คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
ความเศร้า แล่นเข้าจับที่ขั้วหัวใจ
หัวใจอันเคยบรรจุไปด้วยซีกของความงาม และซีกของความน่าเกลียด
หัวใจอันเคยเต็มไปด้วยมานะและแรงใจในความคิดฝัน
หัวใจอันเต็มไปด้วยความมีอัตตาตัวตนล่วงเลยไปจนขีดสุดและแล้วก็ปล่อยวาง
หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น หยดน้ำตาไหลรินมากมายเหลือคณานับ
ความโศกาอาดูรใดๆ ที่เคยมีไม่ว่าครั้งไหนๆ ก็ไม่เท่ากับครั้งนี้
ท่ามกลางมรสุมน้ำตา หล่อนรู้สึกแสนจะโดดเดี่ยว
เคว้งคว้างว่างเปล่าเสียยิ่งกว่าในคืนค่ำอันฝนตกที่หล่อนเคยอยู่ท่ามกลางสายฝนแล้วร้องไห้รำพันอธิษฐานใจต่อพระบรมรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขอให้ความทุกข์ทั้งมวลอันเกิดจากการกระทำของหล่อน จงมีผลบังเกิดแก่หล่อนแต่เพียงผู้เดียว
แม้ครั้งกระนั้นหล่อนจะเคว้งคว้างและโศกเศร้าเพียงใดแต่จิตใจของหล่อนก็ยังเปี่ยมไปด้วยความอาจหาญผิดกับครั้งนี้
มันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าการเดินผ่านหน้าห้องดับจิตในเวลามืดค่ำและวังเวงในวันก่อนเก่า
ประตูอันหนาทึบของห้องฝังรังสีเคยมีสิ่งอันน่าสะพรึงอยู่ข้างหลังบานประตูนั้นที่หล่อนเคยเห็นและฝังใจในวัยเด็กก็ไม่ได้น่าพรั่นพรึงไปมากกว่ายามนี้
หล่อนโหวงเหวงอย่างจับใจในการที่ตัวเองไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย
ก็ในตอนมีชีวิต หล่อนเองก็เคยปล่อยให้วันเวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า เช้ามาไม่นานเดี๋ยวก็มืดค่ำ สิ่งใดที่คิดอยากทำหล่อนก็วางไว้ รอว่ายังมีวันข้างหน้าที่จะทำ ก็ในวันเวลาที่หล่อนเคยมีอยู่และเคยได้อยู่ในวันเวลาแห่งความมีชีวิตนั้น หล่อนยังไม่เคยนึกเสียดมเสียดายกับวันคืนที่ล่วงเลยไปในตอนที่หล่อนยังมี แต่ในเวลานี้ที่หล่อนสูญเสีย
หล่อนเพิ่งได้รู้ได้เห็นว่าชีวิตที่หล่อนเคยมีมันช่างมีค่าน่าเสียดายและไม่อยากจากมันอย่างที่สุด!!
โอ!!! นี่ถ้าย้อนไปได้ ฉันจะไม่ปล่อยให้วันเวลาในชีวิตเป็นไปอย่างไม่สมควรเลยแม้แต่เพียงวันเดียว
ความเศร้าครั้งใดๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต
ก็ไม่เศร้าเท่ากับครั้งนี้ ครั้งที่รู้ว่าได้พ้นจากความมีชีวิต และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวของตนเอง
สูญเสียตัวตนจากความเป็นคนเช่นหล่อน
สูญเสียตัวตนไปจากงานของหล่อน ความสามารถของหล่อน
พลัดพรากไปจากบ้านเรือนที่แสนจะรักและเปี่ยมไปด้วยบุญคุณที่คุ้มหัวนอนสำหรับหล่อน
พลัดพรากไปจากชายคนรักผู้เป็นที่แสนเสน่หาของหล่อน
และท้ายที่สุด นั่นหล่อนจะพลัดพรากจากความรู้สึกที่ว่า "หล่อนเป็นหล่อน"
หล่อนเป็นคนสวย
หล่อนเป็นคนเก่ง
หล่อนเป็นฯลฯ
มันไม่มีเหลืออีกต่อไป
หล่อนไม่มีแล้ว ไม่มีอะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยว
โหดร้าย โหดร้ายสิ้นดี ที่ตัวของฉันเองนั้นหายไป "หล่อนคิด"
หล่อนเดินไปทั่วบ้าน มองไปยังสิ่งของอันเป็นที่รักที่หวงทั้งปวง งานปั้นรูปหญิงสาวท่ามกลางขวดน้ำหอมเรียงรายในห้องนอน เสื้อยืดตัวนั้นที่หล่อนพกพาติดตัวไปไหนๆ ด้วยเสมอ ค่าที่มันให้ความอบอุ่นใจแก่หล่อน ไอตัวที่ติดกับเสื้อนั้นเป็นกลิ่นไออันหอมกรุ่นปนสาบสางจากเนื้อตัวชายคนที่หล่อนรัก เมื่อไม่มีฉันแล้วคุณก็คงจะลืมฉัน
ฉันไม่อยากหายไปจากความทรงจำของคุณ!!!
โอ นี่หล่อนรักที่ตัวเขา??? หรือหล่อนรักตัวเอง???
แล้วหล่อนก็เสียดาย
ก็ในวันนี้ วันที่หล่อนผ่านโลกและเรียนรู้ในชีวิตมากพอที่จะรู้แล้วว่าสิ่งใดควรไม่ควร ในการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่ อย่างสวยงามและแทบไม่มีผิดพลาด แล้วทำไมหล่อนต้องมาตายเสียก่อน
ภาพข่าวที่ถูกติดเรียงรายอยู่บนข้างฝา เรื่องราวของมันพูดถึงตัวตนและที่มาและความเป็นไปในชีวิตหล่อน เต็มไปด้วยความชื่นชมในบทเรียนชีวิตที่หล่อนได้มอบให้แก่คนอื่นๆ แต่แล้วนี่หล่อนได้พลัดพรากจากมันเสียแล้วในเวลานี้
ภาพถ่ายอันแสนสวยของหล่อนที่ติดบนข้างฝานั้นอีกเล่า ทำให้หล่อนเศร้าลงอีกอย่างจับใจ นึกอยากกลับไปขอบคุณและขอโทษผู้ที่ให้ภาพเหล่านี้มาแก่หล่อน
ค่าที่หล่อนไม่สามารถตอบสนองความรักแก่เขาตามที่เขาหวังได้ และยังทำให้เขาต้องมีชีวิตที่เสมือนตายทั้งเป็น เนื่องจากความสูญเสียในสิ่งที่วาดหวังว่าจะได้อยู่เคียงข้างหล่อนไปแล้วอย่างยับเยิน
แต่แล้วก็เหมือนมีไออุ่นน้ำทิพย์มาประโลมใจ
เมื่อสายตาของหล่อนเหลือบมองไปเห็นกองกระดาษสีขาวปึกหนึ่งในตู้
มันเป็นกองใบเสร็จรับเงินที่หล่อนเก็บรวบรวมไว้จากการบริจาคทำบุญให้กับเด็กกำพร้าที่ยากไร้และการสร้างวัด
ที่มาของการสร้างงานเขียนชุดพิเศษนี้ : ขอขอบคุณการอบรม วิถีสู่ความตายอย่างสงบ (บ้านน้ำสาน)
ถ่ายภาพโดย ชาญชัย แซ่ฉั่ว
ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว
รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews
ความเศร้า แล่นเข้าจับที่ขั้วหัวใจ
หัวใจอันเคยบรรจุไปด้วยซีกของความงาม และซีกของความน่าเกลียด
หัวใจอันเคยเต็มไปด้วยมานะและแรงใจในความคิดฝัน
หัวใจอันเต็มไปด้วยความมีอัตตาตัวตนล่วงเลยไปจนขีดสุดและแล้วก็ปล่อยวาง
หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น หยดน้ำตาไหลรินมากมายเหลือคณานับ
ความโศกาอาดูรใดๆ ที่เคยมีไม่ว่าครั้งไหนๆ ก็ไม่เท่ากับครั้งนี้
ท่ามกลางมรสุมน้ำตา หล่อนรู้สึกแสนจะโดดเดี่ยว
เคว้งคว้างว่างเปล่าเสียยิ่งกว่าในคืนค่ำอันฝนตกที่หล่อนเคยอยู่ท่ามกลางสายฝนแล้วร้องไห้รำพันอธิษฐานใจต่อพระบรมรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขอให้ความทุกข์ทั้งมวลอันเกิดจากการกระทำของหล่อน จงมีผลบังเกิดแก่หล่อนแต่เพียงผู้เดียว
แม้ครั้งกระนั้นหล่อนจะเคว้งคว้างและโศกเศร้าเพียงใดแต่จิตใจของหล่อนก็ยังเปี่ยมไปด้วยความอาจหาญผิดกับครั้งนี้
มันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าการเดินผ่านหน้าห้องดับจิตในเวลามืดค่ำและวังเวงในวันก่อนเก่า
ประตูอันหนาทึบของห้องฝังรังสีเคยมีสิ่งอันน่าสะพรึงอยู่ข้างหลังบานประตูนั้นที่หล่อนเคยเห็นและฝังใจในวัยเด็กก็ไม่ได้น่าพรั่นพรึงไปมากกว่ายามนี้
หล่อนโหวงเหวงอย่างจับใจในการที่ตัวเองไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย
ก็ในตอนมีชีวิต หล่อนเองก็เคยปล่อยให้วันเวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า เช้ามาไม่นานเดี๋ยวก็มืดค่ำ สิ่งใดที่คิดอยากทำหล่อนก็วางไว้ รอว่ายังมีวันข้างหน้าที่จะทำ ก็ในวันเวลาที่หล่อนเคยมีอยู่และเคยได้อยู่ในวันเวลาแห่งความมีชีวิตนั้น หล่อนยังไม่เคยนึกเสียดมเสียดายกับวันคืนที่ล่วงเลยไปในตอนที่หล่อนยังมี แต่ในเวลานี้ที่หล่อนสูญเสีย
หล่อนเพิ่งได้รู้ได้เห็นว่าชีวิตที่หล่อนเคยมีมันช่างมีค่าน่าเสียดายและไม่อยากจากมันอย่างที่สุด!!
โอ!!! นี่ถ้าย้อนไปได้ ฉันจะไม่ปล่อยให้วันเวลาในชีวิตเป็นไปอย่างไม่สมควรเลยแม้แต่เพียงวันเดียว
ความเศร้าครั้งใดๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต
ก็ไม่เศร้าเท่ากับครั้งนี้ ครั้งที่รู้ว่าได้พ้นจากความมีชีวิต และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวของตนเอง
สูญเสียตัวตนจากความเป็นคนเช่นหล่อน
สูญเสียตัวตนไปจากงานของหล่อน ความสามารถของหล่อน
พลัดพรากไปจากบ้านเรือนที่แสนจะรักและเปี่ยมไปด้วยบุญคุณที่คุ้มหัวนอนสำหรับหล่อน
พลัดพรากไปจากชายคนรักผู้เป็นที่แสนเสน่หาของหล่อน
และท้ายที่สุด นั่นหล่อนจะพลัดพรากจากความรู้สึกที่ว่า "หล่อนเป็นหล่อน"
หล่อนเป็นคนสวย
หล่อนเป็นคนเก่ง
หล่อนเป็นฯลฯ
มันไม่มีเหลืออีกต่อไป
หล่อนไม่มีแล้ว ไม่มีอะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยว
โหดร้าย โหดร้ายสิ้นดี ที่ตัวของฉันเองนั้นหายไป "หล่อนคิด"
หล่อนเดินไปทั่วบ้าน มองไปยังสิ่งของอันเป็นที่รักที่หวงทั้งปวง งานปั้นรูปหญิงสาวท่ามกลางขวดน้ำหอมเรียงรายในห้องนอน เสื้อยืดตัวนั้นที่หล่อนพกพาติดตัวไปไหนๆ ด้วยเสมอ ค่าที่มันให้ความอบอุ่นใจแก่หล่อน ไอตัวที่ติดกับเสื้อนั้นเป็นกลิ่นไออันหอมกรุ่นปนสาบสางจากเนื้อตัวชายคนที่หล่อนรัก เมื่อไม่มีฉันแล้วคุณก็คงจะลืมฉัน
ฉันไม่อยากหายไปจากความทรงจำของคุณ!!!
โอ นี่หล่อนรักที่ตัวเขา??? หรือหล่อนรักตัวเอง???
แล้วหล่อนก็เสียดาย
ก็ในวันนี้ วันที่หล่อนผ่านโลกและเรียนรู้ในชีวิตมากพอที่จะรู้แล้วว่าสิ่งใดควรไม่ควร ในการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่ อย่างสวยงามและแทบไม่มีผิดพลาด แล้วทำไมหล่อนต้องมาตายเสียก่อน
ภาพข่าวที่ถูกติดเรียงรายอยู่บนข้างฝา เรื่องราวของมันพูดถึงตัวตนและที่มาและความเป็นไปในชีวิตหล่อน เต็มไปด้วยความชื่นชมในบทเรียนชีวิตที่หล่อนได้มอบให้แก่คนอื่นๆ แต่แล้วนี่หล่อนได้พลัดพรากจากมันเสียแล้วในเวลานี้
ภาพถ่ายอันแสนสวยของหล่อนที่ติดบนข้างฝานั้นอีกเล่า ทำให้หล่อนเศร้าลงอีกอย่างจับใจ นึกอยากกลับไปขอบคุณและขอโทษผู้ที่ให้ภาพเหล่านี้มาแก่หล่อน
ค่าที่หล่อนไม่สามารถตอบสนองความรักแก่เขาตามที่เขาหวังได้ และยังทำให้เขาต้องมีชีวิตที่เสมือนตายทั้งเป็น เนื่องจากความสูญเสียในสิ่งที่วาดหวังว่าจะได้อยู่เคียงข้างหล่อนไปแล้วอย่างยับเยิน
แต่แล้วก็เหมือนมีไออุ่นน้ำทิพย์มาประโลมใจ
เมื่อสายตาของหล่อนเหลือบมองไปเห็นกองกระดาษสีขาวปึกหนึ่งในตู้
มันเป็นกองใบเสร็จรับเงินที่หล่อนเก็บรวบรวมไว้จากการบริจาคทำบุญให้กับเด็กกำพร้าที่ยากไร้และการสร้างวัด
ที่มาของการสร้างงานเขียนชุดพิเศษนี้ : ขอขอบคุณการอบรม วิถีสู่ความตายอย่างสงบ (บ้านน้ำสาน)
ถ่ายภาพโดย ชาญชัย แซ่ฉั่ว
ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว
รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews