้าตำหนิไปด้วย ดิฉันมักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ และระบายความโกรธออกมาทุกครั้ง เช่น พูดจาเสียงดังกว่าปกติ หรือตวาดเพื่อนร่วมงานที่ทำงานผิดพลาด บางทีก็หยิบจับข้าวของแบบกระแทกกระทั้น ทั้งๆที่ดิฉันเองก็รู้ว่าไม่ดี แต่ไม่รู้ว่าควรจะแก้ไขอย่างไร ขอให้หลวงปู่เมตตาชี้ทางให้ด้วยค่ะ
วิสัชนา: รู้จักแผ่เมตตาไว้บ้างว่าขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข แล้วต้องคิดว่าถ้าเราโกรธเขาด้วยเหตุปัจจัยที่เขาทำผิดทำพลาด เราก็ต้องเข้าใจว่าเขาทำเพราะความโง่ คือความไม่รู้ แต่เรากลับโกรธคนที่ไม่รู้นั้น เราจะกลายเป็นคนที่โง่กว่าคนไม่รู้ แสดงว่าเราไม่รู้ยิ่งกว่าเขา และสิ่งหนึ่งที่ไม่รู้ยิ่งกว่าเขาก็คือไม่รู้จักตัวเอง และไม่รู้จักให้อภัย เพราะฉะนั้น สิ่งหนึ่งที่ผู้รู้ควรทำคือมีน้ำใจ ให้อภัย และเมตตาอาทร เราก็จะหายโกรธ
วิธีแก้ความโกรธได้ดีที่สุดคือสร้างปัญญา ต่อมาคือสร้างเมตตา และสร้างแรงจูงใจที่จะชี้นำความคิดของตน เช่น ส่องกระจกดูหน้าตัวเองตอนโกรธบ้าง ดูพฤติกรรมตัวเองตอนโกรธบ้าง ดูชีวิตจิตวิญญาณตัวเองบ้าง แล้วเราจะรู้ว่ามันมีประโยชน์หรือมีโทษ แล้วเราก็จะเลิกมันได้ในที่สุด
• รู้ได้ไงว่ามีของดีอยู่ในตัว
ปุจฉา : หลวงปู่ครับ ผมเคยฟังหลวงปู่สอนว่า ให้พิจารณาของดีที่มีอยู่ในตัวเอง ผมจึงสงสัยว่า เราจะทราบได้อย่างไรเกี่ยวกับของดีที่มีอยู่ในตัวเอง แล้วการที่เราจะเรียนรู้ตัวเอง จะต้องเริ่มอย่างไรครับ
วิสัชนา : คนทุกคนมีของดีทั้งนั้น ถ้าไม่มีของดี มันก็ไม่เป็นคน แต่เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก
ปัญหาของพวกเราก็คือ เราลืมที่จะค้นหาของดี มันก็เลยไม่คิดว่า ตัวเองมีของดี แล้วก็เลยไปอาศัยดีจากคนอื่น หลวงปู่เขียนบทโศลกขึ้นมาสอนไว้อีกบทว่า “ลูกรัก จงปลุกครูผู้มีใจอารีที่แสนดีและนอนนิ่งหลับใหลอยู่ในตัวเจ้าให้ตื่นขึ้นมา แล้วเมื่อครูผู้ใจอารีนี้ตื่นขึ้นมาอย่างองอาจสง่างามแล้ว ทีนี้เจ้าไม่ต้องถามว่า เจ้าควรทำอะไร และไม่ควรทำอะไร เพราะนั่นคือหน้าที่ของครูจะบอกเจ้าทุกเมื่อเชื่อวัน”
ปัญหาสำคัญ คือ เราไม่เชื่อว่าเรามีครูผู้ใจอารีที่นอนนิ่งสถิตย์อยู่ภายใน เราก็ไปแสวงหาครูภายนอก เพราะฉะนั้น ถ้ามีความสามารถที่จะปลุกครูผู้ใจอารีที่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ภายในให้ตื่นขึ้นมาได้ นั่นแหละคือครูผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ครูข้างนอกน่ะ อย่างหลวงปู่ เจอกันเดือนละไม่กี่ครั้ง แต่ครูภายในเจอได้ทุกครั้ง ได้ทุกนาที ได้ทุกลมหายใจเข้าและออก
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 187 กรกฎาคม 2559 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระ ดิฉันมีปัญหาอยากเรียนถาม 2 ข้อค่ะ ข้อแรกคือธรรมะที่จะใช้ในการงานนั้นมีอะไรบ้างที่จะช่วยให้มีกำลังใจต่อสู้กับงานหนักได้ ส่วนอีกข้อคือ เราควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรคะ เมื่อตกอยู่ในสภาวะที่กดดันจากการงาน กราบขอบพระคุณที่เมตตาตอบคำถามค่ะ
วิสัชนา : ข้อแรกเริ่มต้นจากศรัทธา สร้างความรักในหน้าที่การงานที่เราลงไม้ลงมือกระทำ รักในสังคม รักในเพื่อนพ้อง ขอเพียงมีความรักอะไรก็ไม่ลำบาก ให้ทุกข์ยากเดือดร้อนอะไรก็ทนได้ เพราะฉะนั้นถ้าเรารักในกิจกรรมที่ทำที่นำเสนอ อะไรมันก็รับได้เสมอ แต่ถ้าคุณไม่รัก อะไรมันก็น่าเบื่อ ลำบาก และทุกข์ยากไปหมด เพราะฉะนั้น โรคเบื่อ โรคท้อแท้หงุดหงิด รำคาญ ฟุ้งซ่าน อึดอัดขัดเคือง เป็นเพราะความรักของคุณน้อยลง เมื่อมีความรักน้อยลงในใจ อะไรๆมันก็คับแคบไปหมด ตึกใหญ่ๆก็กลายเป็นที่คับแคบ สถานที่ที่เป็นรมณียสถาน ก็อาจกลายเป็นคุกที่กักขังเรา เพราะฉะนั้นเรื่องทุกชนิดทำมันด้วยความรัก แล้วคุณจะรู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่คุณทำ พูด คิด
ข้อสอง อะไรก็ตามที่มันจะบีบคั้นในใจ ถ้าคุณมีความรักที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครทำให้คุณต้องลำบากได้หรอก เพราะความรักทำให้มีน้ำใจ รู้จักให้อภัย รักชีวิต รักสรรพสิ่ง รักการงาน รักครอบครัว ไม่มีใครจะบีบคั้นให้คุณทุกข์ทรมานได้เลย ต้องทำให้ความรักมันมีมากขึ้น แล้วคุณจะรู้ว่าสังคมรอบด้านมีชีวิตชีวา
• ควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้
ปุจฉา : กราบหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพ ดิฉันเป็นคนที่ปกติก็เฉยๆ แต่ถ้ามีปัญหาที่เพื่อนร่วมงานทำงานผิดพลาด จนทำให้ดิฉันต้องถูกหัวหน้าตำหนิไปด้วย ดิฉันมักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ และระบายความโกรธออกมาทุกครั้ง เช่น พูดจาเสียงดังกว่าปกติ หรือตวาดเพื่อนร่วมงานที่ทำงานผิดพลาด บางทีก็หยิบจับข้าวของแบบกระแทกกระทั้น ทั้งๆที่ดิฉันเองก็รู้ว่าไม่ดี แต่ไม่รู้ว่าควรจะแก้ไขอย่างไร ขอให้หลวงปู่เมตตาชี้ทางให้ด้วยค่ะ
วิสัชนา: รู้จักแผ่เมตตาไว้บ้างว่าขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข แล้วต้องคิดว่าถ้าเราโกรธเขาด้วยเหตุปัจจัยที่เขาทำผิดทำพลาด เราก็ต้องเข้าใจว่าเขาทำเพราะความโง่ คือความไม่รู้ แต่เรากลับโกรธคนที่ไม่รู้นั้น เราจะกลายเป็นคนที่โง่กว่าคนไม่รู้ แสดงว่าเราไม่รู้ยิ่งกว่าเขา และสิ่งหนึ่งที่ไม่รู้ยิ่งกว่าเขาก็คือไม่รู้จักตัวเอง และไม่รู้จักให้อภัย เพราะฉะนั้น สิ่งหนึ่งที่ผู้รู้ควรทำคือมีน้ำใจ ให้อภัย และเมตตาอาทร เราก็จะหายโกรธ
วิธีแก้ความโกรธได้ดีที่สุดคือสร้างปัญญา ต่อมาคือสร้างเมตตา และสร้างแรงจูงใจที่จะชี้นำความคิดของตน เช่น ส่องกระจกดูหน้าตัวเองตอนโกรธบ้าง ดูพฤติกรรมตัวเองตอนโกรธบ้าง ดูชีวิตจิตวิญญาณตัวเองบ้าง แล้วเราจะรู้ว่ามันมีประโยชน์หรือมีโทษ แล้วเราก็จะเลิกมันได้ในที่สุด
• รู้ได้ไงว่ามีของดีอยู่ในตัว
ปุจฉา : หลวงปู่ครับ ผมเคยฟังหลวงปู่สอนว่า ให้พิจารณาของดีที่มีอยู่ในตัวเอง ผมจึงสงสัยว่า เราจะทราบได้อย่างไรเกี่ยวกับของดีที่มีอยู่ในตัวเอง แล้วการที่เราจะเรียนรู้ตัวเอง จะต้องเริ่มอย่างไรครับ
วิสัชนา : คนทุกคนมีของดีทั้งนั้น ถ้าไม่มีของดี มันก็ไม่เป็นคน แต่เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก
ปัญหาของพวกเราก็คือ เราลืมที่จะค้นหาของดี มันก็เลยไม่คิดว่า ตัวเองมีของดี แล้วก็เลยไปอาศัยดีจากคนอื่น หลวงปู่เขียนบทโศลกขึ้นมาสอนไว้อีกบทว่า “ลูกรัก จงปลุกครูผู้มีใจอารีที่แสนดีและนอนนิ่งหลับใหลอยู่ในตัวเจ้าให้ตื่นขึ้นมา แล้วเมื่อครูผู้ใจอารีนี้ตื่นขึ้นมาอย่างองอาจสง่างามแล้ว ทีนี้เจ้าไม่ต้องถามว่า เจ้าควรทำอะไร และไม่ควรทำอะไร เพราะนั่นคือหน้าที่ของครูจะบอกเจ้าทุกเมื่อเชื่อวัน”
ปัญหาสำคัญ คือ เราไม่เชื่อว่าเรามีครูผู้ใจอารีที่นอนนิ่งสถิตย์อยู่ภายใน เราก็ไปแสวงหาครูภายนอก เพราะฉะนั้น ถ้ามีความสามารถที่จะปลุกครูผู้ใจอารีที่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ภายในให้ตื่นขึ้นมาได้ นั่นแหละคือครูผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ครูข้างนอกน่ะ อย่างหลวงปู่ เจอกันเดือนละไม่กี่ครั้ง แต่ครูภายในเจอได้ทุกครั้ง ได้ทุกนาที ได้ทุกลมหายใจเข้าและออก
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 187 กรกฎาคม 2559 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)