xs
xsm
sm
md
lg

ความรู้คู่สุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คนเป็นไมเกรนเสี่ยงสองเท่า เป็นอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก
งานเข้าอีกแล้วสำหรับผู้ป่วยโรคไมเกรน เพราะนอกจากจะรู้สึกทรมานจากอาการปวดศีรษะข้างเดียวแล้ว ยังเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นโรคอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก (Bell’s palsy) ถึงสองเท่าอีกด้วย

มีงานวิจัยชิ้นใหม่ของ ชู-เจียน หวัง จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติหยางหมิง กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ตีพิมพ์ในวารสาร Neurology เผยให้เห็นถึงความสัมพันธ์ใหม่ล่าสุดระหว่างโรคไมเกรนและโรคอัมพาตใบหน้า ที่อาจเชื่อมโยงกัน

โดยเขาได้ทำวิจัยในคน 2 กลุ่ม อายุ 18 ปีขึ้นไป กลุ่มแรกเป็นโรคไมเกรน กลุ่มที่สองไม่เป็น และติดตามผลใน 3 ปีถัดมา พบว่า มี 671 คนในกลุ่มที่เป็นไมเกรน และ 365 คนในกลุ่มที่ไม่เป็น ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก

หวังได้ข้อสรุปว่า คนที่เป็นโรคไมเกรนมีความเสี่ยงเพิ่มเป็น 2 เท่า ที่จะเป็นโรคอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก นอกเหนือจากปัจจัยอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน การติดเชื้อ การอักเสบ หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่เป็นสาเหตุของโรคดังกล่าว

“ใบตองอ่อน” รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ได้ผลดี
ใบตอง..ไม่ใช่มีไว้แค่ห่อของ แต่ยังช่วยรักษาโรคได้ด้วย

นางไอยริษา เสาร์ศิริ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ ประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอีเซ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ ได้นำเสนอผลงานการรักษาแผลโดยใช้ใบตองอ่อนที่ยังไม่คลี่ใบ มาปิดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แทนการใช้ผ้าก็อซเคลือบวาสลิน

ผลปรากฏว่า บาดแผลที่ปิดด้วยใบตอง เนื้อเยื่อมีการสมานกันได้ดี และใบตองอ่อนไม่ติดกับบาดแผล จึงทำให้แผลหายเร็วกว่าแผลที่ปิดด้วยผ้าก๊อซเคลือบวาสลิน ประมาณร้อยละ 80 โดยบาดแผลถลอกไม่ลึกที่ใช้ใบตองปิด จะหายในเวลาประมาณ 7 วัน หากใช้ผ้าก็อซเคลือบวาสลินปิด จะใช้เวลา 12-14 วัน ส่วนบาดแผลถลอกหรือแผลไฟไหม้ที่มีขนาดลึก การปิดแผลด้วยใบตองอ่อนจะหายประมาณ 2 สัปดาห์ ส่วนแผลที่ใช้ผ้าก็อซเคลือบวาสลินปิด จะหายประมาณ 3-4 สัปดาห์ รวมทั้งยังช่วยลดความเจ็บปวดและค่าใช้จ่ายลงด้วย

รับประทานอาหารเช้า ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
ผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้าโปรดทราบ..ท่านอาจจะเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้ง่ายๆ

นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า อาหารเช้าเป็นอาหารมื้อแรกของวัน ที่ร่างกายต้องการนำพลังงานไปใช้ทำกิจกรรมต่างๆ หลังจากนอนหลับตอนกลางคืน 8-12 ชั่วโมง เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง ทำให้รู้สึกหิว หากไม่รับประทานอาหารมื้อเช้าเติมพลังงานให้กับร่างกาย ร่างกายจะดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตที่สะสมไว้ในตับออกมาใช้ เพื่อเพิ่มน้ำตาลในเลือด นำไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ

การงดหรืออดอาหารเช้าจะมีโอกาสน้ำหนักเกินและเป็นโรคอ้วนได้ง่ายกว่าคนที่รับประทานอาหารเช้า เนื่องจากจะมีอาการโหยอาหารทั้งวัน และจะทำให้กินอาหารมื้อต่อไปมากกว่าปกติ รวมทั้งกินจุบจิบตลอดวัน ซึ่งอาหารที่กินจุบจิบมักมีส่วนประกอบไขมันและน้ำตาลสูง ทำให้น้ำหนักตัวขึ้นเร็ว

ขณะเดียวกันในช่วงที่ร่างกายหิว จะกระตุ้นการสร้างและการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมาเพิ่มขึ้น เพื่อนำน้ำตาลเข้าเซลล์ แล้วเปลี่ยนไปใช้เป็นพลังงาน หากมีปริมาณของฮอร์โมนอินซูลินมากเกินเป็นเวลานาน โดยที่ร่างกายไม่ได้รับอาหาร จะทำให้ร่างกายเกิดการตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินลดลง เป็นสาเหตุการเกิดโรคเบาหวานได้ในที่สุด

ส่วนนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค บอกว่า ประโยชน์ของอาหารเช้ายังช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานควบคุมอาหารได้ดีขึ้น จากการศึกษาในต่างประเทศพบว่า คนส่วนมากมักเข้าใจผิดว่า ผู้ที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 2 ควรจะกินอาหารทีละน้อยๆ แต่บ่อยครั้งประมาณ 5-6 มื้อย่อยต่อวัน แต่ในความจริงแล้วผู้ที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี คือกลุ่มที่กินอาหาร 3 มื้อ โดยเน้นอาหารเช้า อาหารเที่ยง เป็นมื้อหลัก และกินอาหารมื้อเย็นน้อยลง นอกจากจะมีผลดีในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว ยังมีผลดีต่อการลดน้ำหนัก และทำให้ไขมันในตับลดลงด้วย

อาชีพไหนทำร้ายหัวใจมากกว่ากัน
ไม่มีใครทำร้ายหัวใจคุณได้เท่ากับอาชีพที่คุณกำลังทำอยู่ เพราะศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกาเผยว่า คนที่ทำงานในภาคธุรกิจขายส่งมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและเส้นเลือดสมองตีบมากกว่า คนทำงานด้านการเงินและประกันภัย ซึ่งปัจจัยเสี่ยงในที่ทำงาน อาทิ เสียงดัง ความเครียด ควันบุหรี่มือสอง และการทำงานเป็นกะ ล้วนเป็นสาเหตุ

ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้วิเคราะห์ผลสำรวจด้านสุขภาพระดับชาติ ที่ทำขึ้นระหว่างปี 2008-2012 เพื่อประเมินอัตราการป่วยด้วยโรคหัวใจและเส้นเลือดสมองตีบในหมู่ผู้ที่อายุน้อยกว่า 55 ปี พบว่า อัตราการป่วยพุ่งสูงสุดใน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่ทำงานด้านบริหารจัดการขยะ และกลุ่มคนที่ทำงานด้านอาหารและที่พัก

นอกจากนี้ ความไม่มั่นคงในอาชีพ และการทำงานเป็นกะ ล้วนเป็นสาเหตุที่นำไปสู่อาการป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดได้เช่นกัน

เช็คด่วน..เกิดปีไหนทำให้อ้วน
ปีค.ศ.ที่คุณเกิดบอกอะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอายุ โชคชะตาราศี ฯลฯ และล่าสุด มันสามารถบอกได้ด้วยว่า คุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนหรือไม่

งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร PNAS รายงานว่า คนที่เกิดก่อน ค.ศ. 1942 เสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของยีนที่เชื่อมโยงกับโรคอ้วน น้อยกว่าคนที่เกิดหลัง ค.ศ. 1942 และผลกระทบจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นในคนที่เกิดปีหลังๆ

โดยทีมวิจัยใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมระหว่างปี 1971-2008 ซึ่งผู้เข้าร่วมวิจัยมีอายุระหว่าง 27-63 ปี เพื่อค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีมวลกายและยีนที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน

“เราเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของยีนที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนและดัชนีมวลกาย ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อปีเกิดของผู้ร่วมวิจัยเพิ่มขึ้น” เจมส์ นีลส์ โรเซนควิสท์ ผู้นำทีมวิจัยแห่งโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ กล่าว

ผลวิจัยนี้ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในวงกว้าง มีผลทำให้คนเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งทีมวิจัยได้ตั้งข้อสังเกตว่า ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีการพึ่งพาเทคโนโลยีมากกว่าการใช้แรงงานคน รวมถึงการหันมาบริโภคอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปที่มีแคลอรีสูง ทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ส่งผลให้คนเป็นโรคอ้วนกันมากขึ้น

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 170 กุมภาพันธ์ 2558 โดย ธาราทิพย์)




กำลังโหลดความคิดเห็น