xs
xsm
sm
md
lg

หล่อนตายแล้ว : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

เพียงฝันหัวใจของฉันก็แล่นไป...

เศษรูปปั้นรูปหญิงสาวที่วางอยู่บนเตียงไม้ใต้ถุนบ้านหัวหลุดออกจากบ่า แขนหาแตกหักแยกกันไปคนละทิศทาง


ใบหน้าของรูปปั้นนั้นยังส่งยิ้มประพิมประพายน้อยๆ ที่อ่อนหวานชวนมอง เป็นเพราะเธอไม่มีความรู้สึกรู้สาเป็นเพียงรูปปั้น แม้แตกหักออกเป็นเสี่ยงๆ ก็ยังคงยิ้มอยู่ เคยถูกปั้นให้ยิ้มอย่างไรก็ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น เหมือนราวกับว่าถูกคำสาปสั่ง ให้ต้องดูเป็นสุขและเย็นใจเมื่อใครได้พบเห็น

ดอกเฟื่องฟ้าสีขาวร่วงหล่นเต็มพื้นดินไปหมดมันช่างเหมือนดอกไม้ที่ทำจากกระดาษ ร่วงหล่นลงดินแล้วกลีบก็ยังฟูฟ่องไหวปลิวได้ในแรงลม กลีบงามนั้นมิได้ร่วงเฉาแนบซบกับพื้นดินในทันทีทันใดที่หลุดจากก้านแบบเดียวกับดอกไม้อื่น

หยดน้ำที่เกลือกกลิ้งอยู่บนใบบัว รวมตัวเป็นหนึ่งหยดเดียวกันเกาะเกี่ยวเหนียวแน่นเป็นวงรอบขอบอาณาเขตแห่งหยดน้ำ ที่ไม่ต้องการภาชานะใดๆ มากำหนดรองรับในความเป็นน้ำของตนอีกต่อไป มันกลิ้งไปมาบนใบัวที่กระเพื่อมไหวตามแรงลมและหยุดนิ่งส่องประกายวาววามเมื่อต้องแสงอาทิตย์

ซากเถาวัลย์อันบางเบาที่โรยตัวลงมาจากยอดไม้แล้วแกว่งไกวในแรงลม ทิ้งใบที่เคยมีแล้วจนหมดสิ้นเหลือเพียงก้านอันแห้งเหี่ยวสีน้ำตาลหม่นไหม้จากแดดแรงและการขาดน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต ใบไม้ใบสุดท้ายเพียงใบเดี่ยวที่ยังเกาะเกี่ยวผูกพันธ์ยึดแน่นเถาวัลย์นั้นไว้ด้วยก้านใบอันกรอบเฉา หมดสิ้นแล้วชีวิต

สิ่งที่ยึดรั้งไว้คือพันธนาการจากอดีต ที่เคยมีชีวิตอยู่แต่แม้จะยังเกาะเกี่ยวผูกพันธ์แน่นหนาสักเท่าไรแต่อีกไม่นานความผุกร่อนด้วยซากของตัวเองก็ย่อมมาถึงอย่างถึงที่สุด และในที่สุดแล้วก็ต้องร่วงหล่นละลายกลายหายเป็นฝุ่นผงลงดิน

โอ... ช่างเป็นวันแล้งร้อนอันแสนจะเนิ่นนาน

หล่อนถอดรองเท้า แล้วเดินเข้าไปในเหย้าเรือน หยุดมองที่รูปปั้น มันวางสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะข้างหน้าต่าง นาฬิกาแขวนที่บนข้างฝายังคงทำงาน มันบอกว่าเป็นเวลาบ่ายสามโมง ลูกตุ้มสีดำของนาฬิกานั้นกวัดแกว่งไปมาในท่ามกลางเสียงโมบายไม้ที่ต้องแรงลมหมุนวนบนนอกชาน เสียงของมันช่างเหมือนเสียงเคาะเรียกของรถเข็นขายบะหมี่ที่ถีบขายไปตามบ้าน

ฉับพลันนั้นหล่อนรู้สึกหิว ท้องหิวของหล่อนทำให้เหลียวมองไปที่บนบ้าน เพื่อหาของกิน แต่กลับมิพบสิ่งใดที่จะเป็นของกินได้บนบ้านของตนเองเลย นอกจากน้ำ หล่อนเอื้อมมือไปหมายจะหยิบเหยือกแก้วสีขาวที่บรรจุน้ำเพื่อจะดื่ม แต่ไม่ว่าจะหยิบจับและกำมือที่หูของเหยือกนั้นสักเท่าไร หล่อนก็ไม่สามารถหยิบจับและคว้ามันขึ้นมาได้

เห็นแต่ข้อมือของตนเองที่ฉกฉวยอยู่ในอากาศเหยือกน้ำนั้นยังคงวางนิ่งกับที่มิได้ไหวติง!!!!

"นี่มันบ้าบออะไรกัน! ทำไม ทำไม ทำไม???”

หล่อนประหลาดใจนัก แสนงุนงงในสิ่งที่เกิดขึ้น ทรุดนั่งลงบนเตียงมองไปพบสร้อยคออันแสนรักของตนเองขาดวางอยู่บนนั้น

ใจของหล่อนหายวาบ มองสร้อยเส้นนั้นอย่างแสนอาลัย หล่อนเอื้อมมือไปจะหยิบต้องแต่แล้วก็เหมือนเดิม เหมือนกันกับตอนที่จะหยิบเหยือกน้ำ หล่อนเห็นว่ามือของหล่อนได้ลงไปสัมผัสถึงแล้วที่สายสร้อย แต่พยายามจะหยิบจับเท่าไร สายสร้อยนั้นก็มิได้เคลื่อนไหวตามมือของเธอที่ไขว่คว้าไปได้เลย

กรุกริก กรุกกริก กรุกกริก กรุกกริก

เสียงโมบายไม้กระทบกันสั่นรัว เสียงนั้นดังราวกับจะหัวเราะเยาะ

นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉัน??? โอ ฉันได้ยินแต่เสียง ฉันได้เห็นภาพ ฉันลอยเลื่อนไปไหนๆ ได้ แต่ทำไม ทำไม ฉันจึงสัมผัสวัตถุสิ่งใดมิได้เลย

ข้าวของของฉันที่ฉันรักและหวงแหน มันจะถูกวางอย่างนี้ไม่ได้ เดี๋ยวใครมาหยิบไป สร้อยมันขาดอยู่ ฉันจะเอามันไปซ่อม!!!!

หล่อนแปลกใจ ประหลาดใจ ทั้งความโกรธและโมโหเริ่มเข้ามาแผ้วพานในจิตใจ

ไม่เคยเลยที่ฉันจะหยิบจับข้าวของใดๆ ในบ้านนี้ไม่ได้ ก็นี่มันของๆฉัน!!!

หล่อนนั่งตีโพยตีพายอยู่บนที่นอน

หล่อนเอื้อมมือไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เอามือปัดขวดแป้งขวดครีมทั้งหลายบนโต๊ะนั้น แล้วมันก็ผ่านไป มือของหล่อนเป็นแค่อากาศไม่สัมผัสจับต้องอะไรได้เลย

หล่อนนิ่งตะลึงงันไปครู่ใหญ่ แล้ว "ความรู้" บางอย่างได้บอกกับหล่อนว่า

"หล่อนตายแล้ว"

ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว







span style="">รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม

จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี

ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด

ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี

เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า

“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ

รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข

ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”

ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW

ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com

และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews


กำลังโหลดความคิดเห็น