โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตvyoดับหนึ่งของคนไทยต่อเนื่อง จากการศึกษาพบว่า อาหารมีส่วนสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งประมาณ 30-50%
โรคมะเร็ง คือ กลุ่มโรคที่เกิดจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติที่ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์มีการเจริญเติบโตแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์อย่างรวดเร็ว และมากกว่าปกติ จึงอาจทำให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติและทำให้เกิดการตายของเซลล์ในก้อนเนื้อนั้น เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะการเจริญเติบโตของหลอดเลือด ถ้าเซลล์พวกนี้เกิดอยู่ในอวัยวะใดก็จะเรียกชื่อมะเร็งตามอวัยวะนั้น เช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมนํ้าเหลือง และมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
การรักษามะเร็งแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอวัยวะ ที่เป็นมะเร็ง ระยะของมะเร็ง สภาพร่างกายและความเหมาะสมของผู้ป่วยมะเร็ง การรักษาจะยากหรือง่ายนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็ง และการดำเนินโรคของมะเร็งด้วย
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของไทย มีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญจาก หนึ่ง สิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย เช่น สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนในอาหาร อากาศ เครื่องดื่ม ยารักษาโรค เป็นต้น รวมถึงการได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิบางชนิด และสอง ปัจจัยจากภายในร่างกาย เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม ความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกันและภาวะทุพโภชนาการ เป็นต้น
นอกจากนี้พบว่า อาหารมีส่วนสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งประมาณ 30-50% โดยเฉพาะอาหารที่มีราสีเขียว-สีเหลืองขึ้น อาหารที่มีไขมันสูง อาหารเค็มจัด ส่วนไหม้เกรียมของอาหารปิ้ง ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือ ดินประสิว อาหารจำพวกนี้จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็ง
หากใส่ใจต่อการเลือกรับประทานอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ออกกำลังกายสมํ่าเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด จะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็งได้
• 9 เคล็ดลับสู่อาหารต้านมะเร็ง
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา ได้แนะนำ 9 เคล็ดลับสู่อาหารต้านมะเร็ง ไว้ดังนี้
1. กินผักหลากสีทุกวันให้หลากหลาย หรือให้ครบ 5 สี เช่น มะเขือเทศ ฟักทอง แครอท คะน้า บล็อคโคลี่ ผักบุ้ง กวางตุ้ง ตำลึง กะหลํ่าสีม่วง มะเขือม่วง ผักกาดขาว ดอกแค เป็นต้น
2. ขยันหาผลไม้เป็นประจำ ผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
3. ทำอาหารธัญพืชและเส้นใย ธัญพืชเต็มเมล็ด คือ ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี หรือขัดสีน้อยที่สุด ทำให้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย เป็นต้น
4. ใส่เครื่องเทศเสริมรสชาติอาหาร เครื่องเทศมีสรรพคุณลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง และกระตุ้นระบบภูมิคุมกันได้
5. เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ชาเขียว นํ้าแครอท นํ้าส้ม นํ้าขิง เป็นต้น
6. อย่าลืมปรุงอาหารถูกวิธี หลีกเลี่ยงการปิ้งย่างจนไหม้เกรียม และอาหารแบบดิบๆสุกๆ โดยเฉพาะปลานํ้าจืดที่มีเกล็ด ไม่ใช้นํ้ามันทอดซํ้าหลายๆครั้ง
7. หลีกหนีอาหารไขมัน ได้แก่ ไขมันอิ่มตัว เช่น กะทิ เนย ไขมันสัตว์
8. หมั่นลดบริโภคเนื้อแดง ควรจำกัดการรับประทานเนื้อแดงให้เหลือเพียงสัปดาห์ละ 500 กรัม
9. เกลือแกง อาหารหมักดอง ต้องน้อยลง ในวันหนึ่งๆควรบริโภคเกลือไม่เกินวันละ 6 กรัม
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 184 เมษายน 2559 โดย กองบรรณาธิการ)
โรคมะเร็ง คือ กลุ่มโรคที่เกิดจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติที่ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์มีการเจริญเติบโตแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์อย่างรวดเร็ว และมากกว่าปกติ จึงอาจทำให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติและทำให้เกิดการตายของเซลล์ในก้อนเนื้อนั้น เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะการเจริญเติบโตของหลอดเลือด ถ้าเซลล์พวกนี้เกิดอยู่ในอวัยวะใดก็จะเรียกชื่อมะเร็งตามอวัยวะนั้น เช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมนํ้าเหลือง และมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
การรักษามะเร็งแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอวัยวะ ที่เป็นมะเร็ง ระยะของมะเร็ง สภาพร่างกายและความเหมาะสมของผู้ป่วยมะเร็ง การรักษาจะยากหรือง่ายนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็ง และการดำเนินโรคของมะเร็งด้วย
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของไทย มีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญจาก หนึ่ง สิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย เช่น สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนในอาหาร อากาศ เครื่องดื่ม ยารักษาโรค เป็นต้น รวมถึงการได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิบางชนิด และสอง ปัจจัยจากภายในร่างกาย เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม ความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกันและภาวะทุพโภชนาการ เป็นต้น
นอกจากนี้พบว่า อาหารมีส่วนสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งประมาณ 30-50% โดยเฉพาะอาหารที่มีราสีเขียว-สีเหลืองขึ้น อาหารที่มีไขมันสูง อาหารเค็มจัด ส่วนไหม้เกรียมของอาหารปิ้ง ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือ ดินประสิว อาหารจำพวกนี้จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็ง
หากใส่ใจต่อการเลือกรับประทานอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ออกกำลังกายสมํ่าเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด จะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็งได้
• 9 เคล็ดลับสู่อาหารต้านมะเร็ง
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา ได้แนะนำ 9 เคล็ดลับสู่อาหารต้านมะเร็ง ไว้ดังนี้
1. กินผักหลากสีทุกวันให้หลากหลาย หรือให้ครบ 5 สี เช่น มะเขือเทศ ฟักทอง แครอท คะน้า บล็อคโคลี่ ผักบุ้ง กวางตุ้ง ตำลึง กะหลํ่าสีม่วง มะเขือม่วง ผักกาดขาว ดอกแค เป็นต้น
2. ขยันหาผลไม้เป็นประจำ ผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
3. ทำอาหารธัญพืชและเส้นใย ธัญพืชเต็มเมล็ด คือ ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี หรือขัดสีน้อยที่สุด ทำให้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย เป็นต้น
4. ใส่เครื่องเทศเสริมรสชาติอาหาร เครื่องเทศมีสรรพคุณลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง และกระตุ้นระบบภูมิคุมกันได้
5. เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ชาเขียว นํ้าแครอท นํ้าส้ม นํ้าขิง เป็นต้น
6. อย่าลืมปรุงอาหารถูกวิธี หลีกเลี่ยงการปิ้งย่างจนไหม้เกรียม และอาหารแบบดิบๆสุกๆ โดยเฉพาะปลานํ้าจืดที่มีเกล็ด ไม่ใช้นํ้ามันทอดซํ้าหลายๆครั้ง
7. หลีกหนีอาหารไขมัน ได้แก่ ไขมันอิ่มตัว เช่น กะทิ เนย ไขมันสัตว์
8. หมั่นลดบริโภคเนื้อแดง ควรจำกัดการรับประทานเนื้อแดงให้เหลือเพียงสัปดาห์ละ 500 กรัม
9. เกลือแกง อาหารหมักดอง ต้องน้อยลง ในวันหนึ่งๆควรบริโภคเกลือไม่เกินวันละ 6 กรัม
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 184 เมษายน 2559 โดย กองบรรณาธิการ)