xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมบันเทิง : Point Break เลือกเส้นทางผิด ชีวิตไม่เจอนิพพาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สภาพภูมิศาสตร์ของทะเลทรายในรัฐอริโซน่า เป็นเนินทรายโค้งรูปคลื่น สลับกับโตรกผาหินขรุขระ ซึ่งสูงชันอันตราย แต่กลับเป็นความท้าทายของนักกีฬาเอ็กซ์ตรีมสองคน ได้แก่ “จอห์นนี ยูทาห์” และ “เจ๊ฟฟ์” ซึ่งกำลังขี่มอเตอร์ไซค์วิบากไปบนเนินทรายสูงชัน เส้นชัยก็คือ เนินผาหินตระหง่านที่แยกออกมาจากภูเขา

ทั้งคู่ต้องเร่งเครื่องให้มอเตอร์ไซค์ลอยข้ามมาจากหน้าผาอีกด้าน ยูทาห์ทำได้สำเร็จ ขณะที่เจ๊ฟฟ์ซึ่งเร่งความเร็วตามมาติดๆ แต่ทว่าจังหวะที่รถกระแทกพื้น เจ๊ฟฟ์ทรงตัวได้ไม่ดีพอ ท้ายรถจึงสะบัดตกไปที่ขอบหน้าผา แม้ยูทาห์พยายามจับมอเตอร์ไซต์ของเพื่อนรักไว้ แต่ก็ไม่อาจยื้อได้นาน และภาพสุดท้ายที่ยูทาห์เห็นคือ ร่างของเจ๊ฟฟ์ที่ร่วงตกผาไปพร้อมมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ

อุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้ “จอห์นนี ยูทาห์” นักกีฬาเอ็กซ์ตรีมผู้มีชื่อเสียง ตัดสินใจลาวงการอย่างไม่มีกำหนด เขาพยายามลืมอดีต และผันตัวไปสู่เส้นทางใหม่ โดยสมัครเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ด้วยพื้นฐานทักษะทางกีฬา ยูทาห์ไม่มีปัญหาในการทดสอบร่างกาย แต่การบรรจุเป็นเอฟบีไอ ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายนัก เจ้าหน้าที่ “ฮอลล์” หัวหน้าแผนก จึงยังไม่ตัดสินใจรับอดีตนักกีฬารายนี้ในทันที

แต่แล้วเหตุการณ์อาชญากรรมอย่างหนึ่ง ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ความฝันของยูทาห์ เข้าใกล้ความจริงมากขึ้น เมื่อมีคดีปล้นในรูปแบบที่ไม่ธรรมดา และมีพฤติกรรมประหลาดกว่าอาชญากรทั่วไป

นั่นคือการปล้นโดยอาศัยทักษะกีฬาเอ็กซ์ตรีม บิดมอเตอร์ไซค์ทะลุกระจกตึกสูง แล้วใช้ร่มชูชีพช่วย ตามมาด้วยการปล้นเครื่องบินขนธนบัตร เหนือน่านฟ้าเม็กซิโก ก่อนจะทิ้งตัวหายวับไปในผืนป่าดงดิบแบบไร้ร่องรอย

พฤติกรรมสุดแปลกของอาชญากรกลุ่มนี้ก็คือ ไม่สนใจเงินที่ปล้นแม้แต่ดอลลาร์เดียว ราวกับเป็นการป่วนเล่นๆ ขณะเดียวกันก็ทำตัวเหมือนโรบินฮู้ด เพราะการปล้นเหนือเวหาในเม็กซิโกนั้น ธนบัตรนับพันนับหมื่นร่วงหล่นปลิวกระจายลงไปยังหมู่บ้านที่แสนยากจน

เจ้าหน้าที่เอฟบีไอประชุมเครียดวิเคราะห์หาสาเหตุ รวมถึงคาดคะเนว่า อาชญากรกลุ่มนี้จะลงมืออีกเมื่อไหร่ ที่ไหน แต่ไม่มีผู้ใดให้คำตอบได้ จนกระทั่งยูทาห์ค่อยๆต่อจิกซอว์ปริศนา ที่ไม่มีผู้บริหารคนไหนของเอฟบีไออยากจะเชื่อ

ยูทาห์บอกว่า การกระทำของกลุ่มอาชญากร น่าจะเป็นกลุ่มนักกีฬาเอ็กซ์ตรีม ระดับมืออาชีพ ซึ่งเหตุผลของการปล้นเป็นเพียงเกมสนุก ไม่หวังทรัพย์สิน แต่เป็นการพิสูจน์ตัวตนตามแนวทางของตำนานนักเอ็กซ์ตรีมญี่ปุ่นรายหนึ่งที่ชื่อ “โอซากิ”

ความเชื่อนั้นเป็นแนวคิดที่ผูกตัวตนเข้ากับธรรมชาติในรูปแบบต่างๆ คล้ายกับเป็นด่านที่ต้องเสี่ยงตายให้ครบ 8 ด่าน เพื่อปล่อยวางจิตสู่ความสงบ ตอบแทนประโยชน์แก่โลก ซึ่งคนกลุ่มนี้เรียกว่า หลักการ “โอซากิ 8” และหากใครสามารถทำได้ครบทั้ง 8 ข้อ ก็จะเป็นหนทางไปสู่นิพพาน

แม้สิ่งที่ยูทาห์บอกมา จะดูเป็นเรื่องเพ้อเจ้อในสายตาคนส่วนใหญ่ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ฮอลล์ ไม่คิดเหมือนคนอื่น จึงมอบภารกิจสืบสวนคดีนี้ให้ยูทาห์ เพื่อทดสอบว่าเขาจะผ่านการเป็นเอฟบีไอตัวจริงได้หรือไม่

ตามหลักโอซากิ 8 ในทฤษฎีของยูทาห์นั้น แต่ละด่านที่อาชญากรกลุ่มนี้เข้าไปเกี่ยวข้อง มักเป็นธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ในรูปแบบต่างกันไป ซึ่งด่าน 3 ที่เขาวิเคราะห์คือการ “ฝ่าคลื่นยักษ์” ที่ฝรั่งเศส

ปฏิบัติการภาคสนามครั้งแรกของยูทาห์ จึงต้องเดินทางไปฝรั่งเศส พบกับสายลับที่นั่น นามว่า “แปปปาส” ที่พาเขานั่งเรือออกไปกลางทะเล พบกับคลื่นยักษ์ขนาดมหึมา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และแน่นอนว่า ความยิ่งใหญ่ของเกลียวคลื่นสูงกว่าสิบเมตรนั้น ก็เป็นแหล่งรวมบรรดานักโต้คลื่นแบบเอ็กซ์ตรีม

หลังจากสอดส่ายสายตามองหาเป้าหมาย จนเห็นกลุ่มคนที่น่าจะเป็นพวกบ้าบิ่น กล้าเล่นเซิร์ฟโต้คลื่นขนาดยักษ์ ยูทาห์จึงตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเข้าไปโต้คลื่นด้วย แต่ความไม่ชำนาญเท่ากลุ่มโต้คลื่นมืออาชีพ ยูทาห์จึงถูกเกลียวคลื่นโถมทับ แรงน้ำกระแทกจนร่างเขาด่ำดิ่งสู่ใต้ทะเล แต่นั่นก็เป็นการเสี่ยงชีวิตที่คุ้มค่า เพราะคนที่ช่วยชีวิตเขา คือ “โบดี้” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ที่ยูทาห์คาดว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับคดีปล้นที่ผ่านมา

คืนนั้นยูทาห์พักฟื้นบนเรือสำราญขนาดใหญ่ ซึ่งมีนายทุนชื่อ “ปาสคาล” เป็นเจ้าภาพจัดปาร์ตี้ เพื่อนำเหล่านักโต้คลื่นท้ามฤตยูออกมาสังสรรค์ แม้ว่าเหล่านักเอ็กซ์ตรีมจะรู้จักยูทาห์เป็นอย่างดี ในแง่ที่เขาเคยเป็นหนึ่งในนักกีฬาท้าความตายผู้โด่งดัง แต่ไม่มีใครรู้ว่า วันนี้เขาได้กลายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกันแล้ว

ยูทาห์สร้างภาพลักษณ์และเรื่องราวในชีวิตใหม่ว่า การหวนคืนกลับสู่วงการครั้งนี้ เพราะรู้สึกว่าอยากทำอะไรที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมา อยากมาเพื่อลบล้างความทรงจำอันเจ็บปวด และความรู้สึกผิดจากอุบัติเหตุที่เนินผาอริโซนาเมื่อหลายปีก่อน

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ยูทาห์พยายามสร้างความสนิทสนมกับโบดี้ ซึ่งเขามองว่าเป็นหัวโจก ยูทาห์ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยภารกิจเดินตามรอยหลักการโอซากิไปด้วย เช่น การเหินเวหา ดิ่งพสุธาร่อนทะยานลงจากยอดภูเขาตามแรงลม (สายลม คือ หลักการธรรมชาติอีกประการตามความเชื่อนี้) โดยมีอุปกรณ์ช่วยเป็นชุดเหินเวหา และร่มชูชีพ ซึ่งความกล้าของยูทาห์ ก็สามารถซื้อใจคนอื่นๆในกลุ่มของโบดี้ได้ในที่สุด

แล้วภารกิจการปล้นครั้งถัดมาก็เกิดขึ้น นั่นคือการวางระเบิดเหมืองเพชรแห่งหนึ่ง ซึ่งตามแนวคิดสุดโต่งของโบดี้มองว่า เป็นการขุดทรัพยากรจากผืนดินออกมาใช้จนเกินพอดี บริษัททำเหมืองเพชรจึงสมควรชดใช้ความผิดนี้

ภารกิจนี้เองที่ยูทาห์ แสดงตนในฐานะเอฟบีไอ เพื่อจับกุมและป้องกันไม่ให้โบดี้ระเบิดเหมือง แต่โบดี้ไม่สนใจ เขาตัดสินใจระเบิดภูเขาหินพังถล่มลงมา จนยูทาห์เกือบเอาชีวิตไม่รอด

แต่นั่นก็พอเป็นแนวทางสืบสวนให้เอฟบีไอตัดเส้นทางการเงินของกลุ่มเอ็กซ์ตรีมจอมบ้าบิ่น นั่นคือ การระงับธุรกรรมทางการเงิน หรือทุนทรัพย์จากปาสคาล เศรษฐีที่คอยเป็นสปอนเซอร์เบื้องหลังกิจกรรมผาดโผนต่างๆ

เมื่อเข้าตาจน อาชญากรกลุ่มนี้จึงตัดสินใจปล้นธนาคาร เพื่อนำเงินไปปฏิบัติภารกิจให้ครบ 8 ด่าน แต่การปล้นครั้งนี้ ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะยูทาห์มองแผนการออก จึงระดมกำลังเข้าจับกุม แต่หัวโจกใหญ่อย่างโบดี้ ก็เอาตัวรอดไปได้

หลักโอซากิ 8 ในด่านสุดท้ายที่ยูทาห์พอจะมองออก คือ การปีนผาน้ำตกสูงนับร้อยเมตรด้วยมือเปล่า โดยปราศจากเครื่องมือช่วยเหลือใดๆ แม้ว่ายูทาห์จะไล่ตามโบดี้ได้ทัน แต่จอมอาชญากรเอ็กซ์ตรีมก็ตัดสินใจทิ้งตัวลงไปกับสายน้ำตกหนีรอดไปอีกจนได้

ภารกิจครั้งนี้ของยูทาห์ถือว่าทำได้ดีที่สุดแล้ว เขาจึงได้รับตำแหน่งเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ก่อนที่เรื่องราวจะมีบทสรุปในช่วงท้ายว่า ยูทาห์ไล่ล่าไปเจอโบดี้กลางมหาสมุทร ซึ่งอาชญากรหนุ่มหวังจะโต้คลื่นยักษ์อีกครั้ง เพื่อบรรลุความเชื่อของตน ก่อนจะหายสาบสูญไปตลอดกาล

Point Break เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ใช้กีฬาเอ็กซ์ตรีมมาเป็นจุดขาย โดยมีประเด็นน่าสนใจ เพราะมีการกล่าวถึง “นิพพาน” ไว้ด้วย

ความหมายของนิพพานทางพุทธศาสนา มีนิยามที่เต็มไปด้วยรายละเอียด โดยคนทั่วไปอาจเข้าใจว่า เป็นเรื่องของการหลุดพ้นจากความทุกข์ธรรมดา แต่แก่นสำคัญประการหนึ่งของนิพพาน หากสรุปสั้นๆได้ใจความครอบคลุมถึงการดับทุกข์ อันเกิดจากดับสิ้นซึ่งตัณหา ต้องกำจัดสิ้นในกิเลสทุกประการ เสมือนไฟดับสนิทที่ไม่อาจปะทุเกิดขึ้นได้อีก

การเข้าถึงนิพพานทางพุทธศาสนา อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะการดับกิเลส เป็นหนึ่งในอริยสัจ 4 ลำดับที่ 3 คือ “นิโรธ”

นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ภาวะที่ตัณหาดับสิ้นไป ภาวะที่เข้าถึงเมื่อกำจัดอวิชชา สำรอกตัณหาสิ้นแล้ว ไม่ถูกย้อม ไม่ติดข้อง หลุดพ้น สงบ ปลอดโปร่ง เป็นอิสระ คือ นิพพาน


หลักการสมมติในภาพยนตร์ ที่เรียกว่า โอซากิ 8 นั้น จึงเป็นแนวคิดที่ไม่ใช่พุทธศาสนา ไม่ต่างจากหลงผิดในอวิชชา เพราะมองแค่จุดหมายปลายทาง โดยละเลยความรับผิดชอบในการกระทำอันเกิดโทษแก่ผู้อื่น เสมือนต้องการพบนิพพาน แต่เลือกเดินทางผิดวิธี และท้ายที่สุดก็ไม่อาจพบได้

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 182 กุมภาพันธ์ 2559 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)
กำลังโหลดความคิดเห็น