“อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” เป็นอัจฉริยะนักฟิสิกส์ทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ จนได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ใน ค.ศ. 1921
ไม่เพียงไอน์สไตน์จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงก้องโลกเท่านั้น แต่เขายังได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปรัชญาและผู้นำทางความคิดชั้นนำด้วย ใน ค.ศ. 1999 นิตยสารไทมส์ ได้ยกย่องให้เขาเป็น “บุคคลแห่งศตวรรษ”
คำพูดของไอน์สไตน์ บางส่วนกลายเป็นคำคม ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนยุคต่อมา ได้นำไปใช้เป็นบทเรียนชีวิต ดังเช่น 8 คำคมยอดฮิตต่อไปนี้ที่น่าเรียนรู้ไว้
1. ความเพียรพยายามเป็นสิ่งประเมินค่ามิได้
“มันไม่ใช่เพราะผมฉลาดปราดเปรื่องอะไรหรอก แค่ผมอยู่กับปัญหานานขึ้นเท่านั้นเอง”
ไม่เพียงไอน์สไตน์ที่พูดเช่นนี้ เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นเรื่องคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง บอกไว้ว่า ความเพียรพยายามทำให้พวกเขาค้นพบสิ่งสำคัญๆ เพราะทุกๆปัญหาที่เกิดขึ้น หากให้เวลากับมัน มองทุกซอกทุกมุม เราก็จะค้นพบหนทางแก้ไขอย่างน้อยที่สุด 1 วิธี
คนที่มีความฝัน ย่อมต้องพบอุปสรรคเป็นธรรมดา แต่การใช้เวลาอยู่กับปัญหาให้นานขึ้น อาจให้ผลลัพธ์แตกต่างระหว่างความล้มเหลวและความสำเร็จ และวิธีง่ายๆที่จะฝึกให้มีความเพียรพยายาม คือ ต้องมุ่งมั่นที่จะทำตามฝัน มีทัศนคติที่ดี ไม่ยอมแพ้ปัญหา หรือล้มเลิกความตั้งใจที่จะแก้ไข
2. ทำตามความอยากรู้อยากเห็น
“ผมไม่ได้มีพรสวรรค์ ผมแค่มีความอยากรู้อยากเห็น”
สิ่งที่ไอน์สไตน์อยากบอกผ่านคำพูดนี้คือ ความอยากรู้อยากเห็นเป็นสิ่งนำเขาไปสู่การสร้างสรรค์ตลอดชีวิต ความอยากรู้อยากเห็นนี่เองที่ช่วยเติมเชื้อไฟให้จินตนาการสว่างไสวกลายเป็นจริงได้
เพราะเมื่อเราทำตามความอยากรู้อยากเห็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด มันจะพาเราเจาะลึกลงไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด หรือบางครั้งได้พบสิ่งใหม่ๆที่ไม่คาดคิดเป็นผลพลอยได้ และนี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากคนทั่วไป
ขอให้มองการณ์ไกล พยายามหาคำตอบให้กับทุกสิ่งที่สงสัย แล้วเราจะประหลาดใจว่า ชีวิตมีรสชาติ และไม่ธรรมดาอีกต่อไป เมื่อความอยากรู้อยากเห็นเกิดขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด
3. เผชิญกับความผิดพลาด
“คนที่ไม่เคยทำผิดพลาด คือคนที่ไม่เคยลองทำสิ่งใหม่ๆ”
ตรงนี้ไม่ได้ต้องการจะบอกว่า การทำผิดพลาดเป็นการเดินตามรอยไอน์สไตน์ แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือ เราควรต่อสู้กับความกลัวและความไม่รู้ทั้งหลาย ตัวอย่างเช่น เราอยากไปทำงานต่างประเทศ แต่เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันจะเป็นเช่นไร หากเรายังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้เดินทางไปไหน
เพราะฉะนั้น เราต้องมีความกล้าที่จะค้นหา และกล้าที่จะเผชิญความผิดพลาด เพราะมันเป็นสิ่งที่แบ่งแยกระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ เราจะไม่มีทางเรียนรู้ที่จะเอาชนะความอ่อนแอได้ หากยังไม่กล้าพอที่จะลองทำและผิดพลาดบ้าง
4. สร้างคุณค่าให้ตัวเอง
“มุ่งมั่นมิใช่เพื่อต้องการความสำเร็จ แต่เพื่อคุณค่ามากกว่า”
คนส่วนใหญ่เข้าใจคำว่า “ความสำเร็จ” ผิดไป โดยมักนำไปเชื่อมโยงกับความร่ำรวย แต่แท้จริงแล้ว ความสำเร็จเป็นเรื่องทั่วๆไป เช่น การเลี้ยงดูบุตรธิดา การทำงาน การสร้างสัมพันธภาพ ฯลฯ ซึ่งเมื่อทำได้ถูกต้องและเหมาะสม ย่อมสร้างคุณค่าต่อตนเองและผู้อื่น
คุณค่าของคนบางคน เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นใช้ชีวิตอย่างถูกต้องและทำในสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้น จงใช้ชีวิตตามความเชื่อทางศาสนา ปรัชญา หรือความศรัทธาที่มี คนมีคุณค่าจะมีศีลธรรมจรรยา สุภาพ ซื่อสัตย์ มีวินัย ซึ่งเป็นคุณลักษณะของคนในสังคมที่น่าอยู่
5. จินตนาการมีพลัง
“จินตนาการคือทุกสิ่งทุกอย่าง มันทำให้เราเห็นภาพล่วงหน้าของสิ่งดีๆที่กำลังเข้ามาในชีวิต จินตนาการมีความสำคัญมากกว่าความรู้ เพราะความรู้มีจำกัด แต่จินตนาการนั้นไร้ขีดจำกัด”
จินตนาการช่วยเปิดประตูสู่อาณาจักรที่เป็นจริงได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากมนุษย์ไร้ซึ่งจินตนาการที่จะบินได้เหมือนนก คงไม่เกิดแรงบันดาลใจคิดสร้างเครื่องบินที่สามารถพาเราเดินทางไปทั่วโลกได้ เช่นเดียวกับนวัตกรรมใหม่ๆในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้คิดค้นที่ได้ต่อยอดองค์ความรู้เดิมออกไป
6. เรียนรู้กฎเกณฑ์ และทำให้ดีกว่า
“คุณต้องเรียนรู้กฎของเกม และเล่นให้ดีกว่าคนอื่นๆ”
การจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราต้องเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ สิ่งที่ควรทำคือ จงศึกษาความสำเร็จของคนอื่น และพยายามทำให้ดีกว่าที่พวกเขาทำ ยิ่งเรามีความหลงใหล มุ่งมั่น มากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นเท่านั้น
7. อยู่กับปัจจุบันขณะ
“ผมไม่เคยคิดถึงอนาคต เดี๋ยวมันก็มาถึงแล้ว”
ไอน์สไตน์เข้าใจความสำคัญของการอยู่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนั้นเป็นอย่างดี เพราะมันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์
สาระสำคัญของคำพูดนี้คือ ในเมื่ออดีตผ่านไปแล้ว ไม่มีวันหวนกลับไปแก้ไขได้ ส่วนอนาคตนั้นยังมาไม่ถึง แต่มันคงถึงสักวัน เพราะฉะนั้น อย่าพะวงให้มากนัก สิ่งที่ควรคำนึงคือ อนาคตจะดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราทำปัจจุบันให้ดีหรือเปล่า...ก็แค่นั้นเอง
8. ความสุขเกิดจากการกระทำของตัวเอง
“ถ้าคุณต้องการมีความสุขในชีวิต ก็จงมีชีวิตที่ผูกติดกับเป้าหมายของตัวเอง อย่าเอาชีวิตไปผูกติดกับผู้อื่นหรือสิ่งอื่น”
เพราะการนำชีวิตไปผูกติดกับผู้อื่นหรือสิ่งอื่น ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เรามีความสุขเสมอไป เช่น ผูกติดกับคนรัก เมื่อเขาไม่ได้ทำตามที่เราคาดหวัง เราก็จะเสียใจ เมื่อเขาเลิกราไป เราก็จะทุกข์ทรมาน หรือมีความสุขที่ได้ขับรถหรูๆ แต่เมื่อวันหนึ่งไม่มีรถหรูให้ขับแล้ว เราก็คงจะทุกข์ใจไม่น้อย
พุทธศาสนาสอนว่า “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ – ตนแลเป็นที่พึ่งของตน” เพราะฉะนั้น การพึ่งตนเองย่อมนำไปสู่เป้าหมายแห่งความสุขได้มั่นคงและยืนยาวกว่า
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 180 ธันวาคม 2558 โดย ประกายรุ้ง)
ไม่เพียงไอน์สไตน์จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงก้องโลกเท่านั้น แต่เขายังได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปรัชญาและผู้นำทางความคิดชั้นนำด้วย ใน ค.ศ. 1999 นิตยสารไทมส์ ได้ยกย่องให้เขาเป็น “บุคคลแห่งศตวรรษ”
คำพูดของไอน์สไตน์ บางส่วนกลายเป็นคำคม ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนยุคต่อมา ได้นำไปใช้เป็นบทเรียนชีวิต ดังเช่น 8 คำคมยอดฮิตต่อไปนี้ที่น่าเรียนรู้ไว้
1. ความเพียรพยายามเป็นสิ่งประเมินค่ามิได้
“มันไม่ใช่เพราะผมฉลาดปราดเปรื่องอะไรหรอก แค่ผมอยู่กับปัญหานานขึ้นเท่านั้นเอง”
ไม่เพียงไอน์สไตน์ที่พูดเช่นนี้ เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นเรื่องคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง บอกไว้ว่า ความเพียรพยายามทำให้พวกเขาค้นพบสิ่งสำคัญๆ เพราะทุกๆปัญหาที่เกิดขึ้น หากให้เวลากับมัน มองทุกซอกทุกมุม เราก็จะค้นพบหนทางแก้ไขอย่างน้อยที่สุด 1 วิธี
คนที่มีความฝัน ย่อมต้องพบอุปสรรคเป็นธรรมดา แต่การใช้เวลาอยู่กับปัญหาให้นานขึ้น อาจให้ผลลัพธ์แตกต่างระหว่างความล้มเหลวและความสำเร็จ และวิธีง่ายๆที่จะฝึกให้มีความเพียรพยายาม คือ ต้องมุ่งมั่นที่จะทำตามฝัน มีทัศนคติที่ดี ไม่ยอมแพ้ปัญหา หรือล้มเลิกความตั้งใจที่จะแก้ไข
2. ทำตามความอยากรู้อยากเห็น
“ผมไม่ได้มีพรสวรรค์ ผมแค่มีความอยากรู้อยากเห็น”
สิ่งที่ไอน์สไตน์อยากบอกผ่านคำพูดนี้คือ ความอยากรู้อยากเห็นเป็นสิ่งนำเขาไปสู่การสร้างสรรค์ตลอดชีวิต ความอยากรู้อยากเห็นนี่เองที่ช่วยเติมเชื้อไฟให้จินตนาการสว่างไสวกลายเป็นจริงได้
เพราะเมื่อเราทำตามความอยากรู้อยากเห็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด มันจะพาเราเจาะลึกลงไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด หรือบางครั้งได้พบสิ่งใหม่ๆที่ไม่คาดคิดเป็นผลพลอยได้ และนี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากคนทั่วไป
ขอให้มองการณ์ไกล พยายามหาคำตอบให้กับทุกสิ่งที่สงสัย แล้วเราจะประหลาดใจว่า ชีวิตมีรสชาติ และไม่ธรรมดาอีกต่อไป เมื่อความอยากรู้อยากเห็นเกิดขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด
3. เผชิญกับความผิดพลาด
“คนที่ไม่เคยทำผิดพลาด คือคนที่ไม่เคยลองทำสิ่งใหม่ๆ”
ตรงนี้ไม่ได้ต้องการจะบอกว่า การทำผิดพลาดเป็นการเดินตามรอยไอน์สไตน์ แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือ เราควรต่อสู้กับความกลัวและความไม่รู้ทั้งหลาย ตัวอย่างเช่น เราอยากไปทำงานต่างประเทศ แต่เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันจะเป็นเช่นไร หากเรายังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้เดินทางไปไหน
เพราะฉะนั้น เราต้องมีความกล้าที่จะค้นหา และกล้าที่จะเผชิญความผิดพลาด เพราะมันเป็นสิ่งที่แบ่งแยกระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ เราจะไม่มีทางเรียนรู้ที่จะเอาชนะความอ่อนแอได้ หากยังไม่กล้าพอที่จะลองทำและผิดพลาดบ้าง
4. สร้างคุณค่าให้ตัวเอง
“มุ่งมั่นมิใช่เพื่อต้องการความสำเร็จ แต่เพื่อคุณค่ามากกว่า”
คนส่วนใหญ่เข้าใจคำว่า “ความสำเร็จ” ผิดไป โดยมักนำไปเชื่อมโยงกับความร่ำรวย แต่แท้จริงแล้ว ความสำเร็จเป็นเรื่องทั่วๆไป เช่น การเลี้ยงดูบุตรธิดา การทำงาน การสร้างสัมพันธภาพ ฯลฯ ซึ่งเมื่อทำได้ถูกต้องและเหมาะสม ย่อมสร้างคุณค่าต่อตนเองและผู้อื่น
คุณค่าของคนบางคน เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นใช้ชีวิตอย่างถูกต้องและทำในสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้น จงใช้ชีวิตตามความเชื่อทางศาสนา ปรัชญา หรือความศรัทธาที่มี คนมีคุณค่าจะมีศีลธรรมจรรยา สุภาพ ซื่อสัตย์ มีวินัย ซึ่งเป็นคุณลักษณะของคนในสังคมที่น่าอยู่
5. จินตนาการมีพลัง
“จินตนาการคือทุกสิ่งทุกอย่าง มันทำให้เราเห็นภาพล่วงหน้าของสิ่งดีๆที่กำลังเข้ามาในชีวิต จินตนาการมีความสำคัญมากกว่าความรู้ เพราะความรู้มีจำกัด แต่จินตนาการนั้นไร้ขีดจำกัด”
จินตนาการช่วยเปิดประตูสู่อาณาจักรที่เป็นจริงได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากมนุษย์ไร้ซึ่งจินตนาการที่จะบินได้เหมือนนก คงไม่เกิดแรงบันดาลใจคิดสร้างเครื่องบินที่สามารถพาเราเดินทางไปทั่วโลกได้ เช่นเดียวกับนวัตกรรมใหม่ๆในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้คิดค้นที่ได้ต่อยอดองค์ความรู้เดิมออกไป
6. เรียนรู้กฎเกณฑ์ และทำให้ดีกว่า
“คุณต้องเรียนรู้กฎของเกม และเล่นให้ดีกว่าคนอื่นๆ”
การจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราต้องเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ สิ่งที่ควรทำคือ จงศึกษาความสำเร็จของคนอื่น และพยายามทำให้ดีกว่าที่พวกเขาทำ ยิ่งเรามีความหลงใหล มุ่งมั่น มากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นเท่านั้น
7. อยู่กับปัจจุบันขณะ
“ผมไม่เคยคิดถึงอนาคต เดี๋ยวมันก็มาถึงแล้ว”
ไอน์สไตน์เข้าใจความสำคัญของการอยู่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนั้นเป็นอย่างดี เพราะมันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์
สาระสำคัญของคำพูดนี้คือ ในเมื่ออดีตผ่านไปแล้ว ไม่มีวันหวนกลับไปแก้ไขได้ ส่วนอนาคตนั้นยังมาไม่ถึง แต่มันคงถึงสักวัน เพราะฉะนั้น อย่าพะวงให้มากนัก สิ่งที่ควรคำนึงคือ อนาคตจะดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราทำปัจจุบันให้ดีหรือเปล่า...ก็แค่นั้นเอง
8. ความสุขเกิดจากการกระทำของตัวเอง
“ถ้าคุณต้องการมีความสุขในชีวิต ก็จงมีชีวิตที่ผูกติดกับเป้าหมายของตัวเอง อย่าเอาชีวิตไปผูกติดกับผู้อื่นหรือสิ่งอื่น”
เพราะการนำชีวิตไปผูกติดกับผู้อื่นหรือสิ่งอื่น ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เรามีความสุขเสมอไป เช่น ผูกติดกับคนรัก เมื่อเขาไม่ได้ทำตามที่เราคาดหวัง เราก็จะเสียใจ เมื่อเขาเลิกราไป เราก็จะทุกข์ทรมาน หรือมีความสุขที่ได้ขับรถหรูๆ แต่เมื่อวันหนึ่งไม่มีรถหรูให้ขับแล้ว เราก็คงจะทุกข์ใจไม่น้อย
พุทธศาสนาสอนว่า “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ – ตนแลเป็นที่พึ่งของตน” เพราะฉะนั้น การพึ่งตนเองย่อมนำไปสู่เป้าหมายแห่งความสุขได้มั่นคงและยืนยาวกว่า
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 180 ธันวาคม 2558 โดย ประกายรุ้ง)