ปีใหม่มาถึงแล้ว ใครๆก็อยากมีชีวิตใหม่ที่สดใสเบิกบานกว่าเก่า
เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น จึงก้มหน้าก้มตาทำงานหนัก เพื่อหาเงินหาทองมาไว้ใช้ เรียกว่าทำงานหนักกันตลอดปีตลอดชาติ โดยหลงเข้าใจว่า ความร่ำรวยเท่านั้นที่จะบันดาลให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่าเดิมได้ ทั้งๆที่คำตอบของการมีชีวิตที่ดีขึ้นนั้น ไม่ได้หมายความว่า ต้องร่ำรวยเพียงอย่างเดียว
เพราะไม่รวยก็มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ลองทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้ดูแล้วจะเห็นผล
1. ทำงานหนัก
การทำงานหนักไม่ได้หมายถึงการทำให้ตัวเองเหน็ดเหนื่อย เพราะถึงแม้จะไม่ได้ทำงานหนัก แต่การเป็นคนใจร้อน เจ้าอารมณ์ ขี้โมโห อยู่ตลอดเวลา ก็ทำให้ตัวเองเหนื่อยล้าได้มากกว่าการทำงานหนักด้วยซ้ำ
แต่การทำงานหนักมักทำให้คุณรู้สึกดีๆและมีกำลังใจเมื่อเห็นผลที่ได้รับ การทำงานหนักไม่เคยทำให้ใครเสียประโยชน์ ตรงกันข้ามกลับมีแต่ได้ประโยชน์ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะงานในที่ทำงานเท่านั้น แต่รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น งานอดิเรก งานบ้าน เลี้ยงลูก ฯลฯ หรืองานอะไรก็ตามที่เมื่อทำแล้ว คุณรู้สึกได้ถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้น
2. มีเพื่อนดีๆเคียงข้าง
เพื่อนมีความสำคัญมากกว่าที่คิด ไม่มีใครในโลกที่ไม่มีเพื่อน แต่การมีเพื่อนนั้น ต้องเลือกมีเพื่อนดีๆ ที่เรียกว่า กัลยาณมิตร ซึ่งไม่ใช่เพื่อนกินหรือเพื่อนเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพื่อนที่สามารถพึ่งพาได้ทั้งยามทุกข์และยามสุข และควรมีเพื่อนสนิทอย่างน้อย 2 คนที่พูดคุยกันได้สารพัดเรื่อง
การแชร์ปัญหาและความสำเร็จกับเพื่อน ถือเป็นเรื่องจำเป็น เพราะกัลยาณมิตรเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณก้าวเดินในทางที่ถูกต้อง คอยให้กำลังใจยามล้มเหลว ให้ข้อคิดยามอ่อนล้า ดังนั้น มองดูรอบๆว่า ใครเป็นกัลยาณมิตรที่จะอยู่เคียงข้างบ้าง
3. ทิ้งสิ่งไม่ดี
ขั้นตอนแรกที่จะทำให้มีความสุขคือ ทิ้งสิ่งที่ไม่ดีในชีวิตออกไป
การจะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ จำเป็นต้องปล่อยวางสิ่งที่เหนี่ยวรั้งไว้ เพราะบ่อยครั้งที่ความทุกข์ยาก ความเจ็บปวด ความอยุติธรรม ที่ผ่านมาในชีวิต เป็นตัวดึงให้ชีวิตตกต่ำดำดิ่ง
และแม้ว่าการปล่อยวางเรื่องเลวร้ายในอดีต ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณทำได้แน่นอน ด้วยการอยู่กับสิ่งที่เป็นปัจจุบัน และมองไปข้างหน้า จำไว้ว่า ต้องก้าวข้ามสิ่งเลวร้ายทั้งหลายไปให้ได้ เพื่อมุ่งสู่จุดหมายที่ดีในวันข้างหน้า
4. ปรับตัวเอง
แม้ว่าการมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องดี แต่บางครั้งการอยู่ท่ามกลางสิ่งที่ไม่ชอบใจทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน คำติเตียน ความยากลำบาก ฯลฯ ก็อาจทำให้รู้สึกแย่ๆได้
ในสภาพการณ์เช่นนี้ โปรดจำไว้ว่า เมื่อเราไม่สามารถเลือกอยู่กับสิ่งที่ชอบได้ทั้งหมด และไม่สามารถปรับเปลี่ยนคนอื่นหรือสิ่งอื่นได้ เราก็ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับสิ่งนั้นๆ และเมื่อทำได้ ก็จะไม่มีใครหรืออะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก ชีวิตก็จะดีขึ้นทันตาเห็น พึงระลึกถึงกฎของธรรมชาติที่ว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีหยุดนิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา”
5. ลงมือทำ
การมองหรือวาดฝันถึงอนาคตเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่ามัวฝันหรือสร้างวิมานในอากาศ โดยไม่ลงมือทำเสียที
บางคนอาจอ้างว่ามีเงินหรือความรู้ไม่พอที่จะทำ จึงผลัดไปเรื่อยๆ แต่เชื่อเถอะ ข้ออ้างที่จะไม่ลงมือทำนั้น จะมีมาเรื่อยๆจนกระทั่งไม่มีโอกาสได้ทำ
ดังนั้น เพื่อให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น ไปถึงฝันที่วาดไว้ ต้องลงมือตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เริ่มต้นก้าวแรก ด้วยการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำสิ่งที่คุณสามารถทำให้สำเร็จได้ ตั้งใจทำเช่นนี้ทุกๆวัน แล้วความฝันจะเป็นจริงในที่สุด
6. อารมณ์ต้องไม่อยู่เหนือเหตุผล
การสร้างสมดุลระหว่างอารมณ์และเหตุผล เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งให้ชีวิตดีขึ้นได้ เนื่องจากการมีเหตุผล ช่วยให้สามารถวางแผนเพื่อมุ่งสู่จุดหมายได้อย่างงดงาม ส่วนอารมณ์ช่วยให้เข้าใจถึงสิ่งที่ฝันจะทำ ทั้งสองสิ่งนี้จึงสะท้อนภาพรวมให้เห็นว่า เราเป็นใครและต้องการอะไรในชีวิต
ที่สำคัญ จงอย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล และทำอย่างเต็มความสามารถ เช่น วันที่รู้สึกดีๆ เรายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ถ้าวันไหนแย่ๆ ก็ต้องยิ้มได้เช่นกัน
7. หาที่พักใจ
ที่พักกายคือบ้าน แต่ที่พักใจคือสถานที่ที่ทำให้ใจได้สัมผัสถึงความรู้สึกสงบ อบอุ่น ผ่อนคลาย เช่น คนที่ชอบอยู่กับธรรมชาติ การได้อยู่กับต้นไม้ดอกไม้นานาชนิด ฟังเสียงนกร้อง ก็ช่วยให้ผ่อนคลาย หรืออ่านหนังสือเล่มโปรด ฟังเพลงเพราะๆ หรือแม้แต่การทำสมาธิภาวนา ก็สร้างความสุขใจได้เช่นกัน
ดังนั้น ยามที่ใจเหนื่อยล้า จงมองหาที่พักใจที่ทำให้มีความสุข และใช้เวลาอยู่ตรงนั้น เพื่อชาร์จใจให้มีพลังพร้อมเดินหน้าต่อไป
8. ไม่มีอะไรเพอร์เฟ็ค
อีกหนึ่งอุปสรรคใหญ่ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะขัดขวางไม่ให้ชีวิตดีขึ้น ก็คือ ความสมบูรณ์ ไร้ที่ติ ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งนี้เป็นเรื่องดี ถ้าไม่ยึดมั่นถือมั่นจนเกินไป เพราะมีหลายคนติดนิสัยว่า ถ้าจะทำอะไร ต้องเพอร์เฟ็คสุดๆ จึงทำให้ไม่กล้าลงมือทำเสียที เพราะกลัวไปไม่ถึงมาตรฐานที่ตั้งไว้
พึงรู้ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครหรืออะไรที่จะสมบูรณ์แบบไปซะทั้งหมด เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรนำเรื่องนี้มาเป็นเป้าหมาย แต่ควรเลือกทำสิ่งที่จำเป็นก่อน ทำสิ่งที่คุ้มค่าคุ้มความพยายาม ซึ่งไม่เพียงจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นเท่านั้น แต่คนรอบข้างก็พลอยได้รับผลดีไปด้วย
9. ก้าวออกจากสิ่งที่คุ้นเคย
การออกจากสิ่งที่คุ้นเคย อาจดูน่ากลัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเอง
จำไว้ว่า ไม่มีใครที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือเติบโตไปกว่านี้ได้เลย หากไม่ก้าวออกจากพื้นที่ที่คุ้นเคย ที่ให้ความอุ่นใจ แต่บางครั้งก็ไม่ส่งผลดี
ลองหากิจกรรมใหม่ๆทำ ไปสถานที่ที่ไม่เคยไปบ้าง เปิดใจคบเพื่อนใหม่ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยให้มีพัฒนาการและทักษะที่จำเป็นเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
10. ช่วยเหลือคนอื่น
การหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง จนลืมมองคนรอบข้าง ไม่ใช่เรื่องดี อย่าลืมว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้ การเหลียวแลช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นในสิ่งที่สามารถทำได้ จะส่งผลให้ทั้งตัวเราและผู้อื่นดีขึ้นอย่างแน่นอน
การช่วยเหลือผู้อื่นอาจเริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น ลุกให้ผู้อื่นนั่งในรถโดยสาร ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ เช่น เป็นอาสาสมัครช่วยกิจกรรมสังคม เหล่านี้ล้วนทำให้เราเห็นคุณค่า และเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 157 มกราคม 2557 โดย ประกายรุ้ง)