• หญิงวัยทองเสี่ยงเป็นโรคเหงือก
สาวใหญ่วัยทองที่หมดประจำเดือนแล้ว คงรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี แต่ที่อาจจะยังไม่รู้ คือ สุขภาพฟันอาจมีปัญหาตามมาด้วย เนื่องจากมีงานวิจัยชิ้นใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Menopause เผยว่า สตรีวัยหมดระดู ซึ่งเสี่ยงสูงต่อภาวะกระดูกพรุน อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นโรคเหงือกด้วย
โดยศึกษาในผู้หญิงเกือบ 200 คน อายุระหว่าง 51-80 ปี ซึ่งอยู่ในภาวะหมดประจำเดือนภายใน 10 ปีที่ผ่านมา ไม่สูบบุหรี่ ไม่ได้รับการบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทน ไม่ได้ใช้ยาป้องกันกระดูกพรุนหรือโรคเบาหวาน เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี นำมาตรวจเหงือกและความเสี่ยงที่กระดูกจะหัก โดยประเมินร่วมกับองค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งเชื่อมโยงกับโรคเหงือก เช่น น้ำหนัก ความสูง กระดูกเคยหัก สูบบุหรี่ โรคข้ออักเสบ โรคเบาหวาน ผลลัพธ์คือ ผู้หญิงที่มีคะแนนความเสี่ยงกระดูกหักสูง แสดงอาการโรคเหงือกอย่างชัดเจน
ลีนา พาโลโม ผู้อำนวยการโปรแกรมปริทันตวิทยา คณะทันตกรรม มหาวิทยาลัย Case Western Reserve รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ภาวะเสี่ยงกระดูกหัก อาจเป็นตัววินิจฉัยโรคเหงือกที่เชื่อถือได้ เนื่องจากใน 10 ปีแรกหลังหมดระดู ผู้หญิงอาจประสบภาวะกระดูกพรุน เพราะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ส่งผลให้เป็นโรคเหงือก
• ยืนกระต่ายขาเดียว 20 วินาที ทดสอบโรคหลอดเลือดในสมอง
หากอยากรู้ว่า ตัวเองมีปัญหาเกี่ยวเส้นเลือดในสมองหรือไม่ ก็ลองทดสอบง่ายๆ ด้วยการยืนกระต่ายขาเดียว
เพราะทีมนักวิจัยญี่ปุ่นที่ศูนย์ Center for Genomic Medicine ที่มหาวิทยาลัย Kyoto University ซึ่งได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาในวารสาร American Heart Association journal Stroke ชี้ว่า คนที่ไม่สามารถรักษาสมดุลได้ขณะทดลองยืนกระต่ายขาเดียวในระยะเวลาสั้นๆได้ ควรเข้ารับการตรวจร่างกายจากแพทย์ เพื่อดูสุขภาพของเส้นเลือดในสมอง
การศึกษาครั้งนี้ ทีมนักวิจัยให้อาสาสมัครชายและหญิงที่สุขภาพดี อายุเฉลี่ย 67 ปี ประมาณ 1,400 คน ทดลองยืนกระต่ายขาเดียว แล้วจับเวลาว่ายืนขาเดียวได้นานแค่ไหน พบว่าอาสาสมัครที่ไม่สามารถรักษาสมดุลขณะยืนกระต่ายขาเดียวได้นาน 20 วินาที เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นต่ออาการเส้นเลือดในสมองแตก โดยทีมนักวิจัยใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพสมอง เป็นตัวช่วยยืนยันความเสี่ยงต่อโรคนี้
ทั้งนี้ อาสาสมัครในการวิจัยที่พบว่ามีปัญหาสุขภาพของเส้นเลือดในสมอง เป็นกลุ่มที่สูงวัยและเป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว
นักวิจัยยังชี้ด้วยว่า อาสาสมัครที่เสียสมดุลขณะยืนกระต่ายขาเดียวนาน 20 วินาที ยังเป็นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความสามารถทางความคิดอ่านอีกด้วย
• ขาดวิตามินดี อาจเป็นโรคเบาหวาน
ประเทศไทยมีแดดแรงตลอดทั้งปี คนที่ไม่กล้าออกแดด เพราะกลัวผิวคล้ำ อาจต้องชั่งน้ำหนักถึงผลได้ผลเสียที่เกิดขึ้น เพราะมีงานวิจัยชิ้นใหม่ที่เผยว่า คนอ้วนหรือผอมที่ระดับวิตามินดีในร่างกายต่ำ มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานมากขึ้น
โดยงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Clinical Endocrinology & Metabolism ระบุว่า นอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการแล้ว เราสามารถลดความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและโรคอื่นๆที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญผิดปกติ ด้วยการใช้เวลาทำกิจกรรมกลางแจ้งบ้าง
มีงานวิจัยก่อนหน้านี้เผยว่า คนที่มีระดับวิตามินดีต่ำ มักจะอ้วน แต่งานวิจัยชิ้นนี้พบว่า ระดับวิตามินดีมีความสัมพันธ์โดยตรงกับระดับกลูโคส แต่ไม่สัมพันธ์กับดัชนีมวลกาย ผู้ทดลองที่อ้วนและร่างกายเผาผลาญกลูโคสเป็นปกติ มีระดับวิตามินดีสูงกว่าผู้ทดลองที่เป็นเบาหวาน เช่นเดียวกัน ผู้ทดลองที่ผอมและเป็นเบาหวาน มักมีระดับวิตามินดีต่ำ
ทั้งนี้ วิตามินดีช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี เพื่อคงความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ เมื่อผิวโดนแสงแดด จะผลิตวิตามินดีได้เองตามธรรมชาติ ส่วนวิตามินดีในอาหารนั้น ร่างกายจะดูดซึมได้น้อยกว่า
• ขนตายาวพอดี ช่วยปกป้องสุขภาพตา
สาวๆที่นิยมใส่ขนตาปลอมยาวเฟื้อยตามแฟชั่น รู้มั้ยว่า คุณอาจกำลังทำร้ายดวงตาคู่สวยโดยไม่รู้ตัว!!
งานวิจัยชิ้นหนึ่งทีตีพิมพ์ในวารสาร Royal Society Interface โดยทีมวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 22 ชนิด รวมถึงมนุษย์ มีขนตายาว 1/3 ของความกว้างดวงตา เพื่อปกป้องดวงตาให้มีสุขภาพดี หากสั้นหรือยาวกว่านี้ รวมถึงขนตาปลอม จะทำให้กระแสลมไหลเวียนรอบดวงตาเพิ่มขึ้น และนำฝุ่นละอองเข้ามาปะทะมากขึ้น
โดยทีมวิจัยวัดขนาดดวงตาและขนตาของสัตว์หลายจำพวก ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งอเมริกา นครนิวยอร์ก และสร้างจำลองลูกตามนุษย์ขึ้น โดยใช้จานอลูมิเนียมแทนกระจกตา และร่างแหแทนขนตา จากนั้น ปล่อยลมใส่ ให้เหมือนกระแสลม จึงได้ค้นพบสัดส่วนที่พอดีของความยาวขนตา ที่จะช่วยปกป้องการระเหยและฝุ่นละอองบนผิวกระจกตา
“เมื่อขนตางอกยาวขึ้น มันจะลดกระแสลมหมุนเวียน สร้างแนวชั้นเหนือกระจกตาให้ลมเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ช่วยเก็บความชุ่มชื้นให้ดวงตาได้นานและกันฝุ่นละออง ซึ่งเกิดจากลมที่เข้ามาปะทะขนตาและม้วนตัวออกไป และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมจึงไม่ควรใส่ขนตาปลอมงอนยาว มันอาจดูสวยงาม แต่ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพตาของคุณ” กิลเลอร์โม อมาดอร์ ผู้วิจัย กล่าว
• ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ส่งผลเสียต่อสมอง
ใครที่คิดว่าทำงานหลายๆอย่างไปพร้อมๆกันเป็นเรื่องดี อาจจะต้องหันมาทบทวนใหม่ เพราะมีผลวิจัยเตือนว่า การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันเป็นผลเสียต่อสมองและความสัมพันธ์กับผู้อื่น
ผลงานวิจัยที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา พบว่า การทำงานหลายอย่างไปพร้อมกันอาจไม่เป็นผลดีอย่างที่คิด เพราะนอกจากจะทำให้ทำงานได้ช้าลง และคุณภาพของงานลดลงแล้ว ยังเป็นปัญหาต่อการจัดระบบความคิดให้เป็นระเบียบ และการกรองข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป เช่นเดียวกับการสูญเสียความสนใจในเรื่องรายละเอียดต่างๆ
นอกจากนี้ ยังต้องใช้เวลามากกว่าในการเปลี่ยนความสนใจเรื่องหนึ่งไปยังอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งนี้เพราะสมองของคนเราจะสามารถทำงานได้ดีกว่า หากมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และการทำงานหลายอย่างไปพร้อมกันยังมีผลต่อความหนาแน่นของเซลล์ประสาทในสมองส่วนที่ควบคุมการหยั่งรู้เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น และการควบคุมอารมณ์ของตนเองด้วย รวมทั้งจะทำให้ระดับ IQ ลดลงถึง 15 จุด หรือเทียบเท่ากับการสูบกัญชาหรืออดนอนมาทั้งคืน
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 173 พฤษภาคม 2558 โดย ธาราทิพย์)