กระแสสังคมยุคนี้ให้ความสำคัญกับความคิดด้านบวกเป็นอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครๆก็อยากปรับเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนคิดบวกกันทั้งนั้น เพราะคนที่มองโลกในแง่ดี นับว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง ขณะที่ความคิดด้านลบถือเป็นตัวร้ายที่อันตรายต่อการใช้ชีวิต เพราะคงไม่มีใครอยากคบหาสมาคมด้วยหรอกนะ
หลายคนคิดว่าการเปลี่ยนจากคนมองโลกแง่ร้ายให้กลายเป็นดี เป็นเรื่องยาก แต่จริงๆแล้วไม่ยากเลย ถ้าลองเริ่มต้นทำตามวิธีง่ายๆ เหล่านี้
1. ขอบคุณสิ่งดีๆในชีวิต
พื้นฐานสำคัญที่จะเปลี่ยนคนมองโลกแง่ร้ายให้กลายเป็นดีได้ เริ่มจากการเรียนรู้ที่จะขอบคุณสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง คนรอบข้าง วัตถุสิ่งของ แม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า และสัตว์เลี้ยงแสนรัก
เพราะเมื่อเข้าใจว่า สรรพสิ่งทั้งหลายต่างทำหน้าที่ของมัน อาจนำทั้งเรื่องดีและร้ายเข้ามาในชีวิต และรู้จักแยกแยะ ขอบคุณสิ่งดีๆที่ทำให้เป็นสุข จดจำสิ่งแย่ๆไว้เป็นบทเรียน ความคิดแง่ร้ายก็จะค่อยๆกลายเป็นดีได้ในที่สุด
2. เลิกดราม่า
คนที่ชอบดราม่า วิพากษ์วิจารณ์พร่ำบ่น จิกกัดทุกเรื่องและทุกคนบนโลกใบนี้ เพราะมองเห็นทุกอย่างเลวร้ายไปหมดนั้น ควรปรับปรุงนิสัยนี้ด่วนจี๋ เพราะจะกลายเป็นคนน่ารำคาญ ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้
จำไว้ว่า เหรียญมีสองด้าน ทุกสิ่งทุกอย่างจึงมีทั้งดีและไม่ดีในตัวเอง ไม่มีอะไรดีไปทั้งหมด และไม่มีอะไรเลวไปทั้งหมดเช่นกัน ดังนั้น พยายามมองหาสิ่งดีมากกว่าสิ่งเลว แล้วคุณจะค่อยๆกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดีขึ้นได้
3. อยู่ท่ามกลางคนคิดบวก
การอยู่ใกล้ชิดกับคนแบบไหนนานๆ ก็มีแนวโน้มที่เราจะกลายเป็นคนแบบนั้นด้วย ดังนั้น ต้องฉลาดในการเลือกคบคน ดังเช่นคำโบราณสอนไว้ว่า “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล”
เพราะฉะนั้น ถ้าไปคบคนที่ชอบมองโลกในแง่ร้าย เราก็จะมองโลกแง่ร้ายไปด้วย ขณะเดียวกัน ถ้าได้คบคนที่มองโลกในแง่ดี เป็นกัลยาณมิตร ก็จะทำให้เราซึมซับความคิดดีๆ ที่ช่วยส่งเสริมและนำพาสิ่งดีๆ แล้วชีวิตจะมีแต่เรื่องดีๆผ่านเข้ามาเสมอ
4. อย่ายึดมั่นถือมั่น
พุทธศาสนาสอนว่า ทุกอย่างในโลกนี้เป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ถ้าคนคิดลบหัดมองเช่นนี้บ่อยๆ ก็จะเข้าใจความจริงของชีวิต และมองโลกในด้านบวกมากยิ่งขึ้น ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ว่าดีหรือร้าย มันก็เป็นไปตามกฎแห่งความไม่เที่ยงแท้แน่นอนนี่เอง
5. มีเมตตากรุณา
ความเมตตากรุณา คือ ความสงสาร อยากช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ การแสดงความเมตตากรุณา เป็นสิ่งง่ายๆ ที่จะสร้างความรู้สึกดีๆให้เกิดขึ้นแก่ตัวผู้ให้และผู้รับ
คนที่คิดแต่แง่ลบ มองเห็นแต่เรื่องเลวร้าย ลองหัดมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่นดูบ้าง เช่น ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก เป็นอาสาสมัครช่วยคนพิการ ฯลฯ เชื่อว่าการมีเมตตากรุณาอยู่ในจิตใจเสมอ จะเปลี่ยนให้คุณกลายเป็นคนคิดบวกได้จริงๆ
6. ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์
เทรนด์การใช้ชีวิตที่กำลังฮิตสุดๆในตอนนี้ คือ “สโลว์ไลฟ์” ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตประจำวันที่แสนจะวุ่นวาย ยุ่งเหยิง ได้ผ่อนคลายลงบ้าง ลองหาเวลาให้กับตัวเองในการใช้ชีวิตแบบช้าๆ ใคร่ครวญสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ทำกิจกรรมต่างๆที่ชื่นชอบ อาทิ ดูหนัง ฟังเพลง เดินเล่น ออกกำลังกาย ท่องเที่ยว เป็นต้น
ซึ่งนอกจากจะเป็นการชาร์ตแบตให้ตัวเองแล้ว ยังได้มุมมองใหม่ๆที่ทำให้มองโลกในแง่ดีขึ้นด้วย
7. ร่าเริง สนุกสนานเข้าไว้
“ยิ้มได้เมื่อภัยมา” เป็นวิธีง่ายๆที่จะขจัดความคิดด้านลบที่เกิดขึ้น คือ การทำตัวให้ร่าเริง สนุกสนาน แม้ว่าจะต้องเผชิญกับเรื่องร้ายๆก็ตาม
เพียงคุณเปลี่ยนมุมปากที่ตกให้หงายขึ้น เปลี่ยนคิ้วที่ขมวดให้คลายปม เปลี่ยนเสียงเศร้าสร้อยกลายเป็นเสียงหัวเราะ โลกก็พลันสว่างไสวและยิ้มไปกับคุณเช่นกัน
8. รู้จักให้อภัย
มหาบุรุษโลก “มหาตมะ คานธี” เคยกล่าวว่า “ผู้ที่อ่อนแอไม่สามารถให้อภัยใครได้ เพราะการให้อภัยได้นั้น นับเป็นความเข้มแข็งที่แท้จริง”
อดีตก็คืออดีต แก้ไขอะไรมิได้ แต่สิ่งที่ทำได้ในปัจจุบันคือ เรียนรู้ความผิดพลาดในอดีต และรู้จักให้อภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้อภัยตัวเอง เพราะความสุขและความคิดบวกจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากเรายังติดอยู่กับเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมา
9. หยุดมโนถึงสิ่งเลวร้าย
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต จงมองว่าจะมีสิ่งดีๆตามมาเสมอ ดังคำกล่าวที่ฟังกันจนชินหูว่า “หลังฝนตก ท้องฟ้าย่อมแจ่มใส” ซึ่งเป็นความจริง
เพราะฉะนั้น ต้องหยุดมโนถึงสิ่งเลวร้าย หันไปมองสิ่งดีๆที่มีอยู่ หรือสิ่งดีที่กำลังจะเกิดขึ้นดีกว่า เพราะนั่นจะทำให้คุณกลายเป็นคนคิดบวกโดยไม่รู้ตัว
10. ปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติธรรม เช่น การนั่งสมาธิภาวนานั้น มีประโยชน์ต่อสุขภาพกายและใจ ทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย โปร่งเบาสบาย สมองแจ่มใส คิดอะไรได้รวดเร็ว และที่สำคัญสิ่งที่คิดนั้นเป็นการคิดบวก เพราะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตามเป็นจริง
และมีการศึกษาวิจัยยืนยันแล้ว่า คนที่ปฏิบัติธรรมทำสมาธิสม่ำเสมอ มีแนวโน้มเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากกว่าคนที่ไม่เคยทำสมาธิเลย
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 186 มิถุนายน 2559 โดย ประกายรุ้ง)
หลายคนคิดว่าการเปลี่ยนจากคนมองโลกแง่ร้ายให้กลายเป็นดี เป็นเรื่องยาก แต่จริงๆแล้วไม่ยากเลย ถ้าลองเริ่มต้นทำตามวิธีง่ายๆ เหล่านี้
1. ขอบคุณสิ่งดีๆในชีวิต
พื้นฐานสำคัญที่จะเปลี่ยนคนมองโลกแง่ร้ายให้กลายเป็นดีได้ เริ่มจากการเรียนรู้ที่จะขอบคุณสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง คนรอบข้าง วัตถุสิ่งของ แม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า และสัตว์เลี้ยงแสนรัก
เพราะเมื่อเข้าใจว่า สรรพสิ่งทั้งหลายต่างทำหน้าที่ของมัน อาจนำทั้งเรื่องดีและร้ายเข้ามาในชีวิต และรู้จักแยกแยะ ขอบคุณสิ่งดีๆที่ทำให้เป็นสุข จดจำสิ่งแย่ๆไว้เป็นบทเรียน ความคิดแง่ร้ายก็จะค่อยๆกลายเป็นดีได้ในที่สุด
2. เลิกดราม่า
คนที่ชอบดราม่า วิพากษ์วิจารณ์พร่ำบ่น จิกกัดทุกเรื่องและทุกคนบนโลกใบนี้ เพราะมองเห็นทุกอย่างเลวร้ายไปหมดนั้น ควรปรับปรุงนิสัยนี้ด่วนจี๋ เพราะจะกลายเป็นคนน่ารำคาญ ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้
จำไว้ว่า เหรียญมีสองด้าน ทุกสิ่งทุกอย่างจึงมีทั้งดีและไม่ดีในตัวเอง ไม่มีอะไรดีไปทั้งหมด และไม่มีอะไรเลวไปทั้งหมดเช่นกัน ดังนั้น พยายามมองหาสิ่งดีมากกว่าสิ่งเลว แล้วคุณจะค่อยๆกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดีขึ้นได้
3. อยู่ท่ามกลางคนคิดบวก
การอยู่ใกล้ชิดกับคนแบบไหนนานๆ ก็มีแนวโน้มที่เราจะกลายเป็นคนแบบนั้นด้วย ดังนั้น ต้องฉลาดในการเลือกคบคน ดังเช่นคำโบราณสอนไว้ว่า “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล”
เพราะฉะนั้น ถ้าไปคบคนที่ชอบมองโลกในแง่ร้าย เราก็จะมองโลกแง่ร้ายไปด้วย ขณะเดียวกัน ถ้าได้คบคนที่มองโลกในแง่ดี เป็นกัลยาณมิตร ก็จะทำให้เราซึมซับความคิดดีๆ ที่ช่วยส่งเสริมและนำพาสิ่งดีๆ แล้วชีวิตจะมีแต่เรื่องดีๆผ่านเข้ามาเสมอ
4. อย่ายึดมั่นถือมั่น
พุทธศาสนาสอนว่า ทุกอย่างในโลกนี้เป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ถ้าคนคิดลบหัดมองเช่นนี้บ่อยๆ ก็จะเข้าใจความจริงของชีวิต และมองโลกในด้านบวกมากยิ่งขึ้น ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ว่าดีหรือร้าย มันก็เป็นไปตามกฎแห่งความไม่เที่ยงแท้แน่นอนนี่เอง
5. มีเมตตากรุณา
ความเมตตากรุณา คือ ความสงสาร อยากช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ การแสดงความเมตตากรุณา เป็นสิ่งง่ายๆ ที่จะสร้างความรู้สึกดีๆให้เกิดขึ้นแก่ตัวผู้ให้และผู้รับ
คนที่คิดแต่แง่ลบ มองเห็นแต่เรื่องเลวร้าย ลองหัดมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่นดูบ้าง เช่น ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก เป็นอาสาสมัครช่วยคนพิการ ฯลฯ เชื่อว่าการมีเมตตากรุณาอยู่ในจิตใจเสมอ จะเปลี่ยนให้คุณกลายเป็นคนคิดบวกได้จริงๆ
6. ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์
เทรนด์การใช้ชีวิตที่กำลังฮิตสุดๆในตอนนี้ คือ “สโลว์ไลฟ์” ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตประจำวันที่แสนจะวุ่นวาย ยุ่งเหยิง ได้ผ่อนคลายลงบ้าง ลองหาเวลาให้กับตัวเองในการใช้ชีวิตแบบช้าๆ ใคร่ครวญสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ทำกิจกรรมต่างๆที่ชื่นชอบ อาทิ ดูหนัง ฟังเพลง เดินเล่น ออกกำลังกาย ท่องเที่ยว เป็นต้น
ซึ่งนอกจากจะเป็นการชาร์ตแบตให้ตัวเองแล้ว ยังได้มุมมองใหม่ๆที่ทำให้มองโลกในแง่ดีขึ้นด้วย
7. ร่าเริง สนุกสนานเข้าไว้
“ยิ้มได้เมื่อภัยมา” เป็นวิธีง่ายๆที่จะขจัดความคิดด้านลบที่เกิดขึ้น คือ การทำตัวให้ร่าเริง สนุกสนาน แม้ว่าจะต้องเผชิญกับเรื่องร้ายๆก็ตาม
เพียงคุณเปลี่ยนมุมปากที่ตกให้หงายขึ้น เปลี่ยนคิ้วที่ขมวดให้คลายปม เปลี่ยนเสียงเศร้าสร้อยกลายเป็นเสียงหัวเราะ โลกก็พลันสว่างไสวและยิ้มไปกับคุณเช่นกัน
8. รู้จักให้อภัย
มหาบุรุษโลก “มหาตมะ คานธี” เคยกล่าวว่า “ผู้ที่อ่อนแอไม่สามารถให้อภัยใครได้ เพราะการให้อภัยได้นั้น นับเป็นความเข้มแข็งที่แท้จริง”
อดีตก็คืออดีต แก้ไขอะไรมิได้ แต่สิ่งที่ทำได้ในปัจจุบันคือ เรียนรู้ความผิดพลาดในอดีต และรู้จักให้อภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้อภัยตัวเอง เพราะความสุขและความคิดบวกจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากเรายังติดอยู่กับเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมา
9. หยุดมโนถึงสิ่งเลวร้าย
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต จงมองว่าจะมีสิ่งดีๆตามมาเสมอ ดังคำกล่าวที่ฟังกันจนชินหูว่า “หลังฝนตก ท้องฟ้าย่อมแจ่มใส” ซึ่งเป็นความจริง
เพราะฉะนั้น ต้องหยุดมโนถึงสิ่งเลวร้าย หันไปมองสิ่งดีๆที่มีอยู่ หรือสิ่งดีที่กำลังจะเกิดขึ้นดีกว่า เพราะนั่นจะทำให้คุณกลายเป็นคนคิดบวกโดยไม่รู้ตัว
10. ปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติธรรม เช่น การนั่งสมาธิภาวนานั้น มีประโยชน์ต่อสุขภาพกายและใจ ทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย โปร่งเบาสบาย สมองแจ่มใส คิดอะไรได้รวดเร็ว และที่สำคัญสิ่งที่คิดนั้นเป็นการคิดบวก เพราะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตามเป็นจริง
และมีการศึกษาวิจัยยืนยันแล้ว่า คนที่ปฏิบัติธรรมทำสมาธิสม่ำเสมอ มีแนวโน้มเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากกว่าคนที่ไม่เคยทำสมาธิเลย
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 186 มิถุนายน 2559 โดย ประกายรุ้ง)
