xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : ระวัง!! “แมงมุมพิษ” ช่วงหน้าฝน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ออกโรงเตือนคนไทยระวังแมงมุมพิษในช่วงหน้าฝน โดยเฉพาะแมงมุมแม่ม่ายดำและแมงมุมสันโดษสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสัตว์มีพิษนำเข้ามาจากต่างประเทศ ระบุหากถูกกัดต้องรีบไปโรงพยาบาล พร้อมนำแมงมุมพิษที่กัดไปด้วย เพื่อการวินิจฉัยโดยแพทย์ได้ถูกต้องรวดเร็ว เผยบริเวณผิวหนังที่ถูกกัดอาจมีเนื้อตายได้

ดร.นพ.เวสารัช เวสสโกวิท แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง สถาบันโรคผิวหนัง และประธานฝ่ายแพทย์และจริยธรรม สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีมีประชาชนถูกแมงมุมกัดว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน ทำให้สัตว์จำพวกแมลงมีพิษต่างๆ มักจะหลบซ่อนเข้ามาตามบ้านเรือน จึงควรทำความสะอาดและตรวจสอบที่นอนก่อนนอนเสมอ

สำหรับแมงมุมพิษที่มีความอันตรายและควรระมัดระวัง จัดแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ แมงมุมแม่ม่ายดำ (black widow spider) และแมงมุมสันโดษสีน้ำตาล (brown recluse spider)

แมงมุมแม่ม่ายดำ

แมงมุมแม่ม่ายดำ เป็นแมงมุมขนาดเล็ก พบได้ในหลายประเทศ แต่มีชุกชุมมากในทวีปอเมริกาใต้และทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปออสเตรเลีย ชื่อของแมงมุมชนิดนี้ สื่อถึงพฤติกรรมที่แมงมุมตัวเมียมักจะกินแมงมุมตัวผู้หลังจากผสมพันธุ์

แมงมุมแม่ม่ายดำจะมีความยาวประมาณขนาดครึ่งถึงหนึ่งนิ้ว มีสีดำ ตัวกลม ที่ท้องจะมีลายเป็นรูปนาฬิกาทรายสีแดง ส่วนตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าตัวเมียประมาณ 20 เท่าและมีสีน้ำตาล ไม่พบลักษณะนาฬิกาทรายที่ท้องของตัวผู้

ดร.นพ.เวสารัช กล่าวว่า แมงมุมแม่มายดำชอบอยู่ในที่อับแสง แห้ง ไม่มีลม เช่น ตามรั้ว หรือในกองใบไม้ ชอบออกหากินกลางคืน เฉพาะแมงมุมตัวเมียเท่านั้นที่สามารถกัดมนุษย์ได้ เนื่องจากตัวผู้ตัวเล็กและกรามไม่แข็งแรงพอ

พิษของแมงมุมแม่ม่ายดำจะออกฤทธิ์กับระบบประสาท มีความรุนแรงกว่าพิษงูส่วนใหญ่ มักเริ่มแสดงอาการหลังถูกกัดประมาณ 20 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง บริเวณที่ถูกกัดอาจจะมีอาการแดงเพียงเล็กน้อย แต่อาการปวดเฉพาะที่จะตามมาด้วยตะคริวรุนแรงที่อาจเป็นทั่วตัว ปวดท้อง อ่อนแรง มือสั่น ปวดกล้ามเนื้อใหญ่ๆ อย่างรุนแรง เช่น บริเวณหลังหรือไหล่

ถ้ามีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดคลื่นไส้ อาเจียน มึนศีรษะ เป็นลม เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก มีความดันโลหิตสูงขึ้น อาการรุนแรงมักพบในเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ


อาการปวดบริเวณท้องอาจคล้ายคลึงกับอาการไส้ติ่งอักเสบ หรือการปวดจากนิ่วในถุงน้ำดีไปอุดตันทางเดินน้ำดี อาการปวดหน้าอกอาจคล้ายคลึงกับอาการหัวใจขาดเลือดได้

การรักษาหากมีอาการปวดเพียงเล็กน้อย อาจใช้การประคบน้ำอุ่นร่วมกับรับประทานยาแก้ปวด บริเวณผิวหนังที่ถูกกัดจะไม่มีเนื้อตาย

หากมีอาการรุนแรง ควรไปตรวจที่ห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลใหญ่ๆ เนื่องจากส่วนใหญ่จะได้รับการฉีดยาแก้ปวดที่เป็นอนุพันธ์ของมอร์ฟีน ปัจจุบัน ยังไม่มียาต้านฤทธิ์ของพิษแมงมุมแม่ม่ายดำในประเทศไทย

แมงมุมสันโดษสีน้ำตาล

สำหรับ แมงมุมพิษชนิดที่ 2 เรียกว่า แมงมุมสันโดษสีน้ำตาล ซึ่งมีคนเรียกชื่อผิดว่า แมงมุมแม่ม่ายสีน้ำตาลนั้น เป็นแมงมุมพิษที่พบได้ทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ มีขนาดเล็กประมาณ 6-20 มิลลิเมตร แต่อาจมีขนาดโตกว่านี้ได้ มีสีน้ำตาลอ่อน ลักษณะเด่นคือด้านหลังของแมงมุมตรงช่วงศีรษะถึงอก (cephalothorax) จะมีลายสีออกดำรูปคล้ายไวโอลิน

แมงมุมสันโดษสีน้ำตาลชอบอยู่ในที่มืด แห้ง และสงบ เช่นเดียวกับแมงมุมแม่ม่ายดำ และจะออกจากที่อยู่อาศัยเพื่อล่าสัตว์อื่นในเวลากลางคืน

แมงมุมชนิดนี้มีพิษต่อระบบเลือด พิษจะกระจายไปทั่วร่างกายในเวลาเป็นนาที ทำให้เกิดความผิดปกติในอวัยวะหลายๆ ส่วน โดยมีอาการแสดงทำให้เกิดเม็ดโลหิตแดงแตก เกร็ดเลือดต่ำ มีการแข็งตัวของเกร็ดเลือดกระจายทั่วร่างกาย (disseminated intravascular coagulation)

อันตรายต่ออวัยวะภายในอื่นๆ ที่อาจพบ ได้แก่ เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไข้ ผื่นแดง ปวดกล้ามเนื้อและข้อ


อันตรายรุนแรงมักเกิดในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โดยผู้ที่ถูกกัดและเสียชีวิตมักเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี และผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง

เมื่อถูกกัดมักจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่มักเริ่มมีอาการปวดและคันบริเวณที่ถูกกัดหลัง 2 - 8 ชั่วโมง เกิดเป็นตุ่มน้ำพอง อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ผิวหนังบริเวณที่ถูกกัดตายได้ถึงร้อยละ 37 เกิดเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่ได้ถึง 10 นิ้ว

สำหรับแนวทางการรักษา หากถูกแมงมุมสันโดษสีน้ำตาลกัด ให้ไปที่ห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลทันที โดยนำแมงมุมดังกล่าวไปด้วย ห้ามนวดหรือประคบร้อนบริเวณที่ถูกกัดโดยเด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้พิษแมงมุมกระจาย

ทั้งนี้ ไม่มียาจำเพาะที่ใช้ในการรักษาพิษแมงมุมสันโดษสีน้ำตาล แพทย์อาจพิจารณาฉีดวัคซีนกันบาดทะยัก รักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวด แก้คันในรายที่เกิดภาวะแทรกซ้อนทางโลหิตวิทยา แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาอื่นๆ เช่น สเตียรอยด์ เป็นต้น

หลังจากแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน ผู้ป่วยจะต้องไปติดตามอาการทุกวันอย่างน้อยเป็นเวลา 4 วันหลังถูกกัด เนื่องจากต้องติดตามอาการแผลเนื้อตายบริเวณที่ถูกกัดด้วย

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 164 สิงหาคม 2557 โดย กองบรรณาธิการ)
แมงมุมแม่ม่ายดำ
แมงมุมแม่ม่ายดำ
แมงมุมแม่ม่ายดำ
แมงมุมสันโดษสีน้ำตาล
แมงมุมสันโดษสีน้ำตาล
แมงมุมสันโดษสีน้ำตาล



กำลังโหลดความคิดเห็น