• ทำอย่างไรจะสงบได้จริง
ปุจฉา :
นมัสการหลวงปู่ ผมเป็นคนใจร้อน คนตรง ไม่ยอมคน ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก หลังจากไปฝึกกรรมฐาน แลดูเหมือนใจเย็น แต่จริงๆแล้วหนีปัญหา คือมีปัญหากับใครจะเงียบนิ่ง ไม่พูดไม่จา ใครอยากว่าอะไรก็ตามใจ มีปัญญาพูดก็พูดไป ดูเหมือนตัดได้ แต่เหมือนภูเขาไฟรอวันระเบิดมากกว่า ทำอย่างไรจะสงบได้จริงโดยยังมีลมหายใจและสติที่สมบูรณ์
วิสัชนา :
สิ่งที่คุณทำ ภาษาพระท่านเรียกว่า “ขันติ” คือ ความอดกลั้น พูดเป็นภาษานักสมถะเรียกว่า “วิขัมภนปหานะ” คือ การข่มเอาไว้ ด้วยกำลังสมาธิ กำลังสติ ย่อมแน่นอนล่ะ ถ้าวันใด ขันติกลายเป็นขันแตก สมาธิกลายเป็นกะทิ สติกลายเป็นสตางค์ สิ่งที่คุณข่ม สะกด อดกลั้นเอาไว้ มันย่อมพังออกมา
พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เจริญปัญญา เรียกว่า วิปัสสนา จึงจะมีวิธีทำลาย สกัดกั้นศัตรูที่เข้ามาได้อย่างเด็ดขาด ปราศจากมลภาวะ คุณควรจะต้องทำทุกวิธีให้มีปัญญา รู้เท่าทันตามความเป็นจริง
• สงสัยเรื่องวิปัสสนา
ปุจฉา :
กราบนมัสการหลวงปู่ที่เคารพ ผมมีข้อสงสัยกราบเรียนถาม ขอความกรุณาหลวงปู่เมตตาด้วยครับ
ในการทำวิปัสสนานั้นจำเป็นต้องผ่านการทำสมาธิก่อนทุกครั้งหรือไม่ และการที่ในบางครั้งคนเราเมื่อผ่านเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตแล้ว ได้ข้อคิดต่างๆที่ผ่านการใคร่ครวญในการดำรงชีวิต เช่น การที่คนเราเมื่อมีการสูญเสียหรือพลัดพรากจากของที่เรารักมาก ซึ่งในความเป็นจริงตัวของเราสูญเสียสิ่งต่างๆ ไปเพียงครั้งเดียว แต่ถ้าเรายังยึดติดก็จะทำให้เราคิดถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำๆ
ในความรู้สึกของเรานั้นเปรียบเหมือนเราสูญเสียของรักทุกครั้งที่เราคิดซ้ำทุกที ดังนั้น คนเราถ้าไม่อยากจะสูญเสียของที่เรารักมากไปกว่าที่เป็นจริง เราก็อย่าไปนึกถึงเรื่องดังกล่าวอีกต่อไป สิ่งที่เป็นข้อคิดดังนี้ จัดเป็นการวิปัสสนาหรือไม่ และจะมีวิธีการอย่างไร ที่จะพัฒนาให้เป็นวิปัสสนาได้ครับ
วิสัชนา :
การทำวิปัสสนา ไม่จำเป็นต้องทำสมาธิก่อนเสมอไป ตัวอย่างคุณและผู้คนทั้งหลาย ต้องผ่านของรักของชอบใจ แล้วก็พลัดพรากจากของรักของชอบใจนั้นๆ ผ่านสุข ผ่านทุกข์ ผ่านได้ ผ่านเสีย มามาก จนซ้ำซากจำเจ เหตุการณ์เหล่านี้เป็นสภาวธรรมที่เราจักสามารถใช้สติเข้าไปพิจารณา ใคร่ครวญตรวจทาน ให้รู้เห็นตามความเป็นจริงว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสักแต่รูปกับนาม ไม่มีตัวตนที่แท้จริง มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ไม่คงที่ถาวร แถมยังเป็นเหตุปรุงจิตนี้ให้กระเพื่อม สับสน วุ่นวาย ไม่สงบลงได้
เมื่อพิจารณาดังนี้แล้ว จิตคุณจักสลด สมาธิจะปรากฏ และใช้สติกับสมาธิคอยระวังกางกั้นจิตมิให้กระเพื่อมตามอาการที่ปรากฏ
คุณต้องทำความเข้าใจว่า ขณะนี้สภาวธรรมใดปรากฏ แล้วคุณรู้ชัด นั่นเป็นการทำงานของสติ เมื่อรู้ชัดแล้ว ห้ามสภาวธรรมนั้นๆ มิได้ ก็ต้องสงบจิตพร้อมที่จะรับสถานการณ์ นั่นคือการทำงานของสมาธิ
แต่ถ้ารู้สภาวธรรมนั้นว่ามันกำลังเกิด แล้วหาวิธีแก้ไข จะแก้ได้หรือมิได้ นั้นคือการทำงานของปัญญา แต่ถ้าแก้ได้ก็เป็นปัญญาวิมุติ ถ้าแก้มิได้ก็เป็นสหชาติปัญญา ปัญญาที่ติดตัวมาแต่เกิด เหล่านี้เป็นวิปัสสนาทั้งนั้น
• บุญจากการอนุโมทนา
ปุจฉา :
ตามที่ได้ติดตามอ่านการปุจฉา-วิสัชนา ของหลวงปู่มาหลายครั้ง ทำให้รู้ว่าการอนุโมทนาก็ทำให้เกิดผลบุญได้ แต่ก็อยากจะทราบว่าผลบุญที่เราจะได้รับจากการอนุโมทนาคืออะไรบ้างคะ ขอความกรุณาวิสัชนาด้วยค่ะ
วิสัชนา :
การอนุโมทนาเป็นหนึ่งใน วิธีการทำบุญ 10 แบบ คือบุญสำเร็จได้ ด้วยการอนุโมทนา
เพราะการอนุโมทนา คือพลอยยินดีที่เห็นคนอื่นทำดี เหมือนที่เรายินดีเมื่อเห็นลูกเราทำดี และได้ผลดีจากการกระทำ ยินดีเมื่อเห็นผัวเราทำดี และได้ผลดีจากการกระทำ ยินดีเมื่อเห็นเมียเราทำดี และได้ผลดีจากการกระทำ
นั่นแหละคือ คุณลักษณะพิเศษของอนุโมทนา คือ อิ่มใจ เบาใจ สบายใจ แต่ถ้าอนุโมทนาแล้วยังหนักอึ้ง มึนงง สับสน นั่นไม่ใช่อนุโมทนา
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 173 พฤษภาคม 2558 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)