แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.9 ซึ่งเกิดขึ้นใกล้กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2015 ถือเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 80 ปี สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั้งชีวิตและทรัพย์สิน มีผู้เสียชีวิตกว่า 9,000 คน บาดเจ็บเกือบ 20,000 คน บ้านเรือนพังทลายกว่า 3 แสนหลัง และบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายเกือบ 3 แสนหลัง รวมทั้งโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์อย่างน้อย 70 แห่ง
ส่วนโบราณสถาน 7 แห่งในหุบเขากาฐมาณฑุ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ได้แก่ จัตุรัสเดอร์บาร์, เมืองปาทาน, เมืองภักตะปูร์ คือ วัดฮินดู 2 แห่ง ได้แก่ วัดปศุปตินาถ หรือวัดหลังคาทองคำ และวัดชางกุ นารายัน รวมทั้งเจดีย์พุทธ 2 แห่ง ได้แก่ เจดีย์สวยัมภูวนาถ และเจดีย์โพธินาถ มีบางส่วนที่ได้รับความเสียหายหนัก โดยเฉพาะภายในบริเวณวัดสวยัมภูวนาถ แต่องค์เจดีย์สวยัมภูวนาถ เสียหายเพียงเล็กน้อย เช่นเดียวกับเจดีย์โพธินาถ
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ก็ได้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งที่สอง ขนาด 7.3 บริเวณเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง นัมเช บาซาร์ ใกล้กับยอดเขาเอเวอร์เรสต์ เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน และผู้บาดเจ็บกว่า 1,500 คน
ความช่วยเหลือจากทั่วโลกระดมเข้าไปสู่เนปาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมทั้งองค์กรพุทธศาสนิกชนด้วย เพราะเนปาลเป็นดินแดนประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้ว่า “ลุมพินีวัน” สถานที่ประสูติ จะไม่ได้รับความเสียหายก็ตาม
องค์ทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณและผู้นำสูงสุดของชาวทิเบต ได้ส่งสารถึง นายซูชิล คอยราลา นายกรัฐมนตรีเนปาล ใจความว่า
“อาตมาขอแสดงความเสียใจต่อท่าน และผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในครอบครัว มิตรสหาย และเคหสถาน ในภัยพิบัติครั้งนี้ และเพื่อแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับประชาชนชาวเนปาล อาตมาได้ขอให้กองทุนองค์ทะไล ลามะ บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย”
ขณะที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว ณ ประเทศเนปาล โดยพระราชทานเงินจำนวน 10,000,000 บาท เพื่อช่วยผู้ประสบภัยพิบัติชาวเนปาล และรัฐบาลไทยได้มอบเงินช่วยเหลือกว่า 165 ล้านบาท พร้อมทั้งส่งทีมแพทย์ หน่วยกู้ภัย และสิ่งของบรรเทาทุกข์ ไปช่วยเหลือ
ส่วนสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ได้จัดส่งทีมแพทย์และหน่วยกู้ภัย พร้อมเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ และสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย และรัฐบาลภูฏานได้มอบเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการบูรณะซ่อมแซม
หลังเกิดแผ่นดินไหว 2 วัน “มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวัน” องค์กรการกุศลทางพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ส่งทีมสำรวจภัยพิบัติและหน่วยแพทย์ของฉือจี้ เดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน และประเมินความต้องการข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น เพื่อจัดหาและไปยังพื้นที่ประสบภัยโดยเร็วทีสุด
นอกจากนี้ พุทธสมาคมแห่งฮ่องกง, พุทธสมาคมแห่งแคนาดา, พัคชก รินโปเช และมูลนิธิชกเกอร์ ลิงปะ, ธรรมดารินี, มูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์นิกายมหายาน, ROKPA International, และสำนักชี Tsoknyi แห่งเนปาล ช่วยกันระดมเงินบริจาค เพื่อนำไปช่วยเหลือ ซึ่งนอกจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมพื้นฐานแล้ว ยังมีกลุ่มชาวพุทธจำนวนมาก เตรียมช่วยเหลือเด็กกำพร้า สตรี หรือแม่ชี ด้วย
ในส่วนของคณะสงฆ์ไทยนั้น เบื้องต้น พระเทพโพธิวิเทศ หัวหน้าพระธรรมทูตไทย สายประเทศอินเดีย-เนปาล พร้อมพระธรรมทูตไทย และพระสงฆ์เนปาล ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม สวดมนต์ให้กำลังใจ และมอบสิ่งของแก่ผู้ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวในหมู่บ้านต่างๆ
ด้าน สำนักชี Druk Amitabha Mountain ที่ตั้งมา 26 ปี แล้ว อยู่ทางตะวันตกของหุบเขากาฐมาณฑุ ก็ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง แต่บรรดาแม่ชีปลอดภัย เพราะพวกเธอคือ “แม่ชีกังฟูแห่งกาฐมาณฑุ” ที่ได้รับการฝึกฝนนาน 4 ปี จนคล่องแคล่ว ว่องไว สามารถกระโดดออกทางช่องกระจกหน้าต่างที่แตกละเอียด เพื่อหนีตาย และพวกเธอก็ออกช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหว เพราะการช่วยเหลืองานชุมชน ถือเป็นการบริหารจิตวิญญาณไปด้วย
Dilgo Khyentse Yangsi Rinpoche เจ้าอาวาสวัด Shechen (1 ใน 6 วัดสำคัญในนิกายนิงมะ หรือนิกายหมวกแดง) ที่ตั้งอยู่รอบบริเวณสถูปโพธินาถ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุคตัวเอง เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2015 ว่า
“วันนี้ เรารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงของแผ่นดินไหว แต่ด้วยพลังคุ้มครองของพระพุทธองค์ พวกเราจึงปลอดภัยดี สถูปโพธินาถได้รับความเสียหายหลายจุด แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย”
• เจดีย์โพธินาถ (Boudhanath stupa)
เจดีย์โพธินาถ หรือพุทธนาถ หมายถึง “พระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่ง” ชาวทิเบตเรียกขานว่า “จารุง กาโซว์ โชร์เตน (Jarung Kashor Chorten)” ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 11 กม.
เจดีย์โพธินาถเป็นเจดีย์ทรงโอคว่ำ สูง 36 เมตร ซึ่งใหญ่ที่สุดในเนปาล ตั้งอยู่บนฐานเขียง ยกพื้นสูงหลายชั้น รูปแบบการก่อสร้างฐานองค์เจดีย์ อิงคติปริศนาธรรมมันดาลา (Mandala) ตามพุทธศาสนาแบบทิเบต ซึ่งหมายถึง “ที่ประทับของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ต่างๆในขณะรู้แจ้ง”
บัลลังก์ขององค์เจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยม เขียนภาพดวงตาของ “พระไวโรจนะ” ทั้ง 4 ทิศ เพื่อดูแลทุกข์สุขของมวลมนุษย์ ตามความเชื่อของมหายาน เพราะพระไวโรจนพุทธะ เป็นพระธยานิพุทธ 1 ใน 5 องค์ ของนิกายวัชรยาน ทรงเป็นประธานของพระพุทธะทั้ง 5 หมายถึงปัญญาอันสูงสุด พระองค์ได้รับการเคารพนับถือจากชาวพุทธมหายานในเนปาล ทิเบต ยกย่องให้เป็นอาทิพุทธหรือพระพุทธเจ้าองค์ปฐม
เหนือบัลลังก์ขึ้นไปเป็นปล้องไฉน 13 ชั้น และมีธงมนตราหลากสีผูกโยงเป็นริ้วอย่างสวยงาม ส่วนรอบฐานองค์เจดีย์มีพระพุทธรูปประดิษฐาน 108 องค์ มีคูหา 147 คูหา ซึ่งเป็นที่ตั้งของวงล้อมนตรา
ศาสนสถานแห่งนี้ ถือเป็นศูนย์กลางและศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทิเบตในเนปาล ที่อพยพเข้ามาอาศัยในช่วงปี 1950 ซึ่งบริเวณโดยรอบสถูปเจดีย์ เป็นแหล่งชุมชนชาวพุทธทิเบต มีวัดทิเบตกว่า 50 แห่ง ซึ่งรู้จักกันในนาม “Little Tibet”
ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า พระถังซัมจั๋งก็เคยเดินทางมาแสวงบุญยังมหาเจดีย์แห่งนี้
เมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 เจดีย์พุทธนาถเป็นหนึ่งในพุทธศาสนสถานที่รอดพ้นจากการถูกเผาทำลาย โดยจักรวรรดิโมกุล ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาในปีค.ศ. 1979 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
• เจดีย์สวยัมภูวนาถ (Swayambhunath stupa)
เจดีย์สวยัมภูวนาถเป็นสถูปหรือเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในเนปาล สันนิษฐานว่ามีอายุราว 2,000 ปี ตั้งอยู่บนยอดเขาในหุบเขากาฐมาณฑุ ทางทิศตะวันตกของกรุงกาฐมาณฑุ
หุบเขากาฐมาณฑุ เป็นหุบเขาแห่งศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ มีตำนานเล่าว่า เดิมเคยเป็นทะเลสาบกว้างใหญ่ไพศาล มีดอกบัวผุดขึ้นเต็มไปหมด และในดอกบัวก็มีเปลวไฟที่ไม่มีวันมอดดับพวยพุ่งขึ้นมา พร้อมกับ “พระอาทิพุทธ” ได้อุบัติขึ้นภายในดอกบัว ซึ่งเป็นการปรากฏพระองค์ครั้งแรกบนโลกมนุษย์ หุบเขานี้จึงได้ชื่อว่า “สวยัมภู" อันมีความหมายว่า “การกำเนิดขึ้นเอง” และต่อมาในภายหลังเจดีย์สวยัมภูวนาถก็ได้ถูกสร้างขึ้นตรงบริเวณนี้ “สวยัมภูวนาถ” จึงมีความหมายว่า “พระผู้ถือกำเนิดขึ้นเอง เพื่อเป็นที่พึ่งของชาวพุทธ”
เจดีย์สวยัมภูวนาถสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าวรษาเทวะ (King Vṛsadeva) พระปัยกา(ปู่ทวด)ของพระเจ้ามานะเทวะ ราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 5 เป็นเจดีย์ทรงโอคว่ำเช่นเดียวกับเจดีย์พุทธนาถ บัลลังก์ขององค์เจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยม เขียนภาพดวงตาของ “พระไวโรจนะ” ทั้ง 4 ทิศ เพื่อดูแลทุกข์สุขของมวลมนุษย์ เหนือบัลลังก์เป็นปล้องไฉนรูปฉัตรสีทอง 13 ชั้น
ชาวเนปาลเรียกดวงตาคู่นี้ว่า “ดวงตาเห็นธรรม” ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของเนปาลที่รู้จักกันไปทั่วโลก เพราะปัจจุบัน เจดีย์ทุกองค์ในเนปาลจะมีดวงตาเห็นธรรมประดิษฐานอยู่
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2010 องค์สถูปได้รับการปฏิสังขรณ์ โดยใช้ทองคำทั้งสิ้น 20 กก. ซึ่งถือเป็นการบูรณะครั้งแรกในรอบ 90 ปี และเป็นครั้งที่ 15 ในรอบ 1,500 ปี ตั้งแต่สร้างมา
เนื่องจากบริเวณที่องค์มหาสถูปตั้งอยู่นี้ เป็นสถานที่รวมของศาสนาพุทธกับฮินดู ประกอบด้วยมหาสถูปสวยัมภูวนาถเป็นแกนกลาง ล้อมรอบด้วยศาสนวัตถุในศาสนาพุทธและฮินดู จึงมักเรียกกันว่า “วัดสวยัมภูวนาถ” หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม “วัดลิง” เนื่องจากมีฝูงลิงจำนวนมากอาศัยอยู่ภายในวัด เชื่อกันว่าพวกลิงเหล่านี้เป็นลิงศักดิ์สิทธิ์ ตามตำนานเล่าว่า “พระมัญชุศรีโพธิสัตว์” ทรงปลิดพระเกศาลงมา กลายเป็นต้นไม้ ขณะที่เหาก็ร่วงลงมากลายเป็นลิงอยู่ที่พระเจดีย์มาตราบเท่าทุกวันนี้
ในปี ค.ศ. 1979 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนสถานที่แห่งนี้เป็นมรดกโลก
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 174 มิถุนายน 2558 โดย เบญญา)