xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารบ้านเรา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พุทธมณฑลจังหวัดสงขลา” วางศิลาฤกษ์แล้ว คาดว่าใช้งบ 230 ล้านบาท เสร็จใน 3 ปี
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2559 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างอาคารประดิษฐานพระประธานพุทธมณฑลจังหวัดสงขลา ซึ่งจะเป็นอาคารสังเวชนียสถานตำบลปฐมเทศนาพุทธมณฑล โดยมีพระธรรมวงศาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยนายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมงาน

นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ทุกจังหวัดจัดตั้ง “ศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา” เพื่อเป็นศูนย์รวมในการยึดเหนี่ยวจิตใจ พร้อมเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา การศึกษา การอบรม และเป็นสถานที่พักผ่อนทั้งทางกายและทางใจของพุทธศาสนิกชนในแต่ละพื้นที่

โดยจังหวัดสงขลาได้ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดสงขลา ได้ดำริในการจัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสงขลาขึ้น บริเวณทุ่งป่าเสม็ดงาม หมู่ที่ 6 ตำบลน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พื้นที่ประมาณ 117 ไร่ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยการจัดสร้างพระประธาน คือ พระพุทธสิหิงค์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตักกว้าง 29 เมตร สูง 40 เมตร เป็นพระพุทธรูปนั่ง ซึ่งการจัดสร้างพระพุทธสิหิงค์ ถือเป็นพระที่สื่อความหมายถึงความสงบสุข ความร่มเย็นของบ้านเมือง

อย่างไรก็ตาม สำหรับการจัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสงขลา คาดว่าใช้งบประมาณ 230 ล้านบาท โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ซึ่งในปี 2559 ใช้งบประมาณประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างพุทธมณฑลฯ และคาดว่าปลายปี 2560 จะสามารถใช้พื้นที่บางส่วนในการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น การเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับการประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของพระพุทธเจ้า โดยคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในกลางปี 2561

ราชบุรีเร่งขับเคลื่อน “ราชบุรี เมืองแห่งความจงรักภักดี”
นางณิทฐา แสวงทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีมีนโยบายขับเคลื่อนจังหวัดราชบุรีให้เป็นจังหวัดคุณธรรม เนื่องจากจังหวัดราชบุรีมีการดำเนินงานในเรื่องคุณธรรมความดีเป็นทุนเดิม และเป็นจังหวัดที่มีความพร้อม

ดังนั้น ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ร่วมกับจังหวัดราชบุรี และกลุ่มองค์กรเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดราชบุรี จึงมีแนวคิดร่วมกันในการขับเคลื่อนส่งเสริมคุณธรรมความดีของจังหวัด ภายใต้เป้าหมายที่ว่า “ราชบุรี เมืองแห่งความจงรักภักดี” โดยได้กำหนดประเด็นคุณธรรมหลักและตัวชี้วัดในการขับเคลื่อนไว้ว่า พอเพียง สามัคคี มีวินัย โดยมีเครือข่ายจากหลายภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น อาทิ เครือข่ายด้านการศึกษา เครือข่ายโรงพยาบาล เครือข่ายชุมชน ภาคประชาสังคม สภาองค์กรชุมชน และเครือข่ายด้านการศาสนา เป็นต้น

รัฐบาลจัดพิธีบรรพชาอุปสมบท 770 รูป เฉลิมพระเกียรติ “ในหลวง” ทรงครองราชย์ครบ 70 ปี
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานการประชุมคณะอนุกรรมการดำเนินการโครงการบรรพชาอุปสมบท 770 รูป เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 เปิดเผยว่า

โครงการบรรพชาอุปสมบท 770 รูป มีผู้เข้าร่วมอุปสมบทจำนวน 786 คน จากจังหวัดต่างๆ และกรุงเทพมหานคร โดยกรุงเทพมหานครจะอุปสมบทที่วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก 86 คน ส่วนที่เหลือจะอุปสมบทที่จังหวัดของตนเองจังหวัดละ 9 คน

โดยวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งตรงกับวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี จะมีพิธีทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งพระสงฆ์ 786 รูป และพระราชาคณะ 10 รูป จะรับบิณฑบาตเวลา 07.30 น. บริเวณพระบรมมหาราชวังด้านถนนสนามไชยและด้านถนนหน้าพระลาน และเจริญพระพุทธมนต์เวลา 09.09 น. ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

กรมแพทย์แผนไทยฯ ประกาศให้ ศิลาจารึกวัดราชโอรสารามฯ เป็นตำรายาของชาติ
นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า หลังประเทศไทยมี พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 และให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีอำนาจประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทย หรือตำราการแพทย์แผนไทย ที่มีประโยชน์ในทางการแพทย์และสาธารณสุข ให้เป็นตำรับยาแผนไทย หรือตำราการแพทย์แผนไทยของชาติ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎหมายคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแล้วหลายฉบับ โดยเฉพาะกฎกระทรวง เรื่อง การประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยของชาติ หรือตำราการแพทย์แผนไทยของชาติ พ.ศ. 2558

ล่าสุดได้มีประกาศ ฉบับ 3 ประกาศให้ “ศิลาจารึกวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร” จำนวน 50 แผ่น (186 ตำรับ) เป็นตำราการแพทย์แผนไทยของชาติ และตำรับยาแผนไทยของชาติ ซึ่งกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ได้รวบรวมเนื้อหาจากศิลาจารึกของวัดราชโอรสารามฯ จัดพิมพ์เป็นชุดตำราภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยฉบับอนุรักษ์ จำนวน 1,000 เล่ม แจกจ่ายห้องสมุด และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อจะได้สะดวกสำหรับผู้อ่านที่ต้องการเข้าถึงสาระเกี่ยวกับตำรายาเป็นประการสำคัญ สามารถอ่านเข้าใจเนื้อหาและนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยผู้สนใจสามารถขออนุญาตนำตำรับยาของชาติใช้ประโยชน์ ติดต่อที่กองคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย และพื้นบ้านไทย โทร. 0-2591-7007

วธ.เตรียมทุ่มงบ 60 ล้านบาท บูรณะโบราณสถาน แผ่นดินไหวเนปาลปี 58
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังการประชุมพิจารณาการให้ความช่วยเหลือบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานในประเทศเนปาล ซึ่งที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี 2558 ว่า ได้รับรายงานจากกรมศิลปากรว่า ทางกรมโบราณคดีประเทศเนปาลได้สำรวจโบราณสถานได้รับความเสียหายทั้งหมด 745 แห่ง มีโบราณสถานที่พังทลายจนสิ้นสภาพ 133 แห่ง พังทลายบางส่วน 97 แห่งและได้รับความเสียหายบางส่วน 515 แห่ง ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นมรดกโลกหลายแห่ง จากการสำรวจของผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากร พบว่าแหล่งโบราณสถานของเนปาล ส่วนใหญ่เป็นงานฝีมือบนชิ้นงานสำริด งานแกะสลักไม้ งานประดับตกแต่งด้วยอิฐและดินเผา และได้มีการตรวจสอบทางวิศวกรรม ค้ำยันเสริมความมั่นคง เคลื่อนย้ายและจัดเก็บโบราณวัตถุ ชิ้นส่วนมีค่าและขนย้ายเศษซากปรักหักพังออกจากพื้นที่โบราณสถานส่วนใหญ่แล้ว

นายวีระ กล่าวต่อว่า คณะผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากร ได้ลงพื้นที่สำรวจใน 4 เมือง คือกรุงกาฐมัณฑุ เมืองปัคตาปูร์ เมืองลลิตปูร์ และเมืองกีรติปูร์ เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบประเมินความเป็นไปได้ในการให้ความช่วยเหลือด้านการบูรณะมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับความเสียหาย จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ 1. สวยมภู 2 แห่ง คือ สันติวิหาร และอนันทปุระ 2. เมืองปาทาน- ลลิตปูร์ 3 แห่ง คือ มหาพุทธะ วัดเงิน และวัดทอง และ 3. เมืองกีรติปูร์ 1 แห่ง คือ สถูปจรัญโช

โดยเบื้องต้นคาดว่าทั้ง 6 แห่ง จะใช้งบประมาณราว 60 ล้านบาท

สธ.ให้บริการคลินิกชะลอไตเสื่อมใน รพ.ครบ 100% เพิ่มศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อผู้ป่วยโรคไต
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคเรื้อรังมากขึ้น โดยเฉพาะเบาหวาน และความดันโลหิตสูง เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อนไตเรื้อรังซึ่งมีประมาณ 7.6 ล้านคน มีผู้ป่วยรายใหม่ปีละประมาณ 1 หมื่นคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ในจำนวนนี้ป่วยระยะสุดท้ายกว่า 70,000 คน ต้องฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง สร้างความทุกข์ทรมานให้ผู้ป่วย และเสียค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือสิทธิการรักษา ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ต้องรักษาโดยวิธีบำบัดทดแทนไต คือ 2 แสนบาทต่อคนต่อปี

กระทรวงสาธารณสุขจึงได้มีนโยบายรณรงค์คัดกรองประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป เพื่อค้นพบผู้ป่วยหรือมีความเสี่ยงป่วยได้เร็วขึ้น รักษาเร็วขึ้น ลดการป่วยและเสียชีวิต หากพบความเสี่ยงจะตรวจเลือดและโปรตีนในปัสสาวะ เพื่อประเมินความสามารถในการทำงานของไต เพื่อจัดระบบการรักษาให้เหมาะสมกับระยะของการเจ็บป่วย ส่งผลดีต่อผู้ป่วย และลดจำนวนผู้ป่วยที่จะเข้าสู่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย

ซึ่งขณะนี้ได้ให้บริการคลินิกชะลอไตเสื่อมในในโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียง จนถึงโรงพยาบาลศูนย์ครบทุกแห่งทั่วประเทศ โดยมีทีมสหวิชาชีพ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพ และนักโภชนาการ ดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังแบบองค์รวม ช่วยยืดระยะเวลาไตเสื่อมได้อีก 7 ปี

ทั้งนี้ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายกว่า 20 องค์กร ผลักดันนโยบายการลดบริโภคเกลือและโซเดียมเพื่อลดโรคไม่ติดต่อ และจัดทำร่างยุทธศาสตร์ลดบริโภคเกลือ(โซเดียม)ในประเทศไทย ตลอดจนจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อควบคุมการบริโภคเกลือและโซเดียม เป็นการป้องกันโรคไตเรื้อรังอย่างยั่งยืน

นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขจะต้องเร่งรัดดำเนินการไปพร้อมๆ กันคือ การรับบริจาคอวัยวะ เพื่อให้ผู้ป่วยโรคไตได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ลดระยะเวลารอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะ เพิ่มการรอดชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ และเพิ่มอัตราการคงอยู่ของอวัยวะที่ปลูกถ่าย ซึ่งขณะนี้คนบริจาคน้อย ทำให้ขาดแคลนอวัยวะบริจาค รวมทั้งคุณภาพของอวัยวะที่บริจาคคุณภาพไม่ดี จึงได้มีนโยบายเพิ่มศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะเขตสุขภาพละ 1 แห่ง และเพิ่มศูนย์รับบริจาคอวัยวะในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง เพื่อให้ผู้ป่วยที่รอการเปลี่ยนไตมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 186 มิถุนายน 2559 โดย กองบรรณาธิการ)
กำลังโหลดความคิดเห็น