xs
xsm
sm
md
lg

Google Search Engine ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ใช้ “การเจริญสติ” ค้นหาตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โลกปัจจุบันเป็นโลกทุนนิยม คนทั่วโลกก็มีความคิดที่จะสะสมโภคทรัพย์ให้มากๆ เหมือนกันหมด ขนาดของธุรกิจก็ใหญ่ขึ้นมาก วงเงินเป็นหมื่นล้าน แสนล้าน ล้านล้าน มีอยู่มากมายในสหรัฐอเมริกา

แต่ในทศวรรษที่ผ่านมา ระบบทุนนิยมในอเมริกาและยุโรป ก็ประสบปัญหาล่มสลายลงในปี 2008 บริษัทยักษ์ใหญ่ต้องปิดตัวเองลง ไม่น้อยกว่า 140 แห่ง เช่น บริษัทลีแมนบราเดอร์, เมอริลลินส์, มอร์แกนสแตนเล่ย์, เจพีมอร์แกน, เอไอจี ฯลฯ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจขนาดใหญ่ บางแห่งอายุร้อยกว่าปีก็ต้องปิดตัวลง

คนอเมริกันตกงานประมาณ 25 ล้านคน บ้านและรถถูกยึดกันเป็นแถว เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตอย่างมากมาย เหตุนี้คนอเมริกันจึงเกิดความเครียดกันมาก ทุกคนต้องพยายามปรับตัวให้รอดพ้นจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่รุนแรง คนทำงานบริษัทห้างร้านต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2011โดยระดับความเครียดในการทำงานยังคงสูงอยู่

ตัวเลขของสถาบันความเครียดแห่งอเมริกา (American Institute of stress) เปิดเผยว่า คนอเมริกันทำงานเฉลี่ยสัปดาห์ละ 47ชั่วโมง ร้อยละ 40 ของคนอเมริกันมีปัญหาความเครียดจากการทำงาน และความเครียดที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อสุขภาพของคนทำงานโดยตรง ก่อให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆตามมา ทำให้เกิดความสูญเสียประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี

ในแง่ของการขาดงาน ความเบื่อหน่ายท้อแท้ในการทำงาน ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง อุบัติเหตุในระหว่างทำงาน และการเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำงานมีมากขึ้น การเปลี่ยนงานบ่อยมากขึ้น

ขณะเดียวกันก็มีการศึกษาถึงผลของการเจริญสติในคนทำงานในสำนักงาน ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจคือ การเจริญสติช่วยให้ความจำและสมาธิดีขึ้น ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆดีขึ้น การควบคุมอารมณ์ดีขึ้น ความเครียดลดลง การตัดสินใจดีขึ้น รู้จักคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น มีความเมตตากรุณามากขึ้น รวมทั้งสุขภาพกายและจิตโดยรวมก็ดีขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ความใส่ใจดูแลตนเองด้วย

ด้วยเหตุนี้ สถาบันความเครียดแห่งอเมริกาจึงสนับสนุนส่งเสริมให้มีการฝึกสมาธิและเจริญสติในที่ทำงาน (www.youtube.com/ Mindfulness : A Pathway for sustainable Business)

ดังนั้น ในบริษัทบางแห่งจึงเริ่มมีโปรแกรมการพัฒนาบุคลากรให้มีความเข้มแข็ง ในด้านสุขภาพกายและจิต เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ และมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น

มีโปรแกรมที่มีชื่อเสียง คือโปรแกรม Mindful Leadership ซึ่ง เจนิซ มาร์โทราโน (Janice Martorano) เป็นผู้คิดขึ้น เธอเป็นรองประธานบริษัท เยนเนอรัลมิลล์ มินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซต้า ผู้ผลิตอาหารเชอริออสซีเรียล และไอศกรีมฮาเก็น ดาส มีพนักงาน 3,000 คน

เป็นเพราะเจนิซดูแลงานฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล ดังนั้น เธอจึงนำการเจริญสติมาฝึกให้พนักงานในบริษัท โดยทางบริษัทได้สร้างห้องฝึกไว้ทุกอาคาร เพื่อให้พนักงานใช้เป็นสถานที่ฝึกได้ด้วยตนเองทุกวันอย่างสม่ำเสมอ

เจนิซพบว่า การเจริญสติช่วยลดความเครียดในการทำงานลง พนักงานมีสมาธิดีขึ้น สามารถสร้างสรรค์งานใหม่ๆได้ดี และใจเย็นมากขึ้น เป็นผู้ฟังที่ดีขึ้น มีความฉลาดทางอารมณ์มากขึ้น และมีความสุขในการทำงานมากขึ้นด้วย

ความจริงโปรแกรมนี้เธอริเริ่มตั้งแต่ปี 2006 ติดต่อกันมาจนถึงปี 2011 ต่อมาเธอได้ลาออกจากบริษัทเยนเนอรัลมิลล์ ซึ่งทำงานมาถึง 15 ปี เพื่อจัดตั้งสถาบันฝึกการเจริญสติสำหรับพัฒนาผู้นำองค์กร(instituteformindfulleadership.org) โดยเธอเป็นผู้อำนวยการทำงานเต็มเวลา

องค์กรนี้เป็นองค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไร มีพันธกิจในการพัฒนาผู้นำองค์กรสู่ความเป็นเลิศ ด้วยการเจริญสติ ทั้งภาครัฐและเอกชน

ก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นคณะกรรมการอาสาสมัครของศูนย์การเจริญสติทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ ในการนำโปรแกรมการเจริญสติเพื่อลดความเครียด (Mindfulness – Based Stress Reduction Programหรือ MBSR) ซึ่งศาสตราจารย์จอน คาแบคซิน เป็นผู้พัฒนาขึ้นมาใช้รักษาคนไข้ และฝึกให้บุคคลทั่วไป ซึ่งเธอเองก็ผ่านการฝึกอบรมจากที่นี่

โปรแกรมการเจริญสติเพื่อลดความเครียดเริ่มในปี 1979 จนปัจจุบันได้ฝึกครูผู้สอนการเจริญสติ ไม่น้อยกว่า 1,000 คน กระจายไปใน 30 ประเทศ และประชาชนทั่วไปไม่น้อยกว่า 1 แสนราย ได้รับการฝึกผ่านโปรแกรมนี้

โปรแกรมนี้จึงเป็นโปรแกรมสอนการเจริญสติที่มีชื่อเสียงของอเมริกาตั้งแต่นั้นมา และเป็นโปรแกรมต้นแบบที่ครูผู้สอนการเจริญสติในอเมริกามักจะต้องผ่านหลักสูตรนี้เสมอ

เจนิซมีประสบการณ์สอนการเจริญสติในที่ทำงานไม่น้อยกว่า 10 ปี งานของเธอปรากฏใน BBC, Huff Post Live, Nytimes, Financial times, LA times เป็นต้น หนังสือของเธอ Finding the Space to Lead จะตีพิมพ์ออกจำหน่ายในเดือนมกราคมปี 2014 (สามารถฟังคำบรรยายได้ใน youtube.com/mindful Leadership : Finding the space to lead)

มีอีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ บริษัท กูเกิล (Google) search engine ยักษ์ใหญ่ของอเมริกา ผู้ให้บริการเครื่องมือในการค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต ก็มีการพัฒนาบุคลากรโดยใช้การฝึกการเจริญสติอย่างจริงจังเหมือนกัน

โปรแกรมของเขาเรียกว่า Search inside Yourself ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดย ชาด หมิง ตัน (Chade Meng Tan) ชาวจีนสิงค์โปร์ ซึ่งเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์หมายเลข 107 ของกูเกิล เขาทำงานเป็นวิศวกรรุ่นแรกๆของกูเกิล ซึ่งระยะแรกมีพนักงานร้อยกว่าคน และมีเฉพาะในอเมริกา แต่ปัจจุบันมีเป็นหมื่นคนกระจายทั่วโลก

หมิงเป็นคนเอเชียที่มีจิตวิญญาณแบบตะวันออกอย่างเต็มเปี่ยม เขาสนใจศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรมตั้งแต่เป็นนักศึกษาอยู่ในสิงค์โปร์ และหลังจากจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยนานยาง ในสิงค์โปร์ เขาก็ไปเรียนต่อปริญญาโท สาขาเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาร์บารา

หลังจากนั้น เขาเข้าทำงานในบริษัทคอมพิวเตอร์หลายแห่ง ในฐานะวิศวกรซอฟแวร์ เขาเริ่มงานที่กูเกิลในปี 2000 โดยใช้เวลา 14 ปี ไต่เต้าจากวิศวกรระดับล่างจนถึงระดับบริหาร ปัจจุบัน เขาเป็นระดับบริหารอยู่ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล ตำแหน่งของเขาเรียกว่า Google’s Jolly good Fellow

เขาใช้โปรแกรม Search Inside Yourself พัฒนาโดยมีหลักการอยู่ 3 ประการ คือ

ขั้นแรก ฝึกให้เจ้าหน้าที่มีสติจดจ่อกับปัจจุบันให้ได้ (Attention) เพราะเขาเห็นว่า จะทำให้จิตมีสมาธิ ทำให้เกิดความผ่อนคลาย ไม่เครียด ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญ ทำให้สามารถพัฒนาได้

ขั้นที่สองคือ ฝึกให้มีสติในการมองเห็นอารมณ์ในใจตนเอง (Self- Awareness) เช่นเวลาโกรธก็กำหนดรู้ได้ทัน รู้อารมณ์ตัวเอง ซึ่งจะเป็นการพัฒนาอีคิว ทำให้มีอีคิวดี และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีความสุขในการทำงาน สามารถคิดสร้างนวัตกรรมใหม่ๆได้

และขั้นสุดท้ายคือ ฝึกต่อยอดให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทมีอุปนิสัยการเป็นคนมีเมตตากรุณา รู้จักเห็นใจผู้อื่น มีจิตอาสาช่วยเหลือผู้อื่น รู้จักการให้ ซึ่งขั้นนี้จะง่ายขึ้นหลังจากฝึก 2 ขั้นแรกได้ดี

หมิงกล่าวว่า หลักการพัฒนาของเขาคือ ฝึกสติปัญญา เปิดหัวใจ แล้วสร้างโลกให้เกิดสันติสุข (Enlighten Mind, Open Heart, Creat World Peace) เราเข้าไปฟังคำบรรยายของเขาได้ใน youtube.com/เรื่อง Conversation on compassion : Chade-Meng Tan, Google’s Jolly

นอกจากงานที่กูเกิลแล้ว ในปี 2012 เขาร่วมกับเพื่อนๆร่วมตั้งสถาบันพัฒนาบุคลากร ให้กับบริษัทต่างๆในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ชื่อ Search Inside Yourself Leadership Institute ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไร (สามารถดูข้อมูลและฟังคำบรรยายได้ใน www.siyli.org)

ปัจจุบันนี้ บริษัทธุรกิจใหญ่ในอเมริการ้อยละ 25 จะมีโปรแกรมฝึกการเจริญสติให้แก่พนักงาน วิลเลี่ยม จอร์จ กรรมการบริหารของโกลแมน แซค ซึ่งเริ่มฝึกสมาธิตั้งแต่ปี 1974 จนถึงปัจจุบันก็ยังฝึกเจริญสติเป็นประจำทุกวัน กล่าวว่า

“การเจริญสติช่วยให้คุณมีสมาธิอยู่กับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ ซึ่งมันทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานดีขึ้น การตัดสินใจก็ดีขึ้น คุณจะเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี มันทำให้คุณสามารถอยู่กับความวุ่นวายในชีวิตของการทำธุรกิจได้”

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 162 มิถุนายน 2557 โดย นพ.แพทย์พงษ์ วรพงศ์พิเชษฐ)
บรรยากาศการฝึกเจริญสติของพนักงานบริษัทเยนเนอรัลมิลล์
บรรยากาศการฝึกเจริญสติของพนักงานบริษัทเยนเนอรัลมิลล์
เจนิช  มาร์โทราโน
เจนิช  มาร์โทราโน
หนังสือของ เจนิช  มาร์โทราโน
ชาด หมิง ตัน  วิศวกรซอฟแวร์ แห่งกูเกิล ผู้นำการฝึกการเจริญสติในที่ทำงาน
หมิงกำลังบรรยายเรื่อง Search Inside Yourself และเรื่องความเมตตากรุณา
พนักงานกูเกิลในเวียดนามเข้ารับการอบรมเจริญสติจากท่านติช นัท ฮันห์ และหมิง
หมิงกับองค์ทะไล ลามะ
หมิงกับท่านติช นัท ฮันห์
หมิงกับ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
จิมมี่ คาร์เตอร์ เขียนคำนิยมให้หนังสือของหมิง

กำลังโหลดความคิดเห็น