xs
xsm
sm
md
lg

“จัสติน เตชะไพบูลย์” หนุ่มผู้ลุ่มหลงไวน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จัสติน-จตุพร เตชะไพบูลย์
 
“ไวน์” เมรัยอมตะ ที่ใครได้ลิ้มรสแล้วเป็นต้องลุ่มหลง เสน่ห์ความรื่นรมย์ของไวน์นั้น ไม่ได้มาจากการดื่มเพียงอย่างเดียว แต่ความลึกลับซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ในน้ำไวน์ต่างหาก กลายเป็นความท้าทายและเชิญชวนให้รักจนถอนตัวไม่ขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจ ที่คนรักความท้าทายและชอบค้นหา มักตกหลุมรักไวน์ได้ง่าย...เฉกเช่น จัสติน-จตุพร เตชะไพบูลย์ ที่เติบโตและหลงรักไวน์มาตั้งแต่เด็ก

 
จัสติน เป็นลูกชายของ ชวลิต เตชะไพบูลย์ ทายาทตระกูลเตชะไพบูลย์ที่ร่ำรวยมากจากธุรกิจสุรา เขาเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ไวน์กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตว่า เติบโตมากับครอบครัวที่ทำธุรกิจเครื่องดื่มแฮลกอฮอล์ และเมื่อปี 1986 ชวลิต ผู้เป็นพ่อ หันมาให้ความสนใจเรื่องไวน์ ถึงขั้นสะสมและนำเข้าไวน์มาขายในเมืองไทย ดังนั้น เมื่อจัสตินลืมตาดูโลกเมื่อปี 1988 และเริ่มรู้ความทุกครั้งที่บ้านมีงานปาร์ตี้ เขาจะมีโอกาสได้ลิ้มรสไวน์หลากหลายชนิดที่คุณพ่อมี นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการพบกับระหว่างเขากับไวน์

แต่จัสตินมีโอกาสทำความรู้จักกับเมรัยอมตะนี้มากขึ้น เมื่อตอนที่เขาไปศึกษาต่อที่บอสตัน สหรัฐอเมริกา “ไวน์ที่โน่นราคาถูกไม่แพงเหมือนบ้านเรา ที่ต้องเสียภาษีสูงมาก เลยทำให้ผมซื้อมาดื่มได้ ทำให้รู้ว่าไวน์อเมริกาถือว่ามีคุณภาพเหมือนกัน ผมอยู่ที่นั่นมีเงินประมาณ 200 เหรียญ ก็ได้ดื่มไวน์ชั้นดีเทียบเท่าของฝรั่งเศส ถือว่าราคาย่อมเยาที่สุดแล้ว ตั้งแต่นั้นก็ดื่มเรื่อยมา” จัสตินกล่าวพร้อมรอยยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี

 
เมื่อติดกับเสน่ห์ของไวน์ จากที่แค่ดื่มด่ำในรสชาติให้พอมีความสุข เขาก็เริ่มศึกษาไวน์อย่างจริงจัง ระหว่างที่เรียนอยู่ที่บอสตันนั้น ช่วงปิดเทอมคุณพ่อส่งเขาไปฝึกงานและเรียนรู้เรื่องไวน์ ที่ นาป้า แหล่งผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา

เขาไม่ได้ถูกส่งไปดูงานเหมือนดีลเลอร์ทั่วๆ ไป แต่จัสตินบอกว่า ภารกิจครั้งนั้นหนักหนามาก เพราะต้องไปทำงานกับชาวไร่เม็กซิกัน ตื่นตีสี่เพื่อเก็บองุ่นจนถึงเที่ยง ยกถังไม้โอ๊คขนาดใหญ่เพื่อมาล้าง ฯลฯ

 
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงเดือนครึ่ง แต่จัสตินบอกว่า นั่นถือเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญ ที่ทำให้เขารู้จักไวน์อย่างถ่องแท้ ตั้งแต่สายพันธุ์องุ่น กระบวนการผลิต การตลาด ประเมินราคาไวน์ วิเคราะห์ จัดการซื้อ การสต็อกของ และราคาในตลาดประมูล

“ผมชอบตอนที่อยู่ในไร่ ได้เรียนรู้เรื่องการปลูกไวน์ในแบบโลกเก่าโลกใหม่ ได้รู้จักสายพันธุ์องุ่น เรื่องดิน ปลูกให้ได้ผลดีระยะห่างของแต่ละต้นต้องไม่เท่ากัน ระยะเวลาการเก็บเกี่ยวองุ่น เอามาคั้น หมัก บ่ม เหนื่อยนะครับ แต่สนุกมาก”

 
เมื่อเรียนจบกลับมาเมืองไทย จัสตินได้เข้ามาช่วยงานของคุณพ่อที่ บริษัท แอมโบรส ไวน์ จำกัด ตัวแทนนำเข้าและจำหน่ายไวน์และสุรา ในตำแหน่งแบรนด์แมเนเจอร์ ทำให้เขาได้มีโอกาสศึกษาเรื่องไวน์และวิสกี้มากยิ่งขึ้น แต่ผู้ที่ถือเป็นครูในเรื่องไวน์ให้กับจัสติน คือ คุณพ่อชวลิต ที่ได้ชื่อว่าเป็นเซียนนักสะสมไวน์ระดับประเทศ เพราะทุกครั้งที่พ่อลูกคู่นี้เปิดไวน์ดื่มกัน คุณพ่อจะถ่ายทอดประสบการณ์เรื่องไวน์ให้กับเขาเป็นประจำ

“ผมชอบดื่มกับคุณพ่อ เพราะได้ดื่มไวน์ดีๆ (อมยิ้ม) พ่อไม่ชอบไวน์ใหม่แต่จะชอบไวน์เก่ามีอายุ 8 ปีขึ้นไป เวลาดื่มพ่อจะมีคำแนะนำให้มากมาย เช่นให้ดูขวดไวน์ ถ้าขวดหนาสีทึบถือเป็นไวน์ที่ผลิตมาเพื่อให้เก็บ”

 
สำหรับประสบการณ์เกี่ยวกับไวน์ที่ประทับใจ จัสตินเล่าว่าไวน์เหมือนผู้หญิงที่เข้าใจยาก ครั้งหนึ่งคุณพ่อชวลิตเปิดไวน์ขวดหนึ่งที่มี โรเบิร์ต ปาร์กเกอร์ กูรูไวน์ที่ให้คะแนนถึง 96 แต้ม “ตอนนั้นคุณพ่อเปิดไวน์ขวดหนึ่งมาดื่ม ปรากฏว่าดื่มยังไงก็ไม่ใช่ ไม่ถูกปาก จนทุกคนถอดใจไม่รอแล้วกลับกันหมด เหลือแต่ผมนั่งดื่มคนเดียว พอก่อนกลับผมนึกในใจขอลองอีกแก้ว เชื่อมั๊ยครับ แก้วสุดท้ายนั่นแหละใช่เลย คือขวดนั้นใช้เวลาให้ไวน์ได้หายใจนานกว่าปกติถึง 2 ชั่วโมง จึงได้รสชาติ”

ส่วนไวน์ขวดที่ประทับใจที่สุด จัสตินบอกว่า ไวน์แต่ละที่ แต่ละขวดมีความพิเศษต่างๆ กัน แต่ขวดที่ชอบคงเป็นขวดที่พ่อมาเปิดในงานฉลองวัดเกิดของเขา คือ CHAMPAGNE KRUG 1988 และ MONOPOLE 1988 ส่วนอีกขวดเป็นไวนที่ซื้อเอง เป็นไวน์แดง INSIGNIA ปี 2004 สนนราคารวมกันแสนกว่าบาททีเดียว

 
ตอนนี้จัสตินจัดเป็นคอลเลกเตอร์ไวน์มือใหม่ เขาถ่อมตัวว่า “ไม่ถึงขั้นเรียกว่าสะสม การสะสมได้ต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่ผมมีเงินน้อยก็สะสมไวน์ราคาถูกซึ่งเป็นไวน์โลกใหม่ไปก่อน”
ทุกวันนี้จัสตินจึงมีความสุขและสนุกกับการเดินทางไปญี่ปุ่น ฮ่องกงและสิงคโปร์ เพื่อเสาะหาไวน์มาสะสม “เวลาไปประเทศไหน เจอไวน์ถูกใจ ไม่ต้องหิ้วกลับเมืองไทย เราซื้อเก็บไว้ที่นั่นได้เลย ประเทศที่ให้ความสำคัญกับไวน์ เขาจะมีบริษัทรับจัดเก็บดูแลไวน์ให้เราอย่างดี ราคาดูแลจะคิดเป็นขวดถูกกว่า คุ้มกว่าสร้างห้องเก็บเองด้วยซ้ำ”

 
ด้วยอายุที่ยังน้อยนัก หากแต่ประสบการณ์และความรู้เรื่องไวน์ไม่ได้น้อยตาม จัสตินบอกว่า เขาชื่นชอบและยกให้ไวน์โลกเก่าเป็นสุดยอดแห่งไวน์

“ไวน์โลกเก่าในยุโรปค่อนข้างคลาสสิก คือเขาผลิตกันมาหลายร้อยปี แข่งกันคัดสายพันธุ์ที่ดีที่สุด ปลูกในผืนดินที่ดีที่สุด บางไร่พื้นดินห่างกันนิดเดียว พอเก็บมาหมักรสชาติก็ไม่เหมือนกันแล้วครับ ถ้าเปรียบเหมือนผู้หญิงกว่าจะได้มาก็คือ คัดจนสวย อาจจะบอบบางบาดเจ็บง่าย แต่น่าค้นหา ได้กลิ่นครั้งแรกยังไม่รู้สึก รินใส่แก้วค่อยๆ แกว่งไป กลิ่นก็จะค่อยๆ เปลี่ยนไปจนถึงจุดที่ดีที่สุด เหมือนชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ ตรงนี่ผมว่ามันท้าทาย ส่วนไวน์โลกใหม่รสชาติมันชัดเจนจัดจ้าน เปิดมาแล้วอร่อยตั้งแต่แก้วแรก ก็จะอร่อยไปจนถึงแก้วสุดท้าย แต่ถ้าเจอไม่อร่อยตั้งแต่แก้วแรก รอถึงแก้วสุดท้ายก็ไม่อร่อย”

 
จากเด็กหนุ่มที่ดูเรียบร้อยไม่ค่อยพูด เมื่อแรกพบ แต่เมื่อได้พูดคุยกันถึงเรื่องไวน์ให้เราฟัง ด้วยสีหน้าและแววตาของเขา กลับมีความสุข ทำให้เราได้รู้ว่า “จัสติน” นับเป็นอีกหนึ่งหนุ่ม ที่ตกหลุมรักไวน์ ไม่แพ้ผู้เป็นพ่อ โดยเขายังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ถ้าได้เจอไวน์ที่ดีจริงๆ อร่อยสักขวดหนึ่ง ผมคงดีใจมากกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่เลยครับ”
กำลังโหลดความคิดเห็น