xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารบ้านเรา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

3 หน่วยงาน ร่วมบูรณะราชรถพระนำ และราชรถเชิญพระโกศ พระศพสมเด็จพระสังฆราช เสร็จสมบูรณ์แล้ว
3 หน่วยงาน ร่วมบูรณะราชรถพระนำ และราชรถเชิญพระโกศ พระศพสมเด็จพระสังฆราช เสร็จสมบูรณ์แล้ว

นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากร ร่วมกับกรมสรรพาวุธทหารบก และกรมอู่ทหารเรือ ได้ดำเนินการบูรณะซ่อมแซมราชรถ เพื่อใช้ในริ้วขบวนพระอิสริยยศอัญเชิญพระโกศพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ตามที่คณะอำนวยการจัดงานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มอบหมาย เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม ถึงวันที่ 15 กันยายน 2557 รวมระยะเวลา 6 เดือน ใช้งบประมาณกว่า 2 ล้านบาท

โดยสำนักช่างสิบหมู่ได้ทำการเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างไม้ลวดลายแกะสลักที่ชำรุดเสียหาย และงานปิดทองประดับกระจก งานผ้าลายทองแผ่ลวด ซ่อมลวดลายที่ผิดไปจากรูปแบบงานศิลปกรรมไทยให้สมบูรณ์ ขณะที่กรมสรรพาวุธทหารบก รับผิดชอบบูรณะซ่อมแซมกลไกขับเคลื่อนราชรถ เช่น ล้อ เพลา แหนบ คันบังคับเลี้ยว เป็นต้น ด้านกรมอู่ทหารเรือ รับผิดชอบจัดทำเชือกฉุดชักราชรถทั้ง 2 องค์ ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดเป็นไปตามโบราณราชเพณี พร้อมในการราชพิธีอย่างสมพระเกียรติ

อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ กำหนดวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ดังนั้น กรมศิลปากร จะเก็บรักษาราชรถทั้ง 2 องค์ไว้ที่สำนักช่างสิบหมู่ เพื่อดูแลควบคุมความชื้น และใช้พลาสติกคลุมป้องกันฝุ่น

บอร์ดประกันสังคม-บัตรทอง ไฟเขียวเพิ่มยา 4 รายการ รักษามะเร็ง-ไวรัสตับอักเสบ

นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม มีมติอนุมัติเพิ่มยารักษาโรค 4 รายการ ได้แก่ ยาทราสทูซูแมบ (Trastuzumab) เป็นยารักษามะเร็งเต้านม ยาเพคอินเตอร์เฟอรอน (Peginterferon) สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีร่วมด้วย และผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ยานิโลทินิบ (Nilotinib) และยาดาซาทินิบ (Dasatinib) รักษาผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง ซึ่งจะใช้งบค่ายาในการรักษาผู้ประกันตนเพิ่มขึ้นในปีแรกทั้งหมดกว่า 100 ล้านบาท คาดว่ามีผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดกว่า 1,000 คน หลังจากนี้ สปส.จะออกประกาศและคาดว่าเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

นพ.สุรเดช กล่าวอีกว่า ในอนาคตยาทั้ง 4 รายการข้างต้น จะมีการประกาศไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ทั้งนี้ สาเหตุที่บอร์ด สปส. อนุมัติเพิ่มรายการยาเหล่านี้ เพราะเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษามากกว่ายาที่ สปส. กำหนดให้ใช้อยู่ในปัจจุบัน

ขณะที่ คณะกรรมการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ก็มีมติให้เพิ่มยา 4 รายการ เหมือนกับของประกันสังคม โดย นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า บอร์ดสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านยาในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง ทั้งหมด 4 รายการ ซึ่งจะทำให้เกิดความครอบคลุมในการรักษามากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ผู้ป่วยที่ใช้สิทธิ์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสามารถเข้าถึงการรักษาเพิ่มมากขึ้นด้วย

ดู “จันทรุปราคา” เต็มดวง พระจันทร์สีส้มแดงวันออกพรรษา ครั้งสุดท้ายของปี 57

น.ส.ประพีร์ วิราพร นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า ในช่วงค่ำของวันที่ 8 ต.ค. 57 ซึ่งตรงกับวันออกพรรษา จะมีปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งที่ 2 ของปี และเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ โดยในประเทศไทย วันที่ 8 ต.ค. 57 ดวงจันทร์จะขึ้นเวลา 18:00 น. และดวงอาทิตย์ตกเวลา 18:03 น. เราจึงสังเกตจันทรุปราคาเต็มดวงได้ขณะที่ดวงจันทร์ขึ้น ซึ่งจันทรุปราคาเต็มดวงจะสิ้นสุดลงในเวลา 18:24 น. จากนั้นจะเห็นดวงจันทร์เป็นรูปร่างเว้าแหว่งเรื่อยๆ และจะกลับมาเต็มดวงอีกครั้งในเวลา 19:34 น. ดวงจันทร์จะค่อยๆกลับมาเป็นสีเหลืองเต็มดวงเหมือนดวงจันทร์วันเพ็ญปกติเช่นเดิมอีกครั้งในเวลา 20:34 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ดวงจันทร์เคลื่อนออกจากเงามัว

"ความน่าสนใจของจันทรุปราคาในครั้งนี้คือ เกิดในวันออกพรรษาพอดี ซึ่งปกติเป็นที่ทราบกันดีว่าดวงจันทร์วันเพ็ญจะมีรูปร่างกลมโตสีเหลือง แต่ในช่วงหัวค่ำของวันออกพรรษาที่จะถึงนี้เราจะไม่เห็นดวงจันทร์เป็นแบบนั้น จันทรุปราคาจะทำให้เราสังเกตเห็นดวงจันทร์มีสีส้ม เนื่องจากดวงจันทร์โคจรเข้ามาอยู่ในเงาของโลก และได้รับแสงสะท้อนจากโลกเราจึงเห็นดวงจันทร์เป็นสีส้ม ไม่ใช่มืดหายไป” นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทยกล่าว

ผู้สนใจสามารถสามารถเฝ้าชมปรากฏการณ์นี้ได้ โดยการสังเกตไปที่เส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก หากไม่มีเมฆหมอกบดบัง หรืออยู่ในที่โล่งหรือตึกสูง ก็จะสามารถเห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาได้อย่างชัดเจน หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ thaiastro.nectec.or.th

เรือนพระยาศรีธรรมาธิราช คว้ารางวัลอนุรักษ์ ยูเนสโก

นายทิม เคอร์ติส ประธานคณะกรรมการตัดสินและหัวหน้าแผนกวัฒนธรรม องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ยูเนสโก ประจำประเทศไทย ได้ประกาศผลการประกวดโครงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี 2557 เพื่อยกย่องบุคคลและองค์กรภาคเอกชน หรือโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการบูรณปฏิสังขรณ์อาคาร และสิ่งก่อสร้างที่เป็นมรดกอันทรงคุณค่าในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ในปีนี้มีประเทศต่างๆ ส่งโครงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมเข้าร่วมประกวด 46 โครงการ และคณะกรรมการได้คัดเลือกให้ได้รับรางวัล 14 โครงการจาก 10 ประเทศ โดยปีนี้ไม่มีรางวัลยอดเยี่ยม

สำหรับรางวัลดี หรือ Award of Merit ได้แก่ 1. เรือนพระยาศรีธรรมาธิราช กรุงเทพฯ ประเทศไทย 2. ฟาร์มเอกเซเตอร์ เมืองเกลนวู้ด รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย 3. วัดศรีสักการ์กาดนิวาสินีเทวี หมู่บ้านคินไห แคว้นมหาราษฎระ ประเทศอินเดีย 4. โรงเก็บเรือแฟรงค์ตัน เมืองควีนส์ทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์ 5. วัดวักไห่เชงเปี่ยว ประเทศสิงคโปร์

นายทิมระบุว่า เรือนพระยาศรีธรรมาธิราช เป็นอาคารสมัยต้นศตวรรษที่ 20 เป็นตัวอย่างสำคัญของความมุ่งมั่นร่วมมือกันระหว่างผู้มีส่วนร่วมหลายหน่วยงานในการปกป้องคุ้มครองอาคารที่มีคุณค่าทางมรดก สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เจ้าของอาคาร และผู้เช่า มูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมไทย-จีน ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์ให้วิจัยประวัติศาสตร์ของอาคาร ทำให้ทราบถึงบริบทของแหล่งมรดกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเผยให้เห็นมัณฑนศิลป์อันล้วนเป็นงานช่างฝีมือ เช่น ห้องจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตร โครงการนี้ทำให้ภูมิทัศน์และสภาพอาคารทั้งภายนอกและภายในกลับคืนมาดังเดิม และหลังจากการอนุรักษ์เสร็จสิ้น ก็ได้ใช้งานต่อในฐานะศูนย์การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการศึกษาระหว่างชุมชนไทยและจีน

“มจร.-พศ.” ร่วมจัดประชุมผู้นำศาสนาในอาเซียนครั้งแรก ชูปฏิญญา 6 ข้อ อยู่ด้วยกันอย่างขันติธรรมในอาเซียน

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)

จัดโครงการ "ประชุมผู้นำศาสนาเพื่อสันติภาพในประชาคมอาเซียน ครั้งที่ 1 (1st Interfaith Dialogue on Religious Leaders for Peace in ASEAN Community ) ในหัวข้อเรื่อง ขันติธรรมทางศาสนา (Religious Tolerance) ระหว่างวันที่ 24 - 29 กันยายน ที่ผ่านมา ณ มจร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และโรงแรมคลาสสิค เคมิโอ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีผู้นำศาสนาจาก 10 ประเทศในอาเซียน ประมาณ 80 รูป/คนเข้าร่วมงาน สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นประธานในพิธีเปิดงานได้กล่าวสัมโมทนียกถา ว่า “การประชุมวันนี้มีจุดมุ่งหมาย 3 ประการ คือ 1.เพื่อประโยชน์สุขแก่ประชาชน 2. เพื่อสันติสุขแก่ประเทศชาติ 3.เพื่อสามัคคีสุขแห่งอาเซียน และขันติธรรมนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่องคู่กับพระนิพพาน ว่าเป็นธรรมอันยอดเยี่ยมเป็นธรรมอันยอดยิ่ง”

พระพรหมบัณฑิต อธิการบดี มจร. กล่าวว่า ขันติธรรมถือเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันกับกลุ่มคนต่างๆที่มีความแตกต่าง เพราะจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ความอดทนในการที่จะต้องพยายามรับฟังและเข้าใจต่อความแตกต่างกันทางด้านความคิด ความเชื่อ ศาสนา ภาษา วัฒนธรรม บนฐานของการเคารพในสิทธิศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ซึ่งแนวทางนี้จะนำไปสู่การยอมรับนับถือความแตกต่างที่หลากหลาย และมีท่าทีที่แสดงออกอย่างเป็นมิตร รับฟัง เข้าใจ และปฏิบัติต่อบุคคลที่มีความแตกต่างกันด้วยความรัก ความเมตตา และปรารถนาให้ทุกคนมีความสุข

“หากเราทุกคนยึดหลักคำสอนหลักขันติธรรม อันเป็นหลักธรรมที่มีปรากฏในทุกศาสนา และปฏิบัติตาม จะสามารถทำให้เรายอมรับ และอดทนต่อความแตกต่างทางวัฒนธรรม อันจะส่งผลต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ท่ามกลางความแตกต่างของมนุษยชาติในประชาคมอาเซียนต่อไป การประชุมครั้งนี้ ไม่ได้จบลงแค่ตรงนี้ แต่เป็นการเริ่มต้นว่า เราจะทำงานร่วมกันต่อไปอย่างไรในอนาคต”

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า “การจัดประชุมผู้นำศาสนาเพื่อสันติภาพในประชาคมอาเซียนครั้งนี้ เพื่อให้ผู้นำศาสนาได้นำองค์ความรู้จากหลักการสำคัญของแต่ละศาสนามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมถึงการถอดบทเรียนของการอยู่ร่วมกันอย่างมีขันติธรรมในประเทศต่างๆ ซึ่งนำไปสู่การประยุกต์องค์ความรู้และบทเรียนเหล่านั้น ไปสู่การตระหนักรู้ และวางตนให้ถูกต้อง และเหมาะสมต่อศาสนิกต่างๆ อันจะส่งผลต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ท่ามกลางความแตกต่างของพลเมืองในประชาคมอาเซียนต่อไป”

ทั้งนี้ ผู้นำศาสนาของประเทศต่างๆได้ลงนามปฏิญญาอยุธยา 2557 ว่าด้วยการอยู่ด้วยกันอย่างมีขันติธรรมในอาเซียน ดังนี้ 1. ส่งเสริมขันติทางศาสนาตามประกาศของยูเนสโก ปี 1995 2. จะดำเนินการเสวนาต่อไปและเสริมสร้างเครือข่ายของผู้นำศาสนาส่งเสริมกันและกัน 3. เพื่อให้ประชาคมอาเซียนมีความรู้ในศาสนาของตนเองและศาสนาอื่นๆ

4. เพื่อดำเนินแบบต่อเนื่องไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อสันติภาพ เข้าใจถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 5. จะกระทำให้เกิดความคุ้นเคยระหว่างกัน เพื่อความเป็นเอกภาพของผู้นำศาสนา 6. เพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคี ไม่ให้ศาสนาตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองและสื่อมวลชน

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 166 ตุลาคม 2557 โดย กองบรรณาธิการ)
บอร์ดประกันสังคม-บัตรทอง ไฟเขียวเพิ่มยา 4 รายการ รักษามะเร็ง-ไวรัสตับอักเสบ
ดู “จันทรุปราคา” เต็มดวง พระจันทร์สีส้มแดงวันออกพรรษา ครั้งสุดท้ายของปี 57
เรือนพระยาศรีธรรมาธิราช คว้ารางวัลอนุรักษ์ ยูเนสโก
“มจร.-พศ.” ร่วมจัดประชุมผู้นำศาสนาในอาเซียนครั้งแรก ชูปฏิญญา 6 ข้อ อยู่ด้วยกันอย่างขันติธรรมในอาเซียน
“มจร.-พศ.” ร่วมจัดประชุมผู้นำศาสนาในอาเซียนครั้งแรก ชูปฏิญญา 6 ข้อ อยู่ด้วยกันอย่างขันติธรรมในอาเซียน
กำลังโหลดความคิดเห็น