xs
xsm
sm
md
lg

ใส่ใจสุขภาพ : 7 นิสัยดูดี แต่ทำร้ายร่างกายสุดๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คนส่วนใหญ่รู้กันดีว่า หากต้องการมีสุขภาพที่ดี เริ่มต้นได้ง่ายๆด้วยการกินอาหารตามหลักโภชนาการ ออกกำลังกาย และนอนหลับให้เพียงพอ ซึ่งเมื่อทำอย่างสม่ำเสมอ จะกลายเป็นนิสัยที่ดีติดตัวเราไป ช่วยให้พลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง

หากแต่มีนิสัยบางอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจว่าทำแล้วดี จึงมักทำอย่างสม่ำเสมอ แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งที่ทำแล้วดูเหมือนดีนั้น กลับทำร้ายร่างกายสุดๆ

มาดูกันว่า อะไรบ้างที่ทำแล้วดูเหมือนดี แต่จริงๆแล้วไม่ดี ที่ควรเลิกอย่างเด็ดขาด

1. แปรงฟันทันทีหลังอาหารทุกมื้อ
นิสัยการแปรงฟันทันทีหลังอาหารทุกมื้อ อาจดูเป็นไอเดียดีที่ช่วยให้สุขภาพฟันแข็งแรง แต่มันจะดีกว่า หากยืดเวลาการแปรงฟันออกไปราว 30 นาที เนื่องจากกรดที่เกิดจากอาหารและเครื่องดื่มที่เรากินเข้าไปนั้น จะเกาะตามผิวฟันและทำลายเคลือบฟัน เมื่อแปรงฟันในภาวะที่เคลือบฟันอ่อนตัว จึงเท่ากับเป็นการขัดเคลือบฟันให้สึกกร่อนมากยิ่งขึ้น

วิธีง่ายๆที่จะช่วยลดกรดบนผิวฟัน คือการบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหลังกินอาหาร แล้วจึงแปรงฟันในตอนเช้าและก่อนนอน ที่สำคัญคือ ควรแปรงอย่างถูกวิธีในลักษณะหมุนเป็นวงกลม(โดยให้ขนแปรงชี้ทางปลายรากฟัน บิดข้อมือเพื่อให้ขนแปรงปัดผ่านมาทางตัวฟัน) ซึ่งจะช่วยให้คราบแบคทีเรียที่อยู่ระหว่างเหงือกและฟันหลุดออก ส่วนการแปรงฟันถูไปมาหรือขึ้นลง ไม่สามารถกำจัดคราบแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ซึ่งนำไปสู่โรคเหงือกได้ หรือหากแปรงแรงไป ก็จะทำให้เหงือกร่น

2. ดื่มแต่น้ำขวด
ความเข้าใจที่ว่า น้ำประปาดื่มไม่ได้ เพราะสะอาดไม่พอ อาจเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง จนนำไปสู่นิสัยการดื่มน้ำที่บรรจุขวดแทน ทำให้ต้องเสียเงินและอาจเสียสุขภาพโดยไม่จำเป็น เพราะน้ำบรรจุขวดอาจไม่มีสารฟลูออไรด์หรือมีไม่เพียงพอ ซึ่งคนวัยผู้ใหญ่จำนวนมากขาดสารนี้ ส่งผลให้ฟันผุ

ทางที่ดีควรดื่มน้ำประปาที่ผ่านระบบการกรองที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งปราศจากสิ่งเจือปน และยังมีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น แคลเซียม ฟลูออไรด์ และแมกนีเซียม

3. ใช้เจลล้างมือเป็นประจำ
นิสัยที่ชอบใช้เจลล้างมือทำความสะอาดทุกครั้งที่สัมผัสสิ่งสกปรกขณะอยู่นอกบ้าน (ยกเว้นในกรณีที่อยู่ในแหล่งที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค เช่น โรงพยาบาล) ขอให้หยุดคิดสักนิด เพราะการล้างมือด้วยสบู่และน้ำ นับว่าเพียงพอแล้ว หรือเมื่อมือสกปรกและหาที่ล้างไม่ได้ เจลล้างมืออาจช่วยได้ก็จริง แต่ควรอ่านฉลากก่อน

เพราะเมื่อเร็วๆนี้มีงานวิจัยที่เผยว่า เจลล้างมือหลายชนิดประกอบด้วยไตรโคลซาน ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ทำให้แบคทีเรียและไวรัสดื้อยาปฏิชีวนะ ซึ่งสบู่ยับยั้งแบคทีเรียก็มีส่วนผสมของสารนี้เช่นกัน ทางที่ดีควรเลือกสบู่ที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์อย่างน้อย 55% ซึ่งจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียขณะสัมผัสได้ถึง 98%

4. ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเพียงอย่างเดียว
การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เป็นการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 20 นาทีขึ้นไป เพื่อให้ระบบไหลเวียนโลหิตสูบฉีดและเผาผลาญไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก ปั่นจักรยาน เป็นต้น จึงช่วยลดน้ำหนักได้ดีที่สุด แต่หากออกกำลังกายแบบนี้เพียงอย่างเดียวจนเป็นนิสัย ร่างกายก็จะคุ้นเคยกับมัน และเริ่มเผาผลาญไขมันน้อยลงเรื่อยๆ

ทางที่ดี ควรสอดแทรกการออกกำลังกายแบบเซอร์กิตเทรนนิ่งเข้าไปด้วย ซึ่งเป็นการผสมผสานการออกกำลังกายแบบแอโรบิก แบบแรงต้าน และแบบยืดเหยียด เข้าด้วยกัน ที่จะช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อและเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้น

5. งดอาหารบางมื้อ
การไม่ได้รับประทานอาหารบางมื้อ เช่น มื้อเช้า เพราะไม่มีเวลา เนื่องจากต้องรีบไปทำงาน หรือตื่นสาย ทำให้กลายเป็นนิสัยที่คิดว่าก็ประหยัดดี แถมลดความอ้วนได้ด้วย เพราะผู้หญิงบางคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ก็งดอาหารเช่นกัน โดยหารู้ไม่ว่า การไม่กินอาหารเช้าหรือกลางวันนั้น จะยิ่งทำให้อยากกินและไวต่อสิ่งกระตุ้นมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การกินมากเกินไปในช่วงที่เหลือของวัน

วิธีที่ถูกต้องคือ ควรกินอาหารจำพวกโปรตีนในมื้อเช้าและกลางวัน ส่วนมื้อเย็นก็กินอาหารเบาๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น พืชผักผลไม้ ที่ไม่อิ่มจนเกินไปนัก ก็จะช่วยลดน้ำหนักได้

6. ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาดบ้าน
การทำความสะอาดบ้านเรือนให้ปราศจากเชื้อโรคตลอดเวลา อาจดูเป็นนิสัยดีที่ช่วยส่งเสริมสุขลักษณะของคนในบ้าน แต่การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่มีส่วนประกอบของสารต้านแบคทีเรียหรือฆ่าเชื้อโรค อาจให้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามก็เป็นได้

เนื่องจากไม่มีข้อพิสูจน์ว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากกว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป ทว่ามีหลักฐานสำคัญชี้ว่า QACs ซึ่งเป็นสารเคมีที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค อาจทำให้เป็นโรคหืด นอกจากนี้ยังมีสารเคมีอื่นๆ เช่น 2-Butoxyethanol ที่อาจก่อมะเร็ง และ Alkylphenol ethoxylates ที่อาจรบกวนการทำงานของฮอร์โมนต่างๆ

ดังนั้น การทำความสะอาดด้วยส่วนผสมของน้ำและน้ำส้มสายชู หรือเบคกิ้งโซดา ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีสารฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่หัวใจสำคัญก็คือ ควรทำความสะอาดบ้านเรือนเป็นประจำ ซึ่งจะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้เช่นกัน

7. กินอาหารเสริมมากไป
บางคนอาจต้องกินอาหารเสริม เพราะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนจากสาเหตุต่างๆ เช่น เจ็บป่วย ตั้งครรภ์ ลดความอ้วน การใช้ยาบางชนิด ฯลฯ

โดยปกติแล้ว ร่างกายคนเราจะได้รับสารอาหารจำพวกวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ จากอาหารที่กินเข้าไป คนที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จึงไม่จำเป็นต้องกินอาหารเสริม เพราะหากร่างกายได้รับเกินต้องการ ไม่แน่ว่าจะดีเสมอไป

แต่หลายคนชอบกินอาหารเสริมในรูปเม็ดจนติดเป็นนิสัย ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงรุนแรงหากกินมากเกินไป เช่น กินวิตามินเอมากไปจะเป็นพิษต่อทารกในครรภ์ กินวิตามินซีจำนวนมากทำให้เกิดปัญหากระเพาะอาหารและลำไส้ และขัดขวางฤทธิ์ยารักษาโรคเบาหวาน หรือกินวิตามินบี 6 มากเกินไป ส่งผลเสียต่อเส้นประสาท เป็นต้น

ดังนั้น หากพบว่าร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด เช่น แคลเซียม ลองหันมากินอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม อาทิ ปลาตัวเล็ก ผักขม นม

ในกรณีที่จำเป็นต้องกินอาหารเสริมจริงๆ ควรปรึกษาแพทย์ และอ่านฉลากผลิตภัณฑ์เพื่อให้แน่ใจว่าได้ตามมาตรฐานจริงๆ

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 185 พฤษภาคม 2559 โดย เบญญา)
กำลังโหลดความคิดเห็น