xs
xsm
sm
md
lg

รอบรู้โรคภัย : กรวยไตอักเสบ ปล่อยไว้อาจตายได้ง่ายๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“กรวยไตอักเสบ” ฟังเหมือนไม่น่ากลัวเท่ากับโรคไต แต่จริงๆแล้ว แค่เป็นโรคกรวยไตอักเสบ หากไม่รักษาทันที อาจจะเสียชีวิตได้ง่ายๆ โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย

ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ โดยนพ.วรวุฒิ เจริญศิริ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องกรวยไตอักเสบไว้ว่า

กรวยไตเป็นส่วนหนึ่งของไต เป็นที่รวมของปัสสาวะที่กรองออกมาจากไต ก่อนจะผ่านไปยังท่อไต และลงไปที่ท่อปัสสาวะ กรวยไตอาจเกิดการอักเสบทั้งแบบเฉียบพลัน หรือเรื้อรังก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักเป็นอาการแบบเฉียบพลัน

โรคกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน เกิดจากการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ มักจะมีกระเพาะปัสสาวะอักเสบร่วมด้วย กรวยไตที่อักเสบเฉียบพลันส่วนใหญ่มักจะพบในผู้หญิง คนที่เป็นมักจะมีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดหลัง เคาะเจ็บบริเวณหลัง และเอว มักจะมีปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย แสบ หรือขัด และมีปัสสาวะขุ่นร่วมด้วย

หากมีอาการดังกล่าวต้องรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะ นำปัสสาวะไปเพาะหาเชื้อโรคที่อยู่ในปัสสาวะ รวมทั้งจะต้องรับการรักษาอย่างรวดเร็ว

ถ้าหากอาการไม่มาก ก็อาจรักษาโดยการรับประทานยาฆ่าเชื้อได้ แต่ถ้ามีอาการมาก จำเป็นจะต้องนอนในโรงพยาบาล และฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าเส้นเลือด การที่ปล่อยให้มีกรวยไตอักเสบ โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วทันท่วงที อาจมีอันตรายรุนแรงถึงกับเสียชีวิตได้

โรคนี้พบได้บ่อยในผู้หญิง เนื่องจากท่อปัสสาวะ และทวารหนักอยู่ใกล้กันมากกว่าผู้ชาย เชื้อจึงมีโอกาสแปดเปื้อนเข้าไปในท่อปัสสาวะได้ง่าย

นอกจากนี้ พบว่ามีปัจจัยเสริมให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้นก็คือ การอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโตในผู้ชายสูงอายุ กระเพาะปัสสาวะไม่ทำงานในผู้ป่วยอัมพาต การตั้งครรภ์หรือมีก้อนในช่องท้อง ไปกดทางเดินปัสสาวะการอุดกั้นของปัสสาวะ เป็นต้น

ส่วนผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยที่กินยาสเตียรอยด์ติดต่อกันนานๆ ก็มีโอกาสเป็นโรคติดเชื้อที่กรวยไตมากกว่าปกติ

สาเหตุ
1. เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่พบบ่อย ได้แก่ เชื้ออีโคไล ซึ่งเป็นเชื้อที่พบในอุจจาระของคนทั่วไป
2. คำว่าไตอักเสบ หมายถึง มีการอักเสบของเนื้อเยื่อของไต อาจเกิดจากการมีเชื้อโรคเข้าไปก่อเหตุ หรือเกิดเนื่องมาจากปฏิกิริยาของร่างกายที่สร้างภูมิต้านทานต่อเนื้อไต ไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ โดยไม่มีเชื้อโรคเข้าไปเกี่ยวข้องก็ได้
โรคไตอักเสบเหล่านี้มีผลแทรกช้อน และวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนั้น เมื่อพูดถึงไตอักเสบจะต้องแยกแยะให้ได้ว่าหมายถึงชนิดใดโดยเฉพาะ ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะโรคต่างๆ กันไป เช่น กรวยไตอักเสบ หน่วยไตอักเสบ โรคไตเนโฟรติก เป็นต้น
3. กรวยไตเป็นส่วนที่อยู่เหนือสุดของท่อไต ซึ่งยื่นเข้าไปในเนื้อไต มีรูปร่างเป็นรูปกรวย เมื่อมีเชื้อโรคผ่านขึ้นทางท่อไตเข้ามาอยู่ในกรวยไต ก็จะทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อไตรอบๆกรวยไต เรียกว่า กรวยไตอักเสบ
4. เชื้อโรคจะเข้าสู่กรวยไต โดยเริ่มจากการแปดเปื้อนที่ผิวหนังรอบๆท่อปัสสาวะ ผ่านกระเพาะปัสสาวะ ย้อนขึ้นไปตามท่อไต เข้าไปในกรวยไต แล้วเชื้อมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนจนก่อให้เกิดโรคขึ้นมา

อาการ
- ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หนาวสั่นมาก ต้องห่มผ้าหนาๆ หรือหลายๆผืน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย มักมีอาการปวดท้อง ปวดบั้นเอวข้างใดข้างหนึ่ง และปัสสาวะขุ่น
- บางรายอาจมีอาการถ่ายปัสสาวะแสบขัด และออกกะปริบกะปรอยร่วมด้วย
- ผู้ป่วยมีไข้สูง ร่วมกับอาการหนาวสั่นอย่างมาก ต้องห่มผ้าหนาๆ คล้ายอาการของไข้มาลาเรีย แต่จะจับไข้ไม่เป็นเวลาแน่นอน และมีอาการหนาวสั่นได้วันละหลายครั้ง
- มักมีอาการปวดบริเวณบั้นเอวหรือสีข้างเพียงข้างใดข้างหนึ่ง เมื่อใช้กำปั้นทุบเบาๆ ตรงบริเวณที่ปวดจะมีความรู้สึกเจ็บจนสะดุ้งโหยง
- ปัสสาวะขุ่นขาว บางครั้งอาจข้นเป็นหนอง

การดำเนินโรค
- หากไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยอาจมีภาวะไตวายหรือโลหิตเป็นพิษ แทรกซ้อนภายในเวลาไม่นาน
- หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาการไข้จะค่อยๆทุเลาภายใน 2-3 วัน แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะต่อจนครบ 14 วันเป็นอย่างน้อย จึงจะกำจัดเชื้อให้หมดไป
- หลังจากหายเป็นปกติแล้ว แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาซ้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้กลายเป็นกรวยไตอักเสบเรื้อรัง

การป้องกัน
1. ดื่มน้ำมากๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้เชื้อที่แปดเปื้อนเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ ถูกขับออกไป
2. ไม่อั้นปัสสาวะ การอั้นปัสสาวะจะทำให้เชื้อที่แปดเปื้อนเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวน และย้อนขึ้นไปถึงกรวยไตจนเกิดโรคได้
3. หลังถ่ายอุจจาระ ควรทำความสะอาด โดยการใช้กระดาษชำระเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อลดโอกาสที่จะแปดเปื้อนเข้าท่อปัสสาวะ ซึ่งอยู่ด้านหน้าของทวารหนัก หากเช็ดจากด้านหลังมาด้านหน้าก็อาจทำให้เชื้อเข้าไปในท่อปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
4. เมื่อมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรได้รับการรักษาอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อลุกลามขึ้นไปที่กรวยไต

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 171 มีนาคม 2558 โดย กองบรรณาธิการ)

กำลังโหลดความคิดเห็น