กระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายด้านเอดส์ จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความตระหนักในการตรวจเอชไอวี ในวันที่ 1 กรกฎาคม และตลอดเดือนกรกฎาคม 2557 เนื่องในวันรณรงค์ตรวจเอชไอวีแห่งชาติ 1 กรกฎาคม 2557 เผยไทยยังมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีราว 500,000 ราย มีครึ่งหนึ่งที่ยังไม่เคยตรวจเลือด ซึ่งหากรู้ผลเลือดเร็ว จะได้รับการรักษาเร็ว ลดการป่วยจากโรคฉวยโอกาส ลดการเสียชีวิต ไม่ถ่ายทอดเชื้อไปให้ผู้อื่น พร้อมปรับแนวทางการให้ยาต้านไวรัส รักษาผู้ติดเชื้อในทุกระดับเม็ดเลือดขาวซีดีโฟร์ ตามความพร้อมของผู้ติดเชื้อและดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี และนายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ได้ร่วมแถลงข่าว VCT Day 1 กรกฎาคม วันรณรงค์ตรวจเอชไอวี “ประโยชน์ 6 ข้อที่ควรตรวจเอชไอวี” รณรงค์ให้ประชาชนทราบข้อดีและไปรับการเจาะเลือดเพื่อให้รู้ผลเลือดเอชไอวีของตัวเอง
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่ายด้านเอดส์ กำหนดให้วันที่ 1 กรกฎาคมทุกปี เป็นวันรณรงค์ตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี (Voluntary Counselling and Testing Day : VCT Day) เพื่อให้ประชาชนตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี ซึ่งขณะนี้ ไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 500,000 คน ในจำนวนนี้ มีเพียงครึ่งหนึ่งหรือ 250,000 รายเท่านั้นที่ทราบผลเลือดและเข้าสู่ระบบการรักษาแล้ว
โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบบริการด้านเอชไอวี/เอดส์ไว้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ระบบบริการปรึกษา การตรวจวินิจฉัย การรักษาด้วยยาต้านไวรัส ครอบคลุมในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ตั้งแต่โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ จึงเป็นที่น่าเสียดายสำหรับผู้ที่ยังไม่ตรวจเลือดและไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวด้วยว่า ได้ให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศจัดกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี ร่วมกับภาคีเครือข่าย และชุมชน ให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีพฤติกรรมเสี่ยงทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย เป็นต้น โดยประชาชนสามารถไปรับการตรวจเลือดเอชไอวี ได้ที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง ฟรี ปีละ 2 ครั้ง
ทั้งนี้ การทราบผลการตรวจเลือดจะช่วยให้ผู้ที่ไม่ติดเชื้อเกิดความตระหนักในการป้องกันตนเอง ส่วนผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ก็จะป้องกันไม่ถ่ายทอดเชื้อไปให้ผู้อื่น ขณะเดียวกันจะได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดการป่วยจากโรคฉวยโอกาส เช่น วัณโรค และลดการเสียชีวิตลง เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุขที่มุ่งสู่เป้าหมายที่เป็นศูนย์ (Getting to Zero) คือลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากเอดส์ และลดการรังเกียจตีตราเรื่องเอดส์
ด้านนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคมีมาตรการเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี โดยส่งเสริมหน่วยบริการสุขภาพให้จัดบริการปรึกษาและตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี แบบทราบผลในวันเดียว (same day result) ในโรงพยาบาลทุกแห่ง รวมทั้งการจัดบริการเชิงรุกในชุมชน
และในปีนี้ได้มีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ โดยจัดทำแนวทางการตรวจรักษาและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ประเทศไทย ปี 2557 ซึ่งมุ่งเน้นให้เริ่มให้ยาต้านไวรัส รักษาผู้ติดเชื้อในทุกระดับเม็ดเลือดขาวซีดีโฟร์ (CD4) ตามความพร้อมของผู้ติดเชื้อและดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมปรับสิทธิประโยชน์การดูแลรักษาให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าวต่อไป
ขณะเดียวกัน ได้วางแผนพัฒนาระบบบริการและศักยภาพผู้ให้บริการ ในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์อย่างมีคุณภาพไปพร้อมกัน
นายนิมิตร์ เทียนอุดม กรรมการและเลขานุการ 1663 สายด่วนปรึกษาเอดส์ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ถึงแม้ระบบสาธารณสุขของประเทศ มีความพร้อมในการให้บริการตรวจรักษาเอชไอวี/เอดส์ แต่ยังมีผู้มาใช้บริการเพียงครึ่งหนึ่งของตัวเลขประมาณการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อทั้งประเทศ อยากให้ทุกคนรู้สึกว่า การตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกับการตรวจสุขภาพทั่วๆไป อย่ากลัวหรืออย่าอายที่จะมารับบริการ
ทั้งนี้ ในโอกาสที่วันรณรงค์ตรวจเอชไอวีแห่งชาติ 1 กรกฎาคมที่กำลังจะมาถึง เครือข่ายคนทำงานด้านเอดส์จึงร่วมกันออกหน่วยบริการปรึกษาและตรวจเอชไอวีให้กับประชาชนทั่วไปฟรี ในวันที่ 1 กรกฎาคม และตลอดเดือน
หากมีข้อสงสัยหรือมีความกังวลเรื่องเอชไอวี/เอดส์ สามารถโทรศัพท์เข้ามาขอรับบริการปรึกษาได้ที่ 1663 สายด่วนปรึกษาเอดส์ ทุกวัน 09.00 - 21.00 น.
ประโยชน์ 6 ข้อที่ควรตรวจเอชไอวี
สำหรับประเด็นการรณรงค์ในปี 2557 นี้คือ “ประโยชน์ 6 ข้อที่ควรตรวจเอชไอวี” ได้แก่ การตรวจเอชไอวีจะทำให้
1. สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที ไม่ต้องรอให้แสดงอาการ
2.ได้รับการรักษา จะทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถทำงานได้อย่างปกติ
3. สามารถวางแผนป้องกันคู่ของตนเองติดเชื้อ และชวนคู่ไปตรวจเลือดได้
4. สามารถวางแผนป้องกันการติดเชื้อไปสู่ลูกได้
5. สามารถป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อเอชไอวีได้
6.มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเอชไอวี/เอดส์ และการป้องกันตนเองได้อย่างถูกต้อง
• A I D S
เอดส์ มาจากภาษาอังกฤษว่า AIDS ซึ่งย่อมาจากคำเต็มว่า Acquired Immuno Deficiency Syndrome ซึ่งแต่ละคำมีความหมายดังนี้
A = Acquired หมายถึง เกิดขึ้นภายหลัง ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิดหรือสืบทอดทางกรรมพันธุ์
I = Immuno หมายถึง ระบบภูมิต้านทานหรือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
D = Deficiency หมายถึง ความบกพร่อง การขาดไปหรือเสื่อม
S = Syndrome หมายถึง กลุ่มอาการคือมีอาการหลายๆอย่างไม่เฉพาะที่ระบบใดระบบหนึ่ง
รวมความว่า “กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม” เป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชไอวี (Human Immuno Deficiency Virus) เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเสื่อมหรือบกพร่องลง เป็นผลทำให้เป็นโรคติดเชื้อหรือเป็นมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ อาการมักจะรุนแรง เรื้อรัง และเสียชีวิตในที่สุด
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 163 กรกฎาคม 2557 โดย กองบรรณาธิการ)